Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

Chronological

Read the Bible in the chronological order in which its stories and events occurred.
Duration: 365 days
Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)
Version
ดาเนียล 1-3

ดาเนียลถูกพาไปที่บาบิโลน

ในปีที่สาม ที่เยโฮยาคิมขึ้นเป็นกษัตริย์ของยูดาห์[a] กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์แห่งบาบิโลน[b] ได้ยกทัพมาล้อมเมืองเยรูซาเล็มไว้ พระยาห์เวห์ได้มอบเยโฮยาคิม กษัตริย์ของยูดาห์ไว้ในกำมือของกษัตริย์บาบิโลน พร้อมกับสิ่งของเครื่องใช้ส่วนหนึ่งจากวิหารของพระเจ้า กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์นำของเหล่านั้นกลับไปไว้ที่วิหารของเทพเจ้าของพระองค์ที่บาบิโลน พระองค์วางสิ่งของเครื่องใช้เหล่านั้นไว้ในคลังของเทพเจ้านั้น

จากนั้นกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ก็สั่งให้อัชเปนัส ที่เป็นหัวหน้าข้าราชการ ให้ไปคัดเลือกเด็กหนุ่มๆที่เป็นเชลยชาวอิสราเอล จากเชื้อพระวงศ์ จากพวกคนชั้นสูง เด็กพวกนี้จะต้องมีร่างกายที่สมประกอบทุกอย่าง ต้องมีหน้าตาหล่อเหลา สามารถเรียนรู้ทุกวิชา มีความรู้รอบตัว และหัวไว สามารถยืนรับใช้กษัตริย์ในวังได้ อัชเปนัสจะต้องสอนให้พวกเขารู้ภาษาและวรรณคดีของชาวบาบิโลน

กษัตริย์ตัดสินใจว่าจะให้เด็กหนุ่มพวกนี้ได้รับส่วนแบ่งอาหารอย่างดีและเหล้าองุ่นทุกวัน เหมือนกับอาหารและเหล้าองุ่นที่กษัตริย์กินและดื่ม อัชเปนัสจะต้องอบรมดูแลเด็กๆพวกนี้เป็นเวลาสามปี เมื่อครบกำหนดแล้วก็ให้นำพวกเขามารับราชการอยู่ต่อหน้ากษัตริย์ ในท่ามกลางเด็กหนุ่มๆเหล่านี้ มีดาเนียล ฮานันยาห์ มิชาเอล และอาซาริยาห์ สี่คนนี้มาจากเผ่ายูดาห์

อัชเปนัสตั้งชื่อใหม่ให้กับเด็กหนุ่มๆพวกนี้ เป็นภาษาบาบิโลน ดาเนียลมีชื่อใหม่ว่า เบลเทชัสซาร์ ฮานันยาห์ มีชื่อใหม่ว่าชัดรัค มิชาเอลมีชื่อใหม่ว่าเมชาค และอาซาริยาห์ มีชื่อใหม่ว่า เอเบดเนโก

ดาเนียลตั้งใจตั้งแต่แรกแล้วว่า เขาจะไม่กินอาหารอย่างดีและเหล้าองุ่นอย่างเดียวกับที่กษัตริย์กินและดื่ม เพื่อดาเนียลจะได้ไม่แปดเปื้อนเป็นมลทินไป ดังนั้นเขาจึงขออนุญาตอัชเปนัส หัวหน้าข้าราชการ ที่จะทำอย่างนั้น เพื่อรักษาตัวเองไม่ให้แปดเปื้อนเป็นมลทินไป

พระเจ้าทำให้หัวหน้าข้าราชการมีความเมตตาปรานีต่อดาเนียล 10 หัวหน้าข้าราชการพูดกับดาเนียลว่า “ข้ากลัวกษัตริย์ ที่เป็นเจ้านายของข้า พระองค์จัดสรรปันส่วนอาหารและเครื่องดื่มมาให้เจ้า พระองค์อาจจะถามว่า ทำไมเจ้าถึงดูซูบผอมนัก เมื่อเปรียบเทียบกับเด็กหนุ่มๆรุ่นเดียวกัน แล้วทีนี้เจ้าก็จะทำให้ข้าถูกกษัตริย์ลงโทษ”

11 หัวหน้าข้าราชการได้แต่งตั้งคนหนึ่งมาควบคุมดูแล ดาเนียล ฮานันยาห์ มิชาเอล และ อาซาริยาห์ ดาเนียลจึงไปพูดกับผู้ควบคุมคนนี้ว่า 12 “ขอให้ทดลองพวกเรา ผู้รับใช้ของท่านดูก่อนสักสิบวัน ในช่วงนี้ ให้พวกเรากินแต่ผักกับน้ำ 13 แล้วท่านถึงค่อยเอาพวกเราไปเปรียบเทียบกับเด็กพวกนั้นที่กินอาหารอย่างดีจากกษัตริย์ หลังจากนั้นท่านจะทำอะไรกับพวกเราผู้รับใช้ของท่าน แล้วแต่ท่านจะเห็นสมควร”

14 ผู้ควบคุมดูแลก็ยอมรับข้อเสนอของดาเนียล จึงได้ทดลองพวกเขาดูสิบวัน 15 เมื่อครบสิบวันแล้ว ปรากฏว่าดาเนียลและเพื่อนๆกลับดูดีกว่า และสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรงกว่าเด็กพวกนั้นที่กินอาหารอย่างดีของกษัตริย์เสียอีก 16 ดังนั้นผู้ควบคุมดูแล จึงเอาอาหารอย่างดีและเหล้าองุ่นที่ดาเนียลและเพื่อนๆควรจะกินไปเสีย และให้ผักกับพวกเขาแทน

17 พระเจ้าประทานความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับวรรณคดีทุกประเภทและการศึกษาทุกวิชาให้กับเด็กสี่คนนี้ ดาเนียลยังสามารถตีความหมายของนิมิตต่างๆและทำนายฝันได้ด้วย

18 เมื่อถึงเวลาที่กษัตริย์กำหนดให้พาตัวพวกเด็กหนุ่มๆทุกคนเข้าเฝ้า หัวหน้าข้าราชการก็นำพวกเขามาอยู่ต่อหน้ากษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ 19 กษัตริย์พูดคุยกับเด็กๆทุกคน และเห็นว่าไม่มีเด็กคนไหนสามารถเทียบกับ ดาเนียล ฮานันยาห์ มิชาเอล และอาซาริยาห์ได้เลย กษัตริย์จึงแต่งตั้งให้พวกเขามารับราชการอยู่ต่อหน้ากษัตริย์ 20 เมื่อไหร่ก็ตามที่กษัตริย์ขอคำแนะนำ ที่เกี่ยวกับเรื่องที่จะต้องมีความรู้ความเข้าใจเป็นพิเศษ พระองค์ก็พบว่าคำแนะนำของเด็กหนุ่มทั้งสี่นี้ก็ดีกว่าคำแนะนำของพวกหมอดู และพวกทำสะเดาะเคราะห์ในราชอาณาจักรของพระองค์ถึงสิบเท่า 21 ดาเนียลรับราชการอยู่ในวังนั้นเรื่อยมาจนถึงปีแรกที่ไซรัสขึ้นเป็นกษัตริย์[c]

ความฝันของกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์

ในปีที่สองที่กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ขึ้นครองราชย์ พระองค์ฝันและความฝันนั้นทำให้พระองค์ไม่สบายใจจนนอนไม่หลับ ดังนั้นกษัตริย์จึงสั่งให้คนไปตามพวกหมอดู พวกทำสะเดาะเคราะห์ พวกที่ทำเวทมนตร์คาถา และพวกคาสดิม[d] ให้มาบอกว่าพระองค์ฝันเรื่องอะไร พวกเขาจึงมายืนกันอยู่ต่อหน้ากษัตริย์

แล้วกษัตริย์ก็บอกกับพวกเขาว่า “เราได้ฝันไป และเราก็ไม่สบายใจเพราะเราอยากเข้าใจในสิ่งที่เราฝันนั้น”

พวกคาสดิมก็พูดกับกษัตริย์เป็นภาษาอารเมคว่า “ข้าแต่กษัตริย์ ขอให้พระองค์มีอายุยืนยาว ขอพระองค์ได้โปรดเล่าความฝันของพระองค์ให้พวกเราฟังด้วยเถิด พวกเราจะได้ทำนายฝันให้กับพระองค์”

กษัตริย์จึงตอบพวกคาสดิมไปว่า “เราจะไม่บอกเจ้าหรอก เพราะเราได้ตัดสินใจเด็ดขาดแล้วว่า เจ้านั่นแหละจะต้องเป็นคนบอกเราว่าเราฝันอะไรและทำนายฝันนั้นให้กับเราด้วย ไม่อย่างนั้น เราจะสับเจ้าออกเป็นชิ้นๆและยกบ้านของเจ้าให้เป็นส้วมสาธารณะ แต่ถ้าเจ้าบอกได้ว่าเราฝันอะไร และมันหมายถึงอะไร เราก็จะตบรางวัลให้อย่างงาม พร้อมกับชื่อเสียงเกียรติยศให้กับเจ้า ว่ายังไง บอกมาสิว่าเราฝันว่าอะไร และมันหมายถึงอะไร”

