Chronological
กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ฝันเรื่องต้นไม้
4 กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ส่งข่าวสารถึงประชาชนทุกคน ทุกเชื้อชาติ และทุกภาษา ที่อาศัยอยู่ทั่วโลก
ขอให้ท่านมีความสุขความเจริญ
2 เรามีความยินดีที่จะบอกกับท่านถึงอิทธิฤทธิ์และความมหัศจรรย์ที่พระเจ้าสูงสุดได้ทำให้กับเรา
3 อิทธิฤทธิ์ของเทพองค์นี้ยิ่งใหญ่นัก
ความมหัศจรรย์ของพระองค์นั้นทรงพลัง
อาณาจักรของพระองค์นั้นเป็นอาณาจักรที่อยู่ชั่วนิรันดร์
พระองค์จะปกครองตลอดไปชั่วลูกชั่วหลาน
4 เมื่อตอนที่เรา กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ ใช้ชีวิตอย่างไร้กังวลในบ้านพักของเรา และมีความสุขกับชีวิตในวังของเรานั้น 5 เราฝันร้าย และมันทำให้เราตกใจกลัวมาก 6 เราจึงมีคำสั่งให้นำพวกที่ปรึกษาของเราทั้งหมดที่มีอยู่ในบาบิโลน มาพบเพื่อทำนายฝันนั้น 7 เมื่อพวกหมอดู พวกผู้สะเดาะเคราะห์ พวกคาสดิม และพวกโหร มาถึง เราก็เล่าความฝันให้พวกเขาฟัง แต่พวกเขาก็ไม่สามารถทำนายฝันให้กับเราได้ 8 และในที่สุด ดาเนียลก็มาพบเรา ดาเนียลมีชื่อในภาษาของคนบาบิโลนว่าเบลเทชัสซาร์ ตามชื่อของเทพเจ้าของเรา และวิญญาณของพวกเทพเจ้าศักดิ์สิทธิ์ได้สถิตอยู่ในตัวเขา ดังนั้นเราจึงเล่าความฝันให้เขาฟัง 9 เราพูดว่า “เบลเทชัสซาร์ หัวหน้าหมอดู เรารู้ว่าวิญญาณของพวกเทพเจ้าศักดิ์สิทธิ์สถิตอยู่ในตัวเจ้า และไม่มีความลับอะไรที่ยากเกินไปสำหรับเจ้า ช่วยทำนายฝันที่เราเห็นนั้นให้กับเราหน่อย 10 ตอนที่เรากำลังนอนอยู่บนเตียงนั้น เราเริ่มเห็นนิมิตต่างๆในหัวของเรา ทันใดนั้นก็มีต้นไม้สูงมากต้นหนึ่งอยู่ตรงกลางโลกนี้ 11 ต้นไม้นี้ได้โตขึ้นและแข็งแรงขึ้น ยอดของมันสูงเสียดฟ้า ขนาดอยู่ไกลถึงสุดขอบโลกก็ยังมองเห็นต้นนี้ 12 ใบของมันสวยงามมาก มีผลดกเต็มต้น เพียงพอที่จะเลี้ยงสิ่งมีชีวิตทั้งหมด สัตว์ป่าหาร่มเงาอยู่ใต้ต้นไม้นี้ มีนกทำรังอยู่ตามกิ่งก้านของมัน และสิ่งมีชีวิตทุกชนิดหาอาหารกินบนต้นไม้นี้
13 ขณะที่ข้ายังนอนอยู่บนเตียง กำลังฝันเห็นสิ่งต่างๆเหล่านี้อยู่นั้น ก็มีผู้เฝ้าระวังที่ศักดิ์สิทธิ์[a] องค์หนึ่งลงมาจากฟ้า 14 เขาร้องตะโกนว่า ‘โค่นต้นไม้นั้นซะ ฟันกิ่งก้านทิ้งให้หมด ดึงใบของมันทิ้งด้วย พร้อมกับโยนผลของมันทิ้งไปให้หมด ทำให้สัตว์ป่าที่อยู่ใต้ต้นและพวกนกที่อยู่บนกิ่งของมัน จะต้องหนีและบินกันไป 15 แต่ให้เหลือตอและรากของมันไว้ในดิน แล้วเอาแผ่นเหล็กและแผ่นทองแดงมาคาดมันไว้ ทิ้งมันไว้ที่นั่นในท้องทุ่งกับหญ้า มันจะต้องตากน้ำค้างที่ตกจากฟ้าจนเปียก ท่ามกลางสิงสาราสัตว์ทั้งหลายในท้องทุ่งที่มีหญ้าขึ้นอุดมสมบูรณ์ 16 เขาจะกลายเป็นบ้า แล้วเริ่มคิดเหมือนสัตว์ แล้วฤดูกาลก็จะผ่านพ้นเขาไปเจ็ดฤดูกาล
17 คำประกาศนี้ก็คือคำสั่งของพวกทูตที่เฝ้าระวังที่ศักดิ์สิทธิ์ คำตัดสินนี้เป็นไปตามคำสั่งของเหล่าเทพผู้ศักดิ์สิทธิ์ เพื่อแสดงให้สิ่งมีชีวิตทั้งหมดรู้ว่า พระเจ้าสูงสุดคือผู้ครอบครองอาณาจักรของมนุษย์ทั้งหมด และพระองค์จะให้อาณาจักรกับใครก็ได้ที่พระองค์ต้องการ และพระองค์สามารถยกคนที่ต่ำต้อยที่สุด แล้วตั้งเขาให้ปกครองได้’
18 นั่นแหละคือสิ่งที่เรา กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ ฝันเห็น เอาล่ะ เบลเทชัสซาร์ เจ้าต้องอธิบายความฝันนั้นให้ข้าฟัง เพราะไม่มีผู้รู้คนไหนในอาณาจักรสามารถอธิบายมันได้ แต่เจ้าต้องทำได้แน่ เพราะเจ้ามีวิญญาณของเหล่าเทพผู้ศักดิ์สิทธิ์อยู่ในตัว”
19 แล้วดาเนียล (หรือเบลเทชัสซาร์) ก็เงียบไปพักหนึ่ง เพราะความเข้าใจที่เขามีต่อความฝันนั้น ทำให้เขาไม่สบายใจมาก
กษัตริย์ก็พูดว่า “เบลเทชัสซาร์ อย่าได้วิตกกังวลกับความฝันและคำทำนายนั้นเลย”
เบลเทชัสซาร์จึงตอบว่า “พระองค์เจ้าข้า ข้าพเจ้าได้แต่หวังว่าความฝันนี้และคำอธิบายของมัน จะพูดถึงพวกศัตรูของพระองค์
20 ต้นไม้ที่พระองค์เห็นนั้น ต้นที่ใหญ่โตและแข็งแกร่ง ที่มียอดสูงเสียดฟ้า จนสามารถมองเห็นจากสุดขอบโลก 21 ต้นนั้นที่มีใบงดงาม มีลูกดกเป็นอาหารสำหรับทุกชีวิต ต้นที่สัตว์ป่ามาอาศัยร่มเงาอยู่ที่โคนต้น และนกมาทำรังที่กิ่งก้านของมัน 22 ข้าแต่กษัตริย์ พระองค์คือต้นไม้ต้นนั้น พระองค์ได้เติบโตและยิ่งใหญ่เกรียงไกร ความยิ่งใหญ่ของพระองค์ได้เจริญขึ้นไปถึงฟ้าสวรรค์ และสิทธิอำนาจของพระองค์ได้แผ่ขยายไปถึงสุดขอบโลก
23 คราวนี้ พูดถึงทูตเฝ้าระวังที่ศักดิ์สิทธิ์ ที่พระองค์เห็นลงมาจากสวรรค์นั้น ที่พูดว่า ‘โค่นต้นไม้นั่นซะ แล้วทำลายมันให้หมด ยกเว้นตอกับราก ที่เจ้าจะต้องเหลือไว้ในดิน เอาแผ่นเหล็กและทองแดงมาคาดมันไว้กลางทุ่ง ที่นั่นมันจะเปียกชุ่มไปด้วยน้ำค้างที่ตกจากฟ้า เขาจะอยู่ท่ามกลางสัตว์ป่า จนกว่าจะผ่านไปเจ็ดฤดูกาล’
24 ข้าแต่กษัตริย์ ความหมายของมันคือ พระเจ้าสูงสุดได้ตัดสินให้เกิดสิ่งนี้ขึ้นกับพระองค์ ผู้เป็นกษัตริย์ 25 พวกเขาจะขับไล่พระองค์ไปจากคนอื่นๆ พระองค์จึงต้องอยู่ท่ามกลางสัตว์ป่า และต้องกินหญ้าเหมือนวัว และเปียกโชกไปด้วยน้ำค้างจากฟ้า ฤดูกาลจะผ่านไปเจ็ดฤดู แล้วพระองค์ถึงจะได้เรียนรู้ว่า พระเจ้าสูงสุด คือผู้ที่ปกครองอยู่เหนืออาณาจักรของมนุษย์ทั้งหมด และพระเจ้าจะเป็นผู้แต่งตั้งใครก็ได้มาปกครองอาณาจักรพวกนั้นตามที่พระองค์ต้องการ
26 เมื่อผู้เฝ้าระวังที่ศักดิ์สิทธิ์พูดว่า ‘ให้เหลือตอกับรากเอาไว้’ นั่นก็แสดงว่าอาณาจักรยังเป็นของพระองค์อยู่ แต่ต้องเป็นหลังจากที่พระองค์ได้เรียนรู้แล้วว่า พระเจ้าในสวรรค์เป็นผู้ครอบครองทุกสิ่งทุกอย่าง 27 ดังนั้น ข้าแต่กษัตริย์ ขอยอมรับคำแนะนำของข้าพเจ้าด้วยเถิด คือ ขอให้หักดิบไม่ทำความบาปแล้วทำความดีแทน ขอให้มีเมตตากับคนจนแทนที่จะทำความชั่วร้าย แล้วพระองค์ก็จะมีชีวิตที่ผาสุขไปอีกยาวนาน”
28 แล้วเรื่องทั้งหมดนั้นก็ได้เกิดขึ้นกับกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์จริงๆ
29 สิบสองเดือนต่อมา ในขณะที่พระองค์กำลังเดินอยู่บนดาดฟ้าวัง 30 พระองค์ก็พูดว่า “ดูนี่สิ บาบิโลน เมืองอันยิ่งใหญ่ ที่ข้าได้สร้างขึ้นมาด้วยฤทธิ์อำนาจอันยิ่งใหญ่ของข้าเอง ข้าได้สร้างให้เป็นเมืองหลวงสำหรับอาณาจักรของข้า เพื่อนำเกียรติยศมาให้กับตัวข้า”
31 พระองค์พูดยังไม่ทันขาดคำ ก็มีเสียงหนึ่งพูดลงมาจากสวรรค์ว่า “นี่คือสิ่งที่เราได้ตัดสินใจเกี่ยวกับเจ้า กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ ตอนนี้อาณาจักรของเจ้าได้ถูกยึดไปจากเจ้าแล้ว 32 เจ้าจะต้องถูกขับไล่ออกจากผู้คนไปใช้ชีวิตอยู่กับพวกสัตว์ป่า เจ้าจะต้องกินหญ้าเหมือนวัว ฤดูจะผ่านไปเจ็ดฤดู แล้วเจ้าถึงจะได้เรียนรู้ว่าพระเจ้าสูงสุดเป็นผู้ครอบครองอาณาจักรของมนุษย์ และพระองค์เป็นผู้แต่งตั้งใครก็ตามที่พระองค์ได้เลือกไว้ให้ไปปกครองอาณาจักรเหล่านั้น”
33 ทันทีที่สิ้นเสียงนั้น กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ก็ถูกขับออกไปจากท่ามกลางผู้คน และเริ่มกินหญ้าเหมือนวัว และเนื้อตัวของพระองค์ก็เปียกโชกไปด้วยน้ำค้างจากฟ้า ผมของพระองค์ยาวออกมาเหมือนขนนกอินทรี เล็บของพระองค์งอกยาวเหมือนอุ้งเล็บของนก
34 แล้วกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ก็พูดต่อไปว่า “เมื่อจบช่วงเวลาที่กำหนดไว้นั้น ข้า กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ ก็มองขึ้นไปบนฟ้าสวรรค์ และเริ่มได้สติกลับคืนมา แล้วข้าก็สรรเสริญพระเจ้าสูงสุด และข้าก็ถวายเกียรติแก่พระองค์ผู้ดำรงอยู่ตลอดกาล
พระเจ้าปกครองตลอดไป
และอาณาจักรของพระองค์จะคงอยู่ต่อไปตราบชั่วลูกชั่วหลาน
35 มนุษย์ทั้งหมดในโลกช่างไม่มีอำนาจอะไรเลย เมื่อเปรียบเทียบกับอำนาจของพระเจ้า
ไม่ว่าพระองค์อยากจะทำอะไรกับกองทัพบนสวรรค์ พระองค์ก็ทำอย่างนั้น และพระองค์ก็จะทำอย่างเดียวกันกับมนุษย์ที่อาศัยอยู่บนโลก
ไม่มีใครสามารถหยุดพระองค์ได้ หรือตั้งคำถามกับพระองค์ได้ว่า ‘ทำไมพระองค์ถึงทำอย่างนี้’
36 ดังนั้น ในเวลานั้น พระเจ้าคืนสติที่ดีให้กับข้าอีกครั้ง และพระองค์ได้คืนความรุ่งโรจน์ของอาณาจักรข้า เกียรติของข้า พวกที่ปรึกษาของข้าและสมาชิกในวัง ก็เริ่มกลับมาขอคำปรึกษาจากข้าอีก ข้าได้กลับสู่ตำแหน่งกษัตริย์ในอาณาจักรของข้าอีกครั้งหนึ่ง และมีเกียรติมากยิ่งกว่าเดิมเสียอีก 37 ด้วยเหตุนี้ ข้า เนบูคัดเนสซาร์ จึงสรรเสริญและยกย่องและให้เกียรติ กับกษัตริย์แห่งสวรรค์ ผู้ที่ทำถูกต้องทุกอย่าง และเป็นผู้ที่ยุติธรรมเสมอ และเป็นผู้ที่ทำให้คนที่เย่อหยิ่งจองหองตกต่ำลง”
มือที่เขียนบนผนัง
5 ในช่วงที่กษัตริย์เบลชัสซาร์ขึ้นครองราชย์นั้น พระองค์ได้จัดงานเลี้ยงใหญ่สำหรับข้าราชสำนักหนึ่งพันคน แล้วพระองค์ก็ดื่มเหล้าองุ่นอยู่ต่อหน้าพวกเขา 2 ด้วยความมึนเมา พระองค์จึงสั่งให้คนไปเอาถ้วยทอง ถ้วยเงินต่างๆที่กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ พ่อของพระองค์ได้ยึดเอามาจากวิหารในเมืองเยรูซาเล็ม เพื่อพระองค์เองจะได้เอามาใช้ดื่ม ร่วมกันกับพวกขุนนาง พวกภรรยาของพระองค์และพวกนางสนม 3 เมื่อพวกเขาเอาถ้วยพวกนั้นมา เป็นเหยือกที่ได้เอามาจากวิหารของพระเจ้าในเมืองเยรูซาเล็ม กษัตริย์ก็ได้ใช้ถ้วยพวกนั้นดื่มร่วมกันกับเหล่าขุนนาง พวกภรรยาของพระองค์และพวกนางสนม 4 ในขณะที่ดื่มเหล้าองุ่นกันอยู่นั้น พวกเขาก็สรรเสริญพวกเทพเจ้าของพวกเขาไปด้วย มีทั้งเทพเจ้าของทอง เงิน ทองแดง เหล็ก ไม้ และหิน
5 จู่ๆก็มีนิ้วมือของมนุษย์ปรากฏขึ้น และได้ขีดเขียนข้อความลงบนผนังปูนของวังที่อยู่ตรงข้ามตะเกียงที่มีขาตั้ง เพื่อว่ากษัตริย์จะได้มองเห็นมือที่กำลังขีดเขียนอยู่นั้น 6 กษัตริย์กลัวจนหน้าซีดเผือด พระองค์กลัวมาก ถึงกับตัวอ่อนปวกเปียก เข่าก็สั่นกระทบกัน
7 กษัตริย์ตะโกนสั่งให้พาพวกทำสะเดาะเคราะห์ พวกคาสดิม และพวกโหรมาหา แล้วบอกกับผู้รู้ของบาบิโลนพวกนั้นว่า ถ้าใครสามารถอ่านและแปลความหมายของข้อความนั้นได้ คนนั้นจะได้รับเสื้อสีม่วง สร้อยคอทองคำ และมีอำนาจใหญ่เป็นอันดับสามของอาณาจักรนี้
8 แล้วผู้รู้ทั้งหลายก็มาหากษัตริย์ แต่ก็ไม่มีใครสามารถอ่านหรืออธิบายข้อความนั้นให้พระองค์ฟังได้เลย 9 กษัตริย์เบลชัสซาร์ก็ยิ่งตกใจกลัวและใบหน้าของพระองค์ก็ยิ่งซีดลง และพวกขุนนางของพระองค์ก็เริ่มหวาดวิตก
10 แม่ของกษัตริย์ได้ยินเสียงของพระองค์และพวกขุนนางก็เลยเข้ามาที่ห้องงานเลี้ยง และบอกกษัตริย์ว่า “ขอให้ลูกแม่อายุมั่นขวัญยืน อย่าได้ตกใจจนหน้าซีดอย่างนี้ 11 ในอาณาจักรของลูกมีชายคนหนึ่งที่มีพระวิญญาณของเหล่าเทพผู้ศักดิ์สิทธิ์สถิตอยู่ ในสมัยที่พ่อของลูกปกครองบ้านเมือง คนคนนี้เป็นคนที่รู้แจ้งเห็นจริง เฉลียวฉลาด และรอบรู้มาก มีสติปัญญาเหมือนกับพวกเทพเจ้าเลย กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์พ่อของลูก เคยตั้งเขาให้เป็นหัวหน้าของพวกหมอดู พวกผู้สะเดาะเคราะห์ พวกคาสดิม และพวกโหรมาแล้ว 12 ในเมื่อดาเนียล (คนที่พ่อของเจ้าเรียกว่า เบลเทชัสซาร์) เป็นคนที่ฉลาดหลักแหลมมาก มีความรอบรู้ และความเข้าใจ มากมายถึงขนาดทำนายฝัน แก้ไขปริศนา และแก้ปัญหาต่างๆได้ ส่งคนไปตามเขามาสิ เพื่ออธิบายลายนิ้วมือนั้นให้ลูกฟัง”
13 เขาจึงพาดาเนียลมาเฝ้ากษัตริย์ กษัตริย์พูดกับดาเนียลว่า “เจ้าก็คงเป็นดาเนียล คนหนึ่งในพวกเชลยชาวยูดาห์ ที่พ่อของข้า กษัตริย์องค์ก่อน พาตัวมาจากยูดาห์สินะ 14 ข้าได้ยินมาว่าเจ้าเป็นคนที่มีพระวิญญาณของเหล่าเทพผู้ศักดิ์สิทธิ์อยู่ในตัว เป็นคนที่รอบรู้ มีไหวพริบ และเฉลียวฉลาดมาก 15 ข้าให้คนไปพาพวกผู้รู้ อย่างพวกทำสะเดาะเคราะห์มาหาข้า เพื่อพวกเขาจะได้มาอ่านลายนิ้วมือบนผนังนี้ และอธิบายให้ข้าฟัง แต่พวกเขาก็อ่านไม่ออกสักตัว 16 ข้าได้ยินมาว่า เจ้าสามารถอธิบายความหมายของเรื่องแบบนี้และแก้ไขปริศนาได้ ฟังนะ ถ้าเจ้าอ่านข้อความนี้ออกและอธิบายให้ข้าฟังได้ ข้าก็จะให้เสื้อสีม่วงและสร้อยคอทองคำกับเจ้า และเจ้าก็จะมีอำนาจใหญ่เป็นอันดับสามของอาณาจักรนี้”
17 แล้วดาเนียลก็ตอบว่า “ขอให้พระองค์เก็บของขวัญพวกนั้นไว้สำหรับพระองค์เองเถิด หรือไม่ก็ให้รางวัลเหล่านั้นกับคนอื่นๆเถิด แต่ข้าพเจ้าจะอ่านข้อความนั้นและตีความมันให้พระองค์ฟัง
18 ข้าแต่กษัตริย์ พระเจ้าสูงสุดได้ให้อาณาจักรนี้ อำนาจ ความยิ่งใหญ่ และเกียรติยศกับกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์พ่อของท่าน 19 เพราะพระเจ้าให้พลังอำนาจกับพ่อของท่าน บรรดาเชื้อชาติต่างๆ รวมทั้งทุกชนชาติทุกภาษา ถึงได้เกรงกลัวจนตัวสั่นงันงก เมื่ออยู่ต่อหน้าพ่อของท่าน เพราะพระองค์ได้ฆ่าคนที่อยากฆ่า ไว้ชีวิตคนที่อยากไว้ชีวิต ยกย่องคนที่อยากยกย่อง และทำลายคนที่อยากทำลาย
20 แต่เมื่อพ่อของท่านกลายเป็นคนหยิ่งยโสและดื้อรั้น พระองค์ก็ถูกขับออกจากบัลลังก์และหมดศักดิ์ศรีเกียรติยศไป 21 พระองค์ถูกขับไล่ออกไปจากสังคมมนุษย์ จิตใจของพระองค์ได้กลายเป็นเหมือนใจสัตว์ และเขาได้อาศัยอยู่กับลาป่าในทะเลทราย กินหญ้าเหมือนวัวและเนื้อตัวก็เปียกโชกไปด้วยน้ำค้างที่ตกจากฟ้า จนกว่าพระองค์รู้สำนึกว่าพระเจ้าสูงสุดเป็นผู้ปกครองอาณาจักรทั้งหลายของมนุษย์และจะตั้งใครก็ได้ที่พระองค์เลือกให้มาครอบครองเหนืออาณาจักร
22 ข้าแต่กษัตริย์เบลชัสซาร์ พระองค์เป็นลูก และรู้เรื่องสิ่งเหล่านี้ดี แต่พระองค์กลับทำเหมือนกับพ่อของพระองค์ พระองค์ไม่ยอมถ่อมใจ 23 พระองค์ยกตัวเองขึ้น ต่อต้านองค์เจ้าชีวิตแห่งสวรรค์ และสั่งให้คนไปเอาสิ่งของเครื่องใช้จากวิหารของพระเจ้ามาไว้ต่อหน้าพระองค์ หลังจากนั้นพระองค์ พร้อมทั้งขุนนาง พวกภรรยา และพวกนางสนมของพระองค์ ก็ดื่มเหล้าองุ่นจากเหยือกพวกนั้น แล้วสรรเสริญเทพเจ้าของเงิน ทอง ทองแดง เหล็ก ไม้และหิน ซึ่งรูปปั้นพวกนี้มองไม่เห็น ฟังไม่ได้ยิน และไม่รู้เรื่องอะไรเลย แต่พระองค์กลับไม่ยอมสรรเสริญพระเจ้าที่แท้จริง ผู้ซึ่งมีอำนาจเหนือลมหายใจและทุกสิ่งที่เกิดขึ้นกับพระองค์
24 นั่นเป็นเหตุที่พระเจ้าถึงได้ส่งมือมาเขียนข้อความนี้บนฝาผนัง 25 ข้อความนั้นเขียนว่าอย่างนี้คือ
เมเน เมเน เทเคล และ ปารสิน
26 ความหมายของคำเหล่านี้คือ
เมเน[b] หมายถึง พระเจ้าได้นับวันเวลาครองราชย์ของท่านไว้แล้ว และพระองค์กำลังจะทำให้จบลงแล้ว[c]
27 เทเคล[d] หมายถึง พระเจ้าได้ชั่งน้ำหนักของท่าน และพบว่าน้ำหนักของท่านขาดไป ไม่สมควรจะได้ครองราชย์
28 ปารสิน[e] หมายถึง อาณาจักรของท่านจะถูกแบ่งให้กับคนมีเดียและคนเปอร์เซีย”
29 แล้วกษัตริย์เบลชัสซาร์ก็สั่งให้เอาเสื้อสีม่วงมาสวมให้กับดาเนียล และเอาสร้อยทองคำมาสวมคอให้เขา พร้อมกับประกาศว่าดาเนียลมีอำนาจใหญ่เป็นอันดับสามของอาณาจักรนี้
30 และในคืนนั้นเองเบลชัสซาร์ กษัตริย์ชาวคาสดิมก็ถูกฆ่า
31 แล้วดาริอัสชาวมีเดีย ก็ได้ยึดเอาอาณาจักรนี้มา ตอนที่เขามีอายุหกสิบสองปี
ดาเนียลในถ้ำสิงโต
6 กษัตริย์ดาริอัสตัดสินใจที่จะแต่งตั้งผู้นำภาคขึ้นมาหนึ่งร้อยยี่สิบคน เพื่อมาปกครองดูแลอาณาจักร 2 แล้วพระองค์ก็เลือกอีกสามคนมาเป็นรัฐมนตรีอยู่เหนือผู้นำภาคพวกนี้ ผู้นำภาคพวกนี้จะต้องมารายงานกับสามคนนี้ เพื่อกษัตริย์จะได้ไม่ต้องวุ่นวายกับเรื่องปลีกย่อยในการบริหาร และดาเนียลก็เป็นหนึ่งในรัฐมนตรีสามคนนี้ 3 เนื่องจากดาเนียลคนนี้เป็นคนฉลาดหลักแหลมมาก เขามีความสามารถมากกว่ารัฐมนตรีอีกสองคนนั้น และเก่งกว่าผู้นำภาคทั้งหมดด้วย กษัตริย์จึงคิดที่จะแต่งตั้งดาเนียลให้มีอำนาจเหนืออาณาจักรทั้งหมด
4 ดังนั้นรัฐมนตรีสองคนนั้นและผู้นำภาคพวกนั้น ก็เริ่มหาเหตุใส่ร้ายดาเนียล ในงานบริหารอาณาจักรที่ดาเนียลรับผิดชอบอยู่ แต่พวกเขาก็ไม่สามารถจะหาเหตุอะไรมาฟ้อง หรือจับทุจริตในตัวดาเนียลได้เลย เพราะดาเนียลเป็นคนที่ซื่อสัตย์มาก และไม่ได้ทำอะไรผิด หรือผิดพลาดในงานที่เขารับผิดชอบเลย
5 แล้วคนพวกนี้ก็พูดกันว่า “เราจะไม่มีทางหาเหตุฟ้องดาเนียลคนนี้ได้เลย นอกจากเราจะหาเรื่องจับผิดเกี่ยวกับศาสนาของเขา” 6 ดังนั้นรัฐมนตรีสองคนนั้นกับผู้นำภาคทั้งหลายก็พากันมาเข้าเฝ้ากษัตริย์ และนำข้อเสนอมาด้วย พวกเขาพูดว่า “ขอให้กษัตริย์ดาริอัสมีอายุยืนยาว 7 ข้าแต่กษัตริย์ พวกรัฐมนตรี พวกผู้นำภาค ผู้นำจังหวัด ผู้นำอำเภอ พวกที่ปรึกษา ได้ตกลงกันว่ากษัตริย์ควรจะประกาศกฎหมายใหม่ และให้บังคับใช้อย่างเข้มงวดว่า ในสามสิบวันนี้ห้ามทุกคนอธิษฐานหรือขอพรจากเทพเจ้าหรือจากมนุษย์คนใด นอกจากขอจากพระองค์ผู้เป็นกษัตริย์แต่เพียงผู้เดียว ใครฝ่าฝืนจะต้องถูกโยนเข้าไปในถ้ำสิงโต
8 ดังนั้น ข้าแต่กษัตริย์ ขอทรงออกกฎข้อห้ามนี้ พร้อมกับเซ็นชื่อของพระองค์ลงในกฎหมายนั้น เพื่อจะได้เป็นกฎหมายที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลง หรือยกเลิกได้ตามกฎหมายของคนมีเดียและคนเปอร์เซียด้วยเถิด”
9 กษัตริย์ดาริอัสจึงออกกฎข้อห้ามนี้ พร้อมกับลงชื่อของพระองค์ลงไป
10 เมื่อดาเนียลได้ยินว่ากษัตริย์ได้เซ็นชื่อลงในกฎหมายนี้แล้ว เขาก็กลับบ้าน และขึ้นไปห้องชั้นบนที่มีหน้าต่างหันหน้าไปทางเมืองเยรูซาเล็ม แล้วดาเนียลก็คุกเข่าลงที่นั่น อธิษฐานและขอบคุณพระเจ้าของเขา วันละสามครั้ง เหมือนปกติที่เขาทำมา 11 ต่อมากลุ่มนั้นได้มาพบว่า ดาเนียลอธิษฐานและร้องขอความเมตตาจากพระเจ้าของเขา
12 พวกเขาก็ไปเข้าเฝ้ากษัตริย์และบอกกับพระองค์ถึงกฎข้อห้ามของพระองค์นั้นว่า
“ข้าแต่กษัตริย์ พระองค์ได้ลงชื่อไปแล้วไม่ใช่หรือ ที่ห้ามไม่ให้มีใครอธิษฐานหรือขอพรจากเทพองค์ใดหรือมนุษย์คนไหนนอกจากพระองค์เท่านั้น เป็นเวลาสามสิบวัน และถ้าใครฝ่าฝืนก็จะต้องถูกโยนลงไปในถ้ำสิงโต” กษัตริย์ก็ตอบว่า “ใช่ ถูกแล้ว มันเป็นไปตามกฎหมายของมีเดียและเปอร์เซียที่ไม่สามารถยกเลิกได้”
13 พวกเขาจึงฟ้องกษัตริย์ว่า “ดาเนียลที่เป็นคนหนึ่งในพวกเชลยชาวยูดาห์ ไม่ได้สนใจพระองค์หรือกฎข้อห้ามนี้ ที่พระองค์ผู้เป็นกษัตริย์ได้ลงชื่อไว้ อันที่จริง เขาอธิษฐานต่อพระเจ้าของเขาตั้งสามครั้งในแต่ละวัน”
14 เมื่อกษัตริย์ได้ยินอย่างนั้นก็กลุ้มใจมาก พระองค์รีบหาทางช่วยชีวิตดาเนียลทันที พระองค์พยายามอยู่จนตะวันตกดิน
15 หลังจากนั้น คนกลุ่มเดิมก็เข้ามาเฝ้ากษัตริย์และพูดว่า “ข้าแต่กษัตริย์ พระองค์ก็รู้อยู่แล้วถึงกฎของคนมีเดียและคนเปอร์เซียว่า กฎและข้อห้ามทุกอย่าง ที่ออกโดยกษัตริย์ ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้”
16 ดังนั้นกษัตริย์จึงสั่งให้พวกเขาไปจับตัวดาเนียลโยนลงไปในถ้ำสิงโต
กษัตริย์พูดกับดาเนียลว่า “ขอให้พระเจ้าที่เจ้ารับใช้อยู่ตลอดเวลานั้น ช่วยชีวิตของเจ้าด้วยเถอะ”
17 แล้วพวกนั้นก็เลื่อนหินมาปิดปากถ้ำ และเอาแหวนของกษัตริย์มาประทับตราไว้ รวมทั้งแหวนของผู้ควบคุมมาประทับด้วย ที่พวกเขาประทับตราของกษัตริย์ไว้ ก็เพื่อจะได้ไม่มีใครมาเปลี่ยนแปลงคำตัดสินลงโทษดาเนียลได้
18 จากนั้นกษัตริย์ก็กลับไปที่วัง และไม่ยอมกินอะไรเลยทั้งคืน ไม่ยอมให้มีสิ่งบันเทิงทั้งนั้น พระองค์นอนไม่หลับ 19 พอถึงรุ่งเช้า พระองค์ก็รีบไปที่ถ้ำสิงโต 20 เมื่อพระองค์กำลังมาใกล้ถึงถ้ำ พระองค์ก็ร้องตะโกนเรียกดาเนียลว่า “ดาเนียล คนรับใช้ของพระเจ้า พระเจ้าที่มีชีวิตอยู่ พระเจ้าที่เจ้ารับใช้ตลอดมา พระองค์ช่วยชีวิตเจ้าจากพวกสิงโตได้หรือเปล่า”
21 ดาเนียลตอบกลับมาว่า “ข้าแต่กษัตริย์ ขอให้พระองค์มีชีวิตยืนยาวตลอดไป 22 พระเจ้าของข้าพเจ้าได้ส่งทูตสวรรค์มาปิดปากสิงโตพวกนี้ไว้ พวกมันเลยทำอันตรายข้าพเจ้าไม่ได้ นี่ก็เพราะพระเจ้ารู้ว่าข้าพเจ้าบริสุทธิ์ ข้าแต่กษัตริย์ ข้าพเจ้าไม่ได้ทำอะไรผิดต่อพระองค์เลย”
23 กษัตริย์จึงดีใจมาก และสั่งให้คนเอาตัวดาเนียลออกมาจากถ้ำสิงโต ดาเนียลถูกนำตัวออกมาจากถ้ำ ไม่ได้รับอันตรายอะไรเลย เพราะเขาไว้วางใจในพระเจ้าของเขานั่นเอง
24 แล้วกษัตริย์ก็มีคำสั่งให้นำตัวคนพวกนั้นที่ต่อต้านดาเนียลมา และโยนพวกเขา รวมทั้งลูกเมียของพวกเขา ลงไปในถ้ำสิงโต พวกเขายังไม่ทันจะตกถึงพื้นเลย สิงโตก็ขย้ำพวกเขากินและบดขยี้กระดูกพวกเขาจนแหลกละเอียด
25 แล้วกษัตริย์ดาริอัสก็เขียนคำประกาศนี้ถึงคนทุกชาติทุกภาษาที่อาศัยอยู่ทั่วโลก
“ขอให้เจ้ามีสันติสุขอย่างล้นเหลือ”
26 ข้าขอออกกฎนี้ว่า “ทุกคนในทุกๆจังหวัดทั่วราชอาณาจักรของข้าจะต้องเกรงกลัวและนับถือพระเจ้าของดาเนียล
เพราะพระองค์เป็นพระเจ้าที่มีชีวิตอยู่ชั่วนิรันดร์
และอาณาจักรของพระองค์จะไม่มีวันถูกทำลาย
และพระองค์จะปกครองตลอดไปไม่มีวันสิ้นสุด
27 พระองค์ปกป้องและช่วยชีวิต
พระองค์ทำหมายสำคัญและสิ่งอัศจรรย์ต่างๆทั้งในสวรรค์และโลก
และพระองค์เป็นผู้ที่ช่วยชีวิตดาเนียลไว้จากพวกสิงโต”
28 ดาเนียลคนนี้รุ่งเรืองในสมัยของกษัตริย์ดาริอัสคนมีเดียและในสมัยของกษัตริย์ไซรัสคนเปอร์เซีย
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International