Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

Chronological

Read the Bible in the chronological order in which its stories and events occurred.
Duration: 365 days
Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)
Version
โยบ 10-13

10 “ข้าเบื่อชีวิตของข้า
    ดังนั้นข้าจะบ่นอย่างไม่ยั้ง
    ข้าจะพูด เพราะจิตวิญญาณข้าขมขื่น
ข้าจะพูดกับพระเจ้าว่า ‘อย่าเพิ่งตัดสินว่าข้าพเจ้าผิด
    ช่วยบอกหน่อยว่าพระองค์มีข้อกล่าวหาอะไรข้าพเจ้าบ้าง
พระองค์ชอบหรือที่จะกดขี่และทอดทิ้ง
    ผลงานที่พระองค์ทุ่มเทสร้างขึ้นมา
    ในขณะที่พระองค์อวยพรแผนการทั้งหลายของคนชั่วหรือ
พระองค์มีตาอย่างกับตามนุษย์หรือ
    พระองค์มองแคบๆเหมือนกับที่มนุษย์มองหรือ
วันคืนของพระองค์เหมือนกับวันคืนของคนหรือ
    เดือนปีของพระองค์สั้นเหมือนกับเดือนปีของมนุษย์หรือ
ที่พระองค์จะต้องรีบมาค้นหา
    ความชั่วช้าและความผิดบาปของข้าพเจ้า
พระองค์รู้ว่าข้าพเจ้าไม่ได้ทำผิดอะไร
    แต่ไม่มีใครสามารถช่วยข้าพเจ้าให้รอดพ้นไปจากเงื้อมมือของพระองค์ได้อยู่ดี
มือของพระองค์ปั้นและสร้างข้าพเจ้าขึ้นมา
    แต่ตอนนี้พระองค์กลับหันมาทำลายข้าพเจ้า
ขออย่าลืมว่าพระองค์ปั้นข้าพเจ้าขึ้นมาเหมือนปั้นดินเหนียว
    แต่ตอนนี้ พระองค์จะทำให้ข้าพเจ้ากลับไปเป็นผงคลีดินอีกอย่างนั้นหรือ
10 พระองค์เทข้าพเจ้าออกมาราวกับนม
    และทำให้ข้าพเจ้าแข็งตัวราวกับเนยแข็ง ไม่ใช่หรือ
11 พระองค์ห่อหุ้มข้าพเจ้าไว้ด้วยหนังและเนื้อ
    พระองค์สานทอข้าพเจ้าไว้ด้วยกระดูกและเส้นเอ็น
12 พระองค์ให้ชีวิตและความรักกับข้าพเจ้า
    และการเอาใจใส่ดูแลของพระองค์ได้ปกป้องจิตวิญญาณของข้าพเจ้าไว้
13 แต่พระองค์มีแผนการเหล่านี้แอบแฝงอยู่ในใจ
    ข้าพเจ้ารู้ว่านี่คือความตั้งใจของพระองค์
14 คือถ้าข้าพเจ้าทำบาป พระองค์จะจับตาดูข้าพเจ้า
    และจะไม่ปล่อยให้ข้าพเจ้าพ้นผิดจากความผิดบาปของข้าพเจ้า
15 ถ้าข้าพเจ้าผิด วิบัติก็จะเกิดกับข้าพเจ้า
    ถึงข้าพเจ้าถูก ข้าพเจ้าก็ไม่สามารถเชิดหน้าขึ้นมาได้
เพราะข้าพเจ้าจะเต็มอิ่มไปด้วยความอับอายและความทุกข์ยาก
16 ถ้าข้าพเจ้ายกตัวเองขึ้น
    พระองค์ก็จะไล่ล่าข้าพเจ้าอย่างสิงโต
    และแผลงฤทธิ์อันอัศจรรย์ของพระองค์ใส่ข้าพเจ้าอีก
17 พระองค์จะหาพยานมาเพิ่มเพื่อปรักปรำข้าพเจ้าใหม่
    และเพิ่มความโกรธเกรี้ยวใส่ข้าพเจ้า
    พระองค์ส่งกองทัพชุดใหม่มาสู้กับข้าพเจ้า
18 ทำไมพระองค์จึงนำข้าพเจ้าออกมาจากท้องแม่
    ข้าพเจ้าน่าจะตายไปก่อนที่จะมีสายตาใครได้เห็น
19 ข้าพเจ้าน่าจะเป็นเหมือนกับคนที่ไม่เคยมีชีวิต
    คือถูกนำจากท้องแม่ตรงไปสู่หลุมฝังศพ
20 ข้าพเจ้ามีเวลาเหลืออยู่ไม่กีวันไม่ใช่หรือ
    อย่ามายุ่งกับข้าพเจ้าได้ไหม หันไปจากข้าพเจ้าหน่อยเพื่อข้าพเจ้าจะได้มีความสุขสักนิด
21 ก่อนที่ข้าพเจ้าจะจากไปและไม่กลับมาอีก
    จะไปสู่ดินแดนแห่งความมืดและเงาแห่งความตาย
22 ไปสู่ดินแดนแห่งความมืดทึบ
    และเงาแห่งความตาย ดินแดนแห่งความยุ่งเหยิงไร้ระเบียบ
    ที่ความสว่างของมันเป็นเหมือนความมืด’”

โศฟาร์พูดกับโยบ

11 แล้วโศฟาร์ชาวนาอามาห์ตอบโยบว่า

“คำพูดที่มากมายขนาดนี้จะปล่อยให้ไม่มีคำตอบหรือ
    คนนี้ที่พูดมากจะต้องเป็นฝ่ายถูกอย่างนั้นหรือ
ท่านคิดว่าคำบ่นพึมพำอันไร้สาระของท่าน
    จะทำให้คนอื่นเงียบงันไปอย่างนั้นหรือ
เมื่อท่านพูดเยาะเย้ยมากขนาดนี้
    จะไม่ให้มีใครมาทำให้ท่านเสียหน้าเลยหรือ
ท่านพูดว่า ‘คำสอนของข้านั้นถูกต้อง’
    และพูดว่า ‘ข้าแต่พระเจ้า ข้าพเจ้านั้นสะอาดบริสุทธิ์ในสายตาของพระองค์’
แต่ข้าอยากให้พระเจ้าพูดเหลือเกิน
    คือเปิดริมฝีปากของพระองค์พูดกับท่าน
และข้าอยากจะให้พระองค์
    เปิดเผยความลับแห่งสติปัญญาให้กับท่าน
เพราะสติปัญญานั้นย่อมมีอีกแง่มุมหนึ่งที่ท่านคิดไม่ถึง
    แล้วท่านจะได้รู้ว่าพระเจ้าได้ลงโทษท่านน้อยกว่าที่ท่านสมควรจะได้รับเสียอีก

ท่านสามารถค้นพบสติปัญญาอันลึกลับของพระเจ้าได้หรือ
    ท่านสามารถค้นพบขอบเขตแห่งความรู้ของพระองค์ผู้ทรงฤทธิ์ได้หรือ
มันสูงยิ่งกว่าฟ้าสวรรค์ ท่านจะไปทำอะไรได้
    มันลึกยิ่งกว่าแดนคนตาย ท่านจะไปรู้อะไรได้
สติปัญญาของพระเจ้านั้น
    วัดได้ยาวไกลกว่าผืนโลกและกว้างยิ่งกว่าทะเล
10 ถ้าพระองค์ผ่านมาและคุมขังใครไว้
    และเรียกตัวผู้นั้นขึ้นตัดสินความ ใครจะไปห้ามพระองค์ได้
11 เพราะพระองค์รู้ว่าใครทำตัวไร้ค่า
    แล้วเมื่อพระองค์เห็นความชั่วร้าย พระองค์จะมองข้ามมันไปหรือ
12 คนสมองกลวงจะมีสติปัญญาได้
    ก็ต่อเมื่อลาป่าเกิดลูกออกมาเป็นคน
13 ถ้าท่านมอบจิตใจของท่านให้กับพระเจ้า
    และยื่นมือของท่านไปยังพระองค์
14 ถ้าท่านเอาความชั่วร้ายในมือของท่านทิ้งไป
    และไม่ยอมให้ความผิดบาปอาศัยอยู่ในพวกเต็นท์ของท่าน
15 เมื่อนั้น ท่านจะเชิดหน้าขึ้นได้แน่อย่างไม่มีที่ติ
    ท่านจะมั่นคงและไม่หวั่นกลัวต่อสิ่งใด
16 เพราะท่านจะลืมความทุกข์ยากของท่าน
    เหมือนสายน้ำที่ไหลผ่านไปแล้ว
17 ชีวิตของท่านจะส่องสว่างสดใสยิ่งกว่ายามเที่ยงวัน
    แม้แต่ความมืดในชีวิตของท่านก็จะเป็นเหมือนแสงสว่างในยามเช้า
18 ท่านจะรู้สึกปลอดภัย เพราะมีความหวัง
    ท่านจะได้รับการป้องกันอย่างแน่นหนา และนอนพักอย่างปลอดภัย
19 เมื่อท่านนอนลง จะไม่มีใครทำให้ท่านกลัว
    ผู้คนมากมายจะมาร้องขอความช่วยเหลือจากท่าน
20 แต่ดวงตาของคนชั่วร้ายจะมืดมัวไป
    มันหาทางหนีไม่เจอ
    ความหวังของมันก็คือความตายนั่นเอง”

โยบตอบเพื่อนๆ

12 แล้วโยบก็กล่าวตอบว่า

“ไม่ต้องสงสัยเลย
    พวกท่านเป็นคนฉลาดชุดสุดท้าย
เมื่อพวกท่านตาย
    โลกนี้ก็ไม่หลงเหลือความฉลาดไว้อีกแล้ว
แต่ข้าก็มีความเข้าใจเหมือนกัน ไม่ได้ด้อยไปกว่าท่านหรอก
    ใครบ้างจะไม่รู้เรื่องพวกนี้ที่ท่านพูด
แต่ตอนนี้ข้าได้กลายเป็นตัวตลกให้เพื่อนๆหัวเราะเยาะ
    แต่ก่อนข้าเคยอธิษฐานต่อพระเจ้าและพระเจ้าก็ตอบข้าด้วย
    ข้าเป็นคนมีคุณธรรมและไม่มีที่ติ แต่เดี๋ยวนี้กลายเป็นตัวตลกไปแล้ว
คนที่อยู่สบายๆพูดว่า ‘คนนี้เคราะห์ร้ายอยู่แล้ว ซ้ำเติมลงไปเลย’
    พวกนี้พูดว่า ‘คนนั้นโซเซอยู่แล้วผลักให้มันล้มไปเลย’
แต่เต็นท์ของโจรอยู่อย่างสงบสุข
    และคนที่ยั่วเย้าพระเจ้าก็อยู่อย่างปลอดภัย
    ทั้งๆที่ชีวิตของพวกมันอยู่ในกำมือพระเจ้าอยู่แล้ว
แต่พวกท่านพูดว่า
    ‘ไปปรึกษาพวกสัตว์ดูสิ แล้วมันจะสอนท่าน
    ไปปรึกษาพวกนกในอากาศดูสิ แล้วมันจะบอกท่าน
หรือ ไปปรึกษากับแผ่นดินโลกดูสิ แล้วมันจะสอนท่าน
    ไปปรึกษาปลาในท้องทะเลดูสิ แล้วมันจะเล่าให้ท่านฟัง’
ในบรรดาสิ่งเหล่านี้ มีสิ่งไหนบ้างที่ไม่รู้ว่า
    ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นฝีมือของพระยาห์เวห์เอง
10 ชีวิตของสิ่งมีชีวิตทั้งปวงและลมหายใจของมนุษย์ทุกคน
    อยู่ในมือของพระองค์
11 หูทดสอบคำพูด
    เหมือนที่ปากแยกแยะรสชาติอาหารไม่ใช่หรือ
12 สติปัญญาย่อมอยู่กับผู้สูงวัย
    และความเข้าใจก็มากับชีวิตที่ยืนยาวไม่ใช่หรือ
13 ข้าว่าสติปัญญาและฤทธิ์อำนาจเป็นของพระเจ้า
    คำปรึกษาและความเข้าใจเป็นของพระองค์
14 ถ้าพระองค์รื้ออะไรลง จะไม่มีใครสร้างมันขึ้นมาใหม่ได้อีก
    ถ้าพระองค์ขังใครไว้ จะไม่มีใครปล่อยคนนั้นออกมาได้
15 ถ้าพระองค์หยุดยั้งน้ำฝนไว้ แผ่นดินก็จะเหือดแห้งไป
    ถ้าพระองค์ส่งน้ำฝนลงมา มันจะท่วมท้นแผ่นดิน
16 กำลังและสติปัญญาเป็นของพระองค์
    ทั้งคนที่ถูกหลอกและคนที่หลอกลวงล้วนอยู่ใต้อำนาจของพระองค์
17 พระองค์เปลื้องผ้าพวกที่ปรึกษาของแผ่นดิน แล้วนำพวกเขาออกไปแต่ตัวล่อนจ้อน
    พระองค์ทำให้พวกผู้พิพากษากลายเป็นคนโง่
18 พระองค์ปลดสายสะพายของเหล่ากษัตริย์ออก
    แล้วให้พวกกษัตริย์นั้นใส่แค่ผ้าคาดเอว
19 พระองค์เปลื้องผ้าพวกนักบวช แล้วนำพวกเขาออกไปตัวล่อนจ้อน
    พระองค์โค่นอำนาจของผู้ที่ปกครองมาช้านาน
20 พระองค์ปิดปากของพวกที่ปรึกษาที่ได้รับความไว้วางใจ
    พระองค์แย่งความเข้าใจไปจากพวกผู้นำอาวุโส
21 พระองค์เทการเย้ยหยันลงบนพวกเจ้านาย
    และปลดดาบคาดเอวของนักรบที่แข็งแกร่ง
22 พระองค์เปิดเผยพวกเรื่องลึกลับที่แอบซ่อนอยู่ในความมืด
    และนำความมืดมาสู่แสงสว่าง
23 พระองค์ทำให้ชนชาติต่างๆยิ่งใหญ่
    แต่ต่อมาก็ทำลายมันลง
พระองค์ขยายอาณาเขตของชนชาติต่างๆ
    แต่ต่อมาก็นำพวกเขาออกไปเป็นเชลย
24 พระองค์ริบเอาความรู้ของพวกผู้นำประชาชนบนแผ่นดินโลก
    แล้วทำให้พวกเขาเดินพลัดหลงเข้าไปในดินแดนอันรกร้างที่ไม่มีถนนหนทาง
25 ผู้นำเหล่านั้นเดินคลำทางในความมืดมิดที่ไร้แสงสว่าง
    พระองค์ทำให้พวกเขาเดินโซเซอย่างกับคนเมา

13 “ดูสิ ตาของข้าได้เห็นเรื่องทั้งหมดนี้แล้ว
    หูของข้าได้ยินและเข้าใจมันแล้ว
ท่านรู้อะไรข้าก็รู้ด้วย
    ข้าไม่ได้ด้อยไปกว่าท่านหรอก
แต่ข้าอยากจะพูดกับพระองค์ผู้ทรงฤทธิ์
    และอยากจะต่อสู้คดีของข้ากับพระเจ้า
แต่พวกท่านใช้คำโกหกทั้งหลายมาเป็นยาทาข้าพเจ้า
    พวกท่านทั้งหมดเป็นหมอที่ห่วยแตก
พวกท่านน่าจะนิ่งเงียบซะ
    นั่นจะเป็นทางเลือกที่ฉลาดที่สุดสำหรับท่าน
ตอนนี้ให้ฟังคำโต้แย้งของข้า
    ให้ฟังคดีของข้า
พวกท่านจะพูดโกหกเพื่อพระเจ้าหรือ
    หรือพูดหลอกลวงเพื่อพระองค์หรือ
พวกท่านจะลำเอียงเข้าข้างพระองค์หรือ
    พวกท่านจะสู้คดีเพื่อพระเจ้าหรือ
เมื่อถึงคราวที่พระองค์ตรวจสอบพวกท่าน
    พวกท่านคิดว่าจะออกมาดีหรือ
หรือพวกท่านคิดว่าจะหลอกพระองค์ได้
    เหมือนกับที่มนุษย์คนหนึ่งสามารถหลอกอีกคนหนึ่งได้
10 พระองค์จะฟ้องร้องพวกท่านแน่
    ถ้าพวกท่านแอบลำเอียง
11 เมื่อความโอ่อ่าตระการตาของพระองค์ปรากฏ ท่านจะไม่หวาดหวั่นหรือ
    ความน่าเกรงขามของพระองค์ไม่ทำให้ท่านสะทกสะท้านหรือ
12 คำคมและพวกสุภาษิตของพวกท่านไร้ค่าอย่างขี้เถ้า
    คำแก้ต่างของพวกท่านเปราะบางอย่างหม้อดิน
13 เงียบซะ แล้วปล่อยให้ข้าพูด
    อะไรจะเกิดขึ้นกับข้าก็ให้มันเกิดเถอะ
14 ข้าจะยอมกัดเนื้อตัวเอง
    ยอมเสี่ยงชีวิต
15 พระองค์อาจจะฆ่าข้า แต่ข้าไม่มีอะไรจะสูญเสียอีกแล้ว
    ข้าจะต้องพูดแก้ตัวของข้าต่อหน้าพระองค์
16 ความกล้าของข้านี้อาจจะเป็นความรอดของข้า
    เพราะคนชั่วจะไม่กล้ามายืนอยู่ต่อหน้าพระองค์หรอก
17 ให้ฟังถ้อยคำของข้าให้ดี
    ให้คำพูดของข้าอยู่ในหูของท่าน
18 ข้าได้เตรียมคดีของข้าพร้อมแล้ว
    ข้ารู้ว่าข้าเป็นฝ่ายถูก
19 มีใครเล่าสามารถพิสูจน์ว่าข้าผิด
    ถ้ามี ข้าจะหุบปากและตายไป
20 ข้าแต่พระเจ้า ขอช่วยทำสองสิ่งนี้ให้กับข้าพเจ้าด้วยเถิด
    เพื่อข้าพเจ้าจะได้ไม่ต้องซ่อนตัวไปจากหน้าของพระองค์
21 คือช่วยเอามือของพระองค์ออกจากข้าพเจ้าหน่อย
    และขออย่าให้ความน่ากลัวของพระองค์ทำให้ข้าพเจ้าหวาดหวั่น
22 แล้วเบิกตัวข้าพเจ้ามาเถิด แล้วข้าพเจ้าจะตอบข้อกล่าวหา
    หรือไม่อย่างงั้นก็ให้ข้าพเจ้าพูดก่อน แล้วพระองค์ค่อยแย้ง
23 ไหน มีกี่เรื่องที่ข้าพเจ้าทำผิดทำบาป
    ช่วยให้ข้าพเจ้ารู้หน่อยว่าความละเมิดและความผิดบาปของข้าพเจ้าคืออะไร
24 ทำไมพระองค์ถึงซ่อนหน้าไปจากข้าพเจ้า
    และถือว่าข้าพเจ้าเป็นศัตรู[a] ของพระองค์
25 อะไรกัน พระองค์จะขู่ข้าพเจ้า
    ผู้เป็นแค่ใบไม้ใบเดียวที่ปลิวตามลมนี่นะ
    พระองค์จะไล่กวดเศษฟางแห้งอันเดียวนี่นะ
26 พระองค์ได้เขียนคำตัดสินต่างๆที่ขมขื่นให้กับชีวิตข้าพเจ้า
    และพระองค์ทำให้ข้าพเจ้าต้องทนทุกข์ทรมานเพราะความบาปที่ข้าพเจ้าได้ทำในวัยหนุ่ม
27 พระองค์เอาโซ่ตรวนใส่เท้าข้า
    แล้วพระองค์เฝ้ามองทุกฝีก้าวของข้า
    และสะกดรอยทุกย่างก้าวของข้า
28 ถึงแม้ว่าข้าจะเป็นแค่มนุษย์ที่ทรุดโทรมไปเหมือนของเน่า
    เหมือนเสื้อผ้าที่ถูกแมลงกัดกิน”

Thai New Testament: Easy-to-Read Version (ERV-TH)

พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International