Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

Chronological

Read the Bible in the chronological order in which its stories and events occurred.
Duration: 365 days
Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)
Version
เศคาริยาห์ 1-7

พระยาห์เวห์ต้องการให้คนของพระองค์กลับมาหาพระองค์

ในเดือนที่แปดของปีที่สอง[a] ที่ดาริอัส[b] เป็นกษัตริย์ของเปอร์เซีย ถ้อยคำของพระยาห์เวห์มาถึงเศคาริยาห์ ผู้พูดแทนพระเจ้า ที่เป็นลูกของเบเรคิยาห์ที่เป็นลูกของอิดโด ข้อความนั้นพูดว่า

เรายาห์เวห์โกรธพวกบรรพบุรุษของพวกเจ้ามาก ดังนั้น เจ้าควรจะบอกคนของเจ้าว่า “นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นพูด ‘กลับมาหาเราซะ แล้วเราจะกลับมาหาเจ้า’

อย่าเป็นเหมือนกับพวกบรรพบุรุษของพวกเจ้า ที่พวกผู้พูดแทนพระเจ้ารุ่นก่อนหน้านี้ได้พูดกับพวกเขาว่า ‘นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นพูด “หันกลับจากทางชั่วและการทำชั่วพวกนั้นของเจ้าซะ” แต่พวกเขาก็ไม่ยอมฟัง และไม่สนใจเราด้วย’” พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น

“ส่วนพวกบรรพบุรุษของเจ้า ตอนนี้พวกเขาอยู่ที่ไหนแล้ว แล้วพวกผู้พูดแทนพระเจ้าละ พวกเขาอยู่ค้ำฟ้าหรือยังไง แต่พวกคำเตือนและกฎต่างๆของเรา ที่เราได้สั่งผ่านมาทางพวกผู้พูดแทนพระเจ้า ซึ่งเป็นพวกผู้รับใช้ของเรานั้น ก็ไล่ทันพวกบรรพบุรุษของพวกเจ้าไม่ใช่หรือ พวกเขาถึงได้กลับใจเสียใหม่ และพูดว่า ‘พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น วางแผนไว้ว่าจะทำอย่างไรกับพวกเรา เพื่อให้สาสมกับวิถีทางและการกระทำต่างๆของพวกเรา และพระองค์ก็ได้ทำอย่างนั้นกับพวกเราแล้ว’”

นิมิตที่หนึ่ง: ม้าสี่ตัว

ในวันที่ยี่สิบสี่ของเดือนที่สิบเอ็ด ซึ่งเป็นเดือนเชบัท[c] ในปีที่สองที่กษัตริย์ดาริอัสครองราชย์[d] ถ้อยคำของพระยาห์เวห์มาถึงเศคาริยาห์ ผู้พูดแทนพระเจ้า ที่เป็นลูกของเบเรคิยาห์ที่เป็นลูกของอิดโด ข้อความนั้นพูดว่า

ในช่วงกลางคืน ผมเห็นนิมิต ผมเห็นชายคนหนึ่งขี่ม้าสีดำแดง ยืนอยู่ท่ามกลางพุ่มไม้ดอกในหุบเขาลึก และข้างหลังเขาก็มีม้าสีดำแดง ม้าสีน้ำตาลแดง และม้าสีขาว ผมถามว่า “ท่านครับ ม้าพวกนี้เอาไว้ทำอะไรหรือครับ”

ทูตสวรรค์พูดกับผมว่า “เราจะให้เจ้าเห็นว่าม้าพวกนี้มีไว้ทำอะไร”

10 ชายคนที่ยืนอยู่ท่ามกลางพุ่มไม้นั้นตอบว่า “พวกม้านี้คือพวกที่พระยาห์เวห์ส่งมาเพื่อท่องตรวจตราไปในโลกนี้”

11 พวกคนขี่ม้าเหล่านั้นได้รายงานให้กับทูตของพระยาห์เวห์ที่ยืนอยู่ใต้ต้นไม้นั้นว่า “พวกเราได้ท่องตรวจตราไปในโลกนี้ และโลกทั้งโลกก็อยู่ในความสงบเรียบร้อยดี”

12 ทูตของพระยาห์เวห์พูดว่า “ข้าแต่พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น อีกนานแค่ไหนที่พระองค์จะยับยั้งความเมตตาสงสารไปจากเยรูซาเล็มและพวกเมืองต่างๆของยูดาห์ ที่พระองค์โกรธมาเป็นเวลาถึงเจ็ดสิบปีแล้ว[e]