พวกคาสดิมตอบกษัตริย์ไปว่า “พระองค์เจ้าข้า ช่วยบอกเราทาสรับใช้ของพระองค์ด้วยเถิดว่า พระองค์ฝันอะไร พวกเราจะได้ทำนายความฝันนั้นให้กับพระองค์”

กษัตริย์ตอบว่า “เรารู้นะว่าที่แท้เจ้าก็พยายามหาเรื่องถ่วงเวลา เพราะเจ้าก็รู้อยู่แล้วว่าเราได้ตัดสินใจเด็ดขาดแล้ว ถ้าเจ้าไม่บอกความฝันนี้กับเรา พวกเจ้าก็จะต้องถูกลงโทษเหมือนกันหมดทุกคน เจ้าคบคิดกันพูดปดกับเรา หวังจะหาเรื่องถ่วงเวลา เวลาก็ยิ่งผ่านไป เพราะฉะนั้น บอกมาเดี๋ยวนี้ว่าเราฝันอะไร เราจะได้แน่ใจว่าพวกเจ้าจะทำนายฝันเราได้อย่างถูกต้อง”

10 พวกคาสดิมก็ตอบกษัตริย์ไปว่า “สิ่งที่พระองค์บอกให้ทำนี้ ไม่มีใครหน้าไหนในโลกนี้ทำได้หรอก และไม่มีกษัตริย์องค์ไหน ไม่ว่าจะยิ่งใหญ่หรือมีฤทธิ์อำนาจแค่ไหน เคยถามคำถามแบบนี้กับพวกหมอดู พวกทำสะเดาะเคราะห์ แล้วก็พวกคาสดิมมาก่อน 11 สิ่งที่พระองค์ถามนั้นมันยากเกินไป ไม่มีใครตอบพระองค์ได้หรอก นอกจากพวกเทพเจ้า ซึ่งแน่นอนพวกเทพเจ้าเหล่านั้นก็ไม่ได้อาศัยอยู่กับมนุษย์ด้วยสิ”

12 กษัตริย์ก็โกรธจัดและเดือดดาลที่ได้ยินอย่างนั้น จึงออกคำสั่งให้ฆ่าพวกผู้รู้ทั้งหมดในบาบิโลน 13 คำสั่งนี้ก็ถูกส่งออกไป เหล่าผู้รู้ของบาบิโลนก็กำลังจะถูกฆ่าไปทีละคน แม้แต่ดาเนียลและเพื่อนๆของเขา พวกทหารก็ตามหาเพื่อจะฆ่าทิ้ง

14-15 อารีโอคเป็นหัวหน้าเพชฌฆาตที่กษัตริย์ได้แต่งตั้งให้มาฆ่าเหล่าผู้รู้ของบาบิโลน

ดาเนียลพูดกับอารีโอคผู้รับใช้ของกษัตริย์อย่างชาญฉลาดและระมัดระวังว่า

“นี่มันเกิดอะไรขึ้น กษัตริย์ถึงได้ออกคำสั่งที่เร่งด่วนอย่างนี้ออกมา”

อารีโอคจึงอธิบายให้ดาเนียลฟัง 16 ดาเนียลจึงไปขอให้กษัตริย์เลื่อนเวลาไปอีกหน่อย เพื่อดาเนียลจะได้ทำนายฝันนั้นให้กับกษัตริย์

17 จากนั้นดาเนียลก็กลับมาบ้านและเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฮานันยาห์ มิชาเอล และอาซาริยาห์ เพื่อนของเขาฟัง 18 แล้วพวกเขาก็อธิษฐานขอความเมตตาจากพระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์ ให้เปิดเผยความลับนี้กับพวกเขา เพื่อดาเนียลและเพื่อนๆจะได้ไม่ถูกฆ่า พร้อมกับผู้รู้คนอื่นๆในบาบิโลน

19 ในคืนนั้นเอง พระเจ้าก็เข้าฝันดาเนียล เปิดเผยความลับนั้นให้กับดาเนียลรู้ ดังนั้นดาเนียลจึงสรรเสริญพระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์ 20 ดาเนียลพูดว่า

