Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

Beginning

Read the Bible from start to finish, from Genesis to Revelation.
Duration: 365 days
New Thai Version (NTV-BIBLE)
Version
2 ซามูเอล 1-3

ดาวิดทราบว่าซาอูลสิ้นชีวิต

หลังจากที่ซาอูลสิ้นชีวิตแล้ว เมื่อดาวิดกลับจากการรบชนะชาวอามาเลข ท่านอยู่ที่ศิกลากสองวัน ในวันที่สาม ดูเถิด มีชายผู้หนึ่งมาจากค่ายของซาอูล เสื้อผ้าขาดวิ่น ขี้ดินติดผม เมื่อเขามาหาดาวิด ก็ทรุดตัวลงถึงดินและกราบลง ดาวิดพูดกับเขาว่า “เจ้ามาจากไหน” เขาตอบว่า “ข้าพเจ้าหลบหนีมาจากค่ายของอิสราเอล” ดาวิดถามเขาว่า “บอกเราซิว่าเป็นไปอย่างไรบ้าง” เขาตอบว่า “ผู้คนเตลิดหนีจากสนามรบ และหลายคนถูกฆ่าตาย ซาอูลและโยนาธานบุตรชายก็สิ้นชีวิตเช่นกัน” ดาวิดถามชายหนุ่มที่มาส่งข่าวว่า “เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าซาอูลและโยนาธานบุตรของท่านสิ้นชีวิตแล้ว” ชายหนุ่มที่มาส่งข่าวตอบว่า “บังเอิญข้าพเจ้าอยู่บนภูเขากิลโบอา ซาอูลพิงดาบของท่านอยู่ที่นั่น และรถศึกและทหารม้าก็อยู่ใกล้ตัวท่านมาก เมื่อท่านหันหลังดู ท่านเห็นข้าพเจ้า และเรียกข้าพเจ้า ข้าพเจ้าตอบว่า ‘ข้าพเจ้าอยู่นี่’ ท่านถามว่า ‘เจ้าเป็นใคร’ ข้าพเจ้าตอบว่า ‘ข้าพเจ้าเป็นคนอามาเลข’ ท่านพูดว่า ‘มายืนข้างๆ เรา และฆ่าเราเสียเถิด เพราะเราเจ็บปวดมาก แต่ยังมีลมหายใจอยู่’ 10 ข้าพเจ้าจึงไปยืนข้างท่าน และฆ่าท่านเสีย เพราะข้าพเจ้าแน่ใจว่าท่านจะไม่มีชีวิตอยู่ต่อไปได้อีก หลังจากที่ได้รับบาดเจ็บแล้ว ข้าพเจ้าจึงถอดมงกุฎซึ่งอยู่บนศีรษะท่าน และกำไลที่แขน และนำติดตัวมาให้เจ้านายข้าพเจ้าที่นี่”

11 ดาวิดจึงฉีกเสื้อของท่าน พรรคพวกที่อยู่กับท่านก็กระทำเช่นเดียวกัน 12 เขาทั้งหลายร้องคร่ำครวญและร้องไห้ และอดอาหารจนถึงเวลาเย็น เพื่อซาอูลและโยนาธานบุตรของท่าน เพื่อชนชาติของพระผู้เป็นเจ้า และเพื่อพงศ์พันธุ์อิสราเอล เพราะเขาเหล่านั้นถูกคมดาบสังหาร 13 ดาวิดพูดกับชายหนุ่มที่เล่าเรื่องให้ท่านฟังว่า “เจ้ามาจากไหน” เขาตอบว่า “ข้าพเจ้าเป็นบุตรของคนต่างด้าวชาวอามาเลขผู้หนึ่ง” 14 ดาวิดถามว่า “ไฉนเจ้าจึงกล้ายื่นมือไปฆ่าผู้ได้รับการเจิมของพระผู้เป็นเจ้า 15 และดาวิดเรียกชายหนุ่มคนหนึ่งที่เป็นฝ่ายท่านมา และสั่งว่า “เอาเขาไปฆ่าเสีย” เขาจึงประหารชายคนนั้น 16 ดาวิดได้พูดกับเขาว่า “เจ้าเป็นผู้รับผิดชอบการตายของตัวเจ้าเอง เพราะปากของเจ้าปรักปรำตัวเองว่า ‘ข้าพเจ้าได้ฆ่าผู้ได้รับการเจิมของพระผู้เป็นเจ้า’”

ดาวิดคร่ำครวญถึงซาอูลและโยนาธาน

17 ดาวิดร้องคร่ำครวญเป็นเพลงไว้อาลัยถึงซาอูลและโยนาธานบุตรของท่าน 18 ท่านสั่งว่า ควรจะสอนบทเพลงธนูนี้ให้แก่ชาวยูดาห์ ดูเถิด มีบันทึกไว้แล้วในหนังสือของยาชาร์[a]ว่า

19 “โอ อิสราเอลเอ๋ย บารมีของเจ้าสิ้นสลายที่สถานบูชาบนภูเขาสูงของเจ้า
    ผู้เก่งกล้าล้มตายอย่างไรหนอ

20 อย่าบอกเล่าเรื่องนี้ในเมืองกัท
    อย่าประกาศเรื่องนี้ที่ถนนในเมืองอัชเคโลน
เกรงว่าพวกผู้หญิงของชาวฟีลิสเตียจะยินดี
    เกรงว่าพวกผู้หญิงของชนชาติที่ไม่ได้เข้าสุหนัตจะโห่ร้อง

21 โอ เทือกเขากิลโบอาเอ๋ย
    อย่าให้มีน้ำค้างหรือฝนโปรยลงบนเจ้าอีกเลย
    ทุ่งนาก็ไม่งอกสิ่งใดขึ้นมาเช่นกัน
เพราะโล่ของผู้เก่งกล้าไร้เกียรติที่นั่น
    โล่ของซาอูลไม่ได้ขัดด้วยน้ำมัน

22 ลูกธนูของโยนาธานเสียบค้างบนร่างที่สิ้นใจ
    และดาบของซาอูลฟาดฟัน
    ทิ่มแทงร่างแล้วร่างเล่าที่เก่งกล้าเข้าสู้
23 ซาอูลและโยนาธานเป็นที่รักและเป็นพระคุณ
    ทั้งสองไม่แยกจากกันไม่ว่าขณะมีชีวิตอยู่
    หรือในความตาย
ทั้งสองว่องไวยิ่งกว่านกอินทรี
    ทั้งสองแข็งแรงยิ่งกว่าสิงโต

24 บุตรีของอิสราเอลเอ๋ย
    เจ้าจงร้องไห้เพื่อซาอูลเถิด
ท่านได้สวมพวกเจ้าด้วยผ้าสีแดงสดอย่างหรูหรา
    ท่านประดับเครื่องแต่งกายของเจ้าด้วยทองคำ

25 ผู้เก่งกล้าล้มตายท่ามกลางศึกสงครามอย่างไรหนอ
    โยนาธานนอนสิ้นลมหายใจที่สถานบูชาบนภูเขาสูงของเจ้า
26 โยนาธาน พี่ชายของข้าพเจ้า ข้าพเจ้ารู้สึกเศร้าโศกเพราะท่าน
    ท่านมีพระคุณต่อข้าพเจ้า
ความรักของท่านที่มีต่อข้าพเจ้า
    ลึกล้ำยิ่งกว่าความรักของผู้หญิง

27 ผู้เก่งกล้าล้มตายอย่างไรหนอ
    และอาวุธยุทธภัณฑ์ก็พังพินาศ”

ดาวิดกษัตริย์แห่งยูดาห์

หลังจากนั้นต่อมา ดาวิดถามพระผู้เป็นเจ้าว่า “ข้าพเจ้าควรจะขึ้นไปยังเมืองใดเมืองหนึ่งในยูดาห์หรือไม่” พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับท่านว่า “เจ้าจงไปเถิด” ดาวิดถามว่า “เมืองไหนที่ข้าพเจ้าควรจะไป” พระองค์กล่าวว่า “ไปยังเมืองเฮโบรน” ดังนั้นดาวิดจึงขึ้นไปที่นั่นกับอาหิโนอัมชาวยิสเรเอล และอาบีกายิลแม่ม่ายของนาบาลชาวคาร์เมลผู้เป็นภรรยาทั้งสองของท่านด้วย ดาวิดได้พาพรรคพวกที่อยู่รับใช้ขึ้นไป แต่ละคนพาครอบครัวของตนไปด้วย และต่างก็อาศัยอยู่ตามหมู่บ้านใกล้เฮโบรน และบรรดาชายจากยูดาห์มาที่นั่น และเจิมดาวิดให้เป็นกษัตริย์ปกครองพงศ์พันธุ์ยูดาห์

ครั้นเขาเหล่านั้นบอกดาวิดว่า “ชาวยาเบชกิเลอาดเป็นคนฝังศพซาอูล” ดาวิดจึงให้พวกผู้ส่งข่าวไปบอกชาวยาเบชกิเลอาดว่า “ขอให้พระผู้เป็นเจ้าอวยพรท่าน เพราะว่าท่านแสดงความภักดีต่อซาอูลนายของท่าน และฝังศพท่าน บัดนี้ขอให้พระผู้เป็นเจ้าแสดงความรักอันมั่นคงและความสัตย์จริงแก่ท่าน และเราจะกระทำดีต่อท่าน เพราะท่านปฏิบัติเช่นนั้น ฉะนั้นขอให้ท่านเข้มแข็งและกล้าหาญ เพราะว่าซาอูลนายของท่านสิ้นชีวิตแล้ว และพงศ์พันธุ์ยูดาห์ได้เจิมเราให้เป็นกษัตริย์ปกครองพวกเขา”

อิชโบเชทกษัตริย์แห่งอิสราเอล

อับเนอร์บุตรของเนอร์ผู้บังคับกองพันทหารของซาอูลได้พาอิชโบเชทบุตรของซาอูล ข้ามแม่น้ำไปยังเมืองมาหะนาอิม และแต่งตั้งท่านให้เป็นกษัตริย์ปกครองอาณาเขตของกิเลอาด อาเชอร์ ยิสเรเอล เอฟราอิม และเบนยามิน คือนับว่าทั่วทั้งอิสราเอล 10 อิชโบเชทบุตรของซาอูลมีอายุ 40 ปีเมื่อท่านเริ่มปกครองทั่วอิสราเอล ท่านปกครองได้ 2 ปี แต่พงศ์พันธุ์ยูดาห์ติดตามดาวิด 11 รวมเวลาที่ดาวิดเป็นกษัตริย์ปกครองพงศ์พันธุ์ยูดาห์ในเฮโบรนได้ 7 ปี 6 เดือน

สงครามที่กิเบโอน

12 อับเนอร์บุตรของเนอร์ กับบรรดาผู้รับใช้ของอิชโบเชทบุตรของซาอูล ออกจากมาหะนาอิมไปยังเมืองกิเบโอน 13 โยอาบบุตรของนางเศรุยาห์ กับบรรดาทหารรับใช้ของดาวิด ออกไปพบกับเขาที่สระน้ำของเมืองกิเบโอน ทุกคนนั่งลงที่นั่น พวกหนึ่งอยู่ที่ข้างหนึ่งของสระ และอีกพวกหนึ่งก็อยู่ที่ฝั่งตรงกันข้าม 14 อับเนอร์พูดกับโยอาบว่า “ให้พวกคนหนุ่มๆ ลุกขึ้นแข่งขันต่อหน้าเราเถิด” โยอาบพูดว่า “ให้พวกเขาลุกขึ้นก็ได้” 15 พวกเขาก็ลุกขึ้น จำนวนคนเท่ากัน จากเผ่าเบนยามิน 12 คนเป็นฝ่ายอิชโบเชท และทหารรับใช้จากดาวิด 12 คน 16 แต่ละคนดึงผมของคู่ต่อสู้ของตน และใช้ดาบแทงสีข้างของคู่ต่อสู้ ทุกคนต่างก็ล้มลงด้วยกันหมด สถานที่นั้นจึงชื่อว่า เฮลขัทฮัสซูริม ซึ่งอยู่ที่กิเบโอน 17 สงครามในวันนั้นอยู่ในขั้นรุนแรงมาก อับเนอร์และพวกผู้ชายของอิสราเอลพ่ายแพ้พวกทหารรับใช้ของดาวิด

18 โยอาบ อาบีชัย และอาสาเฮลบุตรสามคนของนางเศรุยาห์อยู่ที่นั่น อาสาเฮลฝีเท้าเร็วราวกับละองละมั่งป่า 19 อาสาเฮลไล่ล่าอับเนอร์ และขณะที่ตามไป ก็มุ่งมั่นถึงเป้าหมายโดยไม่หันขวาหรือซ้าย 20 และอับเนอร์หันหลังดูและพูดว่า “นั่นเจ้าเองหรือ อาสาเฮล” เขาตอบว่า “ใช่ ข้าเอง” 21 อับเนอร์พูดกับเขาว่า “เจ้าหันไปทางขวาหรือซ้ายก็ได้ ไปจับคนหนุ่มๆ คนใดคนหนึ่ง และริบของจากเขาเสีย” แต่อาสาเฮลไม่ยอมหยุดตามล่าเขา 22 อับเนอร์พูดกับอาสาเฮลอีกว่า “หยุดตามข้า และหันไปที่อื่นได้แล้ว เจ้าอยากให้ข้าฟันเจ้าล้มลงตายอยู่กับดินหรือ ข้าจะมองหน้าโยอาบพี่ชายของเจ้าได้ยังไง” 23 แต่เขาไม่ยอมหันไปทางอื่น อับเนอร์จึงทิ่มท้องเขาด้วยปลายหอกจนทะลุหลัง และเขาก็ล้มลงและตายอยู่ที่นั่น และเมื่อใดที่ทุกคนผ่านมาที่ที่อาสาเฮลได้ล้มตาย ก็ยืนนิ่งอยู่ที่นั่น

24 แต่โยอาบและอาบีชัยไล่ล่าอับเนอร์ ในขณะที่ดวงตะวันกำลังจะลับไป พวกเขาก็มาถึงเนินเขาอัมมาห์ ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันออกของกียาห์ ตามทางที่จะไปถิ่นทุรกันดารของกิเบโอน 25 ชาวเบนยามินรวมตัวเข้าด้วยกัน ตามหลังอับเนอร์ และเข้าเป็นกลุ่มเดียวกัน ยืนตั้งหลักอยู่ที่ยอดเนินเขาแห่งหนึ่ง 26 อับเนอร์ร้องถามโยอาบว่า “จะใช้ดาบห้ำหั่นไปตลอดกาลหรือ ท่านไม่ทราบหรือว่าบั้นปลายจะขมขื่น จะนานอีกแค่ไหนกว่าท่านจะบอกคนของท่านให้หยุดไล่ล่าพี่น้องของพวกเขา” 27 โยอาบพูดว่า “ตราบที่พระเจ้ามีชีวิตอยู่ฉันใด ถ้าท่านไม่พูดขึ้น คนเหล่านี้ก็คงไม่เลิกไล่ล่าพี่น้องของเขาจนกว่าจะรุ่งเช้า” 28 ดังนั้นโยอาบจึงเป่าแตรงอน[b] ทุกคนก็หยุด ไม่ไล่ล่าอิสราเอล หรือต่อสู้อีก

29 ฝ่ายอับเนอร์และพรรคพวกก็เดินทางตลอดคืนผ่านอาราบาห์ ข้ามแม่น้ำจอร์แดน และเดินตลอดทั้งเช้าจนถึงมาหะนาอิม 30 โยอาบกลับจากไล่ล่าอับเนอร์ เมื่อเขารวบรวมทุกคนเข้าด้วยกันแล้ว ปรากฏว่านอกจากอาสาเฮลแล้ว มีทหารผู้รับใช้ของดาวิดขาดไป 19 คน 31 แต่บรรดาผู้รับใช้ของดาวิดได้ฆ่าชาวเบนยามิน 360 คนที่เป็นฝ่ายอับเนอร์ 32 และเขาทั้งหลายยกศพอาสาเฮลไปบรรจุในถ้ำเก็บศพของบิดาของเขาที่เบธเลเฮม โยอาบและพรรคพวกเดินตลอดทั้งคืน พอถึงเฮโบรนก็รุ่งเช้าแล้ว

บุตรชายของดาวิด

พงศ์พันธุ์ของซาอูลทำสงครามกับพงศ์พันธุ์ของดาวิดเป็นเวลานาน กองทัพของดาวิดเข้มแข็งยิ่งขึ้น ในขณะที่พงศ์พันธุ์ของซาอูลอ่อนกำลังลง

ดาวิดมีบุตรชายที่เกิดในเมืองเฮโบรนคือ อัมโนนบุตรชายหัวปีเกิดจากนางอาหิโนอัมชาวยิสเรเอล คนที่สองคือคิเลอาบเกิดจากนางอาบีกายิลแม่ม่ายของนาบาลชาวคาร์เมล คนที่สามคืออับซาโลมเกิดจากนางมาอาคาห์บุตรหญิงของทัลมัยกษัตริย์แห่งเกชูร์ คนที่สี่คืออาโดนียาห์บุตรของนางฮักกีท คนที่ห้าคือเชฟาทิยาห์ เกิดจากนางอาบีทัล คนที่หกคืออิทเรอัมเกิดจากนางเอกลาห์ภรรยาของดาวิด บุตรเหล่านี้เกิดแก่ดาวิดที่เฮโบรน

ในขณะที่สงครามระหว่างพงศ์พันธุ์ของซาอูลกับพงศ์พันธุ์ของดาวิดดำเนินต่อไป อับเนอร์ก็ก่อกำลังให้เข้มแข็งขึ้นในพงศ์พันธุ์ของซาอูล อิชโบเชทพูดกับอับเนอร์เรื่องภรรยาน้อยคนหนึ่งของซาอูลชื่อ ริสปาห์ บุตรหญิงของอัยยาห์ว่า “ทำไมท่านจึงเข้าไปหาภรรยาน้อยของบิดาของเรา” อับเนอร์ก็โกรธอิชโบเชทมากที่พูดเช่นนั้น จึงพูดว่า “ข้าพเจ้าเป็นหัวสุนัขของยูดาห์หรือ ข้าพเจ้าแสดงความรักอันมั่นคงต่อพงศ์พันธุ์ของซาอูลบิดาของท่าน พี่น้องและเพื่อนๆ ของบิดาท่านเสมอมาจนถึงทุกวันนี้ และไม่ได้มอบท่านไว้ในมือของดาวิด และท่านยังเห็นว่าข้าพเจ้าผิดในเรื่องผู้หญิง ขอให้พระเจ้ากระทำต่ออับเนอร์เช่นนั้น หรือมากกว่านั้นถ้าหากว่าข้าพเจ้าไม่ช่วยดาวิดให้ได้ผลสำเร็จในสิ่งที่พระผู้เป็นเจ้าได้ปฏิญาณไว้กับดาวิด 10 คือย้ายอาณาจักรจากพงศ์พันธุ์ซาอูล และแต่งตั้งบัลลังก์ของดาวิดให้ครองอิสราเอลและยูดาห์ ตั้งแต่ดานถึงเบเออร์เช-บา” 11 อิชโบเชทจึงตอบอับเนอร์ไม่ได้แม้แต่คำเดียว เพราะกลัวเขา

12 อับเนอร์ให้บรรดาผู้ส่งข่าวไปหาดาวิดแทนตน และบอกว่า “แผ่นดินเป็นของใคร ขอให้ท่านทำพันธสัญญากับข้าพเจ้าเถิด ดูเถิด ข้าพเจ้าจะร่วมมือกับท่านเพื่อนำอิสราเอลทั้งหมดมามอบแก่ท่าน” 13 ดาวิดกล่าวว่า “ดีแล้ว เราจะทำพันธสัญญากับท่าน แต่เราขอให้ท่านทำสิ่งหนึ่ง คือท่านไม่ต้องมาพบหน้าเรา จนกว่าท่านจะพามีคาลบุตรหญิงของซาอูลมาหาเรา แล้วท่านจึงมาพบหน้าเราได้” 14 ครั้นแล้วดาวิดจึงให้บรรดาผู้ส่งข่าวไปหาอิชโบเชทบุตรของซาอูล และกล่าวว่า “ขอให้ท่านคืนมีคาลภรรยาของเรากลับมา เพราะว่าเราได้แลกนางกับหนังปลายองคชาตของชาวฟีลิสเตียนับร้อย”[c] 15 อิชโบเชทจึงให้คนไปพานางมาจากปัลทีเอลสามีของนาง ผู้เป็นบุตรของลาอิช 16 แต่สามีนางไปกับนาง ร้องไห้ตามนางไปตลอดทางถึงเมืองบาฮูริม และอับเนอร์พูดกับเขาว่า “เจ้ากลับไปเถอะ ไป” เขาก็กลับไป

17 อับเนอร์ปรึกษาหารือกับบรรดาหัวหน้าชั้นผู้ใหญ่ของอิสราเอลว่า “ท่านอยากให้ดาวิดเป็นกษัตริย์ปกครองพวกท่านมานานนักหนาแล้ว 18 บัดนี้ถึงเวลาที่จะให้เป็นไปตามนั้น เพราะพระผู้เป็นเจ้าสัญญากับดาวิดว่า ‘ด้วยมือของดาวิดผู้รับใช้ของเรา เราจะช่วยอิสราเอลชนชาติของเราให้พ้นจากมือของชาวฟีลิสเตีย และพ้นจากมือของศัตรูทั้งปวงของพวกเขา’” 19 อับเนอร์พูดกับผู้คนในเผ่าเบนยามินอย่างนั้นด้วย แล้วอับเนอร์ก็ไปบอกดาวิดที่เฮโบรนถึงทุกสิ่งที่อิสราเอล โดยเฉพาะเผ่าเบนยามิน ได้ตัดสินใจที่จะกระทำ

20 เมื่ออับเนอร์กับพวกผู้ชาย 20 คนไปหาดาวิดที่เฮโบรน ดาวิดจึงจัดงานเลี้ยงให้อับเนอร์และผู้ชายที่มาด้วย 21 อับเนอร์พูดกับดาวิดว่า “ข้าพเจ้าจะออกเดินทางไปรวบรวมอิสราเอลทั้งหมดมายังเจ้านายผู้เป็นกษัตริย์ เพื่อพวกเขาจะทำพันธสัญญากับท่าน และท่านจะปกครองทุกสิ่งตามใจปรารถนาของท่าน” ดาวิดจึงให้อับเนอร์กลับไป และเขาก็ไปโดยปลอดภัย

22 หลังจากนั้น โยอาบและบรรดาทหารรับใช้ของดาวิดก็กลับมาจากการปล้น นำของที่ริบมาได้มากมาย และอับเนอร์ก็ไม่ได้อยู่กับดาวิดที่เฮโบรน เพราะดาวิดให้เขากลับไป และเขาก็ไปโดยปลอดภัย 23 ครั้นโยอาบและกองทัพที่ไปกับเขากลับมา มีคนบอกโยอาบว่า “อับเนอร์บุตรของเนอร์มาหากษัตริย์ และถูกปล่อยตัวให้กลับไป และเขาก็ไปโดยปลอดภัย” 24 โยอาบจึงไปหากษัตริย์ และพูดว่า “ท่านกระทำอะไรเช่นนั้น ดูเถิด อับเนอร์มาหาท่าน ไม่ทราบทำไมท่านจึงปล่อยให้เขาไป และเขาก็ไปแล้ว 25 ท่านทราบว่าอับเนอร์บุตรของเนอร์มาก็เพื่อหลอกลวงท่าน และเพื่อดูว่าท่านเข้านอกออกในอย่างไร และดูทุกสิ่งที่ท่านกำลังกระทำ”

โยอาบฆ่าอับเนอร์

26 หลังจากโยอาบพบกับดาวิดแล้วก็จากไป เขาให้บรรดาผู้ส่งข่าวตามอับเนอร์ และนำตัวเขากลับมาจากที่ขังน้ำชื่อสีราห์ แต่ดาวิดไม่ทราบเรื่องนี้ 27 เมื่ออับเนอร์กลับไปที่เฮโบรนแล้ว โยอาบก็จับตัวอับเนอร์หลบเข้าไปในบริเวณประตูเมือง เพื่อพูดด้วยอย่างลับๆ และแทงเขาที่ท้องจนสิ้นชีวิต เป็นการแก้แค้นให้อาสาเฮลน้องชายของตน 28 หลังจากนั้น เมื่อดาวิดทราบเรื่อง ท่านพูดว่า “ทั้งตัวเราและประชาชนของเราไม่มีความผิด ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้าอย่างแน่นอน เรื่องโลหิตของอับเนอร์บุตรของเนอร์ 29 ขอให้ความผิดตกอยู่ที่โยอาบและทุกคนในพงศ์พันธุ์ของเขา และขอให้พงศ์พันธุ์ของโยอาบไม่มีวันขาดผู้ชายที่มีน้ำหนองไหล หรือเป็นโรคเรื้อน หรือเป็นชายที่เหมาะสมกับการทำงานของผู้หญิงเท่านั้น หรือถูกดาบฟันตาย หรือขาดอาหารเถิด” 30 โยอาบและอาบีชัยน้องชายฆ่าอับเนอร์ เพราะอับเนอร์ฆ่าอาสาเฮลตายในสงครามที่กิเบโอน

อับเนอร์ถูกฝัง

31 แล้วดาวิดกล่าวกับโยอาบและทุกคนที่อยู่กับเขาว่า “จงฉีกเสื้อผ้าของท่าน สวมผ้ากระสอบ และเดินร้องคร่ำครวญถึงอับเนอร์” และกษัตริย์ดาวิดเดินตามศพไป 32 ศพอับเนอร์ถูกฝังที่เฮโบรน และกษัตริย์ส่งเสียงร้องไห้อยู่ที่ฝังศพของอับเนอร์ และทุกคนก็ร้องไห้ 33 และกษัตริย์ร้องรำพันถึงอับเนอร์ว่า

“เหตุใดอับเนอร์จึงตายอย่างคนโง่
34     มือของท่านก็ไม่ได้ถูกมัด
    เท้าของท่านก็ไม่ได้ถูกล่าม
ท่านล้มตายอย่างคนที่ล้มลงต่อหน้าคนชั่วร้าย”

และทุกคนก็ร้องไห้ถึงเขาอีก

35 ครั้นแล้วทุกคนก็มาชักชวนดาวิดให้รับประทานขนมปังขณะที่ยังวันอยู่ แต่ดาวิดสาบานว่า “ขอให้พระเจ้ากระทำต่อเราเช่นนั้นหรือมากกว่านั้น ถ้าหากว่าเราลิ้มรสขนมปังหรือสิ่งอื่นใดก่อนดวงอาทิตย์จะตก” 36 ทุกคนสังเกตเห็นเช่นนั้นก็พอใจ ซึ่งจริงๆ แล้ว ทุกสิ่งที่กษัตริย์กระทำเป็นที่พอใจของทุกคน 37 ดังนั้นทุกคนและอิสราเอลทั้งปวงเข้าใจในวันนั้นว่า กษัตริย์ไม่ประสงค์ให้อับเนอร์บุตรของเนอร์เสียชีวิต 38 และกษัตริย์กล่าวกับบรรดาทหารรับใช้ของท่านว่า “ท่านไม่ทราบหรือว่า ผู้นำซึ่งใหญ่ยิ่งคนหนึ่งสิ้นชีวิตในวันนี้แล้วในอิสราเอล 39 แม้ว่าเราจะได้รับการเจิมให้เป็นกษัตริย์ วันนี้เรารู้สึกอ่อนไหว พวกบุตรของนางเศรุยาห์กระทำรุนแรงยิ่งกว่าเรา พระผู้เป็นเจ้าสนองตอบคนชั่วร้ายที่กระทำตามความเลวของเขา”

New Thai Version (NTV-BIBLE)

Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation