Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

Chronological

Read the Bible in the chronological order in which its stories and events occurred.
Duration: 365 days
Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)
Version
โยชูวา 12-15

รายชื่อพวกกษัตริย์ที่พ่ายแพ้

12 ต่อไปนี้คือพวกกษัตริย์ของแผ่นดินที่ชาวอิสราเอลได้เอาชนะ และชาวอิสราเอลได้ยึดครองแผ่นดินของกษัตริย์เหล่านั้นที่อยู่ทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดน จากหุบเขาลึกอารโนนไปถึงภูเขาเฮอร์โมน รวมทั้งแผ่นดินทั้งหมดที่อยู่ทางทิศตะวันออกของหุบเขาจอร์แดนด้วย

คือกษัตริย์สิโหนของชาวอาโมไรต์ ที่ปกครองอยู่เมืองเฮชโบน เขาปกครองตั้งแต่อาโรเออร์ซึ่งอยู่ริมหุบเขาลึกอารโนน เริ่มจากตรงกลางของหุบเขาและครึ่งหนึ่งของกิเลอาด ไปจนถึงแม่น้ำยับบอกซึ่งเป็นเขตแดนของชาวอัมโมน และเขาปกครองด้านตะวันออกของหุบเขาจอร์แดน จากทะเลสาบกาลิลีไปถึงทะเลตาย (ทะเลเกลือ) ถึงเบธเยชิโมทและไปถึงทางใต้จนถึงด้านล่างของที่ลาดเขาปิสกาห์

ชาวอิสราเอลได้ยึดครองเขตแดนของกษัตริย์โอกแห่งแคว้นบาชาน ที่เป็นคนเผ่าเรฟาอิมที่ยังหลงเหลืออยู่ไม่กี่คน เขาอาศัยอยู่แถบเมืองอัชทาโรท และเอเดรอี เขาปกครองพื้นที่ภูเขาเฮอร์โมน สาเลคาห์ และทั่วทั้งบาชานจนถึงเขตแดนเมืองเกชูร์ และเมืองมาอาคาห์ และมากกว่าครึ่งหนึ่งของกิเลอาดไปจนถึงเขตแดนของกษัตริย์สิโหนของเมืองเฮชโบน

โมเสสผู้รับใช้พระยาห์เวห์พร้อมด้วยชาวอิสราเอล ได้เอาชนะพวกเขา โมเสสผู้รับใช้พระยาห์เวห์ได้มอบแผ่นดินของกษัตริย์สิโหน และของกษัตริย์โอกให้เป็นสมบัติของชนเผ่ารูเบน ชนเผ่ากาด และชนเผ่ามนัสเสห์ครึ่งเผ่า

ต่อไปนี้คือกษัตริย์ของเมืองต่างๆที่โยชูวาและชาวอิสราเอลได้เอาชนะ บนฝั่งตะวันตกของแม่น้ำจอร์แดน ตั้งแต่บาอัลกาดในหุบเขาเลบานอนไปจนถึงภูเขาฮาลักที่ขึ้นไปถึงเสอีร์ (และโยชูวาได้ให้แผ่นดินส่วนนี้แก่ชาวอิสราเอลเป็นมรดกตามสัดส่วนของเผ่าต่างๆ คือดินแดนแถบเนินเขา ที่ลุ่มเชิงเขาด้านตะวันตก ในหุบเขาจอร์แดน ในที่ลาดเขาทางตะวันออก ในถิ่นทะเลทราย ในเนเกบ แผ่นดินของชาวฮิตไทต์ ชาวอาโมไรต์ ชาวคานาอัน ชาวเปริสซี ชาวฮีไวต์ และชาวเยบุส)

กษัตริย์เมืองเยริโค

กษัตริย์เมืองอัยซึ่งอยู่ใกล้เมืองเบธเอล

10 กษัตริย์เมืองเยรูซาเล็ม

กษัตริย์เมืองเฮโบรน

11 กษัตริย์เมืองยารมูท

กษัตริย์เมืองลาคีช

12 กษัตริย์เมืองเอกโลน

กษัตริย์เมืองเกเซอร์

13 กษัตริย์เมืองเดบีร์

กษัตริย์เมืองเกเดอร์

14 กษัตริย์เมืองโฮรมาห์

กษัตริย์เมืองอาราด

15 กษัตริย์เมืองลิบนาห์

กษัตริย์เมืองอดุลลัม

16 กษัตริย์เมืองมักเคดาห์

กษัตริย์เมืองเบธเอล

17 กษัตริย์เมืองทัปปูวาห์

กษัตริย์เมืองเฮเฟอร์

18 กษัตริย์เมืองอาเฟก

กษัตริย์เมืองลาชาโรน

19 กษัตริย์เมืองมาโดน

กษัตริย์เมืองฮาโซร์

20 กษัตริย์เมืองชิมโรนเมโรน

กษัตริย์เมืองอัคชาฟ

21 กษัตริย์เมืองทาอานาค

กษัตริย์เมืองเมกิดโด

22 กษัตริย์เมืองเคเดช

กษัตริย์เมืองโยกเนอัมในคารเมล

23 กษัตริย์เมืองโดร์ในที่ราบสูงของโดร์

กษัตริย์เมืองโกยิมในกิลกาล

24 กษัตริย์เมืองทีรซาห์

รวมจำนวนกษัตริย์ทั้งหมดสามสิบเอ็ดองค์ด้วยกัน

แผ่นดินที่ยังไม่ได้ยึดครอง

13 เมื่อโยชูวาแก่มากแล้ว พระยาห์เวห์ได้พูดกับเขาว่า “เจ้าแก่มากแล้วและยังเหลือแผ่นดินอีกมากที่ยังไม่ได้ยึดครอง แผ่นดินที่ยังไม่ถูกยึดครองคือ แคว้นฟีลิสเตียทั้งหมด และเขตแดนทั้งหมดของเกชูร์ ตั้งแต่แม่น้ำชิโหร์ที่อยู่ทางตะวันออกของประเทศอียิปต์ เหนือขึ้นไปจนถึงเขตแดนของเอโครน (ถือเป็นเขตแดนของชาวคานาอัน) เขตแดนของผู้ปกครองชาวฟีลิสเตียทั้งห้าคนในเมืองกาซาม เมืองอัชโดด เมืองอัชเคโลน เมืองกัทและเมืองเอโครน รวมทั้งเขตแดนของอัฟวิม ส่วนทางใต้ เจ้ายังต้องยึดแผ่นดินทั้งหมดของชาวคานาอัน จากเมอาราห์ซึ่งเป็นของชาวไซดอน ไปถึงเมืองอาเฟกตรงเขตแดนของชาวอาโมไรต์ และแผ่นดินของชาวเกบาล และเลบานอนทั้งหมด ไปทางทิศตะวันออกจากบาอัลกาด ที่อยู่เชิงเขาเฮอร์โมนถึงชายแดนของฮามัท

ส่วนพวกชาวไซดอนที่อาศัยอยู่ในแถบเนินเขาจากเลบานอนไปจนถึงมิสเรโฟทมาอิมนั้น เราเองจะขับไล่พวกเขาออกไปต่อหน้าชาวอิสราเอล อย่าลืมที่จะแบ่งที่ดินเหล่านี้ให้เป็นมรดกของชาวอิสราเอล ตามที่เราได้สั่งเจ้าไว้ และตอนนี้ให้แบ่งแผ่นดินนั้นออกให้กับคนเก้าเผ่าและชาวมนัสเสห์ครึ่งเผ่าด้วย”

แผ่นดินฝั่งตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดน

ส่วนมนัสเสห์อีกครึ่งเผ่า ชนเผ่ารูเบนและชนเผ่ากาด ได้รับส่วนแบ่งของพวกเขา ซึ่งโมเสสได้มอบให้ทางฟากตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดน ส่วนที่โมเสสผู้รับใช้พระยาห์เวห์ได้มอบให้พวกเขาคือ ตั้งแต่อาโรเออร์ที่อยู่ริมหุบเขาลึกอารโนน และเมืองที่อยู่กลางหุบเขาลึกนั้น และที่ราบสูงเมเดบาทั้งหมดไปจนถึงดีโบน 10 และเมืองต่างๆของกษัตริย์สิโหนชาวอาโมไรต์ผู้เคยปกครองอยู่ในเมืองเฮชโบน ไกลออกไปจนถึงเขตแดนของชาวอัมโมน 11 และกิเลอาดกับพื้นที่ของชาวเกชูร์กับชาวมาอาคาห์ พื้นที่ทั้งหมดของภูเขาเฮอร์โมน และทั้งหมดของบาชานถึงเมืองสาเลคาห์ 12 แผ่นดินทั้งหมดของกษัตริย์โอกในบาชานผู้เคยปกครองอยู่ในเมืองอัชทาโรทและในเอเดรอี (เขาเป็นคนเผ่าเรฟาอิมที่หลงเหลืออยู่ไม่กี่คน) โมเสสรบชนะเมืองเหล่านี้ และขับไล่พวกเขาออกไป 13 แต่ชาวอิสราเอลไม่ได้ขับไล่ชาวเกชูร์และชาวมาอาคาห์ ทั้งสองเผ่ายังอาศัยอยู่กับชาวอิสราเอลถึงทุกวันนี้

14 แต่ส่วนเผ่าเลวี โมเสสไม่ได้แบ่งมรดกให้ พวกของขวัญที่ถวายให้กับพระยาห์เวห์พระเจ้าของชาวอิสราเอลก็เป็นมรดกของพวกเขา อย่างที่พระองค์ได้สัญญาไว้กับพวกเขาแล้ว

15 โมเสสได้มอบที่ดินนี้ให้เป็นมรดกกับเผ่ารูเบน แบ่งตามตระกูลต่างๆของพวกเขา 16 เขตแดนของพวกเขาเริ่มจากอาโรเออร์ที่อยู่ริมหุบเขาลึกอารโนน และเมืองที่อยู่กลางหุบเขาลึกนั้น และที่ราบสูงเมเดบาทั้งหมด 17 เมืองเฮชโบนกับเมืองต่างๆของมันบนที่ราบสูง ดีโบน บาโมทบาอัล เบธบาอัลเมโอน 18 ยาฮาส เคเดโมท เมฟาอาท 19 คิริยาธาอิม สิบมาห์ เศเรทชาหาร์ ที่อยู่บนเนินเขากลางหุบเขาลึกนั้น 20 เบธเปโอร์ เชิงเขาปิสกาห์ และเมืองเบธเยชิโมท 21 นั่นคือเมืองทั้งหมดบนที่ราบสูง และอาณาจักรทั้งหมดของกษัตริย์สิโหน ของชาวอาโมไรต์ ผู้เคยปกครองอยู่ในเมืองเฮชโบน โมเสสได้เอาชนะเขากับพวกผู้นำของมีเดียน ที่มีชื่อว่า เอวี เรเคม ศูร์ เฮอร์ และเรบา พวกเขาเป็นเจ้าชายที่เป็นพันธมิตรกับกษัตริย์สิโหนและเคยอาศัยอยู่แผ่นดินนั้นมาก่อน 22 นอกจากคนทั้งหลายที่ถูกชาวอิสราเอลฆ่าตาย ยังมีผู้ทำนายอนาคตที่ชื่อบาลาอัมลูกชายเบโอร์รวมอยู่ด้วย 23 เส้นเขตแดนของชนเผ่ารูเบนคือแม่น้ำจอร์แดนและชายฝั่งของมัน เมืองเหล่านี้และหมู่บ้านต่างๆของมันเป็นมรดกของชนเผ่ารูเบนตามตระกูลต่างๆของเขา

24 โมเสสยังได้มอบที่ดินนี้ให้เป็นมรดกกับชนเผ่ากาด แบ่งตามตระกูลต่างๆของพวกเขา

25 อาณาเขตของเขาคือ ยาเซอร์และเมืองต่างๆทั้งหมดของกิเลอาดและครึ่งหนึ่งของแผ่นดินของชาวอัมโมนไปจนถึงอาโรเออร์ ซึ่งอยู่ใกล้กับรับบาห์ 26 และตั้งแต่เมืองเฮชโบน ถึงรามัทมิสเปห์ และเบโทนิม และจากมาหะนาอิมถึงเขตแดนเดบีร์ 27 และในหุบเขาเบธฮารัม เบธนิมราห์ สุคคท และศาโฟน อาณาจักรส่วนที่เหลือของกษัตริย์สิโหนแห่งเมืองเฮชโบน แม่น้ำจอร์แดน และชายฝั่งของมัน ไปจนสุดทะเลสาบกาลิลีทางตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดน 28 เมืองเหล่านี้และหมู่บ้านของมันเป็นมรดกของชนเผ่ากาดตามตระกูลของพวกเขา

29 โมเสสได้มอบที่ดินนี้ให้เป็นมรดกกับชนเผ่ามนัสเสห์ครึ่งเผ่า แบ่งตามตระกูลต่างๆของพวกเขา

30 เขตแดนของพวกเขาเริ่มจากมาหะนาอิม ไปตลอดทั่วทั้งบาชาน อาณาจักรทั้งหมดของกษัตริย์โอกแห่งเมืองบาชาน และชุมชนยาอีร์ทั้งหมดหกสิบเมืองที่อยู่ในบาชาน 31 และครึ่งหนึ่งของแคว้นกิเลอาด เมืองอัชทาโรท และเมืองเอเดรอี ซึ่งสองเมืองนี้เป็นเมืองหลวงของกษัตริย์โอกแห่งบาชาน นั่นคือส่วนแบ่งสำหรับลูกหลานของมาคีร์ลูกชายของมนัสเสห์ คือครึ่งหนึ่งของพวกลูกหลานของมาคีร์ ซึ่งแบ่งตามตระกูลต่างๆของพวกเขา

32 ทั้งหมดนั้นคือเขตแดนต่างๆที่โมเสสได้แบ่งออกไป อยู่ในที่ราบโมอับ ซึ่งอยู่อีกฟากหนึ่งของแม่น้ำจอร์แดน ทางทิศตะวันออกของเมืองเยริโค 33 แต่โมเสสไม่ได้มอบมรดกให้กับชนเผ่าเลวี พระยาห์เวห์พระเจ้าของชาวอิสราเอลก็คือมรดกของพวกเขา อย่างที่พระองค์ได้สัญญาไว้กับพวกเขา

14 ต่อไปนี้ เป็นแผ่นดินในคานาอัน ที่นักบวชเอเลอาซาร์กับโยชูวาลูกชายของนูน และพวกหัวหน้าตระกูลของชนเผ่าต่างๆของอิสราเอล ได้แจกจ่ายให้กับชาวอิสราเอลเป็นมรดก พวกเขาได้จับสลากแจกจ่ายที่ดินให้กับชนเผ่าทั้งเก้าเผ่าและครึ่งเผ่าของมนัสเสห์ ตามที่พระยาห์เวห์ได้สั่งไว้ผ่านทางโมเสส เพราะโมเสสได้ให้มรดกแก่เผ่ารูเบนและเผ่ากาด รวมทั้งเผ่ามนัสเสห์ครึ่งเผ่าไปแล้วบนอีกฟากหนึ่งของแม่น้ำจอร์แดน แต่เขาไม่ได้แบ่งมรดกให้กับชนเผ่าเลวีเหมือนที่ให้กับเผ่าอื่นๆ ลูกหลานของโยเซฟได้แบ่งออกเป็นสองเผ่า คือเผ่ามนัสเสห์ และเผ่าเอฟราอิม เผ่าเลวีไม่มีส่วนแบ่งในแผ่นดินนี้ นอกจากเมืองต่างๆที่ใช้อาศัยอยู่ กับทุ่งหญ้าสำหรับเลี้ยงฝูงแกะและวัวของพวกเขา อย่างนี้ ชาวอิสราเอลได้แบ่งที่ดินกันตามที่พระยาห์เวห์ได้สั่งโมเสสไว้

คาเลบได้รับเฮโบรน

ชนเผ่ายูดาห์ ได้มาหาโยชูวาที่กิลกาล คาเลบลูกชายเยฟุนเนห์จากตระกูลเคนัสได้พูดกับโยชูวาว่า “ท่านก็รู้ว่าพระยาห์เวห์ได้พูดอะไรกับโมเสสคนของพระเจ้า[a] เกี่ยวกับตัวท่านและตัวข้าพเจ้า ที่คาเดชบารเนีย ข้าพเจ้ามีอายุสี่สิบปี ตอนที่โมเสสผู้รับใช้ของพระยาห์เวห์ได้ส่งข้าพเจ้าจากคาเดชบารเนียมาสอดแนมแผ่นดินนี้ และข้าพเจ้าก็ได้กลับมารายงานท่านตามความคิดเห็นของข้าพเจ้า แต่พี่น้องคนอื่น ซึ่งไปด้วยกันกับข้าพเจ้านั้น ได้ทำให้ใจของประชาชนอ่อนปวกเปียกไปด้วยความกลัว แต่ข้าพเจ้ายังคงติดตามพระยาห์เวห์พระเจ้าของข้าพเจ้าอย่างสุดใจ แล้วในวันนั้น โมเสสได้สาบานกับข้าพเจ้าว่า ‘แผ่นดินที่ท่านได้เข้าไปเหยียบมานั้นจะเป็นมรดกของท่านและลูกหลานของท่านตลอดไปอย่างแน่นอน เพราะท่านได้ติดตามพระยาห์เวห์พระเจ้าของข้าอย่างสุดใจ’

10 เดี๋ยวนี้ ดูสิ มันเป็นไปตามที่พระยาห์เวห์ได้สัญญาไว้ พระองค์ได้ให้ข้าพเจ้ามีชีวิตอยู่ต่อมาอีกสี่สิบห้าปี ตั้งแต่เวลานั้นที่พระองค์ได้พูดเรื่องนี้กับโมเสสตอนที่อิสราเอลเดินทางอยู่ในทะเลทราย เดี๋ยวนี้ ข้าพเจ้าก็มีอายุแปดสิบห้าปีแล้ว 11 ข้าพเจ้ายังคงแข็งแรงเหมือนวันที่โมเสสได้ส่งข้าพเจ้าออกไป ตอนนี้ ข้าพเจ้าก็ยังแข็งแรงพอที่จะออกไปสู้รบได้ และยังไปทำโน่นทำนี่ได้เหมือนเมื่อก่อน 12 ดังนั้น ตอนนี้ ให้มอบพื้นที่แถบเนินเขานี้ ที่พระยาห์เวห์ได้สัญญาไว้กับข้าพเจ้าในวันนั้น เพราะในวันนั้น ตัวท่านเองก็ได้ยินแล้วว่า มีคนอานาค[b] อยู่ที่นั่น และเมืองทั้งหลายของพวกมันนั้นทั้งใหญ่และมีการป้องกันอย่างแน่นหนา แต่พระยาห์เวห์อยู่กับข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะขับไล่พวกมันออกไป อย่างที่พระองค์ได้พูดไว้”

13 ดังนั้น โยชูวาจึงอวยพรคาเลบลูกชายเยฟุนเนห์ และยกเมืองเฮโบรนให้เป็นมรดกของเขา 14 ดังนั้น เฮโบรนจึงกลายเป็นมรดกของคาเลบลูกชายของเยฟุนเนห์ชาวเคนัสกับลูกหลานของเขามาจนถึงทุกวันนี้ เพราะเขาได้ติดตามพระยาห์เวห์พระเจ้าของชาวอิสราเอลอย่างสิ้นสุดใจ 15 (ก่อนหน้านั้น เมืองเฮโบรนมีชื่อว่า คิริยาทอารบา อารบาคนนี้เป็นคนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในคนอานาค)

แล้วแผ่นดินก็หยุดพักจากสงคราม

ที่ดินสำหรับชนเผ่ายูดาห์

15 ที่ดินที่มอบให้เผ่ายูดาห์ แบ่งตามตระกูลต่างๆ ด้านใต้ติดกับเขตแดนของเอโดม คือไปถึงทะเลทรายศินเป็นที่สุดเขตด้านใต้ พรมแดนทางทิศใต้นั้นเริ่มจากตรงปลายของทะเลเกลือ จากอ่าวที่หันหน้าออกไปทางใต้[c] ยื่นลงไปทางด้านใต้ของเส้นผ่านทางแมงป่อง และผ่านเรื่อยไปถึงศิน แล้วขึ้นไปทางด้านใต้ของเมืองคาเดชบารเนีย และผ่านไปเมืองเฮสโรนขึ้นไปถึงเมืองอัดดาร์ และเลี้ยวไปถึงคารคา พรมแดนผ่านเรื่อยไปถึงอัสโมน และไล่ไปตามลำธารอียิปต์ จนมาสิ้นสุดที่ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน นี่จะเป็นพรมแดนทางใต้ของพวกยูดาห์

พรมแดนด้านตะวันออก คือติดกับทะเลเกลือ ขึ้นไปเรื่อยจนถึงปากแม่น้ำจอร์แดน พรมแดนทางเหนือ เริ่มจากอ่าวบริเวณปากแม่น้ำจอร์แดน และพรมแดนนั้นขึ้นไปถึงเมืองเบธฮกลาห์ เรื่อยขึ้นไปทางเหนือของเบธอาราบาห์ ขึ้นไปถึงก้อนหินโบฮัน (โบฮันเป็นลูกชายรูเบน) แล้วเขตแดนทางเหนือ ผ่านหุบเขาอาโคร์ไปจนถึงเมืองเดบีร์ แล้วเลี้ยวขึ้นทางทิศเหนือไปถึงกิลกาล ซึ่งอยู่ตรงข้ามเส้นผ่านทางอดุมมิมซึ่งอยู่ทางใต้ของหุบเขา แล้วเส้นเขตแดนก็อ้อมไปรอบพวกตาน้ำของเอนเชเมช และไปสิ้นสุดที่เอนโรเกล แล้วเขตแดนก็ผ่านหุบเขาลูกชายฮินโนม ถึงไหล่เขาด้านใต้ของเมืองชาวเยบุส (คือเมืองเยรูซาเล็ม) จากนั้น เส้นพรมแดนก็ขึ้นไปถึงยอดเนินเขาซึ่งอยู่ทางตะวันตกของหุบเขาฮินโนม ซึ่งอยู่ทางเหนือสุดของหุบเขาเรฟาอิม เส้นเขตแดนก็เลี้ยวจากจุดสูงสุดของเนินเขานั้นไปทางลำห้วยแห่งเนฟโทอาห์ จากนั้น มันก็เลาะไปตามหุบเขาจนไปถึงเมืองต่างๆของภูเขาเอโฟรน แล้วเขตแดนก็หันไปยังเมืองบาอาลาห์ (หรือเมืองคิริยาทเยอาริมนั่นเอง) 10 เขตแดนได้อ้อมไปทางตะวันตกของบาอาลาห์ไปถึงภูเขาเสอีร์ แล้วอ้อมไปทางลาดเขาทางทิศเหนือของภูเขายาอาริม (ซึ่งก็คือเคสะโลน) และมันก็ลงไปทางเมืองเบธเชเมชแล้วอ้อมไปถึงเมืองทิมนาห์ 11 พรมแดนได้ทอดยาวไปตามหุบเขาไปถึงเมืองเอโครน แล้วหันไปยังเมืองชิกเคโรน ผ่านไปถึงภูเขาบาอาลาห์ และต่อไปถึงเมืองยับเนเอล และไปสิ้นสุดลงที่ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน 12 พรมแดนด้านตะวันตกคือทะเลเมดิเตอร์เรเนียน นี่เป็นพรมแดนล้อมรอบคนยูดาห์ตามตระกูลของเขา

13 พระยาห์เวห์ได้สั่งให้โยชูวาแบ่งที่ดินให้กับคาเลบลูกชายของเยฟุนเนห์ ซึ่งเป็นที่ดินส่วนหนึ่งในเขตของคนยูดาห์ คือ คิริยาทอารบาหรือเมืองเฮโบรน (อารบา เป็นบรรพบุรุษของอานาค) 14 และคาเลบได้ขับไล่ลูกชายทั้งสามคนของอานาคออกไป คือ เชชัย อาหิมาน และทัลมัยผู้เป็นลูกหลานของอานาค 15 จากที่นั่น คาเลบได้ขึ้นไปต่อสู้กับประชาชนชาวเดบีร์ (เมืองเดบีร์ เดิมชื่อว่า คิริยาทเสเฟอร์) 16 คาเลบพูดว่า “ใครตีเมืองคิริยาทเสเฟอร์และยึดมันไว้ได้ เราจะยกอัคสาห์ลูกสาวของเราให้เป็นเมียคนนั้น”

17 โอทนีเอล ลูกชายเคนัสน้องชายของคาเลบยึดเมืองนั้นได้ ดังนั้น คาเลบจึงยกอัคสาห์ลูกสาวของเขาให้เป็นเมียของโอทนีเอล 18 เมื่ออัคสาห์มาพบโอทนีเอล นางได้รบเร้าให้เขา[d] ไปขอที่นาแห่งหนึ่งจากพ่อของนาง นางได้ลงมาจากหลังลา และคาเลบได้ถามนางว่า “ลูกจะเอาอะไรหรือ”

19 นางพูดว่า “ขอของขวัญให้กับลูกหน่อย เพราะพ่อได้ให้แผ่นดินที่แห้งแล้งในเนเกบกับลูก ดังนั้น ขอที่มันมีพวกตาน้ำกับลูกด้วย” ดังนั้น คาเลบจึงยกพวกตาน้ำด้านบนและด้านล่างให้กับนาง

20 ต่อไปนี้เป็นมรดกของชนเผ่ายูดาห์ ตามตระกูลต่างๆของพวกเขา 21 เมืองต่างๆทั้งหมดนี้เป็นของคนเผ่ายูดาห์ คือใกล้บริเวณใต้สุดที่ติดกับพรมแดนของเอโดม คือเมืองขับเซเอล เอเดอร์ ยากูร 22 คีนาห์ ดีโมนาห์ อาดาดาห์ 23 เคเดช ฮาโซร์อิทนาน 24 ศีฟ เทเลม เบอาโลท 25 ฮาโซรฮาดัททาห์ เคริโอทเฮสโรน (คือเมืองฮาโซร์) 26 อามัม เชมา โมลาดาห์ 27 ฮาซารกัดดาห์ เฮชโมน เบธเปเลต 28 ฮาซารชูอาล เบเออร์เชบา บิซิโอธิยาห์ 29 บาอาลาห์ อิยิม เอเซม 30 เอลโทลัด เคสิล โฮรมาห์ 31 ศิกลาก มัดมันนาห์ สันสันนาห์ 32 เลบาโอท ชิลฮิม อายิน และริมโมน ทั้งหมดยี่สิบเก้าเมือง กับชนบทของเมืองนั้นๆด้วย

33 ชนเผ่ายูดาห์ได้เมืองต่างๆตามแถบที่ลุ่มเชิงเขาด้านตะวันตก ด้วย คือเมืองเอชทาโอล โศราห์ อัชนาห์ 34 ศาโนอาห์ เอนกันนิม ทัปปูวาห์ เอนาม 35 ยารมูท อดุลลัม โสโคห์ อาเซคาห์ 36 ชาอาราอิม อดีธาอิม เกเดราห์ (หรือเกเดโรธาอิม) รวมเป็นสิบสี่เมืองกับชนบทของเมืองนั้นๆ

37 ชนเผ่ายูดาห์ยังได้รับเมืองเหล่านี้ด้วย คือ เศนัน ฮาดัสสาห์ มิกดัลกาด 38 ดิเลอัน มิสปาห์ โยกเธเอล 39 ลาคีช โบสคาท เอกโลน 40 คับโบน ลามัม คิทลิช 41 เกเดโรท เบธดาโกน นาอามาห์ และมักเคดาห์ รวมทั้งหมดสิบหกเมืองกับชนบทของเมืองนั้นๆ

42 ลิบนาห์ เอเธอร์ อาชัน 43 อิฟทาห์ อัชนาห์ เนซีบ 44 เคอีลาห์ อัคซีบ มาเรชาห์ รวมเป็นเก้าเมืองกับชนบทของเมืองนั้นๆ

45 เอโครนและเมืองต่างๆกับชนบทของมัน 46 ทางตะวันตกของเอโครน และเมืองทั้งหมดที่อยู่ใกล้กับเมืองอัชโดดและชนบทของมัน 47 อัชโดดกับบรรดาเมืองโดยรอบและชนบทของมัน กาซากับเมืองต่างๆโดยรอบ และชนบทของมัน ไปจนถึงลำธารอียิปต์และแนวฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน

48 ชนเผ่ายูดาห์ได้รับเมืองต่างๆในแถบเนินเขา คือ ชามีร์ ยาททีร์ โสโคห์ 49 ดานนาห์ คิริยาทสันนาห์ (คือเมืองเดบีร์) 50 อานาบ เอชเทโมห์ อานิม 51 โกเชน โฮโลน และกิโลห์ รวมเป็นสิบเอ็ดเมืองกับชนบทของเมืองนั้นๆ

52 อาหรับ ดูมาห์ เอชาน 53 ยานิม เบธทัปปูวาห์ อาเฟคาห์ 54 ฮุมทาห์ คิริยาทอารบา (คือเมืองเฮโบรน) และเมืองศิโยร์ รวมเป็นเก้าเมืองกับชนบทของเมืองนั้นๆ

55 มาโอน คารเมล ศีฟ ยุทธาห์ 56 ยิสเรเอล โยกเดอัม ศาโนอาห์ 57 คาอิน กิเบอาห์ และทิมนาห์ รวมเป็นสิบเมืองกับชนบทของเมืองนั้นๆ

58 ฮัลฮูล เบธซูร์ เกโดร์ 59 มาอาราธ เบธอาโนท และเอลเทโคน รวมเป็นหกเมืองกับชนบทของเมืองนั้นๆ

60 คิริยาทบาอัล (คือเมืองคิริยาทเยอาริม) และรับบาห์ รวมเป็นสองเมืองกับชนบทของเมืองนั้นๆ

61 เมืองในทะเลทรายคือ เบธอาราบาห์ มิดดีน เสคะคาห์ 62 นิบชาน เมืองเกลือ และเอนเกดี รวมเป็นหกเมืองกับชนบทของเมืองนั้นๆ

63 แต่ประชาชนชาวยูดาห์ไม่สามารถขับไล่ชาวเยบุสซึ่งอาศัยอยู่ในเมืองเยรูเซาเล็มออกไปได้ ดังนั้น ชาวเยบุสจึงได้อาศัยอยู่ร่วมกับประชาชนชาวยูดาห์ในเยรูซาเล็มมาจนถึงทุกวันนี้

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)

พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International