“ขอให้ชื่อของพระเจ้าเป็นที่สรรเสริญตลอดไป
    เพราะพระองค์เป็นเจ้าของสติปัญญาและฤทธิ์อำนาจ
21 พระองค์เปลี่ยนแปลงเวลาและฤดูกาล
    พระองค์ปลดกษัตริย์ทั้งหลายแล้วแต่งตั้งกษัตริย์ทั้งหลาย
พระองค์ให้สติปัญญากับคนฉลาด
    และให้ความเฉลียวฉลาดกับคนที่เฉลียวฉลาด
22 พระองค์เปิดเผยความลับที่ซ่อนอยู่ในที่ที่ลึกที่สุด
    พระองค์รู้จักสิ่งที่อยู่ในความมืด
    ความสว่างอาศัยอยู่กับพระองค์
23 พระเจ้าของบรรพบุรุษของข้าพเจ้า
    ข้าพเจ้าขอบคุณและสรรเสริญพระองค์
ก็เพราะพระองค์ได้ให้ความเฉลียวฉลาดและฤทธิ์อำนาจกับข้าพเจ้า
    และเพราะพระองค์เปิดเผยเรื่องที่พวกเราถาม
    พระองค์ได้บอกเรื่องของกษัตริย์กับข้าพเจ้า”

ดาเนียลทำนายฝัน

24 แล้วดาเนียลจึงขึ้นไปหาอารีโอคในวัง อารีโอคคือคนที่กษัตริย์ได้สั่งให้ไปฆ่าเหล่าผู้รู้ในบาบิโลน ดาเนียลบอกกับเขาว่า “อย่าได้ฆ่าผู้รู้ของบาบิโลน พาผมไปหากษัตริย์ แล้วผมจะทำนายฝันนั้นให้พระองค์ฟัง”

25 ดังนั้นอารีโอคจึงรีบนำดาเนียลไปหากษัตริย์ แล้วอารีโอคก็บอกกับกษัตริย์ว่า “ข้าพเจ้าได้พบชายคนหนึ่งในหมู่เชลยของชาวยูดาห์ที่สามารถทำนายฝันของพระองค์ได้”

26 กษัตริย์ถามดาเนียล (ที่มีชื่อในภาษาของชาวบาบิโลนว่าเบลเทชัสซาร์) ว่า

“เจ้าสามารถบอกสิ่งที่ข้าฝัน และทำนายมันได้จริงๆหรือ”

27 ดาเนียลตอบพระองค์ว่า “พวกผู้รู้ พวกทำสะเดาะเคราะห์ พวกหมดดู และพวกโหร ไม่สามารถเปิดเผยความลับนี้ให้กับพระองค์ได้หรอก 28 มีแต่พระเจ้าบนฟ้าสวรรค์ที่สามารถเปิดเผยเรื่องลับๆได้ และพระเจ้าก็ได้เปิดเผยให้กับพระองค์ กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในวันข้างหน้า

และนี่คือความฝันของพระองค์ เป็นนิมิตที่อยู่ในสมองของพระองค์ตอนที่พระองค์หลับอยู่บนเตียง 29 สำหรับพระองค์ที่เป็นกษัตริย์ ความคิดที่แล่นเข้ามาหาพระองค์ ในขณะที่พระองค์หลับอยู่บนเตียง กำลังชี้ให้เห็นถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต พระเจ้าผู้เปิดเผยความลับพวกนี้ กำลังแจ้งให้พระองค์รู้ว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้น 30 ส่วนตัวข้าพเจ้านั้น ที่พระเจ้าเปิดเผยความลับนี้ให้กับข้าพเจ้ารู้ ไม่ใช่เพราะข้าพเจ้าฉลาดกว่าสิ่งมีชีวิตทั้งปวง แต่เพื่อให้พระองค์ได้รู้ความหมายของมัน และจะได้เข้าใจถึงสิ่งที่พระองค์กำลังคิดอยู่

31 ข้าแต่กษัตริย์ ในขณะที่พระองค์กำลังฝันอยู่ ในทันใดนั้น พระองค์ก็เห็นรูปปั้นขนาดใหญ่ปรากฏขึ้น มันเป็นรูปปั้นที่ใหญ่โตมโหฬาร ยืนอยู่ที่นั่นต่อหน้าพระองค์ ส่องแสงสว่างจ้าเป็นพิเศษ และมีรูปร่างน่ากลัว 32 ส่วนหัวของรูปปั้นนี้เป็นทองคำบริสุทธิ์ ส่วนไหล่และแขนของมันเป็นเงิน ส่วนท้องและต้นขาของมันเป็นทองแดง 33 ส่วนน่องของมันเป็นเหล็ก ส่วนเท้าของมันเป็นเหล็กส่วนหนึ่งและดินเหนียวส่วนหนึ่ง 34 ขณะที่พระองค์กำลังจ้องมองอยู่นั้นเอง มีผู้หนึ่งที่ไม่ใช่มนุษย์ตัดหินใหญ่ก้อนหนึ่งแล้วมันตกลงมากระแทกถูกเท้าที่ทำด้วยเหล็กส่วนหนึ่งกับดินเหนียวส่วนหนึ่ง แล้วทำให้เท้านั้นแตกกระจาย 35 ทั้งดินเหนียวเหล็ก ทองแดง เงิน และทองคำ ป่นปี้เป็นผุยผง แล้วลมก็พัดผงนั้นกระจุยกระจายไปจนหมด เหมือนกับแกลบตามลานในช่วงเก็บเกี่ยวในฤดูร้อน จนไม่มีใครสามารถบอกได้ว่า รูปปั้นนั้นเคยอยู่ที่ตรงไหนมาก่อน แล้วหินที่กระแทกรูปปั้นนั้นก็ได้กลายเป็นภูเขาขนาดใหญ่จนมิดโลกนี้ 36 นั่นคือความฝันของพระองค์ คราวนี้พวกเราจะทำนายฝันให้กับพระองค์ 37 ข้าแต่กษัตริย์ พระองค์เป็นกษัตริย์เหนือกษัตริย์ทั้งปวง พระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์ได้ให้ความเป็นกษัตริย์ อำนาจ ฤทธิ์เดช ศักดิ์ศรี ให้กับพระองค์ 38 พระเจ้าได้มอบสิ่งเหล่านี้ให้อยู่ในมือของพระองค์คือ มนุษย์ในที่ทุกหนแห่ง สัตว์ในป่า และนกบนท้องฟ้า พระเจ้าให้พระองค์ครอบครองอยู่เหนือสิ่งเหล่านี้ พระองค์ก็คือหัวทองคำของรูปปั้นนั้น

39 แต่หลังจากสมัยของพระองค์ จะมีอาณาจักรหนึ่งเกิดขึ้นมา ซึ่งไม่ยิ่งใหญ่เท่าอาณาจักรของพระองค์ ก็คือเงิน ที่เทียบกับทองคำไม่ได้

แล้วหลังจากนั้นก็จะมีอาณาจักรที่สาม ซึ่งก็คือทองแดง ที่จะขึ้นมาปกครองโลกทั้งโลก 40 อาณาจักรที่สี่จะแข็งแกร่งเหมือนเหล็ก อาณาจักรที่สี่นี้จะบดขยี้อาณาจักรอื่นๆเหล่านั้นเหมือนกับที่เหล็กบดขยี้ทุกสิ่งทุกอย่างจนละเอียดเป็นชิ้นๆ

41 แต่ก็อย่างที่พระองค์เห็นนั่นแหละ ว่าเท้าและนิ้วเท้าของรูปปั้นนั้นมีส่วนหนึ่งเป็นดินเหนียว และอีกส่วนหนึ่งเป็นเหล็ก ดังนั้นอาณาจักรที่สี่นี้ก็จะถูกแบ่งออก มันจะมีความแข็งแกร่งเหมือนเหล็กอยู่บ้าง เหมือนกับที่พระองค์เห็นว่ามันมีทั้งเหล็กผสมกับดินเหนียวนั่นแหละ 42 ดังนั้นอาณาจักรนี้ก็จะมีส่วนหนึ่งที่แข็งแกร่งและส่วนหนึ่งที่อ่อนแอ เหมือนกับที่เท้าและนิ้วเท้าส่วนหนึ่งเป็นเหล็ก และอีกส่วนหนึ่งเป็นดินเหนียว 43 อย่างที่พระองค์เห็นแล้วว่ามันมีเหล็กผสมกับดินเหนียว ดังนั้น ถึงแม้พวกเขาจะมีการแต่งงานกันไปมาระหว่างราชวงศ์ต่างๆแต่ก็จะไม่สามารถรักษาความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันได้ เหมือนกับที่เหล็กไม่สามารถผสมเป็นเนื้อเดียวกับดินเหนียวได้

44 และในยุคของกษัตริย์เหล่านั้น พระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์ก็จะสร้างอาณาจักรนิรันดร์ที่ไม่มีวันถูกทำลายขึ้นมา อาณาจักรนั้นจะไม่ตกไปเป็นของชนชาติอื่น แต่อาณาจักรนั้นจะบดขยี้และทำลายล้างอาณาจักรอื่นจนสิ้นซากไป แล้วอาณาจักรนั้นก็จะยั่งยืนตลอดไปเป็นนิตย์

45 นี่คือความหมายของหินใหญ่ที่พระองค์เห็น ที่มีผู้หนึ่งที่ไม่ใช่มนุษย์ได้ตัดมันจากภูเขา และมันได้มากระแทกและบดขยี้ รูปปั้นนั้น ที่ทำจากเหล็ก ทองแดง ดินเหนียว เงิน และทองคำ จนแหลกละเอียดไป พระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ กำลังแจ้งให้กษัตริย์รู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นในอนาคต นี่ก็คือสิ่งที่พระองค์ฝันเห็น และคำทำนายนี้ก็เชื่อถือได้”

46 จากนั้นกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ก็ก้มหน้ากราบลงถึงพื้น เพื่อแสดงความเคารพนับถือดาเนียล แล้วกษัตริย์ก็สั่งให้นำเครื่องบูชาและเครื่องหอมมาให้กับดาเนียล[e] 47 พระองค์พูดกับดาเนียลว่า “แน่นอนที่สุด พระเจ้าของเจ้าเป็นพระเจ้าที่ยิ่งใหญ่กว่าพระเจ้าใดๆ เป็นเจ้านายของกษัตริย์ทุกองค์ และเป็นผู้เปิดเผยความหมายของสิ่งลี้ลับต่างๆ พระองค์ทำให้เจ้าสามารถเปิดเผยความลับนี้ได้”

48 แล้วกษัตริย์ก็ให้ตำแหน่งสูงกับดาเนียล พร้อมกับมอบของขวัญที่ดีเลิศมากมายให้ดาเนียล และกษัตริย์ก็แต่งตั้งให้ดาเนียลครอบครองมณฑลบาบิโลนทั้งหมด และตั้งให้เขาเป็นหัวหน้าที่ปรึกษาของกษัตริย์ในบาบิโลน 49 ดาเนียลได้ขอให้กษัตริย์แต่งตั้งชัดรัค เมชาค และเอเบดเนโก ให้เป็นผู้บริหารมณฑลบาบิโลน ส่วนดาเนียลก็รับใช้ใกล้ชิดกับกษัตริย์ในราชสำนัก

รูปปั้นทองคำและเตาไฟ

ต่อมากษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ให้คนสร้างรูปปั้นทองคำขึ้นมา สูงหกสิบศอกและยาวหกศอก พระองค์ตั้งมันไว้ในที่ราบดูราในมณฑลบาบิโลน กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์มีคำสั่งออกไปว่าให้พวกผู้นำภาค พวกผู้นำจังหวัด พวกผู้นำอำเภอ พวกที่ปรึกษา พวกผู้ดูแลด้านการเงิน พวกผู้พิพากษา พวกตำรวจชั้นผู้ใหญ่ รวมทั้งเจ้าหน้าที่อื่นๆทั้งหมดที่อยู่ตามมณฑลต่างๆจะต้องมาชุมนุมกันในงานเฉลิมฉลองรูปปั้น ที่กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ตั้งขึ้น

ดังนั้น พวกผู้นำภาค พวกผู้นำจังหวัด พวกผู้นำอำเภอ พวกที่ปรึกษา พวกผู้ดูแลด้านการเงิน พวกผู้พิพากษา พวกตำรวจชั้นผู้ใหญ่ รวมทั้งเจ้าหน้าที่อื่นๆทั้งหมดที่อยู่ตามมณฑลต่างๆ ก็ได้มาชุมนุมในงานเฉลิมฉลองรูปปั้นที่กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ตั้งขึ้น พวกเขามายืนชุมนุมกันอยู่ต่อหน้ารูปปั้นที่กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ตั้งขึ้นนั้น แล้วโฆษกก็ตะโกนเสียงดังว่า

“คนทุกเชื้อชาติทุกภาษา เมื่อไรก็ตามที่ท่านได้ยินเสียงของแตรเขาสัตว์ ปี่ พิณเขาคู่ พิณสี่สาย พิณใหญ่ ปี่ถุง หรือเครื่องดนตรีชนิดอื่นๆดังขึ้นมา ท่านจะต้องก้มกราบนมัสการรูปปั้นทองคำที่กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ตั้งขึ้นมา ใครที่ไม่ยอมก้มกราบก็จะถูกจับโยนลงในเตาไฟที่ร้อนแรงทันที”

ดังนั้น เมื่อคนได้ยินเสียงแตรเขาสัตว์ ปี่ พิณเขาคู่ พิณสี่สาย พิณใหญ่ ปี่ถุง หรือเครื่องดนตรีชนิดอื่นๆดังขึ้นมา ทุกคนไม่ว่าจะมาจากชนชาติไหนหรือพูดภาษาใด ต่างก็พากันก้มกราบนมัสการต่อรูปเคารพทองคำที่กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ตั้งขึ้น

ทันทีที่มีเรื่องนี้เกิดขึ้น พวกคาสดิมก็ไปเข้าเฝ้ากษัตริย์ และไปฟ้องเรื่องของคนยูดาห์บางคน พวกนั้นฟ้องกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ว่า “ข้าแต่กษัตริย์ ขอให้พระองค์มีชีวิตยืนยาว 10 ข้าแต่กษัตริย์ พระองค์ได้ออกกฎว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่ได้ยินเสียงของแตรเขาสัตว์ ปี่ พิณเขาคู่ พิณสี่สาย พิณใหญ่ ปี่ถุง หรือเครื่องดนตรีชนิดอื่นๆดังขึ้นมา ทุกคนจะต้องก้มกราบนมัสการต่อหน้ารูปปั้นทองคำ 11 และใครก็ตามที่ไม่ยอมทำตามนั้น ก็จะถูกโยนลงไปในเตาไฟที่ร้อนแรง 12 เรื่องมีอยู่ว่า มีคนพวกหนึ่ง ก็คือพวกยิวที่พระองค์ได้แต่งตั้งให้เป็นผู้บริหารมณฑลบาบิโลน ชื่อชัดรัค เมชาค และเอเบดเนโก สามคนนี้ไม่สนใจคำสั่งของพระองค์ พวกมันไม่ยอมนมัสการเทพเจ้าของพระองค์ พวกมันไม่ยอมก้มกราบรูปปั้นทองคำที่พระองค์ตั้งขึ้น”

13 เมื่อกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ได้ยินอย่างนั้น ก็โกรธจัด สั่งให้คนไปเอาตัวชัดรัค เมชาค และเอเบดเนโกมาหาพระองค์ พวกนั้นจึงไปพาทั้งสามคนมาเข้าเฝ้าต่อหน้ากษัตริย์ 14 กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ถามว่า “ชัดรัค เมชาค และเอเบดเนโก จริงหรือเปล่าที่เจ้าไม่ยอมนมัสการเทพเจ้าของเรา และไม่ยอมก้มกราบรูปปั้นทองคำที่เราตั้งขึ้นมา 15 ฟังให้ดีนะ เจ้าจะต้องพร้อมที่จะก้มกราบนมัสการต่อรูปปั้นที่เราสร้างขึ้น เมื่อเจ้าได้ยินเสียงแตรเขาสัตว์ ปี่ พิณเขาคู่ พิณสี่สาย พิณใหญ่ ปี่ถุง หรือเครื่องดนตรีชนิดอื่นๆดังขึ้นมา เพราะถ้าเจ้าไม่ยอมทำละก็ เจ้าจะถูกโยนลงไปในเตาไฟที่ร้อนแรงทันที แล้วเทพเจ้าองค์ไหนจะมาช่วยเจ้าให้รอดจากอำนาจของเราได้”

16 ชัดรัค เมชาค และเอเบดเนโกตอบว่า “พวกเราไม่จำเป็นจะต้องแก้ตัวต่อพระองค์ในเรื่องนี้ 17 ข้าแต่กษัตริย์ เพราะพระเจ้าของเราที่พวกเรารับใช้อยู่นี้มีจริง พระเจ้าสามารถช่วยพวกเราให้รอดพ้นจากเตาไฟที่ร้อนแรงนั้น และพระเจ้าจะช่วยให้พวกเรารอดพ้นจากเงื้อมมือของพระองค์ด้วย 18 แต่ถ้าหากว่าพระเจ้าจะไม่ช่วยพวกเรา ก็ขอให้พระองค์รู้ไว้เถิดว่า เราก็จะไม่นมัสการเทพเจ้าของพระองค์ และเราก็จะไม่ก้มลงกราบรูปปั้นทองคำที่พระองค์ตั้งขึ้น”

