Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

Chronological

Read the Bible in the chronological order in which its stories and events occurred.
Duration: 365 days
Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)
Version
ปฐมกาล 19-21

ทูตสวรรค์มาเยี่ยมโลท

19 ทูตสวรรค์สององค์ได้เข้ามาในเมืองโสโดมตอนเย็น โลทกำลังนั่งอยู่ที่ประตูเมือง เขาเห็นทูตสวรรค์สององค์นั้น โลทจึงลุกขึ้นเข้าไปหาพวกเขาและก้มกราบถึงพื้น โลทพูดว่า “เจ้านายของข้าพเจ้า ขอได้โปรดไปแวะที่บ้านของผู้รับใช้ของท่านและค้างคืนที่นั่น จะได้ล้างเท้า แล้วตื่นแต่เช้าเดินทางต่อ”

ทูตสวรรค์ตอบว่า “ไม่ล่ะ เราจะค้างคืนที่ลานเมือง[a] นี้”

แต่โลทยังตื้อพวกเขาไม่เลิก จนพวกเขายอมแวะไปพักค้างคืนที่บ้านของโลท โลทก็ได้ทำอาหารเลี้ยงพวกเขา อบขนมปังไม่ใส่เชื้อฟูให้ และพวกเขาก็กินกัน

ก่อนที่พวกเขาจะเข้านอน ผู้ชายชาวเมืองโสโดม มีทั้งหนุ่มและแก่ ทั้งเมืองได้มายืนล้อมรอบบ้านโลท พวกเขาเรียกโลทออกมาถามว่า “ชายที่มาหาเจ้าคืนนี้อยู่ที่ไหน พาพวกเขาออกมาให้พวกเราสมสู่หน่อย”

โลทออกไปนอกประตูและปิดประตูไว้ แล้วโลทก็พูดว่า “พี่น้องทั้งหลาย ขอร้องเถอะ อย่าได้ทำสิ่งชั่วร้ายอย่างนี้เลย เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ผมมีลูกสาวสองคนที่ยังไม่เคยร่วมเพศกับใครเลย ผมจะเอาพวกนางออกมาให้กับพวกท่าน พวกท่านอยากจะทำอะไรกับพวกนาง ก็แล้วแต่พวกท่าน แต่อย่าได้ทำอะไรกับชายสองคนนี้เลย เพราะพวกเขาได้มาอยู่ร่มชายคาบ้านผม ผมจะต้องปกป้องพวกเขา”[b]

แต่ชายชาวเมืองโสโดมกลับพูดว่า “ถอยไป” และพวกเขาพูดกันว่า “โลทคนนี้มาที่นี่ในฐานะแขก แล้วตอนนี้มันจะมาตัดสินพวกเราหรือ” พวกเขาหันไปพูดกับโลทว่า “ตอนนี้พวกเราจะทำกับแกเลวร้ายยิ่งกว่าทำกับพวกนั้นอีก” พวกเขาก็รุมกันเข้ามาหาโลทและใกล้เข้ามาพังประตูแล้ว

10 ชายสองคนที่อยู่ในบ้านก็ยื่นมือของพวกเขาออกมาลากโลทเข้าไปในบ้านแล้วปิดประตู 11 แล้วทูตสวรรค์ทั้งสองก็ทำให้พวกชายที่อยู่นอกประตูบ้านนั้นตาบอด ทั้งหนุ่มและแก่ ชายพวกนั้นพยายามจะบุกเข้าไปในบ้าน จึงคลำหาประตูบ้านกันจนหมดแรง

การหลบหนีจากเมืองโสโดม

12 ชายสองคนนั้นถามโลทว่า “มีใครในครอบครัวเจ้าอีกหรือเปล่าที่อยู่ที่นี่ ให้พาพวกเขาออกไปจากเมืองนี้ให้หมด ทั้งพวกลูกเขย พวกลูกชายลูกสาวของเจ้า และคนอื่นๆอีกที่เจ้ามีในเมืองนี้ 13 เพราะเรากำลังจะทำลายเมืองนี้ เพราะพระยาห์เวห์ได้ยินว่าเมืองนี้ชั่วร้ายนัก พระองค์จึงได้ส่งพวกเราให้มาทำลายเมืองนี้”

14 แล้วโลทได้ออกไปบอกกับพวกคู่หมั้น คือพวกผู้ชายที่หมั้นกับพวกลูกสาวของเขาว่า “ลุกขึ้น ไปจากที่นี่เร็ว เพราะพระยาห์เวห์กำลังจะทำลายเมืองนี้” แต่พวกลูกเขยคิดว่าโลทกำลังล้อเล่น

15 เมื่อถึงตอนเช้า ทูตสวรรค์ก็เร่งโลท บอกว่า “ลุกขึ้นเร็ว รีบเอาเมียและลูกสาวสองคนของเจ้า ที่อยู่ที่นี่ออกไปจากเมืองนี้ ไม่อย่างนั้น ตอนที่เมืองนี้ถูกลงโทษ เจ้าจะถูกทำลายไปด้วย”

16 แต่โลทยังชักช้าอยู่ ชายสองคนนั้นจึงคว้ามือของเขา ทั้งเมียและลูกสาวของโลท เพราะพระยาห์เวห์มีเมตตาต่อโลท และทูตสวรรค์ได้พาพวกเขาออกไปทิ้งไว้นอกเมือง 17 เมื่อทูตสวรรค์ได้พาพวกเขาออกไปนอกเมืองแล้ว ทูตสวรรค์องค์หนึ่งได้พูดว่า “ให้วิ่งสุดชีวิตเลย ห้ามเหลียวหลังมามอง และอย่าหยุดที่หุบเขาไหนๆเลย ให้วิ่งไปที่เทือกเขาพวกนั้น ไม่อย่างนั้นเจ้าจะถูกทำลาย”

18 แล้วโลทพูดกับพวกเขาว่า “ขออย่าได้ทำอย่างนั้นเลยเจ้านายของข้าพเจ้า 19 ดูสิ ท่านได้กรุณากับข้าพเจ้าผู้รับใช้ของท่าน และท่านได้แสดงความเมตตากับข้าพเจ้าอย่างใหญ่หลวง ที่ช่วยชีวิตของข้าพเจ้าไว้ ข้าพเจ้าวิ่งหนีไปที่เทือกเขาพวกนั้นไม่ทันแน่ ความหายนะคงถึงตัวข้าพเจ้าก่อน และข้าพเจ้าก็จะตาย 20 ดูสิครับ เมืองนั้นอยู่ใกล้กับเมืองนี้ พอที่ข้าพเจ้าจะวิ่งไปทัน และเป็นเมืองเล็ก ขอให้ข้าพเจ้าหนีไปที่นั่นเถิด มันเป็นเมืองเล็กๆแล้วท่านจะได้ช่วยชีวิตของข้าพเจ้า”

21 แล้วทูตสวรรค์ก็พูดกับโลทว่า “ตกลง เราจะให้เจ้าวิ่งไปที่นั่น เราจะไม่ทำลายเมืองนั้นที่ท่านพูดถึง 22 เร็วเข้า รีบหนีไปที่นั่น เราจะยังทำอะไรไม่ได้ จนกว่าเจ้าจะวิ่งไปถึงที่นั่น” (เมืองนั้นจึงมีชื่อว่าโศอาร์[c])

โสโดมและโกโมราห์ถูกทำลาย

23 เมื่อตะวันโผล่ขึ้นมา โลทได้มาถึงเมืองโศอาร์ 24 พระยาห์เวห์ได้ส่งไฟกำมะถันและลูกไฟตกลงมาใส่เมืองโสโดมและเมืองโกโมราห์ เหมือนห่าฝนจากท้องฟ้า 25 และพระองค์ได้ทำลายเมืองเหล่านั้น ตลอดจนหุบเขาทั้งหมด และคนที่อาศัยอยู่ในเมืองพวกนั้นทุกคน และทุกสิ่งทุกอย่างที่งอกขึ้นมาจากพื้นดิน

26 เมียของโลทได้เหลียวหลังไปดู ร่างของนางได้กลายเป็นเสาเกลือไป

27 อับราฮัมตื่นแต่เช้ามืดและไปยังสถานที่ที่เขายืนอยู่ต่อหน้าพระยาห์เวห์ 28 อับราฮัมมองลงไปยังเมืองโสโดมและโกโมราห์และหุบเขาทั้งหมด เขาเห็นควันลอยขึ้นจากแผ่นดินนั้น เหมือนควันจากเตาหลอมโลหะ

29 เมื่อพระยาห์เวห์ทำลายเมืองต่างๆในหุบเขา พระองค์ได้ระลึกถึงอับราฮัม พระองค์จึงนำโลทออกมาจากความหายนะนั้น ตอนที่พระองค์ทำลายเมืองต่างๆพวกนั้นที่โลทเคยอยู่

โลทกับพวกลูกสาวของเขา

30 จากเมืองโศอาร์ โลทได้ขึ้นไปอาศัยอยู่ตามเทือกเขาต่างๆพร้อมกับลูกสาวสองคนของเขา เพราะโลทกลัวที่จะอาศัยอยู่ในเมืองโศอาร์ เขาและลูกสาวทั้งสองอาศัยอยู่ในถ้ำ 31 พี่สาวคนโตพูดกับน้องสาวว่า “พ่อของเราแก่แล้ว และไม่มีผู้ชายคนใดในดินแดนนี้ที่จะมาแต่งงานกับเรา[d] เหมือนกับที่คนอื่นๆบนโลกนี้เขาทำกัน 32 ไปเถอะ ไปให้พ่อเราดื่มเหล้าองุ่นกัน แล้วพี่จะเข้าไปร่วมหลับนอนกับพ่อ เราจะได้มีผู้สืบเชื้อสายต่อไป ผ่านทางพ่อของเรา”

33 แล้วในคืนนั้น ลูกสาวทั้งสองคนของโลทให้พ่อของนางดื่มเหล้าองุ่นจนเมามาย แล้วลูกสาวคนโตได้เข้าไปมีเพศสัมพันธ์กับโลท แต่โลทไม่รู้ตัวเลยว่านางเข้ามานอนกับเขาตั้งแต่เมื่อไหร่และลุกขึ้นไปตั้งแต่เมื่อไหร่

34 วันต่อมาพี่สาวคนโตพูดกับน้องสาวว่า “ดูสิ เมื่อคืนนี้ พี่ได้เข้าไปร่วมหลับนอนกับพ่อแล้ว ให้เราไปมอมเหล้าองุ่นพ่ออีกคืนนี้ น้องจะได้เข้าไปร่วมหลับนอนกับพ่อ เพื่อว่าเราจะได้มีผู้สืบเชื้อสายผ่านทางพ่อเรา” 35 แล้วในคืนนั้น ลูกสาวทั้งสองคน ได้มอมเหล้าองุ่นพ่อจนเมามาย แล้วลูกคนเล็กก็เข้าไปมีเพศสัมพันธ์กับโลท แต่โลทไม่รู้ตัวเลยว่านางมานอนกับเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ และนางลุกขึ้นไปตั้งแต่เมื่อไหร่

36 ลูกสาวทั้งสองคนของโลทได้ตั้งท้องกับพ่อของนาง 37 ลูกสาวคนโตคลอดลูกชาย นางตั้งชื่อเขาว่า โมอับ เขาเป็นบรรพบุรุษของชาวโมอับจนทุกวันนี้ 38 ลูกสาวคนเล็กคลอดลูกชายเหมือนกัน เธอตั้งชื่อเขาว่าเบน-อัมมี[e] เขาเป็นบรรพบุรุษของชาวอัมโมนจนทุกวันนี้

อับราฮัมไปถึงเมืองเกราร์

20 อับราฮัมเดินทางจากที่นั่นตรงไปยังแผ่นดินของเนเกบ เขาตั้งถิ่นฐานอยู่ระหว่างเมืองเคเดชและเมืองชูร์ ตอนที่เขาอาศัยอยู่ในเมืองเกราร์ในฐานะคนต่างชาตินั้น อับราฮัมบอกประชาชนเรื่องซาราห์เมียของเขาว่า “ซาราห์เป็นน้องสาวของผม” กษัตริย์อาบีเมเลคของเมืองเกราร์จึงส่งคนไปหา และกษัตริย์ได้นางซาราห์มา พระเจ้าได้มาเข้าฝันอาบีเมเลคในตอนกลางคืน พระองค์พูดกับเขาว่า “ดูสิ เจ้ากำลังจะตาย เพราะผู้หญิงที่เจ้าเอามานั้น นางมีสามีแล้ว”

