Beginning
1 ข้อความบันทึกของเยเรมีย์บุตรฮิลคียาห์ ผู้เป็นหนึ่งในบรรดาปุโรหิตที่อยู่ในอานาโธท ในดินแดนของเบนยามิน 2 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับเยเรมีย์ ในปีที่สิบสามในสมัยของโยสิยาห์[a]บุตรของอาโมนกษัตริย์แห่งยูดาห์ 3 และในสมัยของเยโฮยาคิมบุตรของโยสิยาห์กษัตริย์แห่งยูดาห์ จนกระทั่งปลายปีที่สิบเอ็ดของเศเดคียาห์บุตรของโยสิยาห์กษัตริย์แห่งยูดาห์[b] จนกระทั่งเยรูซาเล็มถูกยึดครองในเดือนที่ห้า
พระเจ้าเรียกเยเรมีย์
4 บัดนี้พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับข้าพเจ้าดังนี้ว่า
5 “เรารู้จักเจ้า ก่อนที่เราจะปั้นเจ้าขึ้นในครรภ์
และเราเลือกเจ้าไว้ก่อนที่เจ้าจะเกิด
เราแต่งตั้งเจ้าให้เป็นผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าแก่บรรดาประชาชาติ”
6 และข้าพเจ้าตอบว่า “โอ พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ ดูเถิด ข้าพเจ้าพูดไม่ค่อยจะเป็น เพราะข้าพเจ้าอายุยังน้อย” 7 แต่พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับข้าพเจ้าว่า “อย่าพูดว่า ‘ข้าพเจ้าอายุยังน้อย’ เพราะเจ้าจงไปยังทุกคนที่เราส่งให้เจ้าไป และเจ้าจงพูดสิ่งที่เราสั่งให้เจ้าพูด 8 อย่ากลัวพวกเขา เพราะเราอยู่กับเจ้าและให้เจ้าพ้นภัย” พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น
9 ครั้นแล้วพระผู้เป็นเจ้าก็ยื่นมือของพระองค์แตะปากข้าพเจ้า และพระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับข้าพเจ้าว่า “ดูเถิด เราได้บันดาลให้เจ้าพูดไปตามคำของเราแล้ว 10 ดูเถิด วันนี้เราได้แต่งตั้งเจ้าให้ดูแลบรรดาประชาชาติและอาณาจักรทั้งหลาย เพื่อถอนรากและโค่นลง เพื่อทำลายและกำจัด เพื่อสร้างและปลูก”
11 และพระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับข้าพเจ้าว่า “เยเรมีย์ เจ้าเห็นอะไร” ข้าพเจ้าตอบว่า “ข้าพเจ้าเห็นก้านอัลมอนด์ก้านหนึ่ง” 12 และพระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับข้าพเจ้าว่า “เจ้าเห็นอย่างถูกต้องแล้ว เพราะเรากำลังดู[c]ว่าสิ่งนั้นเกิดขึ้นตามคำของเรา”
13 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับข้าพเจ้าเป็นครั้งที่สองว่า “เจ้าเห็นอะไร” ข้าพเจ้าตอบว่า “ข้าพเจ้าเห็นหม้อต้มน้ำเดือดหันเอียงไปจากทิศเหนือ” 14 และพระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับข้าพเจ้าว่า “ความวิบัติจะเดือดพล่านออกมาจากทิศเหนือสู่ผู้อยู่อาศัยทั้งปวงของแผ่นดิน 15 พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า ดูเถิด เรากำลังเรียกทุกเผ่าของอาณาจักรของทิศเหนือ พวกเขาจะมา และทุกคนจะตั้งบัลลังก์ที่ทางเข้าประตูเมืองของเยรูซาเล็ม โจมตีกำแพงทุกแห่งรอบด้าน และโจมตีทุกเมืองของยูดาห์ 16 และเราจะประกาศคำตัดสินพวกเขา เพราะความชั่วร้ายของพวกเขาที่ทอดทิ้งเรา พวกเขาได้เผาเครื่องหอมแก่ปวงเทพเจ้า และนมัสการสิ่งที่ทำขึ้นด้วยมือของเขาเอง 17 แต่เจ้าจงเตรียมพร้อม ลุกขึ้นและไปบอกพวกเขาถึงทุกสิ่งที่เราสั่งเจ้า อย่าหวาดหวั่นเพราะพวกเขา มิฉะนั้นเราจะทำให้เจ้าหวาดหวั่นต่อหน้าพวกเขา 18 ดูเถิด วันนี้เราทำให้เจ้าเป็นดั่งเมืองที่มีการคุ้มกันอย่างแข็งแกร่ง เสาหลักหล่อด้วยเหล็กกล้า และกำแพงทองสัมฤทธิ์ เพื่อต้านกำลังให้ทั้งแผ่นดิน ต้านกำลังบรรดากษัตริย์แห่งยูดาห์ บรรดาผู้นำและปุโรหิต และประชาชนของแผ่นดิน 19 พวกเขาจะรุกรานและต่อสู้กับเจ้า แต่เขาจะไม่ชนะ เพราะเราอยู่กับเจ้าเพื่อช่วยเจ้าให้พ้นภัย” พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น
อิสราเอลทอดทิ้งพระผู้เป็นเจ้า
2 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับข้าพเจ้าว่า 2 “จงไปประกาศให้ทุกคนในเยรูซาเล็มรับรู้ว่า พระผู้เป็นเจ้ากล่าวดังนี้
เราระลึกถึงการอุทิศตนเมื่อเจ้ายังเยาว์
ความรักของเจ้าที่มีต่อเราราวกับเจ้าสาว
และเจ้าติดตามเราอย่างไรในถิ่นทุรกันดาร
ในแผ่นดินที่ยังไม่มีพันธุ์ไม้เลย
3 อิสราเอลเคยบริสุทธิ์ต่อพระผู้เป็นเจ้า
ดั่งผลแรกของการเก็บเกี่ยว
ทุกคนที่กินผลแรกก็จะมีความผิด
และได้รับความวิบัติ”
พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น
4 พวกท่านที่เป็นผู้สืบเชื้อสายของยาโคบ และตระกูลทั้งปวงของพงศ์พันธุ์อิสราเอลเอ๋ย จงฟังคำกล่าวของพระผู้เป็นเจ้า 5 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวดังนี้
“บรรพบุรุษของเจ้าเห็นว่าเราทำสิ่งใดผิด
จึงได้ห่างเหินไปจากเรา
และกลับติดตามสิ่งอันไร้ค่า
และกลายเป็นคนไร้ค่า
6 พวกเขาไม่ได้พูดว่า ‘พระผู้เป็นเจ้าอยู่ไหน
ผู้ที่นำพวกเราขึ้นมาจากแผ่นดินอียิปต์
ผู้นำพวกเราในถิ่นทุรกันดาร
ในแผ่นดินที่เป็นทะเลทรายและเป็นหลุมทราย
ในแผ่นดินแห้งแล้งและปราศจากชีวิต
ในแผ่นดินที่ไม่มีใครเดินทางผ่าน
หรืออาศัยอยู่’
7 และเรานำเจ้าเข้าไปในแผ่นดินอันอุดม
เพื่อให้เจ้าสุขสำราญกับผลิตผลและสิ่งดีๆ ของแผ่นดิน
แต่เมื่อเจ้าเข้ามาแล้ว เจ้าทำให้แผ่นดินที่เรามอบให้เป็นมรดกเป็นมลทิน
และทำให้ผืนแผ่นดินของเราเป็นที่น่ารังเกียจ
8 บรรดาปุโรหิตไม่ได้พูดว่า
‘พระผู้เป็นเจ้าอยู่ไหน’
บรรดาผู้เชี่ยวชาญด้านกฎบัญญัติไม่รู้จักเรา
บรรดาผู้เลี้ยงดูฝูงแกะก็ล่วงละเมิดต่อเรา
บรรดาผู้เผยคำกล่าวพูดในนามของเทพเจ้าบาอัล
และไปติดตามสิ่งที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์”
9 ฉะนั้น พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนี้
“เรายังคัดค้านเจ้าอยู่
เราจะคัดค้านลูกของเจ้าและลูกๆ ของลูกเจ้าด้วย
10 ถ้าเจ้าข้ามไปยังฝั่งทะเลของไซปรัสและมองดู
หรือให้ผู้ใดไปยังเคดาร์และสำรวจอย่างระมัดระวัง
ดูสิว่าเคยมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นหรือไม่
11 มีประชาชาติใดที่เปลี่ยนเทพเจ้าบ้าง
แม้ว่าจะไม่ใช่เทพเจ้าแท้จริง
แต่ชนชาติของเราได้เปลี่ยนจากเราซึ่งเป็นบารมีของพวกเขา
ไปหาเทพเจ้าซึ่งทำสิ่งใดให้พวกเขาไม่ได้เลย”
12 พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนี้ว่า
“โอ ฟ้าสวรรค์เอ๋ย จงตื่นตระหนก
และหวาดกลัวจนตัวแข็งเกร็งกับเรื่องดังกล่าว
13 ด้วยว่าชนชาติของเราได้กระทำความชั่ว 2 ประการคือ
พวกเขาได้ทอดทิ้งเราผู้เป็นน้ำพุแห่งชีวิต
และเขาได้ขุดบ่อน้ำให้แก่ตนเอง
บ่อน้ำที่พังซึ่งเก็บน้ำไม่ได้
14 อิสราเอลเป็นทาสหรือ เป็นผู้รับใช้ที่เป็นทาสโดยกำเนิดหรือ
แล้วทำไมพวกเขาจึงกลายเป็นเหยื่อที่ถูกล่า
15 สิงโตได้คำรามใส่เขา
คำรามเสียงดัง
พวกสิงโตทำให้แผ่นดินของเขารกร้าง
เมืองของเขาถูกเผาและไม่มีผู้ใดอาศัยอยู่
16 ยิ่งกว่านั้น ชาวเมมฟิสและทาปานเหส
ได้โกนศีรษะของพวกเจ้า
17 เจ้าเป็นเหตุให้เกิดเหตุการณ์นี้กับตัวเจ้าเอง
เพราะการทอดทิ้งพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเจ้า
ครั้งที่พระองค์นำพวกเจ้าไปมิใช่หรือ
18 และบัดนี้เจ้าจะได้ประโยชน์อะไรที่ไปยังประเทศอียิปต์
เพื่อไปดื่มน้ำจากแม่น้ำไนล์หรือ
หรือเจ้าจะได้ประโยชน์อะไรที่ไปยังอัสซีเรีย
เพื่อไปดื่มน้ำจากแม่น้ำยูเฟรติสหรือ
19 ความชั่วร้ายของเจ้าจะลงโทษเจ้าเอง
และเจ้าจะได้รับบทเรียนเมื่อเจ้าหันเหไปจากเรา
จงรับรู้ไว้ว่า สิ่งเลวร้ายและขมขื่นจะเกิดแก่เจ้า
ที่ทอดทิ้งพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเจ้า
ความเกรงกลัวที่มีต่อเราไม่ได้อยู่ในตัวเจ้าเลย”
พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธาผู้ยิ่งใหญ่ประกาศดังนั้น
20 “ด้วยว่า นานมาแล้วที่เจ้าหักแอกของเจ้า
และตัดสิ่งที่ผูกเจ้าให้หลุดออกไป
และเจ้าพูดว่า ‘เราจะไม่รับใช้’
แต่แล้วเจ้าก็ก้มกราบลงอย่างหญิงแพศยาคนหนึ่ง
บนเนินเขาสูงทุกลูก
และใต้ต้นไม้อันเขียวชอุ่มทุกต้น
21 เราปลูกเจ้าให้เป็นดั่งเถาพันธุ์เยี่ยม
เป็นเมล็ดบริสุทธิ์แท้
แล้วเจ้ากลับเน่า
และได้กลายเป็นเถาที่ไร้ค่า
22 แม้ว่าเจ้าจะชำระล้างตัวเจ้าด้วยน้ำด่าง
และใช้สบู่มาก
แต่ความชั่วที่เป็นรอยเปื้อนของเจ้าก็ยังอยู่เบื้องหน้าเรา”
พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ประกาศดังนั้น
23 “เจ้าพูดได้อย่างไรว่า ‘ข้าพเจ้าไม่มีมลทิน
ข้าพเจ้าไม่ได้นมัสการเทพเจ้าบาอัล’
ดูวิถีทางของเจ้าในหุบเขาสิ
เจ้ารู้ว่าเจ้าได้ทำอะไรไปบ้าง
เหมือนกับอูฐสาวที่วิ่งไปวิ่งมา
24 ลาป่าเคยชินกับถิ่นทุรกันดาร
ลาตัวเมียสูดตามกลิ่นในสายลมเพื่อหาคู่ของมัน
ใครจะรั้งความต้องการของมันได้ล่ะ
ไม่มีลาผู้ตัวใดที่จำเป็นจะต้องเหนื่อยจากการมองหาลาตัวเมียเลย
เมื่อถึงเวลาหาคู่ ลาผู้ก็จะหามันพบ
25 อย่าวิ่งไปมาจนเท้าของเจ้าเจ็บ
หรือทำให้คอของเจ้าแห้ง
แต่เจ้าพูดว่า ‘ไม่เกิดประโยชน์เลย
เพราะข้าพเจ้าหลงรักเทพเจ้าต่างชาติ
และข้าพเจ้าจะติดตามต่อไป’
26 ขโมยที่อับอายเมื่อถูกจับได้เป็นอย่างไร
พงศ์พันธุ์อิสราเอลก็จะอับอายอย่างนั้น
ทั้งพวกเขา บรรดากษัตริย์ ผู้นำ ปุโรหิต
และบรรดาผู้เผยคำกล่าวของพวกเขา
27 ซึ่งเป็นบรรดาผู้ที่พูดกับต้นไม้ว่า
‘ท่านเป็นบิดาของข้าพเจ้า’
และพูดกับก้อนหินว่า
‘ท่านให้กำเนิดแก่เรา’
เพราะพวกเขาหันหลัง
แทนที่จะหันหน้ามาหาเรา
แต่เมื่อพวกเขามีความลำบากก็พูดว่า
‘ขอพระองค์ลุกขึ้นและช่วยพวกเราให้รอดเถิด’
28 แต่พวกเทพเจ้าของเจ้า ที่เจ้าทำขึ้นเองอยู่ไหนล่ะ
ถ้าเขาช่วยเจ้าให้รอดได้
เมื่อเจ้ามีความลำบาก ก็ให้พวกเขาลุกขึ้นสิ
เพราะเทพเจ้าของเจ้ามีมาก
เท่ากับเมืองของเจ้า โอ ยูดาห์เอ๋ย
29 พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า
ทำไมเจ้าจึงบ่นกับเรา
พวกเจ้าทุกคนได้ล่วงละเมิดต่อเรา
30 เราได้ลงโทษคนของเจ้า
แต่พวกเขาก็ไม่รับเป็นบทเรียน
เจ้าฆ่าบรรดาผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าด้วยดาบของเจ้าเอง
เหมือนกับสิงโตที่คอยขม้ำเหยื่อ
31 โอ พวกเจ้าที่อยู่ในยุคนี้เอ๋ย
จงฟังคำกล่าวของพระผู้เป็นเจ้า
อิสราเอลเห็นว่า เราเป็นเหมือนถิ่นทุรกันดาร
หรือเป็นแผ่นดินอันมืดทึบอย่างนั้นหรือ
เหตุใดชนชาติของเราจึงพูดว่า ‘พวกเรามีอิสระ
พวกเราจะไม่มาหาพระองค์อีก’
32 หญิงสาวจะลืมเครื่องประดับของเธอ
หรือเจ้าสาวจะลืมชุดเจ้าสาวได้อย่างนั้นหรือ
ถึงกระนั้นชนชาติของเรายังได้ลืมเราเสียแล้ว
เป็นเวลานานแสนนาน
33 เจ้าชำนาญในการเลือกหาคนรักได้อย่างดี
แม้แต่พวกหญิงชั่วร้าย
เจ้าก็ยังได้สอนวิถีทางของเจ้าให้แก่พวกเขา
34 เสื้อผ้าของเจ้ามีรอยเปื้อนเลือดของผู้ยากไร้ที่ไร้ความผิด
เจ้าก็รู้ดีว่า พวกเขาไม่ได้บุกเข้าบ้าน
แต่ถึงกระนั้นก็ตาม
35 เจ้ายังพูดว่า ‘ข้าพเจ้าไม่มีความผิด
พระองค์ไม่เอาผิดข้าพเจ้า’
ดูเถิด เราจะตัดสินเจ้าที่พูดว่า
‘ข้าพเจ้าไม่ได้ทำบาป’
36 เจ้าร่อนไปมา
เปลี่ยนวิถีทางของเจ้าได้ง่ายอะไรเช่นนี้
อียิปต์จะทำให้เจ้าต้องอับอาย
เหมือนกับที่อัสซีเรียได้ทำให้เจ้าอับอาย
37 เจ้าจะวางมือไว้บนหัว
และหันกลับออกมาจากอียิปต์
เพราะพระผู้เป็นเจ้าไม่ยอมรับพวกที่เจ้าไว้วางใจ
และพวกเขาจะไม่สามารถช่วยอะไรเจ้าได้”
3 พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนี้
“ถ้าชายผู้หนึ่งหย่าจากภรรยาของเขา
เมื่อนางไปจากเขา และเป็นภรรยาของชายผู้อื่น
แล้วเขาจะกลับไปหานางอีกไหม
แผ่นดินนั้นจะไม่หมองหรือ
เจ้าได้แสดงความเป็นหญิงแพศยาที่มีคนรักหลายคน
แล้วเจ้าจะกลับมาหาเราอย่างนั้นหรือ
2 จงแหงนหน้าดูที่เนินเขาสูงสิ
ที่ไหนบ้างที่เจ้าไม่ได้ไปหลับนอนกับใครมา
เจ้าได้นั่งคอยบรรดาคนรักที่ริมถนน
อย่างกับชาวอาหรับในถิ่นทุรกันดาร
เจ้าได้ทำให้แผ่นดินหมอง
ด้วยความแพศยาอันร้ายกาจของเจ้า
3 ฉะนั้น ฝนจึงถูกระงับไว้
และฝนต้นฤดูจึงไม่ตก
แม้แต่หน้าผากของเจ้าก็บ่งบอกถึงการเป็นหญิงแพศยา
เจ้ายังไม่รับว่าเป็นสิ่งที่น่าอับอาย
4 เจ้าเพิ่งร้องเรียกถึงเราในเวลานี้ว่า
‘พระบิดาของข้าพเจ้า พระองค์เป็นเพื่อนของข้าพเจ้าตั้งแต่เยาว์วัย
5 พระองค์จะโกรธตลอดไปหรือ
พระองค์จะกริ้วไปตลอดกาลหรือ’
ดูเถิด เจ้าพูดอย่างนั้น
แต่เจ้าได้กระทำสิ่งชั่วร้ายทั้งสิ้นเท่าที่เจ้าจะทำได้”
ความไม่ภักดีของอิสราเอลและยูดาห์
6 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับข้าพเจ้าในสมัยของกษัตริย์โยสิยาห์ดังนี้ว่า “เจ้าเห็นแล้วหรือยังว่า อิสราเอลผู้สิ้นความเชื่อได้ทำอะไรบ้าง นางขึ้นไปบนภูเขาสูงทุกลูกและใต้ต้นไม้อันเขียวชอุ่มทุกต้น และทำตัวเป็นหญิงแพศยาอยู่ที่นั่น 7 และเราคิดว่า ‘หลังจากนางได้กระทำสิ่งเหล่านี้แล้ว นางจะกลับมาหาเรา’ แต่นางไม่กลับมา และยูดาห์พี่สาวผู้ไม่ภักดีของนางเห็นการกระทำ 8 ยูดาห์เห็นว่า เราได้ไล่อิสราเอลไปพร้อมกับใบหย่า เพราะนางสิ้นความเชื่อและประพฤติผิดประเวณี ยูดาห์พี่สาวผู้ไม่ภักดีก็ยังไม่เกรงกลัว แต่กลับทำตัวเป็นหญิงแพศยาไปด้วย 9 เพราะอิสราเอลคิดว่าความแพศยาของตนเป็นเรื่องเล็ก นางได้ทำให้แผ่นดินเป็นมลทิน ล่วงประเวณีด้วยการนมัสการหินและต้นไม้ 10 หลังจากนั้นแล้ว ยูดาห์พี่สาวผู้ไม่ภักดีของนางแสร้งกลับมาหาเรา แต่ก็ไม่ได้ทำด้วยใจจริง” พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น
11 และพระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับข้าพเจ้าว่า “อิสราเอลผู้สิ้นความเชื่อแสดงตนว่ามีความชอบธรรมมากกว่ายูดาห์ผู้ไม่ภักดี 12 จงไปประกาศแก่ทางทิศเหนือว่า
‘อิสราเอลผู้สิ้นความเชื่อจงกลับมา’” พระผู้เป็นเจ้ากล่าวดังนั้น
“เราจะไม่ดูเจ้าด้วยความกริ้ว
เพราะเราเปี่ยมด้วยความเมตตา” พระผู้เป็นเจ้ากล่าวดังนั้น
“เราจะไม่กริ้วเจ้าไปตลอดกาล
13 เจ้าจงเพียงยอมรับความผิดของเจ้าว่า
เจ้าขัดขืนพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเจ้า
และเจ้าวิ่งตามเทพเจ้าต่างชาติ
ที่ใต้ต้นไม้อันเขียวชอุ่มทุกต้น
และเจ้าไม่ได้เชื่อฟังคำของเรา”
พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น
14 “โอ ลูกๆ ที่สิ้นความเชื่อเอ๋ย จงกลับมา” พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น “เพราะเราเป็นนายของเจ้า เราจะเลือกเจ้ามาจากเมืองละ 1 คน และจากครอบครัวละ 2 คน และเราจะพาเจ้าไปยังศิโยน 15 และเราจะมอบบรรดาผู้เลี้ยงดูฝูงแกะที่เชื่อฟังเรา เขาจะสอนเจ้าให้มีความรู้และความเข้าใจ 16 และเมื่อเจ้าทวีจำนวนคนขึ้นในแผ่นดิน พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า ในเวลานั้น พวกเขาจะไม่พูดว่า ‘หีบพันธสัญญาของพระผู้เป็นเจ้า’ อีกต่อไปแล้ว เจ้าจะไม่นึกถึง หรือจดจำ หรือคิดถึงอีก และจะไม่ถูกสร้างขึ้นอีก 17 ในเวลานั้น เยรูซาเล็มจะได้รับเรียกว่า บัลลังก์ของพระผู้เป็นเจ้า และประชาชาติทั้งปวงจะมารวมเข้าด้วยกันที่นั่น ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้า ในเยรูซาเล็ม และพวกเขาจะไม่ดื้อรั้นกระทำตามใจอันชั่วร้ายของตนอีกต่อไป 18 ในเวลานั้น พงศ์พันธุ์ยูดาห์จะมารวมด้วยกันกับพงศ์พันธุ์อิสราเอล และพวกเขาจะมาด้วยกันจากดินแดนทางเหนือ มายังแผ่นดินที่เรามอบให้แก่บรรพบุรุษของเจ้าเป็นมรดก 19 เราพูดว่า
เราปรารถนายิ่งนักที่จะให้เจ้าอยู่ในฐานะร่วมกับบรรดาบุตรของเรา
และมอบแผ่นดินอันน่าอยู่
มรดกที่งามที่สุดในบรรดาประชาชาติ
และเราคิดว่า เจ้าจะเรียกเราว่า ‘บิดาของข้าพเจ้า’
และจะไม่หยุดติดตามเรา
20 โอ พงศ์พันธุ์อิสราเอลเอ๋ย แน่ทีเดียว ภรรยาที่ไม่ภักดีทอดทิ้งสามีนางไปเช่นไร
เจ้าก็ไม่ภักดีต่อเราเช่นนั้น”
พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น
21 เสียงที่ได้ยินมาจากที่สูงเป็นเสียงร้องไห้
และอ้อนวอนของพงศ์พันธุ์อิสราเอล
เพราะพวกเขาได้หลงหาย
และลืมพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเขาแล้ว
22 “โอ ลูกๆ ที่สิ้นความเชื่อเอ๋ย จงกลับมา
เราจะรักษาเจ้าให้หายจากการสิ้นความเชื่อ”
ดูเถิด ข้าพเจ้าทั้งหลายมาหาพระองค์
เพราะพระองค์เป็นพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเรา
23 จริงทีเดียว เสียงชุลมุนบนเนินเขาสูง
และบนภูเขาเป็นสิ่งลวงหลอก
จริงทีเดียว ความรอดของอิสราเอล
อยู่ในพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเรา
24 นับตั้งแต่ครั้งโบราณกาล สิ่งอันน่าอับอายได้ทำให้เราต้องสูญเสียทุกสิ่งที่บรรพบุรุษของเราตรากตรำมา ฝูงแพะแกะและโค บุตรชายบุตรหญิงของพวกเขา 25 ให้พวกเรานอนลงกับความอับอายของเราเถิด และให้ความอัปยศปกคลุมพวกเรา เพราะพวกเราและบรรพบุรุษของเราได้ทำบาปต่อพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเรา ตั้งแต่ครั้งโบราณกาลมาจนถึงบัดนี้ และพวกเราไม่ได้เชื่อฟังพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเรา
Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation