Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

Beginning

Read the Bible from start to finish, from Genesis to Revelation.
Duration: 365 days
New Thai Version (NTV-BIBLE)
Version
ฮาบากุก 1-3

คำพยากรณ์ที่ฮาบากุกผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าได้รับ

ฮาบากุกพร่ำบ่น

โอ พระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้าจะต้องร้องขอความช่วยเหลือไปอีกนานแค่ไหน
    โดยที่พระองค์ไม่ฟัง
หรือจะร้องบอกพระองค์ว่า “ความรุนแรง”
    และพระองค์ไม่ช่วยให้รอดปลอดภัย
เหตุใดพระองค์จึงให้ข้าพเจ้าทนดูความไม่ยุติธรรม
    เหตุใดพระองค์จึงทนต่อการกระทำผิด
ความหายนะและความรุนแรงรอข้าพเจ้าอยู่
    เกิดการทะเลาะวิวาทและการไม่ลงรอยกัน
ฉะนั้นกฎบัญญัติจึงใช้การไม่ได้
    และความยุติธรรมไม่มีวันสำเร็จผล
เพราะคนชั่วอยู่ล้อมรอบคนมีความชอบธรรม
    ความยุติธรรมจึงถูกบิดเบือน

คำตอบของพระผู้เป็นเจ้า

“จงแลดูบรรดาประชาชาติ และคอยเฝ้าดู
    และเจ้าจะอัศจรรย์ใจอย่างที่สุด
ด้วยว่า เรากำลังจะทำบางสิ่งในสมัยของเจ้า
    ซึ่งแม้มีคนบอกเจ้า เจ้าก็จะไม่เชื่อ[a]
เรากำลังจะให้บรรดาชาวเคลเดีย[b]มีอำนาจขึ้น
    พวกเขาเป็นประชาชาติที่โหดร้ายและยับยั้งไม่อยู่
ซึ่งเดินไปตามความกว้างของแผ่นดินโลก[c]
    เพื่อยึดที่อาศัยของผู้อื่น
พวกเขาเป็นชนชาติที่น่ากลัวและน่าหวาดหวั่น
    พวกเขาตั้งความยุติธรรม
    และส่งเสริมเกียรติให้แก่ตนเอง
ม้าของพวกเขาคล่องแคล่วยิ่งกว่าเสือดาว
    ดุร้ายยิ่งกว่าสุนัขป่ายามพลบค่ำ
    ทหารม้าของพวกเขาควบอย่างรวดเร็ว
บรรดาทหารม้าของพวกเขามาจากแดนไกล
    พวกเขาบินไปอย่างแร้งและโฉบเฉี่ยวลง
พวกเขาทุกคนมาเพื่อกระทำความรุนแรง
    ต่างก็มุ่งหน้ารุดไป
    และรวบรวมบรรดาเชลยได้มากอย่างเม็ดทราย
10 พวกเขาดูหมิ่นบรรดากษัตริย์
    และเย้ยหยันบรรดาผู้ปกครอง
พวกเขาหัวเราะเยาะเมืองต่างๆ
    ที่มีการคุ้มกันอย่างแข็งแกร่ง
พวกเขาใช้ดินก่อขึ้นเป็นสะพานข้าม
    และยึดเมือง
11 พวกเขาเดินผ่านไปเหมือนลมพัดผ่าน
    และพัดฉิวต่อไป
มีความผิดเพราะพึ่งในพละกำลังของตน
    เสมือนว่าเป็นพระเจ้า”

ฮาบากุกพร่ำบ่นครั้งที่สอง

12 โอ พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ดำรงมาตั้งแต่นิรันดร์กาลมิใช่หรือ
    พระเจ้าของข้าพเจ้า องค์ผู้บริสุทธิ์ของข้าพเจ้า พวกเราจะไม่สิ้นชีวิต
โอ พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ได้กำหนดให้พวกเขาเป็นผู้ตัดสิน
    โอ องค์ผู้เป็นศิลา พระองค์ได้กำหนดให้พวกเขาเป็นผู้ลงโทษ
13 นัยน์ตาของพระองค์บริสุทธิ์เกินกว่าจะมองดูสิ่งชั่วร้าย
    พระองค์ไม่ทนต่อการกระทำผิด
แล้วเหตุใดพระองค์จึงทนต่อคนทรยศ
    เหตุใดพระองค์จึงนิ่งเฉยในขณะที่คนชั่วร้าย
    ทำลายคนที่มีความชอบธรรมมากกว่าเขา
14 พระองค์ได้สร้างมนุษย์ขึ้นเหมือนปลาในทะเล
    เหมือนบรรดาสิ่งมีชีวิตที่ไร้ผู้ปกครอง
15 คนชั่วร้ายดึงพวกเขาทุกคนขึ้นมาด้วยเบ็ด
    เขาทอดแหจับพวกเขา
เขารวบรวมพวกเขาเข้าด้วยกันในอวนของเขา
    เขาจึงร่าเริงใจและดีใจ
16 ดังนั้นเขาจึงมอบเครื่องสักการะแก่แหของเขา
    และเผาเครื่องหอมแก่อวนของเขา
เขาใช้ชีวิตอย่างหรูหรา
    และมีความสุขกับอาหารดีที่สุดได้
    ก็เพราะแหของเขา
17 เขาจะกอบโกยผลประโยชน์จากแหของเขาเรื่อยไป
    และล้างผลาญบรรดาประชาชาติโดยไร้ความเมตตาอย่างนั้นหรือ
ข้าพเจ้าจะคอยเฝ้าไว้
    และประจำอยู่ในที่คุ้มกันอันแข็งแกร่ง
ข้าพเจ้าจะดูว่า พระองค์จะพูดอย่างไรกับข้าพเจ้า
    และข้าพเจ้าจะตอบอย่างไรเกี่ยวกับการพร่ำบ่นในครั้งนี้

ผู้มีความชอบธรรมจะมีชีวิตได้โดยความเชื่อ

พระผู้เป็นเจ้าจึงตอบดังนี้

“จงบันทึกภาพนิมิต
    เขียนให้ชัดเจนบนแผ่นศิลา
    เพื่อคนประกาศจะอ่านได้โดยง่าย
เพราะภาพนิมิตยังรอให้ถึงกำหนดเวลา
    ภาพนิมิตพูดถึงบั้นปลาย
    จะพิสูจน์ได้ว่าไม่ใช่ความเท็จ
แม้จะดูเหมือนว่าเชื่องช้า แต่จงรอ
    สิ่งนั้นจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
    และจะไม่ล่าช้า

เห็นไหมล่ะ เขาหยิ่งผยอง
    จิตใจของเขาไม่เที่ยงธรรม
แต่ผู้มีความชอบธรรมจะมีชีวิตได้โดย
    ความเชื่อของเขา[d]
จริงทีเดียว เหล้าองุ่นทรยศเขา
    เขาเย่อหยิ่งและไม่เคยสงบนิ่ง
เพราะความโลภของเขาเปิดกว้างอย่างแดนคนตาย
    และเป็นเหมือนความตายที่ไม่มีวันพึงพอใจ
เขารวบรวมประชาชาติทั้งปวงมาเป็นของเขาเอง
    และจับชนชาติทั้งปวงไปเป็นเชลย

คนทั้งหลายจะไม่ถากถางเขาด้วยการหัวเราะเยาะและดูหมิ่นดังนี้หรือว่า

‘วิบัติจงเกิดแก่คนที่สะสมสิ่งที่ไม่ได้เป็นของเขา
    และกอบโกยความมั่งมีให้แก่ตนเองด้วยการบีบคั้น
    จะเป็นอย่างนี้ไปอีกนานเพียงไร’
บรรดาเจ้าหนี้ของเจ้าจะไม่ลุกขึ้นมาอย่างฉับพลันหรอกหรือ
    พวกเขาจะไม่ตื่นขึ้นและทำให้เจ้าสั่นสะท้านหรือ
    แล้วเจ้าก็จะกลายเป็นเหยื่อของพวกเขา
เพราะเจ้าได้ปล้นระดมประชาชาติจำนวนมาก
    บรรดาชนชาติที่เหลืออยู่จะปล้นระดมเจ้า
เพราะการนองเลือดและความรุนแรงที่เจ้าได้กระทำแก่แผ่นดิน
    แก่เมืองต่างๆ และแก่ชาวเมืองทั้งหลาย

