Chronological
1 จากยากอบผู้รับใช้ของพระเจ้า และของพระเยซูผู้เป็นพระคริสต์และองค์เจ้าชีวิต
ถึงคนทั้งสิบสองเผ่าของพระเจ้าที่ได้กระจัดกระจายไปทั่วโลก
สวัสดีครับ
ความซื่อสัตย์และความเฉลียวฉลาด
2 พี่น้องครับ เมื่อคุณถูกลองใจในเรื่องต่างๆ ก็ให้ถือว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดี 3 เพราะคุณก็รู้อยู่แล้วว่า การถูกลองใจนั้นจะทดสอบความเชื่อของคุณ ซึ่งจะช่วยให้คุณเกิดความอดทนอดกลั้น 4 คุณต้องเรียนรู้ที่จะอดทนอดกลั้นกับทุกอย่าง เพื่อจะได้เติบโตเป็นผู้ใหญ่เต็มที่ จะได้ไม่ขาดตกบกพร่องอะไรเลย 5 แต่ถ้าคนไหนในพวกคุณขาดความฉลาด ก็ให้ขอจากพระเจ้า แล้วพระองค์จะให้ เพราะพระองค์ใจดีและจะให้กับทุกคนโดยไม่ต่อว่าเลย 6 แต่คนนั้นจะต้องขอด้วยความเชื่อ อย่าสงสัยเลย เพราะคนที่สงสัยพระเจ้าก็เหมือนกับคลื่นในทะเลที่ถูกลมพัดซัดไปซัดมา 7 คนอย่างนั้นไม่ต้องหวังว่าจะได้รับอะไรจากองค์เจ้าชีวิตเลย 8 เพราะเป็นคนโลเล เอาแน่เอานอนไม่ได้สักเรื่อง
ความร่ำรวยที่แท้จริง
9 พี่น้องที่ยากจนก็ควรจะโอ้อวดที่พระเจ้าได้ทำให้เขาร่ำรวยฝ่ายวิญญาณ 10 ส่วนคนที่ร่ำรวย เมื่อพระเจ้าทำให้เขาตกต่ำลง ก็ควรจะโอ้อวดด้วยเหมือนกัน เพราะคนร่ำรวยนี้จะร่วงโรยไปเหมือนดอกหญ้า 11 เมื่อดวงอาทิตย์ขึ้น แสงแดดก็จะแผดเผาต้นหญ้าให้เหี่ยวแห้งไป ดอกของมันร่วงโรยไป และความสวยงามของมันก็ถูกทำลายไปจนหมดสิ้น คนรวยก็เหมือนกัน จะต้องตายไปในขณะที่กำลังวุ่นอยู่กับงานของเขา
การล่อลวงไม่ได้มาจากพระเจ้า
12 สำหรับคนที่ทนต่อการทดลองและการล่อลวงต่างๆได้ ก็ถือว่ามีเกียรติจริงๆเพราะเมื่อเขาผ่านการทดลองนี้ไปได้ เขาจะได้รับรางวัล[a]แห่งชีวิตแท้ เป็นรางวัลที่พระเจ้าได้สัญญาว่าจะให้กับคนที่รักพระองค์ 13 อย่าให้คนที่กำลังถูกล่อลวงพูดว่า “พระเจ้าล่อลวงฉัน” เพราะพระเจ้าจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องชั่วร้ายและพระองค์ก็ไม่เคยล่อลวงใครด้วย 14 แต่เป็นเพราะกิเลสของตัวเองต่างหากที่มาล่อลวงและชักนำให้หลงไป 15 เมื่อกิเลสตั้งท้อง มันก็จะคลอดความบาปออกมา แล้วเมื่อความบาปโตเต็มที่ มันก็จะคลอดความตายออกมา
