Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

Chronological

Read the Bible in the chronological order in which its stories and events occurred.
Duration: 365 days
Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)
Version
2 พงศาวดาร 28

กษัตริย์อาหัสปกครองยูดาห์

(2 พกษ. 16:1-20)

28 อาหัสมีอายุยี่สิบปีเมื่อเขาขึ้นเป็นกษัตริย์ และเขาครองบัลลังก์อยู่ในเมืองเยรูซาเล็มสิบหกปี เขาไม่เหมือนกับดาวิดบรรพบุรุษของเขา เขาไม่ได้ทำสิ่งที่ถูกต้องในสายตาของพระยาห์เวห์ อาหัสเจริญรอยตามพวกกษัตริย์ของชนชาติอิสราเอล และยังหล่อพวกรูปเคารพขึ้นมา เพื่อสักการะบูชาพระบาอัลด้วย เขาเผาเครื่องบูชาในหุบเขาเบนฮินโนม[a] และเอาพวกลูกชายของเขาไปเผาไฟเป็นเครื่องบูชา เลียนแบบการกระทำอันน่าขยะแขยงของพวกชนชาติทั้งหลาย ที่พระยาห์เวห์ได้ขับไล่ออกไปตอนที่อิสราเอลย้ายเข้ามาอยู่ อาหัสถวายเครื่องสัตวบูชาและเผาเครื่องหอมตามสถานนมัสการต่างๆตามยอดเขาและใต้ต้นไม้ใบร่มทั้งหลาย

ดังนั้นพระยาห์เวห์พระเจ้าของเขา จึงมอบเขาไว้ในกำมือของกษัตริย์ชาวอารัม พวกชาวอารัมเอาชนะเขาและกวาดต้อนประชาชนจำนวนมากไปเป็นเชลยในเมืองดามัสกัส พระเจ้ายังมอบอาหัสให้ไปตกอยู่ในกำมือของกษัตริย์เปคาห์แห่งอิสราเอล ซึ่งได้ลงมือฆ่าคนของเขามากมาย เปคาร์ลูกชายของเรมาลิยาห์ และกองทัพของเขาฆ่าทหารยูดาห์ตายไปหนึ่งแสนสองหมื่นคนในวันเดียว เพราะยูดาห์ละทิ้งพระยาห์เวห์พระเจ้าของบรรพบุรุษของพวกเขา ศิครีนักรบผู้กล้าชาวเอฟราอิมฆ่ามาอาเสอาห์ลูกชายของกษัตริย์อาหัส รวมทั้งอัสรีคัมที่เป็นเจ้าหน้าที่ดูแลวัง กับเอลคานาห์ที่เป็นใหญ่รองลงมาจากกษัตริย์อาหัส

กองทัพอิสราเอลจับตัวญาติพี่น้องของพวกเขาเองที่อาศัยอยู่ในยูดาห์ไว้เป็นจำนวนสองแสนคน มีทั้งผู้หญิง ลูกชายลูกสาว และยังขนเอาข้าวของจำนวนมากมายกลับไปเมืองสะมาเรีย เมื่อกองทัพอิสราเอลกลับมาที่สะมาเรีย ก็มีผู้พูดแทนพระยาห์เวห์คนหนึ่งชื่อโอเด็ดออกมาพบกับพวกเขาและพูดว่า “เพราะพระยาห์เวห์ พระเจ้าที่บรรพบุรุษของพวกท่านนับถือ โกรธชาวยูดาห์มาก พระองค์ถึงได้มอบพวกยูดาห์ไว้ในกำมือของพวกท่าน แต่พวกท่านกลับสังหารหมู่พวกเขาด้วยความเคียดแค้นที่รู้ไปถึงสวรรค์ 10 และตอนนี้พวกท่านยังกะจะเอาพวกผู้ชาย ผู้หญิงชาวยูดาห์และเยรูซาเล็มมาเป็นทาสของพวกท่านอีก อย่างนี้ ตัวพวกท่านเองไม่ใช่หรือที่กำลังทำบาปต่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่าน 11 ตอนนี้ฟังเราให้ดี ให้ส่งพวกพี่น้องเหล่านี้ของท่านที่ท่านได้จับมาเป็นเชลยกลับบ้านของพวกเขาไปเถิด เพราะความโกรธที่ดุเดือดของพระยาห์เวห์กำลังอยู่เหนือพวกท่านแล้ว”

12 แล้วพวกผู้นำในเอฟราอิมบางคน เช่น อาซาริยาห์ลูกชายของโยฮานัน เบเรคิยาห์ลูกชายของเมซิลเลโมท เยฮิสคียาห์ลูกชายของชัลลูม และอามาสาลูกชายของหัดลัย ได้เข้ามาขวางกองทัพที่เพิ่งกลับมาจากสงคราม 13 พวกเขาพูดว่า “พวกท่านต้องไม่เอาเชลยพวกนี้มาที่นี่ ไม่อย่างนั้นพวกเราจะทำผิดต่อหน้าพระยาห์เวห์ หรือพวกท่านกะจะเพิ่มความผิดบาปของพวกเราให้มากยิ่งขึ้นไปอีกหรือ เพราะความผิดของพวกเราตอนนี้ก็ยิ่งใหญ่อยู่แล้ว และความโกรธอันดุเดือดของพระองค์กำลังอยู่เหนือชนชาติอิสราเอล”

14 ดังนั้นพวกทหารจึงปล่อยพวกเชลย และคืนของที่ยึดมาได้ต่อหน้าพวกเจ้าหน้าที่และคนที่มาชุมนุมกันทั้งหมด 15 ผู้นำทั้งสี่คนนี้พาพวกเชลยไป และเอาเสื้อผ้าที่ทหารอิสราเอลยึดมานั้นมาให้กับพวกเชลยทุกคนที่กำลังเปลือยกายอยู่ได้สวมใส่ พวกเขาหารองเท้าให้ รวมทั้งจัดหาอาหารและเครื่องดื่มมาให้กิน และยังเอาน้ำมันมาทารักษาบาดแผลให้กับพวกเขาด้วย เชลยที่ร่างกายอ่อนแอก็ให้ขี่ลาไป แล้วพวกเขาก็พาคนเหล่านี้กลับไปยังบ้านของพวกเขาที่เยริโค ซึ่งเป็นเมืองแห่งต้นปาล์ม แล้วผู้นำทั้งสี่คนนี้ก็กลับสะมาเรีย

16-17 ในเวลาเดียวกันนั้น พวกชาวเอโดมมาโจมตียูดาห์อีกและกวาดต้อนเชลยไป ดังนั้น กษัตริย์อาหัสจึงได้ไปขอความช่วยเหลือจากกษัตริย์อัสซีเรีย 18 พวกชาวฟีลิสเตียโจมตีเมืองต่างๆที่ตั้งอยู่แถบเชิงเขาและในเนเกบของยูดาห์ พวกเขายึดเมืองเบธเชเมช เมืองอัยยาโลน เมืองเกเดโรท เมืองโสโค เมืองทิมนาห์และกิมโซ รวมทั้งหมู่บ้านที่อยู่รอบๆเมืองเหล่านั้นไว้ 19 พระยาห์เวห์ทำให้ยูดาห์ต้องเจอกับปัญหา เพราะกษัตริย์อาหัสของยูดาห์เป็นต้นเหตุ เพราะเขาส่งเสริมความชั่วร้ายในยูดาห์และไม่ซื่อสัตย์ต่อพระยาห์เวห์ 20 กษัตริย์ทิกลัท-ปิเลเสอร์แห่งอัสซีเรียมาหากษัตริย์อาหัส แต่ไม่ได้มาช่วยกษัตริย์อาหัสหรอก แต่มาสร้างปัญหาให้ 21 อาหัสเอาของมีค่าจากวิหารของพระยาห์เวห์ จากวังกษัตริย์ และจากพวกเจ้าชาย และนำมันไปให้กับกษัตริย์อัสซีเรีย แต่มันก็ไม่ได้นำความช่วยเหลืออะไรมาให้เขาเลย

