Beginning
ความสงบสุขและความรุ่งเรืองของศิโยน
8 และคำกล่าวของพระผู้เป็นเจ้าจอมโยธาก็มาถึงข้าพเจ้าว่า 2 พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธากล่าวดังนี้ “เราหวงแหนศิโยนยิ่งนัก และเราหวงแหนศิโยนด้วยความกริ้วอย่างที่สุด” 3 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวดังนี้ “เราได้กลับไปยังศิโยน และจะอยู่ในท่ามกลางเยรูซาเล็ม และเยรูซาเล็มจะได้รับเรียกว่าเป็นเมืองที่ภักดี และภูเขาของพระผู้เป็นเจ้าจอมโยธาจะได้รับเรียกว่า ภูเขาอันบริสุทธิ์” 4 พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธากล่าวดังนี้ “บรรดาชายและหญิงสูงอายุจะนั่งที่ถนนของเยรูซาเล็ม แต่ละคนถือไม้เท้าเพราะมีอายุมาก 5 และตามถนนในเมืองจะเต็มไปด้วยเด็กๆ ทั้งชายและหญิงกำลังเล่นกัน” 6 พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธากล่าวดังนี้ “ถ้าเป็นสิ่งวิเศษในสายตาของประชาชนเหล่านี้ที่มีชีวิตเหลืออยู่ในสมัยก่อน แล้วจะเป็นสิ่งวิเศษในสายตาของเราด้วยหรือ” พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น 7 พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธากล่าวดังนี้ “ดูเถิด เราจะช่วยชนชาติของเราให้รอดปลอดภัยจากแผ่นดินทางทิศตะวันออกและทิศตะวันตก 8 และเราจะนำพวกเขามาอาศัยอยู่ในท่ามกลางเยรูซาเล็ม และพวกเขาจะเป็นชนชาติของเรา และเราจะเป็นพระเจ้าของพวกเขา ในความสัตย์จริงและความชอบธรรม”
9 พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธากล่าวดังนี้ “บัดนี้พวกเจ้าที่ได้ยินจากปากของบรรดาผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าในวันที่วางฐานรากของพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้าจอมโยธา พวกเจ้าจงเข้มแข็งเอาไว้เพื่อจะได้สร้างพระวิหาร 10 ก่อนหน้านั้น ไม่มีค่าแรงสำหรับมนุษย์หรือสัตว์ และผู้ที่เข้านอกออกในก็ไม่มีความปลอดภัยจากศัตรู เพราะเราได้ทำให้มนุษย์ทุกคนต่อต้านเพื่อนบ้านของตน 11 แต่บัดนี้เราจะไม่กระทำต่อชนชาตินี้ซึ่งมีชีวิตเหลืออยู่เหมือนในสมัยก่อน” พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธาประกาศดังนั้น 12 “ด้วยว่า จะมีการหว่านความสันติสุข เถาองุ่นจะออกผล พื้นดินจะให้พืชผล และฟ้าสวรรค์จะประพรมน้ำค้าง และเราจะทำให้ชนชาตินี้ซึ่งมีชีวิตเหลืออยู่เป็นเจ้าของสิ่งเหล่านี้ 13 และตามที่พวกเจ้าเป็นที่แช่งสาปในบรรดาประชาชาติฉันใด โอ พงศ์พันธุ์ยูดาห์และพงศ์พันธุ์อิสราเอลเอ๋ย เราจะช่วยพวกเจ้าให้ปลอดภัยฉันนั้น และพวกเจ้าจะเป็นพระพร อย่ากลัวเลย แต่พวกเจ้าจงเข้มแข็งเอาไว้”
14 พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธากล่าวดังนี้ “ตามที่เราเจตนานำความทุกข์ร้อนมายังพวกเจ้าเมื่อบรรพบุรุษของเจ้ายั่วโทสะเราให้เรากริ้ว และเราไม่เปลี่ยนใจฉันใด พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธากล่าวว่า 15 เราได้เจตนาในสมัยนี้อีก ที่จะกระทำดีต่อเยรูซาเล็มและต่อพงศ์พันธุ์ยูดาห์ฉันนั้น อย่ากลัวเลย 16 พวกเจ้าจงปฏิบัติสิ่งเหล่านี้คือ พูดความจริงต่อกันและกัน จงตัดสินความที่ประตูเมืองด้วยความจริงและความสงบสุข 17 อย่าคิดร้ายในใจต่อกัน และอย่ารักการให้คำสาบานเท็จ เพราะเราเกลียดชังสิ่งเหล่านี้” พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น
18 และคำกล่าวของพระผู้เป็นเจ้าจอมโยธามาถึงข้าพเจ้าอีก 19 พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธากล่าวดังนี้ “การอดอาหารในเดือนที่สี่ เดือนที่ห้า เดือนที่เจ็ด และเดือนที่สิบ จะเป็นโอกาสของความร่าเริงและน่ายินดี และงานฉลองความรื่นเริงใจสำหรับยูดาห์ ฉะนั้นจงรักความจริงและความสงบสุข”
20 พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธากล่าวดังนี้ “บรรดาชนชาติและบรรดาผู้อยู่อาศัยของเมืองทั้งหลายจะมา 21 บรรดาผู้อยู่อาศัยของเมืองหนึ่งจะไปยังอีกเมืองหนึ่งและพูดว่า ‘เราไปถามพระผู้เป็นเจ้าอย่างจริงใจกันเดี๋ยวนี้ และไปแสวงหาพระผู้เป็นเจ้าจอมโยธากันเถิด เราเองก็กำลังไป’ 22 บรรดาชนชาติจำนวนมากและบรรดาประชาชาติที่เป็นมหาอำนาจจะมาแสวงหาพระผู้เป็นเจ้าจอมโยธาในเยรูซาเล็ม และเพื่อถามพระผู้เป็นเจ้าอย่างจริงใจ” 23 พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธากล่าวดังนี้ “ในสมัยนั้น ผู้ชาย 10 คนจากทุกภาษาและบรรดาประชาชาติจะคว้าเสื้อคลุมของชาวยิว 1 คน และจะพูดดังนี้ว่า ‘ให้พวกเราไปกับพวกท่านเถิด เพราะพวกเราได้ยินมาว่า พระเจ้าสถิตกับพวกท่าน’”
การตัดสินโทษศัตรูของอิสราเอล
9 คำพยากรณ์แห่งคำกล่าวของพระผู้เป็นเจ้าต่อต้านแผ่นดินฮัดราค
และเมืองดามัสกัสจะหนีไม่พ้น
เพราะสายตาของมนุษย์ทั้งปวงรวมถึงทุกเผ่าของอิสราเอล
จับอยู่ที่พระผู้เป็นเจ้า
2 ฮามัทซึ่งเป็นเขตกั้นของแผ่นดิน
ไทระและไซดอนก็เช่นกัน แม้ว่าพวกเขาจะเรืองปัญญานัก
3 ไทระได้สร้างป้อมปราการอันแข็งแกร่งให้แก่ตนเอง
และมีเงินเป็นกองพะเนินอย่างกองฝุ่น
และมีทองคำอย่างขี้ฝุ่นบนถนน
4 แต่ดูเถิด พระผู้เป็นเจ้าจะริบทุกสิ่งที่เป็นของเมืองจนเกลี้ยง
และทำลายอำนาจบนท้องทะเลของเมือง
และเมืองนั้นจะถูกไฟเผาผลาญ
5 เมืองอัชเคโลนจะแลเห็นและตกใจกลัว
กาซาด้วยที่จะบิดตัวด้วยความเจ็บปวดแสนสาหัส
เอโครนด้วย เพราะความหวังจะสับสน
กษัตริย์จะสิ้นชีพไปจากกาซา
และอัชเคโลนจะถูกทิ้งให้ร้าง
6 “ชนชาติประสมจะอาศัยอยู่ในอัชโดด
และเราจะกำจัดความหยิ่งยโสของฟีลิสเตียให้หมดสิ้นไป
7 เราจะเอาเลือดออกจากปากของพวกเขา
และเขี่ยอาหารต้องห้ามที่ติดฟันของพวกเขาออกไป
ส่วนคนที่เหลืออยู่จะเป็นของพระเจ้าของพวกเรา
ซึ่งจะเป็นบรรดาผู้นำในยูดาห์
และเอโครนจะเป็นเหมือนชาวเยบุส
8 แต่เราจะตั้งค่ายที่ตำหนักของเราเช่นผู้ดูแลรักษา
เพื่อไม่ให้ผู้ใดย่ำเข้าย่ำออก
ไม่ให้ผู้กดขี่ข่มเหงย่ำยีพวกเขาอีก
เพราะเราเฝ้าดูด้วยตาของเราเอง
กษัตริย์แห่งศิโยนกำลังมา
9 โอ ธิดาแห่งศิโยนเอ๋ย จงชื่นชมยินดี
โอ ธิดาแห่งเยรูซาเล็มเอ๋ย จงร้องตะโกน
ดูเถิด กษัตริย์ของเจ้ากำลังมาหาเจ้า
ท่านมีความชอบธรรมและความรอดพ้น
เป็นผู้ที่อ่อนโยน ขี่ลามา
บนลูกลา ลาหนุ่ม[a]
10 เราจะตัดกำลังรถศึกไปจากเอฟราอิม
และตัดม้าศึกไปเสียจากเยรูซาเล็ม
และคันธนูศึกจะถูกหัก
และท่านจะกล่าวถึงความสงบสุขแก่บรรดาประชาชาติ
ท่านจะปกครองจากทะเลแห่งหนึ่งจรดทะเลอีกแห่งหนึ่ง
และจากแม่น้ำจนถึงสุดมุมโลก
11 เจ้าก็เช่นกัน เพราะโลหิตแห่งพันธสัญญาของเราที่มีกับเจ้า
เราจะปลดปล่อยบรรดานักโทษของเจ้าให้เป็นอิสระจากหลุมลึกที่ปราศจากน้ำ
12 โอ บรรดานักโทษแห่งความหวังเอ๋ย จงกลับไปยังป้อมปราการ
วันนี้เราประกาศว่า เราจะให้คืนแก่เจ้าเป็นสองเท่า
13 เพราะเราได้ง้างยูดาห์ดั่งคันธนูของเรา
เราได้ทำเอฟราอิมให้เป็นลูกธนู
โอ ศิโยนเอ๋ย เราจะกระตุ้นบรรดาบุตรของเจ้า
เพื่อต่อต้านบรรดาบุตรของกรีก
และทำให้เจ้าเป็นดั่งดาบของนักรบ”
พระผู้เป็นเจ้าจะช่วยชนชาติของพระองค์ให้รอดพ้น
14 แล้วพระผู้เป็นเจ้าจะปรากฏแก่พวกเขา
และลูกธนูของพระองค์จะแล่นไปอย่างสายฟ้าแลบ
พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่จะเป่าแตรงอน
และจะเดินก้าวไปในพายุหมุนของทิศใต้
15 พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธาจะปกป้องพวกเขา
และพวกเขาจะห้ำหั่นและเหยียบย่ำก้อนหินสลิง
พวกเขาจะดื่มและคำรามราวกับเมาเหล้าองุ่น
พวกเขาจะเต็มปริ่มเหมือนอ่าง
ที่ใช้ประพรมมุมแท่นบูชา
16 ในวันนั้น พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของพวกเขาจะให้พวกเขามีชีวิตรอด
อย่างฝูงแกะของชนชาติของพระองค์
พวกเขาจะสุกสว่างในแผ่นดินของพระองค์
อย่างเพชรพลอยฝังมงกุฎ
17 ความดีและความงามจะยิ่งใหญ่อะไรเช่นนี้
เมล็ดพืชจะทำให้บรรดาชายหนุ่มเติบโต
และเหล้าองุ่นใหม่ทำให้บรรดาหญิงสาวบานสะพรั่ง
ฟื้นฟูยูดาห์และอิสราเอล
10 ขอฝนจากพระผู้เป็นเจ้า
ในฤดูใบไม้ผลิ
พระผู้เป็นเจ้าเป็นผู้บันดาลพายุเมฆ
และพระองค์จะให้สายฝนหลั่งลงมาเพื่อพวกเขา
และให้เกิดพืชในไร่นาแก่ทุกคน
2 บรรดารูปเคารพประจำครัวเรือนให้คำแนะนำไร้สาระ
บรรดาผู้ทำนายเห็นภาพนิมิตอันลวงหลอก
พวกเขาแก้ฝันอย่างผิดๆ
และไม่สามารถปลอบใจได้จริง
ฉะนั้นประชาชนจึงระหกระเหินอย่างแกะ
พวกเขารับความทุกข์ทรมานเนื่องจากไม่มีผู้ดูแลฝูง
3 “ความกริ้วของเราพลุ่งขึ้นต่อบรรดาผู้ดูแลฝูง
และเราจะลงโทษบรรดาผู้นำ
เพราะพระผู้เป็นเจ้าห่วงใยฝูงแกะของพระองค์ คือพงศ์พันธุ์ยูดาห์
และจะทำให้พวกเขาเป็นเหมือนม้าที่ภาคภูมิในสงคราม
4 ศิลามุมเอกจะมาจากเขา
หมุดยึดกระโจมจะมาจากเขา
คันธนูจะมาจากเขา
ผู้ปกครองจะมาจากเขา มาด้วยกันทั้งหมด
5 พวกเขาจะเป็นดั่งนักรบผู้เก่งกล้าในสงคราม
เหยียบย่ำข้าศึกในโคลนที่ถนน
พวกเขาจะสู้รบเพราะพระผู้เป็นเจ้าสถิตกับพวกเขา
และพวกเขาจะทำให้บรรดาทหารม้าอับอาย
6 เราจะทำให้พงศ์พันธุ์ยูดาห์มีพละกำลัง
และเราจะช่วยพงศ์พันธุ์โยเซฟให้มีชีวิตรอด
เราจะนำพวกเขากลับมา
เพราะเราสงสารพวกเขา
และพวกเขาจะเป็นอย่างกับว่า
เราไม่เคยทอดทิ้งพวกเขา
เพราะเราเป็นพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของพวกเขา
และเราจะตอบพวกเขา
7 แล้วเอฟราอิมจะเป็นเหมือนนักรบผู้เก่งกล้า
และใจของพวกเขาจะยินดีเหมือนได้รับเหล้าองุ่น
บรรดาลูกๆ ของพวกเขาจะแลเห็นและยินดี
ใจของพวกเขาจะชื่นชมยินดีในพระผู้เป็นเจ้า
8 เราจะส่งสัญญาณให้พวกเขามารวมกัน
เพราะเราจะไถ่พวกเขา
และพวกเขาจะมีจำนวนมากเท่ากับที่เคยมีมาก่อน
9 แม้ว่าเราให้พวกเขากระจัดกระจายไปในท่ามกลางบรรดาชนชาติ
ซึ่งอยู่ไกลแสนไกล แต่พวกเขาก็จะยังจำเราได้
ทั้งตัวเขาและบรรดาลูกๆ จะคงชีวิตอยู่ได้
และพวกเขาจะกลับมา
10 เราจะนำพวกเขากลับมาจากแผ่นดินอียิปต์
และรวบรวมพวกเขาจากอัสซีเรีย
และเราจะนำพวกเขาไปยังแผ่นดินกิเลอาดและเลบานอน
จนไม่มีที่พอสำหรับพวกเขา
11 เขาจะเดินผ่านทะเลแห่งความลำบาก
คลื่นทะเลจะถูกทำให้สงบนิ่ง
และแม่น้ำไนล์ซึ่งลึกจะแห้งเหือดลง
ความยโสของอัสซีเรียจะถูกทำให้ถ่อมลง
และคทาของอียิปต์จะล่วงลับไป
12 เราจะทำให้พวกเขาเข้มแข็งในพระผู้เป็นเจ้า
และพวกเขาจะเดินในพระนามของพระองค์”
พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น
ฝูงแกะถูกกำหนดให้ถูกเชือด
11 โอ เลบานอนเอ๋ย จงเปิดประตูของเจ้า
ให้ไฟลุกผลาญดงซีดาร์ของเจ้า
2 โอ ต้นสนเอ๋ย จงร้องไห้ฟูมฟายเถิด เพราะต้นซีดาร์โค่นลงแล้ว
ต้นไม้ซึ่งสูงตระหง่านถูกทำลาย
ต้นโอ๊กของบาชานเอ๋ย จงร้องไห้ฟูมฟายเถิด
เพราะป่าไม้ทึบถูกตัดลงแล้ว
3 มีเสียงร้องไห้ฟูมฟายของบรรดาผู้ดูแลฝูงแกะ
เพราะความมั่งคั่งของพวกเขาถูกทำลาย
มีเสียงคำรามของบรรดาสิงโต
เพราะป่าไม้ของจอร์แดนเสียหาย
4 พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของข้าพเจ้ากล่าวดังนี้ “จงดูแลฝูงแกะซึ่งกำหนดให้ถูกประหาร 5 บรรดาผู้ซื้อประหารพวกเขา แต่ก็ไม่ถูกลงโทษ พวกที่ขายพวกเขาพูดว่า ‘สรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้ามั่งมีแล้ว’ และบรรดาผู้ดูแลฝูงไร้ความเมตตาต่อพวกเขา 6 เพราะเราจะไม่มีความเมตตาต่อผู้อยู่อาศัยของแผ่นดินนี้” พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนี้ “ดูเถิด เราจะทำให้พวกเขาตกอยู่ในมือของเพื่อนบ้านของเขา และแต่ละคนอยู่ในมือของกษัตริย์ของเขา และพวกเขาจะกดขี่ข่มเหงแผ่นดิน และเราจะไม่ช่วยพวกเขาให้พ้นจากมือของคนเหล่านั้นแม้แต่คนเดียว”
7 ดังนั้น ข้าพเจ้ากลายเป็นผู้ดูแลฝูงแกะซึ่งกำหนดให้ถูกประหารโดยบรรดาพ่อค้าแกะ และข้าพเจ้าเอาไม้เท้า 2 อันมา ข้าพเจ้าตั้งชื่อไม้เท้าอันหนึ่งว่า ชื่นชอบ และอีกอันหนึ่งชื่อว่า สหภาพ แล้วข้าพเจ้าก็ดูแลฝูงแกะ 8 ข้าพเจ้ากำจัดผู้ดูแลฝูง 3 คนในเดือนเดียว ฝูงแกะเกลียดข้าพเจ้า และข้าพเจ้าเหนื่อยหน่ายพวกเขา 9 ข้าพเจ้าจึงพูดดังนี้ว่า “ข้าพเจ้าจะไม่เป็นผู้ดูแลฝูงของพวกท่าน อะไรจะตายก็ปล่อยให้ตายไป อะไรจะถูกทำให้พินาศก็ปล่อยให้พินาศไป และปล่อยให้พวกที่เหลืออยู่กินเลือดกินเนื้อกันเอง” 10 ข้าพเจ้าหักไม้เท้าที่ชื่อ ชื่นชอบ และพันธสัญญาที่ข้าพเจ้าได้ทำไว้กับประชาชนทั้งปวงกลายเป็นโมฆะ 11 ดังนั้นมันก็กลายเป็นโมฆะไปในวันนั้น และบรรดาผู้รับทุกข์ของฝูงที่กำลังเฝ้ามองข้าพเจ้าทราบว่า พระผู้เป็นเจ้ากล่าวผ่านข้าพเจ้า 12 ข้าพเจ้าบอกพวกเขาดังนี้ว่า “หากว่าเป็นสิ่งดีในสายตาพวกท่าน ก็จ่ายค่าแรงให้แก่ข้าพเจ้า แต่ถ้าไม่เห็นด้วย ท่านก็เก็บค่าแรงไว้เอง” พวกเขาจ่ายเงิน 30 เหรียญให้แก่ข้าพเจ้า 13 แล้วพระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับข้าพเจ้าว่า “โยนให้แก่ช่างปั้นหม้อ มันเป็นราคาสูงส่งซึ่งเราถูกตั้งราคาโดยพวกเขา” ข้าพเจ้าจึงเอาเงิน 30 เหรียญไปโยนไว้ในพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า เพื่อให้แก่ช่างปั้นหม้อ[b] 14 และข้าพเจ้าหักไม้เท้าอันที่สองที่ชื่อ สหภาพ ทำให้ความเป็นพี่น้องระหว่างยูดาห์และอิสราเอลเป็นโมฆะ
15 แล้วพระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับข้าพเจ้าดังนี้ว่า “จงเอาภาชนะชิ้นหนึ่งซึ่งผู้ดูแลฝูงที่ไร้ค่าใช้ 16 ดูเถิด เรากำลังกำหนดผู้ดูแลฝูงผู้หนึ่งในแผ่นดิน ซึ่งไม่ห่วงใยบรรดาผู้ที่ถูกทำให้พินาศ หรือตามหาบรรดาผู้อ่อนวัย หรือรักษาคนง่อยเปลี้ย หรือเลี้ยงดูผู้มีสุขภาพดี แต่กินเลือดเนื้อแกะตัวอ้วนพี และฉีกกีบเท้าแกะด้วย
17 วิบัติเกิดแก่ผู้ดูแลฝูงแกะที่ไร้ค่า
ซึ่งได้ทอดทิ้งฝูงแกะ
ขอให้ดาบฟันแขนของเขา
และฟันตาขวาของเขา
ให้แขนของเขาลีบ
ให้ตาขวาของเขามืดบอด”
พระผู้เป็นเจ้าจะให้ความรอดพ้น
12 คำพยากรณ์แห่งคำกล่าวของพระผู้เป็นเจ้าเกี่ยวกับอิสราเอล พระผู้เป็นเจ้าผู้สร้างฟ้าสวรรค์ให้แผ่กว้างออกไป และวางฐานรากของแผ่นดินโลก และสร้างจิตวิญญาณให้อยู่ในร่างของมนุษย์ ประกาศดังนี้ 2 “ดูเถิด เรากำลังจะทำเยรูซาเล็มให้เป็นถ้วยมึนเมาแก่ประชาชนที่อยู่โดยรอบ การที่เยรูซาเล็มถูกล้อมทำให้ยูดาห์ถูกกระทำเช่นเดียวกัน 3 ในวันนั้น เราจะทำให้เยรูซาเล็มเป็นหินหนักก้อนหนึ่งสำหรับชนชาติทั้งปวง ทุกคนที่ยกหินก็จะเจ็บตัวอย่างแน่นอน และประชาชาติทั้งปวงของแผ่นดินโลกจะร่วมกันต่อต้านเมือง 4 ในวันนั้น เราจะทำให้ม้าทุกตัวตื่นตระหนก และคนขี่จะบ้าระห่ำ” พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนี้ “เราจะจับตาเฝ้าดูพงศ์พันธุ์ของยูดาห์ แต่เราจะทำให้ม้าทั้งปวงของทุกชนชาติตาบอด 5 แล้วบรรดาผู้นำของยูดาห์จะคิดในใจว่า ‘ผู้อยู่อาศัยของเยรูซาเล็มเข้มแข็งได้ก็เพราะพระผู้เป็นเจ้าจอมโยธาเป็นพระเจ้าของพวกเขา’
6 ในวันนั้น เราจะทำให้บรรดาผู้นำของยูดาห์เป็นเหมือนหม้อที่ร้อนดั่งเพลิงในกองถ่าน เหมือนคบไฟลุกฟางข้าว และเขาจะปราบประชาชนทั้งปวงที่อยู่รอบด้านทั้งซ้ายและขวา ขณะที่เยรูซาเล็มจะมีผู้อยู่อาศัยในที่ของตนอย่างมั่นคง
7 พระผู้เป็นเจ้าจะให้ยูดาห์ได้รับความรอดพ้นก่อนผู้อื่น เพื่อเกียรติของพงศ์พันธุ์ของดาวิดและผู้อยู่อาศัยของเยรูซาเล็มจะไม่ล้ำหน้ายูดาห์ 8 ในวันนั้น พระผู้เป็นเจ้าจะปกป้องผู้อยู่อาศัยของเยรูซาเล็ม เพื่อบรรดาผู้อ่อนแอที่สุดในหมู่พวกเขาจะเป็นเหมือนดาวิด และพงศ์พันธุ์ของดาวิดจะเป็นเหมือนกับพระเจ้า เหมือนทูตสวรรค์ของพระผู้เป็นเจ้าที่นำหน้าพวกเขาไป 9 และในวันนั้น เราพร้อมที่จะทำลายประชาชาติทั้งปวงที่มาต่อต้านเยรูซาเล็ม
องค์ผู้ที่พวกเขาได้แทง
10 และเราจะหลั่งวิญญาณแห่งพระคุณและคำขอร้องสู่พงศ์พันธุ์ของดาวิดและสู่บรรดาผู้อยู่อาศัยของเยรูซาเล็ม พวกเขาจะมองดูองค์ผู้ที่พวกเขาได้แทง[c] พวกเขาจะครวญคร่ำร่ำไห้ถึงพระองค์ ราวกับผู้ที่ครวญคร่ำร่ำไห้ถึงบุตรคนเดียวของตน และร้องไห้อย่างขมขื่นถึงพระองค์ อย่างผู้ที่ร้องไห้ถึงบุตรหัวปี 11 ในวันนั้น การครวญคร่ำร่ำไห้ในเยรูซาเล็มจะหนักเท่ากับการครวญคร่ำร่ำไห้แก่ฮาดัดริมโมนบนที่ราบเมกิดโด 12 แผ่นดินจะครวญคร่ำร่ำไห้ แต่ละครอบครัวตามลำพัง ครอบครัวของพงศ์พันธุ์ของดาวิดตามลำพัง และบรรดาภรรยาของพวกเขาตามลำพัง ครอบครัวของพงศ์พันธุ์ของนาธาน[d]ตามลำพัง และบรรดาภรรยาของพวกเขาตามลำพัง 13 ครอบครัวของพงศ์พันธุ์ของเลวีตามลำพัง และบรรดาภรรยาของพวกเขาตามลำพัง ครอบครัวของชาวชิเมอี[e]ตามลำพัง และบรรดาภรรยาของพวกเขาตามลำพัง 14 และครอบครัวทั้งปวงที่เหลือ ต่างก็ครวญคร่ำร่ำไห้ตามลำพัง และบรรดาภรรยาของพวกเขาตามลำพัง
13 ในวันนั้น จะมีน้ำพุแห่งหนึ่งพวยพุ่งให้แก่พงศ์พันธุ์ของดาวิดและบรรดาผู้อยู่อาศัยของเยรูซาเล็ม เพื่อชำระพวกเขาให้สะอาดจากบาปและมลทิน”
กำจัดรูปเคารพ
2 พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธาประกาศดังนี้ “ในวันนั้น เราจะกำจัดชื่อของรูปเคารพไปจากแผ่นดิน จะได้ไม่เป็นที่จดจำอีกต่อไป และเราจะกำจัดบรรดาผู้เผยคำกล่าวและวิญญาณซึ่งมีมลทินไปจากแผ่นดิน 3 และถ้าผู้ใดเผยความอีก บิดาและมารดาผู้ให้กำเนิดแก่เขาจะพูดกับเขาดังนี้ว่า ‘เจ้าจะต้องตาย เพราะเจ้าพูดเท็จในพระนามของพระผู้เป็นเจ้า’ และบิดามารดาผู้ให้กำเนิดแก่เขาก็จะแทงเขาเมื่อเขาเผยความ
4 ในวันนั้น ผู้เผยคำกล่าวทุกคนจะอับอายเรื่องภาพนิมิตที่เขาเผย จะไม่มีใครสวมเสื้อคลุมขนสัตว์เพื่อจะหลอกลวงคน 5 แต่เขาจะพูดว่า ‘ข้าพเจ้าไม่ใช่ผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้า ข้าพเจ้าทำสวนทำไร่ ชายคนหนึ่งขายข้าพเจ้าตั้งแต่ครั้งยังเยาว์’ 6 และถ้ามีใครถามเขาว่า ‘บาดแผลเหล่านี้บนหลังของท่านเป็นอะไร’ เขาจะตอบว่า ‘ข้าพเจ้าได้รับบาดแผลที่บ้านเพื่อนๆ ของข้าพเจ้า’
ผู้ดูแลฝูงแกะถูกกำจัด
7 โอ ดาบเอ๋ย จงตื่นขึ้นและต่อต้านผู้ดูแลฝูงแกะของเรา
ต่อต้านชายผู้ยืนอยู่ใกล้ตัวเรา”
พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนี้
“จงฟาดฟันผู้เลี้ยงดูฝูงแกะ
และบรรดาแกะจะกระจัดกระจายไป[f]
เราจะหันมือของเราต่อต้านเด็กๆ”
8 พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนี้
“ทั่วทั้งแผ่นดิน
สองในสามจะถูกฟาดฟันและสิ้นชีวิต
หนึ่งในสามจะมีชีวิตอยู่
9 และเราจะโยนหนึ่งในสามที่เหลือนี้ลงในกองไฟ
และจะหลอมพวกเขาเหมือนคนหลอมเงิน
และทดสอบพวกเขาเหมือนทดสอบทองคำ
พวกเขาจะเรียกนามของเรา
และเราจะตอบพวกเขา
เราจะพูดว่า ‘พวกเขาเป็นชนชาติของเรา’
และพวกเขาจะพูดว่า ‘พระผู้เป็นเจ้าเป็นพระเจ้าของข้าพเจ้า’”
วันของพระผู้เป็นเจ้ากำลังจะมาถึง
14 ดูเถิด วันของพระผู้เป็นเจ้ากำลังจะมาถึง เมื่อสิ่งที่ริบมาได้จะถูกแบ่งในท่ามกลางท่าน 2 เราจะรวบรวมประชาชาติทั้งปวงให้มาโจมตีเยรูซาเล็ม และเมืองจะถูกยึด บ้านเรือนจะถูกปล้น และผู้หญิงจะถูกข่มขืน คนครึ่งเมืองจะต้องลี้ภัยไป แต่ชนชาติที่เหลือจะไม่ถูกกำจัดออกจากเมือง 3 แล้วพระผู้เป็นเจ้าจะออกไปต่อสู้กับประชาชาติเหล่านั้น เช่นเดียวกับเวลาที่พระองค์ต่อสู้ในสงคราม 4 ในวันนั้น เท้าของพระองค์จะยืนบนภูเขามะกอก ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันออกของเยรูซาเล็ม และภูเขามะกอกจะถูกแยกออกเป็นสองส่วนจากทิศตะวันออกถึงทิศตะวันตก ทำให้เกิดหุบเขากว้างใหญ่ โดยครึ่งหนึ่งของภูเขาเคลื่อนไปทางทิศเหนือ และอีกครึ่งหนึ่งเคลื่อนไปทางทิศใต้ 5 และพวกเจ้าจะหนีไปยังหุบเขาของภูเขาของเรา เพราะหุบเขาจะมีระยะไกลถึงอาซัล และพวกเจ้าจะหนีราวกับหนีจากแผ่นดินไหวในสมัยของอุสซียาห์กษัตริย์แห่งยูดาห์[g] แล้วพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเราจะมา ผู้บริสุทธิ์ทั้งปวงจะมากับพระองค์
6 ในวันนั้น จะไม่มีแสงสว่าง ไม่หนาว และไม่เป็นน้ำแข็ง 7 จะเป็นวันที่ไม่เหมือนวันใด ซึ่งเป็นที่ทราบดีสำหรับพระผู้เป็นเจ้า ไม่ใช่ทั้งกลางวันหรือกลางคืน แต่จะมีแสงสว่างเมื่อถึงเวลาเย็น
8 ในวันนั้น น้ำแห่งชีวิตจะไหลจากเยรูซาเล็ม[h] ครึ่งหนึ่งไหลสู่ทะเลด้านตะวันออก อีกครึ่งหนึ่งไหลสู่ทะเลด้านตะวันตก[i] น้ำไหลตลอดทั้งฤดูร้อนและฤดูหนาว
9 พระผู้เป็นเจ้าจะเป็นกษัตริย์ของทั่วทั้งแผ่นดินโลก ในวันนั้นจะมีพระผู้เป็นเจ้าเพียงพระองค์เดียว และพระนามของพระองค์เพียงผู้เดียว
10 ทั่วทั้งแผ่นดินจะเป็นเหมือนอาราบาห์ จากเก-บาถึงริมโมนใต้เยรูซาเล็ม แต่เยรูซาเล็มจะสูงเด่นตั้งอยู่ที่เดิม จากประตูเบนยามินถึงประตูแรก ถึงประตูมุม และจากหอคอยฮานันเอลถึงเครื่องสกัดเหล้าองุ่นของกษัตริย์ 11 และจะเป็นที่อยู่อาศัย และจะไม่มีวันที่จะถูกทำลายอีก เยรูซาเล็มจะอยู่อย่างปลอดภัย
12 พระผู้เป็นเจ้าจะให้ภัยพิบัติเกิดขึ้นกับชนชาติทั้งปวงที่โจมตีเยรูซาเล็มคือ เนื้อหนังของพวกเขาจะเน่าขณะที่พวกเขายังยืนอยู่ ลูกตาของพวกเขาจะเน่าในเบ้าตา และลิ้นของพวกเขาจะเน่าในปาก
13 และในวันนั้น พระผู้เป็นเจ้าจะทำให้พวกเขาตื่นตระหนกยิ่งนัก แต่ละคนจะคว้ามือของอีกคนหนึ่ง และต่างก็จะโจมตีกันเอง 14 ยูดาห์จะต่อสู้ที่เยรูซาเล็ม สมบัติของประชาชาติทั้งปวงโดยรอบจะถูกเก็บรวบรวมคือ ทองคำ เงิน และเครื่องแต่งกายจำนวนมหาศาล 15 และภัยพิบัติอย่างเดียวกันนี้จะเกิดแก่ม้า ล่อ อูฐ ลา และสัตว์ป่าชนิดใดก็ตามที่อยู่ในค่ายเหล่านั้น
16 แล้วทุกคนจากประชาชาติทั้งปวงที่มีชีวิตรอดที่ได้โจมตีเยรูซาเล็ม ก็จะขึ้นไปปีแล้วปีเล่าเพื่อนมัสการกษัตริย์ คือพระผู้เป็นเจ้าจอมโยธา และฉลองเทศกาลอยู่เพิง 17 และถ้าครอบครัวใดของแผ่นดินไม่ขึ้นไปยังเยรูซาเล็มเพื่อนมัสการกษัตริย์ คือพระผู้เป็นเจ้าจอมโยธา พวกเขาก็จะแล้งฝน 18 และถ้าครอบครัวของอียิปต์ไม่ขึ้นไปด้วยตนเอง พวกเขาก็จะแล้งฝน แต่จะมีภัยพิบัติที่พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธาทำให้บรรดาประชาชาติที่ไม่ขึ้นไปฉลองเทศกาลอยู่เพิงได้รับทุกข์ 19 การลงโทษนี้จะเกิดแก่อียิปต์และประชาชาติทั้งปวงที่ไม่ขึ้นไปฉลองเทศกาลอยู่เพิง
20 และในวันนั้น จะมีคำจารึกบนลูกพรวนม้าทั้งหลายว่า “บริสุทธิ์สำหรับพระผู้เป็นเจ้า”[j] และหม้อในพระวิหารของพระผู้เป็นเจ้าจะเป็นเช่นอ่างที่หน้าแท่นบูชา 21 หม้อทุกใบในเยรูซาเล็มและยูดาห์จะบริสุทธิ์ต่อพระผู้เป็นเจ้าจอมโยธา และทุกคนที่ถวายเครื่องสักการะจะรับเอาหม้อไปใช้หุงต้ม และในวันนั้นจะไม่มีชาวคานาอัน[k]อีกต่อไปในพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้าจอมโยธา
Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation