Chronological
เอสรามาเมืองเยรูซาเล็ม
7 หลังจากเหตุการณ์เหล่านี้ผ่านไป[a] ในช่วงรัชกาลของกษัตริย์อารทาเซอร์ซีส[b] แห่งเปอร์เซีย เอสราได้ขึ้นมาจากบาบิโลนมาที่เมืองเยรูซาเล็ม เอสราเป็นลูกของเสไรอาห์ ที่เป็นลูกของอาซาริยาห์ ที่เป็นลูกของฮิลคียาห์ 2 ที่เป็นลูกของชัลลูม ที่เป็นลูกของศาโดก ที่เป็นลูกของอาหิทูบ 3 ที่เป็นลูกของอามาริยาห์ ที่เป็นลูกของอาซาริยาห์ ที่เป็นลูกของเมราโยท 4 ที่เป็นลูกของเศราหิยาห์ ที่เป็นลูกของอุสซี ที่เป็นลูกของบุคคี 5 ที่เป็นลูกของอาบีชูวา ที่เป็นลูกของฟีเนหัส ที่เป็นลูกของเอเลอาซาร์ ที่เป็นลูกของอาโรน ที่เป็นหัวหน้านักบวช
6 เอสราคนนี้ขึ้นมาจากบาบิโลนมาที่เมืองเยรูซาเล็ม เขาเป็นครู[c] เป็นผู้เชี่ยวชาญกฎของโมเสสเป็นอย่างดี ซึ่งพระยาห์เวห์ พระเจ้าแห่งอิสราเอลได้มอบกฎนี้ให้กับอิสราเอล กษัตริย์ได้ให้เอสราทุกสิ่งทุกอย่างตามที่เขาขอ เพราะมือของพระยาห์เวห์พระเจ้าของเขาคอยช่วยเหลือเขา 7 มีประชาชนอิสราเอลบางคน รวมทั้งนักบวชบางคน พวกชาวเลวี พวกนักร้อง บรรดาคนเฝ้าประตู และพวกผู้รับใช้ในวิหาร ได้ขึ้นมาที่เมืองเยรูซาเล็มในปีที่เจ็ดในรัชกาลของกษัตริย์อารทาเซอร์ซีส 8 เอสรามาถึงเมืองเยรูซาเล็มในเดือนที่ห้า[d] ของปีที่เจ็ด ในรัชกาลของกษัตริย์นี้ 9 เขาได้เตรียมตัวที่จะออกเดินทางจากบาบิโลน ในวันที่หนึ่งของเดือนแรก และได้มาถึงเมืองเยรูซาเล็มในวันที่หนึ่งของเดือนห้า เพราะมือของพระเจ้าคอยช่วยเหลือเขา 10 เพราะเอสราได้อุทิศตัวในการศึกษากฎคำสอนของพระยาห์เวห์ ในการทำตัวตามกฎนั้น และในการสั่งสอนกฎระเบียบและกฎหมายของพระองค์ในอิสราเอล
จดหมายอารทาเซอร์ซีสถึงเอสรา
11 นี่คือสำเนาจดหมาย ที่กษัตริย์อารทาเซอร์ซีส[e] มอบให้กับเอสรา ผู้เป็นนักบวชและครูผู้รอบรู้คำสอนของบัญญัติของพระยาห์เวห์ และกฎระเบียบต่างๆของพระองค์ที่มีไว้สำหรับคนอิสราเอล
12 [f] จาก อารทาเซอร์ซีส ผู้เป็นกษัตริย์เหนือกษัตริย์ทั้งปวง
ถึง เอสรา ผู้เป็นนักบวช ครูผู้รอบรู้กฎของพระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์
ขอให้อยู่เย็นเป็นสุขในทุกเรื่อง
13 เราขอสั่งว่า ใครก็ตามในอาณาจักรของเรา ไม่ว่าจะเป็นประชาชนของอิสราเอล หรือนักบวชของพวกเขา หรือชาวเลวี ที่สมัครใจจะไปยังเมืองเยรูซาเล็มกับเจ้า ก็ไปได้
14 เนื่องจากตัวเราและที่ปรึกษาทั้งเจ็ดของเราได้ส่งเจ้าไป เพื่อไปดูว่าประชาชนของยูดาห์และเยรูซาเล็ม เชื่อฟังกฎแห่งพระเจ้าที่อยู่ในมือของเจ้าหรือไม่
15 เราและพวกที่ปรึกษาของเรา ก็ยังส่งเจ้าไป เพื่อขนเอาเงินและทองคำที่พวกเราสมัครใจมอบให้กับพระเจ้าแห่งอิสราเอล ที่มีวิหารอยู่ในเมืองเยรูซาเล็ม 16 ให้เจ้ารวบรวมเงินและทองคำทั้งหมด ที่เจ้าหามาได้จากมณฑลบาบิโลน พร้อมกับพวกของถวาย ที่ประชาชนและพวกนักบวชเอามาให้ด้วยความสมัครใจ สำหรับถวายให้กับวิหารของพระเจ้าในเมืองเยรูซาเล็ม
