Previous Prev Day Next DayNext

Chronological

Read the Bible in the chronological order in which its stories and events occurred.
Duration: 365 days
Thai New Contemporary Bible (TNCV)
Version
มัทธิว 5-7

คำเทศนาบนภูเขา(A)

เมื่อพระเยซูทอดพระเนตรเห็นฝูงชนมากมายก็เสด็จขึ้นเนินเขาและประทับนั่ง เหล่าสาวกของพระองค์พากันมาหาพระองค์ และพระองค์ทรงเริ่มต้นสั่งสอนพวกเขาว่า

“ความสุขมีแก่ผู้ที่สำนึกว่าตนขัดสนฝ่ายจิตวิญญาณ
เพราะอาณาจักรสวรรค์เป็นของเขาแล้ว
ความสุขมีแก่ผู้ที่โศกเศร้า
เพราะเขาจะได้รับการปลอบประโลม
ความสุขมีแก่ผู้ที่ถ่อมสุภาพ
เพราะเขาจะได้รับแผ่นดินโลกเป็นมรดก
ความสุขมีแก่ผู้ที่หิวกระหายความชอบธรรม
เพราะเขาจะได้อิ่มบริบูรณ์
ความสุขมีแก่ผู้ที่เมตตากรุณา
เพราะเขาจะได้รับความเมตตากรุณาตอบแทน
ความสุขมีแก่ผู้ที่มีจิตใจบริสุทธิ์
เพราะเขาจะได้เห็นพระเจ้า
ความสุขมีแก่ผู้ที่สร้างสันติ
เพราะเขาจะได้ชื่อว่าบุตรของพระเจ้า
10 ความสุขมีแก่ผู้ที่ถูกข่มเหงเพราะความชอบธรรม
เพราะอาณาจักรสวรรค์เป็นของเขาแล้ว

11 “ความสุขมีแก่ท่านเมื่อคนทั้งหลายสบประมาท ข่มเหง และใส่ร้ายป้ายสีท่านเพราะเรา 12 จงชื่นชมยินดีเถิดเพราะบำเหน็จของท่านในสวรรค์ยิ่งใหญ่นัก เพราะพวกเขาได้ข่มเหงบรรดาผู้เผยพระวจนะที่อยู่ก่อนท่านเหมือนกัน

เกลือและแสงสว่าง

13 “ท่านทั้งหลายเป็นเกลือของโลก แต่ถ้าเกลือนั้นหมดความเค็มแล้วจะทำให้กลับเค็มอีกได้อย่างไร? มันก็ไม่มีประโยชน์อันใดอีกต่อไป มีแต่จะถูกสาดทิ้งให้คนเหยียบย่ำ

14 “ท่านทั้งหลายเป็นแสงสว่างของโลก เมืองที่ตั้งอยู่บนภูเขาจะซ่อนไว้ไม่ได้ 15 เช่นเดียวกัน เมื่อคนจุดตะเกียงแล้วย่อมไม่เอาฝาครอบ แต่จะตั้งไว้บนเชิงตะเกียงให้ส่องสว่างแก่ทุกคนในบ้าน 16 ในทำนองเดียวกัน จงให้ความสว่างของท่านกระจ่างแจ้งต่อหน้าคนทั้งหลาย เพื่อเขาจะเห็นการดีของท่านและสรรเสริญพระบิดาของท่านผู้สถิตในสวรรค์

บทบัญญัติสำเร็จ

17 “อย่าคิดว่าเรามาเพื่อล้มล้างหนังสือบทบัญญัติหรือหนังสือผู้เผยพระวจนะ เราไม่ได้มาล้มล้างแต่มาเพื่อทำให้สำเร็จครบถ้วน 18 เราบอกความจริงแก่ท่านว่าตราบจนฟ้าและดินสูญสิ้นไป แม้อักษรที่เล็กที่สุดสักตัวหนึ่งหรือขีดๆ หนึ่งก็จะไม่มีทางสูญหายจากหนังสือบทบัญญัติจนกว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะสำเร็จครบถ้วน 19 ผู้ใดฝ่าฝืนบทบัญญัติเหล่านี้แม้ข้อเล็กน้อยที่สุดและสอนคนอื่นให้ทำเช่นเดียวกัน ผู้นั้นจะได้ชื่อว่าเป็นผู้เล็กน้อยที่สุดในอาณาจักรสวรรค์ ส่วนผู้ที่ปฏิบัติและสั่งสอนตามคำบัญชาเหล่านี้จะได้ชื่อว่าเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในอาณาจักรสวรรค์ 20 เพราะเราบอกท่านว่าหากความชอบธรรมของท่านไม่มากกว่าของพวกฟาริสีและเหล่าธรรมาจารย์แล้วท่านจะไม่ได้เข้าอาณาจักรสวรรค์อย่างแน่นอน

ฆาตกรรม(B)

21 “ท่านทั้งหลายได้ยินคำซึ่งกล่าวไว้แก่คนโบราณว่า ‘อย่าฆ่าคน[a]และถ้าผู้ใดฆ่าคนจะถูกตัดสินลงโทษ’ 22 แต่เราบอกท่านว่าถ้าผู้ใดโกรธเคืองพี่น้องของตน[b]จะถูกตัดสินลงโทษ ถ้าผู้ใดพูดดูหมิ่น[c]พี่น้องของตนจะต้องถูกนำตัวขึ้นศาลแซนเฮดริน และถ้าผู้ใดพูดว่า ‘ไอ้โง่!’ อาจจะต้องโทษถึงไฟนรก

23 “ดังนั้นถ้าท่านกำลังถวายเครื่องบูชาที่แท่นบูชาและนึกขึ้นได้ว่าพี่น้องมีเหตุขุ่นเคืองใดๆ กับท่าน 24 จงละเครื่องบูชาไว้ที่หน้าแท่นแล้วไปคืนดีกับพี่น้องก่อน จึงค่อยกลับมาถวายเครื่องบูชา

25 “จงปรองดองกับคู่ความโดยเร็วขณะที่เขากำลังพาท่านไปศาล มิฉะนั้นเขาอาจจะมอบท่านให้แก่ผู้พิพากษา และผู้พิพากษาจะมอบท่านให้แก่เจ้าหน้าที่ แล้วท่านอาจจะถูกขังในเรือนจำ 26 เราบอกความจริงแก่ท่านว่าท่านจะออกมาไม่ได้จนกว่าจะใช้หนี้ครบถ้วนทุกบาททุกสตางค์[d]

การล่วงประเวณี

27 “ท่านทั้งหลายได้ยินคำซึ่งกล่าวไว้ว่า ‘อย่าล่วงประเวณี’[e] 28 แต่เราบอกท่านว่าผู้ใดมองดูผู้หญิงด้วยใจกำหนัดก็ได้ล่วงประเวณีกับนางในใจของเขาแล้ว 29 หากตาข้างขวาของท่านเป็นเหตุให้ทำบาป จงควักทิ้งเสีย ถึงจะเสียอวัยวะส่วนหนึ่งไปก็ยังดีกว่าทั้งตัวต้องตกนรก 30 และถ้ามือขวาของท่านเป็นเหตุให้ทำบาปก็จงตัดทิ้งเสีย ถึงจะเสียอวัยวะส่วนหนึ่งไปก็ยังดีกว่าทั้งตัวต้องตกนรก

การหย่าร้าง

31 “มีคำกล่าวไว้ว่า ‘ผู้ใดหย่าภรรยาของตนต้องเขียนหนังสือหย่าให้นาง’[f] 32 แต่เราบอกท่านว่าชายใดหย่าขาดจากภรรยาของตนด้วยเหตุอื่นนอกเหนือจากการผิดศีลธรรมทางเพศ ย่อมเป็นเหตุให้นางกลายเป็นคนล่วงประเวณี และผู้ใดแต่งงานกับผู้หญิงที่ถูกหย่าร้างเช่นนั้นก็ล่วงประเวณีด้วย

การสาบาน

33 “อนึ่ง ท่านได้ยินคำซึ่งกล่าวไว้แก่คนในสมัยก่อนว่า ‘อย่าผิดคำสาบาน แต่จงทำตามที่ได้ถวายปฏิญาณแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า’ 34 แต่เราบอกท่านว่าจงอย่าสาบานเลย ไม่ว่าจะอ้างสวรรค์เพราะสวรรค์เป็นพระที่นั่งของพระเจ้า 35 หรืออ้างแผ่นดินโลกเพราะโลกเป็นแท่นวางพระบาทของพระองค์ หรืออ้างกรุงเยรูซาเล็มเพราะกรุงเยรูซาเล็มเป็นนครขององค์จอมราชัน 36 และอย่าสาบานโดยอ้างศีรษะของตนเพราะท่านไม่สามารถทำให้ผมกลายเป็นสีขาวหรือดำได้แม้แต่เพียงเส้นเดียว 37 ใช่ก็จงว่า ‘ใช่’ ไม่ก็จงว่า ‘ไม่’ พูดเกินนี้ไปก็มาจากมาร

ตาแทนตา

38 “ท่านทั้งหลายได้ยินคำกล่าวไว้ว่า ‘ตาแทนตาและฟันแทนฟัน’[g] 39 แต่เราบอกท่านว่าอย่าต่อสู้กับคนชั่ว ถ้าผู้ใดตบแก้มขวาของท่าน จงหันแก้มอีกข้างหนึ่งให้เขาด้วย 40 และถ้าใครต้องการฟ้องร้องเอาเสื้อของท่าน จงให้เสื้อคลุมของท่านแก่เขาด้วย 41 ถ้ามีผู้บังคับให้ท่านไปหนึ่งกิโลเมตรก็จงไปกับเขาสองกิโลเมตร 42 จงให้แก่ผู้ที่ขอท่านและอย่าเมินหนีผู้ที่ต้องการจะขอยืมจากท่าน

รักศัตรู

43 “ท่านทั้งหลายได้ยินคำกล่าวไว้ว่า ‘จงรักเพื่อนบ้าน[h]และเกลียดชังศัตรู’ 44 แต่เราบอกท่านว่าจงรักศัตรูของท่าน[i]และอธิษฐานเผื่อบรรดาผู้ที่ข่มเหงท่าน 45 เพื่อท่านจะได้เป็นบุตรของพระบิดาของท่านในสวรรค์ พระองค์ทรงให้ดวงอาทิตย์ขึ้นแก่ทั้งคนชั่วและคนดี และทรงให้ฝนตกแก่ทั้งคนชอบธรรมและคนอธรรม 46 ถ้าท่านรักแต่ผู้ที่รักท่านท่านจะได้บำเหน็จอะไร? แม้แต่คนเก็บภาษีก็ทำเช่นนั้นไม่ใช่หรือ? 47 ถ้าท่านทักทายเฉพาะพวกพี่น้องของตนท่านทำอะไรมากกว่าคนอื่นเล่า? ถึงคนต่างศาสนาก็ทำเช่นนั้นไม่ใช่หรือ? 48 เหตุฉะนั้นจงดีพร้อมเหมือนพระบิดาของท่านในสวรรค์ทรงดีพร้อม

เอื้อเฟื้อแก่คนขัดสน

“จงระวัง อย่าทำดีเพื่อเอาหน้า ถ้าทำเช่นนั้นท่านจะไม่ได้รับบำเหน็จจากพระบิดาของท่านในสวรรค์

“ดังนั้นเมื่อท่านให้ทานแก่คนขัดสน อย่าตีฆ้องร้องป่าวเหมือนที่คนหน้าซื่อใจคดทำในธรรมศาลาและตามถนนหนทางเพื่อให้ผู้คนยกย่องชมเชย เราบอกความจริงแก่ท่านว่าเขาได้รับบำเหน็จของตนเต็มที่แล้ว แต่เมื่อท่านหยิบยื่นแก่คนขัดสน อย่าให้มือซ้ายรู้สิ่งที่มือขวาทำ เพื่อการให้ของท่านเป็นความลับ แล้วพระบิดาของท่านผู้ทรงเห็นสิ่งที่ทำเป็นการลับจะประทานบำเหน็จแก่ท่าน

การอธิษฐาน(C)

“และเมื่อท่านอธิษฐาน อย่าเป็นเหมือนคนหน้าซื่อใจคดเพราะพวกเขาชอบยืนอธิษฐานในธรรมศาลาและตามมุมถนนเพื่อให้คนเห็น เราบอกความจริงแก่ท่านว่าพวกเขาได้รับบำเหน็จของตนเต็มที่แล้ว เมื่อท่านอธิษฐาน จงเข้าไปในห้อง ปิดประตู และอธิษฐานต่อพระบิดาของท่านผู้ไม่ปรากฏแก่ตา แล้วพระบิดาของท่านผู้ทรงเห็นสิ่งที่ทำอย่างลับๆ จะประทานบำเหน็จแก่ท่าน และเมื่อท่านอธิษฐาน ไม่ต้องพูดพร่ำซ้ำซากเหมือนคนต่างศาสนา เพราะเขาคิดว่าพูดมากๆ พระจึงจะได้ยิน อย่าทำอย่างเขาเลยเพราะพระบิดาของท่านทรงทราบว่าท่านต้องการอะไรก่อนที่ท่านจะทูลขอต่อพระองค์

“ฉะนั้น ท่านควรจะอธิษฐานดังนี้ว่า

“ ‘ข้าแต่พระบิดาของข้าพระองค์ทั้งหลายผู้สถิตในสวรรค์
ขอให้พระนามของพระองค์เป็นที่เทิดทูนสักการะ
10 ขอให้อาณาจักรของพระองค์ได้รับการสถาปนาไว้
ขอให้พระประสงค์ของพระองค์สำเร็จในโลกเช่นเดียวกับในสวรรค์
11 ขอโปรดประทานอาหารประจำวันแก่ข้าพระองค์ทั้งหลายในวันนี้
12 ขอทรงยกหนี้ให้ข้าพระองค์ทั้งหลาย
เหมือนที่ข้าพระองค์ทั้งหลายได้ยกหนี้ให้ผู้ที่เป็นหนี้ข้าพระองค์ทั้งหลายเช่นกัน
13 และขออย่าให้ข้าพระองค์ทั้งหลายล้มลงเมื่อถูกทดลอง
แต่ขอทรงช่วยข้าพระองค์ทั้งหลายให้พ้นจากมารร้าย[j]

14 เพราะถ้าท่านอภัยให้ผู้ที่ทำผิดต่อท่าน พระบิดาของท่านในสวรรค์จะทรงอภัยให้ท่านด้วย 15 แต่ถ้าท่านไม่ยอมอภัยบาปผิดของผู้อื่นพระบิดาก็จะไม่อภัยบาปผิดของท่านเช่นกัน

การถืออดอาหาร

16 “เมื่อท่านถืออดอาหาร อย่าทำหน้าเศร้าเหมือนคนหน้าซื่อใจคด เพราะเขาปั้นหน้าเพื่อให้คนเห็นว่าพวกเขากำลังถืออดอาหาร เราบอกความจริงแก่ท่านว่าเขาได้รับบำเหน็จของตนเต็มที่แล้ว 17 ส่วนท่านเมื่อถืออดอาหาร จงล้างหน้า เอาน้ำมันชโลมศีรษะ 18 เพื่อจะไม่เป็นที่สะดุดตาใครว่าท่านกำลังถืออดอาหารนอกจากพระบิดาของท่านผู้ไม่ปรากฏแก่ตา และพระบิดาของท่านผู้ทรงเห็นสิ่งที่ทำเป็นการลับจะประทานบำเหน็จแก่ท่าน

ทรัพย์สมบัติในสวรรค์(D)

19 “อย่าสะสมทรัพย์สมบัติไว้สำหรับตนในโลกที่ซึ่งแมลงและสนิมอาจทำลายได้และที่ซึ่งโจรอาจงัดแงะเข้าไปขโมยได้ 20 แต่จงสะสมทรัพย์สมบัติไว้สำหรับตนในสวรรค์ที่ซึ่งแมลงและสนิมไม่อาจทำลายได้และที่ซึ่งโจรไม่อาจงัดแงะเข้าไปขโมยได้ 21 เพราะทรัพย์สมบัติของท่านอยู่ที่ไหน ใจของท่านก็อยู่ที่นั่นด้วย

22 “ดวงตาคือประทีปของกาย หากตาของท่านดี ทั้งกายของท่านก็จะเต็มไปด้วยความสว่าง 23 แต่ถ้าตาของท่านเสีย ทั้งกายของท่านก็จะเต็มไปด้วยความมืด หากความสว่างในท่านเป็นความมืดมน ความมืดนั้นจะหนาทึบสักเพียงใด!

24 “ไม่มีใครเป็นข้าสองเจ้าบ่าวสองนายได้ เขาย่อมเกลียดนายคนหนึ่งและรักนายอีกคนหนึ่ง หรือภักดีต่อนายคนหนึ่งและดูหมิ่นนายอีกคนหนึ่ง ท่านจะรับใช้ทั้งพระเจ้าและเงินทองไม่ได้

อย่าวิตกกังวล(E)

25 “เพราะฉะนั้นเราบอกท่านว่าอย่าวิตกกังวลเกี่ยวกับชีวิตของท่านว่าจะเอาอะไรกินหรือเอาอะไรดื่ม หรือพะวงเกี่ยวกับร่างกายของท่านว่าจะเอาอะไรนุ่งห่ม ชีวิตสำคัญยิ่งกว่าอาหารและร่างกายสำคัญยิ่งกว่าเครื่องนุ่งห่มไม่ใช่หรือ? 26 จงดูนกในอากาศ มันไม่ได้หว่านหรือเก็บเกี่ยวหรือสะสมไว้ในยุ้งฉาง แต่พระบิดาของท่านในสวรรค์ทรงเลี้ยงดูหมู่นก ท่านไม่ล้ำค่ายิ่งกว่านกเหล่านั้นหรือ? 27 ใครบ้างในพวกท่านที่กังวลแล้วต่ออายุตัวเองให้ยืนยาวออกไปอีกสักชั่วโมงหนึ่งได้?[k]

28 “แล้วทำไมท่านจึงกังวลเรื่องเครื่องนุ่งห่ม? จงดูว่าดอกไม้ในท้องทุ่งงอกงามขึ้นอย่างไร มันไม่ได้ลงแรงหรือปั่นด้าย 29 กระนั้นเราบอกท่านว่าแม้แต่กษัตริย์โซโลมอนเมื่อทรงบริบูรณ์ด้วยความโอ่อ่าตระการ ก็ยังไม่ได้ทรงเครื่องงามสง่าเท่าดอกไม้เหล่านี้สักดอกหนึ่ง 30 ในเมื่อพระเจ้าทรงตกแต่งต้นหญ้าในท้องทุ่งถึงเพียงนั้น ต้นหญ้าซึ่งอยู่ที่นี่วันนี้และพรุ่งนี้ก็จะถูกโยนลงในไฟ โอ ท่านผู้มีความเชื่อน้อย พระองค์จะไม่ทรงตกแต่งท่านมากยิ่งกว่านั้นหรือ? 31 ฉะนั้นอย่ากังวลว่า ‘เราจะเอาอะไรกิน?’ หรือ ‘เราจะเอาอะไรดื่ม?’ หรือ ‘เราจะเอาอะไรนุ่งห่ม?’ 32 เพราะคนที่ไม่มีพระเจ้าขวนขวายหาสิ่งเหล่านี้ และพระบิดาของท่านในสวรรค์ทรงทราบว่าท่านจำเป็นต้องมีสิ่งเหล่านี้ 33 แต่จงแสวงหาอาณาจักรของพระเจ้าและความชอบธรรมของพระองค์ก่อน และพระองค์จะประทานสิ่งทั้งปวงเหล่านี้แก่ท่านด้วย 34 เพราะฉะนั้นอย่าวิตกกังวลเกี่ยวกับพรุ่งนี้เพราะพรุ่งนี้ก็จะมีเรื่องวิตกกังวลเกี่ยวกับพรุ่งนี้เอง แต่ละวันก็มีความเดือดร้อนของมันพออยู่แล้ว

ตัดสินผู้อื่น(F)

“อย่าตัดสิน มิฉะนั้นท่านเองจะถูกตัดสินด้วย เพราะท่านตัดสินผู้อื่นอย่างไร ท่านจะถูกตัดสินอย่างนั้น ท่านตวงให้ไปด้วยทะนานอันใด ท่านก็จะได้รับเท่ากับทะนานอันนั้น

“เหตุใดท่านมองดูผงขี้เลื่อยในตาของพี่น้อง แต่ไม่ใส่ใจกับไม้ทั้งท่อนในตาของท่านเอง? ท่านพูดกับพี่น้องได้อย่างไรว่า ‘ให้เราเขี่ยผงออกจากตาของท่านเถิด’ ในเมื่อตลอดเวลานั้นท่านเองมีไม้ทั้งท่อนอยู่ในตา? เจ้าคนหน้าซื่อใจคด จงชักไม้ทั้งท่อนออกจากตาเจ้าเองก่อน แล้วเจ้าจะเห็นชัดเพื่อจะเขี่ยผงออกจากตาของพี่น้องได้

“อย่าให้ของบริสุทธิ์ศักดิ์สิทธิ์แก่สุนัข อย่าโยนไข่มุกให้สุกร มิฉะนั้นมันจะเหยียบย่ำไว้ใต้เท้า แล้วหันมาฉีกท่านเป็นชิ้นๆ

จงขอ จงหา จงเคาะ(G)

“จงขอแล้วท่านจะได้รับ จงหาแล้วท่านจะพบ จงเคาะแล้วประตูจะเปิดให้แก่ท่าน เพราะทุกคนที่ขอก็ได้รับ คนที่แสวงหาก็พบ และคนที่เคาะ ประตูก็จะเปิดให้แก่เขา

“ใครบ้างในพวกท่านถ้าบุตรขอขนมปังจะให้ก้อนหิน? 10 หรือถ้าบุตรขอปลาจะให้งูแก่เขา? 11 ถ้าแม้ท่านเองซึ่งเป็นคนชั่วยังรู้จักให้สิ่งดีๆ แก่บุตรของท่าน พระบิดาของท่านในสวรรค์จะประทานสิ่งดีแก่บรรดาผู้ที่ทูลขอต่อพระองค์ยิ่งกว่านั้นสักเพียงใด! 12 ฉะนั้นในทุกสิ่งจงทำต่อผู้อื่นอย่างที่ท่านอยากให้เขาทำต่อท่าน เพราะนี่สรุปสาระของหนังสือบทบัญญัติและหนังสือผู้เผยพระวจนะ

ประตูแคบและประตูกว้าง

13 “จงเข้าไปทางประตูแคบ เพราะประตูใหญ่และทางกว้างนำไปสู่ความพินาศและคนเป็นอันมากเข้าไปทางนั้น 14 ส่วนประตูเล็กและทางแคบนำไปสู่ชีวิตและมีเพียงไม่กี่คนที่ค้นพบ

ต้นไม้และผลของมัน

15 “จงระวังผู้เผยพระวจนะเท็จ เขามาหาพวกท่านในคราบแกะ แต่ภายในคือสุนัขป่าดุร้าย 16 ท่านจะรู้จักเขาโดยผลของเขา กอหนามจะออกผลเป็นองุ่นและพุ่มหนามจะออกผลเป็นมะเดื่อได้หรือ? 17 ในทำนองเดียวกัน ต้นไม้ที่ดีทุกต้นย่อมให้ผลที่ดี ส่วนต้นไม้เลวย่อมให้ผลที่เลว 18 ต้นไม้ดีไม่อาจให้ผลเลวและต้นไม้เลวไม่อาจให้ผลดี 19 ต้นไม้ทุกต้นที่ไม่ให้ผลดีก็ถูกโค่นและโยนลงในไฟ 20 ฉะนั้นท่านจะรู้จักเขาได้จากผลของเขา

21 “ไม่ใช่ทุกคนที่เรียกเราว่า ‘พระองค์เจ้าข้า พระองค์เจ้าข้า’ จะได้เข้าอาณาจักรสวรรค์ แต่คนที่ทำตามพระประสงค์ของพระบิดาของเราผู้สถิตในสวรรค์เท่านั้นที่จะได้เข้า 22 หลายคนจะพูดกับเราในวันนั้นว่า ‘พระองค์เจ้าข้า พระองค์เจ้าข้า พวกข้าพระองค์เผยพระวจนะในพระนามของพระองค์ ขับผีในพระนามของพระองค์ และทำการอัศจรรย์มากมายมิใช่หรือ?’ 23 เมื่อนั้นเราจะบอกเขาอย่างตรงไปตรงมาว่า ‘เราไม่รู้จักเจ้าเลย เจ้าคนทำชั่ว จงไปให้พ้น!’

คนโง่และคนฉลาด(H)

24 “ฉะนั้นทุกคนที่ได้ยินคำเหล่านี้ของเราและนำไปปฏิบัติก็เป็นเหมือนคนฉลาดที่สร้างบ้านของตนบนศิลา 25 ถึงฝนตก กระแสน้ำท่วมท้นขึ้นมา และลมพัดกระหน่ำบ้านนั้นแต่บ้านก็ไม่ได้พังลงเพราะมีฐานรากอยู่บนศิลา 26 ส่วนผู้ที่ได้ยินคำเหล่านี้ของเราแต่ไม่ได้นำไปปฏิบัติก็เป็นเหมือนคนโง่ที่สร้างบ้านของตนบนทราย 27 เมื่อฝนตก กระแสน้ำท่วมท้นขึ้นมา และลมพัดกระหน่ำบ้านนั้นบ้านก็พังทลายลง”

28 เมื่อพระเยซูตรัสสิ่งเหล่านี้จบแล้ว ฝูงชนก็พากันเลื่อมใสในคำสอนของพระองค์ 29 เพราะพระองค์ทรงสอนพวกเขาอย่างผู้มีสิทธิอำนาจต่างจากพวกธรรมาจารย์ของพวกเขา

Thai New Contemporary Bible (TNCV)

Thai New Contemporary Bible Copyright © 1999, 2001, 2007 by Biblica, Inc.® Used by permission. All rights reserved worldwide.