19 ถึงตอนนี้ กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ก็ยิ่งโกรธจัด หน้าตาของพระองค์ก็บูดเบี้ยวไปต่อชัดรัค เมชาค และเอเบดเนโก และพระองค์ก็สั่งให้เพิ่มไฟในเตาให้ร้อนแรงขึ้นกว่าของเดิมเป็นเจ็ดเท่า 20 และพระองค์สั่งทหารบางคนที่แข็งแรงมากในกองทัพของพระองค์ มัดตัวชัดรัค เมชาค และเอเบดเนโก และให้โยนพวกเขาลงไปในเตาไฟที่กำลังลุกไหม้อยู่

21 ทั้งสามคนก็เลยถูกมัด ในขณะที่ยังมีเสื้อคลุม กางเกง หมวก รวมทั้งเสื้อผ้าอื่นๆสวมใส่อยู่ แล้วพวกทหารก็โยนทั้งสามคนลงไปในเตาไฟที่ร้อนแรง 22 เป็นเพราะกษัตริย์สั่งอย่างเฉียบขาด ให้คนทำเตาไฟให้ร้อนกว่าเดิมมาก พวกทหารที่โยนชัดรัค เมชาค และเอเบดเนโก ลงไปในเตา ก็ถูกเปลวไฟเผาตาย 23 ชายทั้งสามคน คือชัดรัค เมชาค และเอเบดเนโก หล่นลงไปในเตาไฟ ในขณะที่ถูกมัดอยู่

24 แล้วกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ก็สะดุ้งสุดตัว ลุกพรวดพราดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว และร้องถามพวกที่ปรึกษาที่อยู่ข้างๆว่า “เรามัดแค่สามคนโยนลงไปในเตาไฟไม่ใช่หรือ”

พวกเขาตอบว่า “ข้าแต่กษัตริย์ พระองค์พูดถูกแล้ว”

25 พระองค์จึงถามว่า “แล้วทำไมเราถึงเห็นสี่คนเดินไปเดินมาอยู่ในกองไฟนั้นละ แล้วยังไม่ถูกมัดอีกต่างหาก และไม่เป็นอันตรายอะไรเลย แถมคนที่สี่ก็ดูเหมือนเป็นเทพเจ้าอีกด้วย”

26 แล้วกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ก็เข้าไปใกล้ๆประตูของเตาไฟและพูดว่า

“ชัดรัค เมชาค และเอเบดเนโก ผู้รับใช้ของพระเจ้าสูงสุด ออกมาเถิด”

จากนั้นชัดรัค เมชาค และเอเบดเนโก ก็ออกมาจากเตาไฟ

27 แล้วพวกผู้นำภาค พวกผู้นำจังหวัด พวกผู้นำอำเภอ และพวกที่ปรึกษาของกษัตริย์ ต่างก็เข้ามามุงดู แล้วก็เห็นว่าไฟไม่ได้ทำอันตรายกับร่างกายของพวกเขาเลย ผมบนหัวก็ไม่ไหม้ เสื้อผ้าก็ไม่ไหม้ ไม่มีแม้แต่กลิ่นไหม้ติดตัวพวกเขาเสียด้วยซ้ำ

28 แล้วกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ก็พูดว่า “ขอสรรเสริญพระเจ้าของชัดรัค เมชาค และ เอเบดเนโก พระองค์ได้ส่งทูตสวรรค์ลงมาช่วยผู้รับใช้ของพระองค์ ที่ไว้วางใจในพระองค์ พวกเขากล้าขัดคำสั่งของกษัตริย์ ถึงขนาดยอมเสี่ยงชีวิตของพวกเขาเอง แทนที่จะรับใช้หรือนมัสการเทพเจ้าองค์ใดนอกเหนือจากพระเจ้าของพวกเขา 29 บัดนี้ เราขอสั่งว่าใครก็ตามไม่ว่าจะเป็นคนเชื้อชาติใดหรือภาษาไหน ที่ว่าร้ายพระเจ้าของชัดรัค เมชาค และเอเบดเนโก จะต้องถูกหั่นเป็นชิ้นๆและบ้านของมันผู้นั้นจะต้องกลายเป็นส้วมสาธารณะ เพราะไม่มีเทพเจ้าองค์ไหนที่สามารถช่วยชีวิตคนของพระองค์ได้อย่างนี้หรอก” 30 จากนั้นกษัตริย์ก็เลื่อนขั้นให้กับชัดรัค เมชาค และเอเบดเนโก ในมณฑลบาบิโลน

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)

พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International