17 และด้วยเงินนี้แหละ เจ้าต้องเอาไปซื้อพวกวัวตัวผู้ แกะตัวผู้ และลูกแกะ รวมทั้งเครื่องบูชาจากเมล็ดพืชและเครื่องดื่มบูชา และเจ้าจะต้องถวายสิ่งต่างๆเหล่านี้บนแท่นบูชาในวิหารของพระเจ้าของเจ้าในเมืองเยรูซาเล็ม 18 ส่วนเงินและทองคำที่เหลือนั้น เจ้าและพี่น้องชาวยิวของเจ้า เห็นดีเห็นชอบที่จะทำยังไงก็ให้ทำไป ให้สอดคล้องกับความต้องการของพระเจ้าของพวกเจ้า 19 เครื่องใช้ต่างๆที่ได้มอบให้กับเจ้า สำหรับการบูชาในวิหารของพระเจ้าของเจ้านั้น ก็ให้เจ้าเอาไปวางไว้ต่อหน้าพระเจ้าแห่งเยรูซาเล็ม 20 ส่วนสิ่งอื่นๆที่เหลือ ที่จำเป็นสำหรับวิหารของพระเจ้าของเจ้านั้น ก็ตกเป็นหน้าที่ของเจ้าแล้วที่จะจัดหามา ก็ให้เจ้าเบิกจากเงินหลวงได้
21 นอกจากนั้นแล้ว เรา กษัตริย์อารทาเซอร์ซีส ได้ออกคำสั่งนี้ให้กับผู้ดูแลเงินกองคลังทุกคนที่อยู่ในมณฑลฝั่งตะวันตกของแม่น้ำยูเฟรติสว่าอย่างนี้ คือไม่ว่าเอสราผู้เป็นนักบวช และครูผู้รอบรู้กฎบัญญัติของพระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์ จะขออะไรจากเจ้า ก็ให้ทำตามนั้นอย่างรวดเร็วและอย่างเต็มที่ 22 ให้ช่วยได้มากถึงจำนวนเงินสามตันครึ่ง ข้าวสาลี เหล้าองุ่นและน้ำมันมะกอก อย่างละสองหมื่นสองพันลิตร ส่วนเกลือให้ได้ไม่อั้น 23 ไม่ว่าพระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์จะสั่งให้ทำอะไร ก็ให้เป็นไปตามนั้นอย่างรวดเร็วและอย่างเต็มที่ สำหรับวิหารของพระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์ เพื่อว่าความโกรธของพระเจ้าจะได้ไม่ตกลงมาบนอาณาจักรของเราผู้เป็นกษัตริย์ และบนพวกลูกชายของเรา
24 เราขอแจ้งให้พวกเจ้าทั้งหลายรู้ว่า พวกคนเหล่านี้ทั้งหมดคือ พวกนักบวช พวกชาวเลวี พวกนักร้อง พวกคนเฝ้าประตู พวกผู้รับใช้ในวิหาร และคนรับใช้อื่นๆในวิหารของพระเจ้า จะไม่ต้องเสียเครื่องบรรณาการ ภาษี และส่วยใดๆทั้งสิ้น 25 ส่วนตัวเจ้า เอสรา ตามสติปัญญาของพระเจ้าของเจ้า ที่เจ้ามีนั้น ก็ให้เจ้าแต่งตั้งผู้พิพากษา และผู้ปกครอง ให้มาตัดสินคนทั้งหมดที่อยู่ในมณฑลฝั่งตะวันตกของแม่น้ำยูเฟรติส ซึ่งหมายถึงทุกคนที่รู้จักพวกกฎของพระเจ้าของเจ้า และเจ้าก็ควรที่จะสอนคนเหล่านั้นที่ไม่รู้จักกฎพวกนั้นด้วย 26 ใครก็ตามที่ไม่เชื่อฟังกฎของพระเจ้าของเจ้า และกฏหมายของกษัตริย์ ก็ให้เขาได้รับโทษอย่างรวดเร็วอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นโทษตาย หรือเนรเทศไปอยู่เมืองอื่น หรือยึดทรัพย์ หรือจำคุก ก็ตาม
เอสราสรรเสริญพระเจ้า
27 [g] สรรเสริญพระยาห์เวห์ พระเจ้าแห่งบรรพบุรุษของพวกเรา ผู้ทำให้กษัตริย์ มีจิตใจที่อยากจะให้เกียรติกับวิหารของพระยาห์เวห์ในเมืองเยรูซาเล็มอย่างนี้ 28 พระองค์ได้แสดงความรักต่อข้าพเจ้า ต่อหน้ากษัตริย์ พวกที่ปรึกษา และข้าราชการชั้นสูงทั้งหลายของกษัตริย์ เนื่องจากมือของพระยาห์เวห์พระเจ้าของข้าพเจ้าคอยช่วยเหลือข้าพเจ้า ข้าพเจ้าถึงมีกำลังใจที่จะรวบรวมพวกผู้นำจากประชาชนของอิสราเอลเพื่อเดินทางขึ้นไปยังเมืองเยรูซาเล็มกับข้าพเจ้า
รายชื่อพวกผู้นำที่กลับมาพร้อมเอสรา
8 ต่อไปนี้คือพวกหัวหน้าครอบครัว และเชื้อสายของพวกเขา ซึ่งเดินทางออกจากบาบิโลนไปกับข้าพเจ้า ในช่วงสมัยของกษัตริย์อารทาเซอร์ซีส
2 จากคนเหล่านั้นที่สืบเชื้อสายจากฟีเนหัส คือเกอร์โชม
จากคนเหล่านั้นที่สืบเชื้อสายจากอิธามาร์ คือดาเนียล
จากคนเหล่านั้นที่สืบเชื้อสายจากดาวิด คือฮัทธัช 3 จากคนเหล่านั้นที่สืบเชื้อสายจากเชคานิยาห์
จากคนเหล่านั้นที่สืบเชื้อสายจากปาโรช คือเศคาริยาห์
พร้อมกับชายที่ขึ้นทะเบียนกับเขาอีกหนึ่งร้อยห้าสิบคน
4 จากคนเหล่านั้นที่สืบเชื้อสายจากปาหัทโมอับ คือเอลีโฮนัย ลูกชายของเศราหิยาห์
พร้อมกับชายที่อยู่กับเขาอีกสองร้อยคน
5 จากคนเหล่านั้นที่สืบเชื้อสายจากศัทธู คือเชคานิยาห์ลูกชายของยาฮาซีเอล
พร้อมกับชายที่อยู่กับเขาอีกสามร้อยคน
6 จากคนเหล่านั้นที่สืบเชื้อสายจากอาดีน คือเอเบคลูกชายของโยนาธาน
พร้อมกับชายที่อยู่กับเขาอีกห้าสิบคน
7 จากคนเหล่านั้นที่สืบเชื้อสายจากเอลาม คือเยชายาห์ลูกชายของอาธาลิยาห์
พร้อมกับชายที่อยู่กับเขาอีกเจ็ดสิบคน
8 จากคนเหล่านั้นที่สืบเชื้อสายจากเชฟาทิยาห์ คือเศบาดิยาห์ลูกชายของมีคาเอล
พร้อมกับชายที่อยู่กับเขาอีกแปดสิบคน
9 จากคนเหล่านั้นที่สืบเชื้อสายจากโยอาบ คือโอบาดียาห์ลูกชายของเยฮีเอล
พร้อมกับชายที่อยู่กับเขาอีกสองร้อยสิบแปดคน
10 จากคนเหล่านั้นที่สืบเชื้อสายจากบานี่ คือเชโลมิทลูกชายของโยสิฟิยาห์
พร้อมกับชายที่อยู่กับเขาอีกหนึ่งร้อยหกสิบคน
11 จากคนเหล่านั้นที่สืบเชื้อสายจากเบบัย คือเศคาริยาห์ลูกชายของเบบัย
พร้อมกับชายที่อยู่กับเขาอีกยี่สิบแปดคน
12 จากคนเหล่านั้นที่สืบเชื้อสายจากอัสกาด คือ โยฮานัน
ลูกชายของฮักคาทาน
พร้อมกับชายที่อยู่กับเขาอีกหนึ่งร้อยสิบคน
13 จากคนเหล่านั้นที่สืบเชื้อสายจากอาโดนีคัม
พวกสุดท้ายที่ตามมาทีหลัง
มีชื่อว่าเอลีเฟเลท เยอูเอล และเชไมยาห์
พร้อมกับชายที่อยู่กับพวกเขาอีกหกสิบคน
14 จากคนเหล่านั้นที่สืบเชื้อสายจากบิกวัย คือ อุธัยและศักเกอร์
พร้อมกับชายที่อยู่กับพวกเขาอีกเจ็ดสิบคน
การกลับมาเมืองเยรูซาเล็ม
15 ข้าพเจ้ารวบรวมพวกเขาไว้บริเวณแม่น้ำที่ไหลไปสู่อาหะวา พวกเราตั้งค่ายอยู่ที่นั่นเป็นเวลาสามวัน ข้าพเจ้าสำรวจดูประชาชนและพวกนักบวช แต่ไม่พบพวกชาวเลวีเลยสักคนที่นั่น 16 ข้าพเจ้าจึงเรียกคนเหล่านี้มาหา คือ
เอลีเยเซอร์ อารีเอล เชไมยาห์ เอลนาธัน ยารีบ เอลนาธัน นาธัน เศคาริยาห์ และเมชุลลาม ซึ่งเป็นพวกผู้นำ พร้อมด้วยโยยาริบ และเอลนาธัน ซึ่งเป็นผู้มีสติปัญญาเฉียบแหลม 17 แล้วข้าพเจ้าก็ส่งพวกเขาไปหาอิดโด ซึ่งเป็นหัวหน้าของสถานที่ที่มีชื่อว่า คาสิเฟีย ข้าพเจ้าบอกพวกเขาว่าควรจะพูดอะไรกับอิดโดและพี่น้องของเขา รวมทั้งพวกผู้รับใช้ในวิหารที่อยู่ในคาสิเฟีย เพื่อพวกเขาจะได้นำพวกผู้ช่วยมา เพื่อรับใช้ในวิหารของพระเจ้าของเรา 18 เนื่องจากมือของพระเจ้าของเราคอยช่วยเหลือเรา พวกเขาจึงส่งชายที่มีความเฉลียวฉลาดคนหนึ่ง ชื่อเชเรบิยาห์ พร้อมกับลูกๆและพี่น้องของเขา รวมทั้งหมดสิบแปดคน มาให้กับพวกเรา เชเรบิยาห์ เป็นผู้สืบตระกูลมาจากมาห์ลี ที่เป็นลูกของเลวี ที่เป็นลูกชายของอิสราเอล
