Previous Prev Day Next DayNext

Chronological

Read the Bible in the chronological order in which its stories and events occurred.
Duration: 365 days
Thai New Contemporary Bible (TNCV)
Version
วิวรณ์ 19-22

สรรเสริญพระเจ้า!

19 จากนั้นข้าพเจ้าได้ยินเสียงกึกก้องราวกับเสียงผู้คนเป็นอันมากในสวรรค์ร้องตะโกนว่า

“ฮาเลลูยา![a]
ความรอดมาจากพระเจ้าของเรา พระองค์ทรงพระเกียรติสิริและเดชานุภาพ
เพราะบรรดาการพิพากษาของพระองค์เที่ยงธรรมและเที่ยงแท้
พระองค์ทรงตัดสินโทษหญิงโสเภณีตัวฉกาจนั้นแล้ว
ผู้ซึ่งทำให้โลกเสื่อมทรามด้วยการล่วงประเวณีของนาง
พระองค์ทรงให้นางชดใช้เลือดของผู้รับใช้ของพระองค์แล้ว”

และพวกเขาร้องตะโกนอีกครั้งว่า

“ฮาเลลูยา!
ควันไฟจากนครนั้นพลุ่งขึ้นสืบๆ ไปเป็นนิตย์”

ผู้อาวุโสทั้งยี่สิบสี่คนกับสิ่งมีชีวิตทั้งสี่หมอบกราบนมัสการพระเจ้าผู้ประทับบนพระที่นั่ง และร้องว่า

“อาเมน ฮาเลลูยา!”

แล้วมีเสียงหนึ่งดังจากพระที่นั่งกล่าวว่า

“ท่านทั้งปวงที่เป็นผู้รับใช้ของพระองค์
ผู้ที่ยำเกรงพระองค์
ทั้งผู้ใหญ่และผู้น้อย
จงสรรเสริญพระเจ้าของเรา”

จากนั้นข้าพเจ้าได้ยินเสียงคล้ายเสียงผู้คนมากมายเหมือนเสียงน้ำเชี่ยวกรากและเหมือนเสียงฟ้าร้องกึกก้องตะโกนว่า

“ฮาเลลูยา!
เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าผู้ทรงฤทธิ์
ของเราทรงครอบครองอยู่
ให้เราทั้งหลายชื่นชมยินดีและเปรมปรีดิ์
และถวายพระเกียรติสิริแด่พระองค์!
เพราะถึงกำหนดอภิเษกสมรสของพระเมษโปดกแล้ว
และเจ้าสาวของพระองค์เตรียมตัวพร้อมแล้ว
ทรงให้เจ้าสาวสวมชุดผ้าลินินเนื้อดี
ที่สะอาดสดใสแล้ว”

(ผ้าลินินเนื้อดีหมายถึงการประพฤติอันชอบธรรมของประชากรของพระเจ้า)

แล้วทูตสวรรค์นั้นบอกข้าพเจ้าว่า “จงเขียนว่า ‘ความสุขมีแก่บรรดาผู้ที่ได้รับเชิญมายังงานเลี้ยงฉลองอภิเษกสมรสของพระเมษโปดก!’ ” และทูตนั้นกล่าวอีกว่า “สิ่งเหล่านี้เป็นพระวจนะแท้ของพระเจ้า”

10 ถึงตรงนี้ข้าพเจ้าหมอบลงแทบเท้าทูตสวรรค์เพื่อนมัสการ แต่ทูตนั้นกล่าวแก่ข้าพเจ้าว่า “อย่าทำเช่นนั้น! เราเป็นเพื่อนผู้รับใช้ร่วมกับท่านและร่วมกับพี่น้องของท่านที่ยึดมั่นในคำพยานเรื่องพระเยซู จงนมัสการพระเจ้า! เพราะคำพยานเรื่องพระเยซูนั้นคือหัวใจของการเผยพระวจนะ”

ผู้ทรงม้าขาว

11 ข้าพเจ้าเห็นฟ้าสวรรค์เปิดอยู่และมีม้าขาวตัวหนึ่งยืนอยู่ต่อหน้าข้าพเจ้า พระนามของพระองค์ผู้ทรงม้านั้นคือพระผู้สัตย์ซื่อและเที่ยงแท้ พระองค์ทรงพิพากษาและสู้ศึกด้วยความยุติธรรม 12 พระเนตรของพระองค์ดุจไฟโชติช่วง บนพระเศียรมีมงกุฎหลายอัน ทรงมีพระนามจารึกไว้บนพระกาย ไม่มีผู้ใดรู้จักพระนามนั้นเลยนอกจากพระองค์เอง 13 ทรงฉลองพระองค์ซึ่งได้จุ่มในเลือด และพระนามของพระองค์คือพระวาทะของพระเจ้า 14 บรรดากองทัพสวรรค์สวมอาภรณ์ผ้าลินินเนื้อดีขาวสะอาดนั่งบนหลังม้าขาวกำลังตามเสด็จพระองค์ไป 15 พระแสงคมกริบออกมาจากพระโอษฐ์ของพระองค์ ทรงใช้พระแสงนี้ฟาดฟันประชาชาติ “พระองค์จะทรงปกครองพวกเขาด้วยคทาเหล็ก”[b] พระองค์ทรงเหยียบย่ำองุ่นในบ่อย่ำแห่งพระพิโรธเกรี้ยวกราดของพระเจ้าผู้ทรงฤทธิ์ 16 ที่เสื้อคลุมและต้นขาจารึกพระนามของพระองค์ว่า

กษัตริย์เหนือกษัตริย์ทั้งหลาย เจ้านายเหนือเจ้านายทั้งหลาย

17 แล้วข้าพเจ้าเห็นทูตสวรรค์องค์หนึ่งยืนอยู่ที่ดวงอาทิตย์ร้องเสียงดังประกาศแก่นกทั้งมวลซึ่งบินอยู่กลางอากาศว่า “จงมาร่วมชุมนุมกันในงานเลี้ยงใหญ่ของพระเจ้า 18 เพื่อเจ้าจะได้กินเนื้อของกษัตริย์ เนื้อของขุนพลและนายทหาร เนื้อม้าและเนื้อคนขี่ม้า และเนื้อประชาชนทั้งปวง เนื้อของทาสและไท เนื้อของผู้ใหญ่และผู้น้อย”

19 แล้วข้าพเจ้าเห็นสัตว์ร้ายนั้นกับบรรดากษัตริย์ของโลกพร้อมทั้งกองทัพของพวกเขามาชุมนุมกันเพื่อรบกับพระองค์ผู้ทรงม้าขาวและกองทัพของพระองค์ 20 แต่สัตว์ร้ายนั้นถูกจับพร้อมด้วยผู้เผยพระวจนะเท็จซึ่งได้ทำหมายสำคัญแทนสัตว์ร้ายนั้น ด้วยหมายสำคัญเหล่านี้เขาได้ล่อลวงบรรดาผู้ที่ได้รับเครื่องหมายของสัตว์ร้ายนั้นและได้กราบนมัสการรูปจำลองของมัน ทั้งสัตว์ร้ายและผู้เผยพระวจนะเท็จถูกโยนลงในบึงไฟกำมะถันลุกโชนทั้งเป็น 21 ส่วนพวกที่เหลือถูกฆ่าด้วยพระแสงดาบซึ่งออกมาจากพระโอษฐ์ของพระองค์ผู้ทรงม้าขาว แล้วนกทั้งปวงก็รุมทึ้งกินเนื้อคนเหล่านั้น

ช่วงพันปี

20 ข้าพเจ้าเห็นทูตสวรรค์องค์หนึ่งลงมาจากสวรรค์ ถือกุญแจนรกขุมลึกและโซ่เส้นใหญ่ในมือ ทูตนั้นจับพญานาคคืองูดึกดำบรรพ์ผู้เป็นมารหรือซาตานล่ามมันไว้พันปี ท่านโยนมันลงในนรกขุมลึก ลั่นกุญแจประทับตราเพื่อไม่ให้มันออกมาล่อลวงประชาชาติต่างๆ ได้อีกจนกว่าจะครบพันปี หลังจากนั้นต้องปล่อยมันออกมาชั่วระยะสั้นๆ

ข้าพเจ้าเห็นบัลลังก์ต่างๆ ซึ่งผู้ที่นั่งบนบัลลังก์นั้นคือบรรดาผู้ได้รับอำนาจให้พิพากษา และข้าพเจ้าเห็นดวงวิญญาณของบรรดาผู้ถูกตัดหัวเนื่องจากเป็นพยานเพื่อพระเยซูและเนื่องด้วยพระวจนะของพระเจ้า พวกเขาไม่ได้กราบนมัสการสัตว์ร้ายหรือรูปจำลองของมันและไม่ได้รับเครื่องหมายของมันไว้ที่หน้าผากหรือที่มือ คนเหล่านี้คืนชีวิตเป็นขึ้นมาใหม่และครอบครองร่วมกับพระคริสต์พันปี (ส่วนผู้ตายอื่นๆ ยังไม่กลับมีชีวิตจนกว่าจะสิ้นพันปีนั้น) นี่คือการเป็นขึ้นจากตายครั้งแรก ผู้ร่วมในการเป็นขึ้นจากตายครั้งแรกนี้ก็เป็นสุขและบริสุทธิ์ ความตายครั้งที่สองจะไม่มีอำนาจเหนือคนเหล่านี้ พวกเขาจะเป็นปุโรหิตของพระเจ้าและของพระคริสต์ และจะครอบครองร่วมกับพระองค์เป็นเวลาพันปี

ซาตานพินาศ

เมื่อพันปีล่วงไปแล้ว ซาตานจะถูกปล่อยออกจากที่คุมขัง มันจะออกไปล่อลวงบรรดาประชาชาติทั่วสี่มุมโลกที่เรียกว่าโกกและมาโกก ระดมพวกเขามาทำศึก คนพวกนี้มีจำนวนมากมายเหมือนเม็ดทรายที่ชายฝั่งทะเล พวกเขากรีธาทัพข้ามโลกมาล้อมค่ายของประชากรของพระเจ้า คือนครซึ่งพระองค์ทรงรักนั้น แต่ไฟจากสวรรค์ลงมาเผาผลาญพวกเขาเสียสิ้น 10 และพญามารที่ล่อลวงพวกเขาก็ถูกโยนลงในบึงไฟกำมะถันที่ลุกโชน ที่ซึ่งสัตว์ร้ายกับผู้เผยพระวจนะเท็จถูกโยนลงไปก่อนแล้ว พวกมันจะทนทุกข์ทรมานทั้งกลางวันกลางคืนสืบๆ ไปเป็นนิตย์

การพิพากษาคนตาย

11 แล้วข้าพเจ้าเห็นพระที่นั่งใหญ่สีขาวพร้อมทั้งผู้ที่ประทับบนพระที่นั่งนั้น เมื่อพระองค์ทรงปรากฏ แผ่นดินโลกและท้องฟ้าก็หายไป ไม่มีที่สำหรับทั้งสองสิ่งนี้แล้ว 12 และข้าพเจ้าเห็นบรรดาผู้ตายทั้งผู้ใหญ่ผู้น้อยยืนอยู่หน้าพระที่นั่ง หนังสือเล่มต่างๆ เปิดออก หนังสืออีกเล่มหนึ่งก็เปิดออกด้วย คือหนังสือแห่งชีวิต และผู้ที่ตายแล้วทั้งหมดก็ถูกพิพากษาตามการกระทำของตนตามที่บันทึกไว้ในหนังสือเหล่านั้น 13 ทะเลคืนคนตายที่อยู่ในทะเล ความตายและแดนมรณาก็คืนคนตายที่อยู่ในนั้นและแต่ละคนถูกพิพากษาตามการกระทำของตน 14 แล้วความตายและแดนมรณาก็ถูกโยนลงในบึงไฟ บึงไฟนี่แหละคือความตายครั้งที่สอง 15 ถ้าผู้ใดไม่ได้มีชื่อจดไว้ในหนังสือแห่งชีวิตผู้นั้นต้องถูกทิ้งลงในบึงไฟ

เยรูซาเล็มใหม่

21 และข้าพเจ้าเห็นฟ้าใหม่และโลกใหม่เพราะฟ้าเดิมและโลกเดิมได้ดับสูญไปแล้ว ทะเลก็ไม่มีอีกแล้ว ข้าพเจ้าเห็นนครบริสุทธิ์ คือเยรูซาเล็มใหม่ที่พระเจ้าทรงให้เลื่อนลอยลงมาจากสวรรค์ นครนี้ได้รับการตระเตรียมไว้เหมือนเจ้าสาวแต่งกายงดงามรอรับผู้เป็นสามี และข้าพเจ้าได้ยินเสียงดังมาจากพระที่นั่งว่า “บัดนี้ที่ประทับของพระเจ้ามาอยู่กับมนุษย์แล้ว พระองค์จะสถิตกับพวกเขา เขาทั้งหลายจะเป็นประชากรของพระองค์ และพระเจ้าเองจะทรงอยู่กับพวกเขาและเป็นพระเจ้าของพวกเขา พระองค์จะทรงซับน้ำตาทุกๆ หยดของพวกเขา จะไม่มีความตาย หรือการคร่ำครวญ หรือการร่ำไห้ หรือความเจ็บปวดรวดร้าวอีกต่อไป เพราะระบบเก่าได้ผ่านพ้นไปแล้ว”

พระองค์ผู้ประทับบนพระที่นั่งนั้นตรัสว่า “เรากำลังสร้างสรรพสิ่งขึ้นใหม่!” และตรัสอีกว่า “จงเขียนสิ่งนี้ลงไปเพราะข้อความเหล่านี้เที่ยงแท้และเชื่อถือได้”

พระองค์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า “สำเร็จแล้ว เราคืออัลฟาและโอเมกา เป็นปฐมและอวสาน ผู้ใดกระหาย เราจะให้ผู้นั้นดื่มจากธารน้ำพุแห่งชีวิตโดยไม่ต้องเสียอะไรเลย ผู้ที่มีชัยชนะจะได้รับทั้งหมดนี้เป็นกรรมสิทธิ์ เราจะเป็นพระเจ้าของเขาและเขาจะเป็นบุตรของเรา ส่วนคนขี้ขลาดตาขาว คนที่ไม่เชื่อ คนชั่วช้า ฆาตกร คนผิดศีลธรรมทางเพศ คนใช้คาถาอาคม คนกราบไหว้รูปเคารพ และคนทั้งปวงที่พูดโกหก ที่ของเขาคือบึงไฟกำมะถันลุกโชน นั่นคือความตายครั้งที่สอง”

หนึ่งในทูตสวรรค์เจ็ดองค์ที่ถือขันแห่งภัยพิบัติเจ็ดประการสุดท้ายนั้นมาบอกข้าพเจ้าว่า “มาเถิด เราจะให้ท่านดูเจ้าสาว คู่อภิเษกของพระเมษโปดก” 10 โดยพระวิญญาณทูตนั้นนำข้าพเจ้าไปที่ภูเขาสูงใหญ่ และสำแดงให้ข้าพเจ้าเห็นนครบริสุทธิ์ คือเยรูซาเล็มที่พระเจ้าทรงให้เลื่อนลอยลงมาจากสวรรค์ 11 นครนั้นเปล่งประกายด้วยพระเกียรติสิริของพระเจ้าส่องแสงเจิดจ้าดั่งแสงอัญมณีล้ำค่าเช่นโมราใสกระจ่างดั่งแก้ว 12 นครนั้นมีกำแพงสูงใหญ่ มีสิบสองประตู แต่ละประตูมีทูตสวรรค์หนึ่งองค์ประจำอยู่ บนประตูแต่ละประตูจารึกชื่อตระกูลหนึ่งในอิสราเอลสิบสองเผ่า 13 ด้านตะวันออกมีสามประตู ด้านเหนือมีสามประตู ด้านใต้มีสามประตูและด้านตะวันตกมีสามประตู 14 กำแพงนครนั้นมีสิบสองฐานและบนฐานเหล่านั้นจารึกชื่ออัครทูตทั้งสิบสองคนของพระเมษโปดก

15 ทูตสวรรค์องค์ที่พูดกับข้าพเจ้าถือไม้วัดทองคำเพื่อวัดขนาดของนครนั้นและประตูกับกำแพง 16 นครนั้นรูปทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสกว้างยาวเท่ากัน เขาเอาไม้วัดระยะนครนั้นได้ 12,000 ซทาดิออน[c] ความกว้างความสูงเท่ากับความยาว 17 เขาวัดความหนา[d]ของกำแพงได้ 144 ศอก[e]ตามมาตราวัดของมนุษย์ซึ่งทูตสวรรค์ใช้ 18 กำแพงก่อด้วยโมรา ส่วนนครนั้นสร้างจากทองคำบริสุทธิ์ สุกใสดั่งแก้ว 19 ฐานรากของกำแพงประดับด้วยอัญมณีล้ำค่านานาชนิด ฐานที่หนึ่งคือโมรา ฐานที่สองคือพลอยสีน้ำเงิน ฐานที่สามคือพลอยสีเขียว ฐานที่สี่คือมรกต 20 ฐานที่ห้าคือโกเมน ฐานที่หกคือพลอยหลากสี ฐานที่เจ็ดคือพลอยสีเขียวเหลือง ฐานที่แปดคือพลอยสีน้ำเงินเขียว ฐานที่เก้าคือบุษราคัม ฐานที่สิบคือหยก ฐานที่สิบเอ็ดคือพลอยสีแดงส้ม ฐานที่สิบสองคือพลอยสีม่วง[f] 21 ประตูทั้งสิบสองทำด้วยไข่มุกขนาดใหญ่ประตูละเม็ด ถนนในเมืองทำด้วยทองคำเนื้อดีสุกปลั่งดั่งแก้วใส

22 ข้าพเจ้าไม่เห็นพระวิหารในนครนี้เลยเพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าผู้ทรงฤทธิ์และพระเมษโปดกคือวิหารแห่งนคร 23 นครนี้ไม่ต้องอาศัยแสงจากดวงอาทิตย์หรือดวงจันทร์ เพราะพระเกียรติสิริของพระเจ้าคือแสงสว่าง และพระเมษโปดกคือดวงประทีปแห่งนครนี้ 24 นานาประชาชาติจะดำเนินในแสงสว่างของนครนี้ และเหล่ากษัตริย์ของโลกจะนำความโอ่อ่าอลังการของตนเข้ามาในนครนี้ 25 ประตูนครไม่เคยปิดเลยสักวันเพราะที่นั่นไม่มีกลางคืน 26 ประชาชาติทั้งหลายจะนำเกียรติและศักดิ์ศรีเข้ามาในนคร 27 สิ่งใดๆ ที่เป็นมลทิน หรือผู้ทำสิ่งที่น่าละอายหรือโป้ปดมุสาจะไม่มีวันได้เข้าในนครนั้นเลย เฉพาะผู้มีชื่อจดไว้ในหนังสือแห่งชีวิตของพระเมษโปดกเท่านั้นจึงจะเข้าได้

แม่น้ำแห่งชีวิต

22 แล้วทูตนั้นสำแดงให้ข้าพเจ้าเห็นแม่น้ำที่มีน้ำแห่งชีวิตใสดั่งแก้วไหลจากพระที่นั่งของพระเจ้าและพระเมษโปดก ลงมากลางถนนใหญ่ของนครนั้น สองฟากแม่น้ำมีต้นไม้แห่งชีวิตซึ่งออกผลสิบสองครั้ง คือออกผลทุกๆ เดือน และใบของต้นไม้นั้นใช้รักษาบรรดาประชาชาติให้หาย ไม่มีการสาปแช่งใดๆ อีกต่อไป พระที่นั่งของพระเจ้าและพระเมษโปดกจะตั้งอยู่ในนครนั้นและบรรดาผู้รับใช้ของพระองค์จะปรนนิบัติพระองค์ เขาทั้งหลายจะเห็นพระพักตร์ของพระองค์และมีพระนามของพระองค์ประทับบนหน้าผากของพวกเขา จะไม่มีกลางคืนอีกแล้ว เขาทั้งหลายไม่ต้องการแสงตะเกียงหรือแสงแดดเพราะพระเจ้าผู้เป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าจะประทานความสว่างแก่พวกเขาและพวกเขาจะครอบครองสืบๆ ไปเป็นนิตย์

ทูตนั้นกล่าวกับข้าพเจ้าว่า “ข้อความเหล่านี้จริงแท้และเชื่อถือได้ องค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าแห่งดวงวิญญาณของเหล่าผู้เผยพระวจนะทรงส่งทูตสวรรค์ของพระองค์มาสำแดงแก่บรรดาผู้รับใช้ของพระองค์ให้เห็นสิ่งต่างๆ ที่จะต้องเกิดขึ้นในไม่ช้านี้”

พระเยซูกำลังจะเสด็จมา

“ดูเถิด เราจะมาในไม่ช้า! ความสุขมีแก่ผู้ที่ยึดถือคำเผยพระวจนะในหนังสือนี้”

ข้าพเจ้ายอห์นคือผู้ได้ยินได้เห็นสิ่งเหล่านี้ และเมื่อเห็นแล้วได้ยินแล้วข้าพเจ้าก็หมอบลงเพื่อนมัสการแทบเท้าทูตสวรรค์ผู้สำแดงแก่ข้าพเจ้า แต่ทูตนั้นบอกข้าพเจ้าว่า “อย่าทำเช่นนี้! เราเป็นเพื่อนผู้รับใช้ร่วมกับท่านและร่วมกับพี่น้องของท่าน คือเหล่าผู้เผยพระวจนะและคนทั้งปวงที่ถือรักษาถ้อยคำในหนังสือนี้ จงนมัสการพระเจ้าเถิด!”

10 แล้วทูตนั้นบอกข้าพเจ้าว่า “อย่าปิดผนึกคำเผยพระวจนะในหนังสือนี้เพราะใกล้จะถึงเวลาแล้ว 11 ผู้ที่ทำผิดก็ให้ทำผิดต่อไป ผู้ที่ชั่วช้าก็ให้ชั่วช้าต่อไป ผู้ที่ทำสิ่งที่ถูกต้องก็ให้ทำสิ่งที่ถูกต้องต่อไป และผู้ที่บริสุทธิ์ก็ให้รักษาตัวให้บริสุทธิ์ต่อไป”

12 “ดูเถิด เราจะมาในไม่ช้านี้! บำเหน็จอยู่ที่เราและเราจะให้แก่ทุกคนตามการกระทำของเขา 13 เราคืออัลฟาและโอเมกา เป็นเบื้องต้นและเบื้องปลาย เป็นปฐมและอวสาน

14 “ความสุขมีแก่บรรดาผู้ชำระเสื้อผ้าของตนเพื่อเขาจะได้มีสิทธิ์ในต้นไม้แห่งชีวิตและผ่านประตูเข้าสู่นครนั้นได้ 15 พวกที่อยู่ภายนอกคือสุนัข คนที่ใช้คาถาอาคม คนที่ผิดศีลธรรมทางเพศ ฆาตกร คนกราบไหว้รูปเคารพ และทุกคนที่รักการมุสาและประพฤติตามนั้น

16 “เรา เยซู ส่งทูตสวรรค์ของเรามาเป็นพยานถึงสิ่งเหล่านี้แก่ท่านเพื่อคริสตจักรต่างๆ เราเป็นทายาท[g]และเป็นเชื้อสายของดาวิดและเราเป็นดาวแห่งรุ่งอรุณอันสุกใส”

17 พระวิญญาณและเจ้าสาวตรัสว่า “มาเถิด!” และให้ผู้ที่ได้ยินกล่าวว่า “มาเถิด!” ผู้ใดกระหายให้ผู้นั้นเข้ามาและผู้ใดปรารถนาให้ผู้นั้นมารับน้ำแห่งชีวิตโดยไม่ต้องเสียอะไรเลย

18 ข้าพเจ้าขอเตือนทุกคนที่ได้ยินคำเผยพระวจนะในหนังสือนี้ ผู้ใดเพิ่มเติมสิ่งใดลงไป พระเจ้าจะทรงเพิ่มภัยพิบัติที่บรรยายไว้ในหนังสือนี้แก่เขา 19 และถ้าผู้ใดตัดทอนข้อความจากคำเผยพระวจนะนี้ พระเจ้าจะทรงตัดส่วนแบ่งของเขาในต้นไม้แห่งชีวิตและในนครบริสุทธิ์นั้นซึ่งบรรยายไว้ในหนังสือนี้

20 พระองค์ผู้ทรงเป็นพยานถึงสิ่งเหล่านี้ตรัสว่า “แน่นอนเราจะมาในไม่ช้า” อาเมน องค์พระเยซูเจ้า โปรดเสด็จมาเถิด

21 ขอให้พระคุณขององค์พระเยซูเจ้าดำรงอยู่กับประชากรของพระเจ้าเถิด อาเมน

Thai New Contemporary Bible (TNCV)

Thai New Contemporary Bible Copyright © 1999, 2001, 2007 by Biblica, Inc.® Used by permission. All rights reserved worldwide.