13 พระยาห์เวห์ตอบกับทูตสวรรค์ที่พูดกับผม พระยาห์เวห์ใช้คำพูดที่เต็มไปด้วยความเมตตาและการปลอบโยน 14 ทูตสวรรค์ที่พูดกับผม บอกให้ผมไปประกาศเรื่องนี้ คือ

พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นพูดว่า
    “เราหึงหวงเยรูซาเล็มและภูเขาศิโยนมาก
15 เราโกรธชนชาติที่เย่อหยิ่งจองหองเหล่านั้นมาก คือชนชาติเหล่านั้นที่คิดว่าตัวเองมั่นคงปลอดภัย
    ตอนนั้นเราโกรธคนอิสราเอลไม่มาก
เราจึงใช้คนพวกนี้ไปลงโทษคนของเรา
    แต่พวกเขาก็ทำเกินไป”
16 ดังนั้น พระยาห์เวห์พูดอย่างนี้ว่า
    “เราจะกลับมาเยรูซาเล็มด้วยความสงสาร
วิหารของเราจะถูกสร้างขึ้นใหม่ในเมืองนั้น
    จะมีการขึงเชือกวัดไปทั่วทั้งเมืองเยรูซาเล็มเพื่อสร้างเมืองขึ้นมาใหม่”
17 ทูตสวรรค์ยังบอกผมให้ประกาศเรื่องนี้ด้วย
“พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นพูดว่า
    ‘เมืองต่างๆของเราจะเต็มล้นไปด้วยความมั่งคั่งอีก
เราจะปลอบโยนศิโยนอีกครั้ง
    และเราจะเลือกเมืองเยรูซาเล็มเป็นเมืองพิเศษของเราอีกครั้งหนึ่ง’”

นิมิตที่สอง: เขาสัตว์สี่อันกับช่างสี่คน

18 ผมเงยหน้าขึ้นมาเห็นเขาสัตว์สี่อัน 19 ผมถามทูตสวรรค์ที่พูดอยู่กับผมว่า “เขาสัตว์พวกนี้หมายถึงอะไรครับ”

ท่านตอบว่า “เขาสัตว์พวกนี้คือชนชาติต่างๆที่ทำให้ยูดาห์ อิสราเอล และเยรูซาเล็มต้องกระจัดกระจายไป”

20 พระยาห์เวห์ให้ผมเห็นช่างสี่คน 21 ผมถามว่า “ช่างพวกนี้จะมาทำอะไรหรือครับ”

พระองค์ตอบว่า “เขาสัตว์เหล่านั้นคือชนชาติต่างๆที่ทำให้ยูดาห์ต้องกระจัดกระจายไป ทำให้ไม่มีใครโงหัวขึ้นมาได้ และช่างพวกนี้[f] ก็มาเพื่อทำให้เขาสัตว์ทั้งสี่นั้นกลัว พวกเขามาตัดและโยนเขาสัตว์นั้นทิ้งไป ซึ่งก็คือชนชาติเหล่านั้น ชนชาติที่ได้ยกเขาขึ้น[g] ต่อต้านแผ่นดินยูดาห์ และทำให้พวกเขาต้องกระจัดกระจายไป”

นิมิตที่สาม: เอาเชือกวัดเยรูซาเล็ม

ผมเงยหน้าขึ้นมองเห็นชายคนหนึ่งถือสายวัดอยู่ในมือ ผมถามเขาว่า “จะไปไหนหรือครับ”

เขาตอบผมว่า “เรากำลังจะไปวัดเมืองเยรูซาเล็ม เพื่อดูว่ามันมีขนาดกว้างยาวเท่าไหร่”

แล้วทูตสวรรค์ที่พูดอยู่กับผมก็เดินออกไปต้อนรับทูตสวรรค์อีกองค์หนึ่งที่กำลังเดินเข้ามาหาเขา ทูตสวรรค์องค์แรกบอกกับทูตสวรรค์องค์ที่สองว่า “ให้วิ่งไปบอกกับชายหนุ่มคนนั้นที่ถือสายวัดว่า