22 ในช่วงที่กษัตริย์อาหัสเจอกับปัญหาความยุ่งยากนั้น กษัตริย์อาหัสกลับยิ่งไม่ซื่อสัตย์ต่อพระยาห์เวห์ 23 เขาถวายเครื่องบูชาให้แก่พวกพระของดามัสกัสที่เอาชนะเขา เพราะกษัตริย์อาหัสคิดว่า “เป็นเพราะพวกพระเหล่านี้ได้ช่วยเหลือกษัตริย์ของพวกอารัม เราจะถวายเครื่องสัตวบูชาให้กับพวกพระเหล่านี้ เพื่อพระเหล่านี้จะได้มาช่วยเหลือเราด้วย” แต่พระพวกนี้กลับทำให้เขาและชนชาติอิสราเอลทั้งหมดล่มจม

24 อาหัสได้รวบรวมข้าวของเครื่องใช้ในวิหารของพระเจ้าและขนพวกมันออกมาหมด เขาปิดประตูวิหารของพระยาห์เวห์ และตั้งแท่นบูชาขึ้นตามหัวมุมถนนทุกเส้นในเมืองเยรูซาเล็ม 25 ในทุกๆเมืองของยูดาห์ เขาก็สร้างสถานที่นมัสการไว้มากมาย เพื่อเผาเครื่องสัตวบูชาให้กับพระอื่นๆซึ่งเป็นการยั่วยุความโกรธของพระยาห์เวห์พระเจ้าของบรรพบุรุษของเขา

26 เหตุการณ์อื่นๆในสมัยของกษัตริย์อาหัส และการกระทำทั้งหมดของเขา ตั้งแต่ต้นจนจบ ได้ถูกจดบันทึกไว้ในหนังสือพงศ์กษัตริย์แห่งยูดาห์และอิสราเอล 27 อาหัสตายไปอยู่กับบรรพบุรุษของเขา และศพของเขาถูกฝังอยู่ในเมืองเยรูซาเล็ม แต่ไม่ได้รวมอยู่ในหลุมฝังศพของบรรดากษัตริย์แห่งอิสราเอล แล้วเฮเซคียาห์ลูกของเขาก็ขึ้นเป็นกษัตริย์สืบต่อจากเขา

2 พงศ์กษัตริย์ 16-17

อาหัสปกครองยูดาห์

(2 พศด. 28:1-27)

16 อาหัสลูกชายของโยธามขึ้นเป็นกษัตริย์ของยูดาห์ ตรงกับปีที่สิบเจ็ด ที่เปคาห์ลูกชายของเรมาลิยาห์ เป็นกษัตริย์ปกครองอิสราเอล ตอนที่อาหัสขึ้นเป็นกษัตริย์นั้น เขามีอายุยี่สิบปี อาหัสครองราชย์อยู่ในเยรูซาเล็มสิบหกปี เขาไม่เหมือนกับดาวิดบรรพบุรุษของเขา เพราะเขาไม่ยอมทำสิ่งที่ถูกต้องในสายตาของพระยาห์เวห์พระเจ้าของเขา อาหัสเดินตามรอยกษัตริย์องค์อื่นๆของอิสราเอล ถึงขนาดที่เอาลูกชายของตัวเองไปเผาไฟเป็นเครื่องบูชา[a] เลียนแบบการกระทำอันน่าขยะแขยงของพวกชนชาติทั้งหลายที่พระยาห์เวห์ได้ขับไล่ออกไปจากแผ่นดินตอนที่อิสราเอลย้ายเข้ามาอยู่ อาหัสถวายเครื่องสัตวบูชาและเผาเครื่องหอม ในสถานนมัสการต่างๆและตามยอดเขาและใต้ต้นไม้ใบร่มทั้งหลาย

แล้วเรซีนกษัตริย์ของชาวอารัมและกษัตริย์เปคาห์แห่งอิสราเอลลูกชายของเรมาลิยาห์ ได้ยกทัพขึ้นมาสู้รบกับเมืองเยรูซาเล็ม และไปล้อมอาหัสไว้ แต่พวกเขาไม่สามารถเอาชนะอาหัสได้ ในเวลานั้น กษัตริย์เรซีนของชาวอารัมได้ยึดเมืองเอลัทคืนมาให้กับชาวอารัม และขับไล่คนยูดาห์ออกไปจนหมด แล้วชาวเอโดมก็ได้ย้ายเข้ามาในเมืองเอลัท และได้อาศัยอยู่ที่นั่นจนถึงทุกวันนี้

อาหัสส่งพวกคนส่งข่าวไปหากษัตริย์ทิกลัท-ปิเลเสอร์ของอัสซีเรีย บอกว่า “เราเป็นผู้รับใช้ และเป็นเหมือนลูกของท่าน ขึ้นมาช่วยเหลือเราให้พ้นจากเงื้อมมือของกษัตริย์ของอารัมและกษัตริย์ของอิสราเอล ที่มาโจมตีเราด้วยเถิด” อาหัสเอาเงินและทองคำที่มีอยู่ในวิหารของพระยาห์เวห์และในคลังสมบัติในวัง ส่งไปให้เป็นของขวัญแก่กษัตริย์ของอัสซีเรีย กษัตริย์ของอัสซีเรียก็ฟังเขา แล้วก็ยกทัพไปโจมตีเมืองดามัสกัสและยึดเมืองไว้ได้ เขาได้กวาดต้อนเอาคนที่นั่นไปไว้ที่เมืองคีร์และได้ฆ่ากษัตริย์เรซีน

10 แล้วกษัตริย์อาหัสก็ลงไปที่เมืองดามัสกัสเพื่อพบกับกษัตริย์ทิกลัท-ปิเลเสอร์ของอัสซีเรีย เขาเห็นแท่นบูชาแท่นหนึ่งในเมืองดามัสกัสและได้ส่งแบบจำลองและรายละเอียดของแท่นบูชานั้นไปให้กับนักบวชอุรียาห์ 11 แล้วนักบวชอุรียาห์ก็ได้สร้างแท่นบูชาขึ้นแท่นหนึ่งเหมือนกับแบบที่กษัตริย์อาหัสส่งมาให้เขาจากเมืองดามัสกัสทุกอย่าง และสร้างมันเสร็จก่อนที่กษัตริย์อาหัสจะกลับมา

12 เมื่อกษัตริย์อาหัสกลับมาจากเมืองดามัสกัสและเห็นแท่นบูชานั้น เขาเข้าไปใกล้ๆและขึ้นไปบนแท่นบูชานั้น 13 เขาถวายเครื่องเผาบูชาและเครื่องบูชาจากเมล็ดพืช เขาเทเครื่องดื่มบูชาของเขาออกมาและสาดเลือดจากเครื่องสังสรรค์บูชาเข้าใส่แท่นบูชานั้น

14 อาหัสได้ย้ายแท่นบูชาที่ทำจากทองสัมฤทธิ์ซึ่งตั้งอยู่ตรงหน้าพระยาห์เวห์ ออกไปจากด้านหน้าของวิหาร แท่นบูชานี้ตั้งอยู่ระหว่างแท่นบูชาใหม่ของอาหัสกับวิหารของพระยาห์เวห์ อาหัสย้ายแท่นบูชาทองสัมฤทธิ์นี้ไปตั้งไว้ทางทิศเหนือของแท่นบูชาใหม่ 15 แล้วกษัตริย์อาหัสสั่งนักบวชอุรียาห์ว่า “บนแท่นบูชาขนาดใหญ่แท่นใหม่นี้ ให้ถวายเครื่องเผาบูชาในตอนเช้าและเครื่องบูชาจากเมล็ดพืชในตอนเย็น และเครื่องเผาบูชาและเครื่องบูชาจากเมล็ดพืชของกษัตริย์ รวมทั้งเครื่องเผาบูชาของประชาชนและเครื่องบูชาจากเมล็ดพืชของพวกเขา ตลอดจนเครื่องดื่มบูชาของพวกเขาทั้งหลาย และให้เอาเลือดทั้งหมดของเครื่องเผาบูชาทั้งหลายและเครื่องสัตวบูชาต่างๆสาดใส่แท่นบูชาใหม่นี้ ส่วนแท่นบูชาที่ทำจากทองสัมฤทธิ์นั้น เราจะใช้ตอนที่ขอคำแนะนำจากพระเจ้า” 16 และนักบวชอุรียาห์ก็ทำตามที่กษัตริย์อาหัสได้สั่งเขาไว้

17 กษัตริย์อาหัสได้ตัดแผงกั้นด้านข้างของรถเข็นที่เลื่อนได้เหล่านั้นออกและยกพวกอ่างออกจากรถเข็นพวกนั้น เขาได้เอาขันทะเลออกจากรูปปั้นวัวทองสัมฤทธิ์ที่รองอยู่ใต้มัน และเอามันไปตั้งไว้บนฐานหิน 18 เขาได้รื้อศาลาวันหยุดทางศาสนาที่เคยสร้างเอาไว้ในบริเวณวิหารออก และรื้อทางเข้าสำหรับกษัตริย์ที่อยู่ด้านนอกของวิหารของพระยาห์เวห์ออก เขาทำทั้งหมดนี้เพื่อส่งของที่มีค่าทั้งหมดนี้ไปเป็นส่วยให้กับกษัตริย์ของอัสซีเรีย

19 ส่วนเหตุการณ์อื่นในยุคสมัยของอาหัสและสิ่งที่เขาได้ทำไป ได้จดบันทึกไว้แล้วในหนังสือประวัติของบรรดากษัตริย์ของยูดาห์ 20 อาหัสได้ตายไปอยู่กับบรรพบุรุษของเขา เขาถูกฝังไว้กับพวกบรรพบุรุษของเขาในเมืองของดาวิด และเฮเซคียาห์ลูกชายของเขาก็ขึ้นเป็นกษัตริย์สืบต่อจากเขา

โฮเชยาปกครองอิสราเอล

17 โฮเชยาลูกชายของเอลาห์ได้ขึ้นเป็นกษัตริย์ของอิสราเอลในเมืองสะมาเรีย ตรงกับปีที่สิบสองที่กษัตริย์อาหัสปกครองยูดาห์ โฮเชยาครองราชย์อยู่เก้าปี เขาทำความชั่วในสายตาของพระยาห์เวห์ แต่ไม่เลวร้ายเท่ากับกษัตริย์องค์อื่นๆของอิสราเอลที่เคยทำก่อนหน้าเขา

กษัตริย์แชลมาเนเสอร์[b]ของอัสซีเรียได้ขึ้นมาสู้รบกับกษัตริย์โฮเชยาและเอาชนะเขาได้ กษัตริย์โฮเชยาจึงยอมตกเป็นเมืองขึ้นและยอมส่งส่วยให้กับกษัตริย์อัสซีเรีย แต่ต่อมากษัตริย์อัสซีเรีย พบว่าโฮเชยาหักหลังเขา เพราะโฮเชยาได้ส่งทูตไปหากษัตริย์โสของประเทศอียิปต์ และไม่ยอมส่งส่วยให้กับกษัตริย์อัสซีเรียเหมือนที่เคยทำมาทุกๆปี แชลมาเนเสอร์ก็เลยจับตัวโฮเชยาขังไว้ในคุก

อัสซีเรียต้อนอิสราเอลไปเป็นเชลย

กษัตริย์อัสซีเรียได้บุกเข้าไปทั่วแผ่นดินอิสราเอล เข้าไปถึงเมืองสะมาเรียและล้อมเมืองไว้นานถึงสามปี แล้วกษัตริย์อัสซีเรียก็ยึดเมืองสะมาเรียไว้ได้ ในปีที่เก้าที่โฮเชยาเป็นกษัตริย์ของอิสราเอล กษัตริย์อัสซีเรียกวาดต้อนเอาชาวอิสราเอลไปไว้ที่อัสซีเรีย เขาให้คนอิสราเอลตั้งรกรากอยู่ในฮาลาห์ ในเมืองโกซานที่อยู่ติดกับแม่น้ำฮาโบร์และในเมืองต่างๆของชาวเมดัย

ที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะชาวอิสราเอลทำบาปต่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเขา ผู้ที่นำพวกเขาออกมาจากประเทศอียิปต์ ออกจากภายใต้อำนาจของกษัตริย์ฟาโรห์แห่งอียิปต์ แต่พวกอิสราเอลกลับไปนมัสการพระอื่นๆ และไปทำตัวตามธรรมเนียมประเพณีของพวกชนชาติทั้งหลาย ที่พระยาห์เวห์ได้ขับไล่ออกไปต่อหน้าพวกเขา รวมทั้งทำตัวตามธรรมเนียมประเพณีทั้งหลาย ที่บรรดากษัตริย์ของอิสราเอลได้นำเข้ามา ชาวอิสราเอลแอบทำสิ่งต่างๆที่ไม่ถูกต้องและขัดขืนต่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเขา พวกเขาสร้างสถานที่นมัสการหลายแห่งขึ้นสำหรับตัวเอง ตามเมืองต่างๆของพวกเขาตั้งแต่เมืองเล็กๆที่มีแค่หอเฝ้ายามไปจนถึงเมืองใหญ่ที่มีป้อมปราการ

10 พวกเขาจัดตั้งหินศักดิ์สิทธิ์และพวกเสาเจ้าแม่อาเชราห์บนเนินเขาสูงทุกแห่งและใต้ต้นไม้ใบร่มทุกต้น 11 พวกเขาเผาเครื่องหอมบนสถานนมัสการทุกแห่งเหมือนกับพวกชนชาติที่พระยาห์เวห์ได้ขับไล่ออกไปต่อหน้าพวกเขา เคยทำกันมาก่อน พวกอิสราเอลทำสิ่งที่เลวร้ายที่ยั่วยุให้พระยาห์เวห์โกรธ 12 พวกเขาไปบูชาพวกรูปเคารพทั้งๆที่พระยาห์เวห์เคยพูดเอาไว้ว่า “พวกเจ้าต้องไม่ทำอย่างนั้น”

13 พระยาห์เวห์เคยเตือนอิสราเอลและยูดาห์ ผ่านทางพวกผู้พูดแทนพระเจ้าและพวกผู้ที่เห็นมิมิตทุกคนว่า “ให้หันไปจากทางที่ชั่วร้ายทั้งหลายของเจ้า และรักษาคำสั่งต่างๆและกฎทั้งหลายของเรา ให้ทำตามกฎทั้งหมดที่เราได้สั่งให้บรรพบุรุษของเจ้าเชื่อฟัง ที่เราได้ส่งให้กับเจ้าผ่านมาทางพวกผู้พูดแทนพระเจ้าที่เป็นผู้รับใช้ของเรา”

14 แต่พวกเขาไม่ยอมฟังและยังดื้อดึงเหมือนกับบรรพบุรุษของพวกเขาที่ไม่ยอมไว้วางใจในพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเขา 15 พวกเขาดูหมิ่นกฎต่างๆของพระองค์และข้อตกลงที่พระองค์เคยทำไว้กับบรรพบุรุษของพวกเขา รวมทั้งคำเตือนต่างที่พระองค์เคยให้กับเขา พวกเขาได้ไปติดตามพวกรูปเคารพที่ไร้ค่าเหล่านั้นซึ่งทำให้ตัวพวกเขาเองไร้ค่าไปด้วย พวกเขาไปเลียนแบบชนชาติต่างๆที่อยู่รอบๆ ถึงแม้พระยาห์เวห์จะเคยสั่งไว้แล้วว่า “อย่าทำตัวเหมือนกับที่พวกนั้นทำกัน”

16 พวกเขาละทิ้งคำสั่งทั้งหลายของพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเขา และได้หล่อรูปเคารพสำหรับตัวพวกเขาเองเป็นลูกวัวสองตัว และยังมีเสาเจ้าแม่อาเชราห์ด้วย พวกเขาไปก้มกราบพวกดวงดาวทั้งหลายและไปบูชาพระบาอัล 17 พวกเขาเอาลูกชายลูกสาวของตัวเองมาเผาไฟเป็นเครื่องบูชายัญ[c] พวกเขาได้ดูหมอ ใช้เวทมนตร์ และยอมขายตัวเองเพื่อทำในสิ่งที่ชั่วร้ายในสายตาของพระยาห์เวห์ ซึ่งยุให้พระองค์โกรธ 18 ดังนั้นพระยาห์เวห์จึงโกรธอิสราเอลมาก และไล่พวกเขาให้พ้นไปจากสายตาของพระองค์ เหลือแต่คนเผ่ายูดาห์เท่านั้น

19 และแม้แต่ยูดาห์เองก็ไม่ยอมรักษาคำสั่งต่างๆของพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเขา พวกเขาได้ไปทำตามธรรมเนียมประเพณีที่อิสราเอลนำเข้ามา

20 พระยาห์เวห์ได้ละทิ้งชาวอิสราเอลทั้งหมด พระองค์ลงโทษพวกเขา และมอบพวกเขาไว้ในกำมือของคนที่มาปล้นพวกเขา ในที่สุดพระองค์ได้ผลักไสโยนพวกเขาออกไปจากหน้าพระองค์จนหมด 21 ตอนที่พระองค์ได้ฉีกอิสราเอลไปจากครอบครัวของดาวิด พวกเขาก็ได้ตั้งเยโรโบอัมลูกชายของเนบัทขึ้นเป็นกษัตริย์ของพวกเขา เยโรโบอัมได้ชักนำอิสราเอลให้หันเหไปจากพระยาห์เวห์ และทำให้พวกอิสราเอลทำบาปอย่างใหญ่หลวง 22 ชาวอิสราเอลทั้งหลายยืนกรานที่จะทำบาปทั้งสิ้นของเยโรโบอัม และไม่ยอมหันออกจากบาปเหล่านั้น 23 จนกระทั่งพระยาห์เวห์ได้ไล่อิสราเอลให้พ้นไปจากสายตาพระองค์ ตามที่พระองค์เคยพูดไว้ล่วงหน้าแล้วผ่านทางพวกผู้พูดแทนพระเจ้าทั้งหลาย ที่เป็นผู้รับใช้ของพระองค์ ประชาชนอิสราเอลจึงถูกกวาดต้อนไปจากแผ่นดินของพวกตนไปเป็นเชลยในประเทศอัสซีเรีย และพวกเขาก็ยังคงอยู่ที่นั่นจนถึงทุกวันนี้

อัสซีเรียส่งคนต่างชาติยึดสะมาเรีย

24 กษัตริย์ของอัสซีเรียได้กวาดต้อนคนอิสราเอลออกไปจากสะมาเรีย และนำเอาประชาชนเหล่านี้เข้ามาอยู่แทน คือประชาชนจากบาบิโลน คูธาห์ อัฟวา ฮามัท เสฟารวาอิม พวกนี้เข้ายึดเมืองสะมาเรียไว้และได้อาศัยอยู่ตามเมืองต่างๆเหล่านั้น 25 เมื่อคนพวกนี้เข้ามาอาศัยอยู่ในช่วงแรกๆ พวกเขาไม่ยอมนมัสการพระยาห์เวห์ พระองค์จึงได้ส่งพวกสิงโตเข้ามาท่ามกลางพวกเขา และพวกสิงโตได้ฆ่าพวกเขาไปบ้าง 26 จึงมีคนไปบอกกับกษัตริย์ของอัสซีเรียว่า “ชนชาติต่างๆที่ท่านได้จับตัวไป และเอาไปใส่ไว้ในเมืองต่างๆของสะมาเรีย ไม่รู้ว่าพระของแผ่นดินนั้นต้องการอะไร พระองค์นั้นก็เลยส่งพวกสิงโตเข้าไปในท่ามกลางพวกเขา สิงโตเหล่านั้นกำลังฆ่าพวกเขาอยู่ เพราะพวกเขาไม่รู้ว่าพระของแผ่นดินนั้นต้องการอะไร”

27 กษัตริย์ของอัสซีเรียจึงออกคำสั่งไปว่า “ไปเอานักบวชคนหนึ่งจากท่ามกลางนักบวชที่เจ้าจับตัวมาจากสะมาเรีย และส่งเขากลับไปอยู่ที่สะมาเรีย ให้เขาคอยสั่งสอนประชาชนว่าพระของแผ่นดินนั้นต้องการอะไร”

28 นักบวชคนหนึ่งที่เคยถูกกวาดต้อนไปจากเมืองสะมาเรียจึงได้กลับมาอาศัยอยู่ในเมืองเบธเอล และได้สอนให้พวกนั้นรู้ว่าจะนมัสการพระยาห์เวห์อย่างไร

29 แต่อย่างไรก็ตาม แต่ละชนชาติก็ยังคงสร้างพระของพวกเขาเองไว้ตามเมืองต่างๆที่พวกเขาไปตั้งบ้านเรือนอยู่ และได้นำพระเหล่านั้นไปตั้งไว้ในศาลเจ้าที่ชาวเมืองสะมาเรียได้สร้างไว้ตามสถานที่สูงทั้งหลาย 30 คนจากบาบิโลนได้สร้างพระสุคคท-เบโนท ชาวคูทได้สร้างพระเนอร์กัล และชาวฮามัทได้สร้างพระอาชิมา 31 ชาวอัฟวาได้สร้างพระนิบหัสและพระทารทัก ส่วนชาวเสฟารวาอิมได้เผาลูกๆของพวกเขาเป็นเครื่องบูชายัญให้กับพระอัดรัมเมเลคและพระอานัมเมเลคที่เป็นพระของชาวเสฟารวาอิม

32 และพวกเขาก็นมัสการพระยาห์เวห์ไปด้วย พวกเขาแต่งตั้งพวกนักบวชขึ้นจากคนทุกประเภทที่อยู่ท่ามกลางพวกเขา เพื่อถวายเครื่องบูชาแทนพวกเขาในศาลเจ้าตามที่สูงเหล่านั้น 33 อย่างนี้ พวกเขาก็ได้นมัสการพระยาห์เวห์ แต่ก็ยังไปบูชาพวกพระของพวกเขาเองตามธรรมเนียมของชนชาติของพวกเขาก่อนที่จะถูกจับมา

34 แล้วพวกเขาก็ยังทำตามประเพณีดั้งเดิมเหล่านั้นของพวกเขามาจนถึงทุกวันนี้ พวกเขาไม่ได้ยำเกรงพระยาห์เวห์อย่างที่ควรจะเป็น และไม่ทำตามคำสั่งสอน และข้อบังคับต่างๆรวมทั้งกฎและคำสั่งทุกๆข้อที่พระยาห์เวห์ได้ให้ไว้กับพวกลูกหลานของยาโคบ ที่พระองค์ให้อีกชื่อหนึ่งว่าอิสราเอล 35 พระยาห์เวห์ได้ทำข้อตกลงไว้กับชาวอิสราเอล พระองค์สั่งพวกเขาไว้ว่า “อย่าไปนมัสการพระอื่นๆหรือไปก้มกราบพระเหล่านั้น อย่าไปรับใช้หรือบูชาพวกมัน 36 แต่ให้นมัสการพระยาห์เวห์ ผู้ที่นำพวกเจ้าออกมาจากแผ่นดินอียิปต์ ด้วยฤทธิ์อำนาจและแขนที่ยื่นออกมาช่วย พวกเจ้าต้องก้มกราบพระองค์และถวายสัตวบูชาแก่พระองค์ 37 พวกเจ้าต้องระมัดระวังอยู่เสมอที่จะรักษาคำสั่งสอนและข้อบังคับต่างๆ รวมทั้งกฎและคำสั่งที่พระองค์ได้เขียนไว้เพื่อพวกเจ้า อย่าไปนมัสการพระอื่นๆ 38 อย่าลืมข้อตกลงที่เราได้ทำไว้กับพวกเจ้า และอย่าไปนมัสการพระอื่นๆ 39 พวกเจ้าต้องนมัสการพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเจ้าเท่านั้น แล้วพระองค์จะช่วยพวกเจ้าให้รอดพ้นจากกำมือของศัตรูทั้งหมดของพวกเจ้า”

40 แต่พวกเขาไม่ยอมฟัง พวกเขายังคงทำตามแบบเดิมๆที่พวกเขาทำมา 41 ชนชาติเหล่านั้นนมัสการพระยาห์เวห์ แต่พวกเขาก็ยังรับใช้รูปแกะสลักของพวกเขาไปด้วย จนถึงทุกวันนี้ ลูกหลานของพวกเขาก็ยังทำตามสิ่งที่บรรพบุรุษของพวกเขาเคยทำกัน

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)

พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International