Chronological
ดาวิดรู้ข่าวการตายของซาอูล
1 หลังจากที่ซาอูลตาย ดาวิดเพิ่งจะกลับมาจากการโจมตีชาวอามาเลคและได้มาพักอยู่ที่ศิกลากเป็นเวลาสองวัน 2 ในวันที่สาม ชายคนหนึ่งที่มาจากค่ายของซาอูลได้มาถึงศิกลาก เสื้อผ้าของเขาฉีกขาดและมีฝุ่นอยู่เต็มหัวไปหมด[a] เมื่อเขามาหาดาวิด เขาก้มกราบดาวิดลงกับพื้นทำความเคารพดาวิด
3 ดาวิดถามเขาว่า “เจ้ามาจากที่ไหนหรือ”
เขาตอบว่า “ข้าพเจ้าหนีมาจากค่ายของชาวอิสราเอล”
4 ดาวิดถามต่อว่า “เล่าให้เราฟังซิว่าเกิดอะไรขึ้น”
เขาตอบว่า “มีคนจำนวนมากหนีไปจากสนามรบ และหลายคนล้มตายลง ส่วนซาอูลกับโยนาธานลูกชายของเขาก็ตายด้วย”
5 ดาวิดจึงถามชายหนุ่มที่นำเรื่องนั้นมาเล่าให้ฟังว่า “เจ้ารู้ได้ยังไงว่าซาอูลกับโยนาธานลูกชายของเขาตายแล้ว”
6 ชายหนุ่มจึงตอบว่า “บังเอิญข้าพเจ้าอยู่ที่ภูเขากิลโบอา และเห็นซาอูลกำลังใช้หอกของเขายันตัวเขาไว้ มีรถม้าศึกและทหารม้ามากมายกำลังไล่ตามใกล้จะมาถึงตัวเขา 7 เมื่อเขาหันมาเห็นข้าพเจ้า เขาเรียกข้าพเจ้าและข้าพเจ้าก็ถามว่า ‘ท่านจะให้ข้าพเจ้าช่วยอะไรหรือ’ 8 เขาถามข้าพเจ้าว่า ‘เจ้าเป็นใคร’ ข้าพเจ้าตอบว่า ‘ข้าพเจ้าเป็นชาวอามาเลค’ 9 เขาจึงพูดกับข้าพเจ้าว่า ‘มายืนค่อมเราและฆ่าเราซะ เราเจ็บปวดมากแทบขาดใจตายอยู่แล้ว แต่ก็ไม่ตายสักที’ 10 ดังนั้นข้าพเจ้าจึงไปยืนค่อม เขาและได้ฆ่าเขาเสีย เพราะข้าพเจ้ารู้ว่าล้มลงขนาดนั้นเขาจะไม่รอดแน่ และข้าพเจ้าได้เอามงกุฎที่เขาสวมอยู่บนหัวและกำไลที่แขนของเขามาที่นี่ให้กับท่านเจ้านายของข้าพเจ้า”
11 แล้วดาวิดและคนของเขาทั้งหมดที่อยู่กับเขาก็ฉีกเสื้อผ้าของตนเอง 12 พวกเขาร้องไห้ด้วยความเศร้าโศกและอดอาหารจนกระทั่งถึงเย็นให้กับซาอูล และโยนาธานลูกชายของซาอูล และให้กับกองทัพของพระยาห์เวห์ รวมทั้งครอบครัวของชาวอิสราเอล เพราะพวกเขาต่างก็ล้มตายลงด้วยดาบ
13 ดาวิดถามชายหนุ่มที่นำเรื่องนี้มาเล่าให้เขาฟังว่า “เจ้ามาจากที่ไหน”
เขาตอบว่า “ข้าพเจ้าเป็นลูกของชาวต่างชาติ เป็นชาวอามาเลค”
14 ดาวิดถามเขาว่า “ทำไมเจ้าถึงไม่กลัวที่จะยกมือขึ้นทำลายผู้ที่พระยาห์เวห์ได้เจิมไว้”
15 แล้วดาวิดก็เรียกคนของเขามาคนหนึ่งและบอกว่า “นำตัวมันไปตีให้ตาย” ดังนั้นคนของเขาจึงนำตัวชายคนนั้นไปทุบตีจนตาย 16 เพราะดาวิดพูดกับเขาว่า “ที่เจ้าต้องตายนี้ก็เป็นความผิดของเจ้าเอง[b] เพราะปากของเจ้าได้ปรักปรำเจ้าตอนที่เจ้าพูดว่า ‘ข้าพเจ้าได้ฆ่าคนที่พระยาห์เวห์ได้เจิมไว้’”
บทเพลงไว้ทุกข์ให้ซาอูลและโยนาธาน
17 ดาวิดแต่งเพลงไว้อาลัยให้กับซาอูลและโยนาธานลูกชายของซาอูล 18 ดาวิดสั่งให้สอนบทเพลงไว้อาลัยนี้ให้กับคนยูดาห์ (เพลงนี้มีชื่อว่า “คันธนู”[c] และถูกเขียนไว้ใน “หนังสือยาชาร์”[d])
19 “อิสราเอลเอ๋ย ศักดิ์ศรีของเจ้านอนตายตามเนินเขาทั้งหลายของเจ้า
ผู้กล้าหาญเหล่านั้นได้ล้มตายลง
20 อย่าพูดถึงเรื่องนี้ในเมืองกัท[e]
อย่าประกาศเรื่องนี้บนถนนในเมืองอัชเคโลน[f]
ไม่อย่างนั้น บรรดาสาวๆของชาวฟีลิสเตียจะดีใจ
ไม่อย่างนั้น บรรดาสาวๆของผู้ที่ไม่ได้เข้าพิธีขลิบ[g] จะร่าเริง
21 ไอ้เทือกเขาของกิลโบอา
ขออย่าให้มีทั้งน้ำค้างและฝนตกลงบนเจ้าอีกเลย
ขออย่าให้ท้องทุ่งออกผลผลิตมาสำหรับเป็นเครื่องถวาย
เพราะที่นั่น โล่ของผู้กล้าได้ถูกทำให้เสื่อมไป
โล่ของซาอูลไม่มีวันถูกลูบด้วยน้ำมันอีกแล้ว
22 คันธนูของโยนาธานทำให้เลือดของผู้ที่ถูกฆ่าหลั่งไหล
ดาบของซาอูลเสียบเข้าไปในไขมันของผู้ที่แข็งแกร่ง
และไม่ได้กลับมาเปล่าๆจากการศึก
23 ซาอูลและโยนาธาน
ตอนมีชีวิตอยู่ทั้งสองก็รักกันและเอื้อเฟื้อต่อกัน
ตอนตายพวกเขาก็ไม่ได้ถูกแยกจากกัน
พวกเขาว่องไวกว่านกอินทรี
พวกเขาแข็งแรงยิ่งกว่าสิงโต
24 สาวๆของอิสราเอลทั้งหลาย ร้องไห้ให้กับซาอูลเถิด
ซาอูลแต่งกายของพวกท่านอย่างหรูหราด้วยเสื้อสีเลือดหมู
ซาอูลประดับเสื้อผ้าของพวกท่านด้วยทองคำ
25 ผู้กล้าหาญเหล่านั้นได้ล้มตายลง
ในท่ามกลางศึกสงคราม
โยนาธานถูกฆ่านอนตายอยู่บนเนินสูงของพวกท่าน
26 พี่โยนาธานเอ๋ย ข้าพเจ้าร้องไห้คร่ำครวญเพื่อท่าน
ข้าพเจ้ารักท่านมาก
ความรักของท่านที่ให้กับข้าพเจ้านั้นวิเศษนัก
วิเศษยิ่งกว่าความรักของผู้หญิง
27 ผู้กล้าหาญเหล่านั้นได้ล้มตายลง
พวกอาวุธสงครามได้พินาศไป”
ดาวิดย้ายไปเมืองเฮโบรน
2 ต่อมาภายหลัง ดาวิดได้ถามพระยาห์เวห์ว่า “ข้าพเจ้าควรจะเข้าไปเมืองใดเมืองหนึ่งของยูดาห์เพื่อตั้งเป็นฐานที่มั่นหรือไม่”
พระยาห์เวห์ตอบว่า “ขึ้นไปเถิด”
ดาวิดถามว่า “ข้าพเจ้าควรจะไปที่ไหนหรือ”
พระยาห์เวห์ตอบว่า “ไปเมืองเฮโบรน”
2 ดาวิดจึงขึ้นไปที่เฮโบรน พร้อมกับเมียสองคนของเขา คือ อาหิโนอัมชาวยิสเรเอลและอาบีกายิล เมียหม้ายของนาบาลชาวคารเมล 3 ดาวิดยังพาคนที่อยู่กับเขา พร้อมกับครอบครัวของแต่ละคนไปด้วย และพวกเขาได้ไปตั้งบ้านเรือนอยู่ที่เมืองเฮโบรนและตามหมู่บ้านต่างๆของมัน
ดาวิดเป็นกษัตริย์เหนือยูดาห์
4 แล้วพวกชาวยูดาห์ ก็มาที่เมืองเฮโบรน และที่นั่นพวกเขาได้เจิมดาวิดขึ้นเป็นกษัตริย์ของครอบครัวชาวยูดาห์
เมื่อมีคนมาบอกดาวิดว่าชาวยาเบช-กิเลอาดเป็นผู้ฝังศพซาอูล 5 ดาวิดส่งคนส่งข่าวไปหาชาวยาเบช-กิเลอาด เพื่อบอกกับพวกเขาว่า “ขอให้พระยาห์เวห์อวยพรพวกท่าน ที่พวกท่านได้แสดงความจงรักภักดีต่อซาอูลนายของพวกท่าน ด้วยการฝังศพเขา 6 ตอนนี้ขอให้พระยาห์เวห์แสดงความรักและความสัตย์ซื่อต่อพวกท่าน และเราก็จะดีกับพวกท่านเหมือนกัน เพราะสิ่งที่พวกท่านได้ทำไปนั้น 7 อย่างนั้น ขอให้เข้มแข็งและกล้าหาญไว้ ซาอูลนายของท่านได้ตายไปแล้ว แต่ครอบครัวยูดาห์ได้แต่งตั้งเราเป็นกษัตริย์เหนือพวกเขาแล้ว”
อิชโบเชทได้เป็นกษัตริย์ของอิสราเอล
8 ในขณะนั้น อับเนอร์ลูกชายของเนอร์แม่ทัพของซาอูล ได้พาอิชโบเชท[h] ลูกชายของซาอูลไปที่เมืองมาหะนาอิม 9 และเขาได้แต่งตั้งอิชโบเชทขึ้นเป็นกษัตริย์ปกครองเหนือกิเลอาด อาชูร์[i] ยิสเรเอล เอฟราอิม เบนยามินและเหนืออิสราเอล[j]ทั้งหมด
10 อิชโบเชทลูกชายของซาอูลมีอายุสี่สิบปี เมื่อเขาได้เป็นกษัตริย์ปกครองอิสราเอล และเขาได้ปกครองอยู่สองปี ส่วนครอบครัวของชาวยูดาห์ได้ติดตามดาวิดไป 11 ดาวิดได้เป็นกษัตริย์ปกครองชาวยูดาห์ในเมืองเฮโบรน เป็นเวลาเจ็ดปีหกเดือน
การสู้รบกันที่กิเบโอน
12 อับเนอร์ลูกชายของเนอร์ รวมทั้งคนของอิชโบเชทลูกชายซาอูล ได้ออกจากเมืองมาหะนาอิมและไปที่เมืองกิเบโอน 13 โยอาบลูกชายนางเศรุยาห์และคนของดาวิดได้ออกไปพบพวกเขาที่สระน้ำของเมืองกิเบโอน คนสองกลุ่มนี้ นั่งกันอยู่คนละฝั่งของสระน้ำ
14 แล้วอับเนอร์ก็พูดกับโยอาบว่า “ให้คนหนุ่มๆมาต่อสู้กันตัวต่อตัวให้พวกเราดู” แล้วโยอาบพูดว่า “ตกลง ให้พวกเขาต่อสู้กัน”
15 ดังนั้นพวกเขาจึงยืนขึ้นและเดินออกมาตามที่ได้นับไว้ เป็นคนจากเผ่าของเบนยามินสิบสองคนที่อยู่ฝ่ายอิชโบเชทลูกชายของซาอูล และเป็นคนของดาวิดสิบสองคน 16 แล้วแต่ละคนต่างก็จับหัวของคู่ต่อสู้ของตนไว้และใช้ดาบแทงไปที่สีข้างของแต่ละฝ่าย แล้วทั้งคู่ก็ล้มลงตายด้วยกัน ดังนั้น สถานที่นั้นในเมืองกิเบโอนจึงถูกเรียกว่า เฮลขัท ฮัสซูริม[k]
17 การสู้รบกันในวันนั้นดุเดือดมาก อับเนอร์กับพวกคนของอิสราเอลต่างก็พ่ายแพ้ต่อพวกของดาวิด 18 ลูกชายสามคนของนางเศรุยาห์ก็อยู่ที่นั่นด้วย คือโยอาบ อาบีชัยและอาสาเฮล ขณะนั้น อาสาเฮลวิ่งอย่างว่องไวเหมือนเนื้อทรายป่า 19 เขาวิ่งไล่ตามอับเนอร์ไปอย่างแน่วแน่ ตรงไปไม่หันขวาหันซ้าย 20 อับเนอร์หันกลับมามองข้างหลังและถามออกมาว่า “อาสาเฮล นั่นเจ้าหรือ”
เขาตอบว่า “ใช่แล้ว”
21 แล้วอับเนอร์ก็พูดกับเขาว่า “หันไปทางขวาหรือทางซ้ายสิ จับเอาชายหนุ่มคนใดก็ได้แล้วปลดอาวุธเขาไปเสีย” แต่อาสาเฮลยังไม่หยุดไล่ตามเขา
22 อับเนอร์เตือนอาสาเฮลอีกว่า “หยุดไล่ตามเราได้แล้ว จะให้เราทำร้ายเจ้าหรือยังไง แล้วเราจะมองหน้าโยอาบพี่ชายของเจ้าได้ยังไง”
23 แต่อาสาเฮลปฏิเสธไม่ยอมเลิกไล่ตาม ดังนั้นอับเนอร์จึงเอาด้ามหอกแทงเข้าที่ท้องของอาสาเฮล ด้ามหอกทะลุออกกลางหลัง เขาล้มลงที่นั่น ตายคาที่ และทุกๆคนก็หยุดเมื่อมาถึงที่ที่อาสาเฮลล้มลงตาย 24 แต่โยอาบและอาบีชัย[l] ยังคงไล่ตามอับเนอร์ต่อไป และดวงอาทิตย์กำลังจะตกดิน พวกเขามาถึงเนินเขาอัมมาห์ใกล้กับกียาห์ ระหว่างทางที่จะไปที่รกร้างของเมืองกิเบโอน 25 แล้วคนของเบนยามินก็เข้ามาร่วมกับอับเนอร์ พวกเขารวมตัวกันเป็นกลุ่มเดียวและตั้งรับอยู่บนยอดเขานั้น
26 อับเนอร์ร้องเรียกโยอาบว่า “จะต้องให้มีการฆ่าฟันกันตลอดไปหรือ ท่านไม่คิดหรือว่ามันจะต้องจบลงด้วยความเศร้า เมื่อไรท่านจะสั่งให้คนของท่านหยุดไล่ตามพี่น้องของพวกเขาเสียที”
27 โยอาบตอบว่า “พระเจ้ามีชีวิตอยู่แน่ขนาดไหน ก็ให้แน่ใจขนาดนั้นเลยว่า ถ้าท่านไม่พูดขึ้นมา คนเหล่านี้ก็จะยังคงไล่ตามพี่น้องของพวกเขาเองไปจนกระทั่งถึงเช้าแน่นอน[m]” 28 ดังนั้นโยอาบจึงเป่าแตร และคนทั้งหมดก็หยุด พวกเขาไม่ไล่ตามอิสราเอลอีก และไม่ต่อสู้อีกต่อไป
29 ตลอดคืนนั้น อับเนอร์และคนของเขาเดินทางผ่านอาราบาห์ พวกเขาข้ามแม่น้ำจอร์แดน และเดินทางผ่านหุบเขาบิทโรน[n] และมาถึงเมืองมาหะนาอิม
30 เมื่อโยอาบกลับมาจากการไล่ตามอับเนอร์ และเรียกชุมนุมคนของเขาทั้งหมด ถ้าไม่รวมอาสาเฮล คนของดาวิดหายไปสิบเก้าคน 31 แต่คนของดาวิดก็ได้ฆ่าชาวเบนยามินซึ่งอยู่กับอับเนอร์ไปถึงสามร้อยหกสิบคน 32 พวกเขาได้เอาศพของอาสาเฮลมาและฝังเขาไว้ในหลุมฝังศพของพ่อเขาที่เมืองเบธเลเฮม
แล้วโยอาบและคนของเขาก็เดินทางตลอดทั้งคืนจนมาถึงเมืองเฮโบรนเมื่อเริ่มสว่าง
3 สงครามระหว่างครอบครัวของซาอูลและครอบครัวของดาวิดยืดเยื้ออยู่นาน ดาวิดยิ่งเข้มแข็งขึ้นเรื่อยๆในขณะที่ครอบครัวของซาอูลกลับอ่อนแอลงเรื่อยๆ
ลูกชายดาวิดที่เกิดในเฮโบรน
(1 พศด. 3:1-4)
2 มีลูกชายของดาวิดหลายคนที่เกิดในเมืองเฮโบรน
ลูกชายคนแรกคืออัมโนน เป็นลูกของนางอาหิโนอัมชาวยิสเรเอล
3 ลูกชายคนที่สองชื่อเดลูยาห์[o] เป็นลูกของนางอาบีกายิล เมียหม้ายของนาบาลชาวคารเมล
คนที่สามชื่ออับซาโลมเป็นลูกของนางมาอาคาห์ลูกสาวของทัลมัย กษัตริย์เกชูร์
4 คนที่สี่ชื่ออาโดนียาห์ลูกนางฮักกีท
คนที่ห้าชื่อเชฟาทิยาห์ลูกนางอาบีตัล
5 คนที่หกชื่ออิทเรอัม ลูกนางเอกลาห์ ลูกชายทั้งหกคนนี้ของดาวิดเกิดในเมืองเฮโบรน
อับเนอร์ตัดสินใจเข้าร่วมกับดาวิด
6 ในช่วงของสงครามระหว่างครอบครัวซาอูลและครอบครัวดาวิด อับเนอร์ทำตัวใหญ่ขึ้นๆในครอบครัวซาอูล 7 ซาอูลเคยมีเมียน้อยชื่อริสปาห์เป็นลูกสาวของอัยยาห์ อิชโบเชทได้พูดกับอับเนอร์ว่า “ท่านไปนอนกับเมียน้อยของพ่อเราทำไม”
8 อับเนอร์โกรธมาก ที่อิชโบเชทพูดอย่างนั้น เขาตอบว่า “นี่เราเป็นหัวหมาของฝ่ายยูดาห์หรือ[p] ทุกวันนี้เราซื่อสัตย์กับครอบครัวของซาอูลพ่อท่านและกับครอบครัวและเพื่อนๆเขา เราไม่ได้ส่งตัวท่านให้กับดาวิด แต่ท่านยังกล่าวหาเราว่าไปยุ่งเกี่ยวกับเมียของเขาอีก 9-10 พระยาห์เวห์ได้สัญญาไว้ว่าจะเอาอาณาจักรไปจากครอบครัวซาอูล และแต่งตั้งดาวิดขึ้นเป็นกษัตริย์ปกครองอิสราเอลและยูดาห์ เขาจะครอบครองตั้งแต่เมืองดานไปจนถึงเมืองเบเออร์เชบา[q] ถ้าหากเราไม่ได้ช่วยทำให้ดาวิดได้ในสิ่งที่พระยาห์เวห์สัญญาไว้กับเขานี้ ขอให้พระเจ้าลงโทษเรา อับเนอร์อย่างรุนแรงที่สุด”
11 อิชโบเชทไม่กล้าพูดอะไรกับอับเนอร์อีก เพราะเขากลัวอับเนอร์
12 แล้วอับเนอร์ได้ส่งพวกตัวแทนของเขาไปพูดกับดาวิดว่า “ท่านคิดว่าแผ่นดินนี้ควรจะตกเป็นของใคร มาเถิด มาทำข้อตกลงกับข้าพเจ้า แล้วข้าพเจ้าจะช่วยให้ท่านได้อิสราเอลทั้งหมด”
13 ดาวิดพูดว่า “ดีแล้ว เราจะทำข้อตกลงกับท่าน แต่เรามีเงื่อนไขข้อหนึ่ง เมื่อท่านมาหาเรา ให้นำตัวมีคาลลูกสาวของซาอูลมากับท่านด้วย ไม่อย่างนั้น ท่านก็ไม่ต้องมาให้เราเห็นหน้า”
14 แล้วดาวิดก็ส่งคนส่งข่าวไปหาอิชโบเชทลูกชายของซาอูล สั่งว่า “มอบมีคาลให้กับเราด้วย เราได้หมั้นนางไว้แล้วด้วยหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศของชาวฟีลิสเตียหนึ่งร้อยคน[r]”
15 อิชโบเชทจึงออกคำสั่งให้ไปนำตัวนางมาจากปัลทีเอล สามีของนางซึ่งเป็นลูกชายของลาอิช 16 แต่สามีของนางก็ไปกับนางด้วย เขาเดินร้องไห้ตามหลังนางตลอดทางไปจนถึงบาฮูริม แล้วอับเนอร์ก็พูดกับเขาว่า “กลับไปบ้านเถิด” เขาจึงกลับบ้านไป
17 อับเนอร์ปรึกษากับพวกผู้นำอาวุโสของอิสราเอลและพูดว่า “พวกท่านเคยต้องการให้ดาวิดเป็นกษัตริย์ของพวกท่านไม่ใช่หรือ 18 ตอนนี้ก็ทำเสียเลยสิ เพราะพระยาห์เวห์ได้สัญญาไว้กับดาวิดว่า ‘เราจะช่วยเหลือประชาชนชาวอิสราเอลของเราให้พ้นจากเงื้อมมือของชาวฟีลิสเตีย และจากเงื้อมมือของศัตรูทั้งหมดของพวกเขา ผ่านทางดาวิด ผู้รับใช้เรา’”
19 อับเนอร์ได้พูดกับชาวเบนยามินเป็นการส่วนตัว แล้วเขาก็ไปเมืองเฮโบรนเพื่อบอกดาวิดทุกสิ่งทุกอย่างที่อิสราเอลและครอบครัวเบนยามินอยากจะทำ
20 เมื่ออับเนอร์พร้อมกับคนของเขาอีกยี่สิบคนไปพบดาวิดที่เมืองเฮโบรน ดาวิดได้เตรียมงานเลี้ยงไว้สำหรับเขาและบรรดาคนของเขาแล้ว
21 อับเนอร์จึงพูดกับดาวิดว่า “ให้ข้าพเจ้าไปเรียกชุมนุมชาวอิสราเอลทั้งหมดเพื่อท่าน ผู้เป็นกษัตริย์เจ้านายของข้าพเจ้า เพื่อว่าพวกเขาจะได้ทำสัญญากับท่านและเพื่อท่านจะได้ปกครองทั่วแผ่นดินอย่างที่ใจท่านต้องการ”
ดังนั้นดาวิดจึงได้ส่งอับเนอร์ไป และเขาก็จากไปอย่างสันติ
ความตายของอับเนอร์
22 ขณะนั้นคนของดาวิดกับโยอาบได้กลับมาจากการปล้นและนำของที่ปล้นมาได้เป็นจำนวนมาก แต่อับเนอร์ไม่อยู่ในเมืองเฮโบรนกับดาวิดแล้ว เพราะดาวิดได้ส่งเขากลับไปแล้ว และเขาก็ไปอย่างสันติ 23 เมื่อโยอาบและทหารทั้งหมดที่ไปกับเขามาถึง มีคนมาบอกเขาว่าอับเนอร์ลูกชายของเนอร์ได้มาพบกษัตริย์และกษัตริย์ก็ส่งเขากลับไปแล้วและเขาก็จากไปอย่างสันติ
24 โยอาบจึงไปหากษัตริย์และพูดว่า “นี่ท่านทำอะไรลงไป ดูสิ อับเนอร์ได้มาพบท่านแล้ว ทำไมท่านถึงปล่อยเขาไป นี่เขาก็จากไปแล้ว 25 ท่านก็รู้อยู่แล้วว่าอับเนอร์ลูกชายของเนอร์ เขามาหลอกลวงท่านและเข้ามาสังเกตความเคลื่อนไหวของท่านและสืบดูทุกสิ่งทุกอย่างที่ท่านทำอยู่”
26 แล้วโยอาบก็จากดาวิดมา เขาได้ส่งคนส่งข่าวไล่ตามอับเนอร์ไป และพวกเขาก็ตามอับเนอร์ไปทันที่บ่อน้ำสีราห์ และนำตัวอับเนอร์กลับมา แต่ดาวิดไม่รู้เรื่องนี้ 27 ทันทีที่อับเนอร์กลับเข้ามาถึงเมืองเฮโบรน โยอาบได้นำตัวเขาหลบเข้าไปยังประตูเมือง ทำทีเหมือนจะพูดกับเขาเป็นการส่วนตัว และที่นั่นเอง โยอาบได้แทงเขาที่ท้องและเขาก็ตาย โยอาบแก้แค้นให้อาสาเฮลน้องชายเขา
ดาวิดร้องไห้ให้อับเนอร์
28 ต่อมา เมื่อดาวิดได้ยินเกี่ยวกับเรื่องนี้ จึงพูดว่า “เราและอาณาจักรของเราจะไม่มีความผิดต่อหน้าพระยาห์เวห์ตลอดไป ในเรื่องที่เกี่ยวกับเลือดของอับเนอร์ลูกชายของเนอร์ 29 ขอให้เลือดเขาตกลงบนหัวของโยอาบและบนครอบครัวทั้งหมดของพ่อเขา ขอให้คนในครอบครัวของโยอาบต้องเป็นหนองใน หรือเป็นโรคผิวหนังร้ายแรง หรือเป็นหน้าตัวเมีย หรือต้องล้มตายด้วยดาบ หรืออดอาหารตาย”
30 (โยอาบและอาบีชัยน้องชายของเขาคอยดักซุ่มโจมตี[s]อับเนอร์เพราะอับเนอร์ได้ฆ่าอาสาเฮลน้องชายของพวกเขาในสนามรบที่เมืองกิเบโอน)
31 แล้วดาวิดก็พูดกับโยอาบและคนทั้งหมดที่อยู่กับเขาว่า “ฉีกเสื้อผ้าของพวกท่านและสวมผ้ากระสอบและเดินไว้ทุกข์ไปข้างหน้าอับเนอร์” ส่วนกษัตริย์ดาวิดเองก็เดินตามหลังแคร่หามศพไป 32 พวกเขาฝังศพอับเนอร์ไว้ในเมืองเฮโบรนและกษัตริย์ก็ร้องไห้เสียงดังที่หลุมฝังศพของอับเนอร์ ประชาชนทั้งหมดก็ร้องไห้ด้วย
33 กษัตริย์ได้ร้องเพลงไว้ทุกข์นี้ให้อับเนอร์
“อับเนอร์ควรมาตายเหมือนกับคนแหกกฏหรือ
34 มือของท่านไม่ได้ถูกมัด
เท้าของท่านไม่ได้ถูกล่ามโซ่
ท่านล้มลงเหมือนคนที่ล้มลงต่อหน้าคนชั่วร้าย”
และประชาชนทั้งหมดก็ร้องไห้ให้เขาอีก 35 แล้วพวกเขาก็มาขอร้องให้ดาวิดกินอะไรบ้างในช่วงกลางวัน แต่ดาวิดได้สาบานไว้ว่า “ขอให้พระเจ้าลงโทษเราอย่างรุนแรงที่สุด ถ้าเรากินขนมปังหรือสิ่งใดก็ตามก่อนดวงอาทิตย์ตกดิน” 36 ประชาชนได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้น และพอใจมากในสิ่งที่กษัตริย์ดาวิดทำ 37 ประชาชนชาวยูดาห์และอิสราเอล ก็รู้ว่า กษัตริย์ดาวิดไม่มีส่วนร่วมในการฆ่าอับเนอร์ลูกชายของเนอร์เลย
38 แล้วกษัตริย์ดาวิดก็ได้พูดกับคนของเขาว่า “พวกท่านไม่รู้หรือว่า วันนี้ผู้นำที่สำคัญมากคนหนึ่งได้มาตายลงในอิสราเอล 39 และในวันเดียวกันนี้ เราก็ได้รับการเจิมให้เป็นกษัตริย์ แต่เราก็อ่อนแอและพวกลูกชายของนางเศรุยาห์ก็แข็งแกร่งเกินไปสำหรับเรา ขอให้พระยาห์เวห์ตอบแทนคนทำชั่วตามความชั่วที่เขาได้ทำด้วยเถิด”
อิชโบเชทถูกฆ่า
4 เมื่ออิชโบเชทลูกชายซาอูลได้ยินว่า อับเนอร์ตายในเมืองเฮโบรน เขาก็สูญเสียความกล้าหาญ และชาวอิสราเอลทั้งหมดต่างตื่นตกใจกลัว 2 ในเวลานั้นมีชายสองคนมาหาอิชโบเชท ลูกชายของซาอูล ชายสองคนนี้เป็นหัวหน้ากองโจร คนหนึ่งชื่อบาอานาห์ และอีกคนชื่อเรคาบ พวกเขาเป็นลูกชายของริมโมนชาวเมืองเบเอโรท พวกเขามาจากเผ่าเบนยามิน (เมืองเบเอโรทถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของคนเผ่าเบนยามิน 3 แต่ชาวเมืองเบเอโรทได้หลบหนีมาที่เมืองกิททาอิมกันหมด และอาศัยอยู่ที่นั่นในฐานะชาวต่างชาติมาจนทุกวันนี้)
4 โยนาธานลูกชายของซาอูลมีลูกชายชื่อเมฟีโบเชท เมฟีโบเชทมีเท้าพิการทั้งสองข้าง ตอนที่เมฟีโบเชทมีอายุห้าขวบนั้น มีข่าวมาจากเมืองยิสเรเอล ว่าซาอูลและโยนาธานถูกฆ่าตาย พี่เลี้ยงของเมฟีโบเชทอุ้มเขาวิ่งหนี แต่เพราะนางรีบเกินไป จึงทำเขาหล่นลงมาและขาทั้งสองข้างของเขาก็พิการ
5 ฝ่ายเรคาบและบาอานาห์ลูกชายของริมโมนชาวเบเอโรท ได้ออกเดินทางไปบ้านของอิชโบเชท พวกเขาได้มาถึงที่นั่นในเวลาเที่ยงที่อากาศร้อน ขณะที่อิชโบเชทกำลังนอนพักเที่ยงอยู่ 6 พวกเขาเข้าไปถึงส่วนในของบ้าน ทำเหมือนกับว่าจะเข้าไปเอาข้าวสาลี และพวกเขาก็แทงอิชโบเชทเข้าที่ท้อง แล้วเรคาบกับบาอานาห์พี่ชายของเขาก็หนีไป 7 พวกเขาเข้าไปในบ้านในขณะที่อิชโบเชทกำลังนอนอยู่บนเตียงในห้องนอนของเขา พวกเขาได้แทงและฆ่าเขา และหลังจากนั้นพวกเขาได้ตัดหัวอิชโบเชทไปด้วย พวกเขาเดินทางตลอดทั้งคืนในหุบเขาจอร์แดน 8 พวกเขานำหัวของอิชโบเชทไปให้ดาวิดที่เมืองเฮโบรน พวกเขาพูดกับกษัตริย์ดาวิดว่า “นี่คือหัวของอิชโบเชทลูกชายของซาอูล ซาอูลที่เป็นศัตรูของท่าน ที่พยายามฆ่าท่าน วันนี้พระยาห์เวห์ได้แก้แค้นซาอูลและลูกหลานของเขาให้กับท่านผู้เป็นกษัตริย์เจ้านายของข้าพเจ้าแล้ว”
9 ดาวิดตอบเรคาบและบาอานาห์พี่ชายของเขา ลูกชายของริมโมนชาวเบเอโรทว่า “พระยาห์เวห์มีชีวิตอยู่แน่ขนาดไหน ก็ให้แน่ใจขนาดนั้นเลยว่า พระองค์เป็นผู้ที่ทำให้เราพ้นจากความลำบากทั้งหลาย 10 คราวก่อน เมื่อมีคนมาบอกเราว่า ‘ซาอูลตายแล้ว’ เขาคิดว่าเขากำลังนำข่าวดีมาบอก เราได้จับเขาและฆ่าเขาที่ศิกลาก นั่นคือรางวัลที่เราได้ให้สำหรับข่าวของเขา 11 ยิ่งกว่านั้นอีก คราวนี้ ในเมื่อพวกคนชั่วได้ฆ่าคนบริสุทธิ์ในบ้านของเขาและบนเตียงของเขาเอง จะไม่ให้เราฆ่าเจ้าเพราะความตายของเขาและกำจัดเจ้าออกไปจากโลกนี้ได้ยังไงกัน”
12 ดังนั้นดาวิดจึงออกคำสั่งแก่คนของเขา และพวกเขาก็ฆ่าสองคนนั้น ตัดมือและเท้าของสองคนนั้นและแขวนศพของพวกเขาไว้ที่ข้างสระน้ำในเมืองเฮโบรน แต่พวกเขาเอาหัวของอิชโบเชทไปฝังไว้ที่อุโมงค์ฝังศพของอับเนอร์ที่เมืองเฮโบรน
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International