Chronological
ชาวอัสซีเรียยึดเมืองสะมาเรีย
9 ในปีที่สี่ที่เฮเซคียาห์เป็นกษัตริย์ของยูดาห์ ตรงกับปีที่เจ็ด ที่โฮเชยาลูกชายของเอลาห์ เป็นกษัตริย์ของอิสราเอล กษัตริย์แชลมาเนเสอร์[a]ของอัสซีเรียได้ยกทัพมาสู้รบกับเมืองสะมาเรียและได้ปิดล้อมเมืองนี้เอาไว้ 10 เมื่อล้อมเมืองอยู่สามปี ชาวอัสซีเรียก็ยึดเมืองนี้ได้ เมืองสะมาเรียจึงถูกยึดไปในช่วงปีที่หกที่เฮเซคียาห์ เป็นกษัตริย์ของยูดาห์ ตรงกับปีที่เก้าที่โฮเชยาเป็นกษัตริย์ของอิสราเอล 11 กษัตริย์ของอัสซีเรียได้กวาดต้อนเอาคนอิสราเอลไปไว้ที่อัสซีเรียและได้ให้พวกเขาตั้งรกรากอยู่ในเมืองฮาลาห์ ในเมืองโกซานที่ติดกับแม่น้ำฮาโบร์และในเมืองต่างๆของชาวเมดัย 12 เรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะพวกอิสราเอลไม่ยอมเชื่อฟังพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเขา พวกเขาฝ่าฝืนข้อตกลงของพระองค์ทุกข้อที่โมเสสผู้รับใช้พระยาห์เวห์ได้สั่งไว้ พวกเขาไม่ยอมฟังคำสั่งเหล่านั้นและไม่ยอมทำตามด้วย
อัสซีเรียบุกยูดาห์
(2 พศด. 32:1-19; อสย. 36:1-22)
13 ในปีที่สิบสี่ ที่เฮเซคียาห์เป็นกษัตริย์ของยูดาห์ กษัตริย์เซนนาเคอริบ[b] ของอัสซีเรียได้เข้าโจมตีเมืองทั้งหมดที่มีป้อมปราการของยูดาห์และสามารถยึดเมืองเหล่านั้นไว้ได้ 14 กษัตริย์เฮเซคียาห์ของยูดาห์จึงได้ส่งข้อความมาถึงกษัตริย์อัสซีเรียที่ลาคีชว่า “เราผิดไปแล้ว ช่วยถอยทัพออกไป และเราจะชดใช้ทุกอย่างตามที่ท่านต้องการ”
กษัตริย์อัสซีเรียได้เรียกร้องเอาเงินประมาณสิบตัน[c] และทองคำประมาณหนึ่งตัน[d] จากกษัตริย์เฮเซคียาห์ของยูดาห์ 15 เฮเซคียาห์จึงเอาเงินที่มีอยู่ในวิหารของพระยาห์เวห์และในคลังสมบัติของวังกษัตริย์ไปมอบให้เขา 16 ในครั้งนี้ กษัตริย์เฮเซคียาห์ของยูดาห์ต้องลอกเอาแถบทองคำที่เขาเคยให้ติดไว้ตามประตูและเสาประตูในวิหารของพระยาห์เวห์ออกมามอบให้กับกษัตริย์อัสซีเรียไปด้วย
17 กษัตริย์อัสซีเรียส่งแม่ทัพสูงสุดของเขา เจ้าหน้าที่ระดับหัวหน้าและแม่ทัพพร้อมกับกองทัพขนาดใหญ่หนึ่งกองเดินทางจากลาคีชไปหากษัตริย์เฮเซคียาห์ที่เยรูซาเล็ม พวกเขามาถึงเยรูซาเล็มและได้มาหยุดอยู่ที่รางส่งน้ำของสระด้านบน ตรงถนนที่มุ่งไปยังทุ่งของคนซักผ้า 18 พวกเขาได้เรียกหากษัตริย์ แต่เอลียาคิมผู้ดูแลวัง ที่เป็นลูกชายของฮิลคียาห์ เชบนาที่เป็นเลขาและโยอาห์ผู้จดบันทึกที่เป็นลูกชายของอาสาฟ ได้ออกมาพบพวกเขา
19 แม่ทัพพูดกับพวกเขาว่า “ไปบอกเฮเซคียาห์ว่า พระมหากษัตริย์ คือกษัตริย์อัสซีเรีย พูดอย่างนี้ว่า
