Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

Beginning

Read the Bible from start to finish, from Genesis to Revelation.
Duration: 365 days
New Thai Version (NTV-BIBLE)
Version
เยเรมีย์ 7-9

ความชั่วร้ายในแผ่นดิน

พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับเยเรมีย์ดังนี้ว่า “จงยืนที่ประตูพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า และประกาศคำกล่าวว่า ชาวยูดาห์ทั้งปวงที่เข้าทางประตู เพื่อนมัสการพระผู้เป็นเจ้า จงฟังคำกล่าวของพระผู้เป็นเจ้า พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธา พระเจ้าของอิสราเอลกล่าวดังนี้ว่า “จงเปลี่ยนวิถีทางและการกระทำของพวกเจ้า และเราจะให้เจ้าอาศัยอยู่ในที่แห่งนี้ อย่าวางใจในคำที่ลวงหลอกที่ว่า ‘นี่เป็นพระวิหารของพระผู้เป็นเจ้า พระวิหารของพระผู้เป็นเจ้า พระวิหารของพระผู้เป็นเจ้า

เพราะว่าถ้าพวกเจ้าเปลี่ยนวิถีทางและการกระทำของเจ้าจริงๆ ถ้าเจ้าปฏิบัติด้วยความเป็นธรรมต่อกันและกัน ถ้าเจ้าไม่กดขี่ข่มเหงผู้ลี้ภัย ผู้กำพร้าพ่อ หรือแม่ม่าย หรือฆ่าคนไร้ความผิดในที่แห่งนี้ และถ้าพวกเจ้าไม่ไปติดตามบรรดาเทพเจ้าซึ่งเป็นอันตรายต่อตัวเจ้าเอง แล้วเราก็จะให้พวกเจ้าอาศัยอยู่ในที่แห่งนี้ ในแผ่นดินที่เรามอบให้แก่บรรพบุรุษของเจ้าตลอดกาล[a]

ดูเถิด เจ้าไว้วางใจในคำที่ลวงหลอกซึ่งไม่เกิดผลอะไร พวกเจ้าขโมย ฆ่า ผิดประเวณี พูดเท็จในคำสาบาน เผาเครื่องหอมแก่เทพเจ้าบาอัล ไปติดตามบรรดาเทพเจ้า ซึ่งเจ้าไม่เคยรู้จัก 10 แล้วเจ้ามายืนต่อหน้าเราในตำหนักนี้ ซึ่งได้รับเรียกว่าเป็นของเรา และพวกเจ้าพูดว่า ‘พวกเราปลอดภัย’ แต่ก็ยังกระทำสิ่งที่น่ารังเกียจเหล่านี้ต่อไปอีกอย่างนั้นหรือ 11 ตำหนักอันเป็นที่นมัสการเรานี้ ได้รับเรียกว่าเป็นของเรา กลายเป็นถ้ำโจร[b]ในสายตาของเจ้าหรือ ดูเถิด เราเองได้เห็นว่าเป็นเช่นนั้นแล้ว” พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น 12 “บัดนี้เจ้าจงไปยังสถานที่ของเราในเมืองชิโลห์[c] ซึ่งในตอนแรกชื่อของเราอยู่ที่นั่น และไปดูว่าเราได้ทำอะไรต่อสถานที่นั้นเนื่องจากความชั่วของอิสราเอลชนชาติของเรา 13 พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า และบัดนี้ เป็นเพราะพวกเจ้าได้กระทำสิ่งเหล่านี้ และเราก็ได้พูดกับพวกเจ้าเสมอมา แต่เจ้าก็ไม่ยอมฟัง เมื่อเราเรียกเจ้า เจ้าก็ไม่ตอบ 14 ฉะนั้น เราจะกระทำต่อตำหนักซึ่งได้รับเรียกว่าเป็นของเรา และเป็นที่เจ้าไว้วางใจ และจะกระทำต่อสถานที่ซึ่งเรามอบให้แก่เจ้าและแก่บรรพบุรุษของเจ้า ดังที่เราได้กระทำต่อชิโลห์ 15 และเราจะขับไล่พวกเจ้าไปให้พ้นหน้าเรา อย่างที่เราขับไล่บรรดาญาติพี่น้องของเจ้า คือเชื้อสายของเอฟราอิมทุกคน

16 ส่วนเจ้าเอง เยเรมีย์ จงอย่าอธิษฐานให้คนเหล่านี้ หรือส่งเสียงร้องหรืออธิษฐานให้พวกเขา และอย่าอธิษฐานต่อเราแทนพวกเขา เพราะเราจะไม่ฟังเจ้า 17 เจ้าไม่เห็นหรือว่า พวกเขากำลังทำอะไรในเมืองของยูดาห์และที่ถนนของเยรูซาเล็ม 18 พวกเด็กๆ รวบรวมกิ่งไม้ พ่อๆ ก็ติดไฟ พวกผู้หญิงนวดแป้งเพื่อทำขนมให้ราชินีแห่งสวรรค์[d] และพวกเขารินเครื่องดื่มบูชาแก่ปวงเทพเจ้าเพื่อจะยั่วโทสะเรา 19 พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า เราน่ะหรือที่พวกเขายั่วโทสะ ไม่ใช่พวกเขาหรอกหรือที่ทำให้อับอายกันเอง 20 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวดังนี้ว่า ฉะนั้น ดูเถิด ความกริ้วและการลงโทษของเราจะหลั่งลงบนที่แห่งนี้ บนมนุษย์และสัตว์ป่า บนต้นไม้ในไร่นาและผลที่ได้จากพื้นดิน มันจะลุกไหม้และไม่มีใครดับมันได้”

21 พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธา พระเจ้าของอิสราเอลกล่าวดังนี้ “จงใช้เครื่องสักการะของเจ้ากับสัตว์ที่ใช้เผาเป็นของถวาย แล้วพวกเจ้าก็กินเนื้อสัตว์เองด้วยเลย 22 เพราะในวันที่เรานำพวกเขาออกจากแผ่นดินอียิปต์ เราไม่ได้บอกบรรพบุรุษของเจ้า หรือบัญชาพวกเขาเรื่องสัตว์ที่เผาเป็นของถวายและเครื่องสักการะบูชา 23 แต่คำบัญชาที่เราสั่งพวกเขาก็คือ ‘จงเชื่อฟังเรา และเราจะเป็นพระเจ้าของพวกเจ้า และพวกเจ้าจะเป็นชนชาติของเรา และจงดำเนินในทุกวิถีทางที่เราบัญชาเจ้า เพื่อทุกสิ่งจะเป็นไปด้วยดีกับพวกเจ้า’ 24 แต่พวกเขาไม่ฟังและไม่แม้แต่จะเงี่ยหูฟัง แต่ดำเนินในวิถีทางของพวกเขาเอง และจิตใจอันชั่วร้ายซึ่งมีแต่ความดื้อรั้น พวกเขาเดินถอยหลังแทนที่จะเดินหน้า 25 นับตั้งแต่วันที่บรรพบุรุษออกจากแผ่นดินอียิปต์มาจนถึงทุกวันนี้ วันแล้ววันเล่า เราได้ให้บรรดาผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าซึ่งเป็นผู้รับใช้ของเราทุกคนมายังพวกเขาอย่างไม่หยุดยั้ง 26 แต่พวกเขาก็ยังไม่ยอมฟังเราหรือแม้แต่จะเงี่ยหูฟัง แต่กลับหัวแข็ง พวกเขาประพฤติเลวร้ายยิ่งกว่าบรรพบุรุษของพวกเขาเสียอีก

27 ฉะนั้น เจ้าจะไปพูดให้พวกเขาฟัง แต่พวกเขาจะไม่ฟังเจ้า เจ้าจะร้องเรียกพวกเขา แต่เขาจะไม่ตอบเจ้า 28 และเจ้าจงพูดกับพวกเขาว่า ‘นี่เป็นประชาชาติที่ไม่เชื่อฟังพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของพวกเขา และไม่ยอมรับการสั่งสอน เขาไม่มีความจริงอยู่อีกแล้ว มันถูกตัดออกจากริมฝีปากของพวกเขา

29 จงตัดผมของเจ้าและโยนทิ้งไป
    ร้องคร่ำครวญที่เนินเขาสูง
เพราะพระผู้เป็นเจ้าได้ปฏิเสธ
    และทอดทิ้งยุคที่พระองค์กริ้ว’”

หุบเขาแห่งการประหาร

30 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวดังนี้ “เพราะบรรดาบุตรแห่งยูดาห์ได้กระทำความชั่วในสายตาของเรา พวกเขาได้ตั้งสิ่งที่น่าชังของพวกเขาไว้ในตำหนักซึ่งได้รับเรียกว่าเป็นของเรา และทำให้ที่นั้นเป็นมลทิน 31 และพวกเขาได้สร้างแท่นบูชาที่สถานบูชาบนภูเขาสูงแห่งโทเฟท ซึ่งอยู่ในหุบเขาแห่งบุตรของฮินโนม ใช้ไฟเผาบรรดาบุตรชายบุตรหญิง ซึ่งเราไม่ได้บัญชาให้ทำ หรือแม้แต่จะคิด 32 ฉะนั้น พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า ดูเถิด ใกล้จะถึงเวลาที่จะไม่มีชื่อว่า โทเฟท อีกแล้ว หรือหุบเขาแห่งบุตรของฮินโนม แต่จะเป็นหุบเขาแห่งการประหาร เพราะพวกเขาจะฝังศพในโทเฟท เพราะไม่มีที่อื่นจะฝัง 33 และศพคนตายของคนเหล่านี้จะเป็นอาหารของพวกนกในอากาศ และของสัตว์ป่าบนแผ่นดิน และจะไม่มีใครทำให้พวกสัตว์ตกใจหนีไป 34 และเราจะทำให้เสียงยินดีและเบิกบานใจ เสียงของเจ้าบ่าวและเจ้าสาวในเมืองต่างๆ ของยูดาห์และที่ถนนของเยรูซาเล็มยุติลง เพราะแผ่นดินจะกลายเป็นที่ร้าง

พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า ในเวลานั้น กระดูกของบรรดากษัตริย์แห่งยูดาห์ ของผู้นำ ของปุโรหิต ของผู้เผยคำกล่าว และของบรรดาผู้อยู่อาศัยของเยรูซาเล็ม จะถูกนำออกมาจากถ้ำของพวกเขา และจะถูกโยนในที่แจ้งใต้แสงอาทิตย์ แสงจันทร์ และดวงดาวทั้งหลายในท้องฟ้าซึ่งพวกเขารักและได้นมัสการ ซึ่งพวกเขาได้ติดตาม แสวงหาและนมัสการ และจะไม่มีใครเก็บหรือฝังกระดูกพวกนั้น แต่จะเป็นอย่างอุจจาระบนพื้นดิน พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธาประกาศว่า ทุกคนในตระกูลที่ชั่วร้ายนี้ยังมีชีวิตเหลืออยู่ ซึ่งอาศัยอยู่ในทุกแห่งที่เราได้ไล่ให้ออกไป อยากจะตายมากกว่ามีชีวิตอยู่อีก”

บาปและโทษ

พระผู้เป็นเจ้ากล่าวดังนี้ “เจ้าจงพูดกับพวกเขาว่า

เมื่อคนล้มลง เขาไม่ลุกขึ้นอีกหรือ
    ถ้าผู้ใดหันจากไป เขาจะไม่กลับมาหรือ
แล้วทำไมประชาชนพวกนี้
    จึงหันเหไปอย่างไม่กลับมา
พวกเขายึดอยู่ในความลวงหลอก
    และไม่ยอมหันกลับมา
เราได้ใส่ใจและฟัง
    แต่พวกเขาไม่ได้พูดให้ถูกต้อง
ไม่มีใครสักคนที่สารภาพความชั่วร้ายของตนว่า
    ‘ข้าพเจ้าทำอะไรผิดหรือ’
ทุกคนต่างก็เดินไปตามวิถีทางของตน
    เหมือนม้าที่รีบรุดเข้าต่อสู้
แม้แต่นกกระสาในอากาศ
    ก็ยังรู้จักวาระของมัน
และนกเขา นกนางแอ่น และนกกระเรียน
    ก็รอจังหวะการมาของมัน
แต่ชนชาติของเราไม่รู้จัก
    คำบัญชาของพระผู้เป็นเจ้า

พวกเจ้าพูดได้อย่างไรว่า ‘พวกเราเรืองปัญญา
    และกฎบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้าอยู่กับพวกเรา’
แต่ดูเถิด บรรดาผู้คัดลอกข้อความร่างกฎที่จอมปลอม
    เพื่อให้เป็นสิ่งเท็จ
พวกเรืองปัญญานั้นจะรับความอับอาย
    พวกเขาจะตกใจกลัวและติดกับดัก
ดูเถิด พวกเขาไม่ยอมรับคำกล่าวของพระผู้เป็นเจ้า
    ฉะนั้นพวกเขามีสติปัญญาอย่างไร
10 ฉะนั้นเราจะมอบภรรยาของพวกเขาให้แก่คนอื่น
    และให้ไร่นาของพวกเขาแก่บรรดาผู้มาแทนที่เขา
เพราะนับตั้งแต่ผู้ด้อยสุดจนถึงผู้มีอำนาจมากที่สุด
    ทุกคนโลภเพราะหวังผลประโยชน์ของตนเอง
และนับตั้งแต่ผู้เผยคำกล่าวจนถึงปุโรหิต
    ทุกคนไม่ซื่อสัตย์
11 พวกเขาทำราวกับว่า ปัญหาของบุตรหญิงของชนชาติเราไม่ร้ายแรง
    จึงได้พูดว่า ‘มีสันติสุข มีสันติสุข’
    ทั้งๆ ที่ไม่มีสันติสุข
12 พวกเขารู้สึกอับอายเมื่อเขาประพฤติสิ่งที่น่าชังหรือ
    ไม่เลย พวกเขาไม่รู้สึกอับอาย
    แม้แต่สีหน้าก็ยังไม่แสดงความอับอาย
ฉะนั้น พวกเขาจะพินาศร่วมกับคนเหล่านั้นที่พินาศ
    เมื่อเราทำโทษพวกเขา พวกเขาก็จะถึงจุดจบ”
    พระผู้เป็นเจ้ากล่าวดังนั้น

13 พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนี้ว่า

“เมื่อเราจะรวบรวมพวกเขาดั่งเก็บผลองุ่น
    เราจะไม่พบองุ่นที่เถา
และไม่มีลูกมะเดื่อบนต้นมะเดื่อ
    แม้แต่ใบก็เหี่ยวเฉา
และสิ่งที่เรามอบให้แก่พวกเขา
    ก็จะถูกริบไปจากพวกเขา”

14 แล้วพวกเราจะนั่งเฉยอยู่ทำไม
    เรามารวมพวกกัน
เราไปยังเมืองที่คุ้มกันไว้อย่างแข็งแกร่งกันเถิด
    และไปตายกันที่นั่นเสียเลย
เพราะพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเราลงโทษให้พวกเราตาย
    และได้ให้น้ำเป็นพิษแก่เราดื่ม
    เพราะพวกเราทำบาปต่อพระผู้เป็นเจ้า
15 พวกเรามองหาสันติสุข
    แต่ไม่เห็นว่ามีอะไรดี
เราหวังว่าจะหายจากโรคภัย
    แต่ดูเถิด มีสิ่งที่ทำให้ต้องกลัว

16 “เสียงม้าร้องดังไปถึงเมืองดาน
    ทั้งแผ่นดินสั่นสะเทือน
    เมื่อม้าตัวผู้สำหรับทำพันธุ์ส่งเสียงร้อง
มันมาเหยียบย่ำแผ่นดินจนทุกสิ่งเสียหายยับเยิน
    ทั้งตัวเมืองและผู้อยู่อาศัยด้วย
17 ดูเถิด เรากำลังให้งูมาอยู่ในหมู่พวกเจ้า
    งูพิษที่ไม่สามารถถูกร่ายมนต์ได้
    และพวกมันจะกัดพวกเจ้า”
    พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น

เยเรมีย์ระทมใจเพราะชนชาติของตน

18 ความยินดีของข้าพเจ้าหมดสิ้นไป
    ข้าพเจ้าระทมใจ
19 ดูเถิด เสียงร้องของบุตรหญิงของประชาชนของข้าพเจ้า
    มาจากทุกแห่งหนของแผ่นดินว่า
พระผู้เป็นเจ้าไม่อยู่ในศิโยนหรือ
    กษัตริย์ไม่อยู่ในนั้นหรือ”
“ทำไมพวกเขาจึงยั่วโทสะเราด้วยรูปเคารพสลัก
    และด้วยรูปเคารพต่างชาติซึ่งไร้ค่า”
20 “ฤดูเก็บเกี่ยวผ่านไปแล้ว
    หมดฤดูร้อนแล้ว
    และพวกเรายังไม่รอดเลย”
21 ใจของบุตรหญิงของประชาชนของข้าพเจ้าแตกสลาย ใจข้าพเจ้าก็แตกสลาย
    ข้าพเจ้าเศร้าโศกและท้อใจเป็นที่สุด

22 ไม่มียาทาแผลในกิเลอาดหรือ
    ไม่มีแพทย์ที่นั่นหรือ
แล้วทำไมสุขภาพของบุตรหญิง
    ของประชาชนของข้าพเจ้าไม่ดีดังเดิมเล่า
โอ อยากให้ศีรษะข้าพเจ้าเป็นแอ่งน้ำ
    และดวงตาข้าพเจ้าเป็นน้ำพุของน้ำตา
ข้าพเจ้าจะได้ร้องไห้ทั้งวันและคืน
    ที่บุตรหญิงของประชาชนของข้าพเจ้าถูกฆ่าตาย
โอ ข้าพเจ้าอยากจะมีที่พัก
    สำหรับค้างแรมในทะเลทราย
จะได้ปล่อยประชาชนไว้
    และไปจากพวกเขา
เพราะพวกเขาทุกคนผิดประเวณี
    เป็นกลุ่มชนที่ไม่ภักดี
“พวกเขางอลิ้นได้อย่างคันธนู
    ความจอมปลอมซึ่งไร้ความจริงเกิดขึ้นทั่วแผ่นดิน
ด้วยว่าพวกเขาทำความชั่วเรื่อยไป
    และพวกเขาไม่รู้จักเรา”
    พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น

“ให้ทุกคนระวังเพื่อนบ้านของตน
    อย่าไว้ใจพี่น้องคนใด
เพราะพี่น้องทุกคนเป็นผู้หลอกลวง
    และเพื่อนบ้านทุกคนพูดว่าร้ายคนอื่น
ทุกคนหลอกลวงเพื่อนบ้านของตน
    ไม่มีผู้ใดพูดความจริง
พวกเขาชำนาญในการพูดเท็จ
    และทำบาปอย่างไม่หยุดหย่อน
กดขี่ข่มเหงและหลอกลวงซ้ำแล้วซ้ำอีก
    พวกเขาไม่ยอมรู้จักเรา”
    พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น

ฉะนั้น พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธากล่าวดังนี้

“ดูเถิด เราจะหลอมพวกเขาอย่างโลหะและทดสอบพวกเขา
    เพราะชนชาติของเราทำความชั่ว
    เราจะทำอะไรต่อพวกเขาอีก
ลิ้นของพวกเขาเป็นเหมือนลูกธนูมีพิษ
    พูดลวงหลอก
เขาแต่ละคนใช้ปากพูดอย่างสันติกับเพื่อนบ้าน
    แต่ในใจก็วางแผนให้เขาติดกับดัก

พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า

เราควรจะลงโทษพวกเขาเพราะเรื่องเหล่านี้มิใช่หรือ
    และเราควรจะแก้แค้นประชาชาติที่เป็นอย่างนี้มิใช่หรือ

10 เราจะร้องไห้และคร่ำครวญให้แก่เทือกเขา
    และร้องคร่ำครวญให้แก่ทุ่งหญ้าในถิ่นทุรกันดาร
เพราะมันกลายเป็นที่รกร้างจนไม่มีผู้ใดผ่านไป
    และไม่มีเสียงฝูงโคส่งเสียงร้องถึงกันและกัน
ทั้งนกในอากาศและสัตว์ป่า
    หนีไปกันหมดแล้ว
11 เราจะทำให้เยรูซาเล็มเป็นกองซากปรักหักพัง
    เป็นที่อยู่ของหมาใน
และเราจะทำให้เมืองต่างๆ ของยูดาห์เป็นที่รกร้าง
    ปราศจากผู้อยู่อาศัย”

12 ใครเป็นผู้เรืองปัญญาที่อาจจะเข้าใจเรื่องนี้ได้ พระผู้เป็นเจ้ากล่าวให้ใครฟัง เพื่อให้เป็นผู้ประกาศเรื่องดังกล่าว ทำไมแผ่นดินจึงเสียหายและรกร้างเหมือนถิ่นทุรกันดาร จนถึงกับไม่มีผู้ใดผ่านไป

13 และพระผู้เป็นเจ้ากล่าวดังนี้ “เพราะพวกเขาได้ทอดทิ้งกฎบัญญัติที่เราตั้งให้พวกเขาปฏิบัติตาม และเขาไม่ได้เชื่อฟังเรา หรือดำเนินตามกฎ 14 แต่ดื้อรั้นทำตามใจตนเอง และไปติดตามเทพเจ้าบาอัล อย่างที่บรรพบุรุษได้สอนพวกเขา 15 ฉะนั้น พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธา พระเจ้าของอิสราเอลกล่าวดังนี้ว่า ดูเถิด เราจะให้อาหารขมแก่ชนชาตินี้รับประทาน และให้น้ำมีพิษแก่พวกเขาดื่ม 16 เราจะทำให้พวกเขากระจัดกระจายไปในท่ามกลางบรรดาประชาชาติ ซึ่งพวกเขาและบรรพบุรุษของเขาไม่เคยรู้จักมาก่อน และเราจะให้พวกเขาต้องเจอกับสงคราม จนกว่าเราจะทำลายพวกเขาจนหมดสิ้น”

17 พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธากล่าวดังนี้ว่า

“จงพิจารณาดู และเรียกพวกผู้หญิงที่ร้องไห้คร่ำครวญให้มาเถิด
    ให้พวกผู้หญิงที่ร้องไห้เป็นอาชีพมา
18 ให้พวกเขารีบมาและส่งเสียงร้องรำพันให้กับพวกเรา
    ให้น้ำตาพวกเราหลั่งไหล
    จนเปลือกตาเปียกชุ่ม
19 เสียงร้องรำพันจากศิโยนเป็นที่ได้ยิน
    ‘พวกเรายับเยินอะไรเช่นนี้
    น่าอับอายเหลือเกิน
ด้วยว่า พวกเราได้ออกไปจากแผ่นดิน
    เพราะพวกเขาพังที่อยู่ของพวกเราลงแล้ว’”

20 โอ พวกผู้หญิงเอ๋ย จงฟังคำกล่าวของพระผู้เป็นเจ้า
    และให้หูของท่านรับฟังคำกล่าวที่ออกจากปากของพระองค์
จงสอนบรรดาบุตรหญิงของท่านให้ร้องคร่ำครวญ
    และสอนเพื่อนบ้านของแต่ละคนให้ร้องเพลงเศร้า
21 เพราะความตายได้ขึ้นมายังหน้าต่างของพวกเรา
    มันได้เข้ามาในวังของพวกเรา
ความตายได้มาถึงพวกเด็กๆ ที่ถนน
    และมาถึงชายหนุ่มที่ลานชุมนุม

22 พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า จงพูดตามนี้

“ร่างมนุษย์จะล้มตาย
    อย่างอุจจาระบนทุ่งโล่ง
อย่างฟ่อนข้าวตกข้างหลังผู้เก็บเกี่ยว
    และจะไม่มีใครเก็บรวบรวมมันขึ้นมาอีก”

23 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวดังนี้ “อย่าให้ผู้เรืองปัญญาโอ้อวดถึงสติปัญญาของเขา อย่าให้ผู้มีอำนาจโอ้อวดถึงอำนาจของเขา อย่าให้ผู้มั่งมีโอ้อวดถึงความมั่งมีของเขา 24 แต่ผู้ที่โอ้อวด ก็จงให้เขาโอ้อวดถึงเรื่องนี้คือ เขาเข้าใจและรู้จักเราว่า เราคือพระผู้เป็นเจ้า[e] ผู้แสดงความรักอันมั่นคง ความยุติธรรม และความชอบธรรมในแผ่นดินโลก เพราะเราชื่นชอบสิ่งเหล่านี้” พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น

25 พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนี้ว่า “ดูเถิด จะถึงวันที่เราจะลงโทษทุกคนที่เข้าสุหนัตแต่เพียงร่างกายเท่านั้น 26 อียิปต์ ยูดาห์ เอโดม บรรดาบุตรของอัมโมน โมอับ และทุกคนที่อาศัยอยู่ในทะเลทรายที่ตัดผมที่จอนหู เพราะประชาชาติทั้งปวงไม่เข้าสุหนัต และใจของพงศ์พันธุ์อิสราเอลทั้งหมดไม่ได้เข้าสุหนัต”

New Thai Version (NTV-BIBLE)

Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation