Chronological
ราชินีแห่งเชบามาเยี่ยมซาโลมอน
(2 พศด. 9:1-28)
10 เมื่อราชินีแห่งเชบาได้ยินถึงชื่อเสียงของซาโลมอน ที่นำเกียรติยศมาให้กับชื่อของพระยาห์เวห์ นางก็ได้มาทดสอบเขาด้วยคำถามยากๆมากมาย 2 นางมาถึงเมืองเยรูซาเล็มพร้อมกับข้าราชการมากมายของนาง มีฝูงอูฐบรรทุกเครื่องเทศชนิดต่างๆ ทองคำเป็นอันมาก รวมทั้งพลอยมีค่า นางได้มาหาซาโลมอนและได้พูดสิ่งที่อยู่ในใจนางกับเขา 3 ซาโลมอนตอบคำถามของนางได้หมด ไม่มีสักข้อที่ยากเกินไปจนเขาไม่สามารถอธิบายให้กับนางได้ 4 เมื่อราชินีแห่งเชบาได้เห็นความฉลาดหลักแหลมของซาโลมอน รวมทั้งวังที่เขาได้สร้างขึ้นมา 5 ตลอดจนอาหารต่างๆบนโต๊ะของเขา ที่นั่งของพวกเจ้าหน้าที่ของเขา พวกผู้รับใช้ของเขาที่สวมเสื้อคลุมยาวที่ยืนคอยรับใช้อยู่ พวกผู้ถือถ้วยของเขาและเครื่องเผาบูชาทั้งหลายที่เขาถวายอยู่ในวิหารของพระยาห์เวห์ นางก็รู้สึกตกตะลึงจนลืมหายใจ
6 นางพูดกับกษัตริย์ว่า “ข่าวที่เราได้ยินตอนอยู่ประเทศของเราเกี่ยวกับความสำเร็จต่างๆและความเฉลียวฉลาดของท่านล้วนเป็นความจริงทั้งสิ้น 7 แต่เราไม่เคยเชื่อสิ่งเหล่านี้มาก่อน จนกระทั่งเราได้มาเห็นกับตาของเราเอง อันที่จริงแล้ว สิ่งที่เราได้ยินมา ยังไม่ถึงครึ่งหนึ่งเสียด้วยซ้ำ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความเฉลียวฉลาดหรือความร่ำรวยของท่าน ท่านก็ยังมีมากกว่าข่าวที่เราได้ยินมา 8 พวกภรรยาของท่าน[a]นี่ช่างได้เกียรติจริงๆ พวกเจ้าหน้าที่ของท่านนี่ช่างได้เกียรติจริงๆ ผู้ที่ได้ยืนอยู่ต่อหน้าท่านตลอดเวลา และได้ฟังสติปัญญาของท่าน 9 ขอสรรเสริญพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน ผู้ที่ได้ชื่นชมในตัวท่านและได้วางท่านไว้บนบัลลังก์ของอิสราเอล เป็นเพราะความรักที่ไม่มีวันสิ้นสุดของพระยาห์เวห์ต่ออิสราเอล พระองค์จึงทำให้ท่านได้ขึ้นเป็นกษัตริย์เพื่อรักษาความยุติธรรมและความถูกต้องไว้”
10 และนางก็ได้ให้ทองคำหนักสี่พันหนึ่งร้อยสี่สิบกิโลกรัม[b] เครื่องเทศจำนวนมาก และพลอยต่างๆให้กับกษัตริย์ และไม่เคยมีการนำเครื่องเทศเข้ามามากมายเท่ากับที่ราชินีแห่งเชบาได้นำเข้ามาให้กษัตริย์ซาโลมอนในครั้งนี้อีกเลย
11 (กองกำปั่นเรือของฮีรามได้นำทองคำมาจากโอฟีร์ และจากที่นั่น เขาได้นำไม้จันทน์แดง[c] บรรทุกกลับมาด้วยหลายลำเรือและเพชรพลอยอีกมากมาย 12 กษัตริย์ได้ใช้ไม้แก่นจันทน์แดงทำเสาสำหรับวิหารของพระยาห์เวห์ และวังของเขา แล้วยังเอาไม้แก่นจันทน์แดงไปทำเป็นพิณเล็ก และพิณใหญ่ให้กับพวกนักร้อง ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ ยังไม่เคยมีใครนำไม้แก่นจันทน์แดงเข้ามา หรือเห็นมากมายอย่างนี้อีกเลย)
13 กษัตริย์ซาโลมอนได้ให้ของทุกอย่างกับราชินีเชบาตามที่อยากได้หรือขอ นอกเหนือจากของขวัญที่กษัตริย์ให้กับนางอยู่แล้ว แล้วนางก็จากไปและกลับไปประเทศของนางพร้อมกับพวกข้าราชการของนาง
14 ทองคำที่ซาโลมอนได้รับมาแต่ละปีมีน้ำหนักประมาณยี่สิบสามตัน[d] 15 ยังไม่รวมรายได้[e] ที่ได้มาจากพวกพ่อค้าและจากการค้าขายต่างๆ และจากพวกกษัตริย์ของอาระเบียและพวกผู้ว่าการทั้งหลายในแผ่นดินนั้น
16 กษัตริย์ซาโลมอนได้สร้างโล่ขนาดใหญ่จำนวนสองร้อยอันที่ทำจากทองคำที่ตีแล้ว โดยใช้ทองคำหนักประมาณเจ็ดกิโลกรัม[f] ต่อโล่หนึ่งอัน 17 เขายังได้สร้างโล่ขนาดเล็กสามร้อยอันที่ทำจากทองคำที่ตีแล้ว โดยใช้ทองคำประมาณเกือบสองกิโลกรัม[g] ต่อโล่หนึ่งอัน กษัตริย์ซาโลมอนได้นำโล่เหล่านี้ไปวางไว้ในวังที่มีชื่อเรียกว่า “ป่าของเลบานอน”
18 แล้วกษัตริย์ก็ได้สร้างบัลลังก์ที่ยิ่งใหญ่ฝังงาช้างและบุด้วยทองคำอย่างดี 19 บัลลังก์นี้มีบันไดหกขั้นและที่พนักพิงมียอดกลม มีที่วางแขนอยู่ที่ด้านข้างทั้งสองข้าง โดยมีสิงห์ยืนอยู่ข้างละหนึ่งตัว 20 และยังมีสิงห์อีกสิบสองตัวซึ่งแต่ละตัวยืนอยู่ที่ปลายสุดทั้งสองข้างของบันไดแต่ละขั้น บันไดมีทั้งหมดหกขั้น ไม่มีอาณาจักรไหนมีของอย่างนี้เลย 21 ถ้วยเครื่องดื่มของซาโลมอนทุกใบล้วนทำจากทองคำ และเครื่องเรือน[h] ทุกอย่างในวังแห่งป่าของเลบานอนก็ทำจากทองคำบริสุทธิ์ทั้งสิ้น ไม่มีสิ่งใดเลยที่ทำขึ้นจากเงิน เพราะในยุคของซาโลมอนนั้นเงินแทบจะไม่มีค่าอะไรเลย
22 กษัตริย์มีกองเรือกำปั่นซึ่งแล่นอยู่ในทะเลร่วมกับกองเรือของกษัตริย์ฮีราม กองเรือนี้จะกลับมาสามปีครั้งโดยจะบรรทุกทองคำ เงินและงาช้างรวมทั้งลิงใหญ่และลิงบาบูนมาด้วย
23 กษัตริย์ซาโลมอนล้ำหน้ากษัตริย์ทุกองค์ในโลกนี้ ในเรื่องความร่ำรวยและความเฉลียวฉลาด 24 โลกทั้งโลกต่างพากันมาขอเข้าพบซาโลมอน เพื่อที่จะได้ฟังความเฉลียวฉลาดของเขาที่พระเจ้าได้ใส่ไว้ในใจของเขา 25 ปีแล้วปีเล่า ทุกๆคนที่มาต่างก็นำของขวัญมาให้เขา ไม่ว่าจะเป็นเงินหรือทองคำ เสื้อผ้า อาวุธ เครื่องเทศ ม้าหรือล่อ
26 กษัตริย์ซาโลมอนได้สะสมรถรบและม้าไว้มากมาย เขามีรถรบอยู่หนึ่งพันสี่ร้อยคันและมีม้าอยู่หนึ่งหมื่นสองพันตัว เขาได้เก็บรักษาพวกมันไว้ตามเมืองต่างๆที่เขาได้สร้างขึ้นมา และได้เก็บไว้ในเมืองเยรูซาเล็มกับเขาด้วย 27 กษัตริย์ได้ทำให้เงินมีมากมายในเมืองเยรูซาเล็มเหมือนก้อนหิน และทำให้ไม้สนซีดาร์มีอย่างเกลื่อนกลาดเหมือนกับไม้มะเดื่อตามเชิงเขา 28 พวกม้าของกษัตริย์ซาโลมอนก็เป็นม้านำเข้าจากอียิปต์และจากเมืองคูเอ โดยพวกพ่อค้าของกษัตริย์เป็นผู้ซื้อพวกม้าเหล่านั้นมาจากเมืองคูเอ 29 รถรบสามารถนำเข้ามาได้จากอียิปต์ เป็นเงินหนักเกือบเจ็ดกิโลกรัม ต่อคัน และม้าเป็นเงินหนักเกือบสองกิโลกรัม และพวกเขาก็ได้ส่งพวกม้าและรถรบออกไปขายต่อให้กับพวกกษัตริย์ของชาวฮิตไทต์และกษัตริย์ของชาวอารัม ผ่านทางพ่อค้าของกษัตริย์ซาโลมอน
ซาโลมอนกับเมียทั้งหลายของเขา
11 กษัตริย์ซาโลมอนได้ไปหลงรักกับหญิงชาวต่างชาติอีกหลายคนนอกเหนือไปจากลูกสาวของกษัตริย์ฟาโรห์ เช่น หญิงชาวโมอับ ชาวอัมโมน ชาวเอโดม ชาวไซดอนและชาวฮิตไทต์ 2 ผู้หญิงเหล่านี้มาจากชาติต่างๆที่พระยาห์เวห์เคยบอกกับชาวอิสราเอลไว้ก่อนหน้านี้ว่า “พวกเจ้าต้องไม่แต่งงานกับคนเหล่านี้ เพราะพวกเขาจะเปลี่ยนใจของพวกเจ้าให้หันไปติดตามพระของพวกเขา” แต่อย่างไรก็ตาม ซาโลมอนได้ไปหลงรักพวกนาง 3 ซาโลมอนมีเมียเจ็ดร้อยคน ที่เกิดมาจากครอบครัวของกษัตริย์ต่างชาติ และมีเมียน้อยสามร้อยคน และเมียทั้งหลายของเขาก็ได้ชักชวนเขาให้หลงผิดไป 4 เมื่อซาโลมอนแก่ตัวลง พวกเมียของเขาเหล่านั้นได้เปลี่ยนใจของซาโลมอนให้หันไปหาพระอื่น และใจของเขาก็ไม่ได้สัตย์ซื่อต่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของเขา เหมือนอย่างที่ใจของดาวิดพ่อของเขาสัตย์ซื่อ 5 เขาได้ไปติดตามพระอัชโทเรท[i] ซึ่งเป็นพระผู้หญิงของชาวไซดอน และพระมิลโคมพระที่น่ารังเกียจของพวกชาวอัมโมน 6 อย่างนี้ ซาโลมอนได้ทำสิ่งที่ชั่วร้ายในสายตาของพระยาห์เวห์ เขาไม่ได้ติดตามพระยาห์เวห์อย่างเต็มที่ เหมือนกับที่ดาวิดพ่อของเขาเคยติดตาม
7 บนเนินเขาที่อยู่ฝั่งตะวันออกของเมืองเยรูซาเล็ม ซาโลมอนได้สร้างสถานที่นมัสการให้กับพระเคโมชพระที่น่ารังเกียจของชาวโมอับและให้กับพระโมเลค พระที่น่ารังเกียจของชาวอัมโมน 8 เขาได้สร้างสถานที่นมัสการให้กับพระของเมียชาวต่างชาติทั้งหลายของเขา พวกนางก็ได้เผาเครื่องหอม และถวายเครื่องสัตวบูชาให้กับพระของพวกนางที่นั่น
9 พระยาห์เวห์โกรธซาโลมอน เพราะใจเขาได้หันเหไปจากพระยาห์เวห์ พระเจ้าของอิสราเอลผู้ที่เคยปรากฏตัวแก่เขาถึงสองครั้ง 10 ถึงแม้ว่าพระองค์ได้เคยห้ามซาโลมอนไม่ให้ติดตามพระอื่นมาแล้ว แต่ซาโลมอนก็ไม่รักษาคำสั่งของพระยาห์เวห์ 11 พระยาห์เวห์จึงพูดกับซาโลมอนว่า “เพราะเจ้ามีความคิดอย่างนี้ และเป็นเพราะเจ้าไม่รักษาข้อตกลงและคำสั่งสอนของเรา ซึ่งเราได้สั่งเจ้าเอาไว้ เราจะฉีกอาณาจักรเสียจากเจ้าแน่ และยกมันให้กับลูกน้องของเจ้า 12 อย่างไรก็ตาม เพื่อเห็นแก่ดาวิดพ่อของเจ้า เราจะไม่ทำอย่างนี้ในช่วงที่เจ้ายังมีชีวิตอยู่ เราจะฉีกมันออกจากมือของลูกชายเจ้า 13 แต่เราจะไม่ฉีกมันออกจนหมดทั้งอาณาจักร เราจะเหลือให้เขาเผ่าหนึ่งเพื่อเห็นแก่ดาวิดผู้รับใช้ของเราและเพื่อเห็นแก่เมืองเยรูซาเล็มที่เราได้เลือกไว้”
พวกศัตรูของซาโลมอน
14 แล้วพระยาห์เวห์ได้ยกฮาดัดขึ้นมาเป็นศัตรูกับซาโลมอน ฮาดัดเป็นชาวเอโดมที่สืบเชื้อสายมาจากกษัตริย์แห่งเอโดม 15 ในอดีตนั้น ดาวิดเคยต่อสู้กับเมืองเอโดม แม่ทัพโยอาบซึ่งเป็นแม่ทัพของเขา ได้ขึ้นไปที่นั่นเพื่อฝังศพทหารที่ถูกฆ่า แล้วเขาก็ได้ฆ่าผู้ชายทั้งหมดในเมืองเอโดม 16 โยอาบและชาวอิสราเอลทั้งหมดได้อยู่ที่เอโดมเป็นเวลาหกเดือน จนกว่าจะได้ฆ่าพวกผู้ชายทั้งหมดในเอโดม 17 ในขณะนั้นฮาดัดยังเป็นเด็กอยู่ เขาได้หลบหนีไปประเทศอียิปต์พร้อมกับพวกข้าราชการชาวเอโดมส่วนหนึ่ง ซึ่งเคยรับใช้พ่อของเขามาก่อน 18 พวกเขาได้ออกเดินทางจากมีเดียนไปสู่ปารานแล้วได้พาคนจากปารานไปกับพวกเขาด้วย พวกเขาเดินทางไปอียิปต์ไปหากษัตริย์ฟาโรห์แห่งอียิปต์ กษัตริย์ฟาโรห์ได้ให้บ้านและที่ดินส่วนหนึ่งรวมทั้งเสบียงอาหารกับฮาดัด
19 กษัตริย์ฟาโรห์ชอบฮาดัดมากและได้ยกน้องสาวของราชินีทาเปเนสเมียเขาให้แต่งงานกับฮาดัด 20 น้องสาวของทาเปเนสได้คลอดลูกชายคนหนึ่งให้ฮาดัด ชื่อว่าเกนูบัท ราชินีทาเปเนสได้นำตัวเด็กคนนี้เข้าไปเลี้ยงในวังของกษัตริย์ เกนูบัทจึงได้อาศัยอยู่ที่นั่นกับลูกๆของกษัตริย์ฟาโรห์
21 ในขณะที่ฮาดัดอยู่ในอียิปต์ เขาได้ยินว่าดาวิดได้ตายไปอยู่กับบรรพบุรุษของเขาแล้ว และแม่ทัพโยอาบก็ตายไปแล้วด้วยเหมือนกัน ฮาดัดจึงพูดกับกษัตริย์ฟาโรห์ว่า “ให้ข้าพเจ้าไปเถิด ข้าพเจ้าจะได้กลับไปประเทศของข้าพเจ้า”
22 กษัตริย์ฟาโรห์จึงถามเขาว่า “อยู่กับเราที่นี่ แล้วเจ้ายังขาดอะไรอีกหรือ ถึงได้ขอที่จะกลับไปประเทศของเจ้า”
ฮาดัดตอบว่า “ไม่ขาดอะไรเลยครับท่าน แต่ได้โปรดให้ข้าพเจ้าไปเถิด”
23 พระเจ้ายังได้ยกเรโซนลูกชายของเอลียาดาขึ้นมาเป็นศัตรูกับซาโลมอนอีกคนหนึ่ง เรโซนคนนี้เคยหลบหนีไปจากกษัตริย์ฮาดัดเอเซอร์แห่งโศบาห์ ซึ่งเป็นเจ้านายของเขา 24 หลังจากที่ดาวิดได้ทำลายกองทัพของโศบาห์ เรโซนได้รวบรวมคนจากรอบๆตัวเขาขึ้นมาตั้งตัวขึ้นเป็นผู้นำกองโจร กองโจรกลุ่มนี้ได้ไปที่เมืองดามัสกัส และได้ตั้งหลักแหล่งและเข้าครอบครองเมืองนั้น 25 เรโซนได้กลายเป็นกษัตริย์ของอารัม เขาได้กลายเป็นศัตรูของอิสราเอลนานตลอดชั่วอายุของซาโลมอน และได้ร่วมสร้างปัญหาพร้อมกับฮาดัดด้วย
26 เยโรโบอัมลูกชายของเนบัท ได้กบฏต่อซาโลมอนด้วย เขาเป็นข้าราชการคนหนึ่งของซาโลมอน เขาเป็นคนเอฟราอิมที่มาจากเมืองเศเรดาห์ แม่ของเขาเป็นแม่หม้ายชื่อว่าเศรุวาห์
27 นี่คือสาเหตุที่เขากบฏต่อกษัตริย์ ซาโลมอนกำลังสร้างเฉลียง[j] และซ่อมช่องโหว่ของกำแพงเมืองของดาวิด พ่อของเขา 28 ในเวลานั้น เยโรโบอัมเป็นผู้ชายคนหนึ่งที่ทำงานอยู่ที่นั่นด้วย ซาโลมอนก็เห็นว่าชายหนุ่มคนนี้ทำงานได้ดี จึงได้แต่งตั้งให้เขาทำหน้าที่ควบคุมคนงานที่มาจากครอบครัวโยเซฟ[k] 29 ในช่วงนั้น เยโรโบอัมได้เดินทางไปจากเมืองเยรูซาเล็ม และอาหิยาห์ผู้พูดแทนพระเจ้าจากชิโลห์ได้พบเขาบนถนนนั้น ตอนนั้น อาหิยาห์สวมเสื้อคลุมตัวใหม่อยู่ ทั้งสองคนเดินทางออกไปแถบชานเมืองตามลำพังสองคน 30 และอาหิยาห์ได้ถอดเสื้อคลุมตัวใหม่ที่เขาสวมอยู่ออกและฉีกมันออกเป็นสิบสองชิ้น
31 แล้วอาหิยาห์ได้พูดกับเยโรโบอัมว่า “ท่านเอาไปสิบชิ้น เพราะนี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของอิสราเอลพูด ‘ดูไว้ เรากำลังจะฉีกอาณาจักรนี้ออกมาจากมือของซาโลมอนและจะให้เจ้าสิบเผ่า 32 แต่เพื่อเห็นแก่ดาวิดผู้รับใช้เราและเมืองเยรูซาเล็มซึ่งเราได้เลือกออกมาจากเผ่าทั้งหลายของอิสราเอล เราจะให้หนึ่งเผ่ากับครอบครัวของดาวิด 33 เราจะทำสิ่งนี้เพราะซาโลมอนละทิ้งเรา[l]และไปบูชาพระอัชโทเรทพระผู้หญิงของชาวไซดอน พระเคโมชของชาวโมอับและพระมิลโคมของชาวอัมโมน และไม่ยอมใช้ชีวิตตามวิถีทางทั้งหลายของเรา และยังไม่ยอมทำในสิ่งที่เราเห็นว่าถูกต้อง ไม่ยอมรักษากฎและข้อบังคับต่างๆของเรา เหมือนกับที่ดาวิดพ่อของเขาเคยรักษา 34 แต่เราจะไม่เอาอาณาจักรทั้งหมดไปจากซาโลมอนหรอก เราได้ให้เขาเป็นผู้ปกครองตลอดชั่วชีวิตของเขา เพื่อเห็นแก่ดาวิดผู้รับใช้เราซึ่งเราได้เลือกขึ้นมาและเป็นผู้ที่ได้รักษาคำสั่งต่างๆและกฎทุกข้อของเรา 35 เราจะเอาอาณาจักรนี้ไปจากลูกชายของซาโลมอน และให้มันไว้กับเจ้าสิบเผ่า 36 เราจะให้เผ่าหนึ่งกับลูกชายของเขา เพื่อดาวิดผู้รับใช้เราจะได้มีตะเกียงหนึ่งดวงอยู่ต่อหน้าเราในเยรูซาเล็มตลอดไป เพราะเมืองเยรูซาเล็มเป็นเมืองที่เราได้เลือกไว้เพื่อเป็นเกียรติกับชื่อของเรา 37 ส่วนเจ้าเยโรโบอัม เราจะรับเจ้าไว้และเจ้าจะได้ปกครองทุกแห่งที่เจ้าต้องการ เจ้าจะได้ขึ้นเป็นกษัตริย์เหนืออิสราเอล 38 ถ้าเจ้าทำในสิ่งที่เราสั่งเจ้า และใช้ชีวิตตามวิถีทางทั้งหลายของเรา และทำในสิ่งที่เราเห็นว่าถูกต้อง ด้วยการรักษากฎและคำสั่งต่างๆของเรา เหมือนกับที่ดาวิดผู้รับใช้เราได้ทำมา เราจะอยู่กับเจ้า เราจะสร้างเจ้าให้เป็นราชวงศ์ที่ยั่งยืน อย่างกับที่เราเคยสร้างให้กับดาวิด และเราจะยกอิสราเอลให้กับเจ้า 39 เราจะลงโทษลูกหลานของดาวิด เพราะสิ่งที่เขาทำลงไปนี้ แต่จะไม่ลงโทษเขาตลอดไป’”
40 เพราะอย่างนี้ ซาโลมอนจึงพยายามฆ่าเยโรโบอัม แต่เยโรโบอัมได้หลบหนีไปอียิปต์ในทันที ไปหากษัตริย์ชิชักแห่งอียิปต์ และอยู่ที่นั่นจนกระทั่งซาโลมอนตาย
ซาโลมอนตาย
(2 พศด. 9:29-31)
41 เหตุการณ์อื่นในยุคของซาโลมอน ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาได้ทำ รวมทั้งความเฉลียวฉลาดที่เขาได้แสดงออกมา ได้เขียนไว้ในหนังสือประวัติของซาโลมอน 42 ซาโลมอนได้ครองบัลลังก์อยู่ในเมืองเยรูซาเล็ม และปกครองอิสราเอลทั้งหมดเป็นเวลาสี่สิบปี 43 แล้วเขาก็ได้ล่วงลับไปอยู่กับบรรพบุรุษของเขาและถูกฝัง[m] อยู่ในเมืองของดาวิดผู้เป็นพ่อของเขา และเรโหโบอัมลูกชายของเขาก็ได้ขึ้นเป็นกษัตริย์สืบต่อจากเขา
ราชินีของเชบามาพบซาโลมอน
(1 พกษ. 10:1-13)
9 เมื่อราชินีของเชบาได้ยินถึงชื่อเสียงของซาโลมอน นางมาที่เมืองเยรูซาเล็มเพื่อทดสอบเขาด้วยคำถามยากๆหลายข้อ นางเดินทางมาพร้อมกับข้าราชการมากมาย และมีฝูงอูฐบรรทุกเครื่องเทศมากมาย ทองคำจำนวนมากและพลอยมีค่าหลายชนิด นางมาพบกับซาโลมอนและคุยกับเขาเกี่ยวกับสิ่งต่างๆที่นางคิดไว้ 2 ซาโลมอนตอบคำถามทั้งหมดของนางได้ ไม่มีข้อใดเลยที่ยากเกินไปสำหรับซาโลมอนที่จะอธิบายให้กับนางได้เข้าใจ 3 เมื่อราชินีของเชบาเห็นความเฉลียวฉลาดของซาโลมอน อีกทั้งเห็นวังที่เขาสร้างขึ้น 4 ตลอดจนอาหารต่างๆบนโต๊ะของเขา ที่นั่งของพวกเจ้าหน้าที่ของเขา พวกผู้รับใช้ของเขาและเสื้อผ้าที่พวกเขาใส่อยู่ พวกผู้ถือถ้วยของเขาและชุดที่พวกเขาใส่อยู่ และเครื่องเผาบูชาทั้งหลายที่เขาถวายอยู่ในวิหารของพระยาห์เวห์ นางก็รู้สึกตกตะลึงจนลืมหายใจ 5 นางพูดกับกษัตริย์ว่า “ข่าวที่เราได้ยินในประเทศของเราเกี่ยวกับความสำเร็จต่างๆและความเฉลียวฉลาดของท่านล้วนเป็นความจริงทั้งสิ้น 6 แต่เราไม่เคยเชื่อสิ่งเหล่านี้มาก่อน จนกระทั่งเราได้มาเห็นกับตาของเราเอง อันที่จริง ความเฉลียวฉลาดที่พวกเขาพูดนั้นยังไม่ถึงครึ่งหนึ่งของความเฉลียวฉลาดอันยิ่งใหญ่ที่ท่านมีเสียด้วยซ้ำ ท่านดีกว่าที่เราได้ยินมามากนัก 7 คนของท่าน[a] ช่างได้เกียรติจริงๆ พวกเจ้าหน้าที่ของท่านนี่ช่างได้เกียรติจริงๆ คนพวกนี้ได้ยืนอยู่ต่อหน้าท่านตลอดเวลา และได้ฟังความเฉลียวฉลาดของท่าน 8 ขอสรรเสริญพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านผู้ที่ชื่นชมในตัวท่านและวางท่านไว้บนบัลลังก์ของพระองค์ให้เป็นกษัตริย์ปกครองให้กับพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน เป็นเพราะความรักของพระเจ้าของท่านที่มีให้กับชนชาติอิสราเอลและความต้องการของพระองค์ที่จะโอบอุ้มพวกเขาไว้ตลอดไป พระองค์ได้ทำให้ท่านเป็นกษัตริย์เหนือพวกเขาเพื่อที่จะรักษาความยุติธรรมและความถูกต้องไว้”
9 แล้วนางก็มอบทองคำประมาณสี่ตัน เครื่องเทศเป็นจำนวนมาก และพลอยมีค่าอีกหลายอย่างให้กับกษัตริย์ ไม่เคยมีใครนำเครื่องเทศมามากมายเท่ากับที่ราชินีแห่งเชบาเอามาให้กับกษัตริย์ซาโลมอน
10 (คนของฮีรามและคนของซาโลมอนได้นำทองคำมาจากโอฟีร์[b] พวกเขายังได้นำไม้แก่นจันทน์แดงและพลอยมีค่ามาด้วย 11 กษัตริย์ใช้ไม้แก่นจันทน์แดงทำขั้นบันไดของวิหาร ของพระยาห์เวห์ กับบันไดของวังกษัตริย์ และยังใช้ทำพิณใหญ่กับพิณเล็ก สำหรับพวกนักดนตรี ยังไม่เคยมีใครเคยเห็นของสวยเหมือนของพวกนี้มาก่อนในยูดาห์)
12 กษัตริย์ซาโลมอนให้ทุกสิ่งทุกอย่างที่ราชินีของเชบาอยากได้และที่นางขอจากเขา ซาโลมอนให้ของกับนางมากกว่าของที่นางนำมาให้เขาเสียอีก แล้วนางก็จากไปและกลับประเทศของนางพร้อมกับพวกข้าราชการของนาง
ทรัพย์สมบัติของซาโลมอน
(1 พกษ. 10:14-29; 2 พศด. 1:14-17)
13 ซาโลมอนรับทองคำในแต่ละปีหนักประมาณยี่สิบสามตัน 14 ไม่รวมถึงทองคำที่ได้จากพวกพ่อค้าเร่ และพวกที่ค้าขายเป็นประจำ และกษัตริย์ทั้งหลายแห่งอาระเบียและพวกผู้ว่าได้นำเงินและทองมาให้กับซาโลมอนด้วย 15 กษัตริย์ซาโลมอนสร้างโล่ขนาดใหญ่สองร้อยอันที่ทำจากทองคำที่ตีแล้ว โดยโล่แต่ละอันใช้ทองคำที่ตีแล้วหนักสามกิโลครึ่ง 16 เขายังสร้างโล่ขนาดเล็กขึ้นสามร้อยอันที่ทำจากทองคำที่ตีแล้วด้วย โดยโล่แต่ละอันใช้ทองคำหนักหนึ่งกิโลเจ็ดขีด กษัตริย์ได้เก็บพวกมันไว้ในวังที่มีชื่อว่า “ป่าแห่งเลบานอน”
17 แล้วกษัตริย์ก็สร้างบัลลังก์อันยิ่งใหญ่ขึ้นบัลลังก์หนึ่ง โดยฝังงาช้างไว้และบุด้วยทองคำบริสุทธิ์ 18 บัลลังก์นี้มีบันไดหกขั้นและมีที่รองเท้า[c] อันหนึ่งทำจากทองคำติดอยู่กับบัลลังก์ มีที่วางแขนอยู่ทั้งสองข้างของที่นั่ง มีรูปปั้นสิงห์สองตัวยืนอยู่ที่ด้านข้างของบัลลังก์ 19 บันไดทั้งหกขั้นนี้ ที่ปลายทั้งสองด้านของบันไดแต่ละขั้นมีรูปปั้นสิงห์อยู่ข้างละตัว รวมทั้งหมดสิบสองตัว ไม่มีอาณาจักรไหนเคยทำได้อย่างนี้มาก่อน 20 ถ้วยสำหรับดื่มเหล้าทั้งหมดของซาโลมอนทำจากทองคำ และข้าวของเครื่องใช้ทุกอย่างในวังของป่าแห่งเลบานอนล้วนทำจากทองคำบริสุทธิ์ ไม่มีอะไรที่ทำจากเงินเลย เพราะในยุคของซาโลมอน เงินแทบจะไม่มีค่าอะไรเลย 21 กษัตริย์มีกองเรือสำหรับค้าขายที่ควบคุมดูแลโดยคนของฮีราม เรือเหล่านี้จะกลับมาทุกๆสามปีโดยนำทองคำ เงินและงาช้างรวมทั้งลิงตัวใหญ่และลิงบาบูนกลับมาด้วย
22 กษัตริย์ซาโลมอนล้ำหน้ากษัตริย์ทุกองค์ในโลกนี้ในเรื่องความร่ำรวยและความเฉลียวฉลาด 23 กษัตริย์ทุกองค์ในโลกต่างพากันมาขอเข้าพบซาโลมอน เพื่อที่จะได้ฟังความเฉลียวฉลาดของเขาที่พระเจ้าได้ใส่ไว้ในใจของเขา 24 ปีแล้วปีเล่า ทุกๆคนที่มาต่างก็นำของขวัญมาให้เขา ไม่ว่าจะเป็นเงินหรือทองคำ เสื้อผ้า อาวุธ เครื่องเทศ ม้าหรือล่อ
25 ซาโลมอนมีคอกม้าถึงสี่พันคอก กับรถรบอีกหลายคัน เขามีม้าทั้งหมดหนึ่งหมื่นสองพันตัวซึ่งได้เก็บอยู่ในเมืองที่เก็บรถรบ และส่วนหนึ่งอยู่กับเขาในเยรูซาเล็ม 26 เขาได้ปกครองอยู่เหนือกษัตริย์อีกหลายๆองค์ตั้งแต่แม่น้ำยูเฟรติสไปจนถึงแผ่นดินของพวกฟีลิสเตีย จนถึงเขตแดนของประเทศอียิปต์ 27 กษัตริย์ได้ทำให้เงินมีมากอย่างกับก้อนหินในเมืองเยรูซาเล็ม และทำให้ไม้สนซีดาร์มีอย่างเกลื่อนกลาดเหมือนกับไม้มะเดื่อตามเชิงเขา 28 ม้าของซาโลมอนถูกนำมาจากประเทศอียิปต์และจากประเทศอื่นๆอีกหลายประเทศ
ซาโลมอนตาย
(1 พกษ. 11:41-43)
29 ส่วนเหตุการณ์อื่นๆในสมัยของซาโลมอนตั้งแต่เริ่มต้นจนสิ้นสุดลงได้รับการจดบันทึกไว้แล้วในบันทึกของนาธันผู้พูดแทนพระเจ้า ในคำเผยแพร่ของอาหิยาห์ชาวเมืองชิโลห์และในนิมิตของอิดโดผู้ที่เห็นนิมิต[d] เกี่ยวกับเยโรโบอัมลูกชายของเนบัท 30 ซาโลมอนได้ปกครองอยู่ในเมืองเยรูซาเล็มเหนือชนชาติอิสราเอลเป็นเวลาสี่สิบปี 31 แล้วเขาก็ได้ตายไปอยู่กับบรรพบุรุษของเขาและถูกฝังอยู่ในเมืองของดาวิดพ่อของเขา และเรโหโบอัมลูกชายของเขาก็ได้ขึ้นเป็นกษัตริย์สืบต่อจากเขา
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International