Chronological
41 ในเดือนที่เจ็ด อิชมาเอลลูกชายของเนธานิยาห์ เนธานิยาห์เป็นลูกชายของเอลีชามา อิชมาเอลได้มาหาเกดาลิยาห์ลูกชายของอาหิคัม ที่มิสปาห์ อิชมาเอลคนนี้เป็นเชื้อเจ้าคนหนึ่ง และเป็นนายพลที่เก่งกาจคนหนึ่งของกษัตริย์ เขามากับคนของเขาสิบคน และพวกเขาก็กินอาหารร่วมกับเกดาลิยาห์ที่มิสปาห์ 2 จากนั้นอิชมาเอลลูกชายของเนธานิยาห์และชายสิบคนที่อยู่กับเขาก็ลุกขึ้นมา เอาดาบแทงเกดาลิยาห์ลูกชายของอาหิคัมลูกชายชาฟานจนตาย เกดาลิยาห์เป็นคนที่กษัตริย์บาบิโลนแต่งตั้งให้เป็นผู้ปกครองแผ่นดินนี้
3 จากนั้นก็ฆ่าพลเมืองยูดาห์ทั้งหมดที่อยู่กับเขาในเมืองมิสปาห์ รวมทั้งทหารบาบิโลนที่อยู่ที่นั่นด้วย
4 วันที่สองหลังจากฆ่าเกดาลิยาห์ผ่านไปแล้ว ยังไม่มีใครรู้ 5 มีชายแปดสิบคนเดินทางมาจาก เชเคม ชิโลห์ และสะมาเรีย พวกเขาโกนหนวดเครา ฉีกทึ้งเสื้อผ้าตัวเอง และเชือดเฉือนเนื้อตัวเอง พวกเขาถือเครื่องบูชาเมล็ดพืชไว้ในมือ และเครื่องหอมมาถวายในวิหารของพระยาห์เวห์ 6 แล้วอิชมาเอลลูกชายของเนธานิยาห์ก็ออกจากมิสปาห์มาหาพวกเขา อิชมาเอลเดินไปก็ร้องไห้ไป เมื่อเจอพวกนั้นแล้วก็บอกว่า ไปหาเกดาลิยาห์ลูกชายของอาหิคัมกันเถอะ
7 แต่พอพวกเขาเดินเข้าไปถึงใจกลางเมือง อิชมาเอลลูกชายของเนธานิยาห์และคนที่มากับเขา ก็ฆ่าคนพวกนั้นแล้วเอาศพไปโยนทิ้งในบ่อเก็บน้ำ
8 แต่มีสิบคนจากแปดสิบคนนั้นบอกกับอิชมาเอลว่า “อย่าฆ่าพวกเราเลย เพราะเรามีข้าวสาลี ข้าวบาร์เลย์ น้ำมันมะกอก และน้ำเชื่อมผลไม้ซ่อนอยู่ในทุ่งด้วย” อิชมาเอลก็เลยหยุด ไม่ได้ฆ่าพวกเขาให้ตายตามคนอื่นๆที่มาด้วยกัน
9 (บ่อเก็บน้ำที่อิชมาเอลโยนศพคนที่เขาฆ่าลงไป โดยแกล้งทำเป็นเพื่อนของเกดาลิยาห์นั้น เป็นบ่อเก็บน้ำขนาดใหญ่ที่กษัตริย์อาสาสร้างไว้ตอนที่พระองค์ถูกกษัตริย์บาอาชาแห่งอิสราเอลโจมตี) อิชมาเอลลูกชายของเนธานิยาห์ถมมันด้วยศพของคนที่เขาฆ่า
10 แล้วอิชมาเอลก็จับคนที่เหลือที่อยู่ในมิสปาห์ไป ซึ่งมีทั้งพวกลูกสาวของกษัตริย์ และคนที่ยังเหลืออยู่ คนพวกนี้เป็นคนที่เนบูซาระดานหัวหน้าองครักษ์ได้แต่งตั้งให้เกดาลิยาห์ลูกชายของอาหิคัมเป็นผู้ดูแล แล้วอิชมาเอลก็หนีข้ามไปหาคนอัมโมน
11 จากนั้นโยฮานันลูกชายของคาเรอาห์และแม่ทัพนายกองทั้งหลายที่อยู่กับเขา ได้ยินเรื่องชั่วช้าที่อิชมาเอลลูกชายของเนธานิยาห์ทำลงไป 12 พวกเขาจึงยกทหารทั้งหมดที่มีอยู่ไปสู้กับอิชมาเอลลูกชายของเนธานิยาห์ พวกเขาไปเจออิชมาเอลที่บึงน้ำใหญ่ในกิเบโอน
