Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

Chronological

Read the Bible in the chronological order in which its stories and events occurred.
Duration: 365 days
Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)
Version
2 ซามูเอล 16-18

ศิบาพบดาวิด

16 เมื่อดาวิดผ่านยอดเขาไปได้ระยะหนึ่ง ศิบาคนรับใช้ของเมฟีโบเชทกำลังคอยเขาอยู่ที่นั่น เขามีลาที่ผูกอานไว้แล้วคู่หนึ่ง บรรทุกขนมปังไว้สองร้อยก้อน เค้กองุ่นแห้งหนึ่งร้อยก้อน เค้กผลไม้ฤดูร้อนหนึ่งร้อยก้อนและถุงหนังใส่เหล้าองุ่นอีกหนึ่งถุง กษัตริย์ถามศิบาว่า “เจ้านำของเหล่านี้มาทำไม”

ศิบาตอบว่า “ลาพวกนี้สำหรับครอบครัวของกษัตริย์ขี่ ขนมปังและผลไม้ไว้ให้คนเหล่านี้กินและเหล้าองุ่นสำหรับคนที่เหนื่อยดื่มให้เกิดความสดชื่นในทะเลทราย”

กษัตริย์จึงถามว่า “เมฟีโบเชท หลานของนายเจ้าอยู่ที่ไหน”

ศิบาบอกเขาว่า “เขายังอยู่ในเมืองเยรูซาเล็ม เพราะเขาคิดว่า ‘วันนี้ครอบครัวอิสราเอลจะคืนอาณาจักรของพ่อเราให้กับเรา’”

กษัตริย์จึงพูดกับศิบาว่า “ตอนนี้ทุกอย่างที่เคยเป็นของเมฟีโบเชทก็ตกเป็นของเจ้าแล้ว”

ศิบาพูดว่า “ข้าพเจ้าขอกราบท่าน ขอให้ข้าพเจ้าได้รับความกรุณาในสายตาของท่าน กษัตริย์เจ้านายของข้าพเจ้า”

ชิเมอีสาปแช่งดาวิด

เมื่อกษัตริย์ดาวิดมาถึงเมืองบาฮูริม ชายคนหนึ่งที่มาจากตระกูลเดียวกับครอบครัวซาอูลออกมาจากที่นั่น เขาชื่อชิเมอีลูกชายเกรา เขาเดินไปและสาปแช่งดาวิดไปด้วย

เขาขว้างปาก้อนหินใส่ดาวิดกับเจ้าหน้าที่ของเขา แต่มีกองทหารป้องกันอยู่ทั้งด้านซ้ายและด้านขวาของดาวิด ชิเมอีสาปแช่งดาวิดว่า “ออกไป ออกไป ไอ้ฆาตกร ไอ้คนถ่อย พระยาห์เวห์ได้ตอบแทนเจ้าแล้ว ที่เจ้าทำให้เลือดของครอบครัวซาอูลต้องไหลนองในที่ที่เจ้าได้ปกครอง พระยาห์เวห์มอบอาณาจักรนั้นให้กับอับซาโลมลูกชายเจ้าแล้ว เจ้าถูกทำลายแล้วเพราะเจ้ามันเป็นไอ้ฆาตกร”

อาบีชัยลูกชายนางเศรุยาห์จึงพูดกับกษัตริย์ว่า “ทำไมถึงปล่อยให้เจ้าหมาตายตัวนี้มาสาปแช่งกษัตริย์เจ้านายของข้าพเจ้า ให้ข้าพเจ้าออกไปตัดหัวมันเถิด”

10 แต่กษัตริย์พูดว่า “พวกลูกชายนางเศรุยาห์เอ๋ย มันเรื่องอะไรของพวกเจ้า ใช่แล้วชิเมอีกำลังสาปแช่งเรา แต่อาจจะเป็นเพราะพระยาห์เวห์บอกเขาว่า ‘ไปสาปแช่งดาวิดซะ’ แล้วมีประโยชน์อะไรที่จะไปถามเขาว่า ‘ทำไมเจ้าถึงทำอย่างนี้’”

11 ดาวิดจึงพูดกับอาบีชัยและเจ้าหน้าที่ทั้งหมดของเขาว่า “ขนาดลูกชายของเราที่เป็นเลือดเนื้อของเราเอง ยังพยายามจะเอาชีวิตเราเลย แล้วนับประสาอะไรกับชาวเบนยามินคนนี้ ปล่อยเขาไปเถิด ให้เขาสาปแช่งไป เพราะพระยาห์เวห์บอกให้เขาทำอย่างนั้น 12 ไม่แน่ บางทีพระยาห์เวห์อาจเห็นความทุกข์ของเราและตอบแทนเราด้วยสิ่งดีๆแทนคำสาปแช่งที่เราได้รับในวันนี้ก็ได้”

13 ดังนั้นดาวิดกับคนของเขาจึงเดินทางต่อไปตามถนน ในขณะที่ชิเมอีก็เดินไปตามข้างเนินเขาด้านตรงข้ามเขา ขว้างก้อนหินดินทรายไปและสาปแช่งดาวิดไป

14 กษัตริย์และประชาชนทั้งหมดมาถึงแม่น้ำจอร์แดนด้วยความเหนื่อยล้า และพวกเขาก็ได้พักผ่อนกันที่นั่น

15 ในขณะนั้นอับซาโลมและคนอิสราเอลทั้งหมดมาถึงเยรูซาเล็มและอาหิโธเฟลก็อยู่กับเขาด้วย 16 แล้ว หุชัยชาวอารคี เพื่อนของดาวิดก็ไปหาอับซาโลมและพูดกับเขาว่า “กษัตริย์จงเจริญ กษัตริย์จงเจริญ”

17 อับซาโลมถามหุชัยว่า “เจ้าแสดงความจงรักภักดีต่อดาวิดเพื่อนของเจ้าอย่างนี้หรือ ทำไมเจ้าถึงไม่ไปกับเพื่อนของเจ้า”

18 หุชัยพูดกับอับซาโลมว่า “ไม่ไปหรอก ข้าพเจ้าจะอยู่กับคนที่พระยาห์เวห์เลือก ประชาชนและคนอิสราเอลเหล่านี้เลือกท่าน ข้าพเจ้าก็จะอยู่กับท่านตลอดไป 19 ในอดีต ข้าพเจ้าเคยรับใช้พ่อของท่าน ตอนนี้ ข้าพเจ้าก็สมควรจะรับใช้ท่าน ลูกชายของดาวิด ไม่ใช่หรือ”

อาหิโธเฟลแนะนำอับซาโลม

20 อับซาโลมพูดกับอาหิโธเฟลว่า “ช่วยแนะนำหน่อย ว่าพวกเราควรจะทำอย่างไร”

21 อาหิโธเฟลตอบว่า “ไปนอนกับเมียน้อย[a] ของพ่อท่านที่ยังอยู่ดูแลวังสิ แล้วอิสราเอลทั้งหมดจะได้รู้ว่าท่านทำตัวเป็นศัตรูกับพ่อของท่าน แล้วพวกเขาทุกคนที่อยู่กับท่านจะได้กล้าขึ้นและสนับสนุนท่านอย่างเต็มที่”

22 พวกเขาจึงตั้งเต็นท์ให้อับซาโลมบนดาดฟ้า และอับซาโลมก็นอนกับเมียน้อยของพ่อเขาท่ามกลางสายตาของชาวอิสราเอล 23 ในสมัยนั้นคำแนะนำที่มาจากอาหิโธเฟล ถือกันว่าเป็นเหมือนคำแนะนำที่มาจากพระเจ้า นั่นเป็นเหตุที่ทั้งดาวิดและอับซาโลมให้ความเคารพนับถือในคำแนะนำทั้งหมดของอาหิโธเฟล

อาหิโธเฟลแนะให้ไล่ล่าดาวิด

17 อาหิโธเฟลพูดกับอับซาโลมว่า “ข้าพเจ้าจะ[b] เลือกคนมาหนึ่งหมื่นสองพันคนและยกทัพไปไล่ตามดาวิดในคืนนี้เลย ข้าพเจ้าจะได้โจมตีเขาในขณะที่เขายังเหนื่อยล้าอ่อนเพลีย และทำให้เขาหวาดกลัว แล้วคนของเขาทั้งหมดก็จะวิ่งหนีไป ข้าพเจ้าจะทำร้ายเฉพาะกษัตริย์ และนำประชาชนทั้งหมดกลับมาให้ท่าน เมื่อชายคนที่ท่านหาตัวอยู่นี้ตายไป ประชาชนทุกคนก็จะกลับมาหาท่านเหมือนเจ้าสาวที่กลับมาคืนดีกับสามี”[c]

อับซาโลมและผู้ใหญ่ของอิสราเอลทั้งหมดต่างเห็นดีด้วยกับแผนการนี้ แต่อับซาโลมพูดว่า “เรียกตัวหุชัยชาวอารคีมา เราจะได้ฟังความเห็นของเขาด้วย”

คำแนะนำของหุชัย

เมื่อหุชัยมาพบ อับซาโลมพูดว่า “อาหิโธเฟลให้คำแนะนำไว้อย่างนี้ เราควรทำตามที่เขาพูดหรือไม่ ถ้าไม่ บอกหน่อยสิว่า เจ้ามีความคิดเห็นว่ายังไง”

หุชัยตอบอับซาโลมว่า “ในครั้งนี้ คำแนะนำที่อาหิโธเฟลให้นั้นใช้ไม่ได้ ท่านก็รู้จักพ่อของท่านและคนของเขาดี พวกเขาเป็นนักสู้และดุร้ายพอๆกับแม่หมีในป่าที่ถูกขโมยลูกไป นอกจากนั้น พ่อของท่านมีประสบการณ์ในการสู้รบมามาก เขาจะไม่พักค้างคืนอยู่ในกองทหาร ตอนนี้ เขาคงจะซ่อนตัวอยู่ในถ้ำสักแห่งหรือสถานที่อื่น แล้วถ้าเขาเกิดโจมตีกองทัพของท่านก่อนล่ะก็[d] ใครก็ตามที่ได้ยินเกี่ยวกับมันจะต้องพูดว่า ‘เกิดการฆ่าหมู่กองทหารที่ติดตามอับซาโลม’ 10 เมื่อถึงตอนนั้น แม้แต่ทหารกล้าที่มีจิตใจแข็งแกร่งเหมือนสิงห์ ก็จะอ่อนปวกเปียกด้วยความกลัว เพราะอิสราเอลทั้งหมดต่างรู้ดีว่าพ่อของท่านเป็นนักรบและพวกคนที่อยู่กับเขาต่างก็เป็นคนกล้าหาญ

11 ดังนั้น ข้าพเจ้าขอแนะนำท่านให้รวบรวมอิสราเอลทั้งหมดเข้ามาหาท่าน ตั้งแต่ดานไปจนถึงเบเออร์เชบา ซึ่งมีจำนวนมากเหมือนเม็ดทรายบนชายหาด และให้ท่านไปกับพวกเขา[e] 12 แล้วพวกเราจะเข้าจู่โจมเขาที่ใดก็ตามที่พบตัวเขา และพวกเราจะอยู่ไปทั่วเหมือนน้ำค้างที่ตกไปทั่วพื้นดิน ไม่ว่าตัวเขาหรือทหารของเขาก็จะไม่เหลือรอดสักคนเดียว 13 ถ้าดาวิดหนีเข้าไปในเมือง ชาวอิสราเอลทั้งหมดก็จะเอาเชือกลากกำแพงเมืองนั้นลงในหุบเขาไม่เหลือแม้กระทั่งหินชิ้นเล็กๆให้เห็น”

14 อับซาโลมและผู้ใหญ่อิสราเอลทั้งหมดพูดว่า “คำแนะนำของหุชัยชาวอารคีดีกว่าของอาหิโธเฟล” ที่เป็นอย่างนี้เพราะพระยาห์เวห์จงใจทำให้คำแนะนำดีๆของอาหิโธเฟลพ่ายแพ้ไป เพื่อพระองค์จะได้นำความหายนะมาสู่อับซาโลม

หุชัยส่งคำเตือนถึงดาวิด

15 หุชัยบอกศาโดกและอาบียาธาร์นักบวชทั้งสองว่า “อาหิโธเฟลได้แนะนำอับซาโลมและผู้ใหญ่ของอิสราเอลให้ทำอย่างหนึ่ง แต่เราได้แนะนำพวกเขาให้ทำอีกอย่างหนึ่ง 16 ตอนนี้ให้ส่งข่าวไปบอกกับดาวิดทันทีว่า ‘คืนนี้อย่าหยุดอยู่ที่ท่าข้ามแม่น้ำในทะเลทราย แต่ให้รีบข้ามแม่น้ำไปให้หมด ไม่อย่างนั้น ทั้งตัวกษัตริย์เองและประชาชนทั้งหมดที่อยู่กับเขาจะถูกกลืน’”

17 ขณะนั้นโยนาธานและอาหิมาอัสกำลังคอยอยู่ที่เอนโรเกล แล้วจะมีหญิงรับใช้คนหนึ่งจะไปส่งข่าวให้กับพวกเขา แล้วพวกเขาก็จะไปส่งข่าวต่อให้กับกษัตริย์ดาวิด เพราะพวกเขาไม่อยากเสี่ยงที่จะถูกพบเห็นในขณะเข้าเมือง

18 แต่ชายหนุ่มคนหนึ่งเห็นพวกเขาและไปบอกอับซาโลม ดังนั้นทั้งสองคนจึงรีบจากไป และไปยังบ้านของชายคนหนึ่งที่บาฮูริม เขามีบ่อเก็บน้ำที่ลานบ้าน[f] พวกเขาจึงปีนลงไปในบ่อเก็บน้ำนั้น 19 เมียของชายคนนั้น เอาของมาปิดปากบ่อไว้และเอาเมล็ดข้าวมาตากไว้ข้างบน ไม่มีใครรู้เรื่องนี้ 20 เมื่อคนของอับซาโลมมาถึงบ้านของหญิงคนนั้น พวกเขาถามว่า “อาหิมาอัสกับโยนาธานอยู่ที่ไหน”

หญิงคนนั้นตอบพวกเขาว่า “พวกเขาข้ามลำธารไปแล้ว”[g]

ชายพวกนั้นค้นบ้านหลังนั้นแต่ไม่พบใคร พวกเขาจึงกลับเมืองเยรูซาเล็ม

21 หลังจากชายพวกนั้นไปแล้ว ทั้งสองคนจึงปีนออกมาจากบ่อน้ำและไปบอกข่าวกับกษัตริย์ดาวิด พวกเขาพูดกับดาวิดว่า “รีบออกเดินทางและข้ามแม่น้ำไปทันที อาหิโธเฟลแนะนำอย่างนั้นอย่างนี้เพื่อสู้รบกับท่าน”

22 ดังนั้นดาวิดและประชาชนทั้งหมดที่อยู่กับเขาจึงออกเดินทางและข้ามแม่น้ำจอร์แดน พอรุ่งเช้า ทุกคนก็ข้ามแม่น้ำจอร์แดนไปจนหมด

อาหิโธเฟลฆ่าตัวตาย

23 เมื่ออาหิโธเฟลเห็นว่าไม่มีใครทำตามคำแนะนำของเขา เขาผูกอานลาของเขาและกลับไปที่บ้านเกิดเมืองนอนของเขา เขาได้สั่งเสียจนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เขาก็ไปผูกคอตาย เขาตายและถูกฝังอยู่ในหลุมฝังศพ[h] ของพ่อเขา

อับซาโลมข้ามแม่น้ำจอร์แดน

24 ดาวิดได้ไปถึงเมืองมาหะนาอิม และอับซาโลมได้ข้ามแม่น้ำจอร์แดนพร้อมกับคนอิสราเอลทั้งหมด 25 อับซาโลมแต่งตั้งอามาสาเป็นแม่ทัพแทนโยอาบ[i] อามาสาเป็นลูกชายของเยเธอร์ชาวอิชมาเอล[j] อามาสาได้แต่งงานกับอาบีกัล[k] ลูกสาวของนางนาหาช นางนาหาชเป็นน้องสาวนางเศรุยาห์แม่ของโยอาบ

26 ชาวอิสราเอลเหล่านั้นกับอับซาโลมตั้งค่ายอยู่ในดินแดนกิเลอาด

โชบี มาคีร์และบารซิลลัย

27 เมื่อดาวิดมาถึงเมืองมาหะนาอิม โชบี มาคีร์และบารซิลลัยอยู่ที่นั่น โชบีเป็นลูกชายนาหาช เขาเป็นชาวอัมโมนมาจากเมืองรับบาห์ มาคีร์เป็นลูกชายอัมมีเอล เขามาจากเมืองโลเดบาร์ บารซิลลัย เป็นชาวกิเลอาดมาจากเมืองโรเกลิม 28-29 ชายทั้งสามคนนี้พูดกันว่า “ประชาชนพวกนี้ หิว เหนื่อยและกระหายจากทะเลทราย” ดังนั้น พวกเขาจึงขนเอาที่นอน อ่างน้ำและหม้อชามรามไหมา พวกเขายังเอาข้าวสาลี ข้าวบาร์เลย์ แป้ง เมล็ดข้าวคั่ว ถั่ว ถั่วแขก น้ำเชื่อมผลไม้ เนย แกะ และเนยแข็งจากนมวัว มาให้ดาวิดและประชาชนของเขากินกัน

อับซาโลมตาย

18 ดาวิดรวบรวมกำลังพลที่อยู่กับเขาและแต่งตั้งนายพันและนายร้อยขึ้น ดาวิดส่งกองทัพออกไปหนึ่งในสามภายใต้การนำของโยอาบ อีกหนึ่งในสามให้อยู่ภายใต้การนำของอาบีชัยน้องชายโยอาบลูกชายนางเศรุยาห์ และอีกหนึ่งในสามที่เหลือให้อยู่ภายใต้การนำของอิททัยชาวกัท

กษัตริย์ดาวิดบอกกองทัพเหล่านั้นว่า “เราจะออกไปรบกับพวกท่านด้วย”

แต่คนเหล่านั้นพูดว่า “ท่านต้องไม่ออกไป ถ้าพวกข้าพเจ้าจะต้องหลบหนี พวกเขาจะไม่สนใจพวกข้าพเจ้า ถึงพวกข้าพเจ้าครึ่งหนึ่งตายไป พวกเขาก็จะไม่สนใจ แต่ท่านมีค่ามากกว่าพวกข้าพเจ้าหมื่นคน[l] ท่านควรอยู่คอยให้การสนับสนุนอยู่ในเมืองจะดีกว่า”

กษัตริย์ตอบว่า “พวกท่านว่ายังไง เราก็จะทำตามนั้น”

ดังนั้น กษัตริย์จึงยืนอยู่ข้างประตูเมือง ขณะที่คนทั้งหมดเดินทัพออกไปเป็นหน่วยกองร้อยและกองพัน

กษัตริย์สั่งโยอาบ อาบีชัยและอิททัยว่า “ให้เบาๆมือกับอับซาโลมหนุ่มคนนั้นด้วยเพื่อเห็นแก่เรา”

และกองทัพทั้งหมดก็ได้ยินสิ่งที่กษัตริย์สั่งกับผู้บังคับบัญชาแต่ละคนเกี่ยวกับอับซาโลม

กองทัพเคลื่อนออกไปเพื่อสู้รบกับอิสราเอล และการสู้รบก็เริ่มขึ้นในป่าเอฟราอิม ที่นั่น กองทัพอิสราเอลก็พ่ายแพ้ต่อกองทัพของดาวิด และมีผู้คนล้มตายในวันนั้นถึงสองหมื่นคน การสู้รบกระจายไปถึงชานเมืองโดยรอบ และป่าได้กินคนไปมากกว่าดาบเสียอีก

ขณะนั้นอับซาโลมได้เจอคนของดาวิดเข้า เขากำลังขี่ล่ออยู่และเมื่อล่อวิ่งลอดใต้กิ่งไม้ที่หนาทึบของต้นโอ๊ค หัวของอับซาโลมก็ไปเกี่ยวเข้ากับกิ่งไม้นั้น เขาห้อยติดอยู่กลางอากาศ[m] ในขณะที่ล่อยังคงวิ่งต่อไป

10 เมื่อคนหนึ่งมาเห็น จึงไปบอกโยอาบว่า “ข้าพเจ้าเห็นอับซาโลมห้อยอยู่บนต้นโอ๊ค”

11 โยอาบพูดกับคนที่มาบอกเรื่องนี้กับเขาว่า “อะไรนะ เจ้าเห็นเขาหรือ ทำไมเจ้าถึงไม่ฆ่าเขาให้ตกลงมาบนพื้นเลยล่ะ เสียดายที่เจ้าไม่ได้ทำอย่างนั้น ไม่งั้นเราคงจะได้ให้เงินเจ้าสิบเชเขล[n] และเข็มขัดนักรบด้วย”

12 แต่ชายคนนั้นตอบว่า “ถึงแม้จะให้ข้าพเจ้าถึงหนึ่งพันเชเขล[o] ข้าพเจ้าก็จะไม่ยกมือขึ้นต่อสู้กับลูกชายของกษัตริย์ ข้าพเจ้าได้ยินกษัตริย์สั่งท่าน อาบีชัยและอิททัยว่า ‘ให้ปกป้องอับซาโลมชายหนุ่มคนนั้นด้วยเพื่อเห็นแก่เรา’[p] 13 ถ้าหากว่าข้าพเจ้าเสี่ยงชีวิตไปฆ่าเขา ข้าพเจ้าเชื่อว่าไม่มีอะไรปิดซ่อนไปจากกษัตริย์ได้หรอก ถึงตอนนั้นตัวท่านเองก็คงจะถอยห่างไปจากข้าพเจ้า”

14 โยอาบพูดว่า “เราไม่น่าเสียเวลากับเจ้าอย่างนี้เลย”

เขาจึงหยิบทวนไปสามเล่มและแทงไปที่หัวใจของอับซาโลมในขณะที่อับซาโลมยังมีชีวิตอยู่บนต้นโอ๊ค 15 และคนสิบคนที่ถืออาวุธให้โยอาบก็เข้าล้อมอับซาโลมและฆ่าเขาจนตาย

16 แล้วโยอาบได้เป่าแตรขึ้น และกองทัพต่างๆก็หยุดการติดตามอิสราเอลเพราะโยอาบหยุดพวกเขาไว้ 17 พวกเขาเอาตัวอับซาโลมโยนลงในหลุมขนาดใหญ่ในป่าและปิดทับไว้ด้วยก้อนหินกองสูงใหญ่ ในขณะนั้น ชาวอิสราเอลทั้งหมดได้หลบหนีกลับบ้านของพวกเขา

18 ในระหว่างที่อับซาโลมยังมีชีวิตอยู่ เขาได้ตั้งเสาหินขึ้นต้นหนึ่งในหุบเขาของกษัตริย์เพื่อเป็นอนุสาวรีย์ของเขาเองเพราะเขาคิดว่า “เราไม่มีลูกชายที่จะสืบทอดชื่อของเราต่อไป” เขาตั้งชื่อเสานั้นตามตัวเขาและมันถูกเรียกว่าอนุสาวรีย์ของอับซาโลมมาจนถึงทุกวันนี้

ดาวิดได้ข่าวว่าอับซาโลมตาย

19 ขณะนั้นอาหิมาอัสลูกชายศาโดกพูดว่า “ขอให้ผมวิ่งนำข่าวไปบอกกษัตริย์ว่าพระยาห์เวห์ได้ช่วยท่านให้พ้นจากมือของพวกศัตรูแล้ว”

20 โยอาบบอกเขาว่า “เจ้าอย่าได้ไปส่งข่าวในวันนี้เลยให้ไปส่งข่าววันอื่นเถิด อย่าให้เป็นวันนี้เลยเพราะลูกชายของกษัตริย์ได้ตายไปแล้ว”

21 โยอาบจึงบอกชาวคูชคนหนึ่งว่า “ให้ไปบอกกษัตริย์ในสิ่งที่เจ้าได้เห็น”

ชาวคูชคนนั้นคำนับลงต่อหน้าโยอาบและวิ่งออกไป

22 อาหิมาอัสลูกชายศาโดกพูดกับโยอาบอีกครั้งว่า “ไม่ว่ายังไงก็ช่าง ปล่อยให้ผมวิ่งตามหลังชาวคูชคนนั้นไปด้วยเถิด”

แต่โยอาบตอบว่า “ลูกเอ๋ย เจ้าจะวิ่งไปทำไมกัน ข่าวนี้จะไม่ทำให้เจ้าได้รับรางวัลหรอก”

23 คนนั้นพูดอีกว่า “ไม่ว่ายังไงก็ช่าง ผมก็จะขอวิ่งไป”

โยอาบจึงพูดกับเขาว่า “อยากวิ่ง ก็วิ่งไปสิ”

อาหิมาอัสจึงวิ่งไปทางที่ราบ[q] และแซงหน้าชาวคูชคนนั้นไป

24 ขณะที่ดาวิดกำลังนั่งอยู่ระหว่างประตูเมืองสองชั้นคือชั้นนอกกับชั้นใน คนเฝ้ายามขึ้นไปบนดาดฟ้ากำแพงที่อยู่เหนือประตู ขณะที่เขามองออกไป เขาเห็นชายคนหนึ่งกำลังวิ่งมา 25 คนเฝ้ายามก็ร้องบอกกษัตริย์

กษัตริย์พูดว่า “ถ้าเขามาคนเดียว เขาต้องมีข่าวดี”

และชายคนนั้นก็ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ 26 แล้วคนเฝ้ายามก็เห็นชายอีกคนกำลังวิ่งมา เขาร้องบอกคนเฝ้าประตูว่า “ดูสิ มีชายอีกคนกำลังวิ่งมา”

กษัตริย์พูดว่า “เขาต้องนำข่าวดีมาบอกอีกเหมือนกัน”

27 คนเฝ้ายามพูดว่า “ดูเหมือนว่าคนที่วิ่งมาคนแรกจะเหมือนอาหิมาอัสลูกชายศาโดก”

กษัตริย์พูดว่า “เขาเป็นคนดี เขาจะมาพร้อมกับข่าวดี”

28 แล้วอาหิมาอัสก็ร้องบอกกษัตริย์ว่า “ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี” เขาก้มกราบลงถึงพื้นต่อหน้ากษัตริย์และพูดว่า “สรรเสริญพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านเถิด พระองค์ได้เอาชนะคนที่ยกมือขึ้นต่อต้านกษัตริย์เจ้านายของข้าพเจ้า”

29 กษัตริย์ถามว่า “อับซาโลมหนุ่มคนนั้นปลอดภัยหรือไม่”

อาหิมาอัสตอบว่า “ข้าพเจ้าเห็นความสับสนอลหม่านอย่างมาก ตอนที่โยอาบจะส่งคนรับใช้กษัตริย์และข้าพเจ้ามา แต่ข้าพเจ้าไม่รู้ว่าเป็นเรื่องอะไร”

30 กษัตริย์พูดกับเขาว่า “มายืนข้างๆและคอยอยู่ที่นี่” เขาจึงก้าวไปที่ด้านข้างและยืนอยู่ที่นั่น

31 แล้วชาวคูชผู้นั้นก็มาถึงและพูดว่า “กษัตริย์เจ้านายของข้าพเจ้า ขอฟังข่าวดี พระยาห์เวห์ได้ช่วยท่านแล้วในวันนี้จากคนที่ลุกฮือขึ้นต่อต้านท่าน”

32 กษัตริย์ถามชาวคูชคนนั้นว่า “อับซาโลมชายหนุ่มผู้นั้นปลอดภัยหรือไม่”

ชาวคูชตอบว่า “ขอให้ศัตรูของกษัตริย์เจ้านายของข้าพเจ้าและทุกคนที่ลุกฮือขึ้นจะทำอันตรายท่าน ต้องเป็นเหมือนชายคนนั้น”

33 กษัตริย์ตัวสั่นเทิ้มไปหมด เขาขึ้นไปบนห้องที่อยู่เหนือประตูและร้องไห้ ขณะที่กษัตริย์เดินไป เขาพูดว่า “อับซาโลม ลูกพ่อ อับซาโลมลูกพ่อ พ่ออยากตายแทนลูกเหลือเกิน อับซาโลม ลูกพ่อ ลูกของพ่อ”

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)

พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International