‘ทำไมท่านถึงได้มีความเชื่อมั่นขนาดนี้ 20 ข้อตกลงกับพันธมิตรที่ท่านหวังพึ่งนั้นมันก็แค่เพียงคำพูด ท่านคิดว่ามันจะใช้แทนกลยุทธ์และกำลังทหารในสงครามได้หรือ เดี๋ยวนี้ท่านไปพึ่งใครหรือ ท่านถึงกล้ามากบฏกับเรา 21 ดูดีๆนะว่าตอนนี้ท่านกำลังพึ่งอียิปต์ ซึ่งเป็นเหมือนไม้เท้าอ้อที่เดาะแล้ว ถ้าใครไปค้ำยันมัน มันก็จะแตกและเสียบมือของคนนั้น ฟาโรห์กษัตริย์ของอียิปต์ ก็จะเป็นอย่างนั้นกับคนที่มาพึ่งพิงเขา 22 แต่ถ้าท่านจะบอกเราว่า “เราเชื่อพึ่งในพระยาห์เวห์พระเจ้าของเรา” อ้าว เฮเซคียาห์ได้รื้อพวกสถานที่นมัสการและแท่นบูชาของพระนั้นทิ้งไปแล้วไม่ใช่หรือ และสั่งคนยูดาห์และคนในเยรูซาเล็มว่า “พวกเจ้าต้องนมัสการที่แท่นบูชานี้ที่อยู่ในเมืองเยรูซาเล็มเท่านั้น”
23 ตอนนี้ มาทำข้อตกลงกับกษัตริย์ของอัสซีเรีย เจ้านายของข้าดีกว่า ข้าจะให้ม้ากับเจ้าสองพันตัว ถ้าเจ้ามีปัญญาหาคนมาขี่พวกมันได้ 24 ในเมื่อเจ้าและอียิปต์อ่อนแอซะขนาดนี้ ท่านยังจะปฏิเสธอำนาจของข้าราชการตัวเล็กๆของเจ้านายข้า แล้วไปหวังพึ่งรถรบและทหารม้าของอียิปต์อีกหรือ
25 และตอนนี้ เจ้าคิดว่าที่ข้าขึ้นมาโจมตีสถานที่นี้เพื่อทำลายมัน โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพระยาห์เวห์อย่างนั้นหรือ เป็นพระยาห์เวห์เองที่พูดกับข้าว่า “ขึ้นไปโจมตีแผ่นดินนี้และทำลายมันซะ”’”
26 แล้วเอลียาคิมลูกชายของฮิลคียาห์ เชบนา และโยอาห์ ตอบกับแม่ทัพไปว่า “ช่วยพูดกับพวกเราผู้รับใช้ของท่านเป็นภาษาอารเมคด้วยเถิด เพราะพวกเราเข้าใจภาษานั้น อย่าพูดกับพวกเราเป็นภาษาฮีบรูเลย เพราะไม่อยากให้พวกนั้นที่อยู่บนกำแพงได้ยิน”
27 แต่แม่ทัพนั้นตอบพวกเขาว่า “เจ้าคิดว่า เจ้านายข้าส่งข้ามาเพื่อพูดเรื่องพวกนี้กับเจ้านายเจ้ากับเจ้าเท่านั้นหรือยังไง เขาส่งให้ข้ามาพูดกับไอ้คนพวกนั้นที่นั่งอยู่บนกำแพงด้วย ไอ้พวกนั้นก็จะต้องกินขี้และเยี่ยวของตัวเอง[e]เหมือนกับพวกเจ้านั่นแหละ”
28 แล้วแม่ทัพก็ยืนขึ้นและร้องตะโกนเสียงดังเป็นภาษาฮีบรูว่า
“นี่เป็นคำพูดของพระมหากษัตริย์ คือกษัตริย์อัสซีเรีย 29 พระองค์พูดว่าอย่างนี้ ‘อย่าให้เฮเซคียาห์หลอกลวงเจ้า เพราะเขาไม่สามารถช่วยกู้พวกเจ้าให้พ้นไปจากมือของเราได้หรอก 30 และอย่าให้เฮเซคียาห์ทำให้พวกเจ้าคิดจะพึ่งพระยาห์เวห์’ เมื่อเขาพูดว่า ‘พระยาห์เวห์จะช่วยกู้พวกเราอย่างแน่นอน พระยาห์เวห์จะไม่ยอมให้เมืองนี้ตกไปอยู่ในกำมือของกษัตริย์อัสซีเรียเป็นอันขาด’
31 อย่าไปฟังเฮเซคียาห์ เพราะกษัตริย์อัสซีเรียพูดไว้ว่าอย่างนี้ ‘มาทำสัญญาสงบศึกกับข้าและออกมาจำนนต่อข้า แล้วพวกเจ้าแต่ละคนก็จะได้กินจากต้นองุ่นและต้นมะเดื่อของตัวเอง และดื่มจากบ่อเก็บน้ำของตน 32 จนกว่าเราจะมาและพาพวกเจ้าไปยังแผ่นดินที่เหมือนกับแผ่นดินของเจ้านี้ เป็นแผ่นดินที่มีข้าวและเหล้าองุ่นใหม่ มีขนมปังและสวนองุ่น เป็นแผ่นดินที่มีต้นมะกอกและน้ำเชื่อมผลไม้ แล้วพวกเจ้าจะอาศัยอยู่ที่นั่นและไม่ต้องตาย และอย่าไปฟังเฮเซคียาห์ เมื่อเขาพยายามทำให้พวกเจ้าหลงผิดไป โดยพูดว่า “พระยาห์เวห์จะช่วยกู้พวกเรา” 33 เราขอถามเจ้าว่า “มีพระของชาติไหนบ้างที่เคยช่วยแผ่นดินของพวกเขาให้รอดพ้นจากเงื้อมมือของกษัตริย์อัสซีเรีย”’”
34 พวกพระของเมืองฮามัท[f]กับเมืองอารปัด ไปไหนแล้ว พระของเมืองเสฟารวาอิม เฮนา และอิฟวาห์ไปไหนแล้ว พวกพระของสะมาเรียสามารถช่วยกู้สะมาเรียจากเงื้อมมือของข้าได้หรือ 35 ในพวกพระทั้งหมดของประเทศเหล่านี้ มีพระองค์ไหนบ้างได้ช่วยประเทศของพวกเขาให้พ้นจากเงื้อมมือของข้า แล้วเจ้ายังคิดว่าพระยาห์เวห์จะสามารถช่วยเยรูซาเล็มให้พ้นจากเงื้อมมือข้าได้หรือ
36 แต่ประชาชนยังคงเงียบและไม่ได้ตอบเขาสักคำ เพราะกษัตริย์สั่งพวกเขาไว้ว่า “อย่าไปตอบมัน”
37 แล้วเอลียาคิมผู้ดูแลวังลูกชายของฮิลคียาห์ เชบนาที่เป็นเลขา รวมทั้งโยอาห์ผู้จดบันทึกลูกชายของอาสาฟ ก็ไปพบเฮเซคียาห์พร้อมกับเสื้อผ้าที่ขาดรุ่งริ่งที่พวกเขาฉีกด้วยความโศกเศร้า และได้รายงานกษัตริย์ถึงสิ่งที่แม่ทัพนั้นพูด
พระยาห์เวห์กู้ยูดาห์จากเซนนาเคอริบ
(2 พศด. 32:20-23; อสย. 37:1-7)
19 เมื่อกษัตริย์เฮเซคียาห์[g] ได้ยินอย่างนั้น พระองค์ก็ฉีกเสื้อผ้าด้วยความโศกเศร้า แล้วเอาผ้ากระสอบมาสวมแทน และพระองค์ก็เข้าไปในวิหารของพระยาห์เวห์ 2 พระองค์ได้ให้เอลียาคิมผู้ดูแลวัง เชบนาเลขานุการของพระองค์ และพวกนักบวชอาวุโส สวมผ้ากระสอบไปหาผู้พูดแทนพระเจ้าชื่ออิสยาห์ ลูกชายของอามอส
3 พวกเขาพูดกับอิสยาห์ว่า “กษัตริย์เฮเซคียาห์ พูดอย่างนี้ว่า ‘นี่เป็นเวลาแห่งความเดือดร้อน การลงโทษ และความอับอาย พวกเราเป็นเหมือนผู้หญิงพร้อมคลอดแล้ว แต่ไม่มีแรงเบ่งลูกออกมา 4 ไม่แน่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านได้ยินคำพูดทั้งหมดของแม่ทัพนั้นแล้ว กษัตริย์อัสซีเรียเจ้านายของเขาได้ส่งเขามาเพื่อเยาะเย้ยพระเจ้าผู้มีชีวิตอยู่ ไม่แน่นะพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านอาจจะลงโทษเขาเมื่อได้ยินอย่างนั้นก็ได้ อย่างนั้นช่วยอธิษฐานสำหรับคนของเราที่ยังเหลือรอดอยู่’”
5 เมื่อพวกข้าราชการของกษัตริย์เฮเซคียาห์มาหาอิสยาห์ 6 อิสยาห์บอกกับพวกเขาว่า “ให้บอกกับเจ้านายของพวกท่านว่า ‘พระยาห์เวห์ได้พูดไว้ว่า “ไม่ต้องกลัวคำพูดต่างๆที่เจ้าได้ยินมา คือคำพูดที่พวกคนรับใช้ของกษัตริย์อัสซีเรียได้ลบหลู่เรานั้น 7 ตัวเราเองจะใส่วิญญาณแห่งความกังวลเข้าในกษัตริย์อัสซีเรีย เพื่อว่าเมื่อเขาได้ยินข่าวลือ เขาจะได้รีบกลับไปยังแผ่นดินของเขา แล้วเราจะทำให้เขาล้มตายลงด้วยดาบในแผ่นดินของเขาเอง”’”
กองทัพอัสซีเรียถอยทัพจากเยรูซาเล็ม
(อสย. 37:8-13)
8 กษัตริย์ของอัสซีเรียได้ออกจากเมืองลาคีชไปยังเมืองลิบนาห์ เมื่อแม่ทัพของเขาได้ยินอย่างนั้น เขาก็ตามไปเมืองลิบนาห์ และพบว่ากษัตริย์อัสซีเรียกำลังสู้รบอยู่กับเมืองนั้น 9 และเมื่อกษัตริย์อัสซีเรียได้ยินเรื่องของกษัตริย์ทีระหะคาร์แห่งเอธิโอเปีย[h] ว่า “ดูสิ กษัตริย์ทีระหะคาร์ได้ยกทัพมาทำสงครามกับท่าน”
พระองค์ก็ส่งพวกผู้ถือสารไปหากษัตริย์เฮเซคียาห์อีกครั้งหนึ่ง และสั่งพวกเขาว่า 10 “ให้ไปบอกกับกษัตริย์เฮเซคียาห์ของยูดาห์ด้วยว่า อย่าให้พระเจ้าที่เจ้าไว้วางใจนั้น หลอกลวงพวกเจ้า เมื่อพระองค์พูดว่า
‘เยรูซาเล็มจะไม่มีวันตกไปอยู่ในเงื้อมมือของกษัตริย์อัสซีเรีย’[i] 11 ดูสิ เจ้าก็ได้ยินถึงสิ่งที่พวกกษัตริย์ของอัสซีเรียได้ทำกับแผ่นดินทั้งหมดเหล่านั้นแล้ว พวกเขาได้ทำลายพวกมันจนราบคาบ แล้วเจ้าคิดว่าเจ้าจะหนีรอดพ้นหรือ 12 มีพวกพระของชนชาติไหนบ้าง ที่ช่วยพวกเขาให้รอด ตอนที่ถูกบรรพบุรุษของข้าทำลาย พวกเขาได้ทำลายเมืองโกซาน ฮาราน เรเซฟ และประชาชนของเอเดน[j] ที่อาศัยอยู่ในเทลอัสสาร์ 13 แล้วกษัตริย์ของฮามัท กษัตริย์ของอารปัด กษัตริย์ของเมืองเสฟารวาอิม กษัตริย์ของเฮนา หรือกษัตริย์ของอิฟวาห์ หายหัวไปไหนกันหมดแล้ว”
14 เฮเซคียาห์รับจดหมายจากพวกผู้ถือสารและอ่านมัน แล้วเขาก็ขึ้นไปที่วิหารของพระยาห์เวห์ แล้วเขาก็คลี่จดหมายฉบับนั้นออกต่อหน้าพระยาห์เวห์ 15 แล้วเขาก็อธิษฐานต่อหน้าพระยาห์เวห์ แล้วพูดว่า
“ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระเจ้าของอิสราเอล ผู้นั่งประทับบนบัลลังก์เหนือพวกทูตสวรรค์เครูบ มีแต่พระองค์ผู้เดียวเท่านั้นที่เป็นพระเจ้าของอาณาจักรทั้งหมดในโลก พระองค์เป็นผู้สร้างฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก 16 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ช่วยเงี่ยหูของพระองค์ฟังด้วยเถิด ข้าแต่พระยาห์เวห์ ช่วยเปิดตาของพระองค์ดูด้วยเถิด ช่วยฟังคำพูดของเซนนาเคอริบที่เขาได้ส่งมา เพื่อเยาะเย้ยพระเจ้าผู้มีชีวิตอยู่ด้วยเถิด
17 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ก็จริงอยู่ที่พวกกษัตริย์อัสซีเรียได้ทำลายชนชาติพวกนั้น รวมทั้งดินแดนของพวกเขาด้วย 18 และได้โยนพวกพระของพวกนั้นลงในไฟ แต่พระพวกนั้นไม่ได้เป็นพระเจ้าจริง แต่เป็นฝีมือมนุษย์ที่ทำขึ้นมาจากไม้และหิน พวกมันก็เลยถูกทำลายไป 19 ดังนั้น ข้าแต่พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเรา ข้าพเจ้าอ้อนวอนพระองค์ว่า ตอนนี้ช่วยกู้พวกเราให้พ้นจากเงื้อมมือของกษัตริย์อัสซีเรียด้วยเถิด เพื่ออาณาจักรทั้งหมดในโลกนี้จะได้รู้ว่า พระองค์พระยาห์เวห์คือพระเจ้าแต่เพียงผู้เดียว”
20 จากนั้นอิสยาห์ลูกชายของอามอส ได้ส่งคนไปบอกเฮเซคียาห์ว่า “นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของอิสราเอลพูด คือ เราได้ยินเรื่องที่เจ้าได้อธิษฐานถึงเราเกี่ยวกับเซนนาเคอริบกษัตริย์ของอัสซีเรีย
21 ดังนั้น ให้รู้ว่านี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์พูดเกี่ยวกับเขาว่า
‘เซนนาเคอริบเอ๋ย
ศิโยนสาวพรหมจรรย์ได้ดูถูกเจ้า เธอหัวเราะเยาะเจ้า
นางสาวเยรูซาเล็ม
ส่ายหัวเยาะเจ้าในขณะที่เจ้าวิ่งหนี
22 เจ้าดูถูกใคร หรือพูดหมิ่นประมาทใครอยู่ รู้รึเปล่า
เจ้าขึ้นเสียงใส่ใครอยู่ รู้รึเปล่า
เจ้าเหยียดตาใส่ใครอยู่ รู้รึเปล่า
เจ้าได้ทำใส่เราผู้ศักดิ์สิทธิ์แห่งอิสราเอล
23 เจ้าได้เย้ยพระยาห์เวห์ ผ่านทางพวกผู้ส่งข่าวที่เจ้าส่งมา
เจ้าพูดว่า “ข้าได้ปีนขึ้นไปด้วยรถรบมากมายของข้า
ถึงยอดเขา
ยอดที่สูงที่สุดในเลบานอน
ข้าได้โค่นพวกต้นสนซีดาร์ที่สูงที่สุดของมัน
และต้นสนที่ดีที่สุดของมัน
ข้าได้เข้าไปถึงส่วนที่ลึกที่สุดของประเทศนั้น
ข้าไปถึงป่าไม้ที่ทึบที่สุดของมัน
24 ข้าได้ขุดบ่อน้ำไปทั่วในต่างแดน
และดื่มจากบ่อน้ำพวกนั้น
ข้าได้เหยียบย่ำน้ำในลำธารทั้งหลายของอียิปต์
จนมันเหือดแห้งไป”
25 กษัตริย์ของอัสซีเรีย เจ้าไม่เคยได้ยินหรือ
เรื่องที่เราได้กำหนดไว้นานมาแล้ว
เรื่องที่เราได้วางแผนตั้งแต่สมัยโบราณ
แล้วตอนนี้เรากำลังทำให้มันเกิดขึ้น
คือเราได้ให้เจ้าทำให้ป้อมปราการของเมืองต่างๆ
กลายเป็นกองซากปรักหักพัง
26 ในขณะที่พลเมืองที่ขาดกำลังของเมืองเหล่านั้น
กำลังตกใจกลัวและอับอาย
พวกเขาเป็นเหมือนพืชที่ท้องทุ่ง
เป็นเหมือนหญ้าอ่อน
เป็นเหมือนหญ้าที่ขึ้นบนดาดฟ้า
และถูกเผาแห้งไปด้วยลมตะวันออก[k]
27 แต่เราก็รู้แม้กระทั่งเวลาที่เจ้ายืนขึ้นหรือนั่งลง
เวลาที่เจ้าออกไปหรือเข้ามา
และเราก็รู้ตอนที่เจ้าเกรี้ยวกราดใส่เรา
28 เพราะเจ้าเกรี้ยวกราดใส่เรา
เราได้ยินคำพูดที่หยิ่งยโสของเจ้า
อย่างนั้น เราจะเอาขอเกี่ยวจมูกของเจ้า
เอาบังเหียนของเราใส่ปากเจ้า
และเราจะนำเจ้ากลับไปตามทางที่เจ้ามา’”
29 เฮเซคียาห์ นี่จะเป็นเรื่องที่พิสูจน์ว่าสิ่งที่เราพูดนี้จะเกิดขึ้นจริง คือในปีแรกนี้เจ้าจะปลูกอะไรไม่ได้เลย ให้เจ้ากินข้าวที่งอกขึ้นมาเองก่อน ในปีที่สอง ให้เจ้ากินสิ่งที่เกิดขึ้นเองอีก ในปีที่สาม ให้เจ้าหว่านข้าว และเก็บเกี่ยวมัน และให้เจ้าปลูกสวนองุ่นและกินผลของมัน 30 คนในครอบครัวยูดาห์ที่ยังหลงเหลืออยู่ จะเป็นเหมือนต้นไม้หยั่งรากลงข้างล่างและผลิผลขึ้นข้างบน 31 แล้วคนที่ยังเหลืออยู่ก็จะแผ่ขยายออกไปจากเยรูซาเล็ม คนที่ยังรอดชีวิตบางคน ก็จะออกมาจากภูเขาศิโยน ความรักอันแรงกล้าของพระยาห์เวห์จะทำอย่างนี้
32 แล้วนี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์พูดเกี่ยวกับกษัตริย์อัสซีเรีย
“เขาจะไม่ได้เข้ามาในเมืองเยรูซาเล็ม
เขาจะไม่ได้ยิงธนูใส่เมืองนี้หรอก
เขาจะไม่ได้ถือโล่มาเผชิญหน้ากับเมืองนี้
เขาจะไม่ได้สร้างเนินดินบุกขึ้นกำแพง
33 เขาจะต้องกลับไปทางเดิมที่เขามา
เขาจะไม่ได้เข้าเมืองหรอก
พระยาห์เวห์พูดไว้ว่าอย่างนี้
34 เพราะเราจะป้องกันเมืองนี้ เพื่อให้มันรอด
เราจะทำสิ่งนี้เพื่อเห็นแก่หน้าเรา
และเพื่อเห็นแก่สัญญาที่เราได้ให้ไว้กับดาวิดผู้รับใช้เรา”
35 แล้วในคืนนั้น ทูตสวรรค์ของพระยาห์เวห์ก็ออกไป และฆ่าทหารในค่ายของอัสซีเรียไปหนึ่งแสนแปดหมื่นห้าพันคน เมื่อคนตื่นขึ้นในตอนเช้า ก็เห็นศพเกลื่อนกลาดไปหมด 36 ดังนั้นเซนนาเคอริบ กษัตริย์ของอัสซีเรียก็กลับบ้าน และไปอาศัยอยู่ที่เมืองนีนะเวห์
37 วันหนึ่ง ในขณะที่ท่านกำลังนมัสการอยู่ในวัดของนิสรคพระของท่านอยู่นั้น ลูกชายของท่านคืออัดรัมเมเลค และชาเรเซอร์ ก็ได้ฆ่าท่านด้วยดาบ และพวกเขาก็หนีไปที่แผ่นดินอารารัต แล้วลูกของท่านคือ เอสารฮัดโดน ก็ขึ้นเป็นกษัตริย์ของอัสซีเรียแทนท่าน
พระเจ้าเป็นป้อมปราการ
ถึงหัวหน้านักร้อง ให้ใช้เครื่องดนตรีอาลามอธ[a] สำหรับคนของตระกูลโคราห์ บทเพลง
1 พระเจ้าเป็นที่ลี้ภัยและเป็นแหล่งกำลังของพวกเรา
ในยามเดือดร้อน พระองค์พร้อมจะช่วยเหลือเสมอ
2 ดังนั้น พวกเราจะไม่หวาดกลัว
แม้เกิดแผ่นดินไหว หรือภูเขาพังทลายลงสู่ทะเล
3 แม้ท้องทะเลจะแผดเสียงคำรามและปั่นป่วน
และภูเขาสั่นสะเทือนด้วยความบ้าคลั่งของทะเลนั้น[b] เซลาห์
4 แต่ยังมีแม่น้ำสายหนึ่งที่มีคลองชลประทานหลายสายนำความสุขไปสู่นครของพระเจ้า
อันเป็นที่ตั้งของวิหารอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ผู้ยิ่งใหญ่สูงสุด
5 พระเจ้าสถิตอยู่ในเมืองนั้น ดังนั้น เมืองนั้นจึงไม่มีวันพังทลาย
พระองค์จะอยู่ที่เมืองนั้น เพื่อช่วยปกป้องเมืองนั้นจากการถูกโจมตีในตอนรุ่งสาง[c]
6 ชนชาติต่างๆปั่นป่วนและอาณาจักรต่างๆพังทลายลง
พระเจ้าตะโกน แผ่นดินโลกก็ละลายไป
7 พระยาห์เวห์ ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นอยู่กับพวกเรา
พระเจ้าแห่งยาโคบเป็นป้อมปราการของพวกเรา เซลาห์
8 มาเถิด มาดูให้เห็นกับตาตัวเองถึงสิ่งอัศจรรย์ต่างๆที่พระยาห์เวห์ทำ
มาดูสิ่งต่างๆที่น่าเกรงขามที่พระองค์ทำในโลกนี้
9 พระเจ้าทำให้สงครามทั้งหลายที่เกิดขึ้นทั่วโลกสงบ
พระองค์หักคันธนู ทำลายหอกทวนหักกระจุย และเผาโล่[d]ทิ้ง
10 พระองค์พูดว่า “หยุดรบกันซะ” และให้รู้ว่า เราคือพระเจ้า
เราจะได้รับการยกย่องเหนือชนชาติทั้งหลาย
และเราจะได้การยกย่องเหนือโลกนี้
11 พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นอยู่กับพวกเรา
พระเจ้าของยาโคบเป็นป้อมปราการของพวกเรา เซลาห์
ข้าแต่พระเจ้าช่วยส่องใบหน้าของพระองค์ลงบนพวกเรา
ถึงหัวหน้านักร้อง ให้ร้องโดยใช้ทำนองเพลงดอกพลับพลึง คำพยาน เพลงสดุดีของอาสาฟ
1 ข้าแต่ผู้เลี้ยงแกะแห่งอิสราเอล โปรดฟังพวกเราด้วยเถิด
พระองค์เป็นผู้ที่นำคนของโยเซฟเหมือนนำฝูงแกะ
พระองค์ผู้นั่งอยู่เหนือทูตสวรรค์ที่มีปีก
ขอปรากฏตัวให้พวกเราเห็นด้วยเถิด
2 ลุกขึ้นเถิด แสดงฤทธิ์อำนาจของพระองค์
ต่อหน้าประชาชนของเอฟราอิม เบนยามิน และมนัสเสห์
มาช่วยกู้พวกเราด้วยเถิด
3 ข้าแต่พระเจ้า ช่วยทำให้เรากลับมาเข้มแข็งเหมือนเดิมด้วยเถิด
ช่วยส่องใบหน้าของพระองค์ลงมาบนพวกเรา[a] และช่วยกู้พวกเราด้วยเถิด
4 ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระเจ้าผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น
พระองค์จะโกรธคนของพระองค์ที่อธิษฐานต่อพระองค์ไปอีกนานแค่ไหน
5 พระองค์เลี้ยงพวกเขา ด้วยน้ำตาต่างข้าว
และให้พวกเขาดื่มน้ำตาเป็นถังๆ
6 พระองค์ทำให้เรากลายเป็นสิ่งที่ประเทศเพื่อนบ้านต่างต่อสู้แย่งชิงกัน
และพวกศัตรูก็หัวเราะเยาะพวกเรา
7 ข้าแต่พระเจ้า ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น ช่วยทำให้เรากลับมาเข้มแข็งเหมือนเดิมด้วยเถิด
ช่วยส่องใบหน้าของพระองค์ลงมาบนพวกเราและช่วยกู้พวกเราด้วยเถิด
8 พระองค์นำพวกเราที่เป็นเถาองุ่นของพระองค์ออกจากอียิปต์
พระองค์ขับไล่ชาวต่างชาติออกไปและปลูกพวกเราที่เป็นต้นองุ่นของพระองค์แทน
9 พระองค์กำจัดหินและหญ้ารกให้ต้นองุ่นนั้นมีที่เติบโต
แล้วต้นองุ่นนั้นก็หยั่งรากลึกและแผ่ขยายไปทั่วแผ่นดิน
10 เงาของมันปกคลุมไปทั่วเนินเขาต่างๆ
ส่วนกิ่งก้านของมันปกคลุมต้นสนซีดาร์อันสูงใหญ่
11 เถาองุ่นได้แตกกิ่งก้านแผ่ขยายออกไปทางทิศตะวันตกสู่ทะเล
ทางทิศตะวันออกสู่แม่น้ำยูเฟรติส
12 แต่ตอนนี้ ทำไมพระองค์ถึงได้พังรั้วกำแพงที่ป้องกันสวนองุ่นลง
และปล่อยให้คนที่เดินผ่านไปมาเด็ดลูกมัน
13 พวกหมูป่าก็พากันมาแทะกิน
และแมลงจากท้องทุ่งพากันมากัดกิน
14 ข้าแต่พระเจ้าผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น โปรดกลับมาเถิด
โปรดมองลงมาจากสวรรค์ และดูว่าเกิดอะไรขึ้น
ลงมาดูแลเถาองุ่นต้นนี้ด้วยเถิด
15 พระองค์ปลูกรากเง้าของมันด้วยมือขวาของพระองค์เอง
พระองค์เลี้ยงดูต้นอ่อนนั้นให้เป็นของพระองค์เอง
16 แต่ตอนนี้ เถาองุ่นของพระองค์ถูกโค่นลงและเผาทิ้ง
ขอให้พวกศัตรูถูกทำลายด้วยสีหน้าที่เกรี้ยวโกรธของพระองค์
17 ขอให้มือของพระองค์หนุนคนที่พระองค์เลือกสรรไว้[b]
คือผู้ที่พระองค์ได้เลี้ยงดูให้แข็งแรงเป็นของพระองค์เอง
18 แล้วพวกเราจะได้ไม่หันเหไปจากพระองค์
ขอพระองค์ให้ชีวิตใหม่กับพวกเรา เพื่อพวกเราจะได้สรรเสริญชื่อของพระองค์
19 ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระเจ้าผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น
ช่วยทำให้เราเข้มแข็งเหมือนเดิมด้วยเถิด
ช่วยส่องใบหน้าของพระองค์ลงมาบนพวกเราและช่วยกู้พวกเราด้วยเถิด
พระยาห์เวห์ยิ่งใหญ่กว่าพระทั้งปวง
1 สรรเสริญพระยาห์เวห์
สรรเสริญพระนามของพระยาห์เวห์เถิด
สรรเสริญพระองค์ พวกผู้รับใช้ของพระองค์
2 ผู้ที่ยืนทำหน้าที่อยู่ในวิหารของพระยาห์เวห์
และยืนอยู่ในบริเวณลานวิหารของพระเจ้าของเรา
3 สรรเสริญพระยาห์เวห์ เพราะพระองค์นั้นดี
ร้องเพลงสรรเสริญพระนามของพระองค์เพราะเป็นเรื่องที่น่ายินดี
4 เพราะพระยาห์เวห์เลือกยาโคบมาเป็นของพระองค์โดยเฉพาะ
เลือกอิสราเอลมาเป็นของรักของหวงของพระองค์
5 ข้าพเจ้ารู้ว่าพระยาห์เวห์นั้นยิ่งใหญ่
องค์เจ้าชีวิตของพวกเรานั้นยิ่งใหญ่กว่าพระทั้งปวง
6 พระยาห์เวห์อยากจะทำอะไรพระองค์ก็ทำอย่างนั้น
ไม่ว่าจะในสวรรค์หรือโลก
ไม่ว่าจะในทะเลหรือที่ลึกของมหาสมุทร
7 พระองค์ทำให้เมฆลอยขึ้นมาจากสุดปลายโลก
พระองค์ทำให้เกิดฟ้าแลบมาพร้อมกับฝน
และพระองค์นำลมออกมาจากคลังของพระองค์
8 พระองค์ฆ่าลูกหัวปีของอียิปต์
ทั้งของคนและของสัตว์
9 พระองค์ทำสิ่งน่าทึ่งต่างๆและการอัศจรรย์ทั้งหลายไปทั่วอียิปต์
เพื่อต่อต้านฟาโรห์และข้าราชการทั้งหมดของเขา
10 พระองค์ยังปราบปรามชนชาติต่างๆ
และฆ่าพวกกษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่เกรียงไกร
11 เช่น สิโหน กษัตริย์ของคนอาโมไรต์
โอก กษัตริย์ของบาชาน
และอาณาจักรทั้งหลายในแผ่นดินคานาอัน
12 แล้วพระองค์มอบแผ่นดินของกษัตริย์เหล่านั้น
ให้ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของอิสราเอลคนของพระองค์
13 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ชื่อเสียงของพระองค์จะคงอยู่ตลอดไป
ผู้คนจะจดจำชื่อของพระองค์ไปทุกยุคทุกสมัย
14 พระยาห์เวห์จะให้ความเป็นธรรมกับคนของพระองค์
และมีความเมตตาต่อพวกผู้รับใช้ของพระองค์
15 รูปเคารพของชนชาติต่างๆ
เป็นแค่เงินและทองที่มือมนุษย์สร้างขึ้น
16 มีปากแต่พูดไม่ได้
มีตาแต่มองไม่เห็น
17 มีหูแต่ไม่ได้ยิน
และไม่มีลมหายใจในปากของพวกมัน
18 คนที่สร้างรูปเคารพเหล่านั้นและทุกคนที่ไว้วางใจในรูปเคารพเหล่านั้น
ก็จะเป็นเหมือนกับพวกมัน
19 ชาวอิสราเอลทั้งหลาย สรรเสริญพระยาห์เวห์เถิด
ครอบครัวของอาโรน สรรเสริญพระยาห์เวห์เถิด
20 ครอบครัวของเลวี
สรรเสริญพระยาห์เวห์เถิด
ผู้ที่ยำเกรงพระยาห์เวห์ทั้งหลาย สรรเสริญพระองค์เถิด
21 ให้พระยาห์เวห์ผู้ที่อาศัยอยู่ในเยรูซาเล็ม
ได้รับคำสรรเสริญจากศิโยน
สรรเสริญพระยาห์เวห์เถิด
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International