13 เมื่อคนที่โดนจับตัวมาที่อยู่กับอิชมาเอลเห็นโยฮานันลูกชายของคาเรอาห์ พร้อมกับพวกแม่ทัพนายกองที่มากับเขา พวกเขาต่างก็พากันดีใจ
14 แล้วทุกคนที่อิชมาเอลจับมาจากมิสปาห์ก็หันกลับไปหาโยฮานันลูกชายของคาเรอาห์ 15 แต่อิชมาเอลลูกชายของเนธานิยาห์กับทหารแปดคนก็หนีโยฮานันไปได้ แล้วเขาหนีไปหาชาวอัมโมน
16 แล้วโยฮานันลูกชายของคาเรอาห์กับแม่ทัพนายกองทั้งหมดที่มากับเขาก็รับเอาคนที่เหลือที่อิชมาเอลลูกชายของเนธานิยาห์พามาจากมิสปาห์ หลังจากที่เขาได้ฆ่าเกดาลิยาห์ลูกชายของอาหิคัมแล้ว มีทั้งผู้ชาย ทหาร ผู้หญิง เด็ก และขันทีที่โยฮานันนำกลับมาจากกิเบโอน
โยฮานันหนีไปอียิปต์
17 พวกเขาได้ไปอยู่ที่เกรูธคิมฮามซึ่งอยู่ใกล้ๆเบธเลเฮม พยายามจะหนีไปให้ถึงอียิปต์ 18 เพราะอยากจะไปให้ไกลจากพวกบาบิโลน นั่นก็เพราะพวกเขากลัวชาวบาบิโลน เพราะอิชมาเอลลูกชายของเนธานิยาห์ ได้ฆ่าเกดาลิยาห์ลูกชายของอาหิคัม ที่กษัตริย์บาบิโลนแต่งตั้งให้ดูแลแผ่นดินนี้
ข่าวของเยเรมียาห์ไปถึงโยฮานัน
42 พวกแม่ทัพนายกองทุกคน ก็ได้เดินทางมากับโยฮานันลูกชายของคาเรอาห์ และอาซาริยาห์[a] ลูกชายของโฮชายาห์ และคนทั้งหมดจากคนที่กระจอกที่สุดไปถึงคนที่สำคัญที่สุด ต่างก็พากันมาหาเยเรมียาห์
2 แล้วพวกเขาก็พูดกับเยเรมียาห์ผู้พูดแทนพระเจ้าว่า “ขอได้โปรดรับฟังคำอ้อนวอนของพวกเราด้วย ช่วยอธิษฐานต่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน เผื่อพวกเราและชาวบ้านที่ยังเหลืออยู่นี้ด้วยเถอะ เพราะพวกเราเหลือกันแค่ไม่กี่คนอย่างที่ท่านเห็นนี้ จากที่เคยมีกันอยู่มากมาย 3 อธิษฐานให้พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน บอกพวกเราหน่อยว่า พวกเราควรจะไปทางไหน และควรจะทำอะไร”
4 แล้วเยเรมียาห์ผู้พูดแทนพระเจ้าก็บอกพวกเขาว่า “ผมได้ยินที่พวกท่านพูดแล้ว ผมจะอธิษฐานต่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านตามที่ท่านขอ เมื่อพระยาห์เวห์ตอบอะไรกลับมาให้กับท่าน ผมจะบอกพวกท่านทุกอย่าง โดยไม่ปิดบังอะไรไว้เลย”
5 แล้วพวกเขาก็พูดกับเยเรมียาห์ว่า “ถ้าพวกเราไม่ทำทุกอย่างตามที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านบอกผ่านท่านให้พวกเราทำแล้วละก็ ขอให้พระยาห์เวห์เป็นพยานที่เชื่อถือได้ต่อต้านพวกเรา 6 ไม่ว่ามันจะดีหรือไม่ดี พวกเราก็จะเชื่อฟังพระยาห์เวห์ ผู้ที่พวกเรากำลังส่งท่านไป เพื่อว่าทุกสิ่งจะได้เป็นไปด้วยดีสำหรับพวกเรา เมื่อเราเชื่อฟังพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเรา”
7 หลังจากนั้นสิบวัน ถ้อยคำของพระยาห์เวห์ก็มีมาถึงเยเรมียาห์ 8 แล้วเขาก็เรียกโยฮานันลูกชายของคาเรอาห์ รวมทั้งแม่ทัพนายกองทุกคนที่อยู่กับเขา และประชาชนทุกคน ตั้งแต่กระจอกงอกง่อยไปจนถึงคนที่สำคัญที่สุด 9 แล้วเยเรมียาห์ก็พูดว่า “พระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอล พระองค์ผู้ที่พวกท่านส่งเราไปขอร้อง พระองค์พูดว่า 10 ‘ถ้าพวกเจ้าจะยังคงอยู่ในดินแดนนี้ต่อไปแน่ๆแล้วละก็ เราก็จะสร้างเจ้าขึ้นมาใหม่ และเราก็จะไม่ทำลายเจ้าลง เราจะปลูกเจ้าขึ้นมาใหม่ และเราจะไม่ถอนรากเจ้า เพราะเราเสียใจที่เราได้ทำสิ่งร้ายๆไว้กับเจ้า 11 ไม่ต้องกลัวเมื่อพวกเจ้ายืนอยู่ต่อหน้ากษัตริย์บาบิโลนที่เจ้ากลัวอยู่ในตอนนี้ ไม่ต้องกลัวเขา’ พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น ‘เพราะว่าเราอยู่กับเจ้าเพื่อช่วยและปกปักรักษาเจ้าจากเงื้อมมือของเขา 12 เราจะเมตตาปรานีพวกเจ้า เขาจะได้เมตตาปรานีเจ้าด้วย แล้วเขาก็จะคืนเขตแดนของเจ้าให้กับเจ้า’ 13 แต่ถ้าเจ้าพูดว่า ‘เราจะไม่อยู่ในแผ่นดินนี้หรอก’ แสดงว่าเจ้าจะไม่เชื่อฟังพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้าแล้ว 14 พวกเจ้ากลับพูดว่า ‘เราไม่อยู่ที่นี่หรอก เราจะไปอยู่ที่แผ่นดินอียิปต์ จะได้ไม่เจอกับสงคราม เราจะได้ไม่ได้ยินเสียงแตรศึก และจะได้ไม่ต้องอดข้าวตาย และเราจะอยู่ที่นั่น’ 15 ถ้านั่นเป็นความต้องการของเจ้าละก็ ชาวยูดาห์ที่ยังเหลืออยู่ ฟังการตัดสินใจของพระยาห์เวห์ให้ดี พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น พระเจ้าของอิสราเอลพูดว่า ‘ถ้าเจ้าตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะไปอียิปต์ แล้วพวกเจ้าก็ไปอาศัยอยู่ที่นั่นในฐานะคนต่างชาติ 16 สงครามที่เจ้ากลัวนักกลัวหนาก็จะเกิดขึ้นกับเจ้าที่แผ่นดินอียิปต์นั้น และความอดอยากที่เจ้าเป็นห่วงกังวล ก็จะตามเจ้ามาติดๆเข้าไปในอียิปต์นั้น แล้วเจ้าก็จะตายที่นั่น 17 ทุกคนที่ตัดสินใจจะไปอยู่ในอียิปต์อย่างคนต่างชาตินั้น ก็จะตายด้วยคมดาบ ความอดอยาก และโรคระบาด จะไม่มีใครรอดชีวิตหรือหนีรอดออกมาได้เลยจากเรื่องเลวร้ายที่เรากำลังจะทำให้เกิดขึ้นกับพวกเขานั้น’”
18 พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น พระเจ้าแห่งอิสราเอลพูดว่า “เราจะเทความโกรธใส่เจ้าเมื่อเจ้าไปอียิปต์ เหมือนกับที่เราเคยเทความโกรธใส่คนที่อาศัยอยู่ในเยรูซาเล็มมาแล้ว เจ้าจะกลายเป็นแบบอย่างของคำสาปแช่ง เป็นที่รกร้างว่างเปล่า เป็นของที่ไม่มีค่า และเป็นแบบอย่างของการหัวเราะเยาะ แล้วเจ้าจะไม่ได้เห็นแผ่นดินนี้อีกเลย”
19 พวกท่านคนยูดาห์ที่ยังหลงเหลืออยู่ พระยาห์เวห์บอกให้พวกท่านว่าอย่าไปอียิปต์เลย พวกท่านก็รู้แน่ชัดแล้วว่าวันนี้ผมได้เตือนท่านแล้ว 20 ว่าพวกท่านได้ทำให้ชีวิตของตัวเองหันเหออกไปจากทางที่ถูกที่ควร ที่ผมพูดอย่างนี้ก็เพราะพวกท่านส่งผมไปหาพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านเอง โดยขอว่า “ช่วยอธิษฐานต่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเราเผื่อพวกเราด้วย และช่วยบอกพวกเราทุกอย่างที่พระยาห์เวห์พูด แล้วเราจะทำตาม”
21 และวันนี้ผมก็ได้บอกท่านแล้วว่าพระองค์พูดอะไรกับผม แต่พวกท่านก็ไม่ยอมเชื่อฟังพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน และไม่ยอมฟังทุกสิ่งที่เราบอกท่านไปแล้ว 22 ถึงตอนนี้ท่านก็มั่นใจได้เลยว่า พวกท่านจะต้องตายจากคมดาบ จากความอดอยาก และจากโรคระบาด ในที่แห่งนั้นที่ท่านอยากจะไปอยู่อย่างคนต่างชาติ
ย้ายถิ่นฐานไปอียิปต์
43 พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเขาได้ส่งเยเรมียาห์มาบอกถ้อยคำของพระองค์กับประชาชนทุกคน เมื่อเยเรมียาห์ได้บอกทุกอย่างที่พระยาห์เวห์สั่งให้มาบอกกับพวกเขาเสร็จแล้ว 2 อาซาริยาห์ลูกชายของโฮชายาห์ และโยฮานันลูกชายของคาเรอาห์ และพวกประชาชนที่โอหังทุกคน พูดกับเยเรมียาห์ว่า “แกพูดโกหก พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเราไม่ได้ส่งแกมาให้พูดกับเราว่า ‘อย่าไปอียิปต์เพื่อไปอยู่เหมือนคนต่างชาติที่นั่นเลย’ 3 ที่แกพูดอย่างนี้ก็เพราะบารุคลูกชายของเนริยาห์กำลังยุแหย่ให้แกต่อต้านพวกเรา เพื่อจะได้จับพวกเราส่งไปให้อยู่ในเงื้อมมือของพวกบาบิโลน เพื่อให้มันฆ่าพวกเราทิ้งและกวาดต้อนพวกเราไปที่บาบิโลน” 4 โยฮานันลูกชายของคาเรอาห์ และพวกแม่ทัพนายกองทั้งหมด และคนทั้งหมด ก็ไม่ยอมเชื่อฟังพระยาห์เวห์ ผู้ที่บอกให้พวกเขาอยู่ในแผ่นดินยูดาห์ 5 โยฮานันลูกชายของคาเรอาห์ และพวกแม่ทัพนายกองทั้งหมดก็พาคนยูดาห์ที่เหลือไปอาศัยอยู่ในอียิปต์ในฐานะคนต่างชาติ คนยูดาห์ที่เหลืออยู่นี้คือคนที่แต่ก่อนเคยถูกขับไล่ออกไป แต่ตอนนี้กลับมาอยู่ในยูดาห์แล้ว 6 คนที่เดินทางไปอียิปต์ก็มีทั้งชายหญิง เด็กๆและพวกลูกสาวของกษัตริย์ อันที่จริงคนพวกนี้เป็นคนที่เนบูซาระดานหัวหน้าองครักษ์ได้ให้เกดาลิยาห์ลูกชายของอาหิคัมเป็นผู้ดูแล อาหิคัมเป็นลูกชายของชาฟาน โยฮานันก็พาเยเรมียาห์ผู้พูดแทนพระเจ้าและบารุคลูกชายของเนริยาห์ไปอียิปต์ด้วย 7 พวกเขาทั้งหมดก็เดินทางไปอียิปต์ เพราะพวกเขาไม่ยอมเชื่อฟังพระยาห์เวห์ แล้วพวกเขาก็เดินทางไปไกลถึงทาปานเหส
8 ที่เมืองทาปานเหสนี้เอง ถ้อยคำของพระยาห์เวห์ก็มีมาถึงเยเรมียาห์ พระองค์พูดว่า 9 “เยเรมียาห์ ไปเก็บหินก้อนโตๆมาให้เต็มมือเจ้า และต่อหน้าพลเมืองยูดาห์ให้เจ้าฝังหินพวกนั้นไว้ใต้อิฐกับปูน ที่ปูอยู่บนทางเดินหน้าประตูวังฟาโรห์ที่เมืองทาปานเหส 10 แล้วให้เจ้าบอกกับคนยูดาห์ที่ดูอยู่ว่า ‘พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น พระเจ้าของอิสราเอลพูดว่า “เราจะเรียกเนบูคัดเนสซาร์กษัตริย์ของบาบิโลนผู้รับใช้ของเรามาที่นี่ เราจะวางบัลลังก์ของเขาไว้บนก้อนหินเหล่านี้ที่เราได้ฝังไว้ เขาจะกางเต็นท์อยู่เหนือหินเหล่านี้ 11 เขาจะมาโจมตีแผ่นดินอียิปต์ แล้วคนที่ถูกกำหนดให้ตายด้วยโรคระบาดก็จะต้องตายด้วยโรคระบาด คนที่ถูกกำหนดให้ถูกจับไปเป็นเชลย ก็จะต้องไปเป็นเชลย และคนที่ถูกกำหนดให้ถูกดาบฆ่าฟัน ก็จะต้องตายด้วยดาบ”’”
12 “กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ จะจุดไฟเผาวิหารของพวกเทพเจ้าอียิปต์ จะเผาและยึดพวกมันไป เขาจะเด็ดอียิปต์จนเกลี้ยงเกลาเหมือนคนเลี้ยงแกะกำจัดเหาออกจากเสื้อของตัวเอง แล้วก็จากไปอย่างปลอดภัย 13 เขาจะทำลายเสาศักดิ์สิทธิ์ในวิหารเทพพระอาทิตย์ในเมืองเบธเชมาชที่อยู่ในแผ่นดินอียิปต์ และจะเอาไฟเผาวิหารทั้งหมดของเทพเจ้าอียิปต์ให้สิ้น”
ถ้อยคำของพระยาห์เวห์ต่อคนยูดาห์ในอียิปต์
44 นี่คือถ้อยคำของพระยาห์เวห์ที่มีมาถึงเยเรมียาห์ เกี่ยวกับเรื่องของพลเมืองยูดาห์ที่อาศัยอยู่ในอียิปต์ พวกเขาอยู่ที่มิกดล ทาปานเหส เมมฟิส และทางใต้ของอียิปต์ พระองค์บอกพวกเขาว่า 2 “พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น พระเจ้าของอิสราเอลพูดว่า ‘พวกเจ้าได้เห็นเรื่องเลวร้ายทั้งหมดที่เรานำไปสู่เยรูซาเล็มและเมืองทั้งหมดของยูดาห์แล้ว และตอนนี้พวกมันก็ถูกปล่อยทิ้งร้างอยู่ ไม่มีใครอาศัยอยู่เลย 3 นั่นเป็นเพราะความชั่วร้ายที่พวกเขาทำ พวกเขาทำให้เราโกรธด้วยการเผาเครื่องหอมบูชาให้กับเทพเจ้าอื่นๆที่บรรพบุรุษของเจ้าไม่รู้จัก 4 เราได้ส่งพวกผู้รับใช้ คือพวกผู้พูดแทนพระเจ้าของเรามาให้กับพวกเจ้า เราส่งพวกเขามาเรื่อยๆให้พวกเขามาบอกว่า “อย่าทำเรื่องน่าขยะแขยงที่เราเกลียดชังนี้” 5 แต่พวกเขาก็ไม่ฟัง และไม่สนใจที่จะหันจากเรื่องชั่วๆที่ทำกันอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกเขาเผาเครื่องหอมให้กับเทพเจ้าอื่นๆ 6 เราโกรธแค้นมาก และความโกรธของเราก็ได้พลุ่งขึ้นต่อเมืองต่างๆของยูดาห์และตามท้องถนนของเมืองเยรูซาเล็ม และพวกมันได้กลายเป็นที่รกร้างว่างเปล่ามาจนถึงทุกวันนี้’”
7 นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์ พระเจ้าผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น พระเจ้าของอิสราเอลพูดว่า “ทำไมเจ้าถึงทำร้ายตัวเองอย่างใหญ่หลวง ทำไมเจ้าถึงได้กำจัดพวกผู้ชาย ผู้หญิง เด็ก และทารกทั้งหมดไปจากยูดาห์ไม่เหลือไว้ที่นั่นสักคน 8 ทำไมเจ้าถึงได้ยั่วโมโหเราด้วยรูปเคารพที่เจ้าทำขึ้นมากับมือ ทำไมเจ้าถึงเผาเครื่องหอมบูชาให้กับเทพเจ้าอื่นๆในแผ่นดินอียิปต์ ที่เจ้าได้มาอาศัยอยู่นี้ ในที่สุดเจ้าก็จะทำลายตัวเจ้าเอง และชื่อของเจ้าจะถูกใช้เวลาสาปแช่ง และเจ้าจะเป็นที่หัวเราะเยาะของชนชาติทั้งหลายในโลกนี้ 9 เจ้าลืมความชั่วร้ายของบรรพบุรุษเจ้า และความชั่วร้ายของกษัตริย์ต่างๆของยูดาห์แล้วหรือ เจ้าลืมความชั่วร้ายของเมียพวกเขา และความชั่วร้ายของเจ้าและของเมียเจ้าที่ทำเอาไว้ในแผ่นดินยูดาห์และตามท้องถนนของเยรูซาเล็มแล้วหรือ
10 จนถึงวันนี้พวกเขาก็ยังไม่ถ่อมตัว พวกเขาไม่เคารพยำเกรงเรา และพวกเขาก็ไม่ได้ทำตามกฎและระเบียบที่เรามอบไว้ให้กับเจ้าและบรรพบุรุษของเจ้า”
11 ดังนั้น พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น พระเจ้าของอิสราเอลจึงพูดว่า “เราตัดสินใจแล้วว่าจะลงโทษเจ้าและจะกำจัดยูดาห์ให้สิ้นซาก 12 เราจะจัดการกับคนยูดาห์ที่เหลือ ที่ตัดสินใจไปอียิปต์และไปอยู่อย่างคนต่างชาติที่นั่น พวกเขาทั้งหมดจะพบกับจุดจบที่แผ่นดินอียิปต์นั้น พวกเขาจะตายในสงคราม หรือไม่ก็อดตาย พวกเขาตั้งแต่คนที่กระจอกที่สุดไปจนถึงคนที่สำคัญที่สุดจะต้องพบกับจุดจบ พวกเขาจะต้องตายด้วยสงคราม หรือไม่ก็อดตาย แล้วผู้คนก็จะใช้ชื่อพวกเขาเวลาสาปแช่ง พวกเขาจะเป็นตัวอย่างของความพินาศย่อยยับ เป็นตัวตลก หรือเป็นเป้าให้คนเยาะเย้ย
13 เราจะลงโทษพวกนั้นที่อาศัยอยู่ในอียิปต์เหมือนกับที่เราลงโทษเยรูซาเล็ม คือด้วยคมดาบ ความอดอยาก และโรคระบาด
14 พวกยูดาห์ที่หลงเหลืออยู่ ที่กำลังจะไปอยู่ในอียิปต์อย่างคนต่างชาตินี้ จะไม่มีคนพวกนี้สักคน ที่จะหนีพ้นหรือรอดชีวิต จะไม่มีคนพวกนี้เหลือสักคนที่จะได้กลับไปยูดาห์ ถึงแม้พวกเขาอยากจะกลับไปอยู่ที่นั่นก็ตาม พวกนี้จะไม่ได้กลับไปยูดาห์หรอก จะไม่มีใครหนีรอดออกมาได้นอกจากคนไม่กี่คน”
15 แล้วพวกผู้ชายทุกคนที่รู้ว่าเมียของตัวเองเผาเครื่องหอมบูชาให้กับเทพเจ้าอื่นๆ และผู้หญิงทุกคนที่กำลังยืนอยู่ในที่ประชุมใหญ่ รวมทั้งทุกคนที่อาศัยอยู่ในแผ่นดินอียิปต์และทางใต้ของอียิปต์ พวกเขาก็ตอบโต้เยเรมียาห์ว่า
16 “สิ่งที่แกพูดต่อว่าเรา โดยอ้างว่ามาจากพระยาห์เวห์นั้น พวกเราไม่ฟังแกหรอก 17 แต่พวกเราจะทำทุกสิ่งที่เราได้บนบานไว้ เราจะเผาเครื่องบูชาถวายราชินีแห่งสวรรค์และรินเครื่องดื่มบูชาถวายให้กับนาง เราจะทำเหมือนกับที่พวกเรา ปู่ย่าตายายของเรา กษัตริย์ของพวกเรา และพวกเจ้านายของพวกเราเคยทำในเมืองต่างๆของยูดาห์และตามท้องถนนของเมืองเยรูซาเล็ม ตอนที่เราทำสิ่งต่างๆเหล่านั้น เรามีอาหารกินอย่างเหลือเฟือ มีแต่สิ่งดีๆเกิดขึ้นกับเราไม่ใช่เรื่องเลวร้าย 18 ตั้งแต่พวกเราเลิกเผาเครื่องหอมบูชาให้กับราชินีแห่งสวรรค์และเลิกรินเครื่องดื่มให้นาง เราก็ขัดสนทุกอย่าง แถมเรายังพบกับจุดจบ ด้วยคมดาบและความอดอยากอีกด้วย”
19 ส่วนพวกผู้หญิงก็พูดว่า “ตอนที่พวกเราเผาเครื่องหอมบูชาให้กับราชินีแห่งสวรรค์และรินเครื่องดื่มถวายนางนั้น แกคิดว่าตอนที่พวกเราทำขนม หรือปั้นขนมรูปนาง หรือรินเครื่องดื่มให้นางนั้น พวกเราไปแอบทำไกลๆสามีหรือยังไง”
20 แล้วเยเรมียาห์ก็ตอบกับพวกผู้ชาย ผู้หญิง และทุกคนที่เถียงกับเขาว่า 21 “พระยาห์เวห์จดจำได้ที่พวกท่านนำเครื่องเผาบูชามาถวายพระอื่นๆในเมืองต่างๆของยูดาห์และตามท้องถนนของเมืองเยรูซาเล็ม พระองค์จำได้ที่พวกท่าน ปู่ย่าตายายของท่าน กษัตริย์และเจ้านายของท่าน รวมทั้งทุกคนในแผ่นดินนี้ ได้ทำอย่างนั้น และมันก็ยังอยู่ในใจของพระองค์
22 แต่พระยาห์เวห์ทนไม่ไหวแล้วกับการกระทำที่ชั่วช้าต่างๆของท่าน และสิ่งต่างๆที่น่าขยะแขยงที่พวกท่านได้ทำลงไป ดังนั้นแผ่นดินของพวกท่านถึงได้ถูกผู้คนหัวเราะเยาะ ถูกทำลาย และกลายเป็นร้าง อย่างที่มันเป็นอยู่ในทุกวันนี้ 23 ที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะท่านได้เผาเครื่องหอมให้กับเทพเจ้าอื่นๆและได้ทำบาปต่อพระยาห์เวห์ และไม่เชื่อฟังพระองค์ ไม่ทำตามกฎ ระเบียบ และไม่ใช้ชีวิตตามพวกกฎเกณฑ์ของพระองค์ ดังนั้นท่านถึงได้พบกับความหายนะเหมือนในวันนี้”
24 แล้วเยเรมียาห์ก็พูดกับทุกคนและกับผู้หญิงทั้งหมดว่า “พวกท่านชาวยูดาห์ทุกคน ที่อาศัยอยู่ในแผ่นดินอียิปต์ ฟังคำของพระยาห์เวห์ให้ดี 25 พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น พระเจ้าของอิสราเอลพูดว่า ‘พวกเจ้าและเมียของเจ้า ได้ทำตามคำพูดของตัวเองที่ว่า “พวกเราจะทำตามคำสาบานที่พวกเราให้ไว้ว่า ‘พวกเราจะเผาเครื่องหอมถวายให้กับราชินีแห่งสวรรค์และรินเครื่องดื่มบูชาให้กับนาง’ พวกเราจะทำตามที่เราได้บนบานไว้อย่างแน่นอน”’”
พระยาห์เวห์พูดว่า “ทำไปเลย ทำตามที่เจ้าได้บนบานไว้”
26 เมื่อเจ้าเอาอย่างนี้ พวกเจ้าชาวยูดาห์ทุกคนที่อยู่ในแผ่นดินอียิปต์ ฟังคำพูดของพระยาห์เวห์ให้ดี พระองค์พูดว่า “เราได้สาบานกับชื่ออันยิ่งใหญ่ของเราว่า ‘ขออย่าให้มีชาวยูดาห์คนไหนที่อาศัยอยู่ในแผ่นดินอียิปต์ อ้างชื่อของเราในคำสาบานของพวกเขาอีกเลย’ 27 เราจะคอยจับตาดูพวกเขา เพื่อเราจะได้ทำให้สิ่งเลวร้ายเกิดขึ้นกับพวกเขา ไม่ใช่ความสุขความเจริญ และคนยูดาห์ทุกคนที่อยู่ในแผ่นดินอียิปต์จะต้องตายด้วยคมดาบ หรือไม่ก็อดตาย จนกว่าพวกมันจะหมดสิ้นไป 28 จะมีแค่ไม่กี่คนในพวกเขาที่เล็ดรอดคมดาบออกมาได้ แล้วพวกนี้ก็จะไปจากแผ่นดินอียิปต์กลับไปยังแผ่นดินยูดาห์ แล้วคนยูดาห์ที่รอดชีวิต ที่ได้มาอยู่ในแผ่นดินอียิปต์อย่างคนต่างชาตินั้น ก็จะได้รู้ว่าใครกันแน่ที่ถูกต้อง พวกเขาหรือยาห์เวห์” 29 พระยาห์เวห์พูดว่า “เมื่อเราลงโทษพวกเจ้าที่นี่ นั่นจะเป็นข้อพิสูจน์สำหรับพวกเจ้า พวกเจ้าจะได้รู้ว่าเมื่อเราบอกว่าเราจะให้เรื่องเลวร้ายเกิดขึ้นกับเจ้า มันจะเกิดแน่”
30 พระยาห์เวห์พูดว่า “เราจะยกฟาโรห์โฮฟรา กษัตริย์ของอียิปต์ ให้ตกไปอยู่ในเงื้อมมือของศัตรูเขา และตกไปอยู่ในเงื้อมมือของคนที่อยากฆ่าเขา เหมือนกับที่เรายกเศเดคียาห์กษัตริย์แห่งยูดาห์ให้ตกไปอยู่ในเงื้อมมือของเนบูคัดเนสซาร์ กษัตริย์ของบาบิโลน และตกไปอยู่ในเงื้อมมือของคนที่อยากฆ่าเขา”
สิ่งที่เยเรมียาห์บอกบารุค
45 ในปีที่สี่ที่เยโฮยาคิมลูกของกษัตริย์โยสิยาห์เป็นกษัตริย์ปกครองยูดาห์ เยเรมียาห์ผู้พูดแทนพระเจ้า ได้บอกถ้อยคำนี้กับบารุคลูกชายของเนริยาห์ บารุคก็ได้เขียนถ้อยคำเหล่านั้นลงบนหนังสือม้วนตามคำบอกของเยเรมียาห์ เยเรมียาห์บอกกับบารุคว่า 2 “บารุค พระยาห์เวห์ พระเจ้าของอิสราเอล ได้พูดถึงท่านว่าอย่างนี้ 3 ‘บารุค เจ้าเคยพูดว่า “ผมเป็นทุกข์ เพราะพระยาห์เวห์เพิ่มความเศร้าโศกให้กับผม ทั้งๆที่ผมมีความเจ็บปวดอยู่แล้ว ผมเหน็ดเหนื่อยกับการร้องคร่ำครวญ และผมหาความสงบสุขไม่ได้เลย”’” 4 “เยเรมียาห์ เจ้าต้องบอกกับบารุคว่า ‘พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนี้ “สิ่งที่เราได้สร้างไว้ เราจะพังทลายลง และสิ่งที่เราได้ปลูกไว้ เราจะถอนมันขึ้นมา ซึ่งก็คือแผ่นดินทั้งหมด 5 เจ้ากะว่าตัวเองจะรุ่งเรืองหรือ ไม่ต้องไปคาดหวังเลย เพราะเราจะนำความหายนะมาสู่สิ่งมีชีวิตทั้งหมด ไม่ว่าเจ้าจะไปที่ไหน เราจะไว้ชีวิตเจ้าเหมือนของที่ยึดมาได้จากสงคราม”’” พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International