Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

Chronological

Read the Bible in the chronological order in which its stories and events occurred.
Duration: 365 days
Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)
Version
1 พงศ์กษัตริย์ 1-2

อาโดนียาห์พยายามตั้งตัวเป็นกษัตริย์

เมื่อกษัตริย์ดาวิดแก่ตัวมากแล้ว แม้จะห่มผ้าให้หลายผืนก็ยังไม่หายหนาว พวกคนรับใช้ของท่านจึงพูดกับท่านว่า “ให้พวกข้าพเจ้าไปหาหญิงสาวบริสุทธิ์สักคนมาอยู่ดูแลท่านผู้เป็นกษัตริย์เถิด นางจะได้นอนอยู่ข้างๆท่านเพื่อคอยทำให้ท่าน กษัตริย์ผู้เป็นเจ้านายของข้าพเจ้าอบอุ่น” แล้วพวกเขาก็ไปเสาะหาหญิงงามจากทั่วทั้งอิสราเอล และได้พบนางอาบีชาก ชาวชูเนม พวกเขาพานางมาเฝ้ากษัตริย์ หญิงสาวคนนั้นสวยงามมาก นางดูแลกษัตริย์และอยู่กับเขาตลอดเวลา แต่กษัตริย์ไม่เคยมีเพศสัมพันธ์กับนาง

ในเวลานั้นอาโดนียาห์ลูกของนางฮักกีทยกตัวเองขึ้นและพูดว่า “เราจะเป็นกษัตริย์” เขาก็เลยเตรียมรถรบไว้หลายคันและม้า[a] อีกหลายตัว พร้อมกับชายห้าสิบคน เอาไว้วิ่งนำหน้าเขา (ดาวิดพ่อของเขาไม่เคยต่อว่าเขา หรือแม้แต่จะถามว่า “ทำไมลูกถึงทำเรื่องอย่างนี้” อาโดนียาห์เป็นผู้ชายที่รูปหล่อมากและเกิดถัดจากอับซาโลม)

อาโดนียาห์ได้ปรึกษาหารือกับโยอาบลูกชายนางเศรุยาห์และนักบวชอาบียาธาร์ และพวกนั้นก็ให้การสนับสนุนเขา แต่นักบวชศาโดก รวมทั้งเบไนยาห์ลูกชายเยโฮยาดา นาธันผู้พูดแทนพระเจ้า ชิเมอี เรอี และพวกองครักษ์ของดาวิด[b] ไม่ยอมเข้าร่วมกับอาโดนียาห์

วันหนึ่ง อาโดนียาห์ถวาย แกะ วัวและลูกวัวอ้วนหลายตัวที่ศิลาโศเฮเลทใกล้เอนโรเกล[c] เขาเชิญพวกน้องชายของเขา คือพวกลูกชายคนอื่นๆของกษัตริย์ดาวิด และเชิญข้าราชการชั้นสูงทุกคนจากเผ่ายูดาห์มาด้วย 10 แต่เขาไม่ได้เชิญนาธันผู้พูดแทนพระเจ้า หรือเบไนยาห์หรือทหารองครักษ์หรือซาโลมอนน้องชายของเขา

11 นาธันถามนางบัทเชบา แม่ของซาโลมอนว่า “ท่านได้ข่าวแล้วหรือยังว่า อาโดนียาห์ลูกชายนางฮักกีท ตั้งตัวขึ้นเป็นกษัตริย์แล้ว โดยที่ดาวิดเจ้านายของพวกเราไม่รู้เรื่องด้วยเลย 12 ตอนนี้ เพื่อรักษาชีวิตของท่านและซาโลมอนลูกชายท่าน ข้าพเจ้าขอแนะนำให้ท่านทำอย่างนี้ คือ 13 ให้ท่านไปหากษัตริย์เดี๋ยวนี้เลย และพูดกับกษัตริย์ว่า ‘กษัตริย์เจ้านายของข้าพเจ้า ท่านเคยสาบานกับข้าพเจ้าผู้รับใช้ท่านไว้ไม่ใช่หรือ ที่ว่า “ซาโลมอนลูกชายของเจ้า จะได้ขึ้นเป็นกษัตริย์ต่อจากเราอย่างแน่นอน และเขาจะได้นั่งบนบัลลังก์ของเรา” แล้วทำไมอาโดนียาห์จึงได้ขึ้นเป็นกษัตริย์เล่า’ 14 ในระหว่างที่ท่านกำลังคุยอยู่กับกษัตริย์นั้น ข้าพเจ้าจะเข้าไปหาและยืนยันถึงสิ่งที่ท่านได้พูดไป”

15 แล้วนางบัทเชบาจึงไปเข้าเฝ้ากษัตริย์ดาวิด ที่แก่มากแล้ว ในห้องนอนของพระองค์ ที่มีนางอาบีชากชาวชูเนมคอยดูแลรับใช้อยู่ 16 นางบัทเชบาก้มกราบลงต่อหน้ากษัตริย์ กษัตริย์จึงถามว่า “ท่านต้องการอะไรหรือ”

17 นางพูดกับกษัตริย์ว่า “เจ้านายของข้าพเจ้า ตัวท่านเองเคยสาบานไว้กับข้าพเจ้าผู้รับใช้ของท่าน ต่อหน้าพระยาห์เวห์ พระเจ้าของท่านว่า

‘ซาโลมอนลูกชายของเจ้าจะได้ขึ้นเป็นกษัตริย์สืบต่อจากเราและเขาจะได้นั่งบนบัลลังก์ของเรา’ 18 แต่อยู่ๆอาโดนียาห์ก็ได้ขึ้นเป็นกษัตริย์ และตัวท่านเอง กษัตริย์เจ้านายของข้าพเจ้าก็ไม่รู้เรื่อง 19 อาโดนียาห์ได้ถวาย พวกวัว ลูกวัวตัวอ้วนพีและแกะเป็นจำนวนมาก และยังได้เชิญลูกชายทั้งหมดของท่าน รวมทั้งนักบวชอาบียาธาร์และแม่ทัพโยอาบไปด้วย แต่เขาไม่ได้เชิญซาโลมอนผู้รับใช้ท่านไป 20 กษัตริย์เจ้านายของข้าพเจ้า สายตาทั้งหลายของอิสราเอลกำลังจับจ้องอยู่ที่ท่าน เพื่อจะดูว่าท่านจะให้ใครขึ้นนั่งบนบัลลังก์ต่อจากท่านกษัตริย์เจ้านายของข้าพเจ้า 21 ถ้าท่านไม่ทำอะไรลงไป ทันทีที่ท่าน กษัตริย์เจ้านายของข้าพเจ้า ตายอย่างสงบ และไปอยู่กับบรรพบุรุษของท่านแล้ว อาโดนียาห์คงจะทำกับข้าพเจ้าและซาโลมอนลูกชายของข้าพเจ้าอย่างกับว่าพวกเราเป็นคนร้าย”

22 ขณะที่นางกำลังพูดกับกษัตริย์อยู่นั้น นาธันผู้พูดแทนพระเจ้าก็เข้ามา 23 พวกผู้รับใช้ได้บอกกับกษัตริย์ว่า “นาธันผู้พูดแทนพระเจ้าอยู่ที่นี่” นาธันจึงไปอยู่ต่อหน้ากษัตริย์และก้มหน้ากราบลงถึงพื้น 24 นาธันพูดว่า “กษัตริย์นายของข้าพเจ้า ท่านได้ประกาศหรือว่า ‘อาโดนียาห์จะได้เป็นกษัตริย์ต่อจากเรา และจะนั่งบนบัลลังก์ของเรา’ 25 วันนี้ เขาได้ลงไปถวายพวกวัว ลูกวัวอ้วนพีและแกะเป็นจำนวนมากเป็นเครื่องบูชาเฉลิมฉลอง เขาได้เชิญพวกลูกชายทั้งหมดของท่าน พวกแม่ทัพและนักบวชอาบียาธาร์ไปด้วย ขณะนี้ พวกเขากำลังเลี้ยงฉลองอยู่กับอาโดนียาห์ และพูดว่า ‘กษัตริย์อาโดนียาห์จงเจริญ’ 26 แต่เขาไม่ได้เชิญข้าพเจ้าผู้รับใช้ท่านและนักบวชศาโดกและเบไนยาห์ลูกชายเยโฮยาดา รวมทั้งซาโลมอนผู้รับใช้ของท่านไปด้วย 27 กษัตริย์เจ้านายของข้าพเจ้า นี่คือสิ่งที่ท่านได้ทำลงไป โดยไม่ยอมบอกให้พวกผู้รับใช้ของท่านได้รับรู้หรือ ช่วยบอกด้วยว่าใครจะได้นั่งบนบัลลังก์ต่อจากท่าน กษัตริย์เจ้านายของข้าพเจ้า”

28 กษัตริย์ดาวิดตอบว่า “เรียกตัวนางบัทเชบาเข้ามา” นางบัทเชบาจึงเข้ามายืนอยู่ต่อหน้ากษัตริย์

29 แล้วกษัตริย์ได้สาบานว่า “พระยาห์เวห์ ผู้ที่ได้ช่วยเหลือเราให้พ้นจากความยากลำบากทุกอย่าง มีชีวิตอยู่แน่ขนาดไหน 30 ก็ให้แน่ใจขนาดนั้นเลยว่า ในวันนี้ เราจะทำตามสิ่งที่เราได้สาบานไว้กับเจ้าต่อหน้าพระยาห์เวห์ พระเจ้าของอิสราเอล ที่ว่า ‘ซาโลมอนลูกชายเจ้าจะได้ขึ้นเป็นกษัตริย์สืบต่อจากเรา และเขาจะได้นั่งบนบัลลังก์ของเราแทนที่เรา’”

31 นางบัทเชบาจึงก้มกราบลงถึงพื้นต่อหน้ากษัตริย์ และพูดว่า “ขอให้กษัตริย์ดาวิดเจ้านายของข้าพเจ้ามีชีวิตยืนยาวตลอดไป”

ดาวิดตั้งซาโลมอนเป็นกษัตริย์

32 กษัตริย์ดาวิดพูดว่า “ให้เรียกนักบวชศาโดก นาธันผู้พูดแทนพระเจ้า และเบไนยาห์ลูกชายเยโฮยาดาเข้ามาที่นี่” เมื่อพวกเขามาอยู่ต่อหน้ากษัตริย์แล้ว 33 กษัตริย์จึงพูดกับพวกเขาว่า “เอาพวกคนรับใช้ของเราผู้เป็นเจ้านายพวกเจ้า ไปกับพวกเจ้า และนำตัวซาโลมอนลูกชายของเราขึ้นขี่ล่อของเราและพาเขาลงไปที่ตาน้ำกิโฮน[d] 34 ให้นักบวชศาโดกและนาธันผู้พูดแทนพระเจ้าแต่งตั้งเขาขึ้นเป็นกษัตริย์เหนืออิสราเอลที่นั่น ให้พวกเจ้าเป่าแตรเขาสัตว์ และโห่ร้องว่า ‘กษัตริย์ซาโลมอนจงเจริญ’ 35 แล้วให้พวกเจ้าตามเขาขึ้นมา และเขาจะขึ้นนั่งบนบัลลังก์ของเราและปกครองแทนเรา เราได้แต่งตั้งเขาให้เป็นผู้ครอบครองเหนืออิสราเอลและยูดาห์แล้ว”

36 เบไนยาห์ลูกชายเยโฮยาดาตอบกษัตริย์ว่า “อาเมน ขอให้พระยาห์เวห์ ผู้เป็นพระเจ้าของกษัตริย์เจ้านายข้าพเจ้า สั่งให้เป็นอย่างนั้นเถิด 37 กษัตริย์เจ้านายของข้าพเจ้า พระยาห์เวห์เคยอยู่กับท่านมาแล้วยังไง ก็ขอให้พระองค์อยู่กับซาโลมอนอย่างนั้นด้วย และทำให้บัลลังก์ของเขายิ่งใหญ่กว่าบัลลังก์ของท่านกษัตริย์ดาวิดเจ้านายของข้าพเจ้าด้วยเถิด”

38 ดังนั้น นักบวชศาโดก นาธันผู้พูดแทนพระเจ้า เบไนยาห์ลูกชายเยโฮยาดา รวมทั้งชาวเคเรธีและชาวเปเลท ต่างก็ลงไปพาซาโลมอนขึ้นขี่ล่อของกษัตริย์ดาวิดและออกเดินทางไปพร้อมๆกับพวกเขาไปที่ตาน้ำกิโฮน 39 นักบวชศาโดกนำเขาสัตว์ที่ใส่น้ำมัน ออกมาจากเต็นท์ศักดิ์สิทธิ์ และเจิมให้กับซาโลมอนเป็นกษัตริย์ แล้วพวกเขาก็เป่าแตรขึ้นและประชาชนทั้งหมดต่างก็ร้องตะโกนว่า “กษัตริย์ซาโลมอนจงเจริญ” 40 และประชาชนทั้งหมดก็ได้ติดตามเขาขึ้นไป พวกเขาต่างเป่าขลุ่ย เฉลิมฉลองกันด้วยความชื่นชมยินดีเป็นอย่างมาก จนพื้นดินสั่นสะเทือนไปด้วยเสียงนั้น

41 อาโดนียาห์และแขกทั้งหมดที่อยู่กับเขาก็ได้ยินเสียงนั้นด้วย ในขณะที่งานเลี้ยงของพวกเขากำลังจะเลิก เมื่อโยอาบได้ยินเสียงแตรเขาสัตว์จึงถามว่า “เสียงอึกทึกครึกโครมในเมืองนั้น มันอะไรกัน”

42 ในขณะที่เขากำลังพูดอยู่ โยนาธานลูกชายนักบวชอาบียาธาร์ก็มาถึง อาโดนียาห์พูดว่า “เข้ามาเถิด คนสำคัญอย่างท่านจะต้องนำข่าวดีมาบอกแน่”

43 โยนาธานตอบว่า “ผิดแล้ว ดาวิดกษัตริย์นายของเราได้แต่งตั้งซาโลมอนขึ้นเป็นกษัตริย์แล้ว 44 กษัตริย์ดาวิดได้ส่งนักบวชศาโดก นาธันผู้พูดแทนพระเจ้า เบไนยาห์ลูกชายเยโฮยาดา พร้อมกับชาวเคเรธีและชาวเปเลทไปกับเขาด้วย และพวกเขาได้พาซาโลมอนขึ้นขี่ล่อของกษัตริย์ 45 และนักบวชศาโดกและนาธันผู้พูดแทนพระเจ้าก็ได้เจิมเขาเป็นกษัตริย์ ที่ตาน้ำกิโฮน จากที่นั่น พวกเขาได้เดินขึ้นไปพร้อมกับส่งเสียงโห่ร้องกันอย่างสนุกสนาน และเมืองทั้งเมืองก็ดังกึกก้องไปด้วยเสียงนี้ นั่นคือเสียงอึกทึกที่พวกท่านได้ยิน 46 และเดี๋ยวนี้ ซาโลมอนกำลังนั่งอยู่บนบัลลังก์ของกษัตริย์ 47 และพวกข้าราชการของกษัตริย์ได้มาแสดงความยินดีกับกษัตริย์ดาวิดเจ้านายของเราว่า ‘ขอให้พระเจ้าของท่านทำให้ชื่อเสียงของซาโลมอนโด่งดังยิ่งกว่าชื่อเสียงของท่านและทำให้บัลลังก์ของเขายิ่งใหญ่กว่าของท่านด้วยเถิด’

และกษัตริย์ดาวิดก็ก้มกราบนมัสการอยู่บนเตียงของเขา 48 และพูดว่า ‘ขอสรรเสริญพระยาห์เวห์พระเจ้าของอิสราเอล ผู้ที่ยินยอมให้ตาของข้าพเจ้าได้เห็นผู้สืบทอดบัลลังก์ของข้าพเจ้าในวันนี้’”

49 แล้วแขกทั้งหมดของอาโดนียาห์ต่างลุกขึ้นด้วยความตกใจกลัวและแตกฮือกันไป 50 ส่วนอาโดนียาห์นั้น เพราะกลัวซาโลมอน เขาจึงออกไปและไปจับที่เชิงงอนของแท่นบูชา[e] ไว้ 51 แล้วมีคนมาบอกซาโลมอนว่า “อาโดนียาห์กลัวกษัตริย์ซาโลมอนและกำลังจับเชิงงอนของแท่นบูชาอยู่ เขาพูดว่า ‘ให้กษัตริย์ซาโลมอนสาบานกับข้าพเจ้าในวันนี้ก่อนว่าเขาจะไม่ให้ผู้รับใช้ของเขาต้องถูกฆ่าตายด้วยดาบ’”

52 ซาโลมอนตอบว่า “ถ้าเขาแสดงให้เห็นว่าตัวเขาเป็นคนดีจริง แม้แต่ผมสักเส้นของเขาก็จะไม่ตกลงถึงพื้น แต่ถ้าพบว่าเขาเป็นคนชั่ว เขาก็จะต้องตาย” 53 แล้วกษัตริย์ซาโลมอนก็ส่งคนไปที่นั่น พวกเขาได้นำตัวอาโดนียาห์ลงมาจากแท่นบูชา อาโดนียาห์ก็มาถึงและก้มกราบกษัตริย์ซาโลมอน ซาโลมอนก็พูดว่า “กลับไปบ้านท่านเถิด”

ดาวิดสั่งเสียกับซาโลมอน

เมื่อถึงเวลาที่ดาวิดใกล้จะตาย เขาได้สั่งเสียกับซาโลมอนลูกชายเขาว่า “พ่อกำลังจะไปตามทางที่คนทั้งโลกต้องไปกัน ดังนั้น ให้เข้มแข็งและกล้าหาญไว้เถิด และให้ทำตามสิ่งที่พระยาห์เวห์ พระเจ้าของเจ้าสั่งไว้ ให้เดินตามวิถีทางทั้งหลายของพระองค์ ให้รักษาข้อบังคับทั้งหลายของพระองค์ และพวกคำสั่งของพระองค์ รวมทั้งกฎต่างๆของพระองค์ และข้อตกลงทั้งหลายของพระองค์ ตามที่เขียนไว้ในกฎของโมเสส เพื่อเจ้าจะได้เจริญรุ่งเรืองในทุกสิ่งทุกอย่างที่เจ้าทำและในทุกๆแห่งที่เจ้าไป แล้วพระยาห์เวห์จะได้รักษาคำสัญญาของพระองค์ที่ให้กับพ่อว่า ‘ถ้าพวกลูกหลานของเจ้าให้ความสนใจกับเส้นทางชีวิตของเขา และใช้ชีวิตต่อหน้าเราด้วยความสัตย์ซื่ออย่างสุดจิตสุดใจ กษัตริย์ที่จะมานั่งอยู่บนบัลลังก์ของอิสราเอล ก็จะมาจากครอบครัวของเจ้า’”

ดาวิดพูดอีกว่า “ที่นี้ เจ้าก็รู้อยู่แล้วว่าโยอาบลูกชายนางเศรุยาห์ได้ทำยังไงกับพ่อ เขาได้ฆ่าแม่ทัพสองคนของกองทัพอิสราเอล คืออับเนอร์ลูกชายของเนอร์และอามาสาลูกชายเยเธอร์ เขาทำให้เลือดของสองคนนี้ไหลนองในช่วงเวลาที่สงบสุขราวกับว่าเป็นช่วงสงคราม และเลือดนั้นได้เปื้อนเข็มขัดที่พันรอบเอวของเขาและรองเท้าที่เท้าทั้งสองข้างของเขาด้วย ให้เจ้าใช้สมองของเจ้าคิดดูว่าจะจัดการกับเขายังไง แต่อย่าให้หัวหงอกของเขาลงไปสู่แดนคนตายอย่างสงบสุข

แต่ให้แสดงความเมตตากรุณากับพวกลูกชายของบารซิลลัย แห่งกิเลอาด และอนุญาตให้พวกเขาอยู่ในหมู่คนที่ได้นั่งกินอาหารร่วมโต๊ะกับเจ้า เพราะพวกเขาจงรักภักดีต่อพ่อตอนที่พ่อหลบหนีจากอับซาโลมพี่ชายของเจ้า

และให้จำไว้ว่า ชิเมอีลูกชายของเกรา ชาวเบนยามินจากเมืองบาฮูริมยังอยู่กับเจ้า เขาเคยตะโกนสาปแช่งพ่ออย่างหยาบคายในวันที่พ่อหนีไปเมืองมาหะนาอิม เมื่อเขาลงมาเพื่อพบพ่อที่แม่น้ำจอร์แดน พ่อเคยสาบานไว้กับเขาต่อพระยาห์เวห์ว่า ‘เราจะไม่ฆ่าเจ้าตายด้วยดาบ’ แต่ตอนนี้ อย่าถือว่าเขาเป็นผู้บริสุทธิ์อีกต่อไป เจ้าเป็นคนฉลาด เจ้าคงรู้ว่าต้องทำยังไงกับเขา เจ้าจะต้องนำหัวหงอกของเขาลงไปสู่แดนคนตายพร้อมกับเลือด”

ดาวิดตาย

(1 พศด. 29:26-28)

10 แล้วดาวิดก็ล่วงลับไปอยู่กับพวกบรรพบุรุษของเขาและศพของเขาได้ถูกฝังไว้ในเมืองของดาวิด 11 เขาได้ปกครองอิสราเอลอยู่เป็นเวลาสี่สิบปี คือได้ครอบครองในเฮโบรนอยู่เจ็ดปี และครอบครองในเยรูซาเล็มอยู่สามสิบสามปี

ซาโลมอนกุมอำนาจทั้งหมด

12 แล้วซาโลมอนได้ขึ้นนั่งบนบัลลังก์ของดาวิด ผู้เป็นพ่อของเขา และได้กุมอำนาจทั้งสิ้นในอาณาจักรของเขา

13 ในเวลานั้นอาโดนียาห์ลูกชายของนางฮักกีทได้ไปหานางบัทเชบาแม่ของซาโลมอน นางบัทเชบาถามเขาว่า “นี่เจ้ามาอย่างสันติหรือเปล่า”

เขาตอบว่า “ใช่แล้ว ข้าพเจ้ามาอย่างสันติ” 14 แล้วเขาก็พูดว่า “ข้าพเจ้ามีเรื่องบางอย่างจะพูดกับท่าน”

นางตอบว่า “พูดไปสิ”

15 เขาพูดว่า “อย่างที่ท่านรู้แล้วว่า อาณาจักรนี้เคยเป็นของข้าพเจ้ามาก่อน ตอนนั้นคนอิสราเอลทั้งหมดอยากให้ข้าพเจ้าเป็นกษัตริย์ของพวกเขา แต่แล้วสถานการณ์ได้เปลี่ยนไป และอาณาจักรนี้ก็ตกไปอยู่ในมือน้องชายของข้าพเจ้า เพราะพระยาห์เวห์ได้ยกมันให้กับเขา 16 ตอนนี้ ข้าพเจ้าอยากขอร้องท่านอย่างหนึ่ง ขออย่าได้ปฏิเสธข้าพเจ้าเลย”

นางพูดว่า “พูดไปสิ”

17 เขาจึงพูดว่า “โปรดช่วยขอกับกษัตริย์ซาโลมอนว่าให้ยกนางอาบีชากชาวชูเนมให้เป็นเมียข้าพเจ้าด้วย เขาจะไม่ปฏิเสธท่านหรอก”

18 นางบัทเชบาตอบว่า “ได้สิ เราจะพูดกับกษัตริย์ให้เจ้า”

19 เมื่อนางบัทเชบาไปพบกษัตริย์ซาโลมอน เพื่อจะไปพูดเรื่องของอาโดนียาห์ กษัตริย์ได้ลุกขึ้นเพื่อมาพบนางและก้มทำความเคารพนาง และนั่งลงบนบัลลังก์ของเขา เขามีบัลลังก์อยู่ที่หนึ่งสำหรับให้แม่กษัตริย์นั่ง และนางได้นั่งลงที่ข้างขวาของเขา

20 นางพูดว่า “แม่มีเรื่องเล็กๆอยากขอร้องเจ้าเรื่องหนึ่ง ขออย่าได้ปฏิเสธแม่เลย”

กษัตริย์ตอบว่า “ว่ามาเถิด แม่ ข้าพเจ้าจะไม่ปฏิเสธท่านหรอก”

21 นางจึงพูดว่า “ยกนางอาบีชากชาวชูเนมให้แต่งงานกับอาโดนียาห์พี่ชายของเจ้าเถิด”

22 กษัตริย์ซาโลมอนตอบแม่ของเขาว่า “ทำไมแม่ถึงได้ขอนางอาบีชากชาวชูเนมให้กับอาโดนียาห์เล่า อย่างนี้ก็เท่ากับขอให้ลูกยกอาณาจักรให้กับเขาไปด้วย อย่าลืมว่าเขาเป็นพี่ชายคนโตและนักบวชอาบียาธาร์และโยอาบลูกชายนางเศรุยาห์ก็อยู่ฝ่ายเขาด้วย”

23 แล้วกษัตริย์ซาโลมอนได้สาบานโดยอ้างพระยาห์เวห์ว่า “ถ้าอาโดนียาห์ไม่ได้ชดใช้การขอร้องครั้งนี้ด้วยชีวิตของเขา ก็ขอให้พระเจ้าลงโทษข้าพเจ้าอย่างรุนแรง 24 พระยาห์เวห์ผู้ที่ได้แต่งตั้งข้าพเจ้าให้นั่งอยู่บนบัลลังก์ของดาวิดพ่อของข้าพเจ้า และผู้ที่ได้สร้างราชวงศ์ของข้าพเจ้าขึ้นมาตามที่พระองค์ได้สัญญาไว้ พระองค์มีชีวิตอยู่แน่ขนาดไหน วันนี้อาโดนียาห์จะต้องตายอย่างแน่นอนขนาดนั้น”

25 กษัตริย์ซาโลมอนจึงออกคำสั่งกับเบไนยาห์ลูกชายของเยโฮยาดา และเขาก็ไปฆ่าอาโดนียาห์

26 กษัตริย์พูดกับนักบวชอาบียาธาร์ว่า “กลับไปยังที่นาของเจ้าในอานาโธท เจ้ามันสมควรตาย แต่เราจะไม่ฆ่าเจ้าในตอนนี้เพราะว่าเจ้าเคยเป็นผู้ถือหีบของพระยาห์เวห์ องค์เจ้าชีวิต[f] ต่อหน้าดาวิดผู้เป็นพ่อของเราและเคยลำบากร่วมกับพ่อของเรามาก่อน” 27 ซาโลมอนจึงปลดอาบียาธาร์ออกจากตำแหน่งนักบวชของพระยาห์เวห์ ซึ่งเป็นไปตามคำพูดของพระยาห์เวห์ที่เคยพูดไว้เกี่ยวกับครอบครัวเอลีที่ชิโลห์

28 เมื่อข่าวรู้มาถึงหูโยอาบซึ่งเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดกับอาโดนียาห์ แม้ว่าเขาจะไม่ได้ร่วมมือกับอับซาโลม เขาก็ได้หลบหนีเข้าไปที่เต็นท์ของพระยาห์เวห์ และไปจับที่เชิงงอนของแท่นบูชาไว้[g] 29 เมื่อมีคนไปบอกกษัตริย์ซาโลมอนว่า โยอาบหลบหนีไปที่เต็นท์ของพระยาห์เวห์ และไปอยู่ที่ด้านข้างของแท่นบูชา ซาโลมอนจึงสั่งเบไนยาห์ลูกชายเยโฮยาดาว่า “ไปฆ่าเขาซะ”

30 เบไนยาห์จึงเข้าไปในเต็นท์ของพระยาห์เวห์ และพูดกับโยอาบว่า “กษัตริย์สั่งว่า ‘ออกมาเดี๋ยวนี้’”

แต่เขาตอบว่า “ไม่ เราจะตายอยู่ที่นี่”

เบไนยาห์จึงไปรายงานกับกษัตริย์ถึงสิ่งที่โยอาบตอบ 31 แล้วกษัตริย์ก็ได้สั่งเบไนยาห์ว่า “ไปทำตามที่เขาพูดได้เลย ให้ฆ่าเขาและฝังเขาเสีย เพื่อว่าครอบครัวของเราและตัวเราจะได้ไม่ต้องรับผิดด้วยกันกับโยอาบที่ไปฆ่าคนบริสุทธิ์ 32 พระยาห์เวห์จะทำให้การนองเลือดที่เขาได้ทำนั้นกลับมาตกลงบนหัวของเขาเอง เพราะเขาได้ทำร้ายคนสองคนที่ชอบธรรมและดีกว่าเขาด้วยดาบ โดยที่ดาวิดผู้เป็นพ่อของเราไม่รู้ คืออับเนอร์ลูกชายของเนอร์ซึ่งเป็นแม่ทัพของอิสราเอล และอามาสาลูกชายของเยเธอร์ผู้เป็นแม่ทัพของยูดาห์ 33 ขอให้ความผิดแห่งเลือดของพวกเขานี้ ตกอยู่บนหัวของโยอาบและลูกหลานของโยอาบตลอดไป แต่ขอให้ดาวิดและลูกหลานของเขา ครอบครัวและบัลลังก์ของเขา ได้รับสันติสุขจากพระยาห์เวห์ตลอดไป”

34 เบไนยาห์ลูกชายของเยโฮยาดาจึงขึ้นไปฆ่าโยอาบและฝังศพเขาไว้ในที่ดินของโยอาบเองในถิ่นแห้งแล้ง 35 กษัตริย์ซาโลมอนได้แต่งตั้งให้เบไนยาห์ลูกชายเยโฮยาดาขึ้นเป็นแม่ทัพแทนโยอาบและแต่งตั้งนักบวชศาโดกขึ้นแทนอาบียาธาร์ 36 แล้วกษัตริย์ก็ได้ส่งคนไปหาชิเมอีและบอกกับเขาว่า “ให้สร้างบ้านของตัวเจ้าเองขึ้นในเมืองเยรูซาเล็มและอาศัยอยู่ที่นั่น ห้ามออกไปที่อื่นอีก 37 วันใดที่เจ้าออกมาและข้ามลำธารแห้งขิดโรนไป เจ้าจะต้องตายอย่างแน่นอน เจ้าจะต้องรับผิดชอบต่อการตายของเจ้าเอง[h]

38 ชิเมอีตอบกษัตริย์ไปว่า “สิ่งที่ท่านพูดมานั้นก็ยุติธรรม ข้าพเจ้าผู้รับใช้ท่านจะทำตามที่กษัตริย์เจ้านายของข้าพเจ้าได้พูดไว้” และชิเมอีก็ได้อยู่ในเมืองเยรูซาเล็มเป็นเวลานาน 39 แต่อีกสามปีต่อมา ทาสสองคนของชิเมอีหลบหนีไปหากษัตริย์อาคีชแห่งเมืองกัทลูกชายของมาอาคาห์ และมีคนมาบอกชิเมอีว่า “ตอนนี้ ทาสทั้งสองคนของท่านอยู่ในเมืองกัท” 40 อย่างนั้น ชิเมอีจึงผูกอานบนลาของเขาและไปหากษัตริย์อาคีชที่เมืองกัท เพื่อตามหาทาสสองคนของเขา ชิเมอีก็ได้ออกไปและนำตัวทาสทั้งสองคนของเขากลับมาจากเมืองกัท

41 เมื่อซาโลมอนรู้เรื่องว่าชิเมอีได้ออกไปจากเยรูซาเล็มไปเมืองกัทและได้กลับมาแล้ว 42 กษัตริย์จึงเรียกตัวชิเมอีมาและพูดกับเขาว่า “เราเคยให้เจ้าสาบานไว้กับพระยาห์เวห์ และเตือนเจ้ามาก่อนแล้วไม่ใช่หรือว่า ‘ในวันที่เจ้าจากไปและไปที่ไหนก็ตาม ให้แน่ใจได้เลยว่ามันจะเป็นวันตายของเจ้า’ และในเวลานั้น เจ้าก็พูดกับเราว่า ‘สิ่งที่ท่านพูดนั้นยุติธรรม ข้าพเจ้าจะเชื่อฟังท่าน’ 43 แล้วทำไมเจ้าจึงไม่รักษาคำสาบานที่ให้ไว้กับพระยาห์เวห์ และไม่เชื่อฟังคำสั่งที่เราได้ให้เจ้าไว้เล่า” 44 กษัตริย์พูดกับชิเมอีด้วยว่า “เจ้าก็รู้อยู่เต็มอก ในเรื่องความผิดที่เจ้าเคยทำไว้กับดาวิดผู้เป็นพ่อของเรา ตอนนี้พระยาห์เวห์จะตอบแทนเจ้าสำหรับความผิดที่เจ้าได้ทำลงไป 45 แต่กษัตริย์ซาโลมอนจะได้รับการอวยพร และบัลลังก์ของดาวิดก็จะยังปลอดภัยอยู่ต่อหน้าพระยาห์เวห์ตลอดไป”

46 แล้วกษัตริย์ก็ออกคำสั่งให้เบไนยาห์ลูกชายเยโฮยาดานำตัวชิเมอีออกไปฆ่า อย่างนี้ อาณาจักรนี้ก็ได้ตั้งมั่นคงอยู่ภายใต้การปกครองของซาโลมอน

สดุดี 37

อย่าอิจฉาคนชั่วแต่ให้วางใจในพระยาห์เวห์

[a] เพลงของดาวิด

อย่าได้โกรธเป็นฟืนเป็นไฟเพราะคนชั่ว
    อย่าได้อิจฉาคนที่ทำสิ่งชั่วร้าย
เพราะพวกนี้จะเหี่ยวเฉาและตายไปในไม่ช้า
    เหมือนหญ้าที่ขึ้นตามท้องทุ่ง

ให้ไว้วางใจในพระยาห์เวห์ และทำดี
    แล้วเจ้าจะอาศัยอยู่ในแผ่นดินของเจ้า และพระองค์จะเลี้ยงดูเจ้าอย่างซื่อสัตย์
ให้มีความสุขกับการรับใช้พระยาห์เวห์
    แล้วพระองค์จะให้สิ่งที่ใจเจ้าต้องการ

ให้มอบทั้งชีวิตของเจ้ากับพระยาห์เวห์
    ไว้วางใจในพระองค์ แล้วพระองค์จะจัดการเรื่องของเจ้าให้
พระองค์จะทำให้ความบริสุทธิ์ของเจ้าเห็นแจ่มแจ้งเหมือนดวงอาทิตย์
    พระองค์จะทำให้ความถูกต้องของคดีเจ้าเห็นแจ่มแจ้งเหมือนกลางวัน

ให้อดทนและรอคอยพระยาห์เวห์ลงมือ
    ไม่ต้องโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ
    เมื่อคนชั่วประสบความสำเร็จตามแผนชั่วของเขา

ไม่ต้องโมโห ไม่ต้องโกรธ
    ไม่ต้องโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ซึ่งมีแต่จะสร้างปัญหา
เพราะคนชั่วจะถูกตัดออกไปจากแผ่นดิน
    แต่คนที่รอคอยพระยาห์เวห์จะได้กรรมสิทธิ์ในแผ่นดินที่พระองค์สัญญาไว้กับพวกเขา

10 รออีกไม่นาน คนชั่วก็จะหมดสิ้นไป
    เมื่อเจ้ามองไปในที่ที่เขาเคยอยู่ เจ้าก็จะไม่เห็นเขาอีกแล้ว
11 แต่คนที่มีจิตใจอ่อนโยนจะได้กรรมสิทธิ์ในแผ่นดินที่พระองค์สัญญาไว้กับพวกเขา
    พวกเขาจะได้ชื่นชมยินดีในสันติสุขและความเจริญรุ่งเรืองมหาศาล

12 พวกคนชั่วมักวางแผนร้ายต่อต้านคนดี
    และแยกเขี้ยวใส่พวกเขา
13 แต่องค์เจ้าชีวิตของข้าพเจ้า หัวเราะเยาะใส่คนพวกนั้น
    เพราะพระองค์รู้ดีว่า วันแห่งการตัดสินโทษคนชั่วกำลังจะมาแล้ว

14 พวกคนชั่วชักดาบออก และโก่งคันธนู
    เพื่อยิงใส่คนยากจนและคนขัดสน และฆ่าฟันคนที่ซื่อตรง
15 แต่ดาบนั้นจะแทงหัวใจที่ชั่วร้ายของพวกเขาเอง
    และคันธนูนั้นก็จะหักกระจุย

16 นิดๆหน่อยๆที่คนดีคนหนึ่งมี
    ก็ยังดีกว่าความร่ำรวยของคนชั่วหลายคน
17 เพราะพระยาห์เวห์จะหักแขนของคนชั่ว
    แต่พระองค์จะดูแลคนดี

18 พระยาห์เวห์จะเอาใจใส่คนที่ไร้ที่ติ
    และรางวัลของพวกเขาจะคงอยู่ตลอดกาล
19 ในยามวิกฤติพวกเขาจะไม่ต้องอับอาย
    ในเวลาที่เกิดกันดารอาหาร พวกเขาจะมีกินอย่างเหลือเฟือ

20 แต่คนชั่วจะถูกทำลายล้าง และศัตรูของพระยาห์เวห์จะสูญไป
    เหมือนดอกไม้ในทุ่ง[b] และหายไปเหมือนควัน

21 คนชั่วยืม แต่ไม่คืน
    แต่คนดีนั้นใจกว้างและแจกจ่ายให้กับผู้อื่น
22 คนเหล่านั้นที่พระยาห์เวห์อวยพร จะได้กรรมสิทธิ์ในแผ่นดิน
    ส่วนคนเหล่านั้นที่พระองค์สาปแช่ง จะถูกตัดออกจากแผ่นดิน

23 พระยาห์เวห์จะนำคนที่พระองค์พอใจไปตามทางที่ดีที่สุด
24 ถ้าคนดีสะดุด เขาก็จะไม่ล้มหรอก
    เพราะพระยาห์เวห์จับมือของเขาอยู่

25 ตั้งแต่ข้าพเจ้าเป็นหนุ่มจนแก่
    ข้าพเจ้ายังไม่เคยเห็นคนดีถูกทอดทิ้ง
    ไม่เคยเห็นลูกหลานของเขาต้องไปขอคนอื่นกิน
26 คนดีมักใจกว้างและให้คนอื่นหยิบยืม
    และลูกๆของเขาเป็นพระพร

27 ดังนั้นให้หลีกเลี่ยงสิ่งชั่วร้ายและให้ทำดี
    แล้วเจ้าจะได้อยู่ในแผ่นดินตลอดไป
28 เพราะพระยาห์เวห์รักความยุติธรรม
    พระองค์ไม่ทอดทิ้งคนเหล่านั้นที่จงรักภักดีต่อพระองค์
พระองค์จะคุ้มครองพวกเขาอยู่เสมอ
    แต่ลูกหลานของคนชั่วจะถูกตัดออกไปจากแผ่นดิน
29 คนดีจะได้กรรมสิทธิ์ในแผ่นดิน
    และพวกเขาจะได้อาศัยอยู่บนแผ่นดินนั้นตลอดไป

30 ปากคนดีพูดอย่างเฉลียวฉลาด
    และลิ้นเขาสนับสนุนความยุติธรรม
31 คำสั่งสอนของพระเจ้าของเขาอยู่ในใจเขา
    และเขาจะไม่ลื่นไถลออกจากทางของเขา

32 คนชั่วคอยดักซุ่มคนดี
    เพื่อหาโอกาสที่จะฆ่าเขา
33 แต่พระยาห์เวห์จะไม่ปล่อยให้คนดีตกไปอยู่ในกำมือของคนชั่ว
    พระองค์จะไม่ยอมให้พวกเขาแพ้คดีในศาล

34 ให้รอคอยพระยาห์เวห์และทำตามที่พระองค์บอก
    แล้วพระองค์จะยกเจ้าขึ้น เจ้าจะได้รับกรรมสิทธิ์ในแผ่นดิน
    เจ้าจะได้เห็นคนชั่วถูกตัดออกไป

35 ข้าพเจ้าเคยเห็นคนชั่วที่อำมหิต
    อิทธิพลของเขาแผ่ออกไปเหมือนต้นไม้เขียวสด
36 แต่หลังจากนั้น ข้าพเจ้าก็ผ่านทางนั้นอีก[c]
    เขาหายไปแล้ว ข้าพเจ้ามองหาเท่าไหร่ก็ไม่พบ

37 ให้สังเกตดูคนไร้ที่ติ และคนซื่อตรง
    คนที่รักสันติ จะมีอนาคตที่สดใส
38 แต่ทุกคนที่ฝ่าฝืนกฎของพระเจ้าจะถูกทำลาย
    อนาคตของคนเลวจะถูกตัดออกไปแน่ๆ

39 ความรอดของคนดีมาจากพระยาห์เวห์
    ในยามทุกข์ยาก พระองค์เป็นป้อมปราการของพวกเขา
40 พระยาห์เวห์ช่วยพวกเขาและช่วยกู้พวกเขา
    พระองค์ช่วยกู้พวกเขาให้รอดพ้นจากคนชั่ว
    เพราะพวกเขาลี้ภัยในพระองค์

สดุดี 71

คนแก่อธิษฐานขอความช่วยเหลือ

ข้าแต่พระยาห์เวห์
    ข้าพเจ้าลี้ภัยในพระองค์ อย่าให้ข้าพเจ้าต้องเสียหน้าเลย
ขอช่วยข้าพเจ้าและกู้ข้าพเจ้าด้วยเถิด เพราะพระองค์ทำในสิ่งที่ถูกต้อง
    โปรดเอียงหูฟังคำร้องขอให้ช่วยของข้าพเจ้า และช่วยข้าพเจ้าให้รอดด้วยเถิด
ขอให้พระองค์เป็นหินกำบัง และที่ลี้ภัยของข้าพเจ้า
    เป็นป้อมปราการที่ช่วยข้าพเจ้าให้รอด[a]
    เพราะพระองค์คือหินผาและป้อมปราการของข้าพเจ้า

พระเจ้าของข้าพเจ้า ช่วยข้าพเจ้าให้รอดพ้นจากมือคนชั่ว
    และพ้นจากเงื้อมมือของคนเลวและคนโหดเหี้ยม
ข้าแต่องค์เจ้าชีวิต พระองค์เป็นความหวังของข้าพเจ้า
    ข้าแต่พระยาห์เวห์ ข้าพเจ้าไว้วางใจในพระองค์ตั้งแต่ข้าพเจ้าเป็นเด็ก
ข้าพเจ้าพึ่งพาพระองค์ตั้งแต่อยู่ในท้องแล้ว
    พระองค์ช่วยดึงข้าพเจ้าออกมาจากท้องแม่
ข้าพเจ้าจะสรรเสริญพระองค์อยู่เสมอ

มีหลายคนเอาข้าพเจ้าเป็นแบบอย่าง
    เพราะพระองค์เป็นที่ลี้ภัยอันมั่นคงของข้าพเจ้า
ปากของข้าพเจ้าเต็มไปด้วยคำสรรเสริญต่อพระองค์
    ปากข้าพเจ้าพูดถึงความสง่างามยิ่งใหญ่ของพระองค์ตลอดทั้งวัน
ตอนนี้ที่ข้าพเจ้าแก่แล้ว ขออย่าได้โยนข้าพเจ้าทิ้งไป
    ขออย่าได้ทอดทิ้งข้าพเจ้าเมื่อข้าพเจ้าหมดเรี่ยวแรง
10 พวกศัตรูของข้าพเจ้า
    จ้องเอาชีวิตข้าพเจ้า ต่างปรึกษาวางแผนกันทำร้ายข้าพเจ้า
11 พวกเขาพากันพูดว่า “พระเจ้าทอดทิ้งมันแล้ว
    ดังนั้นให้พวกเราไล่ล่าและตะครุบมันไว้เพราะไม่มีใครช่วยมันหรอก”

12 ข้าแต่พระเจ้า อย่าได้อยู่ห่างไกลจากข้าพเจ้า
    พระเจ้าของข้าพเจ้า รีบมาช่วยข้าพเจ้าด้วยเถิด
13 ขอให้คนเหล่านั้นที่กล่าวหาข้าพเจ้าได้รับความอับอายขายหน้าและพบกับจุดจบ
    ขอให้ผู้ที่จ้องจะทำร้ายข้าพเจ้าต้องทนทุกข์กับความอับอายและเสื่อมเกียรติ
14 แต่ข้าพเจ้ายังจะหวังในพระองค์ต่อไป
    และจะสรรเสริญพระองค์มากยิ่งขึ้น
15 ปากของข้าพเจ้าจะเล่าถึงความยุติธรรมอันถูกต้องของพระองค์
    ข้าพเจ้าจะเล่าทั้งวันถึงกิจกรรมการช่วยกู้ของพระองค์
    ถึงแม้ว่ามันจะมีมากกว่าที่ข้าพเจ้ารู้ก็ตาม
16 พระยาห์เวห์เจ้าข้า ข้าพเจ้าจะมาพูดถึงเรื่องการกระทำอันทรงฤทธิ์ของพระองค์
    ข้าพเจ้าจะสรรเสริญพระองค์สำหรับความยุติธรรมอันถูกต้องของพระองค์
    จะสรรเสริญแต่พระองค์เพียงผู้เดียว

17 ข้าแต่พระเจ้า พระองค์ได้ฝึกสอนข้าพเจ้าตั้งแต่ข้าพเจ้าเป็นเด็ก
    แล้วจนถึงวันนี้ข้าพเจ้ายังคงบอกคนอื่นเกี่ยวกับการกระทำที่น่าทึ่งของพระองค์
18 ข้าแต่พระเจ้า โปรดอย่าทอดทิ้งคนแก่คนนี้ที่ผมหงอกแล้ว
    โปรดให้ข้าพเจ้าได้มีโอกาสประกาศเรื่องพลังอำนาจของพระองค์กับคนรุ่นต่อไปด้วยเถิด
    และได้เล่าถึงฤทธิ์เดชของพระองค์กับทุกคนที่มาภายหลัง
19 ข้าแต่พระเจ้า ความยุติธรรมอันถูกต้องของพระองค์ขึ้นไปถึงฟ้าสวรรค์เบื้องบน
    ข้าแต่พระเจ้า พระองค์ทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ มีใครเล่าเป็นเหมือนพระองค์
20 พระองค์ทำให้ข้าพเจ้าเจอกับความทุกข์ยากและความเดือดร้อนหลายครั้ง
    โปรดให้ชีวิตใหม่กับข้าพเจ้าอีกที โปรดดึงข้าพเจ้าขึ้นมาจากที่เหวลึกของโลกอีกครั้ง
21 โปรดให้ข้าพเจ้ามีเกียรติมากกว่าเดิม
    โปรดหันกลับมาช่วยปลอบโยนข้าพเจ้าอีกครั้ง

22 พระเจ้าของข้าพเจ้า แล้วข้าพเจ้าจะเล่นพิณสิบสายและ สรรเสริญความซื่อสัตย์ของพระองค์ที่มีต่อเรา
    ข้าแต่องค์ผู้ศักดิ์สิทธิ์แห่งอิสราเอล ข้าพเจ้าจะร้องเพลงสรรเสริญพระองค์ด้วยพิณสี่สาย
23 ริมฝีปากของข้าพเจ้าจะชื่นชมยินดีและร้องเพลงสรรเสริญพระองค์
    เพราะพระองค์ได้ช่วยกู้ข้าพเจ้า
24 ลิ้นของข้าพเจ้าจะเล่าทั้งวันถึงความยุติธรรมอันถูกต้องของพระองค์
    เพราะคนที่จ้องจะทำร้ายข้าพเจ้านั้นต่างได้รับความอับอายและเสื่อมเสียเกียรติ

สดุดี 94

พระยาห์เวห์ผู้พิพากษาของคนทั้งโลก

ข้าแต่พระเจ้าผู้ลงโทษคนผิดบาป ข้าแต่พระยาห์เวห์
    ข้าแต่พระเจ้าผู้ลงโทษคนผิดบาป ขอให้เราได้เห็นสง่าราศีของพระองค์ด้วยเถิด
พระองค์ผู้พิพากษาโลก โปรดลุกขึ้น
    ขอให้ตอบแทนคนหยิ่งยโสอย่างสาสมด้วยเถิด
ข้าแต่พระยาห์เวห์ อีกนานแค่ไหน
    อีกนานแค่ไหนที่พระองค์จะปล่อยให้คนชั่วพวกนั้นเฉลิมฉลองกัน

อีกนานแค่ไหน ที่พระองค์จะปล่อยให้คนชั่วพวกนั้นพูดจาเย่อหยิ่งจองหอง
    และปล่อยให้คนเลวคุยโวโอ้อวดเกี่ยวกับเรื่องชั่วๆที่พวกเขาทำ
ข้าแต่พระยาห์เวห์ คนพวกนี้ขยี้คนของพระองค์
    พวกเขาข่มเหงชนชาตินั้นที่เป็นของพระองค์
พวกเขาฆ่าแม่หม้าย และคนต่างด้าว
    และพวกเขาเข่นฆ่าเด็กกำพร้า
คนชั่วเหล่านั้นพูดว่า “พระยาห์เวห์ไม่เห็นสิ่งที่เรากำลังทำอยู่หรอก
    พระเจ้าแห่งยาโคบไม่รู้หรอกว่าเกิดอะไรขึ้น”

เจ้าพวกสุดยอดโง่ของคนทั้งหลาย ให้ฉลาดเสียทีเถอะ
    เจ้าพวกคนโง่เอ๋ย เมื่อไหร่จะเรียนรู้เสียที
เจ้าคิดว่า พระองค์ผู้สร้างหู จะไม่ได้ยินหรือยังไง
    เจ้าคิดว่าพระองค์ผู้สร้างตา จะมองไม่เห็นหรือยังไง
10 เจ้าคิดว่าพระองค์ผู้ตีสอนชนชาติทั้งหลายจะไม่ลงโทษพวกเจ้าหรือยังไง
    เจ้าคิดว่าผู้สอนมนุษย์ทั้งหลายจะไม่รู้เรื่องอะไรเลยหรือยังไง
11 พระยาห์เวห์รู้จักความคิดของมนุษย์
    และพระองค์รู้ว่ามันไร้สาระ

12 ข้าแต่พระยาห์เวห์ คนที่พระองค์ตีสอนนั้น ถือว่ามีเกียรติจริงๆ
    คือคนที่พระองค์ต่อว่าด้วยกฎของพระองค์
13 พระองค์ให้เขาได้รับการบรรเทาในช่วงที่มีปัญหา
    จนกว่าพระองค์จะขุดหลุมของคนชั่วให้เสร็จ
14 พระยาห์เวห์จะไม่ทอดทิ้งคนของพระองค์
    พระองค์จะไม่ละทิ้งชนชาติของพระองค์
15 แล้วการพิพากษาก็จะกลับมายุติธรรมเหมือนเดิม
    และคนซื่อตรงทุกคนก็จะทำตามมัน

16 ใครเล่าจะยืนขึ้นช่วยข้าพเจ้าต่อต้านคนชั่วเหล่านี้
    ใครเล่าจะยืนหยัดเพื่อข้าพเจ้าในการต่อต้านคนที่ทำชั่วนั้น
17 หากพระยาห์เวห์ไม่มาช่วยข้าพเจ้าในเร็ววัน
    ข้าพเจ้าคงนอนสงบนิ่งอยู่ในหลุมฝังศพเป็นแน่
18 ถึงแม้ว่าข้าพเจ้าจะพูดว่า “เท้าข้าพเจ้ากำลังจะลื่นล้ม”
    ข้าแต่พระยาห์เวห์ ความรักมั่นคงของพระองค์ได้ช่วยพยุงข้าพเจ้าไว้
19 เมื่อข้าพเจ้าเต็มไปด้วยความกังวล
    พระองค์ก็ปลอบโยนข้าพเจ้าและทำให้ข้าพเจ้ามีความสุข
20 ผู้พิพากษาที่ชั่วร้ายจะเป็นฝ่ายเดียวกับพระองค์ได้หรือ
    พวกเขาใช้กฎหมายกดขี่ข่มเหงคนอื่น
21 ผู้พิพากษาชั่วร้ายพวกนี้รวมหัวกันต่อต้านคนดี
    และตัดสินประหารชีวิตคนบริสุทธิ์
22 แต่พระยาห์เวห์มาเป็นป้อมปราการของข้าพเจ้า
    พระเจ้าของข้าพเจ้า เป็นหินหลบภัยของข้าพเจ้าที่ข้าพเจ้าจะวิ่งเข้าไปลี้ภัย
23 พระองค์จะลงโทษผู้พิพากษาชั่วร้ายพวกนั้นสำหรับสิ่งที่เขาก่อขึ้น
    พระองค์จะทำลายพวกเขา สำหรับความชั่วร้ายที่พวกเขาทำ
    พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเราจะทำลายพวกเขา

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)

พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International