Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

Beginning

Read the Bible from start to finish, from Genesis to Revelation.
Duration: 365 days
New Thai Version (NTV-BIBLE)
Version
ลูกา 14-16

พระเยซูไปที่บ้านฟาริสี

14 ครั้งหนึ่งในวันสะบาโต พระเยซูไปรับประทานอาหารที่บ้านของฟาริสี ซึ่งผู้นี้เป็นหนึ่งในบรรดาผู้นำ พระองค์ถูกเฝ้าสังเกตอยู่อย่างพินิจพิเคราะห์ และที่เบื้องหน้าพระองค์มีชายคนหนึ่งซึ่งเป็นโรคมานน้ำ พระเยซูถามกลุ่มฟาริสีและผู้เชี่ยวชาญฝ่ายกฎบัญญัติว่า “เป็นการถูกกฎบัญญัติหรือไม่ที่จะรักษาคนให้หายจากโรคในวันสะบาโต” คนเหล่านั้นนิ่งเฉยไม่โต้ตอบ พระองค์จึงเอื้อมมือไปยังชายผู้นั้น รักษาเขาให้หายขาด แล้วให้เขากลับบ้านไป พระองค์ถามคนเหล่านั้นว่า “หากพวกท่านคนใดคนหนึ่งมีบุตรหรือโคที่ตกบ่อในวันสะบาโต ท่านจะไม่ดึงตัวเขาขึ้นมาทันทีหรือ” คนเหล่านั้นไม่อาจตอบคำถามได้

เมื่อได้สังเกตเห็นแขกในงานเลือกนั่งในที่ของผู้มีเกียรติ พระองค์จึงกล่าวเป็นอุปมาว่า “เมื่อมีคนเชิญท่านไปงานเลี้ยงสมรส ก็อย่านั่งในที่ของผู้มีเกียรติ เพราะอาจจะมีผู้ใหญ่ซึ่งมีตำแหน่งสูงกว่าท่านมาร่วมงาน หากเป็นเช่นนั้นแล้ว เจ้าของงานต้องมาพูดกับท่านว่า ‘ขอได้โปรดให้ที่นั่งแก่ท่านผู้นี้เถิด’ แล้วท่านจะได้รับความอายที่ต้องเลื่อนมานั่งในที่ซึ่งด้อยที่สุด 10 แต่เมื่อท่านได้รับเชิญ ก็จงนั่งในที่ซึ่งด้อยที่สุด เมื่อเจ้าของงานมา เขาจะได้พูดกับท่านว่า ‘เพื่อนเอ๋ย เชิญเลื่อนไปที่นั่งดีกว่านี้’ แล้วท่านจะได้รับเกียรติต่อหน้าแขกทั้งหลายในงาน 11 ด้วยว่าทุกคนที่ยกย่องตัวเองก็จะถูกเหยียดลง แต่คนที่ถ่อมตัวก็จะได้รับการยกย่อง”

12 แล้วพระเยซูก็กล่าวกับผู้ที่เชื้อเชิญพระองค์ว่า “เมื่อท่านจัดงานเลี้ยง อย่าเชิญสหายและเครือญาติหรือเพื่อนบ้านที่มั่งมี ถ้าทำดังนั้นเขาก็จะเชิญท่านบ้างเป็นการตอบแทน 13 เมื่อท่านมีงานเลี้ยงก็จงเชิญผู้ยากไร้ คนพิการ คนง่อย คนตาบอด 14 แล้วท่านจะเป็นสุข เพราะว่าพวกเขาไม่สามารถตอบแทนท่านได้ แต่ท่านจะได้รับคืนในวันที่ผู้มีความชอบธรรมฟื้นคืนชีวิตจากความตาย”

อุปมาเรื่องงานเลี้ยงครั้งใหญ่

15 ผู้หนึ่งซึ่งเอนกายอยู่กับพระองค์ด้วยได้ยินดังนั้น จึงบอกพระเยซูว่า “ผู้เป็นสุขคือผู้ที่ร่วมรับประทานอาหารในงานเลี้ยงในอาณาจักรของพระเจ้า” 16 พระเยซูตอบว่า “มีชายผู้หนึ่งกำลังเตรียมงานเลี้ยงใหญ่ และได้เชิญแขกมากมาย 17 เมื่อพร้อมก็ส่งคนรับใช้ให้ไปเชิญแขกว่า ‘มาเถิด ทุกสิ่งพร้อมแล้ว’ 18 แต่แขกทุกคนมีข้ออ้างต่างๆ กันไป คนแรกพูดว่า ‘เราเพิ่งซื้อที่นา จะต้องไปดู ฉะนั้นขอตัวด้วย’ 19 อีกคนพูดว่า ‘เราเพิ่งซื้อโคไว้ 5 คู่ เราคงต้องไปลองให้มันลากดู ต้องขอตัวด้วย’ 20 อีกคนพูดว่า ‘เราเพิ่งสมรส ฉะนั้นเรามาไม่ได้’ 21 คนรับใช้จึงกลับมารายงานนายตามนั้น ครั้นแล้วเจ้าของบ้านโกรธมากจึงสั่งคนรับใช้ว่า ‘จงไปพาคนยากไร้ คนพิการ คนตาบอด และคนง่อยที่อยู่ตามถนนซอกซอยในเมืองมาที่นี่ทันที’ 22 คนรับใช้พูดว่า ‘นายท่าน สิ่งที่ท่านสั่งให้ทำนั้นเสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่ก็ยังมีที่ว่างอีก’ 23 แล้วนายก็บอกคนรับใช้ว่า ‘เจ้าจงไปพาพวกคนที่อยู่ตามถนน ตรอกซอกซอยในชนบทมาที่นี่ บ้านของเราจะได้เต็ม 24 เราขอบอกพวกเจ้าว่า ไม่มีใครเลยสักคนในบรรดาแขกรับเชิญที่จะได้ลิ้มรสอาหารของเรา’”

แบกไม้กางเขนและติดตามพระเยซู

25 แล้วพระเยซูหันไปยังมหาชนที่เดินตามพระองค์มา และก็กล่าวว่า 26 “ถ้าผู้ใดมาหาเรา แล้วไม่รักเรามากกว่าพ่อแม่ ภรรยา ลูกๆ และพี่น้อง หรือแม้แต่ชีวิตของตนเอง เขาไม่สามารถเป็นสาวกของเราได้ 27 และใครก็ตามที่ไม่แบกไม้กางเขนของตน แล้วติดตามเรามา ก็ไม่สามารถเป็นสาวกของเราได้ 28 สมมุติว่าคนใดในพวกท่านต้องการจะสร้างหอคอย เขาจะไม่นั่งคิดงบประมาณดูก่อนหรือว่า เขามีเงินพอที่จะสร้างให้เสร็จหรือไม่ 29 ถ้าหากว่าเขาลงฐานราก แล้วไม่สามารถสร้างให้เสร็จ ผู้คนจะพากันเยาะเย้ยว่า 30 ‘นายคนนี้เริ่มสร้างขึ้นแล้ว แต่ก็ไม่สามารถทำให้เสร็จได้’ 31 หรือว่าถ้ากษัตริย์จะต้องกระทำการสงครามกับกษัตริย์อีกผู้หนึ่ง แล้วจะไม่ขบคิดดูก่อนหรือว่า กำลังคนหนึ่งหมื่นจะต่อต้านอีกฝ่ายที่มีกำลังคนสองหมื่นได้หรือไม่ 32 ถ้าหากว่ากษัตริย์ผู้นั้นทำไม่ได้ ก็คงจะส่งกลุ่มตัวแทนไปเจรจาสงบศึกก่อนที่อีกฝ่ายจะมาถึง 33 ก็เช่นเดียวกันแหละ พวกท่านคนใดไม่สละทุกสิ่งที่มี ก็ไม่สามารถเป็นสาวกของเราได้

34 เกลือเป็นสิ่งดี แต่ถ้าสิ้นความเค็มแล้วจะกลับเค็มอีกได้อย่างไร 35 จะใช้ใส่ในดินหรือกองปุ๋ยก็ไม่ได้ ต้องโยนทิ้งไป ผู้ใดมีหูที่จะฟังก็จงฟังเถิด”

อุปมาเรื่องแกะที่หลงหาย

15 ครั้งหนึ่งพวกคนเก็บภาษีและพวกคนบาปต่างอยู่รายล้อมเพื่อฟังพระองค์ พวกฟาริสีและอาจารย์ฝ่ายกฎบัญญัติบ่นว่า “ชายผู้นี้ยินดีรับพวกคนบาปและรับประทานร่วมกับเขา”

พระเยซูจึงกล่าวเป็นอุปมาแก่คนเหล่านั้นว่า “สมมุติว่าท่านมีแกะ 100 ตัวและตัวหนึ่งหลงหายไป ท่านจะไม่ปล่อย 99 ตัวไว้กลางทุ่ง แล้วตามหาตัวที่หายจนพบหรือ เมื่อพบแล้วก็จะเอามันพาดบ่าด้วยความชื่นชมยินดี กลับบ้านไป แล้วเรียกสหายและเพื่อนบ้านมา พลางพูดว่า ‘มาชื่นชมยินดีกับเราเถิด เราพบแกะของเราที่หายไปแล้ว’ เราขอบอกท่านว่า เช่นเดียวกันกับเวลาที่คนบาปคนหนึ่งกลับใจ ในสวรรค์จะมีความชื่นชมยินดีเพราะเขา มากกว่าอีก 99 คนที่มีความชอบธรรม ซึ่งไม่จำเป็นต้องกลับใจ

อุปมาเรื่องเหรียญเงินที่หาย

หรือสมมุติว่า หญิงคนหนึ่งมีเหรียญเงินอยู่ 10 เหรียญ แล้วเหรียญหนึ่งหายไป เธอจะจุดตะเกียง กวาดบ้านและค้นหาอย่างละเอียดจนกว่าเธอจะพบมิใช่หรือ เมื่อพบก็เรียกสหายและเพื่อนบ้านของเธอมาและพูดว่า ‘มาชื่นชมยินดีกับเราเถิด เราพบเหรียญของเราที่หายไปแล้ว’ 10 เช่นเดียวกับเวลาที่คนบาปคนหนึ่งกลับใจ ก็ย่อมมีความชื่นชมยินดีในหมู่ทูตสวรรค์ของพระเจ้า”

อุปมาเรื่องบุตรชายที่หลงหาย

11 พระองค์กล่าวต่อไปอีกว่า “ชายผู้หนึ่งมีลูกชาย 2 คน 12 คนเล็กพูดกับพ่อว่า ‘พ่อช่วยแบ่งทรัพย์สมบัติในส่วนที่เป็นของลูกเถิด’ พ่อจึงแบ่งสมบัติให้ลูกทั้งสอง 13 ไม่นานนัก ลูกคนเล็กก็รวบรวมทรัพย์สมบัติของเขา แล้วออกเดินทางไปต่างแดน ใช้ชีวิตสำมะเลเทเมาและสุรุ่ยสุร่าย 14 หลังจากที่เขาใช้ทรัพย์หมดแล้วทั้งยังเกิดข้าวยากหมากแพงทั่วท้องถิ่นนั้น เขาจึงขัดสนยิ่ง 15 จึงได้ไปรับจ้างเลี้ยงหมูในทุ่งให้คนหนึ่งที่เป็นชาวเมืองนั้น 16 ชายคนนี้หิวโหยมากจนแทบจะกลืนกินฝักถั่วที่ใช้เลี้ยงหมู แต่ก็ไม่มีใครสักคนหยิบยื่นอาหารให้แก่เขา

17 เขาจึงได้รู้สำนึกตัวและกล่าวว่า ‘ผู้รับจ้างของพ่อเรามีจำนวนมากเพียงไรที่มีอาหารเหลือกิน เราเองกำลังอดตายอยู่ที่นี่ 18 เราจะเดินทางกลับไปหาพ่อ แล้วสารภาพผิดกับพ่อว่า ข้าพเจ้าได้กระทำบาปต่อสวรรค์และต่อท่าน 19 ข้าพเจ้าไม่สมควรที่จะได้ชื่อว่าเป็นลูกของพ่ออีกต่อไป ช่วยให้ข้าพเจ้าได้เป็นผู้รับจ้างคนหนึ่งของท่านเถิด’ 20 เขาจึงรีบรุดเดินทางกลับไปหาพ่อในบัดนั้น เมื่อพ่อเห็นเขาเดินมาแต่ไกล เกิดความสงสารยิ่งจึงวิ่งไปโอบคอและจูบแก้มลูก 21 ลูกชายพูดกับพ่อว่า ‘พ่อท่าน ข้าพเจ้าได้กระทำบาปต่อสวรรค์และต่อท่าน และไม่สมควรที่จะได้ชื่อว่าเป็นลูกของพ่ออีกต่อไป’ 22 แต่พ่อพูดกับพวกคนรับใช้ว่า ‘เร็วๆ เอาเสื้อคลุมที่ดีที่สุด ทั้งแหวนและรองเท้ามาสวมให้เขาเสียด้วย 23 ฆ่าลูกโคอ้วนๆ เอามาเลี้ยงฉลองกันให้สนุกเถิด 24 เพราะว่าลูกชายของเราคนนี้ตายไปแล้ว กลับมีชีวิตขึ้นมาอีก เขาหายไปและเราก็พบแล้ว’ ดังนั้นงานฉลองจึงได้เริ่มขึ้น

25 ขณะนั้นลูกชายคนโตยังอยู่ในทุ่ง เมื่อเขาเข้ามาใกล้บ้านก็ได้ยินเสียงดนตรีและเต้นรำในงาน 26 จึงได้ถามเอาความจากคนรับใช้ว่ามีอะไรเกิดขึ้น 27 เขาตอบว่า ‘น้องชายได้กลับมาแล้ว พ่อของท่านได้ฆ่าลูกโคอ้วน เพราะว่าท่านได้ตัวเขากลับมาอย่างปลอดภัย’ 28 พี่ชายคนโตโมโหจึงไม่ยอมเข้าบ้าน พ่อจำต้องไปอ้อนวอนให้เข้ามา 29 แต่เขากลับตอบว่า ‘ดูเถิด หลายปีที่ผ่านมาลูกได้รับใช้พ่ออย่างขยันขันแข็งและไม่เคยขัดคำสั่งท่านเลย แต่ท่านไม่เคยให้แม้แต่แพะหนุ่มสักตัวเพื่อฉลองกับสหายของลูก 30 เมื่อลูกชายของพ่อคนนี้เป็นคนที่ผลาญเงินทองไปกับหญิงแพศยาได้กลับมา ท่านก็ฆ่าลูกโคอ้วนเพื่อเขา’ 31 พ่อจึงตอบว่า ‘ลูกเอ๋ย เจ้าอยู่กับพ่อเสมอ ทุกสิ่งที่เป็นของพ่อก็เสมือนเป็นของเจ้า 32 แต่เราต้องฉลองและยินดีกัน เพราะว่าน้องชายของเจ้าคนนี้ได้ตายไปแล้ว กลับมีชีวิตอีก เขาหายไปและเราก็พบแล้ว’”

อุปมาเรื่องผู้ดูแลผลประโยชน์ผู้คดโกง

16 พระเยซูเล่าให้พวกสาวกของพระองค์ฟังว่า “คนมั่งมีคนหนึ่งได้กล่าวหาว่า ผู้ดูแลผลประโยชน์ทำลายทรัพย์สินของเขาเสียหาย ดังนั้นเขาจึงเรียกตัวมาถามว่า ‘เรื่องที่เราได้ยินเกี่ยวกับเจ้านั้นเป็นอย่างไร จงส่งบัญชีที่เจ้าดูแลผลประโยชน์อยู่คืนมา เพราะว่าเราจะไม่ให้เจ้าทำอีกแล้ว’ ผู้ดูแลผลประโยชน์รำพึงกับตนเองว่า ‘แล้วเราจะทำอย่างไรดี นายปลดเราออกจากงาน แต่เราไม่แข็งแรงพอที่จะขุดดิน และก็อายเกินกว่าจะไปขอทาน เรารู้แล้วว่าเราจะทำอย่างไรดี เพื่อว่าเมื่อเราออกจากงานไป ผู้คนยังคงยินดีต้อนรับเราเข้าบ้านพวกเขาอีก’ เขาจึงเรียกทุกคนที่เป็นลูกหนี้ของนายมา แล้วก็ถามคนแรกว่า ‘ท่านเป็นหนี้นายของเราเท่าไหร่’ เขาตอบว่า ‘น้ำมันมะกอก 100 ถัง’ ผู้ดูแลผลประโยชน์บอกว่า ‘เอาบัญชีของท่านออกมาเถิด รีบๆ นั่งลง แล้วแก้เป็น 50 ถัง’ เขาถามคนที่สองว่า ‘ท่านเป็นหนี้เท่าไหร่’ ลูกหนี้ตอบว่า ‘ข้าวสาลี 1,000 กระสอบ’ เขาก็ว่า ‘เอาบัญชีออกมาเถิด แล้วแก้เป็น 800 กระสอบ’ นายคนนั้นยกย่องผู้ดูแลผลประโยชน์ผู้คดโกง เพราะว่าปฏิบัติอย่างฉลาดเพื่อผลประโยชน์ของตน ด้วยว่าคนในโลกนี้ใช้ความฉลาด เพื่อการคบค้าสมาคมกับคนประเภทเดียวกับเขาเองมากกว่าคนของความสว่าง เราขอบอกเจ้าว่า จงใช้ความมั่งมีในโลกในการหามิตร เพื่อว่าเมื่อใช้หมดแล้ว เจ้าจะได้รับการต้อนรับเข้าในที่อันเป็นนิรันดร์

10 ใครก็ตามที่เป็นคนที่ไว้ใจได้ในสิ่งเล็กน้อย ก็จะเป็นที่ไว้ใจได้ในสิ่งที่ใหญ่ และใครก็ตามที่ไม่มีความซื่อสัตย์ในสิ่งเล็กน้อย ก็จะไม่มีความซื่อสัตย์ในสิ่งที่ใหญ่ 11 ฉะนั้นถ้าเจ้าไม่เป็นที่ไว้ใจในการจัดการความมั่งมีในโลกได้แล้ว ใครจะไว้ใจเจ้าได้กับความมั่งมีที่แท้จริง 12 และถ้าเจ้าไม่เป็นที่ไว้ใจได้ในสินสมบัติของคนอื่นแล้ว ใครจะให้สินสมบัติที่จะเป็นของเจ้าเอง 13 ไม่มีผู้รับใช้คนใดจะรับใช้นาย 2 คนได้ เขาจะเกลียดคนหนึ่งและรักอีกคนหนึ่ง หรือไม่ก็จะทุ่มเทให้คนหนึ่งและดูหมิ่นอีกคนหนึ่ง เจ้าจะรับใช้ทั้งพระเจ้าและเงินทองด้วยกันไม่ได้”

14 พวกฟาริสีผู้รักเงินได้ยินดังนั้นก็เยาะเย้ยพระเยซู 15 พระองค์กล่าวกับเขาทั้งหลายว่า “ท่านชอบแก้ตัวในสายตาของมนุษย์ แต่พระเจ้าย่อมตระหนักดีถึงใจของท่าน อะไรก็ตามที่นับว่ามีค่าสำหรับมนุษย์ ก็เป็นที่น่าชังในสายตาของพระเจ้า

16 หมวดกฎบัญญัติและหมวดผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้า[a]ถูกประกาศจนกระทั่งถึงยอห์น และนับแต่กาลบัดนั้นข่าวประเสริฐเรื่องอาณาจักรของพระเจ้าก็กำลังถูกประกาศ และทุกคนก็พยายามฟันฝ่าเข้าไปในอาณาจักรนั้น 17 สวรรค์และโลกจะสูญไปง่ายเสียยิ่งกว่าที่กฎบัญญัติจุดหนึ่งจะถูกตัดออกไป

18 ผู้ใดที่หย่าร้างจากภรรยาของตนและไปสมรสกับหญิงอื่นนับว่าผิดประเวณี เช่นเดียวกับชายที่สมรสกับหญิงที่หย่าร้างแล้ว

อุปมาเรื่องชายผู้มั่งมีกับลาซารัส

19 ครั้งหนึ่งมีคนมั่งมีผู้หนึ่งนุ่งห่มด้วยผ้าสีม่วงและผ้าป่านเนื้อดีและใช้ชีวิตอย่างหรูหราทุกวัน 20 ส่วนลาซารัสเป็นชายขอทานที่มีแผลเต็มตัว ได้มานอนอยู่ที่หน้าประตูบ้านของคนมั่งมี 21 เขามักจะคอยกินเศษอาหารที่ตกจากโต๊ะของคนมั่งมี แม้แต่พวกสุนัขก็ยังมาเลียแผลของเขา 22 เมื่อชายขอทานตายลง บรรดาทูตสวรรค์มารับเขาไปอยู่ใกล้ทรวงอกของอับราฮัม คนมั่งมีก็ตายเช่นกันและถูกฝัง 23 เขาอยู่ในแดนคนตายซึ่งเต็มด้วยความทุกข์ทรมาน เมื่อเขาแหงนหน้าขึ้นเห็นอับราฮัมอยู่ไกลๆ โดยมีลาซารัสอยู่ข้างๆ 24 เขาจึงร้องเรียกว่า ‘คุณพ่ออับราฮัม โปรดสงสารข้าพเจ้าด้วย ช่วยส่งลาซารัสมาหยดน้ำจากปลายนิ้วสู่ลิ้นของข้าพเจ้าให้เย็นชุ่มหน่อย ข้าพเจ้าทรมานเหลือเกินที่อยู่ท่ามกลางไฟนรกเช่นนี้’ 25 แต่อับราฮัมตอบว่า ‘ลูกเอ๋ย จำไว้ด้วยว่าในชีวิตของเจ้า เจ้าได้รับความสบาย ขณะที่ลาซารัสได้รับสิ่งตรงกันข้าม ขณะนี้ ณ ที่นี้เขาได้รับความสำราญ และเจ้าทนทุกข์ทรมาน 26 และนอกจากสิ่งเหล่านี้แล้ว ยังมีเหวลึกซึ่งกั้นระหว่างเราและเจ้า ผู้ที่ปรารถนาจะข้ามจากที่นี่ไปหาเจ้าก็มิอาจทำได้ และใครจะข้ามจากที่โน่นมาหาเราก็มิอาจทำได้’ 27 เขาจึงตอบว่า ‘ถ้าเช่นนั้นข้าพเจ้าขอร้องท่าน คุณพ่ออับราฮัมช่วยส่งลาซารัสไปยังบ้านคุณพ่อของข้าพเจ้าเถิด 28 เพื่อตักเตือนน้องชายอีก 5 คน พวกเขาจะได้ไม่ต้องมาทรมานในที่นี้ด้วย’ 29 อับราฮัมตอบว่า ‘คนพวกนั้นมีโมเสสและเหล่าผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้า จงให้น้องๆ ของเจ้าฟังพวกเขาเถิด’ 30 เขาพูดว่า ‘อย่าเลย คุณพ่ออับราฮัม ถ้าคนที่ตายแล้วไปบอกพวกเขา เขาจะได้กลับใจ’ 31 อับราฮัมตอบว่า ‘ถ้าเขาไม่ฟังโมเสสและเหล่าผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้า แม้จะมีผู้ฟื้นคืนชีวิตจากความตาย เขาก็จะไม่มีวันเชื่อ’”

New Thai Version (NTV-BIBLE)

Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation