Chronological
13 พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสว่า 2 “ให้เอาลูกหัวปีที่แม่คลอดออกมาเป็นท้องแรก ไม่ว่าจะเป็นลูกชายหัวปีของหญิงชาวอิสราเอล หรือลูกหัวปีตัวผู้ของสัตว์ก็ตาม อุทิศไว้ให้กับเรา เพราะมันเป็นของเรา”
3 โมเสสพูดกับประชาชนว่า “ให้จำวันนี้ไว้ เมื่อพวกท่านออกมาจากการเป็นทาสในอียิปต์ เพราะด้วยมืออันทรงฤทธิ์ของพระยาห์เวห์ พระองค์ได้นำพวกท่านออกมาจากที่นั่น พวกท่านต้องไม่กินขนมปังที่ใส่เชื้อฟู 4 วันนี้ ในเดือนอาบีบ[a] พวกท่านกำลังเดินทางออกไป 5 เมื่อพระยาห์เวห์พาท่านไปถึงแผ่นดินของชาวคานาอัน ชาวฮิตไทต์ ชาวอาโมไรต์ ชาวฮีไวต์ และชาวเยบุส เป็นแผ่นดินที่พระยาห์เวห์ได้สัญญาไว้กับพวกบรรพบุรุษของท่าน ที่จะยกให้กับท่าน เป็นแผ่นดินที่อุดมสมบูรณ์[b] อย่าได้ลืมที่จะทำพิธีนี้ในเดือนนี้
6 ท่านต้องกินขนมปังที่ไม่ใส่เชื้อฟู เป็นเวลาเจ็ดวัน และในวันที่เจ็ด จะมีการจัดงานเทศกาลให้กับพระยาห์เวห์ 7 ห้ามกินขนมปังที่ใส่เชื้อฟูในเจ็ดวันนั้น และจะต้องไม่มีอาหารที่ใส่เชื้อฟูในบ้านของท่าน หรือทั่วเขตแดนของท่าน 8 ในวันนั้น ให้พวกท่านอธิบายให้กับลูกๆฟังว่า ‘ที่มีงานเลี้ยงนี้ก็เพราะสิ่งที่พระยาห์เวห์ทำให้กับเราตอนที่เราออกมาจากอียิปต์’
9 งานเลี้ยงนี้จะเป็นเหมือนเครื่องหมายที่ผูกอยู่ที่มือ และเป็นสิ่งเตือนใจอยู่ระหว่างตา[c] เพื่อว่ากฎของพระยาห์เวห์จะได้อยู่ที่ริมฝีปากของท่าน เพราะพระองค์ได้พาท่านออกมาจากอียิปต์ด้วยมืออันทรงฤทธิ์ 10 ดังนั้น พวกท่านควรจะทำตามประเพณีนี้ ทุกๆปีตามวันที่ได้กำหนดไว้แล้ว
11 และเมื่อพระยาห์เวห์ได้พาท่านเข้าไปในแผ่นดินของชาวคานาอัน ตามที่พระองค์ได้สัญญาไว้กับท่านและบรรพบุรุษของท่าน และยกมันให้กับท่าน 12 ท่านจะต้องยกเด็กชายทุกคนที่เกิดมาเป็นลูกหัวปีให้กับพระยาห์เวห์ และลูกสัตว์ตัวผู้ทุกตัวที่เกิดมาเป็นลูกหัวปี จะเป็นของพระยาห์เวห์ 13 ถ้าท่านต้องการซื้อลูกลาตัวผู้ที่เกิดมาเป็นลูกหัวปีคืนจากพระยาห์เวห์ ท่านก็เอาลูกแกะมาแลกได้ แต่ถ้าท่านไม่ต้องการที่จะซื้อลูกลาตัวนั้นคืน ก็ให้ท่านหักคอมัน เอาไปเป็นเครื่องบูชา ส่วนเด็กผู้ชายทุกคนที่เกิดมาเป็นลูกชายหัวปี[d] ท่านจะต้องซื้อคืนมาจากพระยาห์เวห์
14 ในอนาคต เมื่อลูกชายของท่านถามว่า ‘สิ่งที่พ่อทำนี้ มันมีความหมายว่าอะไรครับ’ ก็ให้ท่านตอบกับลูกว่า ‘พระยาห์เวห์ได้นำพวกเราออกมาจากการเป็นทาสในอียิปต์ ด้วยมืออันทรงฤทธิ์ของพระองค์ 15 แต่เมื่อฟาโรห์ดื้อดึง ไม่ยอมปล่อยพวกเรา พระยาห์เวห์จึงได้ฆ่าลูกหัวปีทั้งหมดในแผ่นดินอียิปต์ ไม่ว่าจะเป็นลูกหัวปีของคนหรือของสัตว์ นั่นเป็นเหตุที่พ่อถึงได้ถวาย ลูกสัตว์ตัวผู้ทุกตัว ที่เกิดออกมาเป็นท้องแรก ให้กับพระยาห์เวห์ และพ่อได้ซื้อลูกชายหัวปีของพ่อคืนจากพระยาห์เวห์’ 16 มันจะเป็นเหมือนเครื่องหมายที่ผูกอยู่ที่มือ และสายคาดที่อยู่เหนือตาของลูก เพราะพระยาห์เวห์ได้พาพวกเราออกจากอียิปต์ด้วยมืออันทรงฤทธิ์ของพระองค์”
การเดินทางออกจากอียิปต์
17 เมื่อฟาโรห์ปล่อยตัวประชาชนชาวอิสราเอล พระเจ้าไม่ได้นำพวกเขาผ่านทางดินแดนของชาวฟีลิสเตีย ถึงแม้จะใกล้กว่า เพราะพระเจ้าคิดว่า “ถ้าพวกนี้ไปเจอสงครามเข้า พวกเขาจะเปลี่ยนใจกลับไปอียิปต์อีก” 18 พระเจ้าพาประชาชนไปทางที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้ง มุ่งหน้าไปยังทะเลแดง[e] ประชาชนชาวอิสราเอลออกจากแผ่นดินอียิปต์ แต่งตัวพร้อมสู้รบ
โยเซฟกลับบ้าน
19 โมเสสเอากระดูกของโยเซฟไปด้วย เพราะก่อนตาย โยเซฟได้ให้พวกลูกชายของอิสราเอลสาบาน โยเซฟพูดว่า “พระเจ้าจะมาเยี่ยมพวกเจ้าแน่นอนและพวกเจ้าจะต้องเอากระดูกของเราไปจากที่นี่พร้อมกับพวกเจ้าด้วย”
พระเจ้านำประชาชนของพระองค์
20 พวกชาวอิสราเอลได้ออกจากเมืองสุคคท และไปตั้งค่ายอยู่ที่ตำบลเอธาม ตรงเขตแดนติดกับที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้ง 21 ในตอนกลางวัน พระยาห์เวห์นำหน้าพวกเขาด้วยเสาเมฆ เพื่อนำทางพวกเขา ส่วนในตอนกลางคืน พระองค์ใช้เสาเพลิง เพื่อให้แสงสว่างกับพวกเขา เพื่อพวกเขาจะเดินทางได้ทั้งกลางวันและกลางคืน 22 เสาเมฆไม่เคยหายไปเลยในตอนกลางวัน และเสาเพลิงก็ไม่เคยหายไปเลยในตอนกลางคืน มันอยู่ต่อหน้าพวกเขาตลอด
14 พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสว่า 2 “ให้บอกกับชาวอิสราเอลว่า ให้หันกลับไปตั้งค่ายอยู่หน้าเมืองปิหะหิโรท ใกล้กับเมืองบาอัลเซโฟน ตรงนี้อยู่ระหว่างเมืองมิกดลกับทะเลแดง 3 ฟาโรห์จะพูดเกี่ยวกับประชาชนชาวอิสราเอลว่า ‘พวกนั้นกำลังหลงทางในแผ่นดิน และหาทางออกไม่เจอในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งนั้น’ 4 เราจะทำให้จิตใจของฟาโรห์แข็งกระด้าง และเขาจะไล่ตามพวกนั้น เราจะทำให้ฟาโรห์และกองทัพของเขาพ่ายแพ้ และเราจะได้รับการสรรเสริญเหนือฟาโรห์และกองทัพของเขา แล้วประชาชนชาวอียิปต์จะได้รู้ว่า เราคือยาห์เวห์” ชาวอิสราเอลทำตามที่พระองค์สั่ง
ฟาโรห์ไล่ตามชาวอิสราเอล
5 เมื่อมีคนมาบอกกษัตริย์อียิปต์ว่า ชาวอิสราเอลหนีไปแล้ว ฟาโรห์และพวกข้าราชการของเขาก็เกิดเปลี่ยนใจขึ้นมาเกี่ยวกับคนอิสราเอลนั้น และพูดว่า “นี่เราทำอะไรลงไป เราปล่อยคนอิสราเอลไปจากการเป็นทาสของเราได้ยังไง”
6 ฟาโรห์จึงเตรียมรถรบของเขาและพากองทัพไปกับเขาด้วย 7 ฟาโรห์ได้เอารถรบที่คัดมาเป็นพิเศษหกร้อยคัน รวมทั้งรถรบอื่นๆทั้งหมดในอียิปต์ โดยมีทหารประจำการอยู่บนรถรบทุกคัน 8 พระยาห์เวห์ได้ทำให้จิตใจของฟาโรห์กษัตริย์อียิปต์แข็งกระด้าง เพื่อฟาโรห์จะได้ไล่ตามชาวอิสราเอลไป ชาวอิสราเอลเดินทางออกจากอียิปต์โดยชูมือขึ้นอย่างมีชัย
9 ชาวอียิปต์ไล่ตามชาวอิสราเอลมา และตามมาทันตรงที่พวกเขาตั้งค่ายอยู่ข้างๆทะเลแดง รถม้าของฟาโรห์ทั้งหมด พร้อมคนขับ และกองทัพของเขา ก็ไล่ตามชาวอิสราเอลมาทันกันที่เมืองปิหะหิโรท ที่อยู่ตรงหน้าเมืองบาอัลเซโฟน
10 ขณะที่ฟาโรห์บุกใกล้เข้ามา พวกชาวอิสราเอลเงยหน้าขึ้น มองเห็นว่ามีชาวอียิปต์กำลังไล่ตามพวกเขามา พวกเขากลัวมาก จึงร้องขอความช่วยเหลือต่อพระยาห์เวห์ 11 พวกเขาพูดกับโมเสสว่า “ที่อียิปต์ไม่มีที่ที่จะฝังศพแล้วหรือยังไง เจ้าถึงได้พาให้พวกเรามาตายในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งนี้ ดูสิว่าเจ้าได้ทำอะไรลงไป ที่เอาเราออกมาจากอียิปต์ 12 เราบอกเจ้าแล้ว ไม่ใช่หรือว่า ‘อย่ามายุ่งกับเรา ปล่อยให้เรารับใช้ชาวอียิปต์’ เพราะให้เรารับใช้อยู่ในอียิปต์ ก็ยังดีกว่ามาตายในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งนี้”
13 โมเสสพูดกับประชาชนว่า “ไม่ต้องกลัว ให้ยืนดู พระยาห์เวห์จะช่วยเหลือพวกท่านในวันนี้ ส่วนชาวอียิปต์ที่ท่านเห็นในวันนี้ ท่านก็จะไม่ได้เห็นพวกเขาอีกตลอดกาล 14 พระยาห์เวห์จะต่อสู้ให้กับพวกท่านเอง ขอให้พวกท่านอยู่เฉยๆ”
15 พระยาห์เวห์บอกกับโมเสสว่า “เจ้าจะมามัวร้องขอความช่วยเหลือกับเราทำไม ไปบอกกับชาวอิสราเอลให้เดินทางต่อไป 16 ตอนนี้ให้เจ้าชูไม้เท้าขึ้น และยื่นมือออกไปเหนือทะเล[f] และแยกน้ำทะเลออก เพื่อลูกหลานชาวอิสราเอลจะได้เดินลงไปในทะเลบนพื้นแห้ง 17 เราจะทำให้จิตใจของชาวอียิปต์แข็งกระด้าง เพื่อพวกเขาจะได้ไล่ล่าพวกเจ้า เราจะได้รับการสรรเสริญเหนือฟาโรห์ และเหนือกองทัพทั้งหมดของเขา เหนือรถรบของเขาและเหนือกองทหารม้าของเขา 18 แล้วชาวอียิปต์จะได้รู้ว่า เราคือยาห์เวห์ เมื่อเราได้รับการสรรเสริญ เหนือฟาโรห์ เหนือพวกรถรบของเขา และเหนือกองทหารม้าของเขา”
พระยาห์เวห์เอาชนะกองทัพอียิปต์
19 แล้วทูตสวรรค์ของพระเจ้า ผู้ที่อยู่หน้าค่ายของอิสราเอล ก็ได้เคลื่อนไปอยู่ด้านหลังของพวกเขา เสาเมฆได้เคลื่อนจากด้านหน้าไปอยู่ด้านหลังพวกเขา 20 เสาเมฆนั้นได้มาคั่นกลางระหว่างค่ายของอียิปต์กับค่ายของอิสราเอล เสาเมฆนั้นให้แสงสว่างกับคนอิสราเอล แต่ทำให้มืดสำหรับคนอียิปต์[g] ต่างฝ่ายต่างก็ไม่ได้เข้าใกล้กันเลยตลอดคืนนั้น 21 โมเสสได้ยื่นมือเขาออกไปเหนือทะเล แล้วพระยาห์เวห์ได้ทำให้น้ำทะเลไหลกลับ ด้วยลมที่พัดอย่างแรงมาจากทางทิศตะวันออก พัดอยู่ตลอดทั้งคืน จนทำให้ทะเลเกิดเป็นพื้นดินแห้งขึ้น พระองค์ได้แยกน้ำออกจากกัน 22 แล้วประชาชนชาวอิสราเอลก็เดินผ่ากลางทะเลไปบนพื้นดินแห้ง น้ำเป็นกำแพงขึ้นมาทั้งด้านซ้ายและด้านขวา 23 แต่กองทัพอียิปต์ไล่ตามมา ม้าทุกตัวของฟาโรห์ และพวกรถรบและทหารม้าของเขาไล่ตามชาวอิสราเอลลงไปกลางทะเล 24 ในตอนเช้า พระยาห์เวห์ที่อยู่ในเสาเพลิงและเสาเมฆ มองเห็นค่ายของชาวอียิปต์ พระองค์ทำให้ค่ายอียิปต์ปั่นป่วนไปหมด
25 พระองค์ทำให้ล้อรถรบของฟาโรห์ฝืด จนต้องขับด้วยความยากลำบาก ชาวอียิปต์พูดว่า “พวกเราหนีไปจากคนอิสราเอลกันเถอะ เพราะพระยาห์เวห์กำลังสู้รบให้กับพวกเขาต่อต้านพวกอียิปต์”
26 พระยาห์เวห์พูดกับโมเสสว่า “ยื่นมือของเจ้าออกไปเหนือทะเล เพื่อน้ำจะได้ไหลกลับมาท่วมชาวอียิปต์ รวมทั้งพวกรถรบและทหารม้าของพวกเขา”
27 โมเสสจึงยื่นมือของเขาออกไปเหนือทะเล และในตอนเช้า น้ำได้ไหลกลับคืนมาตามทางของมัน ชาวอียิปต์ต่างพากันหนีกระแสน้ำ พระยาห์เวห์ได้กวาดชาวอียิปต์ลงสู่ทะเล 28 น้ำได้ไหลกลับคืนมาท่วมพวกรถรบ และทหารม้าในกองทัพของฟาโรห์ ที่ไล่ตามพวกเขาลงไปในทะเล ไม่มีใครรอดชีวิตเลยแม้แต่คนเดียว
29 แต่ประชาชนชาวอิสราเอลกลับเดินบนพื้นดินแห้งกลางทะเล น้ำตั้งขึ้นเป็นกำแพงทั้งซ้ายขวาให้กับพวกเขา 30 ในวันนั้นเอง พระยาห์เวห์ได้ช่วยชาวอิสราเอลให้พ้นจากอำนาจของชาวอียิปต์ ชาวอิสราเอลเห็นศพของชาวอียิปต์ตายเกลื่อนกลาดไปหมดบนฝั่งทะเล 31 ชาวอิสราเอลได้เห็นพระยาห์เวห์ใช้มือที่เต็มไปด้วยพลังอันยิ่งใหญ่ ต่อต้านชาวอียิปต์ พวกเขาจึงเกรงกลัวพระยาห์เวห์ และไว้วางใจในพระองค์ และในโมเสสผู้รับใช้ของพระองค์ด้วย
บทเพลงของโมเสส
15 แล้วโมเสสและประชาชนชาวอิสราเอล ต่างก็ร้องเพลงนี้ให้กับพระยาห์เวห์ว่า
“ข้าพเจ้าจะร้องเพลงให้กับพระยาห์เวห์
เพราะพระองค์เป็นผู้ที่ได้รับการยกย่องสูงส่ง
พระองค์เหวี่ยงม้าและทหารม้าลงสู่ทะเล
2 พระยาห์เวห์เป็นพลังและเสียงเพลงของข้าพเจ้า
พระองค์เป็นความรอดของข้าพเจ้า
พระองค์เป็นพระเจ้าของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะสรรเสริญพระองค์
พระองค์เป็นพระเจ้าของบรรพบุรุษของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะยกย่องพระองค์
3 พระยาห์เวห์เป็นนักรบ
ชื่อของพระองค์คือยาห์เวห์
4 พระองค์ได้กวาดพวกรถรบของฟาโรห์และกองทัพของเขาลงสู่ทะเลแดง[h]
ทหารม้าที่ดีที่สุดของเขาได้จมลงในทะเลแดง
5 น้ำได้ท่วมพวกเขา
พวกเขาจมดิ่งลึกลงไปในทะเลเหมือนกับก้อนหิน
6 ข้าแต่พระยาห์เวห์ มือขวาของพระองค์ มีพลังยิ่งใหญ่นัก
ข้าแต่พระยาห์เวห์ มือขวาของพระองค์ ทำให้ศัตรูแตกเป็นเสี่ยงๆ
7 ด้วยพลังอำนาจอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ พระองค์โยนพวกที่ลุกฮือขึ้นลงกับพื้นดิน
พระองค์ส่งความเกรียวโกรธของพระองค์ลงมาเผาไหม้พวกนั้นเหมือนแกลบ
8 น้ำได้กองสูงขึ้นด้วยลมที่ออกจากจมูกของพระองค์
น้ำที่ไหลก็ได้ท่วมสูงขึ้นเป็นกอง
ส่วนลึกได้แข็งตัวขึ้นกลางทะเล
9 ศัตรูพูดว่า ‘เราจะไล่ล่า เราจะจู่โจม
เราจะแบ่งของที่ริบมาได้ พวกเขาจะระงับความหิวกระหายของเรา
เราจะชักดาบออกมา มือของเราจะทำลายพวกมัน’
10 พระองค์ระบายลมหายใจออกมา น้ำได้ท่วมพวกเขา
พวกเขาก็จมลงเหมือนตะกั่วในกระแสน้ำที่รุนแรง
11 ข้าแต่พระยาห์เวห์ จะมีพระไหนเหมือนกับพระองค์เล่า
จะมีพระองค์ไหนเหมือนกับพระองค์
จะมีใครเหมือนกับพระองค์ ผู้เต็มไปด้วยสง่าราศีและความศักดิ์สิทธิ์
พระองค์น่าเกรงขาม เหมาะที่จะร้องสรรเสริญยิ่งนัก
เต็มไปด้วยพลังอำนาจ พระองค์ได้ทำสิ่งอัศจรรย์ที่ยิ่งใหญ่เหล่านี้
12 พระองค์ยื่นมือขวาของพระองค์ออกมา
แผ่นดินก็กลืนพวกเขาเข้าไป
13 พระองค์ได้นำประชาชนเหล่านี้ด้วยความรักของพระองค์ เป็นประชาชนที่พระองค์ได้ซื้อคืนมา
พระองค์ได้นำพวกเขาไปยังที่อาศัยอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์
14 ชนชาติทั้งหลายได้ยินเรื่องนี้แล้ว พวกเขาพากันกลัวจนชักดิ้นชักงอ
ชาวฟีลิสเตียก็พากันกลัวจนชักดิ้นชักงอ
15 บัดนี้ พวกหัวหน้าของเมืองเอโดมพากันหวาดกลัว
พวกผู้นำของเมืองโมอับพากันตัวสั่นด้วยความกลัว
ชาวคานาอันทั้งหมดถูกหลอมละลายไปด้วยความกลัว
16 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ความหวาดหวั่นและความกลัวได้ตกลงบนพวกเขา
เมื่อพวกเขาได้เห็นมืออันเต็มไปด้วยพลังอันยิ่งใหญ่ของพระองค์
พวกเขาเป็นใบ้ไปเหมือนก้อนหิน
จนกระทั่งประชาชนของพระองค์ จนกระทั่งประชาชนของพระองค์ที่พระองค์ไถ่มา เดินผ่านพ้นไป
17 ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระองค์จะนำพาพวกเขามาปลูกไว้บนภูเขาอันเป็นทรัพย์สินของพระองค์
เป็นสถานที่ที่พระองค์เตรียมไว้ให้เป็นที่อยู่ของพระองค์เอง
ข้าแต่พระยาห์เวห์ เป็นสถานที่ที่ศักดิ์สิทธิ์ ที่มือของพระองค์เองได้สร้างขึ้น
18 พระยาห์เวห์จะครอบครองตลอดชั่วนิจนิรันดร์”
19 เมื่อพวกม้าของฟาโรห์ พวกรถรบของเขา และทหารม้าของเขา ลงไปในทะเล พระยาห์เวห์ได้ทำให้น้ำทะเลไหลกลับมาท่วมพวกเขา แต่ประชาชนชาวอิสราเอลเดินบนพื้นดินแห้งกลางทะเล
20 ฝ่ายมิเรียม หญิงผู้พูดแทนพระเจ้า พี่สาวของอาโรนถือกลองรำมะนาอยู่ในมือ และผู้หญิงทั้งหมดก็เดินตามหลังนาง พร้อมกับกลองรำมะนาและเต้นรำไปด้วย มิเรียมร้องเพลงให้กับพวกเขาว่า
21 “ร้องเพลงให้พระยาห์เวห์เถิด เพราะพระองค์เป็นผู้ที่ได้รับการยกย่องสูงส่ง
พระองค์เหวี่ยงม้าและทหารม้าลงสู่ทะเล”
น้ำขมกลับกลายเป็นหวาน
22 โมเสสนำชาวอิสราเอลออกจากทะเลแดงมุ่งหน้าไปยังที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งชูร์ พวกเขาใช้เวลาเดินทางสามวันในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้ง ก็ไม่พบน้ำเลย 23 เมื่อพวกเขามาถึงตำบลมาราห์ พวกเขาก็ไม่สามารถดื่มน้ำจากตำบลมาราห์ได้ เพราะมันขม นั่นเป็นเหตุให้ที่แห่งนั้นมีชื่อว่ามาราห์[i]
24 ประชาชนบ่นกับโมเสสว่า “พวกเราจะเอาอะไรมาดื่มกัน”
25 โมเสสจึงร้องวิงวอนต่อพระยาห์เวห์ พระยาห์เวห์ชี้ให้โมเสสเห็นต้นไม้ต้นหนึ่ง โมเสสโยนต้นไม้ต้นนั้นลงในน้ำ น้ำก็หวานสามารถดื่มได้
ณที่นั้น พระยาห์เวห์ได้ตั้งกฎเกณฑ์ให้กับประชาชนเหล่านั้น และที่นั่น พระยาห์เวห์ได้ทดสอบพวกเขา 26 พระองค์พูดว่า “ถ้าเจ้าเชื่อฟังพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเจ้าจริงๆและทำสิ่งที่ถูกต้องในสายตาของพระองค์ และฟังคำสั่งต่างๆของพระองค์ และรักษากฎทั้งหมดของพระองค์แล้วละก็ เราก็จะไม่ให้โรคร้ายต่างๆที่เกิดขึ้นกับชาวอียิปต์ เกิดขึ้นกับเจ้าเลยเพราะเราคือยาห์เวห์ ผู้ที่รักษาเจ้า”
27 เมื่อพวกเขามาถึงตำบลเอลิม ที่มีตาน้ำสิบสองแห่ง และต้นปาล์มเจ็ดสิบต้น พวกเขาจึงตั้งค่ายอยู่ข้างๆตาน้ำเหล่านั้น
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International