ตอนนั้นอาบีเมเลคยังไม่มีเพศสัมพันธ์กับนาง กษัตริย์จึงพูดว่า “ข้าแต่องค์เจ้าชีวิต พระองค์จะฆ่าคนบริสุทธิ์หรือ อับราฮัมเองบอกกับข้าพเจ้าว่า ‘นางเป็นน้องสาวของข้าพเจ้า’ และนางซาราห์เองบอกว่า ‘อับราฮัมเป็นพี่ชายของฉัน’ ข้าพเจ้าทำไปด้วยความบริสุทธิ์ใจและมือที่ใสสะอาด”

แล้วพระยาห์เวห์พูดกับอาบีเมเลคในความฝันว่า “เรารู้ว่าเจ้าทำไปด้วยความบริสุทธิ์ใจ เราถึงได้กันเจ้าไว้ไม่ให้ทำบาปต่อเรา เราจึงไม่ให้เจ้าแตะต้องนาง ตอนนี้คืนเมียของชายคนนั้นกลับไปซะ เพราะอับราฮัมเป็นผู้พูดแทนพระเจ้า เขาจะอธิษฐานให้กับเจ้าและเจ้าจะมีชีวิตอยู่ แต่ถ้าเจ้าไม่ยอมคืน ก็ให้เจ้ารู้ไว้ว่าตัวเจ้าและครอบครัวของเจ้าทั้งหมดจะตายแน่”

อาบีเมเลคตื่นแต่เช้าตรู่ เขาเรียกผู้รับใช้ทั้งหมดของเขา และเล่าความฝันทั้งหมดให้พวกเขาฟัง พวกคนรับใช้กลัวมาก แล้วอาบีเมเลคเรียกอับราฮัมมาพบ และพูดกับเขาว่า “เจ้าทำอย่างนี้กับพวกเราทำไม เราได้ทำผิดอะไรกับเจ้าหรือ เจ้าถึงได้ทำบาปอันยิ่งใหญ่ให้กับเราและอาณาจักรของเรา เจ้าได้ทำกับเราในสิ่งที่ไม่สมควรทำ” 10 แล้วอาบีเมเลคได้ถามอับราฮัมว่า “เจ้าคิดเรื่องอย่างนี้ได้ยังไง ถึงได้ทำอย่างนี้”

11 อับราฮัมตอบว่า “อันที่จริงข้าพเจ้าคิดว่า ‘ไม่มีใครในที่นี้เคารพยำเกรงพระเจ้าแน่ และพวกเขาจะฆ่าข้าพเจ้าเพราะเมียของข้าพเจ้า’ 12 แล้วอีกอย่างหนึ่ง นางก็เป็นน้องสาวของข้าพเจ้าจริงๆ พ่อเดียวกันแต่คนละแม่ และนางได้กลายมาเป็นเมียของข้าพเจ้า 13 เมื่อพระเจ้าทำให้ข้าพเจ้าต้องเดินทางจากบ้านพ่อของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าได้บอกกับนางว่า ‘ขอให้น้องช่วยทำอย่างนี้ให้กับพี่หน่อย คือ ทุกๆที่ที่พวกเราไป ให้พูดถึงพี่ว่า เขาเป็นพี่ชายของฉัน’”

14 แล้วอาบีเมเลคก็เอาแกะ วัว และทาสชายหญิง มอบให้กับอับราฮัม และคืนนางซาราห์ให้กับอับราฮัมด้วย 15 อาบีเมเลคบอกว่า “ดูสิ แผ่นดินของเราอยู่ตรงหน้าเจ้าแล้ว ตรงไหนที่เจ้าชอบก็เข้าไปอยู่ได้เลย”

16 แล้วอาบีเมเลคพูดกับซาราห์ว่า “ดูสิ เราได้ให้เครื่องเงินหนึ่งพันชิ้นกับพี่ชายของเจ้า เครื่องเงินเหล่านี้จะเป็นของเจ้า เพื่อพิสูจน์ให้กับทุกๆคนที่อยู่กับเจ้าได้เห็นว่า เจ้านั้นบริสุทธิ์ไม่ได้ทำอะไรผิด”

17 จากนั้นอับราฮัมได้อธิษฐานต่อพระเจ้า และพระเจ้าได้เยียวยารักษาอาบีเมเลค เมียของเขา และสาวใช้ของเขาให้มีลูกได้อีก 18 ก่อนหน้านั้นพระยาห์เวห์ได้ปิดครรภ์ของหญิงทุกคนในครัวเรือนของอาบีเมเลคไม่ให้มีลูก เพราะซาราห์ เมียของอับราฮัม

ลูกชายของซาราห์

21 แล้วพระยาห์เวห์ได้แสดงความกรุณาต่อซาราห์ตามที่พระองค์ได้พูดไว้ พระองค์ทำกับซาราห์ตามที่พระองค์สัญญาไว้ ซาราห์ได้ตั้งท้องและคลอดลูกชายให้กับอับราฮัมตอนที่เขาแก่มากแล้ว ตรงตามเวลาที่พระเจ้าได้บอกนางไว้ อับราฮัมตั้งชื่อลูกชายของเขาว่าอิสอัค เป็นลูกที่ซาราห์ได้คลอดให้กับเขา อับราฮัมได้ขลิบให้อิสอัคลูกชายเขา เมื่ออิสอัคมีอายุได้แปดวัน ตามที่พระเจ้าได้สั่งเขาไว้

เมื่ออิสอัคลูกชายของเขาเกิดมา อับราฮัมมีอายุหนึ่งร้อยปี ซาราห์พูดว่า “พระเจ้าทำให้ฉันหัวเราะดีใจ ทุกๆคนที่ได้ยินเรื่องนี้จะหัวเราะดีใจกับฉัน” แล้วซาราห์พูดว่า “ไม่มีใครเคยคิดว่าจะได้พูดกับอับราฮัมว่า ‘ซาราห์จะให้นมลูก’ แต่ฉันได้คลอดลูกชายให้กับเขา ตอนที่เขาแก่แล้ว”

ปัญหาที่บ้าน

อิสอัคโตขึ้นจนหย่านมได้แล้ว อับราฮัมจัดงานเลี้ยงฉลองใหญ่โตในวันที่เขาหย่านมนั้น ซาราห์เห็นอิชมาเอลลูกชายของฮาการ์ชาวอียิปต์ ที่นางได้คลอดให้กับอับราฮัม อิชมาเอลกำลังเล่นอยู่กับอิสอัคลูกชายของนาง[f] 10 นางซาราห์จึงพูดกับอับราฮัมว่า “ไล่ทาสคนนี้ไปพร้อมกับลูกชายของนาง เพื่อลูกทาสนี้จะไม่ต้องมาแบ่งมรดกกับอิสอัคลูกชายของฉัน”

11 เรื่องนี้ทำให้อับราฮัมเครียดมาก เพราะเป็นห่วงอิชมาเอลลูกชายของเขา 12 แต่พระเจ้าบอกอับราฮัมว่า “เจ้าไม่ต้องเครียดกับเรื่องลูกของเจ้ากับนางทาสนั้น ให้ทำทุกอย่างตามที่ซาราห์บอกกับเจ้าเถอะ เพราะคนที่จะสืบเชื้อสายให้กับเจ้านั้นมาจากลูกหลานของอิสอัค 13 ส่วนลูกชายที่เกิดจากทาสคนนี้ เราจะทำให้เขาเป็นชนชาติหนึ่งด้วย เพราะเขาก็เป็นลูกของเจ้าเหมือนกัน”

14 แล้วอับราฮัมก็ตื่นแต่เช้าตรู่ เขาเอาอาหารและถุงน้ำมาให้ฮาการ์ เขาเอาของพวกนั้นวางไว้บนบ่าของนางพร้อมกับเด็กนั้น แล้วเขาก็ส่งนางไป นางก็จากไป และเดินเร่ร่อนไปในทะเลทรายเบเออร์เชบา

15 เมื่อน้ำในถุงหมด ฮาการ์จึงวางลูกลงใต้พุ่มไม้ 16 และนางเดินไปนั่งอยู่ห่างๆเท่ากับระยะทางลูกศรยิงถึง นางพูดว่า “อย่าให้ฉันต้องเฝ้าดูลูกของฉันตายเลย” แล้วนางนั่งอยู่ห่างๆและเริ่มร้องไห้

17 แต่พระเจ้าได้ยินเสียงร้องของเด็ก และทูตของพระเจ้าได้เรียกฮาการ์จากสวรรค์ ทูตสวรรค์พูดกับนางว่า “ฮาการ์ เป็นอะไรไป ไม่ต้องกลัว เพราะพระเจ้าได้ยินเสียงร้องของเด็กที่นั่น 18 ลุกขึ้น ยกเด็กขึ้นมากอดไว้ให้แน่น เพราะเราจะทำให้เขาเป็นชนชาติที่ยิ่งใหญ่”

19 จากนั้นพระเจ้าทำให้นางเห็นบ่อน้ำ นางจึงไปที่บ่อน้ำและเติมน้ำจนเต็มถุง แล้วเอาน้ำให้เด็กดื่ม

20 พระเจ้าอยู่กับเด็กชายคนนั้น และเขาได้เติบโตขึ้น เขาอาศัยอยู่ในทะเลทราย และโตขึ้นเป็นนักยิงธนู 21 อิชมาเอลอาศัยอยู่ในทะเลทรายปาราน แม่ของเขาหาเมียชาวอียิปต์ให้กับเขา

การต่อรองของอับราฮัมกับอาบีเมเลค

22 ในเวลานั้นอาบีเมเลคและฟีโคล์ ผู้บัญชาการทหารของกองทัพอาบีเมเลค พูดกับอับราฮัมว่า “พระเจ้าอยู่กับท่านในทุกสิ่งที่ท่านทำ 23 ตอนนี้ให้สาบานกับเราที่นี่ต่อหน้าพระเจ้าว่า ท่านจะไม่หลอกลวงเราหรือลูกหลานของเรา ท่านจะต้องจงรักภักดีกับเราเหมือนกับที่เราจงรักภักดีกับท่าน ท่านต้องสาบานว่าจะจงรักภักดีกับเราและแผ่นดินนี้ที่ท่านอาศัยอยู่ในฐานะคนต่างชาติ”

24 แล้วอับราฮัมพูดว่า “ข้าพเจ้าสาบาน” 25 จากนั้นอับราฮัมบ่นกับอาบีเมเลคเกี่ยวกับบ่อน้ำที่พวกคนรับใช้ของอาบีเมเลคยึดครองไว้

26 อาบีเมเลคพูดว่า “เราไม่รู้ว่าใครทำเรื่องแบบนี้ ท่านไม่ได้บอกเรา และเราก็ไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนเลยจนถึงวันนี้”

27 อับราฮัมได้เอาแกะและวัวมาให้กับอาบีเมเลค และเขาทั้งสองคนได้ทำข้อตกลงกัน 28 อับราฮัมได้แยกลูกแกะตัวเมียเจ็ดตัว[g] ออกมาจากฝูงของมัน

29 จากนั้นอาบีเมเลคได้พูดกับอับราฮัมว่า “ลูกแกะเจ็ดตัวที่ท่านแยกออกมาไว้ต่างหากนี้ หมายถึงอะไร”

30 อับราฮัมตอบว่า “ท่านจะต้องรับลูกแกะตัวเมียทั้งเจ็ดตัวนี้จากมือของข้าพเจ้า มันจะเป็นพยานให้ข้าพเจ้าว่า ข้าพเจ้าเป็นคนขุดบ่อน้ำนี้ขึ้นมา”

31 หลังจากนั้น บ่อน้ำนั้นมีชื่อว่าเบเออร์เชบา[h] เพราะพวกเขาสองคนได้สาบานกันที่นั่น

32 แล้วอับราฮัมและอาบีเมเลคได้ทำข้อตกลงกันที่เบเออร์เชบา จากนั้นทั้งอาบีเมเลคและฟีโคล์ผู้บัญชาการทหารของเขา ได้ลุกขึ้นและกลับไปยังแผ่นดินของฟีลิสเตีย

33 อับราฮัมได้ปลูกต้นแทมมารีสก์[i] ขึ้นต้นหนึ่งที่เบเออร์เชบา และที่นั่นเอง เขาได้อธิษฐานถึงพระยาห์เวห์ พระเจ้าที่มีชีวิตอยู่ชั่วนิรันดร์ 34 และอับราฮัมได้อาศัยอยู่ในแผ่นดินของชาวฟีลิสเตียในฐานะคนต่างชาติเป็นเวลานาน

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)

พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International