Chronological
โยบคนดี
1 มีชายคนหนึ่งชื่อโยบ เขาอาศัยอยู่ในดินแดนอูส เขาเป็นคนดีพร้อม และสัตย์ซื่อ เขายำเกรงพระเจ้า และไม่ยอมทำความชั่วเลย
2 เขามีลูกชายเจ็ดคน และลูกสาวสามคน 3 เขามีแกะและแพะเจ็ดพันตัว อูฐสามพันตัว วัวห้าร้อยคู่ ลาตัวเมียห้าร้อยตัว และมีคนใช้มากมาย
เขาก็เลยเป็นคนที่ร่ำรวยที่สุดในหมู่คนที่อาศัยอยู่ทางทิศตะวันออก
4 ลูกชายของเขาแต่ละคนจะจัดงานเลี้ยงที่บ้านของพวกเขา หมุนเวียนกันไปตามเวรของพวกเขา และพวกเขาจะเชิญชวนพี่น้องหญิงทั้งสามคนให้มากินและดื่มร่วมกับพวกเขา 5 เมื่อพวกเขาจัดงานเลี้ยงเวียนกันไปจนครบรอบแล้ว โยบก็จะทำพิธีชำระพวกเขาให้บริสุทธิ์ โยบจะลุกขึ้นแต่เช้าตรู่ และถวายเครื่องเผาบูชาสำหรับลูกแต่ละคนของเขา เพราะโยบคิดว่า “ลูกๆของข้าอาจจะทำบาป ด้วยการสาปแช่งพระเจ้าในใจก็เป็นได้”
โยบทำอย่างนี้เสมอมา
6 อยู่มาวันหนึ่ง เมื่อพวกทูตสวรรค์มาปรากฏตัวอยู่ต่อหน้าพระยาห์เวห์และผู้ฟ้องร้อง[a] ก็อยู่กับพวกทูตสวรรค์[b] นั้นด้วย
7 พระยาห์เวห์ถามผู้ฟ้องร้องว่า “เจ้าไปทำอะไรมา”
ผู้ฟ้องร้องตอบพระยาห์เวห์ว่า “ไปเที่ยวตรวจตราในแผ่นดินโลก และเดินสำรวจไปมาบนแผ่นดินนั้น”
8 พระยาห์เวห์พูดกับผู้ฟ้องร้องว่า “เจ้าได้สังเกตตัวโยบ ผู้รับใช้ของเราหรือเปล่า ไม่มีใครเลยในโลกนี้ที่เหมือนกับเขา เขาเป็นคนดีพร้อม สัตย์ซื่อ ยำเกรงพระเจ้า และไม่ยอมทำชั่ว”
9 ผู้ฟ้องร้องตอบพระยาห์เวห์ว่า “เขายำเกรงพระองค์เพราะได้สิ่งดีๆตอบแทนไม่ใช่หรือ
10 พระองค์ได้กั้นรั้วปกป้องรอบตัวเขา ครัวเรือนของเขา ตลอดจนทุกสิ่งที่เขาเป็นเจ้าของ ไม่ใช่หรือ พระองค์อวยพรการงานที่เขาทำ ไม่ใช่หรือ จนทำให้ทรัพย์สมบัติของเขาได้ขยายเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลไปทั่วทั้งแผ่นดิน 11 ลองยื่นมือของพระองค์ออกไปทำลายทุกสิ่งของเขาดูสิ เขาจะสาปแช่งพระองค์ต่อหน้าอย่างแน่นอน”
12 แล้วพระยาห์เวห์พูดกับผู้ฟ้องร้องว่า “เอาสิ ทุกอย่างของเขาอยู่ในกำมือของเจ้าแล้ว แต่ห้ามทำร้ายตัวเขา”
แล้วผู้ฟ้องร้องก็ออกไปจากเบื้องหน้าของพระยาห์เวห์
โยบสูญสิ้นทุกสิ่งทุกอย่าง
13 อยู่มาวันหนึ่ง เมื่อพวกลูกชายและลูกสาวของโยบมาร่วมกินและดื่มเหล้าองุ่นที่บ้านพี่ชายคนโตของพวกเขา 14 อยู่ๆก็มีผู้ส่งข่าวคนหนึ่งมาหาโยบและบอกว่า “ขณะที่ฝูงวัวกำลังไถดิน และพวกลาตัวเมียกำลังกินหญ้าอยู่ข้างๆฝูงวัวนั้น 15 ก็มีพวกเสบา[c] บุกเข้ามากวาดต้อนเอาพวกมันไป
และพวกมันใช้ดาบฆ่าฟันคนเฝ้าฝูงสัตว์ตายหมด เหลือแต่ข้าพเจ้าที่หนีรอดมาส่งข่าวกับท่าน”
16 ชายคนนี้พูดยังไม่ทันจบ ก็มีชายอีกคนหนึ่งเข้ามา พูดว่า “มีฟ้าผ่าจากพระเจ้าลงมาจากฟ้า เผาไหม้ฝูงแกะและแพะ รวมทั้งคนเฝ้าฝูงสัตว์นั้นจนหมดเกลี้ยง เหลือแต่ข้าพเจ้าที่หนีรอดมาส่งข่าวกับท่าน”
17 ชายคนนี้พูดยังไม่ทันจบ ก็มีชายอีกคนหนึ่งเข้ามาพูดว่า “มีชาวเคลเดีย[d] สามกลุ่มบุกเข้าปล้นฝูงอูฐ และกวาดต้อนเอาพวกมันไป แล้วพวกมันก็เอาดาบฆ่าฟันคนเฝ้าฝูงอูฐตายหมด เหลือแต่ข้าพเจ้าที่หนีรอดมาบอกข่าวกับท่าน”
18 ชายคนนี้พูดยังไม่ทันจบ ก็มีชายอีกคนหนึ่งเข้ามาพูดว่า “ในขณะที่ลูกชายและลูกสาวของท่านกำลังกินและดื่มเหล้าองุ่นในบ้านพี่ชายคนโตนั้น 19 ก็เกิดพายุลูกใหญ่พัดมาจากทะเลทราย พัดตีบ้านทั้งสี่ด้าน แล้วบ้านก็พังลงมาทับลูกๆของท่านตายหมด เหลือแต่ข้าพเจ้าที่หนีรอดมาส่งข่าวกับท่าน”
20 โยบก็ลุกขึ้นฉีกเสื้อคลุมของเขา โกนหัว[e] และล้มกราบลงกับพื้น 21 เขาพูดว่า
“ข้าพเจ้าออกจากท้องแม่มาตัวเปล่า
ข้าพเจ้าก็จะกลับสู่ผืนดินตัวเปล่า
พระยาห์เวห์ให้มา และพระยาห์เวห์ก็เอากลับไป
ขอให้ชื่อของพระยาห์เวห์ได้รับการสรรเสริญเถิด”
22 ถึงแม้จะเกิดเรื่องทั้งหมดนี้กับโยบ โยบก็ไม่ได้ทำบาป เขาไม่ได้กล่าวหาพระเจ้าว่าพระองค์ทำผิด
ผู้ฟ้องร้องเล่นงานสุขภาพของโยบ
2 อยู่มาวันหนึ่ง เมื่อพวกทูตสวรรค์มาปรากฏตัวอยู่ต่อหน้าพระยาห์เวห์ ผู้ฟ้องร้องก็มาอยู่กับพวกทูตสวรรค์นั้นด้วยเพื่อมารายงานตัวต่อพระยาห์เวห์ 2 พระยาห์เวห์พูดกับผู้ฟ้องร้องว่า “เจ้าไปไหนมา”
ผู้ฟ้องร้องตอบพระยาห์เวห์ว่า “ไปเที่ยวตรวจตราในแผ่นดินโลก และเดินสำรวจไปมาบนแผ่นดินนั้น”
3 พระยาห์เวห์พูดกับผู้ฟ้องร้องว่า “เจ้าสังเกตตัวโยบ ผู้รับใช้ของเราหรือเปล่า ไม่มีใครเลยในโลกนี้ที่เหมือนกับเขา เขาเป็นคนดีพร้อม สัตย์ซื่อ ยำเกรงพระเจ้า และไม่ยอมทำชั่ว เขาก็ยังยึดมั่นในความดีพร้อมของเขา ทั้งๆที่เจ้าพยายามโน้มน้าวให้เราต่อต้านเขา และให้กลืนกินเขาเสียโดยไม่มีเหตุ”
4 ผู้ฟ้องร้องตอบพระยาห์เวห์ว่า “หนังแทนหนัง[f] แน่นอน มนุษย์จะสละทุกสิ่งทุกอย่างที่เขามีเพื่อแลกกับชีวิตของตน 5 ลองยื่นมือของพระองค์ออกไปทำร้ายกระดูกและเนื้อของเขาดูสิ เขาจะสาปแช่งพระองค์ต่อหน้าอย่างแน่นอน”
6 แล้วพระยาห์เวห์ก็พูดกับผู้ฟ้องร้องว่า “เอาสิ ทุกอย่างของเขาอยู่ในกำมือของเจ้าแล้ว แต่ให้ไว้ชีวิตเขา”
7 ผู้ฟ้องร้องก็ออกไปจากเบื้องหน้าของพระยาห์เวห์
ผู้ฟ้องร้องทำให้โยบเกิดแผลพุพองตั้งแต่หัวจรดเท้า 8 โยบนั่งอยู่กลางกองขี้เถ้าและใช้เศษหม้อดินแตกเกาครูดตามตัว 9 เมียของเขาพูดกับเขาว่า “แกยังจะยึดมั่นในความดีพร้อมของแกอยู่อีกหรือ สาปแช่งพระเจ้า แล้วไปตายซะ”
10 โยบพูดกับนางว่า “เจ้าพูดเหมือนกับหญิงโง่ไม่มีผิด เราจะรับแต่สิ่งดีๆจากพระเจ้าเท่านั้น สิ่งเลวร้ายจะไม่ยอมรับเลยหรือ” ถึงแม้จะเกิดเรื่องทั้งหมดนี้กับโยบ โยบก็ไม่ได้ทำบาปด้วยริมฝีปากของเขาเลย
เพื่อนทั้งสามคนของโยบ
11 ต่อมาเมื่อเพื่อนสามคนของโยบคือ เอลีฟัสชาวเทมาน บิลดัดชาวชูอาห์ และโศฟาร์ชาวนาอามาห์ ได้ยินเรื่องเลวร้ายทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับโยบ พวกเขานัดกันที่จะไปร่วมทุกข์และปลอบโยนโยบ พวกเขาต่างออกจากบ้านเรือนของตนมา 12 เมื่อพวกเขาเห็นโยบแต่ไกล พวกเขาแทบจะจำโยบไม่ได้เลย พวกเขาร้องไห้เสียงดัง และต่างฉีกเสื้อคลุมของตน แล้วต่างโยนฝุ่น[g]ขึ้นไปในอากาศให้ตกลงบนหัวของพวกเขา
13 แล้วเพื่อนทั้งสามก็ได้มานั่งอยู่กับโยบที่พื้นดิน เป็นเวลาเจ็ดวันเจ็ดคืน โดยไม่ได้พูดอะไรกับโยบสักคำ เพราะพวกเขาเห็นว่าความเจ็บปวดของโยบนั้นแสนสาหัสนัก
โยบสาปแช่งวันที่เขาเกิด
3 หลังจากนั้น โยบอ้าปากและพูดสาปแช่งวันที่เขาเกิดมา 2 โยบพูดว่า
3 “วันที่ข้าเกิดมานั้น
น่าจะถูกทำลายไปซะก่อน
และไม่น่าจะมีคืนนั้นที่พูดว่า
‘มีการตั้งท้องเด็กชายคนหนึ่งขึ้นแล้ว’
4 วันนั้นน่าจะมืดมิดไป
พระเจ้าที่อยู่เบื้องบนไม่น่าจะคิดถึงวันนั้น
หรือให้แสงสว่างส่องลงมาในวันนั้นเลย
5 ความมืดและเงาแห่งความตายน่าจะอ้างสิทธิ์เหนือวันนั้น
เมฆหนาทึบน่าจะปกคลุมวันนั้นไว้
ความมืดมิดของดวงอาทิตย์น่าจะทำให้วันนั้นตกใจกลัว
6 ความหมองหม่นน่าจะยึดเอาคืนนั้นที่ข้าก่อเกิดขึ้นในท้องไปซะ
คืนนั้นไม่น่าจะเชื่อมต่อกับวันอื่นๆของปีเลย
วันนั้นไม่น่าจะถูกนับรวมอยู่ในเดือนต่างๆเลย
7 ความจริงแล้วคืนนั้นน่าจะเป็นหมันไป
ไม่น่าจะมีเสียงร้องอย่างมีความสุขในคืนนั้นเลย
8 คนที่สาปแช่งวันน่าจะร่ายเวทมนตร์ใส่คืนนั้นด้วย
คนที่เก่งในการปลุกเรียกตัวเลวีอาธาน[h] ขึ้นมา
น่าจะสาปแช่งคืนนั้นด้วย
9 ดวงดาวในยามรุ่งสางน่าจะมืดไป
คืนนั้นที่รอแสงสว่างอย่างตื่นเต้นไม่น่าจะได้พบแสงสว่างเลย
คืนนั้นไม่น่าจะได้พบกับแสงสว่างแห่งยามรุ่งสางเลย
10 เพราะคืนนั้นไม่ได้ปิดครรภ์ของแม่ข้าไว้
เพราะคืนนั้นไม่ได้ซ่อนความทุกข์ยากไปจากสายตาข้า
11 ทำไมข้าถึงไม่ตายตั้งแต่เกิด
ทำไมข้าถึงไม่คลอดออกมาแล้วสิ้นใจไปเลย
12 ทำไมตักของแม่จึงรองรับข้าไว้
และทำไมถึงมีเต้านมให้ข้าดูด
13 เพราะถ้าข้าตายไปเสียตั้งแต่แรกเกิด
ตอนนี้ข้าคงนอนเหยียดยาวอยู่และไม่ถูกรบกวน
ข้าคงนอนหลับอยู่และคงได้พักผ่อน
14 อยู่ร่วมกับพวกกษัตริย์และบรรดาที่ปรึกษาแห่งแผ่นดินที่เคยสร้างเมืองปรักหักพังขึ้นใหม่สำหรับพวกเขาเอง
15 หรืออยู่กับพวกเจ้านายในวัง
ที่เคยมีทองคำและเงินเต็มบ้าน
16 ทำไมข้าถึงไม่ถูกฝังเหมือนกับเด็กที่ตายในท้อง
หรือเป็นทารกที่ไม่เคยเห็นแสงสว่าง
17 ที่หลุมศพนั้นคนชั่วจะหยุดก่อปัญหา
ที่นั่นผู้ที่เหนื่อยล้าจะได้พักผ่อน
18 ที่นั่นเหล่าเชลยจะอยู่กันอย่างสบาย
เพราะพวกเขาจะไม่ได้ยินเสียงร้องตะโกนของผู้คุม
19 ทั้งผู้น้อยและผู้ใหญ่ก็อยู่ที่นั่น
ส่วนทาสก็เป็นอิสระจากเจ้านาย
20 ทำไมถึงให้แสงสว่างกับคนที่ทุกข์ทรมาน
ทำไมถึงให้ชีวิตกับคนที่จมอยู่กับความขมขื่น
21 ทำไมไม่ยอมให้คนที่อยากตายได้ตายซะ
พวกเขาขุดหาความตายยิ่งกว่าขุดหาทรัพย์สมบัติเสียอีก
22 พวกเขาดีใจแทบตายเมื่อเขาพบหลุมศพของตน
พวกเขาร้องเพลงกันอย่างสนุกสนาน
23 ทำไมถึงให้ชีวิตกับคนที่ไม่รู้ว่าจะอยู่ไปทำไม
คือคนที่พระเจ้าได้ปิดกั้นรอบด้าน
24 อาหารของข้าคือการถอนหายใจ
น้ำดื่มของข้าคือเสียงร้องคร่ำครวญ
25 เพราะสิ่งที่ข้ากลัวมากที่สุดนั้นก็ได้เกิดขึ้นกับข้า
สิ่งที่ข้าหวาดผวาก็ได้ตกอยู่บนข้า
26 ข้าไม่มีความสงบสุข ไม่มีความเงียบสงบ
ข้าไม่ได้พักผ่อน ข้ามีแต่ความว้าวุ่นใจ”
เอลีฟัสพูดกับโยบ
4 แล้วเอลีฟัส ชาวเทมานตอบว่า
2 “ถ้าหากมีใครสักคนจะลองพูดกับท่าน
ท่านจะรำคาญไหม
เมื่อฟังท่านพูด ใครจะอดพูดได้
3 ท่านเคยสั่งสอนผู้คนมากมาย
ท่านเคยเสริมกำลังให้กับมือที่อ่อนล้า
4 คำแนะนำของท่าน
ทำให้คนที่ล้มลงลุกขึ้นยืนได้อย่างมั่นคง
ท่านทำให้เข่าที่อ่อนล้ากลับแข็งแรง
5 แต่มาตอนนี้มันได้เกิดขึ้นกับท่าน
ท่านก็หมดความอดทนไป
พอมาถึงตาท่าน ท่านก็ท้อแท้
6 ความยำเกรงที่ท่านมีต่อพระเจ้านั้น
ไม่ได้ช่วยให้ท่านมีความเชื่อมั่นเลยหรือ
ความดีพร้อมของท่านนั้น
ไม่ได้ให้ความหวังอะไรกับท่านเลยหรือ
7 ลองคิดดูสิ เคยเห็นคนบริสุทธิ์ถูกทำลายไปไหม
เคยเห็นคนที่ซื่อตรงพินาศไหม
8 ที่ข้าเคยเห็นมาคนที่ไถพรวนความชั่วร้าย
และคนที่ปลูกความทุกข์ยาก
ก็จะได้เก็บเกี่ยวสิ่งเหล่านั้น
9 พวกเขาถูกทำลายด้วยลมหายใจของพระเจ้า
พวกเขาพบจุดจบด้วยลมจากช่องจมูกของพระองค์
10 เสียงคำรามของสิงห์และเสียงร้องลั่นของสิงโตดุร้าย
จะเงียบหายไป
และฟันของสิงห์หนุ่มจะถูกหักไป
11 สิงห์ที่แข็งแรงจะถูกกำจัดไป เพราะขาดเหยื่อ
ส่วนลูกสิงห์ก็จะกระจัดกระจายไป
12 ข้าได้รับข่าวลับ
ข้าได้ยินแค่เสี้ยวหนึ่ง
13 มันมาทางฝันร้ายในตอนกลางคืน
เมื่อผู้คนหลับสนิท
14 ข้ากลัวจนตัวสั่น
มันทำให้กระดูกทั้งสิ้นของข้าสั่นเทิ้ม
15 เมื่อลมนั้นพัดผ่านหน้าข้าไป
ขนตามตัวข้าก็ลุกชัน
16 มีสิ่งหนึ่งยืนอยู่ที่นั่น
ข้ามองไม่ออกว่ามันคืออะไร
รูปร่างนั้นอยู่ต่อหน้าต่อตาข้า
แล้วทุกอย่างก็เงียบเชียบ
อยู่ๆข้าก็ได้ยินเสียงขึ้นว่า
17 ‘มนุษย์จะเป็นผู้บริสุทธิ์ต่อหน้าพระเจ้าได้หรือ
มนุษย์จะสะอาดหมดจดต่อหน้าพระผู้สร้างของเขาได้หรือ
18 ดูสิ ขนาดผู้รับใช้ของพระองค์
พระองค์ยังไม่ไว้ใจเลย
ขนาดทูตสวรรค์ของพระองค์
พระองค์ยังบอกว่าทำผิดเลย
19 แล้วจะนับประสาอะไรกับเรา
ที่อยู่ในบ้านดินเหนียวเหล่านี้
ที่มีฐานรากตั้งอยู่บนฝุ่น
ที่สามารถถูกบดขยี้เหมือนแมลงที่กัดกินเสื้อผ้า
20 มนุษย์นั้นสามารถถูกป่นเป็นผุยผงภายในวันเดียว
พวกเขาสามารถพินาศตลอดไปโดยไม่มีใครสังเกตเห็น
21 เชือกผูกเต็นท์ของพวกเขาสามารถถูกดึงออก
แล้วพวกเขาก็ฟุบตายไปอย่างไม่ทันได้สติปัญญาเลย’
5 ร้องเรียกสิ จะมีใครสักคนที่ตอบท่านไหม
ท่านจะหันไปหาทูตสวรรค์องค์ไหนให้มาช่วยหรือ
2 คนโง่ตายเพราะความโกรธ
คนเขลาตายเพราะความอิจฉา
3 ข้าเคยเห็นคนโง่ลงหลักปักฐาน
แต่ข้าพูดได้เลยว่าบ้านคนนี้ถูกสาปแช่งแล้ว
4 ส่วนลูกๆของเขาอยู่ห่างไกลจากความปลอดภัย
พวกเขาถูกบดขยี้ที่ประตูเมืองโดยไม่มีใครช่วยพวกเขาเลย
5 ส่วนพืชผลของพวกเขาก็ถูกคนหิวโซเอาไปกิน แม้แต่พืชผลที่ล้อมรอบด้วยพงหนามก็มีคนเอาไปกิน
ส่วนทรัพย์สมบัติของพวกเขา พวกคนกระหายก็เฝ้ารอฮุบเอา
6 เพราะความทุกข์ลำบากไม่ได้เกิดมาจากผงธุลีดิน
ความทุกข์ยากนั้นก็ไม่ได้งอกเงยขึ้นจากผืนดิน
7 แต่มนุษย์นั่นแหละที่คลอดความทุกข์ยากนั้นออกมา
เหมือนลูกไฟที่ย่อมแตกพุ่งขึ้นบน
8 ถ้าเป็นข้า ข้าจะแสวงหาพระเจ้า
และจะยื่นคำร้องของข้าต่อพระองค์
9 พระเจ้าทำเรื่องยิ่งใหญ่เกินกว่าที่พวกเราจะเข้าใจได้
กิจการอันน่ายำเกรงที่พระองค์ทำนั้นเกินกว่าที่จะนับได้
10 พระเจ้าคือผู้ที่ให้ฝนตกลงมาบนแผ่นดินโลก
พระองค์คือผู้ที่ให้น้ำไหลลงมาสู่ทุ่งนา
11 พระองค์ยกผู้ที่ต่ำต้อยให้สูงขึ้น
พระองค์ทำให้คนทุกข์ยากอยู่อย่างปลอดภัย
12 พระองค์ขัดขวางแผนการของคนเจ้าเล่ห์
คนพวกนั้นจึงทำการไม่สำเร็จ
13 พระองค์จับคนฉลาดด้วยกลอุบายของเขาเอง
แผนการของคนเหลี่ยมจัดพวกนี้จึงจบลงอย่างรวดเร็ว
14 คนเหล่านั้นเผชิญกับความมืดแม้ในยามกลางวัน
พวกเขาต้องเดินคลำทางไปในยามเที่ยงวันราวกับเป็นเวลากลางคืน
15 แต่พระเจ้าช่วยคนยากไร้ให้พ้นจากคมดาบของคนชั่ว
และจากเงื้อมมือของผู้มีอำนาจ
16 คนยากไร้จึงมีความหวัง
และความอธรรมก็ต้องหุบปากไป
17 คนที่พระเจ้าตักเตือนนั้นได้รับเกียรติจริงๆ
ดังนั้นอย่าดูถูกการตีสอนจากพระเจ้าผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น
18 เพราะพระองค์ทำให้เกิดบาดแผลและพระองค์ก็พันแผลให้
พระองค์ทำให้บาดเจ็บและมือของพระองค์เยียวยาให้
19 จะทุกข์ยากหกครั้ง พระองค์ก็จะช่วยกู้ท่าน
จะเจ็ดครั้งก็เถอะ เรื่องเลวร้ายก็จะไม่แตะต้องท่าน
20 ในยามขาดแคลนอาหาร
พระองค์จะไถ่ท่านให้รอดจากความตาย
ในยามสงคราม
พระองค์จะไถ่ท่านให้พ้นจากคมดาบ
21 เมื่อคนใส่ร้ายท่าน พระองค์จะปกป้องท่าน
เมื่อหายนะมาถึง ท่านจะไม่ต้องเกรงกลัว
22 ท่านจะหัวเราะเยาะใส่ความหายนะ และการขาดแคลนอาหาร
ท่านจะไม่เกรงกลัวสัตว์ป่าทั้งหลาย
23 เพราะท่านจะทำสัญญาสงบสุขกับหินผาแห่งผืนดิน
และสัตว์ป่าก็จะอยู่กับท่านอย่างสงบสุข
24 ท่านจะรู้ได้ว่าเต็นท์ของท่านนั้นปลอดภัย
ท่านจะไปตรวจทรัพย์สมบัติทั้งหมดของท่าน
แล้วจะไม่มีอะไรหายไปสักอย่าง
25 ท่านจะรู้ว่าท่านจะมีลูกหลานมากมาย
เชื้อสายของท่านจะมากมายเหมือนหญ้าบนผืนดิน
26 ท่านจะมาถึงหลุมศพเมื่อแก่หง่อม
เหมือนกับฟ่อนข้าวมาถึงลานนวดในฤดูเก็บเกี่ยว
27 ดูสิ พวกเราได้ไตร่ตรองเรื่องนี้แล้ว
และมันก็เป็นจริงอย่างนั้น
ฟังและเข้าใจไว้ เพื่อประโยชน์ของท่านเอง”
พระคริสตธรรมคัมภีร์: ฉบับอ่านเข้าใจง่าย ภาคคำสัญญาใหม่ © 2015 Bible League International