16 พี่น้องที่รัก อย่าให้ถูกหลอกเอาล่ะ 17 ของดีๆและยอดเยี่ยมทุกอย่างลงมาจากพระเจ้าเบื้องบน พระองค์เป็นผู้สร้างดวงสว่างต่างๆในฟ้าสวรรค์ แต่พระองค์ไม่เหมือนกับดวงสว่างเหล่านั้นหรือเงาของมันที่เคลื่อนไหวไปมา เพราะพระองค์ไม่เคยเปลี่ยนแปลง 18 พระเจ้าได้เลือกเราให้เกิดเป็นลูกของพระองค์ โดยถ้อยคำแห่งความจริง เพื่อในสิ่งสารพัดที่พระเจ้าได้สร้างขึ้นมาแล้วนั้น เราจะเป็นสิ่งแรก[b]ที่ได้รับการสร้างขึ้นมาใหม่
ให้รับฟังและเชื่อฟัง
19 พี่น้องที่รัก จำไว้ว่าให้ทุกคนว่องไวในการฟัง ช้าในการพูด และช้าในการโกรธ 20 เพราะความโกรธนั้น ไม่ได้ช่วยทำให้ใครมีชีวิตที่พระเจ้าชอบใจหรอก 21 กำจัดความสกปรกเลวทรามทุกชนิดและความชั่วร้ายอันล้นเหลือออกจากชีวิตให้หมดสิ้น แล้วยอมรับให้ถ้อยคำของพระเจ้าฝังลงไปในใจคุณแทนอย่างสุภาพนอบน้อม เพราะถ้อยคำของพระเจ้าสามารถช่วยให้คุณรอดได้ 22 ให้ทำตามคำสั่งสอนของพระเจ้าอยู่เสมอ อย่าเอาแต่ฟังเฉยๆเพราะนั่นเป็นการหลอกตัวเอง 23 เพราะคนที่ฟังคำสั่งสอนของพระเจ้า แล้วไม่ทำตาม ก็เหมือนกับคนที่ส่องหน้าตัวเองในกระจก 24 พอส่องเสร็จ เดินไปก็ลืมแล้วว่าหน้าตาเป็นอย่างไร 25 แต่คนที่เอาใจใส่ในกฎของพระเจ้า เป็นกฎที่สมบูรณ์แบบและให้เสรีภาพ แล้วสำรวจมันอย่างถี่ถ้วน ไม่ใช่เป็นคนฟังที่ขี้หลงขี้ลืม แต่ทำตามคำสั่งสอน คนนั้นจะได้รับเกียรติในสิ่งที่เขาทำ
ศาสนาที่แท้จริง
26 ถ้าใครคิดว่าเขาเป็นคนเคร่งศาสนา แต่ไม่รู้จักควบคุมลิ้นของตัวเอง เขาก็หลอกลวงตัวเอง การเคร่งศาสนาของเขา ก็ไม่มีประโยชน์อะไรเลย
27 ศาสนาที่บริสุทธิ์ และแท้จริงตามแบบของพระเจ้าพระบิดา คือ การช่วยเหลือเด็กกำพร้าและแม่ม่ายที่เดือดร้อน และการรักษาตัวเองไม่ให้แปดเปื้อนกับความชั่วร้ายของโลกนี้
ความรักต่อผู้อื่น
2 พี่น้องครับ ในฐานะที่คุณเป็นผู้ที่เชื่อในพระเยซูคริสต์องค์เจ้าชีวิตผู้ยิ่งใหญ่ของเรา อย่าลำเอียง 2 สมมุติว่า มีชายคนหนึ่งเดินเข้ามาในที่ประชุมของคุณ เขาสวมใส่แหวนทองคำและเสื้อผ้าอย่างดี และมีคนจนคนหนึ่งเข้ามา สวมใส่เสื้อผ้าที่สกปรกมอมแมม 3 แล้วคุณก็เอาใจใส่คนที่แต่งตัวดีเป็นพิเศษ และพูดกับเขาว่า “เชิญนั่งตรงนี้ครับ” แต่คุณพูดกับคนยากจนว่า “ยืนอยู่นั่นแหละ” หรือ “มานั่งตรงพื้นนี่มา” 4 ถ้าคุณทำอย่างนั้น คุณก็แบ่งชนชั้นและตัดสินคนด้วยความคิดที่ชั่วร้าย
5 ฟังให้ดีนะ พี่น้องที่รัก พระเจ้าได้เลือกคนที่คนอื่นเห็นว่ายากจน ให้มาเป็นคนร่ำรวยในความเชื่อ และให้มารับอาณาจักรที่พระเจ้าได้สัญญาว่าจะให้กับคนที่รักพระองค์ 6 แต่คุณกลับดูถูกคนยากจนเหล่านั้น ก็ไม่ใช่พวกคนรวยหรอกหรือ ที่ข่มเหงและลากคอคุณไปขึ้นศาล 7 แล้วยังดูหมิ่นองค์เจ้าชีวิตของพวกคุณอีกด้วย
8 พระคัมภีร์ว่า “ให้รักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง”[c] ถ้าพวกคุณทำตามกฎข้อนี้ คุณก็ทำถูกต้องแล้ว 9 แต่ถ้าคุณลำเอียง คุณก็ทำบาปและถือว่าเป็นผู้ฝ่าฝืนกฎ 10 เพราะเมื่อคุณพยายามรักษากฎทุกข้อ แต่ผิดแค่ข้อเดียวก็ถือว่าผิดกฎทั้งหมดด้วย 11 เพราะพระเจ้าที่พูดว่า “อย่าเป็นชู้ผัวเมียเขา”[d] ก็พูดว่า “อย่าฆ่าคน”[e]ด้วย ถ้าคุณไม่ได้เป็นชู้ผัวเมียเขา แต่กลับไปฆ่าคน คุณก็กลายเป็นผู้ฝ่าฝืนกฎอยู่ดี 12 ไม่ว่าคุณจะพูดหรือทำอะไรก็ตาม ก็ให้จำเอาไว้ว่า พระเจ้าจะตัดสินคุณด้วยกฎที่จะทำให้คุณเป็นอิสระ 13 เพราะฉะนั้น คุณก็ควรมีเมตตากับคนอื่นด้วย ไม่อย่างนั้นพระเจ้าก็จะไม่เมตตาคุณเหมือนกัน แต่ถ้าคุณมีความเมตตา คุณก็ไม่ต้องกลัวคำตัดสินของพระเจ้า
ความเชื่อและการกระทำ
14 พี่น้องครับ มันจะมีประโยชน์อะไรกันถ้าคนหนึ่งอ้างว่า เขามีความเชื่อ แต่เขาไม่ทำอะไรเลย แล้วความเชื่อนั้นจะช่วยให้เขารอดได้หรือ เป็นไปไม่ได้ 15 ถ้าพี่น้องไม่มีเสื้อผ้าใส่ และไม่มีอาหารกิน 16 แล้วคุณคนหนึ่งพูดว่า “ขอให้มีความสุข ขอให้อบอุ่นกายและขอให้อิ่มหนำสำราญ” แต่ไม่ช่วยอะไรเลย แล้วมันจะมีประโยชน์อะไร 17 ความเชื่อก็เหมือนกัน ถ้าไม่มีการกระทำด้วย ก็ตายแล้วในตัวของมันเอง
18 อาจจะมีบางคนพูดว่า “คนหนึ่งมีความเชื่อ อีกคนมีการกระทำ” ผมจะบอกเขาว่า “ไหน แสดงความเชื่อของคุณที่ไม่ต้องทำอะไรเลยให้ดูหน่อย แล้วเดี๋ยวผมจะแสดงความเชื่อที่คู่กับการกระทำของผมให้คุณดู” 19 คุณเชื่อว่ามีพระเจ้าเพียงองค์เดียวหรือ ดีจังเลย โธ่เอ๋ย แม้แต่พวกปีศาจก็เชื่ออย่างนั้นเหมือนกัน แล้วมันก็กลัวจนตัวสั่นด้วย
20 เจ้าคนโง่ อยากรู้หรือว่าความเชื่อที่ไม่ต้องทำอะไรเลยนั้น มันไม่ดีตรงไหน 21 พระเจ้ายอมรับอับราฮัมบรรพบุรุษของเรา ก็เพราะการกระทำของท่าน ตอนที่ท่านถวายลูกชายคืออิสอัคบนแท่นบูชา 22 เห็นไหมว่า ความเชื่อกับการกระทำของท่านนั้นไปด้วยกัน และเพราะการกระทำนั้นเอง จึงทำให้ความเชื่อของท่านสมบูรณ์ 23 นี่ทำให้เห็นชัดเจนถึงความหมายของข้อพระคัมภีร์ที่ว่า “อับราฮัมเชื่อพระเจ้า และความเชื่อของท่าน ก็ทำให้พระเจ้ายอมรับท่าน”[f] และด้วยเหตุนี้ ท่านถึงได้ชื่อว่าเป็น “เพื่อนของพระเจ้า”[g] 24 เห็นไหมว่า คนที่พระเจ้าจะยอมรับนั้น จะต้องมีการกระทำด้วย ไม่ใช่มีแต่ความเชื่อเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
25 ดูอย่างราหับสิ เธอเป็นหญิงโสเภณี แต่พระเจ้าก็ยอมรับเธอเพราะการกระทำของเธอ ตอนที่เธอให้ที่พักกับพวกผู้สอดแนม และช่วยให้พวกเขาหลบหนีไปทางอื่น
26 ดูอย่างร่างกายที่ไม่มีวิญญาณสิ ก็ตายแล้ว ความเชื่อที่ไม่มีการกระทำก็ตายแล้วเหมือนกัน
ให้ระมัดระวังคำพูด
3 พี่น้องครับ อย่าอยากเป็นครูกันมากนักเลย เพราะรู้กันอยู่แล้วว่า พวกครูทั้งหลายจะถูกตัดสินเข้มงวดกว่าคนอื่นๆ 2 เพราะเราทุกคนทำผิดพลาดกันอยู่เรื่อย ถ้าใครที่บังคับลิ้นไม่ให้พูดผิดพลาดได้ คนๆนั้นก็เป็นคนดีพร้อม เขาก็จะบังคับส่วนอื่นๆในตัวเขาได้ด้วย 3 ดูอย่างม้าสิ ถ้าเราอยากให้มันเชื่อฟัง เราก็เอาบังเหียนใส่ไว้ในปากของมัน เท่านี้เราก็บังคับมันได้ทั้งตัวแล้ว 4 ดูอย่างเรือสิ ถึงแม้จะลำใหญ่โตแล่นไปด้วยกระแสลมแรง แต่ก็ถูกบังคับด้วยหางเสืออันเล็กๆเท่านั้น คนขับก็บังคับให้แล่นไปไหนมาไหนได้ตามชอบใจ 5 ก็เหมือนกับลิ้น ถึงแม้จะเป็นอวัยวะเล็กๆแต่โม้เรื่องใหญ่โตได้ คิดดูสิ ไฟป่าที่ลุกลามใหญ่โตนั้นเกิดจากเปลวไฟเล็กๆเท่านั้น 6 ลิ้นก็คือไฟนี่แหละ มันเป็นโลกของความชั่วร้าย ที่อยู่ท่ามกลางอวัยวะอื่นๆของร่างกายเรา และมันทำให้ทั้งร่างของเราเสื่อมไป มันเผาเราทั้งชีวิตด้วยไฟที่ตรงมาจากนรก 7 สัตว์ทุกชนิดทำให้เชื่องได้ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น นก สัตว์เลื้อยคลาน และสัตว์น้ำ แล้วก็มีคนเคยทำให้พวกมันเชื่องมาแล้วด้วย 8 แต่กับลิ้นนี่ ไม่มีใครทำให้มันเชื่องได้เลย มันดุร้ายและชั่วช้า เต็มไปด้วยพิษสงถึงตายได้ 9 เราใช้ลิ้นสรรเสริญองค์เจ้าชีวิต และพระบิดา และเราก็ใช้มันสาปแช่งคนที่พระเจ้าสร้างมาตามแบบของพระองค์ด้วย 10 ปากอันเดียวกันนี้แหละ ที่มีทั้งคำสรรเสริญ และคำสาปแช่งออกมา ขออย่าให้เป็นอย่างนี้เลยครับพี่น้อง 11 จะให้น้ำจืดและน้ำเค็มพุ่งออกมาจากตาน้ำอันเดียวกันได้อย่างไร 12 พี่น้องครับ จะให้ต้นมะเดื่อออกลูกเป็นมะกอกเทศ หรือจะให้ต้นองุ่นออกลูกเป็นมะเดื่อได้อย่างไร เป็นไปไม่ได้ น้ำพุที่ให้น้ำเค็มจะให้น้ำจืดด้วย ก็เป็นไปไม่ได้เหมือนกัน
สติปัญญาที่ถูกต้อง
13 ใครในพวกคุณที่คิดว่าตัวเองฉลาดและมีความรู้ความเข้าใจดี ก็ให้เขาแสดงออกโดยใช้ชีวิตอย่างถูกต้อง และถ่อมตัวทำทุกอย่างด้วยความฉลาด 14 แต่ถ้าคุณมีใจที่อิจฉาริษยาและเห็นแก่ตัว ก็ไม่น่าจะอวดฉลาด และพยายามปกปิดความจริง 15 ความฉลาดอย่างนี้ไม่ได้มาจากพระเจ้า แต่มาจากโลกนี้ ไม่ได้มาจากพระวิญญาณแต่มาจากปีศาจ 16 ที่ไหนที่มีแต่การอิจฉาริษยาและเห็นแก่ตัว ที่นั่นก็มีแต่ความวุ่นวาย และจะมีแต่เรื่องชั่วร้ายเต็มไปหมด 17 แต่ความฉลาดที่มาจากพระเจ้านั้น คุณสมบัติแรกคือความบริสุทธิ์ และต่อมาคือการสร้างความสงบสุข เห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน มีใจกว้างขวาง เต็มไปด้วยความเมตตา และเกิดผลดีมากมาย มีความยุติธรรม และซื่อสัตย์ 18 คนที่สร้างความสงบสุขด้วยสันติวิธี ก็จะได้เก็บเกี่ยวชีวิตที่พระเจ้าชอบใจ
ให้ถวายตัวต่อพระเจ้า
4 รู้หรือเปล่าว่า ที่พวกคุณทะเลาะวิวาทกันนั้น มันเกิดมาจากอะไร ก็เกิดจากกิเลสตัณหาที่ต่อสู้กันอยู่ในจิตใจของพวกคุณไง 2 คุณอยากได้ พอไม่ได้ก็เลยฆ่ากัน คุณอิจฉากัน ก็เลยทะเลาะวิวาทกัน ที่คุณไม่ได้ก็เพราะไม่ได้ขอจากพระเจ้า 3 แต่ที่คุณขอแล้วยังไม่ได้ ก็เพราะขอผิดๆ คิดไว้ว่าจะเอาไปสนองตัณหาของตัวเอง 4 พวกไม่ซื่อทั้งหลาย คุณไม่รู้หรือว่า การเป็นมิตรกับโลก[h] ก็เท่ากับเกลียดชังพระเจ้า ดังนั้นคนที่อยากเป็นมิตรกับโลก ก็เท่ากับทำตัวเป็นศัตรูกับพระเจ้า 5 คุณคิดว่าพระคัมภีร์เขียนเรื่อยเปื่อยไปหรืออย่างไร คุณคิดว่าวิญญาณที่พระเจ้าให้อาศัยอยู่ในพวกเรานั้น ขี้อิจฉาริษยาอย่างรุนแรงแบบนั้นหรือ ไม่ควรเป็นอย่างนั้นเลย 6 แต่พระเจ้าได้ให้ความเมตตามากยิ่งขึ้นไปอีก พระคัมภีร์ถึงได้พูดไว้ว่า “พระเจ้าต่อต้านคนหยิ่งยโส แต่พระองค์เมตตาปรานีกับคนที่อ่อนน้อมถ่อมตน”[i]
7 ดังนั้น ให้อุทิศตัวต่อพระเจ้าและต่อสู้กับมาร แล้วมันจะหนีไปจากคุณ 8 เข้ามาอยู่ใกล้ชิดกับพระเจ้า แล้วพระองค์จะเข้ามาอยู่ใกล้ชิดกับคุณ พวกคนบาปทั้งหลาย ล้างมือให้สะอาด และคนโลเลทั้งหลาย ทำใจให้บริสุทธิ์ 9 ให้เศร้าโศกเสียใจ และร้องไห้ ให้เปลี่ยนเสียงหัวเราะเป็นเสียงคร่ำครวญ ให้เปลี่ยนความสุขสนุกสนานเป็นความเศร้าหมอง 10 ให้ถ่อมตัวลงต่อหน้าองค์เจ้าชีวิต แล้วพระองค์จะยกคุณขึ้น
คุณไม่ใช่ผู้พิพากษา
11 พี่น้องครับ อย่าใส่ร้ายป้ายสีกันเลย เพราะคนที่ใส่ร้ายป้ายสีพี่น้อง หรือตัดสินพี่น้องของตน ก็เท่ากับว่ากำลังใส่ร้ายป้ายสีกฎที่สั่งให้เรารักกัน และตัดสินกฎด้วย และถ้าคุณตัดสินกฎ ก็แสดงว่าคุณไม่ได้เป็นคนทำตามกฎ แต่ทำตัวเป็นผู้ตัดสินซะเอง 12 ผู้ตั้งกฎ และผู้ตัดสิน มีเพียงผู้เดียวเท่านั้น คือพระเจ้า พระองค์เป็นผู้มีอำนาจที่จะช่วยให้รอดหรือทำลาย แล้วคุณเป็นใครถึงเที่ยวไปตัดสินคนโน้นคนนี้
ให้พระเจ้าเป็นผู้นำชีวิต
13 ฟังไว้ให้ดีๆนะ คนที่ชอบพูดว่า “วันนี้หรือพรุ่งนี้ เราจะไปเมืองนั้นเมืองนี้ อยู่ที่นั่นสักปี ค้าขายเอากำไร” 14 ตัวคุณเองก็ยังไม่รู้เลยว่า พรุ่งนี้ชีวิตของคุณจะเป็นอย่างไรบ้าง เพราะคุณเป็นเพียงแค่หมอก ที่เกิดขึ้นประเดี๋ยวเดียว แล้วก็จางหายไป 15 คุณควรจะพูดว่า “ถ้าเป็นความต้องการขององค์เจ้าชีวิต เราก็จะมีชีวิตอยู่และทำสิ่งนั้นสิ่งนี้” 16 แต่ตอนนี้ คุณกำลังคุยโม้โอ้อวด ถึงความเก่งกาจของคุณ ซึ่งเป็นสิ่งที่ชั่วร้ายนัก 17 ดังนั้น สำหรับคนที่รู้ตัวว่าอะไรเป็นสิ่งที่ดีที่ควรจะทำแต่ไม่ยอมทำ ก็ถือว่าคนนั้นกำลังทำบาป
คนรวยที่เห็นแก่ตัวจะถูกลงโทษ
5 คนรวยทั้งหลาย ฟังไว้ให้ดี ร้องไห้คร่ำครวญซะ เพราะความทุกข์ยากกำลังมาถึงคุณแล้ว 2 ในไม่ช้านี้ทรัพย์สมบัติของคุณก็จะเน่าเปื่อยไป และเสื้อผ้าของคุณก็จะถูกแมลงกัดกิน 3 เงินทองของคุณก็ขึ้นสนิมหมดแล้ว สนิมพวกนี้แหละที่จะใช้เป็นหลักฐานมัดตัวคุณในวันพิพากษา และมันจะกัดกินคุณเหมือนไฟ ดูสิ จนถึงยุคสุดท้ายนี้แล้ว คุณก็ยังก้มหน้าก้มตาสะสมมันอยู่อีก 4 ดูนั่นสิ ค่าแรงที่คุณโกงคนงานที่ถางหญ้าในทุ่งของคุณนั้น ได้ร้องออกมาแล้ว และเสียงร้องของคนงานพวกนี้ ก็ดังไปถึงหูขององค์เจ้าชีวิตผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นแล้ว 5 ในโลกนี้คุณใช้ชีวิตอย่างหรูหรา และหาความสุขให้กับตัวเอง กินจนอ้วนพีเหมือนวัวที่พร้อมจะเอาไปฆ่าแล้ว 6 คุณได้ตัดสินโทษ และฆ่าคนที่ไม่มีความผิดและไม่มีทางสู้
ให้อดทน
7 ดังนั้น พี่น้องครับ อดทนไว้จนกว่าองค์เจ้าชีวิตจะกลับมา จำไว้ว่าชาวนาที่รอคอยผลผลิตที่มีค่าจากผืนดินนั้น พวกเขาตั้งหน้าตั้งตาคอยอย่างอดทน ตั้งแต่ฝนต้นฤดูจนถึงฝนปลายฤดู 8 คุณก็เหมือนกัน ต้องรอคอยอย่างอดทนและทำใจให้เข้มแข็งไว้ เพราะใกล้ถึงวันที่องค์เจ้าชีวิตจะกลับมาแล้ว 9 พี่น้องครับ เลิกบ่นต่อว่ากันได้แล้ว เพื่อจะได้ไม่ถูกตัดสินลงโทษ ดูนั่นสิ ผู้พิพากษายืนอยู่ที่ประตูแล้ว 10 พี่น้องครับ เอาอย่างผู้พูดแทนองค์เจ้าชีวิตพวกนั้นสิ พวกเขาอดทนมาก ทั้งๆที่ต้องทนทุกข์กับเรื่องเลวร้ายมากมาย 11 เราถือว่าพวกคนที่อดทนอดกลั้นนั้นมีเกียรติจริงๆ คุณก็เคยได้ยินเรื่องความอดทนอดกลั้นของโยบ[j]มาแล้วนี่ และรู้ว่าตอนจบองค์เจ้าชีวิตได้ให้อะไรกับเขาบ้าง เพราะองค์เจ้าชีวิตนั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยความเมตตาสงสาร
ให้ระวังคำพูดของคุณ
12 พี่น้องครับ ที่สำคัญกว่าอะไรทั้งหมด อย่าสาบานเลย ไม่ต้องอ้างถึงฟ้าสวรรค์ หรือแผ่นดินโลก หรืออะไรทั้งนั้น ถ้า “ใช่” ก็บอกว่า “ใช่” ถ้า “ไม่ใช่” ก็บอกว่า “ไม่ใช่” แค่นี้ก็พอแล้ว คุณจะได้ไม่ต้องถูกพิพากษา
แรงอธิษฐาน
13 ในพวกคุณ มีใครบ้างที่มีปัญหา ก็ให้เขาอธิษฐาน มีใครบ้างที่มีความสุข ก็ให้เขาร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้า 14 มีใครบ้างที่เจ็บป่วย ก็ให้เขาไปเชิญพวกผู้นำอาวุโสของหมู่ประชุมของพระเจ้ามาอธิษฐานให้กับเขา และเจิมเขาด้วยน้ำมันในนามขององค์เจ้าชีวิต 15 เมื่ออธิษฐานด้วยความเชื่อก็จะช่วยคนป่วยได้ แล้วองค์เจ้าชีวิตก็จะยกเขาขึ้นมา ถ้าเขาทำบาป พระองค์ก็จะยกโทษให้กับเขา 16 ดังนั้น ให้สารภาพความบาปทั้งหลายต่อกันและกัน และอธิษฐานเผื่อกันและกัน เพื่อคุณจะได้รับการรักษา คำอธิษฐานของคนที่ทำตามใจพระเจ้านั้นมีพลังและเกิดผล 17 ดูอย่างเอลียาห์สิ เขาก็เป็นคนธรรมดาๆเหมือนกับเรา แต่เมื่อเขาได้ทุ่มเทอธิษฐานขออย่าให้ฝนตก ฝนก็ไม่ตกเป็นเวลาถึงสามปีครึ่ง 18 แต่ต่อมาเขาก็ได้อธิษฐานขอให้ฝนตก ฝนก็เทลงมาจากท้องฟ้าและพื้นดินก็ชุ่มฉ่ำ เมล็ดพืชก็แตกหน่อออกผลอีกครั้งหนึ่ง
19 พี่น้องครับ ถ้าคนไหนในพวกคุณ ถูกชักนำให้หลงไปจากความจริง และมีบางคนไปนำเขากลับมา 20 ก็ให้จำเอาไว้ว่า คนที่นำคนบาปกลับมาจากทางผิดนั้น ก็ได้ช่วยชีวิตคนบาปคนนั้นให้หลุดพ้นจากความตาย และทำให้ความบาปมากมายได้รับการยกโทษ
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International