Chronological
กฎเกี่ยวกับการกินเนื้อสัตว์
(ฉธบ. 14:3-8)
11 พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสและอาโรนว่า 2 “ให้บอกกับประชาชนชาวอิสราเอลว่า ‘ต่อไปนี้คือสัตว์ที่พวกเจ้ากินได้ จากท่ามกลางสัตว์ใหญ่ทั้งหมดในโลกนี้ 3 สัตว์อะไรก็ตามที่มีเท้าเป็นกีบ แยกจากกันและเคี้ยวเอื้อง[a] เจ้าก็กินสัตว์นั้นได้
4 แต่สัตว์ที่มีเพียงอย่างใดอย่างหนึ่ง คือเคี้ยวเอื้องหรือมีเท้าเป็นกีบ เจ้าต้องไม่กินสัตว์นั้น เช่น อูฐ มันเคี้ยวเอื้องแต่เท้าไม่เป็นกีบแยกออก มันไม่บริสุทธิ์สำหรับพวกเจ้า 5 ตัวไฮแรกซ์[b] เท้าไม่เป็นกีบแยกออก ถึงแม้จะเคี้ยวเอื้อง มันจึงไม่บริสุทธิ์สำหรับพวกเจ้า 6 กระต่ายก็เหมือนกัน เคี้ยวเอื้องแต่เท้าไม่เป็นกีบแยกออก จึงไม่บริสุทธิ์สำหรับพวกเจ้า 7 ส่วนหมู ถึงแม้เท้าจะเป็นกีบ แต่ไม่เคี้ยวเอื้อง มันจึงไม่บริสุทธิ์สำหรับพวกเจ้า 8 เจ้าต้องไม่กินเนื้อของพวกมันและต้องไม่แตะต้องซากของพวกมันด้วย เพราะมันไม่บริสุทธิ์สำหรับพวกเจ้า
กฎเกี่ยวกับอาหารทะเล
(ฉธบ. 14:9, 10)
9 จากสิ่งมีชีวิตทั้งหมดในน้ำ เจ้ากินสิ่งต่อไปนี้ได้ คือสิ่งมีชีวิตทุกอย่างในน้ำที่มีทั้งครีบและเกล็ด ไม่ว่าจะมีอยู่ในทะเลหรือแม่น้ำก็ตาม 10 แต่ถ้าสิ่งมีชีวิตเหล่านั้นที่อยู่ในทะเลและในแม่น้ำ ไม่มีครีบและเกล็ด ไม่ว่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตที่เลื้อยคลานในน้ำ หรือสิ่งมีชีวิตประเภทอื่นที่อาศัยอยู่ในน้ำ ถือเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจสำหรับพวกเจ้า 11 และเจ้าต้องเห็นพวกมันเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจ เจ้าต้องไม่กินเนื้อของพวกมัน และต้องไม่แตะต้องซากของพวกมัน 12 สิ่งมีชีวิตทุกอย่างในน้ำที่ไม่มีครีบและเกล็ด เจ้าต้องเห็นมันเป็นสิ่งน่ารังเกียจ
นกที่ไม่ควรกิน
(ฉธบ. 14:11-18)
13 พวกนกต่อไปนี้ เจ้าจะต้องถือว่ามันน่ารังเกียจ และต้องไม่กินพวกมัน มันเป็นสิ่งที่น่าสะอิดสะเอียน คือ นกอินทรี นกแร้ง นกเหยี่ยว 14 นกเหยี่ยวหางยาว เหยี่ยวทุกชนิด 15 นกที่มีขนสีดำทุกประเภท 16 นกกระจอกเทศ นกเค้าโมง นกนางนวล เหยี่ยวนกเขาทุกชนิด 17 นกฮูก นกกาน้ำ นกแสก 18 นกอีโก้ง นกกระทุง นกแร้ง 19 นกกระสาดำ นกกระสาทุกชนิด นกกะรางหัวขวานและค้างคาว
กฎของการกินแมลง
(ฉธบ. 14:19-20)
20 พวกแมลงมีปีกที่คลาน[c] เป็นสิ่งที่น่ารังเกียจสำหรับเจ้า 21 ยกเว้นแมลงมีปีกที่คลานต่อไปนี้ เจ้ากินได้ คือ พวกที่มีข้อต่ออยู่เหนือขาของพวกมันเพื่อใช้กระโดดบนพื้นดิน 22 เจ้าสามารถกินตั๊กแตนทุกชนิด ตั๊กแตนที่มีปีกทุกชนิด จิ้งหรีดทุกชนิด และเรไรทุกชนิด
23 แต่แมลงที่คลานนอกเหนือไปจากนี้ เจ้าต้องไม่กิน 24 เพราะพวกมันจะทำให้เจ้าไม่บริสุทธิ์ ใครที่ไปแตะต้องซากของสัตว์ต่อไปนี้ก็จะเป็นผู้ที่ไม่บริสุทธิ์ไปจนถึงเย็น 25 และคนที่ไปจับส่วนใดส่วนหนึ่งของซากพวกมัน จะต้องเอาเสื้อไปซัก และตัวเขาก็จะไม่บริสุทธิ์ไปจนถึงเย็น
26 คือซากของสัตว์ทุกชนิดที่มีเท้าเป็นกีบแต่กีบไม่แยกออกเป็นสองส่วนหรือไม่เคี้ยวเอื้องเป็นของไม่บริสุทธิ์สำหรับเจ้า ทุกคนที่แตะต้องพวกมันจะไม่บริสุทธิ์ 27 รวมทั้งซากของสัตว์ที่เดินด้วยอุ้งตีน[d] ที่แบนราบทั้งสี่ข้าง เป็นสัตว์ที่ไม่บริสุทธิ์สำหรับพวกเจ้า ทุกคนไปแตะต้องพวกมันจะไม่บริสุทธิ์ไปจนถึงเย็น 28 และทุกคนที่ถือซากของพวกมัน ต้องเอาเสื้อไปซักและตัวเขาก็จะไม่บริสุทธิ์ไปจนถึงเย็น เพราะพวกมันเป็นสิ่งที่ไม่บริสุทธิ์สำหรับพวกเจ้า
กฎเกี่ยวกับสัตว์ที่คลาน
29 สัตว์ที่คลานไปบนพื้น ที่ไม่บริสุทธิ์สำหรับพวกเจ้าคือ ตัวตุ่น หนู สัตว์เลื้อยคลานขนาดใหญ่ 30 ตุ๊กแก จระเข้ จิ้งจก จิ้งเหลน กิ้งก่า 31 สัตว์ที่คลานเหล่านี้ไม่บริสุทธิ์สำหรับพวกเจ้า ทุกคนที่ไปแตะต้องซากของพวกมัน คนๆนั้นจะไม่บริสุทธิ์ไปจนถึงเย็น
กฎเกี่ยวกับสัตว์ที่ไม่บริสุทธิ์
32 ถ้าสัตว์ที่ไม่บริสุทธิ์เหล่านี้ตาย และตกไปบนอะไรก็ตาม ของนั้นก็จะไม่บริสุทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นของที่ทำด้วยไม้ ผ้า หนัง ขนแพะ หรือภาชนะใดก็แล้วแต่ จะต้องเอาของนั้นไปแช่น้ำ และมันจะคงไม่บริสุทธิ์ไปจนถึงเย็น หลังจากนั้นมันก็จะบริสุทธิ์เหมือนเดิม 33 และถ้าสัตว์เหล่านั้นตกไปบนภาชนะที่ทำจากดิน ของทุกอย่างที่อยู่ในภาชนะนั้นจะไม่บริสุทธิ์ และเจ้าต้องทำลายภาชนะใบนั้นทิ้งเสีย 34 ถ้าเจ้าเทน้ำที่อยู่ในภาชนะที่ไม่บริสุทธิ์นั้น ลงไปในของที่กินได้ ของนั้นก็จะไม่บริสุทธิ์ตามไปด้วย[e] สิ่งที่ดื่มได้ถ้าอยู่ในภาชนะที่ไม่บริสุทธิ์ มันก็จะไม่บริสุทธิ์เหมือนกัน[f] 35 ถ้าส่วนหนึ่งส่วนใดของซากสัตว์นั้นตกลงบนอะไรก็ตาม ของนั้นก็จะไม่บริสุทธิ์ไปด้วย ถ้าไปตกบนเตาอบหรือเตา ก็ให้ทำลายของพวกนั้นเสีย เพราะมันจะกลายเป็นของไม่บริสุทธิ์และจะไม่บริสุทธิ์ตลอดไป
36 แต่ถ้าเป็นตาน้ำหรือบ่อเก็บน้ำ มันจะยังคงบริสุทธิ์อยู่ แต่คนที่ไปแตะต้องซากสัตว์ที่อยู่ในนั้นจะเป็นผู้ไม่บริสุทธิ์ 37 และถ้าซากสัตว์เหล่านี้ตกลงไปในเมล็ดพืชที่กำลังจะนำไปปลูก เมล็ดพืชเหล่านั้นจะยังบริสุทธิ์อยู่ 38 แต่ถ้าเจ้าเทน้ำลงบนเมล็ดพืชแล้วเกิดมีซากสัตว์เหล่านี้ตกลงไป เมล็ดพืชเหล่านั้นจะไม่บริสุทธิ์สำหรับเจ้าอีก
39 ถ้าสัตว์ที่เจ้าใช้เป็นอาหารตายเองตามธรรมชาติ คนที่ไปจับต้องซากของมันจะกลายเป็นผู้ไม่บริสุทธิ์จนถึงเย็น 40 ใครที่ไปกินซากของมัน ต้องเอาเสื้อไปซักและจะกลายเป็นคนไม่บริสุทธิ์จนถึงเย็น และใครที่ไปเก็บส่วนใดส่วนหนึ่งของซากนั้นมา เขาต้องเอาเสื้อไปซักและจะไม่บริสุทธิ์ไปจนถึงเย็น
41 สัตว์เลื้อยคลานทุกประเภท เจ้าต้องรังเกียจและไม่กินมัน 42 สัตว์เลื้อยคลานทุกชนิด ที่เลื้อยไปมาบนพื้นดิน หรือที่คลานสี่ขา หรือที่มีหลายขา เจ้าก็ต้องไม่กินพวกมัน เพราะพวกมันน่ารังเกียจ 43 อย่าทำตัวเจ้าให้เป็นที่น่ารังเกียจเพราะพวกมัน อย่าทำให้ตัวเจ้าต้องไม่บริสุทธิ์เพราะพวกมัน เพราะเจ้าจะต้องกลายเป็นผู้ไม่บริสุทธิ์ 44 เพราะเราคือยาห์เวห์ พระเจ้าของพวกเจ้า ให้รักษาตัวเองให้แตกต่างจากคนอื่น เพราะเราเองก็แตกต่าง ดังนั้น พวกเจ้าจึงต้องไม่ทำตัวเองให้ไม่บริสุทธิ์ ด้วยสัตว์ที่เลื้อยคลานเหล่านั้น 45 เพราะเราคือยาห์เวห์ ที่ได้นำพวกเจ้าออกจากแผ่นดินอียิปต์ เพื่อเราจะได้เป็นพระเจ้าของพวกเจ้า พวกเจ้าจึงต้องทำตัวให้แตกต่างจากคนอื่น เพราะเราเองก็แตกต่างจากผู้อื่น’”
46 นี่คือกฎต่างๆเกี่ยวกับสัตว์ นก สิ่งมีชีวิตในน้ำ และสิ่งมีชีวิตที่เลื้อยคลานบนพื้นดิน 47 กฎต่างๆเหล่านี้ช่วยให้คนรู้ถึงความแตกต่างระหว่างสัตว์ที่สะอาดและไม่สะอาด และสัตว์ที่กินได้กับสัตว์ที่กินไม่ได้
กฎสำหรับแม่คนใหม่
12 พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสว่า 2 “ให้บอกกับประชาชนชาวอิสราเอลว่า ผู้หญิงที่ตั้งท้องและคลอดลูกมาเป็นเด็กผู้ชาย นางจะไม่บริสุทธิ์เป็นเวลาเจ็ดวันเหมือนกับตอนที่นางมีประจำเดือน 3 ในวันที่แปด เด็กชายจะต้องถูกขลิบ 4 เพราะเลือดที่เกิดจากการคลอดบุตร นางจะต้องคอยอีกสามสิบสามวัน และต้องไม่แตะต้องของศักดิ์สิทธิ์ใดๆหรือเข้าไปในพื้นที่ที่ศักดิ์สิทธิ์ จนกว่าช่วงเวลานี้จะสิ้นสุดลง 5 ถ้านางคลอดลูกสาว นางจะไม่บริสุทธิ์เป็นเวลาสิบสี่วัน เหมือนกับตอนที่นางมีประจำเดือน และเพราะเลือดที่เกิดจากการคลอดบุตร นางจะต้องคอยอีกหกสิบหกวัน จนกว่านางจะบริสุทธิ์อีกครั้ง
6 เมื่อช่วงเวลานั้นหมดลง ไม่ว่านางจะได้ลูกชายหรือลูกสาว นางต้องนำลูกแกะอายุหนึ่งปีมาตัวหนึ่ง เพื่อเป็นเครื่องเผาบูชา และนกพิราบหนุ่มหรือนกเขาตัวหนึ่งมาเป็นเครื่องบูชาชำระล้าง แล้วเอาไปให้นักบวชที่ทางเข้าเต็นท์นัดพบ 7 แล้วนักบวชจะนำของเหล่านี้ไปถวายต่อหน้าพระยาห์เวห์ และชำระแท่นบูชาแทนนาง และนางจะบริสุทธิ์จากเลือดที่เกิดจากการคลอดบุตร นี่คือกฎสำหรับผู้หญิงที่คลอดลูกไม่ว่าจะได้ลูกชายหรือลูกสาว 8 ถ้านางไม่มีเงินที่จะซื้อแกะตัวผู้ นางก็ต้องใช้นกเขาสองตัวหรือนกพิราบสองตัว ตัวหนึ่งใช้เป็นเครื่องเผาบูชา อีกตัวใช้เป็นเครื่องบูชาชำระล้าง และนักบวชจะชำระล้างแท่นบูชาแทนนาง แล้วนางก็จะบริสุทธิ์”
กฎเกี่ยวกับโรคผิวหนัง
13 พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสและอาโรนว่า 2 “ถ้าคนๆหนึ่งเกิดมีแผล ตกสะเก็ดหรือตุ่มน้ำใสๆขึ้นบนผิวหนัง และลุกลามกลายเป็นโรคผิวหนังเรื้อรัง เขาต้องถูกนำตัวมาพบอาโรนหรือลูกชายอาโรนที่เป็นนักบวชคนใดคนหนึ่ง 3 นักบวชจะตรวจดูแผลที่ผิวหนังตามร่างกายของเขา ถ้าขนที่แผลเปลี่ยนเป็นสีขาว และแผลก็กินลึกเข้าไปในเนื้อชั้นในแล้ว นั่นหมายถึงเขาเป็นโรคผิวหนังเรื้อรัง เมื่อนักบวชตรวจดูเสร็จแล้ว เขาต้องประกาศออกมาว่าคนๆนั้นไม่บริสุทธิ์
4 แต่ถ้าผิวหนังตามร่างกายของคนๆนั้นเป็นจุดขาวๆแต่ไม่มีแผลที่กินลึกเข้าไปในเนื้อ และขนก็ไม่เปลี่ยนเป็นสีขาว นักบวชจะต้องแยกคนๆนั้นออกจากประชาชนเป็นเวลาเจ็ดวัน 5 ในวันที่เจ็ดนักบวชต้องกลับมาตรวจดูคนๆนั้นอีกครั้ง ถ้ารอยแผลนั้นไม่เปลี่ยนแปลงและไม่ลุกลามไปบนผิวหนัง นักบวชต้องแยกคนๆนั้นออกจากประชาชนอีกเจ็ดวัน 6 ในวันที่เจ็ดกลับมาตรวจดูอีกครั้ง ถ้ารอยแผลจางลงและแผลไม่กระจายลุกลามบนผิวหนัง นักบวชต้องประกาศให้คนๆนั้นเป็นผู้บริสุทธิ์ รอยแผลนั้นเป็นเพียงสะเก็ดแผล คนๆนั้นต้องซักล้างเสื้อผ้าของเขา หลังจากนั้นเขาก็จะเป็นผู้บริสุทธิ์
7 แต่ถ้าสะเก็ดแผลนั้นเกิดลุกลามไปบนผิวหนัง หลังจากที่นักบวชป่าวประกาศให้คนๆนั้นบริสุทธิ์แล้ว เขาต้องกลับไปพบนักบวชอีกครั้ง 8 ถ้านักบวชตรวจดูแล้วพบว่าแผลลุกลามจริง นักบวชต้องประกาศใหม่ว่าคนๆนั้นเป็นคนไม่บริสุทธิ์ เพราะมันคือโรคผิวหนังเรื้อรัง 9 เมื่อคนๆหนึ่งเป็นโรคผิวหนังเรื้อรัง คนๆนั้นจะถูกนำตัวมาพบนักบวช 10 ถ้านักบวชตรวจดูและพบแผลพุพองสีขาวบนผิวหนัง ขนบางส่วนรอบๆกลายเป็นสีขาวและมีแผ่นเนื้อสดอยู่ในแผลพุพองนั้น 11 มันคือโรคผิวหนังชนิดเรื้อรัง นักบวชจะต้องประกาศว่าคนๆนั้นไม่บริสุทธิ์ โดยไม่ต้องแยกออกมาคอยดูอาการ เพราะเขาเป็นคนที่ไม่บริสุทธิ์อยู่แล้ว
12 ถ้าโรคผิวหนังเรื้อรังนั้น เกิดลุกลามไปบนผิวหนังส่วนอื่น จนเกิดเป็นโรคติดเชื้อไปทั่วผิวหนังของคนๆนั้น ตั้งแต่หัวจรดเท้า นักบวชต้องตรวจดูทุกส่วนของร่างกาย 13 นักบวชต้องดู ถ้าหากโรคมันลุกลามจนทั่วร่างกายของคนผู้นั้น จนตัวเขาเปลี่ยนเป็นสีขาวทั้งหมด นักบวชต้องประกาศให้คนที่ติดเชื้อนั้น เป็นผู้บริสุทธิ์เพราะตัวเขาบริสุทธิ์แล้ว เพราะผิวหนังได้เปลี่ยนเป็นสีขาวหมดแล้ว 14 แต่ทันทีที่มีแผลสดเกิดขึ้น เขาจะกลายเป็นคนไม่บริสุทธิ์ทันที 15 นักบวชต้องตรวจดูแผลสด และประกาศว่าคนๆนั้นเป็นคนไม่บริสุทธิ์ เพราะแผลสดเป็นสิ่งที่ไม่บริสุทธิ์ มันคือโรคผิวหนังเรื้อรัง
16 ถ้าแผลสดนั้นหายดีแล้วเหลือแต่จุดขาว คนๆนั้นต้องไปพบนักบวช 17 ถ้านักบวชตรวจดูและพบว่าแผลนั้นได้เปลี่ยนเป็นสีขาวแล้ว นักบวชต้องประกาศให้คนที่ติดเชื้อนั้นเป็นคนบริสุทธิ์และคนๆนั้นก็จะบริสุทธิ์
18 เมื่อมีฝีเกิดขึ้นบนผิวหนังตามร่างกายของคนๆหนึ่ง และมันก็ได้รับการรักษาจนหาย 19 และมีรอยแผลพุพองหรือจุดขาวออกสีแดงเรื่อๆเกิดขึ้นในที่ที่เคยเป็นฝี คนๆนั้นต้องไปพบนักบวช 20 นักบวชจะตรวจดู ถ้าแผลนั้นกินลึกเข้าในผิวหนัง และขนบริเวณรอบๆเปลี่ยนเป็นสีขาว นักบวชต้องประกาศว่าคนๆนั้นเป็นผู้ไม่บริสุทธิ์ มันคือโรคผิวหนังเรื้อรังที่เกิดจากฝี 21 แต่ถ้านักบวชตรวจดูแผลแล้ว ไม่พบขนสีขาว แผลก็ไม่กินลึกลงไปและยังเริ่มจางลง นักบวชต้องแยกคนๆนั้นออกเป็นเวลาเจ็ดวัน 22 ถ้าแผลยังลุกลามไปตามผิวหนัง นักบวชต้องประกาศว่าคนๆนั้นไม่บริสุทธิ์ เพราะมันคือแผลติดเชื้อ 23 แต่ถ้าจุดใสๆนั้นยังมีอยู่ที่เดิมและไม่กระจายลุกลาม มันเป็นเพียงสะเก็ดแผลจากฝี นักบวชต้องประกาศว่าคนๆนั้นบริสุทธิ์
24 หรือเมื่อคนใดคนหนึ่งมีแผลไฟไหม้บนผิวหนัง และเกิดแผลรอยไหม้เป็นจุดสีขาวหรือสีออกแดงเรื่อๆ 25 นักบวชต้องตรวจแผลดู ถ้าขนที่บริเวณแผลเปลี่ยนเป็นสีขาวและมันเกิดเป็นแผลลึกเข้าไปในเนื้อ มันคือโรคผิวหนังอันตราย ที่เกิดจากแผลไฟไหม้ นักบวชต้องประกาศว่าคนๆนั้นไม่บริสุทธิ์ เพราะมันคือโรคผิวหนังอันตราย 26 แต่ถ้านักบวชตรวจดูแล้ว ไม่มีขนสีขาวบริเวณแผลและแผลก็ไม่กินลึกลงในเนื้อ ทั้งยังค่อยๆจางลง นักบวชต้องแยกคนๆนั้นออกมาเป็นเวลาเจ็ดวัน 27 ในวันที่เจ็ดถ้านักบวชไปตรวจดูคนๆนั้นอีก แล้วถ้าเห็นว่าแผลลุกลามไปบนผิวหนัง นักบวชต้องประกาศว่าคนๆนั้นไม่บริสุทธิ์ เพราะมันคือโรคผิวหนังเรื้อรัง 28 แต่ถ้าแผลนั้นยังอยู่แบบเดิมไม่ลุกลามออกไป และเริ่มจางลง มันเป็นเพียงแผลพุพองจากไฟไหม้ นักบวชต้องประกาศว่าคนๆนั้นบริสุทธิ์ เพราะนั่นคือสะเก็ดแผลที่เกิดจากแผลไฟไหม้
29 ถ้าผู้ชายหรือผู้หญิงมีแผลติดเชื้อบนหนังหัวหรือที่คาง 30 แล้วนักบวชดูที่แผลติดเชื้อนั้น แล้วพบว่ามันกินลึกลงไปถึงเนื้อ และผมเริ่มบางลงและกลายเป็นสีเหลือง นักบวชต้องประกาศว่าคนๆนั้นเป็นคนไม่บริสุทธิ์ เพราะมันคือโรคหิด เป็นโรคผิวหนังเรื้อรังต่อหนังหัวและคาง 31 ถ้านักบวชตรวจดูแผลหิดนั้น แล้วพบว่ามันไม่ถึงกับเป็นแผลลึกเข้าไปในหนัง และไม่มีผมสีดำในแผล นักบวชต้องแยกคนติดเชื้อคนนั้นออกจากประชาชนเป็นเวลาเจ็ดวัน 32 ในวันที่เจ็ดนักบวชจะมาตรวจดูแผลอีกครั้ง ถ้าเห็นแผลไม่ลุกลาม ไม่มีผมสีเหลืองๆในแผล อีกทั้งเชื้อหิดไม่ได้กินลึกเข้าไปในเนื้อ 33 คนๆนั้นต้องโกนผมหรือหนวดทิ้ง แต่อย่าให้ถูกแผล แล้วนักบวชต้องแยกคนๆนั้นออกมาเป็นเวลาอีกเจ็ดวัน 34 ในวันที่เจ็ดนักบวชจะตรวจดูแผลหิดอีก ถ้าเห็นเชื้อไม่ลุกลามไปบนผิวหนังและไม่มีแผลกินลึกไปในเนื้อ นักบวชจะต้องประกาศว่าคนๆนั้นบริสุทธิ์ เขาต้องเอาเสื้อผ้าไปซักล้าง แล้วเขาจะกลายเป็นคนบริสุทธิ์ 35 แต่ถ้าเชื้อหิดนั้นเกิดลุกลามหลังจากที่นักบวชได้ประกาศว่าเขาเป็นคนบริสุทธิ์แล้ว 36 นักบวชจะต้องตรวจสอบคนๆนั้น และถ้าพบว่าเชื้อหิดนั้นลุกลามกระจายไปบนผิวหนังจริง นักบวชไม่จำเป็นต้องตรวจหาผมสีเหลืองอีกต่อไป คนๆนั้นจะกลายเป็นคนไม่บริสุทธิ์ 37 แต่ถ้าเชื้อหิดไม่มีการเปลี่ยนแปลงและมีผมสีดำเกิดขึ้นในนั้น แสดงว่าเชื้อนั้นกำลังจะหาย คนๆนั้นจะเป็นผู้บริสุทธิ์และนักบวชจะต้องประกาศว่าคนๆนั้นบริสุทธิ์
38 ถ้าผู้ชายหรือผู้หญิงเกิดมีจุดขาวๆขึ้นเต็มตัว 39 นักบวชต้องตรวจสอบดู ถ้าพบว่าจุดขาวเหล่านั้นเป็นเพียงสีขาวหม่นๆแสดงว่าเป็นผื่นคันธรรมดาที่ไม่เป็นอันตรายบนผิวหนัง และคนๆนั้นก็ยังคงเป็นผู้บริสุทธิ์
40 ถ้าผู้ชายผมร่วงจนหัวล้าน เขาจะยังคงบริสุทธิ์อยู่ 41 ถ้าผมเขาร่วงจากด้านหน้าไปจนหัวเขาเถิก เขาจะยังคงบริสุทธิ์อยู่ 42 แต่ถ้าเกิดมีแผลออกสีแดงเรื่อๆเกิดขึ้นบนหัวหรือบริเวณที่ผมร่วงบนหน้าผาก มันคือโรคผิวหนังเรื้อรังที่เกิดบนหัวและหน้าผาก 43 นักบวชต้องตรวจดูแผลเหล่านั้น ถ้าพบว่ามีแผลสดเกิดขึ้นบนหัวหรือบนหน้าผาก ที่กลายเป็นสีแดงเรื่อๆและมีลักษณะเหมือนแผลของโรคผิวหนังชนิดอันตรายที่เกิดบนร่างกายแล้ว 44 แสดงว่าชายผู้นั้นเป็นโรคผิวหนังอันตราย เขาคือคนที่ไม่บริสุทธิ์ นักบวชต้องประกาศว่าเขาคือคนไม่บริสุทธิ์ เพราะเขาติดเชื้อที่หัว
45 ถ้าคนๆหนึ่งเป็นโรคผิวหนังชนิดอันตราย เขาต้องฉีกเสื้อผ้าตัวเองให้ขาดและต้องไว้ผมยาว และปล่อยให้หนวดยาวรุงรัง[g] และคอยตะโกนว่า ‘ไม่สะอาด ไม่สะอาด’ 46 คนๆนั้นจะไม่บริสุทธิ์ตลอดเวลาที่เขายังมีแผลติดเชื้อ เขาจะเป็นคนไม่บริสุทธิ์ และต้องไปอยู่คนเดียวที่นอกค่าย
47 หากเกิดเชื้อรา[h] ขึ้นบนเสื้อผ้า ไม่ว่าจะเป็นเสื้อขนสัตว์หรือลินิน[i] 48 ของใดก็ตามที่ถักหรือทอจากขนสัตว์หรือลินิน หรือแม้กระทั่งบนหนังสัตว์และของที่ทำจากหนังสัตว์ 49 ถ้าจุดที่เป็นราบนเสื้อผ้า หรือบนหนัง หรือของที่ถักหรือทอ หรืออะไรก็ตามที่ทำจากหนังสัตว์นั้น เป็นสีเขียวหรือสีแดง มันเป็นเชื้อที่กำลังลุกลามกระจายไปทั่ว ต้องนำของนั้นไปให้นักบวชดู 50 นักบวชจะตรวจสอบจุดที่เป็นเชื้อราเหล่านั้น และแยกของสิ่งนั้นออกมาไว้ต่างหากเป็นเวลาเจ็ดวัน 51 ในวันที่เจ็ด นักบวชจะไปตรวจสอบดูจุดเหล่านั้นอีกครั้ง ถ้ามันยังกระจายไปบนเสื้อผ้า บนของถักหรือทอ หรือบนหนังสัตว์ หรือสิ่งที่ทำจากหนังสัตว์ก็ตาม โดยลุกลามเป็นเชื้อรา มันจะเป็นของที่ไม่บริสุทธิ์ 52 นักบวชต้องเอาเสื้อผ้า ของถักหรือทอจากลินินหรือขนสัตว์หรือของที่ทำจากหนังสัตว์ที่เกิดเป็นเชื้อรานั้นไปเผาทิ้ง เพราะมันเป็นเชื้อราลุกลาม มันต้องถูกไฟเผา
53 ถ้านักบวชตรวจดูพบว่าเชื้อราเหล่านั้นไม่ได้กระจายไปบนเสื้อผ้า บนของถักหรือทอ หรือบนของที่ทำจากหนังสัตว์นั้นแต่อย่างใด 54 นักบวชต้องสั่งให้คนนำผ้านั้นไปซักล้างจุดเหล่านั้นออก และนักบวชต้องแยกของนั้นออกมาไว้ต่างหากเป็นเวลาเจ็ดวัน 55 หลังจากนั้น นักบวชจะกลับมาตรวจดูอีกครั้ง ถ้าพบว่าเชื้อราเหล่านั้นยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง ถึงแม้จะไม่กระจายออก มันจะเป็นของไม่บริสุทธิ์ ท่านต้องเอาไปเผาไฟ ไม่ว่าจุดนั้นจะอยู่ด้านหน้าหรือด้านหลังบนของนั้นก็ตาม
56 แต่ถ้านักบวชตรวจดูแล้ว พบว่าเชื้อราเหล่านั้นเริ่มจางลงหลังจากถูกซักล้าง ให้เขาตัดส่วนที่เป็นเชื้อราออกจากหนังสัตว์ ผ้า หรือสิ่งทอเหล่านั้น 57 และถ้ามันยังปรากฏอีกบนผ้าหรือเครื่องหนังเหล่านั้น และลุกลามไป ท่านต้องเอาของเหล่านั้นไปเผาไฟทิ้ง 58 แต่ถ้าจุดนั้นหายไปจากผ้า สิ่งทอ หรือเครื่องหนังที่ท่านได้นำไปล้าง ท่านต้องเอามันไปล้างซ้ำอีกครั้ง แล้วมันจะบริสุทธิ์”
59 นี่คือกฎเกี่ยวกับเชื้อราบนเสื้อผ้า ทั้งที่ทำจากขนสัตว์หรือลินิน ทั้งที่ทำโดยการถัก หรือทอ หรือบนเครื่องหนัง เพื่อตัดสินว่าของเหล่านี้บริสุทธิ์หรือไม่
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International