19 พวกเขายังส่งฮาชาบิยาห์ มาพร้อมกับเยชายาห์จากตระกูลของเมราวี พร้อมด้วยพี่น้องและพวกลูกชายของพวกเขา รวมทั้งหมดยี่สิบคน 20 พวกเขายังส่งผู้รับใช้ในวิหารมาให้ด้วย รวมสองร้อยยี่สิบคน กษัตริย์ดาวิดและพวกเจ้านายได้แต่งตั้งบรรพบุรุษของผู้รับใช้พวกนี้ ให้เป็นผู้ช่วยของพวกเลวี คนที่มาเหล่านี้มีรายชื่อบันทึกไว้ทุกคน
21 ที่ข้างแม่น้ำอาหะวา ข้าพเจ้าก็ได้ประกาศให้ถือศีลอดอาหาร เพื่อเราจะได้ถ่อมตัวลงต่อหน้าพระเจ้าของเรา และขอให้พระองค์ช่วยให้พวกเราเดินทางด้วยความปลอดภัย สำหรับตัวเราเอง ลูกหลาน และทรัพย์สินทั้งหมดของพวกเรา 22 ข้าพเจ้าอับอายที่จะขอทหารและทหารม้าจากกษัตริย์ เพื่อปกป้องพวกเราจากศัตรูในระหว่างเดินทาง เพราะพวกเราได้พูดกับกษัตริย์ไปแล้วว่า “มือของพระเจ้าของเราคอยช่วยเหลือทุกคนที่แสวงหาพระองค์ เพื่อให้พวกเขาปลอดภัย แต่ฤทธิ์อำนาจและความโกรธของพระองค์จะต่อต้านทุกคนที่ละทิ้งพระองค์” 23 ดังนั้นเราจึงอดอาหารและอธิษฐานต่อพระเจ้า เพื่อขอให้การเดินทางนี้ปลอดภัย และพระองค์ก็ตอบคำอธิษฐานของพวกเรา
24 แล้วข้าพเจ้าได้เลือกผู้นำนักบวชมาสิบสองคน พร้อมกับเชเรบิยาห์ ฮาชาบิยาห์ และพี่น้องของพวกเขาอีกสิบคน 25 แล้วข้าพเจ้าก็ชั่งเงิน ทองคำ พร้อมด้วยเครื่องใช้ต่างๆให้กับพวกเขาทั้งสิบสองคน ซึ่งเป็นของถวายสำหรับวิหารของพระเจ้าของเรา ของพวกนี้เป็นของที่กษัตริย์และที่ปรึกษาของพระองค์ รวมทั้งพวกเจ้าหน้าที่ และประชาชนทั้งหลายของอิสราเอลที่อยู่ที่นั่นได้ถวายไว้ 26 สิ่งที่ข้าพเจ้าชั่งและมอบให้พวกเขาประกอบด้วย เงินหนักประมาณยี่สิบสองตัน เครื่องใช้ที่ทำด้วยเงินหนักประมาณสามตันครึ่ง และทองคำประมาณสามตันครึ่ง 27 มีชามทองคำยี่สิบใบ หนักแปดกิโลกรัมครึ่ง และเครื่องใช้สองชิ้นที่ทำจากทองสัมฤทธิ์ขัดเงาชั้นดี ซึ่งมีมูลค่าเทียบเท่าทองคำ 28 แล้วข้าพเจ้าพูดกับพวกนักบวชว่า “พวกท่านถูกอุทิศไว้สำหรับพระยาห์เวห์ และข้าวของเครื่องใช้เหล่านี้ ก็ถูกอุทิศไว้สำหรับพระยาห์เวห์ด้วย เงินและทองคำพวกนี้เป็นของที่คนสมัครใจเอามาถวายให้กับพระยาห์เวห์ พระเจ้าแห่งบรรพบุรุษของเรา 29 ขอให้เฝ้าระวังรักษาสิ่งของเหล่านี้ไว้ให้ดี จนกว่าจะถึงเวลาที่ท่านชั่งสิ่งของเหล่านี้ ต่อหน้าพวกหัวหน้าของเหล่านักบวช และชาวเลวี รวมทั้งหัวหน้าครอบครัวของอิสราเอลในเมืองเยรูซาเล็ม ภายในห้องของวิหารของพระยาห์เวห์”
30 ดังนั้น พวกนักบวชและพวกชาวเลวีจึงรับเงินและทองคำ รวมทั้งเครื่องใช้ต่างๆที่ชั่งแล้ว และนำสิ่งเหล่านั้นไปยังวิหารของพระเจ้าของเราในเมืองเยรูซาเล็ม
31 เราเดินทางออกจากบริเวณแม่น้ำอาหะวา ในวันที่สิบสองของเดือนแรก[h] เพื่อไปยังเมืองเยรูซาเล็ม มือของพระเจ้าของเราคอยช่วยเหลือเรา และพระองค์ช่วยปกป้องเราให้พ้นจากเงื้อมมือของศัตรูและพวกโจรในระหว่างทาง 32 แล้วในที่สุด เราก็มาถึงเมืองเยรูซาเล็ม และได้หยุดพักอยู่ที่นั่นเป็นเวลาสามวัน 33 ในวันที่สี่เราได้ชั่งเงินและทองคำ รวมทั้งเครื่องใช้ภายในวิหารของพระเจ้าของเรา และมอบสิ่งเหล่านั้นไว้ในมือของเมเรโมท ลูกชายของอุรียาห์ ผู้เป็นนักบวช และเอเลอาซาร์ ลูกชายฟีเนหัส และคนอื่นที่อยู่กับพวกเขาคือ ชาวเลวี โยซาบาดลูกชายเยชูอา และโนอัดยาห์ ลูกชายบินนุย 34 ทุกสิ่งทุกอย่างได้รับการตรวจสอบ ด้วยการนับจำนวนและการชั่งน้ำหนัก แล้วจึงบันทึกน้ำหนักรวมทั้งหมดไว้ในเวลานั้น
35 แล้วพวกชาวยิวที่กลับจากการเป็นเชลย ก็ถวายเครื่องเผาบูชาให้กับพระเจ้าของอิสราเอล ประกอบด้วยวัวตัวผู้สิบสองตัว สำหรับอิสราเอลทั้งหมด แกะตัวผู้เก้าสิบหกตัว ลูกแกะเจ็ดสิบสองตัว (และถวายเครื่องบูชาชำระล้างเป็นแพะตัวผู้สิบสองตัว) ทั้งหมดนี้เป็นเครื่องเผาบูชาที่ถวายให้กับพระยาห์เวห์
36 พวกเขายังได้ส่งมอบพวกคำสั่งของกษัตริย์ ให้เจ้าหน้าที่หลวงทั้งหลาย รวมทั้งพวกเจ้าเมืองมณฑลฝั่งตะวันตกของแม่น้ำยูเฟรติส แล้วเจ้าหน้าที่และเจ้าเมืองพวกนี้ ต่างก็สนับสนุนประชาชนของอิสราเอล และวิหารของพระเจ้า
การแต่งงานกับคนที่ไม่ใช่ชาวยิว
9 หลังจากเหตุการณ์เหล่านั้นเสร็จสิ้นลงแล้ว พวกหัวหน้าก็มาพบข้าพเจ้าและพูดว่า “ประชาชนชาวอิสราเอล พวกนักบวช รวมทั้งชาวเลวีทั้งหลาย ไม่ได้แยกตัวเองออกจากชนชาติอื่นๆในดินแดนที่อยู่รอบๆเขา ชาวอิสราเอลได้ทำในสิ่งที่น่ารังเกียจเหมือนกับคนเหล่านั้น คือชาวคานาอัน ชาวฮิตไทต์ ชาวเปริสซี ชาวเยบุส ชาวอัมโมน ชาวโมอับ ชาวอียิปต์ และชาวอาโมไรต์ 2 เพราะคนอิสราเอล ได้รับเอาลูกสาวของชนชาติรอบข้างเหล่านั้น มาเป็นเมียของพวกเขาและของพวกลูกชายของพวกเขาด้วย และพวกเขาได้ทำให้เชื้อสายที่อุทิศไว้สำหรับพระเจ้า ไปผสมปนเปกับชนชาติอื่นที่อยู่ในดินแดนแถบนั้น พวกเจ้าหน้าที่และพวกหัวหน้าเป็นผู้เริ่มลงมือทำก่อน ซึ่งเป็นการไม่ซื่อสัตย์ต่อพระเจ้า” 3 เมื่อข้าพเจ้าได้ยินเรื่องนี้ ข้าพเจ้าได้ฉีกทั้งเสื้อและเสื้อคลุมของข้าพเจ้า และดึงผมและเคราของตัวเอง แล้วนั่งตกตะลึงอย่างมาก 4 ทุกคนที่สั่นเทิ้มเมื่อได้ยินถ้อยคำของพระเจ้าแห่งอิสราเอล ก็มาหาข้าพเจ้า เพราะประชาชนที่ได้กลับจากการเป็นเชลยนั้นไม่สัตย์ซื่อต่อพระเจ้า ข้าพเจ้านั่งตกตะลึงอยู่ จนถึงเวลาถวายเครื่องบูชาตอนเย็น
5 เมื่อได้เวลาถวายเครื่องบูชาตอนเย็น ข้าพเจ้าลุกขึ้นจากตรงที่ข้าพเจ้านั่งด้วยความอับอาย พร้อมกับเสื้อและเสื้อคลุมที่ฉีกขาด ข้าพเจ้าคุกเข่าลงกราบ และยื่นมือทั้งสองขึ้นต่อพระยาห์เวห์ พระเจ้าของข้าพเจ้า 6 และพูดว่า
“ข้าแต่พระเจ้าของข้าพเจ้า ข้าพเจ้ารู้สึกอับอายและละอายใจเกินกว่าจะสู้หน้าพระองค์ได้ ข้าแต่พระเจ้า บาปของพวกเราได้เพิ่มมากขึ้นจนสูงท่วมหัวของพวกเราแล้ว และความผิดของเรา ก็พอกพูนมากจนถึงสวรรค์แล้ว 7 ตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษของพวกเรามาจนถึงทุกวันนี้ เรามีความผิดที่ร้ายแรงมาก และเพราะบาปของเรา พวกเรา รวมทั้งพวกกษัตริย์ของเรา และพวกนักบวชของเราต้องตกไปอยู่ในกำมือของพวกกษัตริย์ต่างชาติทั้งหลาย ถูกดาบฆ่าฟัน ถูกจับไปเป็นเชลย ถูกปล้น และได้รับความอับอายขายหน้าจนถึงทุกวันนี้
8 แต่แล้วในช่วงระยะเวลาอันสั้น พระยาห์เวห์ พระเจ้าของเราก็ได้แสดงความเมตตาต่อเรา โดยยอมให้พวกเราบางคนหลุดพ้นจากการเป็นเชลย และมอบสถานที่ที่ปลอดภัยให้กับเรา ซึ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ ดังนั้นพระเจ้าของเราจึงให้ความหวังใหม่กับเรา และได้ช่วยกู้พวกเราบางคนให้พ้นจากการเป็นเชลยและให้เริ่มต้นชีวิตใหม่ 9 ใช่แล้ว เราเป็นทาสกัน แต่พระเจ้าของพวกเราก็ไม่ได้ทอดทิ้งเรา ในขณะที่เราตกเป็นทาสนั้น พระองค์ได้แสดงความรักต่อเรา ต่อหน้าพวกกษัตริย์แห่งเปอร์เซีย ด้วยการมอบชีวิตใหม่ให้กับพวกเรา โดยให้สร้างวิหารของพระเจ้าของเราขึ้นมาใหม่ และให้ซ่อมแซมส่วนที่ปรักหักพัง รวมทั้งให้เราได้รับความคุ้มครอง[i] ในยูดาห์และในเยรูซาเล็ม
10 แต่บัดนี้ พระเจ้าของเรา พวกเราจะพูดอะไรได้อีกหลังจากเกิดเรื่องนี้ขึ้นแล้ว เนื่องจากเราได้ทอดทิ้งกฎบัญญัติของพระองค์ 11 ที่พระองค์ได้ให้ผ่านมาทางมือของพวกผู้รับใช้ของพระองค์ คือพวกผู้พูดแทนพระองค์ เมื่อพระองค์พูดว่า ‘แผ่นดินที่พวกเจ้ากำลังเข้าไปเป็นเจ้าของ คือแผ่นดินที่เคยเสื่อมเสีย เนื่องจากการกระทำอันชั่วร้ายของประชาชนที่อาศัยอยู่ที่นั่น แผ่นดินจึงถูกทำลายไป เพราะการกระทำอันน่าขยะแขยงที่พวกเขาได้ทำ พวกเขาได้ทำให้แผ่นดินเต็มไปด้วยการกระทำอันสกปรกทั้งหลายของพวกเขาจากด้านนี้ไปสุดอีกด้านหนึ่ง 12 ดังนั้นอย่าได้ยกลูกสาวของเจ้าให้ไปเป็นเมียลูกชายพวกนั้น และอย่าได้รับลูกสาวของพวกนั้นมาเป็นเมียของลูกชายเจ้าด้วย และอย่าได้ส่งเสริมให้พวกนั้นอยู่ดีมีสุข หรือเจริญรุ่งเรือง เพื่อเจ้าทั้งหลายจะได้แข็งแรง และได้กินสิ่งดีๆจากแผ่นดิน และพวกเจ้าจะได้สืบทอดมรดกนี้ให้กับลูกหลานตลอดไป’
13 หลังจากเรื่องเหล่านี้เกิดขึ้นกับเรา เพราะการกระทำอันชั่วร้ายและความผิดอันใหญ่หลวงของเรา ถึงแม้ว่าพระองค์ พระเจ้าของเราได้ลงโทษเราน้อยกว่าที่เราสมควรจะได้รับสำหรับบาปของเรา แล้วในเมื่อพระองค์ได้ให้พวกเรามีกลุ่มที่เหลือรอดอย่างนี้ 14 เรายังจะกลับไปหักข้อบัญญัติของพระองค์อีกหรือ เรายังจะไปแต่งงานกับชนชาติต่างๆที่ทำสิ่งน่าขยะแขยงเหล่านี้อีกหรือ ถ้าทำอย่างนั้น พระองค์คงจะโกรธเรา และทำลายเราจนไม่มีใครเหลือรอดเลยสักคนใช่ไหมพระองค์
15 ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระเจ้าแห่งอิสราเอล พระองค์ช่างดีนักที่ปล่อยให้เราเป็นกลุ่มที่เหลือรอดจนถึงวันนี้ เราอยู่ต่อหน้าพระองค์ด้วยความผิดของเรา ความผิดนี้ทำให้เราไม่สามารถยืนอยู่ต่อหน้าพระองค์ในฐานะผู้บริสุทธิ์ได้”
ประชาชนสารภาพบาปของตนเอง
10 ในขณะที่เอสราอธิษฐานและสารภาพบาป พร้อมทั้งร้องไห้และทิ้งตัวลงต่อหน้าวิหารของพระเจ้า ได้มีชาวอิสราเอล ฝูงชนใหญ่มีทั้งชายหญิง และเด็ก เข้ามาหาเขา ประชาชนต่างพากันร้องไห้ด้วยความขมขื่น 2 เชคานิยาห์ ลูกชายของเยฮีเอล ซึ่งเป็นผู้สืบทอดตระกูลหนึ่งของเอลาม ได้พูดกับเอสราว่า “พวกเราไม่ซื่อสัตย์ต่อพระเจ้าของเรา ที่ไปแต่งงานกับหญิงต่างชาติจากชนชาติต่างๆที่อยู่ในแผ่นดินนี้ แต่ตอนนี้ยังคงมีความหวังให้อิสราเอลในเรื่องนี้อยู่ 3 ดังนั้น ขอให้พวกเราทำข้อตกลงกับพระเจ้าของเราว่า จะส่งภรรยาเหล่านี้และลูกๆของพวกเขากลับไปตามคำแนะนำของเอสราผู้เป็นเจ้านายของข้าพเจ้า และตามคำแนะนำของคนอื่นๆที่สั่นเทิ้มเมื่อฟังคำสั่งของพระเจ้าของเรา ดังนั้นขอให้มันเป็นไปตามกฎเถิด 4 ลุกขึ้นเพราะเรื่องนี้เป็นความรับผิดชอบของท่าน แล้วเราจะสนับสนุนท่าน ให้มีความกล้าและลงมือทำเถิด”
5 เอสราก็ลุกขึ้น และเขาทำให้พวกหัวหน้านักบวช พวกชาวเลวี และชาวอิสราเอลทั้งหมดสัญญาว่าจะทำตามคำแนะนำดังกล่าวนี้ แล้วพวกเขาก็ให้สัญญาว่าจะทำตามนั้น 6 เอสราได้ออกไปจากหน้าวิหารของพระเจ้า แล้วเข้าไปในห้องของเยโฮฮานันลูกชายของเอลียาชีบ แล้วเขาก็นอนค้างคืนที่นั่น[j] เอสราไม่ได้กินขนมปังหรือดื่มน้ำเลยที่นั่น เนื่องจากเขายังเศร้าโศกเรื่องความไม่ซื่อสัตย์ของพวกที่กลับมาจากการเป็นเชลย 7 พวกเขาประกาศไปทั่วยูดาห์และเมืองเยรูซาเล็ม ให้ทุกคนที่กลับจากการเป็นเชลยมารวมตัวกันในเมืองเยรูซาเล็ม 8 ใครก็ตามที่ไม่มาภายในสามวันจะถูกยึดทรัพย์ที่มีทั้งหมด และถูกแยกออกจากสังคมของผู้ที่กลับมาจากการเป็นเชลยตามที่พวกเจ้าหน้าที่และพวกผู้ใหญ่ได้ตัดสินใจไว้
9 ดังนั้นชายทุกคนของยูดาห์และเบนยามิน ก็มารวมตัวกันในเมืองเยรูซาเล็มภายในสามวัน ในวันที่ยี่สิบของเดือนที่เก้า[k] ทุกคนนั่งอยู่ที่ลานของวิหารแห่งพระเจ้า แต่ละคนต่างสั่นเทิ้มเพราะเรื่องนี้ และเพราะฝนตกหนัก 10 แล้วเอสราผู้เป็นนักบวชก็ยืนขึ้นและพูดกับพวกเขาว่า “พวกท่านไม่ซื่อสัตย์ที่ไปแต่งงานกับหญิงต่างชาติ จึงเพิ่มความผิดให้กับอิสราเอล 11 ดังนั้น ตอนนี้ให้สารภาพต่อพระยาห์เวห์ พระเจ้าของบรรพบุรุษของเรา และทำตามที่พระองค์ต้องการ นั่นคือ ให้แยกตัวออกจากชนชาติอื่นๆของแผ่นดินนี้ และไปจากพวกภรรยาต่างชาติของท่านซะ”
12 ที่ชุมนุมทั้งหมดต่างตอบรับเสียงดังว่า “ถูกต้องแล้ว เราต้องทำตามที่ท่านพูด 13 แต่มีคนมากมายที่นี่ และตอนนี้ก็เป็นหน้าฝน เราจึงไม่สามารถยืนอยู่ข้างนอกนี้ได้ และงานนี้ก็ไม่ใช่งานที่จะทำให้เสร็จได้ในวันสองวัน เพราะเราได้ทำบาปอันยิ่งใหญ่ในเรื่องนี้ 14 ขอให้หัวหน้าของเรายืนเป็นตัวแทนที่ชุมนุมทั้งหมดนี้ และให้ทุกคนในเมืองของเราที่แต่งงานกับหญิงต่างชาติ มาตามนัดที่กำหนดไว้ โดยมีพวกผู้ใหญ่ของแต่ละเมือง รวมทั้งพวกผู้พิพากษามากับพวกเขาด้วย จนกว่าความโกรธที่เผาผลาญของพระเจ้าของเราในเรื่องนี้จะหันไปจากพวกเรา”
15 มีแต่โยนาธาน ลูกชายของอาสาเฮล และยาไซอาห์ ลูกชายของทิกวาห์เท่านั้นที่ไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ และเมชุลลาม และชับเบธัย ผู้เป็นชาวเลวีสนับสนุนพวกเขา
16 แล้วพวกที่กลับมาจากการเป็นเชลยก็ทำตามนั้น นักบวชเอสรา จึงคัดเลือกพวกผู้ชายบางคนที่เป็นหัวหน้าครอบครัว เพื่อเป็นตัวแทนให้ครอบครัวของพวกเขา และให้พวกเขาทั้งหมดถูกระบุตามชื่อ ในวันแรกของเดือนที่สิบ[l] พวกเขาก็ได้นั่งลงเพื่อตรวจสอบเกี่ยวกับเรื่องนี้ 17 พวกเขาจัดการกับชายทุกคนที่แต่งงานกับหญิงต่างชาติเสร็จเรียบร้อย ในวันที่หนึ่งของเดือนแรก[m] ของปี
รายชื่อชายที่แต่งงานกับหญิงต่างชาติ
18 รายชื่อผู้สืบตระกูลของนักบวช ที่ได้แต่งงานกับหญิงต่างชาติมีดังนี้
รายชื่อจากผู้สืบตระกูลของเยชูอา ลูกชายของโยซาดัก และพี่น้องของเขาคือ มาอาเสอาห์ เอลีเยเซอร์ ยารีบ และเกดาลิยาห์ 19 (พวกเขาทุกคนสัญญาว่า จะหย่ากับภรรยาของตน และพวกเขาแต่ละคนได้มอบแกะตัวผู้จากฝูง เป็นของถวายชดเชยสำหรับความผิดของเขา)
20 จากผู้สืบตระกูลของอิมเมอร์ มี ฮานานี และเศบาดิยาห์
21 จากผู้สืบตระกูลของฮาริม มี มาอาเสอาห์ เอลียาห์ เชไมอาห์ เยฮีเอล และอุสซียาห์
22 จากผู้สืบตระกูลของปาชเฮอร์ มี เอลีโอเอนัย มาอาเสอาห์ อิชมาเอล เนธันเอล โยซาบาด และ เอลาสาห์
23 จากชนชาวเลวี มี
โยซาบาด ชิเมอี เคลายาห์ (นั่นคือ เคลิทา) เปธาหิยาห์ ยูดาห์ และเอลีเยเซอร์
24 จากพวกนักร้อง มี เอลียาชีบ
จากคนเฝ้าประตูมี ชัลลูม เทเลม และอุรี
25 แล้วส่วนชาวอิสราเอลที่เหลือ ประกอบด้วย
จากผู้สืบตระกูลของปาโรช มี รามียาห์ อิสซียาห์ มัคคิยาห์ มิยามิน เอเลอาซาร์ มัคคีอาห์ และเบไนยาห์
26 จากผู้สืบตระกูลของเอลาม มี มัทธานิยาห์ เศคาริยาห์ เยฮีเอล อับดี เยเรโมท และเอลียาห์
27 จากผู้สืบตระกูลของศัทธู มี เอลีโอเอนัย เอลียาชีบ มัทธานิยาห์ เยเรโมท ศาบาด และอาซีซา
28 จากผู้สืบตระกูลของเบบัย มี เยโฮฮานัน ฮานันยาห์ ศับบัย และอัทลัย
29 จากผู้สืบตระกูลของบานี มี เมชุลลาม มัลลูค อาดายาห์ ยาชูบ เชอัล และ เยเรโมท
30 จากผู้สืบตระกูลของปาหัทโมอับ มี อัดนา เคลาล เบไนยาห์ มาอาเสอาห์ มัทธานิยาห์ เบซาเลล บินนุย และ มนัสเสห์
31 จากผู้สืบตระกูลของฮาริม มี เอลีเยเซอร์ อิสชีอาห์ มัลคิยาห์ เชไมอาห์ ชิเมโอน 32 เบนยามิน มัลลูค และเชมาริยาห์
33 จากผู้สืบตระกูลของฮาชูม มี มัทเธนัย มัทธัตตาห์ ศาบาด เอลีเฟเลท เยเรมัย มนัสเสห์ และชิเมอี
34 จากผู้สืบตระกูลของบานี มี มาอาดัย อัมราม อูเอล 35 เบไนยาห์ เบดัยยาห์ เคลุฮี 36 วานิยาห์ เมเรโมท เอลียาชีบ 37 มัทธานิยาห์ มัทเธนัย และยาอาสุ
38 จากผู้สืบตระกูลของบินนุย มี ชิเมอี 39 เชเลมิยาห์ นาธัน อาดายาห์ 40 มัคนาเดบัย ชาชัย ชารัย 41 อาซาเรล เชเลมิยาห์ เชมาริยาห์ 42 ชัลลูม อามาริยาห์ และโยเซฟ
43 จากผู้สืบตระกูลของเนโบ มี เยอีเอล มัททีธิยาห์ ศาบาด เศบินา ยาดดัย โยเอล และเบไนยาห์
44 คนเหล่านี้ได้แต่งงานกับหญิงต่างชาติ โดยบางคนมีลูกกับภรรยาเหล่านั้นของพวกเขาด้วย
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International