Chronological
1 นี่คือคำสอนของอาจารย์ผู้ที่เป็นลูกของดาวิด และเป็นกษัตริย์ในเมืองเยรูซาเล็ม
2 อาจารย์พูดว่า ทุกสิ่งทุกอย่างช่างไม่เที่ยงเอาเสียเลย ไม่เที่ยงจริงๆทุกสิ่งช่างไม่เที่ยง 3 คนเราได้ประโยชน์อะไรบ้าง จากการบากบั่นทำงานภายใต้ดวงอาทิตย์นี้
จริงหรือที่ว่าเรากำลังพัฒนา
4 คนรุ่นหนึ่งตายไป อีกรุ่นหนึ่งก็เกิดมา ในขณะที่โลกก็ยังคงอยู่เหมือนเดิมตลอดไป 5 ดวงอาทิตย์ขึ้น แล้วก็ตก แล้วมันก็รีบกลับไปอยู่ที่จุดเดิม พร้อมที่จะขึ้นมาใหม่
6 ลมพัดไปทางทิศใต้ แล้วก็หันไปทางทิศเหนือ พัดไปรอบๆและกลับมาอีก เพราะมันมีเส้นทางหมุนเวียนของมัน
7 แม่น้ำลำธารทุกสายไหลลงสู่ทะเล แต่ทะเลก็ไม่เคยเต็ม แม่น้ำลำธารไหลลงมาจากที่ไหน พวกมันก็กลับไปที่นั่นและไหลกลับลงมาอีก
8 คำพูดทุกอย่างช่างน่าเหนื่อยหน่าย
เพราะไม่เห็นมีใครพูดอะไรใหม่ขึ้นมาเลย
ตามองเท่าไหร่ก็ไม่เคยอิ่ม
หูฟังเท่าไหร่ก็ไม่เคยเต็ม
9 สิ่งที่เคยเป็นมา นั่นแหละคือสิ่งที่จะเกิดขึ้นอีก สิ่งที่เคยทำมา นั่นแหละคือสิ่งที่จะทำกันอีก ไม่มีอะไรใหม่ภายใต้ดวงอาทิตย์นี้
10 อาจจะมีคนหนึ่งพูดว่า “ดูนี่สิ มันเป็นสิ่งใหม่” แต่จริงๆแล้วมันก็มีมาตั้งนานแล้วก่อนที่เราจะเกิด
11 คนในสมัยนี้ไม่มีใครจดจำคนในอดีต
และคนในอนาคตก็จะไม่จำคนรุ่นก่อนหน้าเขาเหมือนกัน
จริงหรือที่ว่าสติปัญญาจะนำความสุขมาให้
12 ตัวอาจารย์เองเป็นกษัตริย์ในเมืองเยรูซาเล็ม และปกครองชนชาติอิสราเอลมาหลายปีแล้ว
13 เราได้ตั้งใจใช้สติปัญญาเพื่อค้นคว้า สำรวจทุกสิ่งที่เกิดขึ้นภายใต้ฟ้านี้ การค้นคว้าที่พระเจ้าให้คนทำกันนี้ มันยุ่งยากอย่างร้ายกาจ และหาความสนุกไม่ได้เลย
14 เราสังเกตเห็นการงานทุกอย่างที่คนทำกันภายใต้ดวงอาทิตย์นี้แล้วค้นพบว่า ทุกอย่างไม่เที่ยง เหมือนกับไล่ตามลม
15 สิ่งที่คดงอแล้ว จะทำให้กลับมาตรงอีกก็ไม่ได้แล้ว และสิ่งที่ไม่มีตัวตนก็จะนับไม่ได้
16 เราพูดกับตัวเองว่า “เราได้กลายเป็นใหญ่ และมีสติปัญญามากกว่ากษัตริย์ทุกองค์ที่ปกครองเยรูซาเล็มก่อนหน้าเรา จิตใจของเราก็ได้เจอกับสติปัญญาและความรู้มากมาย”
17 เราเลยตั้งใจเรียนรู้ทั้งสติปัญญา ความรู้ ความบ้าๆบอๆและความโง่เขลา แล้วเราก็พบว่า การเรียนรู้นี้ก็ไม่ต่างอะไรกับการวิ่งไล่ตามลม 18 เพราะยิ่งมีสติปัญญามากเท่าใด ก็ยิ่งหงุดหงิดรำคาญมากขึ้นเท่านั้น และยิ่งรู้มาก ก็จะยิ่งทุกข์มาก
ความสนุกสนานให้ความสุขแน่หรือ
2 เราพูดกับจิตใจว่า “มาเถอะ มาลองลิ้มรสความสนุกสนานกันดู และเจอกับสิ่งดีๆ” แต่แล้วนี่ก็เป็นสิ่งที่ไม่เที่ยงเหมือนกัน 2 เราพูดกับการหัวเราะว่า
“เจ้ามีผลงานอะไรอวดอ้างได้หรือ” และพูดว่า “เจ้าก่อให้เกิดประโยชน์อะไรได้หรือ”
3 จิตใจเราได้สำรวจดูว่า มันจะเป็นยังไงที่จะให้เหล้าองุ่นควบคุมร่างกายเรา
แต่สติปัญญายังนำจิตใจของเราอยู่และสามารถรู้ทันความโง่เขลา เราอยากรู้ว่าจะมีอะไรดีๆให้มนุษย์ทำบ้างในช่วงชีวิตอันแสนสั้นของเขาภายใต้ฟ้าสวรรค์นี้
โครงการใหญ่ๆให้ความสุขแน่หรือ
4 เราได้ทำงานต่างๆอันยิ่งใหญ่ ได้สร้างวังต่างๆสำหรับตัวเราเอง ได้ทำไร่องุ่น 5 ได้ทำสวนผลไม้และสวนพักผ่อนต่างๆให้กับตัวเราเอง และได้ปลูกผลไม้ทุกชนิดไว้ในสวนพวกนั้น 6 ได้สร้างบรรดาสระน้ำไว้เพื่อผันน้ำเข้าไปรดต้นไม้ที่ผลิดอกออกผล 7 เรามีทาสชายหญิงมากมาย และมีทาสหลายคนที่เกิดภายในเรือนของเรา นอกจากนี้ เราก็ยังมีฝูงสัตว์เลี้ยง ฝูงวัวและฝูงแกะ มากกว่าใครๆที่อยู่ในเมืองเยรูซาเล็มมาก่อนหน้าเราอีกด้วย
8 เราได้รวบรวมเงินทองมาเป็นของรักของหวงอันเหมาะสมกับฐานะกษัตริย์ และรวบรวมหัวเมืองต่างๆมาเป็นของเราด้วย เราได้ให้ชายหญิงมาขับร้องเพลงให้ฟัง และเรายังมีทรัพย์สมบัติที่หรูหราฟู่ฟ่าที่มนุษย์ชื่นชอบเป็นหีบๆ หีบแล้วหีบเล่า
9 เราได้เป็นใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ มากกว่าใครๆทั้งหมดที่เคยอยู่ในเมืองเยรูซาเล็มก่อนหน้าเรา และสติปัญญาของเราก็ช่วยเรา
10 ไม่ว่าดวงตาของเราอยากได้อะไร เราก็จะหามาให้ เราไม่เคยหักห้ามจิตใจของเราในเรื่องของความสุขใดๆ
จิตใจของเราสนุกกับงานหนักที่ได้ทำไปนั้น และความสนุกนั่นแหล่ะเป็นรางวัลเดียวที่เราได้รับจากงานหนักซึ่งเราได้ทำไป
11 แล้วเราก็หันมามองดูสิ่งทั้งหมดซึ่งเราได้ลงมือทำไป งานที่เราได้ลงมือลงแรงทำอย่างลำบากลำบนนั้น เราได้ค้นพบว่า มันไม่เที่ยง เหมือนกับไล่ตามลม ไม่มีอะไรภายใต้ดวงอาทิตย์นี้ ที่ให้ประโยชน์ถาวร
ใช่สติปัญญาหรือเปล่าที่เราหาอยู่
12 แล้วเราก็หันมาดูเรื่องสติปัญญา ความบ้าๆบอๆและความโง่เขลา เพราะไม่รู้ว่าคนแบบไหนจะขึ้นมาครองราชย์ต่อจากเรา แล้วเขาจะมีปัญญาครอบครองทุกสิ่งที่เราสร้างขึ้นมาได้หรือเปล่า
13 และเราก็เห็นว่าสติปัญญานั้นได้เปรียบกว่าความโง่เขลา เช่นเดียวกับที่ความสว่างได้เปรียบกว่าความมืด
14 คนฉลาดมีดวงตาอยู่ในหัว แต่คนโง่เดินอยู่ในความมืด แต่ตัวเราเองนั้นได้เรียนรู้ว่า ทั้งคนฉลาดและคนโง่ก็จะต้องเผชิญกับสิ่งเดียวกัน 15 ดังนั้นเราจึงคิดในใจว่า เราเองจะต้องเผชิญกับสิ่งที่คนโง่ต้องเผชิญ ถ้าอย่างนั้นจะเป็นคนฉลาดเลิศเลอไปทำไมกัน แล้วเราจึงคิดในใจว่า เรื่องนี้ก็ไม่เที่ยงเหมือนกัน 16 เพราะทั้งคนฉลาดและคนโง่ ต่างก็ไม่อยู่ในความทรงจำของคนตลอดไปหรอก เพราะอีกไม่ช้า ทุกคนก็จะถูกลืมไปหมด มันแย่จริงๆที่คนฉลาดต้องตายเหมือนกันกับคนโง่ต้องตาย
เซ็งชีวิต
17 เพราะอย่างนี้เราถึงได้เกลียดชีวิต เรารู้สึกเจ็บปวดใจกับทุกสิ่งที่เกิดขึ้นภายใต้ดวงอาทิตย์นี้ ทุกอย่างไม่เที่ยง และเป็นการวิ่งไล่ตามลม
18 เราเกลียดผลจากงานหนักที่เราได้ตรากตรำทำไปภายใต้ดวงอาทิตย์นี้ เพราะเราจะต้องทิ้งมันให้กับคนรุ่นหลัง 19 แล้วใครจะไปรู้ได้ล่ะว่าเขาจะเป็นคนฉลาดหรือคนโง่ แต่ถึงยังไง เขาก็จะครอบครองทุกอย่างซึ่งเราได้ตรากตรำทำมาภายใต้ดวงอาทิตย์ ทุกสิ่งที่เราได้ลงมือทำไปอย่างชาญฉลาด เรื่องนี้ก็ไม่เที่ยงเหมือนกัน
20 แล้วจิตใจของเราก็ท้อแท้สิ้นหวังกับการงานที่เราได้ตรากตรำทำไปภายใต้ดวงอาทิตย์นี้ 21 เพราะคนๆหนึ่งจะต้องตรากตรำทำงานอย่างหนัก เพื่อให้ได้สติปัญญา ความรู้และความสำเร็จ แต่สุดท้ายเขาก็ต้องมอบส่วนของเขาไปให้กับอีกคนหนึ่งซึ่งไม่ได้ลงแรงทำอะไรเลย นี่ก็ไม่เที่ยงเหมือนกัน และมันเป็นสิ่งเลวร้ายเหลือเกิน
22 มนุษย์ได้อะไรบ้างจากงานหนักที่ทำและทุ่มเทชีวิตจิตใจกับงานภายใต้ดวงอาทิตย์นี้ 23 วันเวลาของเขามีแต่ความเจ็บปวด และงานอันยุ่งเหยิงของเขาก็มีแต่จะทำให้เขาหงุดหงิด แม้เวลากลางคืนจิตใจของเขาก็ยังไม่ได้นอนหลับพักผ่อน นี่ก็เป็นสิ่งที่ไม่เที่ยงเหมือนกัน
ขอให้สนุก
24 สำหรับมนุษย์แล้ว ไม่มีอะไรดีไปกว่า การกิน ดื่ม และมีความสุขกับงานของเขา เราเห็นว่าสิ่งนี้มาจากพระเจ้า 25 เพราะทั้งการมีกินอย่างเหลือเฟือและการต้องเก็บเศษข้าวในทุ่งนากิน ล้วนมาจากพระเจ้า 26 พระองค์จะให้สติปัญญา ความรู้และความสุขกับคนซึ่งพระองค์ชอบใจ ส่วนคนที่ไม่เอาไหน[a] พระองค์ก็ให้เขาวุ่นวายอยู่กับการเก็บรวบรวมและสะสม เพื่อเขาจะได้มอบของพวกนั้นให้กับคนที่พระเจ้าชอบใจ นี่ก็เป็นสิ่งไม่เที่ยง เป็นการวิ่งไล่ตามลมเหมือนกัน
กิจการทุกอย่างมีเวลาของมันเอง
3 ทุกสิ่งทุกอย่างนั้น มีเวลาอันเหมาะสมของมัน มีเวลาที่เหมาะสมสำหรับกิจการทุกอย่างภายใต้ฟ้าสวรรค์นี้
2 มีเวลาคลอดและมีเวลาตาย
มีเวลาปลูกและมีเวลาถอนรากของสิ่งที่ปลูกไว้
3 มีเวลาฆ่าและมีเวลารักษา
มีเวลารื้อทิ้งและมีเวลาสร้างขึ้น
4 มีเวลาร้องไห้และมีเวลาหัวเราะ
มีเวลาไว้ทุกข์และมีเวลาเต้นรำ
5 มีเวลาขว้างก้อนหินและมีเวลาเก็บก้อนหิน
มีเวลาสวมกอดและมีเวลาไม่สวมกอด
6 มีเวลาค้นหาและมีเวลาเลิกหา
มีเวลาเก็บรักษาและมีเวลาทิ้งไป
7 มีเวลาฉีกและมีเวลาเย็บ
มีเวลาเงียบและมีเวลาพูด
8 มีเวลารักและมีเวลาเกลียด
มีเวลาสงครามและมีเวลาสงบสุข
พระเจ้าครอบครองโลกของพระองค์
9 คนงานได้ประโยชน์อะไรบ้างจากงานหนักที่เขาทำ 10 เราได้เห็นงานซึ่งพระเจ้ามอบให้กับมนุษย์ เพื่อให้มนุษย์หมกมุ่นอยู่กับมัน 11 พระองค์ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างเหมาะสมตามเวลาของมัน พระองค์ทำให้จิตใจมนุษย์รู้สึกถึงเวลาอันไม่มีวันสิ้นสุด แต่มนุษย์ก็ไม่เข้าใจงานซึ่งพระเจ้าได้ทำไว้ตั้งแต่เริ่มต้นจนจบ
12 เราได้เรียนรู้ว่าสำหรับพวกเขาไม่มีอะไรดีเลย นอกจากความสุขสบายที่พวกเขามีในช่วงชีวิตของเขา 13 ถ้าคนกิน ดื่ม และมีความสุขกับผลงานจากงานหนักทั้งหมดที่เขาทำ นี่ก็ถือว่าเป็นของขวัญจากพระเจ้าเหมือนกัน
14 เรารู้ว่าทุกสิ่งที่พระเจ้าทำนั้น ไม่ได้ถูกกำหนดด้วยเวลา จะเพิ่มเติมอะไรเข้าไปก็ไม่ได้ จะดึงอะไรออกมาก็ไม่ได้ ที่พระเจ้าทำอย่างนี้ เพื่อพวกเขาจะได้ยำเกรงต่อหน้าพระองค์ 15 สิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้ เป็นสิ่งที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วในอดีต และสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต ก็เคยเกิดขึ้นมาก่อนแล้วเหมือนกัน แต่พระเจ้าจะจัดการกับสิ่งซึ่งมนุษย์แสวงหาแต่เกินความเข้าใจของตน
16 ยิ่งกว่านั้น เราได้เห็นสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นภายใต้ดวงอาทิตย์นี้ คือในที่ซึ่งน่าจะมีความยุติธรรมกลับเจอความชั่วช้า และในที่ซึ่งน่าจะมีความถูกต้องกลับเจอความชั่วร้าย 17 เราคิดในใจว่า พระเจ้าจะตัดสินทั้งคนบริสุทธิ์และคนชั่ว เพราะว่ามีเวลาสำหรับทุกเรื่องและกิจกรรมทุกอย่าง
มนุษย์ก็เหมือนสัตว์
18 เราคิดอยู่ในใจเกี่ยวกับมนุษย์ทั้งหลายว่า พระเจ้ากำลังทดสอบพวกเขา พระองค์ให้มนุษย์เห็นว่าพวกเขาเป็นสัตว์โดยแท้ 19 เพราะว่าสิ่งที่มนุษย์กับสัตว์ต้องเผชิญนั้นก็เหมือนกัน สัตว์ต้องตาย มนุษย์ก็ต้องตายเหมือนกัน ทั้งคนและสัตว์ต่างมีวิญญาณเดียวกัน[b] มนุษย์ไม่ได้เปรียบไปกว่าสัตว์ตรงไหน เพราะว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นไม่เที่ยง 20 ทั้งคู่ต้องไปยังที่เดียวกัน ทั้งคู่มาจากดิน และทั้งคู่ก็ต้องกลับไปเป็นดินเหมือนกัน 21 ใครจะบอกได้ว่า วิญญาณของมนุษย์จะขึ้นไปสวรรค์ หรือวิญญาณของสัตว์จะลงไปยังแดนคนตาย 22 เราเห็นว่า ไม่มีอะไรจะดีไปกว่าการที่คนๆหนึ่งจะสนุกกับงานของเขา เพราะความสนุกนั่นแหละคือรางวัลเดียวที่เขาได้รับเพราะไม่มีใครบอกเขาได้หรอกว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต
การกดขี่ข่มเหง
4 แล้วเราก็ได้หันไปดูการกดขี่ข่มเหงทั้งหลายที่เกิดขึ้นภายใต้ดวงอาทิตย์อีกครั้ง
ดูสิ น้ำตาของคนที่ถูกกดขี่ข่มเหง แต่ไม่มีใครปลอบโยน อำนาจอยู่ในเงื้อมมือของผู้กดขี่ ไม่มีใครปลอบโยนพวกเขาเลย
2 ดังนั้นเราจึงถือว่าคนตายไปแล้วก็โชคดีกว่าคนที่ยังเป็นอยู่
3 แต่ที่โชคดีกว่าคนตายและคนเป็น คือคนที่ไม่เคยมีชีวิตมาก่อนเพราะเขาจะไม่ได้เห็นสิ่งชั่วร้ายที่มนุษย์ทำกันภายใต้ดวงอาทิตย์นี้
จะทำงานหนักไปทำไมกัน
4 เราเห็นว่า งานหนักและความสำเร็จทุกอย่าง เกิดมาจากการที่คนแข่งขันชิงดีชิงเด่นกัน นี่ก็ไม่เที่ยงเหมือนกัน เหมือนวิ่งไล่ตามลม
5 แต่พวกคนโง่งอมืองอเท้า แล้วต้องกินเนื้อตัวเอง
6 คนที่หามาได้หนึ่งกำมือเต็ม แล้วได้พักผ่อน ก็ยังดีกว่าคนที่ได้มาสองกำมือ แต่ต้องทำงานหนักและวิ่งไล่ตามลม
7 แล้วเราก็เห็นสิ่งไม่เที่ยงภายใต้ดวงอาทิตย์อีกอย่างหนึ่ง คือ
8 มีชายคนหนึ่ง อยู่ตัวคนเดียวไม่มีแม้แต่ลูก หรือพี่น้อง เขาทำงานหนักอย่างไม่หยุดหย่อน และในเรื่องความร่ำรวยนั้น ตาของเขาก็ไม่รู้จักพอ เขาไม่เคยหยุดเพื่อถามตัวเองเลยว่า จะทำงานหนักไปเพื่อใคร และที่ไม่ยอมหาความสุขใส่ตัวนี้ มันเพื่อใครกัน นี่ก็เป็นสิ่งที่ไม่เที่ยงเหมือนกัน และเป็นการหมกมุ่นอย่างร้ายกาจ
พวกเพื่อนๆและครอบครัวให้กำลังใจ
9 สองคนย่อมจะดีกว่าคนเดียว เพราะพวกเขาจะได้รับผลตอบแทนที่ดีกว่าจากงานหนักที่ทำ
10 แล้วถ้าคนหนึ่งล้มลง อีกคนหนึ่งก็จะได้ช่วยเพื่อนให้ลุกขึ้น แต่คนที่อยู่ตัวคนเดียวจะลำบาก เพราะเมื่อเขาล้มลง ก็ไม่มีใครมาช่วยให้ลุกขึ้น
11 ยิ่งกว่านั้น ถ้าคนสองคนนอนอยู่ด้วยกัน พวกเขาก็อบอุ่น ส่วนคนที่อยู่คนเดียว เขาจะอบอุ่นได้อย่างไร
12 คนที่อยู่คนเดียวอาจจะถูกรังแก แต่ถ้าอยู่ด้วยกันสองคนก็สามารถป้องกันตัวเองได้ เชือกสามเส้นที่มัดเป็นเกลียวเข้าด้วยกันนั้นไม่สามารถดึงให้ขาดจากกันได้ง่ายๆหรอก
การเมือง
13 คนหนุ่มที่ยากจนแต่ฉลาด ย่อมดีกว่ากษัตริย์แก่โง่เขลาที่ไม่ยอมฟังคำเตือนแล้ว 14 เพราะคนหนุ่มนั้นได้ออกจากคุก แล้วได้กลายมาเป็นกษัตริย์ ในขณะที่อีกคนหนึ่งซึ่งเกิดมาในวัง แต่กลับกลายเป็นคนยากจนในที่สุด 15 เราได้เห็นคนทั้งหลายผู้ซึ่งมีชีวิตเคลื่อนไหวอยู่ภายใต้ดวงอาทิตย์นี้ ไปติดตามคนหนุ่มอีกคนหนึ่งที่ได้ขึ้นมาเป็นกษัตริย์แทนคนหนุ่มคนแรกนั้น 16 แต่ถึงแม้คนหนุ่มคนหลังนี้จะมีผู้ติดตามจนนับไม่ถ้วนก็ตาม แต่คนรุ่นต่อไปจะไม่นิยมชมชอบเขา นี่ก็ไม่เที่ยงเหมือนกัน เหมือนวิ่งไล่ตามลม
การเข้าเฝ้าพระเจ้า
5 ระวังสิ่งที่เจ้าทำให้ดีเมื่อเข้าไปในวิหารของพระเจ้า พระเจ้ายอมรับคนที่เชื่อฟังและทำตามพระองค์ มากกว่าคนโง่ๆที่แค่นำเครื่องบูชามาถวายเท่านั้น เพราะพวกคนโง่นั้นไม่รู้ตัวเสียด้วยซ้ำว่ากำลังทำชั่วอยู่
2 อย่าเป็นคนปากไว ใจร้อน พูดอะไรโพล่งๆออกไปต่อหน้าพระเจ้า เจียมตัวเสียบ้างเพราะพระเจ้าอยู่บนสวรรค์ แต่เจ้าอยู่บนโลก เพราะฉะนั้นเจ้าควรจะพูดให้น้อยๆเข้าไว้ 3 ยิ่งหมกมุ่นเท่าไหร่ก็ยิ่งเพ้อฝันมากเท่านั้น ยิ่งพูดมากเท่าไหร่ก็ยิ่งส่อให้เห็นว่าโง่มากเท่านั้น
4 เมื่อเจ้าได้บนบานไว้กับพระเจ้า ก็อย่าได้รีรอที่จะแก้บนนั้น เพราะพระองค์ไม่ชอบคนโง่ เจ้าบนอะไรไว้ก็ให้แก้เสีย
5 ไม่บนบานเสียเลยย่อมดีกว่าบนบานแล้วไม่แก้ 6 เพราะเหตุนี้ อย่าปล่อยให้ปากเป็นเหตุทำให้คุณทำบาป และอย่าพูดกับตัวแทนของพระเจ้าว่า “ผมไม่ได้ตั้งใจพูดอย่างนั้น” ทำไมจะต้องทำให้พระเจ้าโกรธเพราะคำพูดของคุณ แล้วทำให้พระองค์ทำลายงานที่คุณได้ทำมากับมือ 7 คนเราชอบฝัน ชอบคิดเรื่องไร้สาระและชอบพูด แต่ให้ยำเกรงพระเจ้าดีกว่า
เหนือผู้นำยังมีผู้นำ
8 ถ้าคุณเห็นคนยากจนถูกกดขี่ข่มเหงในหมู่บ้านของคุณ หรือถูกปล้นสิทธิหรือไม่ได้รับความเป็นธรรม มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกหรอก เพราะเหนือเจ้านายคนนั้น ก็ยังมีเจ้านายของเขาเฝ้ามองอยู่ และเหนือเจ้านายทั้งสองคนนี้ ก็ยังมีเจ้านายของพวกเขาอีกทีหนึ่ง 9 แม้แต่กษัตริย์ก็ยังได้ส่วนแบ่งจากการเพาะปลูกในแผ่นดิน พวกเขาก็ได้แบ่งผลประโยชน์ของแผ่นดินกันไป
เงินไม่สามารถซื้อความสุขได้
10 คนรักเงินก็ไม่เคยมีเงินพอ และคนรักความร่ำรวยก็ไม่เคยพอใจกับรายได้ นี่ก็เป็นสิ่งที่ไม่เที่ยงเหมือนกัน
11 เมื่อมีข้าวของเงินทองเพิ่มขึ้น ก็จะมีคนมาช่วยผลาญมากขึ้น แล้วมันจะมีประโยชน์อะไรกับเจ้าของ นอกจากจะได้แค่ชมเป็นขวัญตาเท่านั้น 12 กรรมกรมีความสุขนอนหลับสบาย ไม่ว่าเขาจะได้กินน้อยหรือมาก แต่ความเหลือเฟือของคนร่ำรวยทำให้เขานอนไม่หลับ
13 เราได้เห็นเรื่องเลวร้ายอีกเรื่องหนึ่งที่เกิดขึ้นภายใต้ดวงอาทิตย์นี้ คือคนที่สะสมความร่ำรวยไว้ให้กับตัวเอง และสุดท้ายก็ทำให้เขาต้องทุกข์ใจ
14 คือการที่เขาต้องสูญเสียความร่ำรวยไปหมดกับการลงทุนเสี่ยงภัย เขามีลูกชายหนึ่งคน แต่ก็ไม่มีอะไรเหลือในมือเพื่อให้กับลูกชายแล้ว
15 เขาออกมาจากท้องแม่ตัวเปล่า เขาก็ย่อมจะจากไปตัวเปล่าเหมือนเดิม ไม่ได้อะไรติดมือไปเลย จากงานหนักที่เขาได้ตรากตรำทำมา
16 ใช่แล้ว นี่แหละคือเรื่องเลวร้ายที่ทำให้รู้สึกแย่มาก
เขามาอย่างไร เขาก็จะไปอย่างนั้น แล้วเขาจะได้ประโยชน์อะไรที่ต้องทำงานหนักเพื่อได้มาแต่สิ่งลมๆแล้งๆ
17 ความจริงแล้ว ตลอดวันเวลาของเขานั้น เขาก็กินอยู่ในความมืด เต็มไปด้วยความหงุดหงิดงุ่นง่านใจ เจ็บไข้ได้ป่วย และโกรธแค้น
ให้มีความสุขกับการทำงาน
18 เราเห็นว่าสิ่งนี้ดีและเหมาะสม คือในช่วงชีวิตสั้นๆที่พระเจ้าประทานให้นี้ ให้แต่ละคนกินและดื่ม และมีความสุขกับงานหนักทั้งหมดที่ทำภายใต้ดวงอาทิตย์ เพราะสิ่งเหล่านั้นแหละเป็นรางวัลที่เขาได้รับ
19 นอกจากนี้ เมื่อไหร่ก็ตามที่พระเจ้าทำให้คนหนึ่งคนใดร่ำรวย ให้เขามีความสุขกับทรัพย์สมบัติและได้รับส่วนแบ่งของเขา และมีความสุขกับงานหนักที่ทำ ทั้งหมดนี้ถือว่าเป็นของขวัญจากพระเจ้า
20 เขาไม่ควรจะไปคิดมากเกี่ยวกับเรื่องในอดีตหรือเรื่องในอนาคต เพราะพระเจ้าทำให้เขาสาละวนอยู่กับสิ่งที่ทำให้เขามีความสุข
ความร่ำรวยไม่ได้นำความสุขมาให้
6 มีเรื่องเลวร้ายอีกเรื่องหนึ่งที่เราได้เห็นภายใต้ดวงอาทิตย์นี้ และมันก็หนักหนาสาหัสสำหรับมนุษย์ 2 คือมีคนซึ่งพระเจ้ามอบความร่ำรวย ทรัพย์สมบัติ และชื่อเสียงเกียรติยศให้ จนเขาไม่ขาดอะไรเลยที่อยากได้ แต่พระเจ้าไม่ได้ให้เขาเสพสุขจากสิ่งเหล่านั้น แต่ให้คนอื่นมาเสพสุขแทน นี่ก็เป็นสิ่งที่ไม่เที่ยง และเลวร้ายทำให้หดหู่ยิ่งนัก
3 ถ้าชายคนหนึ่งมีลูกสักร้อยคน และมีอายุยืนยาว แต่เขากลับบ่นเกี่ยวกับชีวิตที่เหลืออยู่ของเขา และบ่นว่าไม่ได้รับความสุขจากสิ่งดีๆที่มี และบ่นว่าไม่มีที่ฝังศพ เราขอบอกว่าเด็กที่ตายในท้องก็ยังดีกว่าเขาเสียอีก 4 เพราะการเกิดมาของเด็กคนนั้นก็ไม่เที่ยง และเขาก็เข้าสู่ความมืด และชื่อของเขาก็ถูกความมืดปกคลุมไป
5 ถึงแม้เด็กน้อยนั้นจะยังไม่ทันได้เห็นดวงอาทิตย์ และยังไม่รู้เรื่องอะไรเลย เด็กนั้นก็ยังมีความสงบสุขมากกว่าชายชราคนนี้เสียอีก
6 ถึงแม้ว่าชายคนนี้จะมีอายุยืนหนึ่งพันปีถึงสองครั้ง แต่ไม่พบความสุข แล้วจะมีประโยชน์อะไร เพราะสุดท้ายแล้วทุกคนก็ต้องไปอยู่ในจุดเดียวกันไม่ใช่หรือ
7 คนเราทำงานหนักก็เพื่อปากท้อง แต่ก็ไม่เคยเติมเต็มความอยากของตัวเองอยู่ดี
8 ถ้าอย่างนั้นคนฉลาดได้เปรียบคนโง่ตรงไหนหรือ
แล้วจะมีประโยชน์อะไรที่คนจนเรียนรู้เพื่อที่จะจัดการกับชีวิต
9 ความพอใจกับสิ่งที่ตาได้เห็น ก็ยังดีกว่าความอยากที่ไม่รู้จบ นี่ก็เป็นสิ่งไม่เที่ยงเหมือนกัน เหมือนไล่ตามลม
10 ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นมาล้วนถูกกำหนดไว้แล้วทั้งสิ้น พระเจ้ารู้จักเส้นทางซึ่งพระองค์ได้กำหนดไว้ให้กับมนุษย์นั้น และพวกเขาก็ไม่สามารถที่จะโต้เถียงกับพระเจ้าผู้ซึ่งมีกำลังกว่าได้
11 อันที่จริงแล้ว ยิ่งโต้เถียงมากเท่าไร ก็ยิ่งไร้สาระเท่านั้น มนุษย์ได้ประโยชน์อะไรจากการโต้เถียงนี้บ้าง
12 ใครจะไปรู้ว่า สิ่งไหนจะดีสำหรับมนุษย์ในช่วงเวลาแสนสั้นที่เขามีชีวิตอยู่ คือชีวิตอันไร้สาระ ที่ผ่านไปเหมือนเงา เพราะใครจะบอกได้บ้างว่าในอนาคตจะเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตของเขาภายใต้ดวงอาทิตย์นี้
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International