‘เยรูซาเล็มจะเป็นเหมือนกับหมู่บ้านต่างๆในชนบทที่ไม่มีกำแพง
    เพราะเยรูซาเล็มจะมีคนกับสัตว์อาศัยอยู่อย่างล้นเหลือ’
พระยาห์เวห์พูดว่า
‘แต่เราจะเป็นกำแพงเพลิงที่ล้อมรอบปกป้องเมืองนั้นไว้
    และเราก็จะเป็นสง่าราศีให้กับเมืองนั้น’”

พระเจ้าเรียกคนของพระองค์กลับมา

พระยาห์เวห์พูดว่า
“นี่ พวกเจ้า รีบหนีออกจากแผ่นดินที่อยู่ทางเหนือได้แล้ว
    เพราะเราทำให้เจ้ากระจัดกระจายไปทั่วทุกสารทิศ
นี่ พวกเจ้าคนศิโยน ที่ตอนนี้อาศัยอยู่ในเมืองบาบิโลน
    ให้รีบหนีไปจากเมืองนั้นซะ”
หลังจากที่สง่าราศีของพระองค์ได้ปรากฏให้ผมเห็นแล้ว
    แล้วพระองค์ส่งผมไป
นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นพูดเกี่ยวกับชนชาติต่างๆพวกนั้นที่ปล้นพวกเจ้า
    “ใครทำร้ายเจ้าก็คือทำร้ายแก้วตาดวงใจของเรานั่นเอง
เพราะเราจะยกมือขึ้นเตรียมฟาดขับไล่ชนชาติเหล่านั้นไป
    ชนชาติเหล่านั้นจะกลายเป็นของที่โดนปล้น
สำหรับคนเหล่านั้นที่เคยเป็นทาสของพวกมัน
    แล้วพวกเจ้าจะได้รู้ว่าพระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นเป็นผู้ที่ส่งผมมา”

10 พระยาห์เวห์พูดว่า
“นางสาวศิโยนเอ๋ย ร้องเพลงและเฉลิมฉลองกันเถอะ
    เพราะเรากำลังมาอาศัยอยู่ในเจ้า
11 ในวันนั้น ชนชาติเป็นจำนวนมากจะมาร่วมกับเรา
    พวกเขาจะกลายเป็นคนของเรา แล้วศิโยน เราจะอาศัยอยู่กับเจ้า”
แล้วเจ้าจะได้รู้ว่าพระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นได้ส่งผมมาหาพวกเจ้าชาวศิโยน

12 พระยาห์เวห์จะรับยูดาห์เป็นส่วนแบ่งของพระองค์ในแผ่นดินอันศักดิ์สิทธิ์
    และพระองค์จะเลือกเยรูซาเล็มเป็นเมืองพิเศษของพระองค์อีกครั้ง
13 มนุษย์ทุกคน ให้เงียบๆไว้ต่อหน้าพระยาห์เวห์
    เพราะพระองค์กำลังลุกขึ้นมาจากที่พักอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์

นิมิตที่สี่: เรื่องนักบวชสูงสุด

ทูตสวรรค์ทำให้ผมเห็นโยชูวานักบวชสูงสุดยืนอยู่ต่อหน้าทูตของพระยาห์เวห์ และซาตาน[h] ก็ยืนอยู่ทางขวามือของโยชูวา กำลังกล่าวหาท่านอยู่ ทูตของพระยาห์เวห์บอกกับซาตานว่า “ขอให้พระยาห์เวห์ประณามเจ้า ไอ้ซาตาน ขอให้พระยาห์เวห์ ผู้ที่เลือกเมืองเยรูซาเล็มมาเป็นสถานที่พิเศษสำหรับพระองค์ ประณามเจ้า โยชูวาคนนี้เป็นเหมือนท่อนฟืนที่ถูกดึงออกมาจากกองไฟ ไม่ใช่หรือ”

โยชูวาใส่เสื้อผ้าสกปรกเลอะเทอะยืนอยู่ต่อหน้าทูตสวรรค์ ทูตสวรรค์องค์นั้นบอกกับพวกทูตสวรรค์เหล่านั้นที่ยืนอยู่ตรงหน้าว่า “ถอดเสื้อผ้าที่สกปรกเลอะเทอะพวกนั้นให้เขา” ทูตสวรรค์องค์นั้นพูดกับโยชูวาว่า “เห็นไหม เราทำให้ความผิดบาปของเจ้าหมดไปจากเจ้าแล้ว และเราก็จะสวมใส่เสื้อผ้าที่สวยงามของนักบวชให้กับเจ้า”

ผมพูดว่า “ให้พวกเขาเอาผ้าโพกหัวที่สะอาดมาโพกหัวให้กับเขาด้วยสิ” พวกเขาจึงเอาผ้าที่สะอาดมาโพกหัวของโยชูวา และเอาเสื้อผ้าใหม่นั้นมาสวมใส่ให้กับโยชูวาด้วย และทูตสวรรค์ของพระยาห์เวห์ก็ยืนอยู่ที่นั่น ทูตสวรรค์ของพระยาห์เวห์กำชับโยชูวาว่า

“พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นพูดว่า
    ถ้าเจ้าจะเดินในทางต่างๆของเราและเชื่อฟังข้อเรียกร้องต่างๆของเรา
เจ้าก็จะได้เป็นคนจัดการอยู่ในวิหารของเรา
    เจ้าจะได้ดูแลบริเวณลานวิหาร
และเราจะให้เจ้าเข้ามาหาเราอย่างอิสระ
    เหมือนทูตสวรรค์ที่ยืนอยู่ที่นี่
ฟังให้ดี โยชูวา นักบวชสูงสุด เจ้าและเพื่อนนักบวชที่นั่งอยู่ตรงหน้าเจ้า
    พวกเจ้าเป็นลางบอกเหตุล่วงหน้า
เพราะเรากำลังจะนำผู้รับใช้ของเรามา
    เขามีชื่อว่า ‘กิ่ง’
ดูหินที่เราวางไว้ตรงหน้าโยชูวาสิ
    บนหินก้อนเดียวนี้มีเจ็ดด้าน[i]
ดูสิ เรากำลังจะสลักข้อความลงบนมัน
    และเราจะกำจัดความผิดของแผ่นดินนี้ให้หมดสิ้นไปในวันเดียว”

10 พระยาห์เวห์พูดว่า
“ในวันนั้นพวกเจ้าจะเชื้อเชิญเพื่อนบ้านของตน
    มานั่งกันอยู่ใต้ต้นองุ่นและใต้ต้นมะเดื่อของเจ้า”

นิมิตที่ห้า: ขาตั้งตะเกียงและต้นมะกอกสองต้น

ทูตสวรรค์ที่เคยพูดกับผมกลับมา และมาเขย่าตัวผมเหมือนกับปลุกคนให้ตื่น ท่านพูดกับผมว่า “เจ้าเห็นอะไร”

ผมตอบว่า “ผมเห็นตะเกียงไฟยืนที่ทำจากทองคำล้วนๆ ที่มีชามใส่น้ำมันอยู่บนยอดของมัน และยังมีตะเกียงไฟเจ็ดดวงอยู่บนมัน และตะเกียงแต่ละดวงก็มีปากที่ยื่นออกมาไว้วางไส้ตะเกียง และผมเห็นต้นมะกอกสองต้นอยู่ข้างๆถ้วยใส่น้ำมัน ทางขวาต้นหนึ่งและทางซ้ายต้นหนึ่ง” จากนั้นผมพูดกับทูตสวรรค์ที่พูดอยู่กับผมว่า “ท่านครับ พวกนี้มันอะไรกันครับ”

ทูตสวรรค์ที่พูดอยู่กับผม ตอบผมว่า “เจ้าไม่รู้หรือว่าสิ่งเหล่านี้คืออะไร”

ผมตอบว่า “ไม่รู้ครับท่าน”

ท่านตอบว่า “นี่คือข่าวสารของพระยาห์เวห์ที่มีมาถึงเศรุบบาเบลว่า ‘ความสำเร็จ[j] ไม่ได้มาจากพละกำลังและฤทธิ์อำนาจของมนุษย์ แต่มาจากพระวิญญาณของเรา’ พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นพูดว่าอย่างนั้น เจ้าภูเขาที่ยิ่งใหญ่ เจ้าคืออะไร ต่อหน้าเศรุบบาเบล เจ้าจะกลายเป็นพื้นราบ ท่านจะวางหินบนยอดสูงสุดของวิหาร และผู้คนจะร้องว่า ‘สวยมาก วิหารนี้ ช่างสวยจริงๆ’”

ผมได้รับข่าวสารของพระยาห์เวห์ว่า “เศรุบบาเบลได้วางรากฐานของวิหารนี้แล้ว และเขาจะสร้างมันจนเสร็จด้วย” เจ้าจะได้รู้ว่าพระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นเป็นผู้ที่ส่งผมมาหาพวกเจ้า 10 คนที่เห็นว่าตอนเริ่มต้นนั้นกระจอกงอกง่อย จะได้เฉลิมฉลอง เมื่อพวกเขาเห็นแผ่นดีบุกคำจารึกอยู่ในมือของเศรุบบาเบล ทูตสวรรค์พูดกับผมว่า “ตะเกียงทั้งเจ็ดอันนี้ เป็นดวงตาของพระยาห์เวห์ ที่มองสาดส่ายไปมาทั่วโลก”

11 เมื่อผมถามท่านว่า “แล้วต้นมะกอกสองต้นที่อยู่ทางซ้ายขวาของขาตั้งตะเกียงนั้นล่ะ หมายถึงอะไรครับ” 12 ผมถามเขาอีกเป็นครั้งที่สองว่า “แล้วกิ่งของต้นมะกอกสองกิ่ง ที่เทน้ำมันสีทองผ่านทางท่อทองคำสองท่อนั้น มันหมายถึงอะไรครับ”

13 ท่านตอบผมว่า “เจ้าไม่รู้หรือว่าของพวกนี้หมายถึงอะไร”

ผมตอบว่า “ไม่รู้ครับท่าน”

14 ท่านก็บอกว่า “ของพวกนี้หมายถึงผู้นำสองคน[k] ที่ได้รับการเจิมด้วยน้ำมัน ทั้งสองยืนอยู่ข้างๆพระยาห์เวห์ผู้เป็นเจ้านายของโลกทั้งใบ”

นิมิตที่หก: แผ่นม้วนหนังที่ลอยในอากาศ

ผมเงยหน้าขึ้นอีกครั้งหนึ่ง และมองเห็นแผ่นม้วนหนังม้วนหนึ่งลอยอยู่ในอากาศ ทูตสวรรค์ถามผมว่า “เจ้าเห็นอะไร”

ผมตอบว่า “ผมเห็นแผ่นม้วนหนังม้วนหนึ่งลอยอยู่ในอากาศ แผ่นม้วนหนังนี้ยาวยี่สิบศอก และกว้างสิบศอก”

ทูตสวรรค์พูดกับผมว่า “มีคำสาปแช่งเขียนอยู่บนแผ่นม้วนหนังนั้น เป็นคำสาปแช่งที่แพร่กระจายไปทั่วแผ่นดินนี้ เพราะที่ผ่านมา ทุกคนที่ขโมย ไม่ได้ถูกลงโทษ และทุกคนที่สาบานว่าจะพูดความจริงแต่กลับเป็นพยานเท็จ ก็ไม่ได้ถูกลงโทษ” พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นพูดว่า “เราจะส่งคำสาปแช่งนั้นเข้าไปในบ้านของพวกขโมย และเข้าไปในบ้านของคนที่สาบานว่าจะพูดความจริงแต่กลับเป็นพยานเท็จ คำสาปแช่งนั้นจะอยู่ในบ้านของพวกเขา และมันจะทำลายบ้านของพวกเขา รวมทั้งพวกท่อนไม้และก้อนหินของมัน”

นิมิตที่เจ็ด: ผู้หญิงในถังตวง

ทูตสวรรค์ที่เคยพูดอยู่กับผมก็ออกมา และพูดกับผมว่า “เงยหน้าดูสิ่งที่กำลังมาทางนี้”

ผมพูดว่า “นั่นอะไรครับ”

ท่านบอกว่า “สิ่งที่กำลังมานั้น คือถังตวง”

ท่านบอกว่า “ถังตวงนี้หมายถึงความผิดบาปของคนทั้งแผ่นดิน”

ฝาตะกั่วของถังนั้นถูกยกขึ้น และมีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่ในถังนั้น ทูตสวรรค์บอกว่า “ผู้หญิงคนนี้หมายถึงความชั่วร้าย” ทูตสวรรค์ผลักเธอกลับเข้าไปในถังนั้น แล้วเลื่อนฝาตะกั่วมาปิดปากถังไว้ ผมเงยหน้าขึ้นมา เห็นผู้หญิงสองคนบินตรงมาหาเรา พวกนางมีปีกเหมือนปีกนกกระสา และปีกของพวกนางก็กางออกรับลม พวกนางมายกถังตวงนั้นแล้วบินไป 10 ผมพูดกับทูตสวรรค์ที่พูดอยู่กับผมว่า “พวกนางจะเอาถังนั้นไปไหนหรือครับ”

11 ทูตสวรรค์บอกผมว่า “พวกนางกำลังจะไปสร้างบ้านให้กับถังนั้น ในแผ่นดินชินาร์[l] และหลังจากที่พวกนางสร้างบ้านนั้นแล้ว พวกนางก็จะวางถังนั้นไว้ที่นั่น”

นิมิตที่แปด: รถม้าสี่คัน

ผมเงยหน้าขึ้นมามองอีกครั้งหนึ่ง ผมเห็นรถรบสี่คันออกมาจากระหว่างภูเขาทองสัมฤทธิ์สองลูก รถรบคันแรกมีพวกม้าสีแดงลาก รถรบคันที่สองมีพวกม้าสีดำลาก รถรบคันที่สามมีพวกม้าสีขาวลาก และรถรบคันที่สี่มีพวกม้าที่เป็นจุดด่างๆลาก ม้าทุกตัวเป็นม้าที่แข็งแรง

จากนั้นผมถามทูตสวรรค์ที่พูดอยู่กับผมว่า “พวกนี้หมายถึงอะไรกันครับท่าน”

ทูตสวรรค์ตอบว่า “พวกนี้คือลมสี่ทิศจากฟ้าสวรรค์ที่กำลังออกไป หลังจากยืนประจำการอยู่ต่อหน้าพระยาห์เวห์เจ้าของโลกนี้ พวกม้าสีดำกำลังออกไปทางทิศเหนือ พวกม้าสีขาวกำลังออกไปทางทิศตะวันตก และพวกม้าจุดด่างกำลังออกไปทางทิศใต้”[m]

พวกม้าที่แข็งแรงพวกนี้ออกมา พวกมันอยากจะท่องตรวจตราไปในโลกนี้ พระยาห์เวห์จึงพูดว่า “ไปเลย ไปท่องตรวจตราโลก” พวกมันจึงท่องตรวจตราไปในโลกนี้

พระองค์เรียกผมเข้าไปหาและพูดกับผมว่า “ดูม้าพวกนั้นที่เดินทางไปทางเหนือสิ พวกมันได้ทำให้ความโกรธของเราสงบลงที่นั่น”

โยชูวานักบวชสูงสุดได้รับมงกุฎ

พระคำของพระยาห์เวห์ที่มาถึงผมพูดว่า 10 “เฮลดัย โทบียาห์ และเยดายาห์ เพิ่งกลับมาจากการถูกเนรเทศไปบาบิโลน ไปเอาเงินและทองจากพวกเขาสิ และในวันเดียวกันนั้นให้เจ้าไปบ้านของโยสิยาห์ลูกชายของเศฟันยาห์ 11 ให้เอาเงินและทองนั้นมาทำเป็นมงกุฎสองอัน และให้เอามงกุฎอันหนึ่งไปสวมหัวของโยชูวานักบวชสูงสุด ลูกชายของเยโฮซาดัก 12 และให้บอกกับโยชูวาว่า

พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นพูดว่า
    ‘ดูสิ นี่คือชายชื่อ “กิ่ง”
เขาจะแผ่กิ่งของเขาออกมาในที่ที่เขาอยู่
    และเขาจะสร้างวิหารของพระยาห์เวห์
13 คนนี้แหละจะเป็นคนสร้างวิหารของพระยาห์เวห์
    คนนี้แหละจะเป็นคนได้รับเกียรติ
เขาจะนั่งและปกครองอยู่บนบัลลังก์ของเขา
    และจะมีนักบวชคนหนึ่งอยู่ข้างๆบัลลังก์ของเขา
ชายทั้งสองคนนี้จะทำงานร่วมกันอย่างกลมเกลียว’

14 และมงกุฎอีกอันหนึ่งจะเป็นเครื่องเตือนใจในวิหารของพระยาห์เวห์ให้กับ เฮลดัย โทบียาห์ เยดายาห์ และโยสิยาห์ลูกของเศฟันยาห์

15 คนที่อยู่ไกลๆจะได้มาช่วยกันสร้างวิหารของพระยาห์เวห์ แล้วพวกเจ้าจะได้รู้ว่าพระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นได้ส่งผมมาหาเจ้า และสิ่งนี้จะเกิดขึ้น ถ้าพวกเจ้าจะเชื่อฟังเสียงของพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้าอย่างเต็มที่”

พระยาห์เวห์อยากให้คนของพระองค์มีความเมตตาปรานี

ในปีที่สี่ที่ดาริอัสเป็นกษัตริย์ของเปอร์เซีย ถ้อยคำของพระยาห์เวห์มาถึงเศคาริยาห์ ในวันที่สี่ของเดือนเก้า ซึ่งเป็นเดือนคิสเลฟ[n] เมืองเบธเอลส่งชาเรเซอร์ และเรเกมเมเลค มาขอให้พระยาห์เวห์อวยพรพวกเขา พวกเขาพูดกับพวกนักบวชที่วิหารของพระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นและพูดกับพวกผู้พูดแทนพระเจ้าว่า “ในช่วงเดือนที่ห้าของทุกปี[o] พวกเราร้องไห้และอดอาหาร ไว้ทุกข์ให้กับวิหารที่ถูกทำลายไป เราทำอย่างนี้มาเป็นเวลาหลายปีแล้ว จะให้เราทำต่อไปอีกหรือเปล่า”

ถ้อยคำของพระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นมาถึงผมว่า “ให้บอกกับทุกคนในแผ่นดินนี้และให้บอกกับพวกนักบวชด้วยว่า ‘ที่พวกเจ้าอดอาหารและไว้ทุกข์ในเดือนที่ห้าและในเดือนที่เจ็ดเป็นเวลาถึงเจ็ดสิบปีแล้วนั้น พวกเจ้าแน่ใจหรือว่าได้อดอาหารให้กับเราจริงๆ แล้วเวลาที่เจ้ากินและดื่มนั้น พวกเจ้าไม่ใช่กินและดื่มเพื่อประโยชน์สุขของตัวเองหรอกหรือ คำพูดอย่างนี้ พระยาห์เวห์ก็เคยพูดไปแล้วไม่ใช่หรือผ่านทางพวกผู้พูดแทนพระเจ้าในสมัยก่อน เรื่องนี้พระองค์เคยพูดไปแล้วไม่ใช่หรือ ตอนที่เยรูซาเล็มและหมู่บ้านรอบข้างมั่นคงปลอดภัยและมีผู้คนอาศัยอยู่มากมาย และเรื่องนี้พระองค์เคยพูดไปแล้วไม่ใช่หรือตอนที่ดินแดนเนเกบและเชเฟลาห์[p]ยังมีผู้คนอาศัยอยู่’”

ถ้อยคำของพระยาห์เวห์มาถึงเศคาริยาห์ พูดอย่างนี้ว่า
“นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นพูด
    ‘ให้ตัดสินอย่างยุติธรรม
    ให้มีน้ำใจต่อกันและเห็นอกเห็นใจกัน
10 อย่ากดขี่ข่มเหงแม่หม้าย เด็กกำพร้า คนต่างชาติ หรือคนจน
    อย่าวางแผนชั่วในใจต่อกัน’

11 แต่คนพวกนั้นก็ไม่ยอมฟัง
    พวกเขาทำเป็นเมิน ดื้อดึง
และยังอุดหูไม่ยอมฟัง
12 เขาทำให้ใจตัวเองแข็งเหมือนเพชรเพื่อจะไม่ได้ยินกฎและคำสั่งต่างๆ
    ที่พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นส่งผ่านมาทางพระวิญญาณของพระองค์
โดยพวกผู้พูดแทนพระเจ้าในสมัยก่อน
    พระยาห์เวห์จึงโกรธแค้นมาก
13 ดังนั้นพระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นพูดว่า
    ‘ตอนที่เราเรียกพวกเขา พวกเขาก็ไม่ยอมฟังเรา
ดังนั้น ตอนนี้พวกเขาขอความช่วยเหลือจากเรา
    เราก็จะไม่ยอมฟังพวกเขาเหมือนกัน
14 แล้วเราได้พัดพวกเขาให้กระจัดกระจายไปอยู่ท่ามกลางชนชาติที่พวกเขาไม่รู้จัก
    จนแผ่นดินรกร้างว่างเปล่าจนไม่มีใครเดินผ่านไปมา
เมื่อชนชาติต่างๆเหล่านั้นบุกเข้ามา
    และแผ่นดินที่น่าอยู่ก็ถูกทำลายไป’”

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)

พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International