Beginning
เรียกให้กลับมาหาพระผู้เป็นเจ้า
1 ในเดือนแปด ปีที่สองของดาริอัส[a] คำกล่าวของพระผู้เป็นเจ้ามาถึงเศคาริยาห์ผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้า ซึ่งเป็นบุตรของเบเรคิยาห์ผู้เป็นบุตรของอิดโด ดังนี้ว่า 2 “พระผู้เป็นเจ้ากริ้วบรรพบุรุษของพวกเจ้ามาก 3 ฉะนั้นจงบอกพวกเขาว่า พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธาประกาศดังนี้ ‘จงกลับมาหาเรา’ พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธาประกาศดังนี้ ‘และเราจะกลับมาหาพวกเจ้า’” พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธากล่าวดังนั้น 4 อย่าเป็นอย่างบรรพบุรุษของพวกท่าน ซึ่งบรรดาผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้ารุ่นก่อนๆ ร้องบอกไว้ว่า “พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธากล่าวดังนี้ ‘จงหันไปจากวิถีทางอันชั่วร้ายของพวกเจ้า และจากการกระทำอันชั่วร้าย’” แต่พวกเขาไม่ฟังและไม่เอาใจใส่ พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธาประกาศดังนั้น 5 “บรรพบุรุษของพวกเจ้าอยู่ไหนล่ะ และบรรดาผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้ามีชีวิตยั่งยืนตลอดไปหรือ 6 แต่คำกล่าวของเราและกฎเกณฑ์ของเราซึ่งเราบัญชาแก่บรรดาผู้เผยคำกล่าวผู้รับใช้ของเรานั้น ได้เกิดขึ้นกับพวกเขาตามที่เรากล่าวแล้วมิใช่หรือ พวกเขาได้กลับใจและพูดว่า ‘พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธาได้กระทำต่อพวกเราสมกับวิถีทางและความประพฤติของพวกเรา อย่างที่พระองค์ประสงค์ต่อพวกเรา’”
ภาพนิมิตทหารม้า
7 ในวันที่ยี่สิบสี่ เดือนสิบเอ็ด ซึ่งเป็นเดือนเชบัท ในปีที่สองของดาริอัส คำกล่าวของพระผู้เป็นเจ้ามาถึงเศคาริยาห์ผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้า ซึ่งเป็นบุตรของเบเรคิยาห์ผู้เป็นบุตรของอิดโด ดังที่เศคาริยาห์กล่าวคือ 8 ดูเถิด ในเวลากลางคืน ข้าพเจ้าเห็นชายผู้หนึ่งขี่ม้าสีแดง ท่านยืนอยู่ท่ามกลางต้นเมอร์เทิลในหุบเขา ข้างหลังชายผู้นั้นมีม้าสีแดง น้ำตาล และขาว 9 ข้าพเจ้าถามว่า “นายท่าน นี่คืออะไร” ทูตสวรรค์ที่กำลังพูดกับข้าพเจ้าตอบว่า “เราจะชี้ให้ท่านเห็นว่า นี่คืออะไร” 10 ดังนั้นชายที่ยืนอยู่ท่ามกลางต้นเมอร์เทิลตอบว่า “เขาเหล่านี้คือผู้ที่พระผู้เป็นเจ้าได้ส่งมาเพื่อตรวจตราทั่วแผ่นดินโลก” 11 และเขาทั้งหลายตอบทูตสวรรค์ของพระผู้เป็นเจ้า ซึ่งยืนอยู่ท่ามกลางต้นเมอร์เทิลดังนี้ว่า “พวกเราได้ตรวจตราทั่วแผ่นดินโลกแล้ว และดูเถิด ทั่วโลกอยู่ในความสันติสุข” 12 ครั้นแล้ว ทูตสวรรค์ของพระผู้เป็นเจ้าพูดว่า “โอ พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธา พระองค์จะไม่มีเมตตาต่อเยรูซาเล็มและเมืองทั้งหลายในยูดาห์นานเพียงไร พระองค์โกรธเคืองพวกเขามาเป็นเวลา 70 ปีแล้ว”[b] 13 พระผู้เป็นเจ้าตอบด้วยคำพูดซึ่งกอปรด้วยความกรุณา และปลอบประโลมทูตสวรรค์ที่พูดกับข้าพเจ้า 14 ดังนั้นทูตสวรรค์ที่พูดอยู่กับข้าพเจ้าบอกข้าพเจ้าว่า “พระผู้เป็นเจ้ากล่าวว่า จงร้องบอกดังนี้ ‘เราหวงแหนเยรูซาเล็มและศิโยนยิ่งนัก 15 และเราเกรี้ยวโกรธบรรดาประชาชาติมากที่ไม่สะทกสะท้านอะไร แต่แรกเรากริ้วพวกเขาเพียงเล็กน้อย แต่ประชาชาติกระทำต่อพวกเขาเกินความตั้งใจของเรา’ 16 ฉะนั้น พระผู้เป็นเจ้ากล่าวดังนี้ ‘เราจะกลับมายังเยรูซาเล็มพร้อมกับความเมตตา และตำหนักของเราจะถูกสร้างขึ้นใหม่ และเชือกที่ขึงจะเหยียดไปที่เยรูซาเล็ม’ พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธาประกาศดังนั้น 17 จงร้องบอกต่อไปอีกว่า พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธากล่าวดังนี้ ‘เมืองทั้งหลายของเราจะเปี่ยมล้นด้วยความมั่งมี และพระผู้เป็นเจ้าจะปลอบประโลมศิโยนและเลือกเยรูซาเล็มอีก’”
ภาพนิมิตเขาสัตว์และช่างฝีมือ
18 ดูเถิด ข้าพเจ้าเงยหน้าขึ้น และแลเห็นเขาสัตว์ 4 เขา 19 ข้าพเจ้าถามทูตสวรรค์ซึ่งพูดกับข้าพเจ้าว่า “นี่คืออะไร” ท่านตอบข้าพเจ้าว่า “เขาสัตว์เหล่านี้เป็นเขาสัตว์ที่ทำให้ยูดาห์ อิสราเอล และเยรูซาเล็มกระจัดกระจายไป” 20 หลังจากนั้นพระผู้เป็นเจ้าให้ข้าพเจ้าเห็นช่างฝีมือ 4 คน 21 ข้าพเจ้าถามว่า “คนเหล่านี้มาทำอะไร” พระองค์ตอบว่า “นี่คือเขาสัตว์ 4 เขาที่ทำให้ยูดาห์กระจัดกระจายไป และทำให้ไม่มีผู้ใดเงยศีรษะขึ้นได้ ช่างฝีมือเหล่านี้มาเพื่อทำให้พวกเขาหวาดกลัว เพื่อเหวี่ยงเขาสัตว์ของบรรดาประชาชาติลง ประชาชาติเหล่านี้ยกเขาสัตว์ของพวกเขาต่อต้านแผ่นดินของยูดาห์เพื่อให้กระจัดกระจายไป”
ภาพนิมิตชายผู้หนึ่งกับเชือกที่ขึง
2 ดูเถิด ข้าพเจ้าเงยหน้าขึ้น และแลเห็นชายผู้หนึ่งถือเชือกที่ขึงอยู่ในมือ 2 และข้าพเจ้าถามว่า “ท่านกำลังจะไปไหน” ท่านตอบข้าพเจ้าว่า “จะไปวัดเยรูซาเล็มเพื่อดูว่า ขนาดกว้างและยาวเท่าไหร่” 3 ดูเถิด ทูตสวรรค์ที่พูดกับข้าพเจ้าก้าวเท้าออกมา และทูตสวรรค์อีกท่านก้าวเท้าออกมา 4 และพูดกับท่านนั้นว่า “รีบวิ่งไปบอกชายหนุ่มคนนั้นดังนี้ว่า ‘เยรูซาเล็มจะเป็นเมืองที่ไม่มีกำแพงล้อม แม้ว่าจะมีประชาชนและสัตว์เลี้ยงจำนวนมากอาศัยอยู่ก็ตาม 5 และเราจะเป็นกำแพงไฟให้กับเมืองโดยรอบ’ พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น ‘และเราจะเป็นบารมีในท่ามกลางเมือง’”
6 พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนี้ “ไปเถิด ไปเถิด หนีไปจากแผ่นดินของทิศเหนือ เพราะเราได้ทำให้พวกเจ้ากระจัดกระจายออกไปยังลมทั้งสี่ของฟ้าสวรรค์
7 ศิโยนเอ๋ย ไปเถิด จงหนีไป เจ้าเป็นผู้ที่อาศัยอยู่กับธิดาแห่งบาบิโลน” 8 พระองค์ส่งข้าพเจ้าไปยังบรรดาประชาชาติที่ได้ปล้นพวกท่าน เพราะผู้ใดก็ตามที่แตะต้องพวกท่าน เท่ากับเขาแตะต้องแก้วตาของพระองค์ ด้วยว่าพระผู้เป็นเจ้าจอมโยธากล่าวดังนี้ 9 “เราจะยกมือของเราต่อต้านพวกเขาอย่างแน่นอน และบรรดาทาสรับใช้พวกเขาจะปล้นพวกเขาเอง” และพวกท่านจะทราบว่าพระผู้เป็นเจ้าจอมโยธาได้ส่งข้าพเจ้ามา 10 “โอ ธิดาแห่งศิโยนเอ๋ย จงร้องตะโกนและชื่นชมยินดี เพราะเรากำลังมา และเราจะอยู่ท่ามกลางเจ้า พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น 11 ประชาชาติจำนวนมากจะร่วมกับพระผู้เป็นเจ้าในวันนั้น และจะมาเป็นชนชาติของเรา เราจะอยู่ในท่ามกลางเจ้า” และท่านจะทราบว่าพระผู้เป็นเจ้าจอมโยธาได้ส่งข้าพเจ้ามาให้ท่าน 12 พระผู้เป็นเจ้าจะยึดครองยูดาห์เป็นมรดกส่วนหนึ่งของพระองค์ในแผ่นดินอันบริสุทธิ์ และจะเลือกเยรูซาเล็มอีก
13 มนุษย์ทั้งหลายจงนิ่งเงียบ ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้า เพราะพระองค์กระตุ้นพระองค์เองขึ้นจากที่อันบริสุทธิ์ซึ่งพระองค์สถิต
ภาพนิมิตโยชูวาหัวหน้ามหาปุโรหิต
3 และพระองค์ให้ข้าพเจ้าเห็นโยชูวาหัวหน้ามหาปุโรหิต[c] ซึ่งยืนอยู่ที่เบื้องหน้าทูตสวรรค์ของพระผู้เป็นเจ้า และซาตานยืนที่เบื้องขวาเขาเพื่อจะกล่าวหาเขา 2 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับซาตานว่า “พระผู้เป็นเจ้าห้ามเจ้า[d] โอ ซาตานเอ๋ย พระผู้เป็นเจ้าผู้ที่ได้เลือกเยรูซาเล็มห้ามเจ้า นี่คือท่อนไม้ที่ลุกเป็นไฟและถูกดึงออกจากกองไฟมิใช่หรือ” 3 โยชูวาสวมเสื้อผ้าสกปรกและกำลังยืนอยู่ที่เบื้องหน้าทูตสวรรค์ 4 และทูตสวรรค์พูดกับบรรดาผู้ยืนอยู่ที่เบื้องหน้าท่านว่า “จงถอดเสื้อผ้าสกปรกของเขาออก” และท่านพูดกับเขาว่า “ดูเถิด เราได้เอาบาปของเจ้าไปจากเจ้าแล้ว และเราจะให้เจ้าได้ใส่เสื้อผ้าอันบริสุทธิ์” 5 และข้าพเจ้าพูดว่า “ให้พวกเขาโพกศีรษะเขาด้วยผ้าที่สะอาดเถิด” ดังนั้น พวกเขาก็โพกศีรษะให้ และสวมเสื้อผ้าให้เขา และทูตสวรรค์ของพระผู้เป็นเจ้าก็ยืนอยู่ที่นั่น
6 แล้วทูตสวรรค์ของพระผู้เป็นเจ้าสั่งโยชูวาว่า 7 พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธากล่าวดังนี้ “ถ้าเจ้าจะดำเนินตามวิถีทางของเรา และทำตามคำสั่งของเรา เจ้าก็จะจัดการในเรื่องตำหนักของเรา และดูแลลานตำหนักของเรา และเราจะให้เจ้ามีสิทธิเข้านอกออกในเช่นเดียวกับบรรดาผู้ที่ยืนอยู่ที่นี่ 8 โอ โยชูวาหัวหน้ามหาปุโรหิตเอ๋ย ทั้งตัวเจ้าและบรรดาเพื่อนๆ ของเจ้าที่นั่งอยู่ตรงหน้าเจ้าจงฟังเถิด ด้วยว่า พวกเขาเป็นผู้ชายซึ่งเป็นสัญลักษณ์ ดูเถิด เราจะนำผู้รับใช้ของเรามาคืออังกูร[e] 9 ดูเถิด บนหินที่เราได้ตั้งไว้ตรงหน้าโยชูวา มีตา 7 ตาบนหิน 1 ก้อน” พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธาประกาศดังนี้ว่า “เราจะสลักคำจารึก และเราจะเอาบาปออกจากแผ่นดินนี้ภายในวันเดียว” 10 พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธาประกาศดังนี้ว่า “ในวันนั้น ทุกคนในพวกเจ้าจะเชิญเพื่อนบ้านของเขามาที่ใต้ร่มเถาองุ่นและใต้ร่มต้นมะเดื่อของเขา”
ภาพนิมิตคันประทีปทองคำ
4 ทูตสวรรค์ที่พูดกับข้าพเจ้ามาหาและปลุกให้ตื่น ข้าพเจ้าเป็นเหมือนคนที่ถูกปลุกให้ตื่นจากที่ได้หลับสนิท 2 ท่านพูดกับข้าพเจ้าว่า “ท่านเห็นอะไร” ข้าพเจ้าตอบว่า “ดูเถิด ข้าพเจ้าเห็นคันประทีปทองคำล้วนซึ่งมีภาชนะ 1 ใบบนยอด และมีดวงประทีป 7 ดวงบนนั้น มีท่อ 7 ท่อโยงกับดวงประทีปแต่ละดวงที่อยู่บนยอด 3 มีต้นมะกอก 2 ต้นอยู่ข้างๆ ต้นหนึ่งอยู่ด้านขวาภาชนะ และอีกต้นอยู่ด้านซ้าย” 4 และข้าพเจ้าถามทูตสวรรค์ที่พูดกับข้าพเจ้าว่า “นายท่าน นี่คืออะไร” 5 แล้วทูตสวรรค์ที่พูดกับข้าพเจ้าตอบว่า “ท่านไม่ทราบหรือว่า สิ่งเหล่านี้คืออะไร” ข้าพเจ้าตอบว่า “ข้าพเจ้าไม่ทราบหรอก นายท่าน” 6 ท่านจึงตอบข้าพเจ้าว่า “พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับเศรุบบาเบลดังนี้ว่า ‘ไม่ใช่ด้วยฤทธานุภาพ หรือด้วยอานุภาพ แต่ด้วยวิญญาณของเรา’ พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธากล่าวดังนั้น
7 โอ ภูเขาอันยิ่งใหญ่ เจ้าเป็นใคร เจ้าจะกลายเป็นพื้นดินราบที่ตรงหน้าเศรุบบาเบล แล้วเขาจะวางศิลามุมเอกในขณะที่มีเสียงโห่ร้องว่า ‘พระคุณ พระคุณแด่ศิลา’”
8 แล้วคำกล่าวของพระผู้เป็นเจ้ามาถึงข้าพเจ้าดังนี้ 9 “เศรุบบาเบลได้วางฐานรากของพระวิหารนี้ และเขาจะเป็นผู้สร้างให้เสร็จ แล้วท่านจะทราบว่าพระผู้เป็นเจ้าจอมโยธาได้ส่งเรามา 10 ใครดูหมิ่นวันแห่งความคืบหน้าอันน้อยนิด เขาทั้งหลายจะชื่นชมยินดีและจะเห็นสายดิ่งอยู่ในมือของเศรุบบาเบล ดวงประทีปทั้งเจ็ดนี้คือตาของพระผู้เป็นเจ้า ซึ่งมองเห็นได้ทั่วทั้งโลก” 11 ข้าพเจ้าพูดกับท่านว่า “ต้นมะกอก 2 ต้นนี้คืออะไร ต้นที่อยู่ด้านขวาและด้านซ้ายของคันประทีป” 12 ข้าพเจ้าตอบครั้งที่สองเป็นคำถามว่า “กิ่งของต้นมะกอก 2 กิ่งนี้คืออะไร เป็นกิ่งที่ข้างท่อทองคำ 2 ท่อซึ่งมีน้ำมันทองไหลออกมา” 13 ท่านตอบว่า “ท่านไม่ทราบหรือว่าท่อเหล่านี้คืออะไร” ข้าพเจ้าตอบว่า “ข้าพเจ้าไม่ทราบหรอก นายท่าน” 14 ท่านตอบว่า “นี่คือคนทั้งสองที่ได้รับการเจิม เป็นผู้ที่ยืนข้างพระผู้เป็นเจ้าของทั่วแหล่งหล้า”
ภาพนิมิตหนังสือม้วนเหาะ
5 ดูเถิด ข้าพเจ้าเงยหน้าขึ้นอีก และแลเห็นหนังสือม้วนเหาะได้ 2 ท่านถามข้าพเจ้าว่า “ท่านเห็นอะไร” ข้าพเจ้าตอบว่า “ข้าพเจ้าเห็นหนังสือม้วนเหาะ มีความยาว 20 ศอก และกว้าง 10 ศอก” 3 ท่านพูดกับข้าพเจ้าว่า “นี่คือคำสาปแช่งที่ออกไปทั่วแผ่นดินโลก เพราะทุกคนที่ลักขโมยจะถูกกำจัดให้สิ้นไป ตามที่เขียนไว้บนด้านหนึ่ง และทุกคนที่ให้คำสาบานเท็จจะถูกกำจัดให้สิ้นไป ตามที่เขียนไว้อีกด้านหนึ่ง” 4 พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธาประกาศดังนี้ว่า “เราจะส่งหนังสือม้วนออกไป และมันจะเข้าไปในบ้านของผู้ลักขโมยและของผู้ที่ให้คำสาบานเท็จด้วยนามของเรา และมันจะอยู่ในบ้านของเขา และทำลายบ้านนั้นเสียทั้งส่วนที่เป็นไม้และหิน”
ภาพนิมิตหญิงผู้หนึ่งในตะกร้า
5 แล้วทูตสวรรค์ที่พูดกับข้าพเจ้าก็ก้าวออกมา และพูดกับข้าพเจ้าว่า “จงเงยหน้าและดูว่า นี่คืออะไร สิ่งที่กำลังจะออกไป” 6 ข้าพเจ้าถามว่า “นี่คืออะไร” ท่านตอบว่า “นี่คือตะกร้าที่กำลังจะออกไป” ท่านพูดว่า “นี่คือบาปของพวกเขาทั่วแหล่งหล้า” 7 ดูเถิด ฝาตะกั่วเปิดออก และมีหญิงผู้หนึ่งนั่งอยู่ในตะกร้า 8 และท่านพูดว่า “นี่คือความชั่วร้าย” และท่านกดนางกลับเข้าไปในตะกร้า และกดฝาตะกั่วปิดปากตะกร้า
9 ดูเถิด แล้วข้าพเจ้าเงยหน้าขึ้น และแลเห็นผู้หญิง 2 คนก้าวออกมา ลมพัดปีกของนางทั้งสอง ซึ่งเหมือนปีกนกกระสา และนางยกตะกร้าขึ้นระหว่างแผ่นดินโลกและฟ้าสวรรค์ 10 และข้าพเจ้าถามทูตสวรรค์ที่พูดกับข้าพเจ้าว่า “นางทั้งสองจะเอาตะกร้าไปไหน” 11 ท่านตอบว่า “ไปยังแผ่นดินของชินาร์[f] เพื่อสร้างบ้านให้ตะกร้า เมื่อสร้างเสร็จ ตะกร้าจะถูกวางไว้บนฐานตั้งของมัน”
ภาพนิมิตรถศึก 4 คัน
6 ดูเถิด ข้าพเจ้าเงยหน้าขึ้นอีก และแลเห็นรถศึก 4 คันออกมาระหว่างภูเขาทองสัมฤทธิ์ 2 ลูก 2 รถศึกแต่ละคันมีม้าหลายตัว คันแรกมีม้าสีแดง คันที่สองมีม้าสีดำ 3 คันที่สามมีม้าสีขาว คันที่สี่มีม้าด่างสีเทา ม้าทุกตัวแข็งแรง 4 แล้วข้าพเจ้าถามทูตสวรรค์ที่พูดกับข้าพเจ้าว่า “นี่คืออะไร นายท่าน” 5 ทูตสวรรค์ตอบข้าพเจ้าว่า “หลังจากที่พวกเขายืน ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้าของแผ่นดินโลกแล้ว ก็จะออกไปยังลมทั้งสี่ของฟ้าสวรรค์ 6 รถศึกที่มีม้าสีดำไปทางทิศเหนือของแผ่นดิน ม้าสีขาวก็ตามไป และม้าด่างสีเทาไปทางทิศใต้ของแผ่นดิน” 7 เมื่อพวกม้าตัวที่แข็งแรงออกมา มันร้อนใจที่จะไปตรวจตราแผ่นดินโลก ท่านพูดว่า “จงออกไปตรวจตราแผ่นดินโลก” ม้าเหล่านั้นก็ออกไปตรวจตราแผ่นดินโลก 8 แล้วท่านร้องบอกข้าพเจ้าว่า “ดูเถิด พวกตัวที่ไปทางทิศเหนือของแผ่นดินทำให้วิญญาณของเราสงบลงในแผ่นดินทางทิศเหนือ”
มงกุฎและพระวิหาร
9 คำกล่าวของพระผู้เป็นเจ้ามาถึงข้าพเจ้าดังนี้ 10 “จงนำเฮลดัย โทบียาห์ และเยดายาห์ออกจากการเป็นเชลยที่บาบิโลน พวกเขาได้มาถึงแล้ว และในวันเดียวกันก็จงไปบ้านของโยสิยาห์บุตรของเศฟันยาห์ 11 จงเอาเงินและทองคำจากพวกเขา แล้วเอาไปทำเป็นมงกุฎ และสวมบนศีรษะโยชูวาหัวหน้ามหาปุโรหิต ซึ่งเป็นบุตรของเยโฮซาดัก 12 และบอกเขาดังนี้ว่า ‘พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธากล่าวว่า นี่คือบุรุษที่ชื่ออังกูร เขาจะแตกหน่อออกไปจากที่ของเขา และเขาจะสร้างพระวิหารของพระผู้เป็นเจ้า 13 เขานั่นแหละที่จะเป็นผู้สร้างพระวิหารของพระผู้เป็นเจ้า และจะได้รับเกียรติอันยิ่งใหญ่ จะนั่งปกครองบนบัลลังก์ของเขา และจะเป็นปุโรหิตบนบัลลังก์ของเขา การปฏิบัติงานทั้งสองจะประสานกันด้วยความสันติสุข’ 14 มงกุฎจะอยู่ในพระวิหารของพระผู้เป็นเจ้าเพื่อเป็นการเตือนให้ระลึกถึงเฮลดัย โทบียาห์ เยดายาห์ และเฮนบุตรของเศฟันยาห์
15 และบรรดาผู้ที่อยู่แดนไกลจะมาช่วยสร้างพระวิหารของพระผู้เป็นเจ้า และท่านจะทราบว่า พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธาได้ส่งข้าพเจ้ามาหาพวกท่าน และสิ่งดังกล่าวจะเกิดขึ้น ถ้าท่านจะเชื่อฟังพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านอย่างจริงจัง”
การร้องขอความเป็นธรรมและเมตตา
7 ในปีที่สี่ของกษัตริย์ดาริอัส คำกล่าวของพระผู้เป็นเจ้ามาถึงเศคาริยาห์ ในวันที่สี่ เดือนเก้าซึ่งเป็นเดือนคิสเลฟ[g] 2 ประชาชนของเบธเอลได้ส่งชาเรเซอร์ เรเกมเมเลค และพรรคพวกของพวกเขา เพื่อไปถามพระผู้เป็นเจ้าอย่างจริงใจ 3 โดยถามบรรดาปุโรหิตของพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้าจอมโยธา และพูดกับบรรดาผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าว่า “ข้าพเจ้าควรจะร้องไห้และอดอาหารในเดือนห้า อย่างที่ข้าพเจ้าทำมาเป็นเวลาหลายปีหรือไม่”
4 และคำกล่าวของพระผู้เป็นเจ้าจอมโยธาก็มาถึงข้าพเจ้าดังนี้ว่า 5 “จงบอกประชาชนทั้งปวงของแผ่นดินและบรรดาปุโรหิตว่า เวลาพวกเจ้าอดอาหารและครวญคร่ำร่ำไห้ในเดือนห้าและเดือนเจ็ด ในช่วงเวลา 70 ปีที่ผ่านมานั้น เจ้าอดอาหารเพื่อเราหรือ 6 และเวลาพวกเจ้ารับประทานและดื่ม พวกเจ้ารับประทานและดื่มเพื่อพวกเจ้าเองมิใช่หรือ 7 พระผู้เป็นเจ้าประกาศผ่านบรรดาผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้ารุ่นก่อนๆ เป็นคำกล่าวเหล่านี้มิใช่หรือ เมื่อเยรูซาเล็มและเมืองต่างๆ รอบข้างมีผู้คนอาศัยอยู่และเจริญรุ่งเรือง รวมทั้งเนเกบและเนินเขาเชเฟลาห์ด้วย”
8 และคำกล่าวของพระผู้เป็นเจ้าก็มาถึงเศคาริยาห์ว่า 9 พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธากล่าวดังนี้ “จงปกครองด้วยความเป็นธรรมอย่างแท้จริง แสดงความเมตตาและความสงสารต่อกันและกัน 10 อย่ากดขี่ข่มเหงหญิงม่ายหรือเด็กกำพร้าพ่อ คนต่างด้าวหรือผู้ยากไร้ และอย่าคิดร้ายในใจต่อกัน” 11 แต่พวกเขาปฏิเสธที่จะใส่ใจ และยังหัวรั้นหันหลัง และทำหูทวนลมไม่ฟัง 12 พวกเขาทำจิตใจแข็งกระด้างดั่งหินเหล็กไฟ ไม่ฟังกฎบัญญัติและคำกล่าวที่พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธาได้ส่งมาให้โดยพระวิญญาณผ่านบรรดาผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้ารุ่นก่อนๆ ฉะนั้นความกริ้วอันร้อนแรงจึงมาจากพระผู้เป็นเจ้าจอมโยธา 13 “เวลาเราร้องบอก พวกเขาก็ไม่ฟัง ดังนั้นเวลาพวกเขาร้องบอก เราก็จะไม่ฟัง” พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธากล่าวดังนั้น 14 “เราทำให้พวกเขากระจัดกระจายกันไปด้วยพายุหมุนในท่ามกลางประชาชาติทั้งปวงที่พวกเขาไม่เคยรู้จัก แผ่นดินถูกทิ้งร้างไว้เบื้องหลัง จึงไม่มีใครไปมาหาสู่กันได้ พวกเขาทำให้แผ่นดินอันน่าอยู่กลายเป็นที่รกร้าง”
Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation