Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

Chronological

Read the Bible in the chronological order in which its stories and events occurred.
Duration: 365 days
Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)
Version
โยชูวา 5-8

เมื่อพวกกษัตริย์แห่งอาโมไรต์ทางทิศตะวันตกของแม่น้ำจอร์แดน และกษัตริย์ทั้งหลายของชาวคานาอันที่อยู่แถบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ได้ยินว่าพระยาห์เวห์ได้ทำให้น้ำในแม่น้ำจอร์แดนแห้งลงต่อหน้าประชาชนชาวอิสราเอล จนพวกเขาได้ข้ามฟากไปจนหมด เพราะอิสราเอลนี้ทำให้ใจของกษัตริย์เหล่านั้นฝ่อไปและหมดกำลังใจ

ชาวอิสราเอลทำพิธีขลิบ

เวลานั้นพระยาห์เวห์ได้พูดกับโยชูวาว่า “ให้เอาหินเหล็กไฟมาทำพวกมีดและทำพิธีขลิบให้กับชาวอิสราเอลอีกเป็นครั้งที่สอง[a]

ดังนั้นโยชูวาจึงทำมีดขึ้นหลายเล่มจากหินเหล็กไฟ และทำพิธีขลิบให้ชาวอิสราเอลที่กิเบอัธหะอาราโลท[b]

เหตุผลที่โยชูวาได้ทำพิธีขลิบให้กับพวกเขา เป็นเพราะพวกผู้ชายทั้งหมดในหมู่ประชาชนที่ออกมาจากประเทศอียิปต์ คือทุกคนที่เป็นทหารได้นั้น ได้ตายไปหมดแล้วในช่วงที่พวกเขาเดินทางอยู่ในทะเลทราย หลังจากที่ออกมาจากประเทศอียิปต์ ถึงแม้ว่าผู้ชายทั้งหมดที่ออกมาจากประเทศอียิปต์ได้ทำพิธีขลิบกันหมดแล้ว แต่คนที่เกิดในทะเลทรายในระหว่างการเดินทาง หลังจากออกมาจากอียิปต์แล้วนั้น ยังไม่ได้ทำพิธีขลิบกันเลย ชาวอิสราเอลได้เดินทางไปในทะเลทรายเป็นเวลาสี่สิบปี จนชนชาติทั้งหมด คือพวกทหารที่ได้ออกมาจากอียิปต์เสียชีวิตกันไปหมด เพราะพวกเขาไม่ยอมเชื่อฟังพระยาห์เวห์ พระองค์ได้สาบานกับพวกเขาว่า พระองค์จะไม่ยอมให้พวกเขาได้เห็นแผ่นดินที่พระองค์เคยสาบานกับบรรพบุรุษ[c] ของพวกเขาว่าจะยกให้กับพวกเรา ซึ่งเป็นแผ่นดินที่อุดมสมบูรณ์มาก[d] ดังนั้น พระองค์จึงได้ยกพวกลูกชายของพวกเขาขึ้นมาแทนที่ และคนพวกนี้นี่แหละที่โยชูวาทำพิธีขลิบให้ เพราะพวกเขายังไม่เคยเข้าพิธีขลิบมาก่อนในระหว่างการเดินทาง เมื่อพวกเขาทั้งหมดได้รับการขลิบเรียบร้อยแล้ว ก็กลับไปที่พักของตนในค่ายจนกว่าจะหายดี

เทศกาลปลดปล่อยครั้งแรก

พระยาห์เวห์ได้พูดกลับโยชูวาว่า “วันนี้เราได้กลิ้งความอดสูที่เกิดในอียิปต์พ้นไปจากพวกเจ้าแล้ว” ดังนั้น สถานที่นี้จึงมีชื่อว่า กิลกาล[e] มาจนถึงทุกวันนี้

10 ขณะที่ชาวอิสราเอลตั้งค่ายอยู่ที่กิลกาล พวกเขาได้ฉลองเทศกาลวันปลดปล่อย ในเย็นวันที่สิบสี่ของเดือน ตรงที่ราบของเมืองเยริโค 11 วันรุ่งขึ้นหลังจากเทศกาลวันปลดปล่อย พวกเขาได้กินผลผลิตที่เกิดจากแผ่นดิน คือ ขนมปังไร้เชื้อและข้าวคั่ว 12 ในวันนั้นที่พวกเขาได้กินผลผลิตจากแผ่นดิน มานาก็หยุดตก ต่อจากนั้นมาชาวอิสราเอลก็ไม่ได้กินมานาอีกเลย ในปีนั้นพวกเขาได้กินพืชผลที่เก็บเกี่ยวจากแผ่นดินคานาอัน

บุรุษผู้ถือดาบในนิมิตของโยชูวา

13 มีอยู่ครั้งหนึ่ง เมื่อโยชูวาอยู่แถวชานเมืองเยริโค เขาได้เงยหน้าขึ้นเห็นชายคนหนึ่งที่มีดาบที่ชักออกมาแล้วอยู่ในมือ ยืนอยู่ต่อหน้าท่าน โยชูวาเข้าไปหาชายคนนั้นและถามว่า “ท่านอยู่ฝ่ายเราหรือฝ่ายศัตรู”

14 ชายคนนั้นตอบว่า “ไม่ใช่ทั้งนั้น แต่เรามาที่นี่ในฐานะแม่ทัพของกองทัพแห่งพระยาห์เวห์” ดังนั้น โยชูวาจึงก้มหน้ากับพื้นกราบไหว้ชายคนนั้น และพูดว่า “เจ้านาย[f]ของข้าพเจ้า ท่านจะสั่งให้ผู้รับใช้ของท่านทำอะไรครับ”

15 แม่ทัพของกองทัพแห่งพระยาห์เวห์พูดกับโยชูวาว่า “ถอดรองเท้าของเจ้าออก เพราะที่ที่เจ้ายืนอยู่นี้เป็นที่ศักดิ์สิทธิ์” โยชูวาก็ทำตามนั้น

การยึดเมืองเยริโค

เป็นเพราะชาวอิสราเอล ประตูเมืองเยริโคจึงถูกปิดลงและมีการป้องกันอย่างแน่นหนา ไม่มีใครเข้าหรือออกจากเมืองเลย

พระยาห์เวห์พูดกับโยชูวาว่า “ดูเถิด เราได้ยกเมืองเยริโคให้กับเจ้าแล้ว ทั้งกษัตริย์และเหล่าทหารกล้าของมันด้วย พวกเจ้า คือกองทหารทั้งหมดต้องเดินขบวนไปรอบๆเมืองหนึ่งรอบ เจ้าต้องทำอย่างนี้หกวัน ให้นักบวชเจ็ดคนถือแตรเขาแกะคนละอัน เดินนำหน้าหีบศักดิ์สิทธิ์ ในวันที่เจ็ดให้พวกเจ้าเดินรอบเมืองเจ็ดรอบ และให้พวกนักบวชเป่าแตรเขาแกะไปด้วย เมื่อเขาเป่าแตรเสียงยาว เมื่อพวกเจ้าทั้งหลายได้ยินเสียงแตรนั้น ก็ให้ประชาชนทั้งหมดโห่ร้องเสียงดัง และกำแพงก็จะพังราบลงมา แล้วทุกคนก็จะบุกเข้าไปตรงหน้า”

โยชูวาลูกชายของนูนจึงได้เรียกพวกนักบวชมาสั่งว่า “ให้ยกหีบที่เก็บข้อตกลงขึ้น และให้นักบวชเจ็ดคนถือแตรเขาแกะคนละอัน นำหน้าหีบของพระยาห์เวห์ไป”

โยชูวาได้สั่งกับประชาชนว่า “ให้เคลื่อนขบวนไปข้างหน้าและเดินแถวไปรอบๆเมือง ให้ทหารที่ติดอาวุธเดินนำหน้าหีบแห่งพระยาห์เวห์”

ทุกอย่างเป็นไปตามที่โยชูวาได้สั่งกับประชาชนคือ นักบวชเจ็ดคนที่ถือแตรเขาแกะคนละอัน เดินนำหน้าหีบของพระยาห์เวห์ และเป่าแตรไป และหีบที่เก็บข้อตกลงของพระยาห์เวห์ได้เคลื่อนตามพวกเขาไป พวกทหารเดินนำหน้าพวกนักบวชที่กำลังเป่าแตรอยู่ และมีกองระวังหลังเดินรั้งท้ายหีบนั้น และเขาแกะก็เป่าต่อไปเรื่อยๆ 10 โยชูวาได้สั่งประชาชนว่า “อย่าได้โห่ร้อง หรือให้ใครได้ยินเสียงของท่าน และอย่าให้คำพูดหลุดออกมาจากปากท่าน จนกว่าจะถึงวันที่เราจะบอกให้พวกท่านโห่ร้อง เมื่อนั้นพวกท่านถึงค่อยโห่ร้องออกมา”

11 ดังนั้น โยชูวาให้นำหีบของพระยาห์เวห์ออกไปวนรอบเมืองหนึ่งรอบ แล้วพวกเขาก็กลับเข้ามาในค่าย และค้างคืนอยู่ในค่ายนั้น

12 โยชูวาตื่นขึ้นแต่เช้าตรู่ และพวกนักบวชก็ยกหีบของพระยาห์เวห์ขึ้นแบก 13 นักบวชเจ็ดคนที่ถือแตรเขาแกะคนละอัน เดินนำหน้าหีบของพระยาห์เวห์ไป และเป่าแตรไปเรื่อยๆมีทหารเดินอยู่ข้างหน้าพวกเขา และมีกองระวังหลังเดินรั้งท้ายอยู่หลังหีบของพระยาห์เวห์ เขาแกะก็ถูกเป่าไปเรื่อยๆ 14 ในวันที่สองนั้น พวกเขาเดินรอบเมืองหนึ่งรอบ แล้วก็กลับเข้าค่าย พวกเขาทำอย่างนี้จนครบหกวัน

15 ในวันที่เจ็ด พวกเขาลุกขึ้นเมื่อท้องฟ้าเริ่มทอแสง และได้เดินขบวนไปรอบๆเมืองอย่างเคย แต่วันนี้เดินเจ็ดรอบ เฉพาะวันนี้วันเดียวพวกเขาเดินไปรอบเมืองเจ็ดรอบ 16 เมื่อถึงรอบที่เจ็ด พวกนักบวชก็เป่าแตรเขาแกะขึ้น โยชูวาได้พูดกับประชาชนว่า “โห่ร้องเถิด เพราะพระยาห์เวห์ได้ยกเมืองนี้ให้กับพวกท่านแล้ว 17 เมืองทั้งเมืองและทุกสิ่งทุกอย่างภายในเมืองนี้จะต้องถูกทำลายให้หมดสิ้นเพื่อเป็นของถวายแด่พระยาห์เวห์ เว้นแต่โสเภณีที่ชื่อราหับและคนทั้งหมดที่อยู่กับนางในบ้านของนางเท่านั้นที่จะรอดชีวิต เพราะนางได้ให้ที่หลบซ่อนแก่พวกผู้สอดแนมที่เราได้ส่งไป 18 อย่าไปแตะต้องสิ่งที่จะต้องทำลายเพื่อถวายให้กับพระยาห์เวห์นั้น เพื่อท่านจะได้ไม่เกิดความโลภ แล้วเก็บส่วนหนึ่งของสิ่งที่จะต้องทำลายให้หมดสิ้นนั้นกลับมา ซึ่งจะทำให้ค่ายของชาวอิสราเอลต้องถูกทำลายไป และพวกท่านก็จะเป็นต้นเหตุของความทุกข์ยากนั้น 19 แต่บรรดาเงิน ทอง และสิ่งของที่ทำจากทองสัมฤทธิ์และเหล็ก เป็นของศักดิ์สิทธิ์ของพระยาห์เวห์ ให้นำพวกมันไปเก็บไว้ในคลังสมบัติของพระยาห์เวห์”

20 ดังนั้นประชาชนจึงโห่ร้อง และพวกนักบวชก็ได้เป่าแตรขึ้น ทันทีที่ประชาชนได้ยินเสียงแตร พวกเขาก็โห่ร้องเสียงดัง กำแพงก็พังทลายลง ทหารก็บุกตรงเข้าไปในเมืองและยึดเมืองไว้ได้ 21 พวกเขาทำลายทุกสิ่งทุกอย่างในเมืองด้วยคมดาบ ไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิง เด็กหรือแก่ รวมทั้งวัว แกะและลา

22 โยชูวาได้สั่งชายสองคนที่เขาเคยส่งเข้ามาสอดแนมว่า “ให้เข้าไปในบ้านของหญิงโสเภณีคนนั้น และนำตัวนางรวมทั้งคนอื่นๆที่อยู่กับนางออกมา ดังที่พวกท่านได้เคยสัญญาไว้กับนาง”

23 ดังนั้น ชายหนุ่มทั้งสองที่เคยเป็นผู้สอดแนมจึงได้เข้าไปในบ้านของราหับ และได้นำตัวราหับ พ่อแม่ พี่น้อง และทุกคนที่อยู่ที่นั่นกับนางออกมา พวกเขาได้พาญาติๆทั้งหมดของนางไปไว้ที่นอกค่ายของอิสราเอล

24 พวกเขาจึงได้จุดไฟเผาเมือง และทุกสิ่งทุกอย่างในเมืองนั้น ส่วนเงิน ทอง เครื่องใช้ที่ทำจากทองสัมฤทธิ์และเหล็ก พวกเขาได้นำมาไว้ในคลังสมบัติในบ้านของพระยาห์เวห์ 25 แต่โยชูวาได้ไว้ชีวิตราหับที่เป็นโสเภณีและครอบครัวทั้งหมดของนาง รวมทั้งทุกคนที่อยู่กับนาง และพวกลูกหลานของนาง[g] ก็ได้อาศัยอยู่ท่ามกลางชาวอิสราเอลมาจนถึงทุกวันนี้[h] เพราะนางได้ซ่อนตัวพวกคนส่งข่าวที่โยชูวาได้ส่งเข้าไปสอดแนมในเมืองเยริโค

26 แล้วโยชูวาได้สาบานไว้ว่า

“ขอให้ใครก็ตามที่พยายามสร้างเมืองเยริโคนี้ขึ้นมาใหม่
    ถูกสาปแช่งต่อหน้าพระยาห์เวห์
ถ้าเขาวางรากฐานของเมืองนี้
    ก็ขอให้ลูกชายคนแรกของเขาตาย
ถ้าเขาตั้งประตูเมืองขึ้น
    ก็ขอให้ลูกชายคนเล็กของเขาตาย”[i]

27 ดังนั้นพระยาห์เวห์ได้อยู่กับโยชูวา และชื่อเสียงของท่านก็ได้เลื่องลือไปทั่วแผ่นดิน

บาปของอาคาน

แต่ชาวอิสราเอลไม่เชื่อฟังคำสั่งในเรื่องสิ่งของที่ต้องถูกทำลาย อาคานลูกชายของคารมีที่เป็นลูกชายของศับดีที่เป็นลูกชายของเศราห์จากเผ่ายูดาห์ ได้แอบเอาของบางส่วนมาจากสิ่งต่างๆที่ต้องถูกทำลาย ดังนั้นความโกรธของพระยาห์เวห์ได้พลุ่งขึ้นต่อคนอิสราเอล

ฝ่ายโยชูวาได้ส่งคนกลุ่มหนึ่งออกจากเมืองเยริโคไปยังเมืองอัย[j] ซึ่งอยู่ใกล้ๆกับเมืองเบธาเวน ทางด้านตะวันออกของเมืองเบธเอล โยชูวาบอกพวกเขาว่า “ขึ้นไปสอดแนมแผ่นดินนั้นมา” ดังนั้นพวกเขาจึงขึ้นไปสอดแนมเมืองอัย

แล้วพวกเขาได้กลับมารายงานโยชูวาว่า “ไม่จำเป็นต้องให้ประชาชนทั้งหมดขึ้นไปต่อสู้กับเมืองอัย ให้ใช้คนแค่สองสามพันคนขึ้นไปตีเมืองอัยก็พอ อย่าให้ประชาชนทั้งหมดต้องเสียแรงขึ้นไปถึงที่นั่นเลย เพราะเมืองอัยมีประชาชนน้อย”

ประชาชนประมาณสามพันคนจึงได้เดินทางขึ้นไปที่เมืองอัย แต่พวกเขาก็ต้องถูกชาวเมืองอัยตีจนแตกหนีกลับมา และถูกฆ่าตายประมาณสามสิบหกคน และชาวเมืองอัยยังไล่ล่าชาวอิสราเอลตั้งแต่ที่หน้าประตูเมืองไปจนถึงเหมืองหิน[k] และฆ่าพวกเขาที่ทางลาดแห่งนั้น

ดังนั้น ชาวอิสราเอลจึงกลัวจนจิตใจหลอมละลายไปอย่างน้ำ โยชูวาได้ฉีกเสื้อผ้าของเขาและซบหน้าลงบนพื้นดินต่อหน้าหีบของพระยาห์เวห์จนถึงเวลาเย็น พร้อมๆกับพวกผู้อาวุโสของชาวอิสราเอล พวกเขาต่างก็เอาฝุ่นโปรยลงบนหัวตัวเอง

โยชูวาพูดว่า “ข้าแต่พระยาห์เวห์ องค์เจ้าชีวิต พระองค์นำประชาชนทั้งหมดข้ามแม่น้ำจอร์แดนมาทำไมกัน เพื่อให้ชาวอาโมไรต์ทำลายล้างพวกเราอย่างนั้นหรือ เสียดายจริงๆพวกเราน่าจะพอใจที่จะอยู่อีกฝั่งหนึ่งของแม่น้ำจอร์แดนมากกว่า พระองค์เจ้าข้า ข้าพเจ้าไม่รู้จะพูดอะไรแล้ว ในเมื่อชาวอิสราเอลได้หันหลังหนีจากศัตรูเสียแล้ว ชาวคานาอัน และบรรดาประชาชนที่อาศัยอยู่ในแผ่นดินนี้ จะได้ยินเรื่องนี้และจะพากันมาปิดล้อมและลบล้างพวกเราไปจากแผ่นดินโลก เมื่อถึงขั้นนั้น พระองค์จะทำอะไรเพื่อกู้ชื่อเสียงอันยิ่งใหญ่ของพระองค์”

10 ดังนั้นพระยาห์เวห์จึงพูดกับโยชูวาว่า “ลุกขึ้น เจ้าจะซบหน้าอยู่อย่างนี้ทำไม 11 ชาวอิสราเอลได้ทำบาป พวกเขาได้ละเมิดข้อตกลงที่เราได้สั่งพวกเขาไว้ พวกเขาได้เอาของบางส่วนที่เราสั่งให้ทำลาย พวกเขาได้ขโมยพวกมันไปและโกหก พวกเขาได้เอาสิ่งเหล่านั้นไปรวมไว้กับของของพวกเขา 12 ชาวอิสราเอลก็เลยไม่สามารถยืนหยัดต่อสู้ศัตรูได้ พวกเขาวิ่งหนีจากศัตรู เพราะพวกเขาเองได้กลายเป็นสิ่งที่จะต้องถูกทำลายให้กับเรา เราจะไม่อยู่กับพวกเจ้าอีกต่อไป นอกจากว่าพวกเจ้าจะเอาของเหล่านั้นที่ต้องทำลาย ออกไปเสียจากพวกเจ้า

13 ให้ไปชำระประชาชนให้บริสุทธิ์และพูดว่า ‘ให้ชำระตัวของพวกท่านไว้สำหรับวันพรุ่งนี้ เพราะนี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของชาวอิสราเอลได้พูด “ชาวอิสราเอล ท่ามกลางพวกเจ้ายังมีสิ่งของที่เราได้สั่งให้ทำลายเก็บไว้อยู่ เจ้าจะไม่สามารถยืนหยัดต่อสู้ศัตรูได้ จนกว่าพวกเจ้าจะเอาสิ่งเหล่านั้นที่เราได้สั่งให้ทำลายออกไปเสียจากพวกเจ้า”

14 ในตอนเช้า ให้พวกเจ้าเข้ามาทีละเผ่า และเผ่าที่พระยาห์เวห์เลือก ก็ให้เข้ามาทีละตระกูล ตระกูลที่พระยาห์เวห์เลือก ก็ให้เข้ามาทีละครอบครัว ครอบครัวที่พระยาห์เวห์เลือก ก็ให้เข้ามาทีละคน 15 คนใดที่ถูกจับได้ว่ามีสิ่งเหล่านั้นที่ต้องถูกทำลาย จะต้องถูกเผาไปพร้อมๆกับทุกสิ่งที่เป็นของเขา เพราะเขาได้ละเมิดข้อตกลงของพระยาห์เวห์และได้ทำสิ่งที่น่าละอายในอิสราเอล’”

16 ดังนั้น โยชูวาจึงตื่นขึ้นแต่เช้าตรู่ และได้นำชาวอิสราเอลเข้ามาทีละเผ่า และพระยาห์เวห์ได้เลือกเผ่ายูดาห์ 17 เขาให้ตระกูลต่างๆในเผ่ายูดาห์เข้ามา และตระกูลของเศราห์ถูกเลือกออกมา เขาให้แต่ละครอบครัวในตระกูลเศราห์มา ครอบครัวของศับดีถูกเลือกออกมา 18 โยชูวาได้ให้คนในครอบครัวศับดีเข้ามาทีละคน และคนที่ถูกเลือกคืออาคานลูกชายของคารมีที่เป็นลูกชายของศับดีจากเผ่ายูดาห์

19 แล้วโยชูวาก็พูดกับอาคานว่า “ลูกเอ๋ย ให้เกียรติกับพระยาห์เวห์พระเจ้าของอิสราเอลและสารภาพกับพระองค์เถิด ให้บอกเรามาสิว่า เจ้าได้ทำอะไรลงไป อย่าได้ปิดบังอะไรจากเราเลย”

20 อาคานได้ตอบโยชูวาว่า “ถูกแล้ว ข้าพเจ้าได้ทำบาปต่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของประชาชนอิสราเอล นี่คือสิ่งที่ข้าพเจ้าได้ทำไป 21 คือในพวกสิ่งของทั้งหมดที่พวกเรายึดมาได้นั้น ข้าพเจ้าได้เห็นเสื้อคลุมตัวงามจากบาบิโลน เงินกว่าสองกิโลกรัม และทองคำแท่งหนึ่งหนักประมาณหกร้อยกรัม ข้าพเจ้าอยากได้ของเหล่านั้นมาก จึงได้เอามันมาและซ่อนไว้ในพื้นดินใต้เต็นท์ของข้าพเจ้า โดยวางเงินอยู่ด้านล่าง”

22 โยชูวาจึงได้ส่งคนไป พวกเขาวิ่งไปที่เต็นท์หลังนั้น และได้พบของที่ถูกซ่อนไว้ในเต็นท์นั้น โดยมีเงินวางอยู่ด้านล่าง 23 พวกเขานำของเหล่านั้นออกมาจากเต็นท์ และนำไปที่โยชูวาและชาวอิสราเอลทั้งหมดอยู่ แล้ววางของเหล่านั้นไว้ต่อหน้าพระยาห์เวห์

24 แล้วโยชูวาและชาวอิสราเอลทั้งหมดก็ได้พาอาคานลูกชายของเศราห์ พร้อมกับเงิน เสื้อคลุม ทองแท่ง พวกลูกชายลูกสาวของเขา พวกวัว ลาและแกะทั้งหลาย รวมทั้งเต็นท์ของเขา และทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นของเขา ขึ้นไปที่หุบเขาอาโคร์ 25 โยชูวาพูดว่า “ทำไมเจ้าถึงได้นำความเดือดร้อนนี้มาให้กับพวกเรา วันนี้ พระยาห์เวห์จะนำความเดือดร้อนมาให้กับเจ้า” จากนั้นประชาชนชาวอิสราเอลก็พากันเอาหินขว้างใส่อาคานกับครอบครัวของเขาให้ตาย เผาครอบครัวของอาคานและทรัพย์สินทั้งหมดของเขา และขว้างก้อนหินใส่พวกเขา 26 แล้วชาวอิสราเอลก็เอาก้อนหินมากองทับร่างของเขาไว้และมันก็ยังอยู่จนถึงทุกวันนี้[l] นั่นเป็นเหตุที่เขาเรียกสถานที่แห่งนั้นว่าหุบเขาอาโคร์[m]

หลังจากนั้นพระยาห์เวห์ก็หายจากความโกรธที่แผดเผานั้น

การทำลายเมืองอัย

จากนั้นพระยาห์เวห์ได้พูดกับโยชูวาว่า “อย่าได้กลัวหรือท้อถอย ให้นำเหล่านักรบทั้งหมดไปกับเจ้า และขึ้นไปยังเมืองอัย[n] ดูเถิด เราได้มอบกษัตริย์เมืองอัย ประชาชนของเขา รวมทั้งเมืองและแผ่นดินของเขาไว้ในมือของเจ้าแล้ว เจ้าจะทำกับเมืองอัยและกษัตริย์ของเมืองนี้ อย่างกับที่เจ้าได้ทำกับเมืองเยริโคและกษัตริย์ของเขามาแล้ว แต่ครั้งนี้ เจ้าจะได้รับอนุญาตให้เก็บทรัพย์สมบัติในเมืองและสัตว์เลี้ยงไว้เป็นของพวกเจ้าได้ ให้จัดทหารไว้ซุ่มโจมตีจากทางด้านหลังของเมือง”

ดังนั้นโยชูวาจึงได้นำทหารทั้งหมดขึ้นไปเมืองอัย โยชูวาได้คัดทหารชั้นเยี่ยมออกมาสามหมื่นคน และส่งพวกเขาออกไปในตอนกลางคืน เขาได้สั่งพวกทหารกลุ่มนี้ว่า “ฟังให้ดี ให้พวกเจ้าคอยดักซุ่มอยู่ทางด้านหลังของเมือง อย่าไปไกลจากเมืองนัก ให้พวกเจ้าทั้งหมดตื่นตัวอยู่ตลอด เราและประชาชนของเราจะเข้าประชิดตัวเมือง เมื่อพวกเขาออกมาต่อสู้กับพวกเรา พวกเราก็จะแกล้งถอยหนีพวกเขาเหมือนครั้งก่อน พวกเขาจะได้ตามเราออกมา จนกว่าเราได้ล่อให้พวกเขาออกห่างจากตัวเมือง เพราะพวกเขาจะพูดว่า ‘พวกนั้นกำลังหนีพวกเราเหมือนครั้งก่อน’ ดังนั้น พอพวกเราหนีพวกเขาออกไปนั้น ถึงตอนนั้น ก็ให้พวกเจ้าลุกขึ้นจากที่ซ่อน และเข้ายึดเมืองไว้ พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเจ้าก็จะมอบเมืองนี้ไว้ในมือของพวกเจ้า

เมื่อพวกเจ้ายึดเมืองได้ ให้จุดไฟเผาเมืองซะ พวกเจ้าต้องทำตามที่พระยาห์เวห์ได้สั่งไว้ นี่คือคำสั่งทั้งหลายสำหรับพวกเจ้า ไปลงมือได้เลย”

แล้วโยชูวาก็ได้ส่งพวกเขาออกไป พวกเขาได้ไปยังที่ซ่อนตัวของพวกเขา พวกเขาได้แอบซุ่มอยู่ระหว่างเมืองเบธเอลกับเมืองอัย ทางทิศตะวันตกของเมืองอัย แต่ในคืนนั้นโยชูวายังอยู่ในค่ายกับประชาชน

10 วันต่อมา โยชูวาตื่นแต่เช้าตรู่ และได้เรียกประชาชนให้มารวมตัวกัน แล้วเขากับพวกผู้อาวุโสของอิสราเอลก็ได้นำทัพประชาชนขึ้นไปที่เมืองอัย 11 พวกทหารทั้งหมดที่อยู่กับเขาก็ได้เดินทัพขึ้นไป และเข้าใกล้เมืองอัย จนกระทั่งพวกเขาได้มาถึงด้านหน้าของเมือง จึงได้ตั้งค่ายอยู่ทางทิศเหนือของเมืองอัย มีหุบเขาคั่นระหว่างพวกเขากับเมืองอัย

12 โยชูวา ได้จัดกำลังคนประมาณห้าพันให้แอบซุ่มอยู่ระหว่างเมืองเบธเอลกับเมืองอัย ทางทิศตะวันตกของเมือง 13 พวกเขาได้วางกองกำลังไว้ตามที่ของมัน ค่ายหลักอยู่ทางทิศเหนือของเมือง และพวกที่ดักซุ่มก็อยู่ทางทิศตะวันตกของเมือง ในคืนนั้นโยชูวาได้เข้าไปในหุบเขา

14 เมื่อกษัตริย์เมืองอัยเห็นอย่างนั้น เขาและประชาชนในเมืองก็รีบออกมาแต่เช้าตรู่ เพื่อต่อสู้กับชาวอิสราเอล ปะทะกันที่ด้านหน้าของหุบเขาจอร์แดน แต่กษัตริย์เมืองอัยไม่รู้ว่ายังมีกองทหารอีกหนึ่งกองแอบซุ่มอยู่ทางด้านหลังของเมือง

15 โยชูวาและพวกทหารแกล้งทำเป็นพ่ายแพ้และวิ่งหนีไปทางทะเลทราย 16 ชาวเมืองอัยทุกคนถูกสั่งให้ไล่ตามพวกนั้นไป เมื่อพวกเขาไล่ตามโยชูวาไป พวกเขาก็ถูกล่อให้ออกห่างจากเมือง 17 ไม่มีผู้ชายเหลือเลยสักคนเดียวในเมืองอัยหรือเมืองเบธเอล เพราะผู้ชายทุกคนได้ออกไปไล่ตามชาวอิสราเอลจนหมด พวกเขาทิ้งประตูเมืองให้เปิดอยู่และไปไล่ตามชาวอิสราเอล

18 แล้วพระยาห์เวห์พูดกับโยชูวาว่า “ให้ยื่นหอกที่อยู่ในมือของเจ้าไปที่เมืองอัย เพราะเราจะมอบเมืองอัยให้อยู่ในกำมือของเจ้า” โยชูวาจึงยื่นหอกที่อยู่ในมือไปที่เมืองอัย 19 ทันใดนั้น ทหารที่แอบซุ่มอยู่ก็ออกมาจากที่ซ่อนของพวกเขาอย่างรวดเร็ว และรีบบุกไปข้างหน้าทันทีที่โยชูวายื่นมือของเขาออกไป พวกเขาได้เข้าไปในเมืองและยึดเมืองไว้ และรีบจุดไฟเผาเมือง

20 เมื่อชาวเมืองอัยเหลียวหลังมาดู ก็เห็นกลุ่มควันลอยออกมาจากเมืองพลุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า แต่พวกเขาก็หมดทางหนี เพราะชาวอิสราเอลที่ก่อนหน้านี้ได้หนีไปทางทะเลทราย ได้หันกลับมาต่อสู้กับคนที่ไล่ล่าพวกเขา 21 คือ เมื่อโยชูวากับพวกชาวอิสราเอลเห็นว่าทหารที่แอบซุ่มอยู่ ได้เข้ายึดเมืองและได้เห็นควันจากในเมืองกำลังพลุ่งขึ้น พวกเขาก็ได้หันกลับมาโจมตีชาวเมืองอัย 22 พวกทหารอิสราเอลที่เคยแอบซุ่มอยู่ก็วิ่งออกมาจากเมืองเพื่อต่อสู้กับชาวเมืองอัย ดังนั้น ชาวเมืองอัยจึงถูกล้อมอยู่ในทุกๆด้าน ท่ามกลางชาวอิสราเอล และชาวอิสราเอลได้โจมตีพวกเขาจนไม่มีใครรอดชีวิตหรือหลบหนีไปได้ 23 แต่พวกเขาได้จับตัวกษัตริย์ของเมืองอัยไว้และได้นำตัวมาให้กับโยชูวา

การตรวจผลการสู้รบ

24 เมื่อชาวเมืองอิสราเอลได้ไล่ฆ่าชาวเมืองอัยที่วิ่งหนีไปในท้องทุ่ง และในทะเลทรายจนหมดเกลี้ยงทุกคนแล้ว กองทัพชาวอิสราเอลก็กลับเข้าสู่เมืองอัยและโจมตีคนในเมืองที่ยังหลงเหลืออยู่ 25 ในวันนั้น พวกเขาฆ่าชาวเมืองอัยทั้งชายและหญิง ตายไปทั้งหมดหนึ่งหมื่นสองพันคน 26 โยชูวาไม่ได้หดมือที่ถือหอกของเขากลับเข้ามา จนกระทั่งประชาชนของเมืองอัยถูกทำลายล้างจนหมดสิ้น 27 แต่คนอิสราเอลได้ริบเอาสัตว์เลี้ยงและของมีค่าของเมืองไป ตามที่พระยาห์เวห์ได้สั่งโยชูวาไว้

28 แล้วโยชูวาได้เผาเมืองอัย และทำให้มันกลายเป็นซากปรักหักพังจนถึงทุกวันนี้ 29 และได้เสียบศพของกษัตริย์เมืองอัยบนต้นไม้จนกระทั่งถึงตอนเย็น และเมื่อดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้า โยชูวาจึงสั่งให้ปลดศพของกษัตริย์ลงมาจากต้นไม้และนำไปทิ้งไว้ที่ทางเข้าประตูเมือง แล้วพวกเขาได้ยกเอาก้อนหินมาทับไว้จนเป็นกองใหญ่และมันก็ยังอยู่จนถึงทุกวันนี้

การอ่านคำอวยพรและคำสาปแช่ง

30 แล้วโยชูวาได้สร้างแท่นบูชาให้แก่พระยาห์เวห์พระเจ้าของชาวอิสราเอล บนภูเขาเอบาล 31 ดังที่โมเสสผู้รับใช้ของพระยาห์เวห์ได้สั่งชาวอิสราเอลไว้ โยชูวาสร้างมันขึ้นมาตามที่มีเขียนไว้ในหนังสือกฎของโมเสส ที่ว่า “แท่นบูชาจะต้องทำจากพวกหินที่ไม่มีการตัดแต่ง ไม่มีการใช้เครื่องมือเหล็กใดๆบนแท่นบูชานี้” พวกเขาได้เผาเครื่องเผาบูชาให้แก่พระยาห์เวห์บนแท่นบูชานี้ และได้ถวายเครื่องสังสรรค์บูชาด้วย

32 ตรงนั้น โยชูวาได้คัดลอกกฎของโมเสสลงบนหินต่อหน้าชาวอิสราเอลทั้งหลาย 33 ชาวอิสราเอลทั้งหมด ชาวต่างชาติรวมทั้งคนที่เกิดในอิสราเอล พวกผู้นำอาวุโส พวกเจ้าหน้าที่ และพวกผู้พิพากษาทั้งหลาย ต่างยืนอยู่สองข้างของหีบเก็บข้อตกลงของพระยาห์เวห์ หันหน้าไปทางพวกนักบวชชาวเลวีที่แบกหีบนั้นอยู่ ประชาชนครึ่งหนึ่งก็ยืนอยู่ด้านหน้าภูเขาเกริซิม และประชาชนอีกครึ่งหนึ่งก็ยืนอยู่ด้านหน้าภูเขาเอบาล ดังที่โมเสสผู้รับใช้ของพระยาห์เวห์เคยสั่งเอาไว้ก่อนหน้านี้ ตอนที่ท่านให้คำสั่งเกี่ยวกับการอวยพรชาวอิสราเอล[o]

34 หลังจากนั้น โยชูวาจึงอ่านถ้อยคำทั้งหมดจากกฎข้อปฏิบัตินั้น รวมทั้งคำอวยพรและคำสาปแช่ง ตามที่ได้เขียนไว้ในหนังสือกฎปฏิบัตินั้น 35 โยชูวาได้อ่านทุกๆคำที่โมเสสได้สั่งไว้ ต่อหน้าที่ชุมนุมของชาวอิสราเอลทั้งหมด รวมทั้งผู้หญิง เด็กๆและคนต่างชาติที่อาศัยอยู่ท่ามกลางพวกเขา

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)

พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International