วิบัติจงเกิดแก่คนที่สร้างคฤหาสน์ของเขาซึ่งได้มาจากผลประโยชน์ที่ไร้คุณธรรม
    เพื่อตั้งที่อยู่ของเขาไว้บนที่สูง
    เพื่อหนีให้พ้นจากความพินาศ
10 อุบายของเจ้าได้นำความอับอายสู่คฤหาสน์ของเจ้า
    และทำให้ชนชาติจำนวนมากพินาศ
    จนถึงกับทำลายชีวิตของเจ้าเอง
11 กำแพงหินจะส่งเสียงร้อง
    และคานไม้จะสะท้อนตอบเสียงนั้น

12 วิบัติจงเกิดแก่คนที่สร้างเมืองด้วยการนองเลือด
    และก่อสร้างเมืองด้วยความชั่วร้าย
13 ดูเถิด ไม่ใช่พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธาหรอกหรือที่ตัดสินว่า
    แรงงานของบรรดาชนชาติกลับกลายเป็นเชื้อเพลิง
    และบรรดาประชาชาติก็เหนื่อยล้าไปโดยเปล่าประโยชน์
14 เพราะแผ่นดินโลกจะบริบูรณ์
    ด้วยความรู้แห่งพระบารมีของพระผู้เป็นเจ้า เหมือนน้ำที่เต็มทะเล

15 วิบัติจงเกิดแก่คนที่ให้บรรดาเพื่อนบ้านดื่ม
    เทเหล้าจากถุงบรรจุเหล้าองุ่นจนทำให้พวกเขาเมามาย
    เพื่อจะได้มองดูร่างกายที่เปลือยเปล่าของพวกเขา
16 เจ้าจะได้รับความอับอายแทนสง่าราศี
    คราวนี้เป็นเวลาของเจ้า จงดื่มและเปลือยเปล่า
ถ้วยจากมือขวาของพระผู้เป็นเจ้า
    กำลังเวียนมาถึงตัวเจ้า
    และความอัปยศจะปกคลุมสง่าราศีของเจ้า
17 ความรุนแรงที่เจ้าได้กระทำแก่เลบานอนจะเกิดขึ้นกับเจ้าเช่นเดียวกันอย่างท่วมท้น
    และเจ้าทำให้สัตว์วอดวายเช่นไรเจ้าก็จะต้องหวาดหวั่นเช่นนั้น
เพราะการนองเลือด และความรุนแรงที่เจ้าได้กระทำต่อแผ่นดิน
    ต่อเมืองต่างๆ และต่อชาวเมืองทั้งหลาย

18 รูปเคารพมีค่าอะไรในเมื่อมีคนแกะสลักมันขึ้นมา
    หรือรูปบูชาที่สอนความเท็จ
เพราะคนที่ทำมันขึ้นมาวางใจในสิ่งที่ตนสร้างขึ้น
    เขาทำรูปเคารพซึ่งไม่สามารถพูดได้
19 วิบัติแก่คนที่พูดกับสิ่งที่เป็นไม้ว่า
    ‘จงมีชีวิตขึ้นมา’
หรือพูดกับหินซึ่งไม่มีชีวิตว่า
    ‘จงลุกขึ้นเถิด’
มันให้คำแนะนำได้หรือ
    มันถูกแปะด้วยทองคำและเงิน
    มันไม่มีลมหายใจ
20 แต่พระผู้เป็นเจ้าสถิตอยู่ในพระวิหารอันบริสุทธิ์ของพระองค์
    ให้ทั่วแผ่นดินโลกนิ่งเงียบ ณ เบื้องหน้าพระองค์”

คำอธิษฐานของฮาบากุก

คำอธิษฐานของฮาบากุก ผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้า ตามทำนองชิกกาโยน[e]

โอ พระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้าได้ยินกิตติศัพท์ของพระองค์
    โอ พระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้าเกรงขามในสิ่งที่พระองค์สำแดง
ขอพระองค์ช่วยให้สิ่งดังกล่าวมีชีวิตขึ้นใหม่ในปัจจุบันนี้
    ขอพระองค์กระทำให้เป็นที่ประจักษ์ในปัจจุบันนี้
    โปรดระลึกถึงความเมตตาเมื่อพระองค์ลงโทษ
พระเจ้ามาจากเทมาน
    องค์ผู้บริสุทธิ์จากภูเขาปาราน เซล่าห์
ความเรืองรองของพระองค์ปกคลุมฟ้าสวรรค์
    และแผ่นดินโลกเต็มด้วยพระบารมีของพระองค์
แสงอันเจิดจ้าของพระองค์ปรากฏดุจแสงอรุณ
    แสงทอเป็นประกายจากมือของพระองค์
    ซึ่งเป็นที่พระองค์ซ่อนอานุภาพไว้
ภัยพิบัติไปล่วงหน้าพระองค์
    โรคระบาดตามฝีเท้าของพระองค์ไป
พระองค์ยืนและทำให้แผ่นดินโลกสั่นสะเทือน
    พระองค์มองดู และทำให้บรรดาประชาชาติสะท้าน
เทือกเขาที่ตั้งอย่างถาวรแตกกระจาย
    และเนินเขาที่ยืนยงถล่มลง
    วิถีทางของพระองค์ยั่งยืนตลอดกาล
ข้าพเจ้าเห็นกระโจมของชาวคูชันพบกับความยากลำบาก
    ที่อยู่ของชาวมีเดียนปวดร้าว
โอ พระองค์กริ้วแม่น้ำหรือ
    การลงโทษของพระองค์มีต่อธารน้ำหรือ
เวลาพระองค์ขี่ม้า
    และควบไปกับรถศึกซึ่งนำความรอดพ้นมา
    พระองค์โกรธกริ้วทะเลหรือ
พระองค์เปิดแล่งธนู
    พระองค์ใช้ลูกธนูหลายลูก เซล่าห์
    พระองค์แยกแผ่นดินโลกด้วยแม่น้ำหลายสาย
10 เทือกเขาเห็นพระองค์ และมันก็ยำเกรง
    กระแสน้ำไหลหลากไป
ห้วงน้ำลึกส่งเสียงครืนครั่น
    และดันคลื่นให้สูงขึ้น
11 ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์หยุดนิ่งในฟ้าสวรรค์
    เมื่อลูกธนูของพระองค์แล่นไปโดยเร็ว
    เมื่อหลาวของพระองค์พุ่งไปอย่างสายฟ้าแลบ
12 พระองค์ก้าวผ่านไปทั่วแผ่นดินโลกด้วยความโกรธกริ้ว
    และพระองค์บดขยี้บรรดาประชาชาติด้วยความโกรธ
13 พระองค์ออกไปเพื่อช่วยชนชาติของพระองค์ให้รอดพ้น
    เพื่อช่วยผู้ได้รับการเจิมให้รอดพ้น
พระองค์ย่ำเหยียบหัวหน้าพงศ์พันธุ์ของคนชั่วร้าย
    พระองค์เอาทุกสิ่งไปจากเขา
    ตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า เซล่าห์
14 พระองค์ให้หัวหน้าประชาชนถูกแทงด้วยหลาวของเขาเอง
    เมื่อบรรดานักรบของเขาวิ่งกรูกันออกมาและทำให้พวกเรากระจัดกระจายไป
    เขาสะใจที่ได้บีบคั้นคนเป็นทุกข์อย่างลับๆ
15 พระองค์ควบม้าย่ำไปในทะเล
    ทำให้น้ำจำนวนมหาศาลปั่นป่วน

16 ข้าพเจ้าได้ยิน และใจของข้าพเจ้าเต้นแรง
    ริมฝีปากของข้าพเจ้าสั่นระริกเมื่อได้ยินเสียง
กระดูกของข้าพเจ้าอ่อนกำลัง
    และขาของข้าพเจ้าสั่นคลอน
แต่ถึงกระนั้นข้าพเจ้ายังจะอดทนรอวันวิบัติ
    ให้มายังชนชาติที่รุกรานพวกเรา

17 ถึงแม้ว่าต้นมะเดื่อจะไม่ผลิใบ
    และเถาองุ่นไม่ออกผล
มะกอกไม่มีลูก
    และไร่นาไม่ผลิตอาหาร
แม้ว่าจะไม่มีฝูงแพะแกะเหลืออยู่ในคอก
    และโคก็ไม่มีเช่นกัน
18 ข้าพเจ้าก็ยังจะยินดีในพระผู้เป็นเจ้า
    ข้าพเจ้าจะชื่นชมยินดีในพระเจ้าผู้ช่วยข้าพเจ้าให้รอดพ้น
19 พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่เป็นพละกำลังของข้าพเจ้า
    พระองค์ทำให้เท้าของข้าพเจ้าเป็นเหมือนเท้ากวาง
    พระองค์ช่วยข้าพเจ้าให้ขึ้นไปบนที่สูงได้

ถึงหัวหน้าวงดนตรี ด้วยเครื่องสายของข้าพเจ้า

เศฟันยาห์ 1-3

คำกล่าวของพระผู้เป็นเจ้ามาถึงเศฟันยาห์บุตรคูชี ผู้เป็นบุตรเก-ดาลิยาห์ ผู้เป็นบุตรอามาริยาห์ ผู้เป็นบุตรเฮเซคียาห์ ในรัชสมัยของโยสิยาห์ บุตรอาโมนกษัตริย์แห่งยูดาห์[a]

เตือนถึงความพินาศที่กำลังจะมาถึง

พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนี้

“เราจะกวาดล้างทุกสิ่ง
    ให้สิ้นไปจากแผ่นดินโลก”

พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนี้

“เราจะกวาดล้างทั้งมนุษย์และสัตว์
    เราจะกวาดล้างนกในอากาศ
    และปลาในทะเล
เมื่อเรากำจัดมนุษย์ให้สิ้นไปจากแผ่นดินโลก
    คนชั่วร้ายจะเหลือเพียงกองซากปรักหักพัง

ขัดขวางยูดาห์

เราจะยื่นมือของเราออกเพื่อลงโทษยูดาห์
    และทุกคนที่อยู่อาศัยในเยรูซาเล็ม
เราจะกำจัดทุกคนของเทพเจ้าบาอัลที่เหลืออยู่[b]ไปจากที่นั้น
    รวมถึงบรรดาปุโรหิตที่บูชารูปเคารพ
    และจะกำจัดแม้แต่ชื่อของพวกเขาด้วย
บรรดาผู้ที่ก้มกราบบนหลังคา
    เพื่อนมัสการสรรพสิ่งที่อยู่บนท้องฟ้า
บรรดาผู้ที่ก้มกราบและสาบานต่อพระผู้เป็นเจ้า
    และสาบานต่อเทพเจ้ามิลโคมด้วย[c]
บรรดาผู้ที่เลิกติดตามพระผู้เป็นเจ้า
    และไม่แสวงหาพระผู้เป็นเจ้า
    หรือขอคำปรึกษาจากพระองค์

จงนิ่งเงียบที่เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่
    เพราะวันของพระผู้เป็นเจ้าใกล้เข้ามาแล้ว
พระผู้เป็นเจ้าได้เตรียมเครื่องสักการะบูชา
    พระองค์ได้ชำระบรรดาผู้รับเชิญของพระองค์ให้บริสุทธิ์แล้ว
วันแห่งเครื่องสักการะบูชาของพระผู้เป็นเจ้าจะเกิดขึ้น
    เราจะลงโทษบรรดาเจ้านายชั้นผู้ใหญ่และ
    บุตรชายทั้งหลายของกษัตริย์
และบรรดาผู้ที่สวมเครื่องแต่งกาย
    ของคนต่างชาติ
ในวันนั้น เราจะลงโทษทุกคน
    ที่ก้าวข้ามธรณีประตู
และบรรดาผู้ที่ทำให้วิหารของเทพเจ้าของพวกเขา
    เต็มด้วยความรุนแรงและหลอกลวง”

10 พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนี้ว่า

“ในวันนั้น เสียงร้องจะดังขึ้นไปจากประตูปลา
    มีการร้องไห้ฟูมฟายจากเขตสอง
    และเสียงโครมดังลั่นจากเนินเขา
11 จงร้องไห้ฟูมฟาย พวกเจ้าที่อยู่อาศัยในแขวงครก
    พ่อค้าทั้งหลายของพวกเจ้าจะถูกกวาดล้าง
    ทุกคนที่ค้าเครื่องเงินจะพินาศ
12 ในเวลานั้น เราจะส่องตะเกียงค้นหาเยรูซาเล็ม
    และลงโทษบรรดาผู้ที่นิ่งนอนใจ
    เหมือนเหล้าองุ่นที่ตกตะกอน
พวกที่คิดในใจว่า ‘พระผู้เป็นเจ้าจะไม่กระทำสิ่งใดเลย
    ไม่ว่าจะดีหรือร้าย’
13 ความมั่งมีของพวกเขาจะถูกปล้น
    บ้านเรือนของพวกเขาจะถูกพังทลาย
พวกเขาจะสร้างบ้าน
    แต่จะไม่ได้อาศัยอยู่
พวกเขาจะปลูกสวนองุ่น
    แต่ก็จะไม่ได้ดื่มเหล้าองุ่นจากสวน

วันอันยิ่งใหญ่ของพระผู้เป็นเจ้า

14 วันอันยิ่งใหญ่ของพระผู้เป็นเจ้าใกล้เข้ามาแล้ว
    ใกล้และกำลังมาอย่างรวดเร็ว
จงฟังเถิด เสียงร้องในวันของพระผู้เป็นเจ้าจะขมขื่น
    ผู้เก่งกล้าร้องเสียงดังอยู่ที่นั่น
15 วันนั้นจะเป็นวันแห่งการลงโทษ
    วันแห่งความทุกข์และความปวดร้าว
วันแห่งความทุกข์ใจและความหายนะ
    วันแห่งความมืดและความมืดมน
วันแห่งเมฆหมอกและดำอับแสง
16     วันแห่งแตรงอนและเสียงเตือนศึก
ซึ่งต่อต้านเมืองต่างๆ ที่มีการคุ้มกันอย่างแข็งแกร่ง
    และต่อต้านหอคอยสูง

17 เราจะให้ประชาชนประสบกับความทุกข์
    และพวกเขาจะเดินอย่างคนตาบอด
    เพราะพวกเขากระทำบาปต่อพระผู้เป็นเจ้า
เลือดของพวกเขาจะหลั่งออกเทียบเท่ากับธุลีดิน
    และกายของพวกเขาจะเป็นอย่างมูลสัตว์
18 เงินและทองของพวกเขาจะไม่สามารถ
    ช่วยพวกเขาให้พ้นภัยได้
    ในวันแห่งการลงโทษของพระผู้เป็นเจ้า
ทั่วทั้งโลกจะถูกเผาผลาญในไฟแห่งความ
    หวงแหนของพระองค์
เพราะพระองค์จะทำให้บรรดาผู้อยู่อาศัยทุกคน
    ของแผ่นดินโลกจบสิ้นอย่างทันควัน”

การลงโทษศัตรูของยูดาห์

โอ ประชาชาติที่ไร้ความละอาย
    จงร่วมชุมนุมกัน ร่วมชุมนุมกัน
ก่อนที่วันจะล่วงไปอย่างแกลบ
    ก่อนที่ความกริ้วอันร้อนแรงของพระผู้เป็นเจ้าจะพลุ่งขึ้น
    ต่อพวกท่าน
ก่อนที่วันแห่งความกริ้วของพระผู้เป็นเจ้า
    จะมาถึงท่าน
จงแสวงหาพระผู้เป็นเจ้า พวกท่านทุกคนในแผ่นดินที่ถ่อมตัว
    พวกท่านที่กระทำตามคำบัญชาของพระองค์
จงแสวงหาความชอบธรรม แสวงหาความอ่อนโยน
    พวกท่านอาจจะได้หลบภัยในวัน
    แห่งความกริ้วของพระผู้เป็นเจ้า
เพราะเมืองกาซาจะถูกปล่อยทิ้งไว้
    และเมืองอัชเคโลนกลายเป็นสถานที่ร้าง
ตอนกลางวันแสกๆ เมืองอัชโดดจะไม่มีสิ่งใดเหลืออยู่
    เมืองเอโครนล่มสลาย

วิบัติเกิดแก่บรรดาผู้อาศัยอยู่ริมฝั่งทะเล
    โอ ประชาชาติของชาวเคเรธเอ๋ย
คำกล่าวของพระผู้เป็นเจ้าคัดค้านพวกท่านดังนี้
    โอ คานาอันเอ๋ย แผ่นดินของชาวฟีลิสเตียเอ๋ย
“เราจะทำให้เจ้าพินาศ
    และจะไม่มีใครสักคนเหลืออยู่เลย”
แผ่นดินที่ริมฝั่งทะเลอันเป็นที่ชาวเคเรธอาศัยอยู่
    จะเป็นทุ่งหญ้าสำหรับบรรดาผู้เลี้ยงดูฝูงแกะ
    และสำหรับฝูงแกะ
ดินแดนนั้นจะเป็นของผู้ที่มีชีวิตเหลืออยู่
    ของพงศ์พันธุ์ยูดาห์
    พวกเขาจะพบทุ่งหญ้าที่นั่น
ในเวลาเย็น พวกเขาจะนอนพัก
    ในบ้านเรือนของเมืองอัชเคโลน
พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของพวกเขาจะดูแลพวกเขา
    พระองค์จะทำให้ความอุดมสมบูรณ์ของเขาคืนสู่สภาพเดิม

“เราได้ยินคำดูหมิ่นของโมอับ
    และคำถากถางของชาวอัมโมน
ซึ่งดูหมิ่นชนชาติของเรา
    และคุยโวข่มอาณาเขตของพวกเขา”

ฉะนั้น พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธา พระเจ้าของอิสราเอลประกาศดังนี้

“ตราบที่เรามีชีวิตอยู่ฉันใด โมอับจะเป็นเหมือนโสโดม
    และอัมโมนจะเป็นเหมือนโกโมราห์[d]
แผ่นดินซึ่งมีแต่ต้นตำแยและบ่อเกลือ
    และเป็นที่รกร้างตลอดไป
ชนชาติที่เหลือของเราที่ยังมีชีวิตอยู่
    จะปล้นระดมพวกเขา
และบรรดาผู้มีชีวิตรอดของประชาชาติของเรา
    จะยึดดินแดนพวกนั้นไว้”
10 นี่คือสิ่งที่พวกเขาจะได้รับคืน
    สำหรับความยโสของพวกเขา
เพราะพวกเขาดูหมิ่นและคุยโวข่ม
    ชนชาติของพระผู้เป็นเจ้าจอมโยธา
11 พระผู้เป็นเจ้าจะเป็นที่น่าเกรงขามสำหรับพวกเขา
    เพราะพระองค์จะทำลายเทพเจ้าทั้งปวงของแผ่นดิน
ทุกคนจะก้มลงกราบพระองค์จากที่ของตน
    ในแผ่นดินของบรรดาประชาชาติ

12 “โอ ชาวคูชเอ๋ย เจ้าด้วยที่จะถูกสังหาร
    ด้วยดาบของเรา”

13 และพระองค์จะยื่นมือของพระองค์ออก
    เพื่อลงโทษแผ่นดินทางทิศเหนือ
    และทำอัสซีเรียให้พินาศ
และพระองค์จะทำให้นีนะเวห์เป็นที่รกร้าง
    แห้งแล้งอย่างถิ่นทุรกันดาร
14 ฝูงแพะแกะและโคจะนอนอยู่ในนั้น
    สัตว์ป่าทุกชนิดของประชาชาติ
นกกระทุงและเม่น
    จะทำรังอยู่ตามเสาหลัก
เสียงกู่ร้องที่หน้าต่าง
    สิ่งที่พังพินาศจะอยู่ที่ธรณีประตู
    และจะมองเห็นคานไม้ซีดาร์
15 นี่เป็นเมืองที่อยู่กันอย่างสบายๆ
    และปลอดภัย
ซึ่งนึกในใจดังนี้ว่า
    “เราเป็นอยู่ และไม่มีผู้อื่นใดนอกจากเรา”
นางได้กลายเป็นที่รกร้างอะไรเช่นนี้
    เป็นที่อยู่ของบรรดาสัตว์ป่า
คนทั้งหลายที่เดินผ่านนางไป
    ก็เย้ยหยันและยกกำปั้นขึ้น[e]

การลงโทษเยรูซาเล็มและบรรดาประชาชาติ

วิบัติจงเกิดแก่เมืองที่ฝ่าฝืน
    และเป็นมลทิน
เมืองนี้ไม่เชื่อฟังใคร
    ไม่ยอมรับการสั่งสอน
ไม่ไว้ใจพระผู้เป็นเจ้า
    และไม่ใกล้ชิดพระเจ้าของตน

บรรดาเจ้านายชั้นผู้ใหญ่ในเมือง
    ก็คือพวกสิงโตคำราม
บรรดาผู้ปกครองเมืองคือสุนัขป่าในยามค่ำ
    ซึ่งไม่มีอะไรเหลือทิ้งไว้สำหรับเวลาเช้า
บรรดาผู้เผยคำกล่าวของเมืองยโสโอหัง
    พวกเขาเป็นคนดุร้าย
บรรดาปุโรหิตของเมืองดูหมิ่นสิ่งบริสุทธิ์
    และพวกเขากระทำผิดต่อกฎบัญญัติ
พระผู้เป็นเจ้าผู้สถิตในเมืองนั้นมีความชอบธรรม
    พระองค์ทำสิ่งที่ถูกต้อง
ทุกๆ เช้าพระองค์ให้ความเป็นธรรม
    ทุกๆ วันใหม่พระองค์เป็นที่พึ่งได้เสมอ
    แต่คนที่ไม่ยุติธรรมไม่รู้สึกอับอาย

“เราได้ตัดขาดบรรดาประชาชาติ
    หลักยึดของพวกเขาพังพินาศ
เราได้ทำให้ถนนเป็นที่ร้าง
    ไม่มีใครเดินผ่านไปมาได้
เมืองทั้งหลายของพวกเขาถูกทำลายจนไม่เหลือแม้แต่ซาก
    ไม่มีผู้ชายสักคน ไม่มีผู้อยู่อาศัยสักคน
เราพูดดังนี้ว่า
    ‘เจ้าจะเกรงกลัวเราอย่างแน่นอน
    เจ้าจะยอมรับการสั่งสอน
แล้วที่อยู่อาศัยของเจ้าจะไม่ถูกกำจัด
    ตามที่เราได้กำหนดที่จะขัดขวางเจ้าในทุกสิ่ง’
แต่พวกเขายังกระตือรือร้น
    ที่จะทำทุกสิ่งให้เสื่อมทราม”

ฉะนั้น พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนี้
    “รอเราเพื่อวันที่เราจะลุกขึ้นให้คำพยาน
เพราะเราได้ตัดสินใจรวบรวมบรรดาประชาชาติ
    เพื่อเรียกประชุมบรรดาอาณาจักร
เพื่อกระหน่ำการลงโทษของเราลงบนพวกเขา
    และกระหน่ำความกริ้วอันร้อนแรงของเรา
เพราะความหวงแหนของเราลุกเป็นไฟ
    ทั่วทั้งโลกจะถูกเผาผลาญ

บรรดาประชาชาติเปลี่ยนความเชื่อ

เพราะในเวลานั้น เราจะทำให้คำพูด
    ของประชาชนบริสุทธิ์
เพื่อพวกเขาทุกคนจะออกพระนามของพระผู้เป็นเจ้า
    และรับใช้พระองค์ร่วมกัน
10 บรรดาผู้นมัสการซึ่งเป็นชนชาติของเราที่กระจัดกระจายไป
    จะนำของถวายจากโพ้นแม่น้ำของคูชมาให้เรา

11 ในวันนั้น เจ้าจะไม่ต้องอับอาย
    เพราะการกระทำผิดทั้งหลายที่เจ้ามีต่อเรา
เพราะเราจะกำจัดบรรดาผู้ที่โห่ร้อง
    ด้วยความยโสของพวกเขาไปเสียจากเมืองนี้
และพวกเจ้าจะไม่มีวันเย่อหยิ่งอยู่
    ในภูเขาอันบริสุทธิ์ของเราอีกต่อไป
12 แต่เราจะให้มีชนชาติที่ถ่อมตัวและมีใจอ่อนน้อม
    อยู่ในท่ามกลางพวกเจ้า
พวกเขาจะแสวงหาที่พึ่งในพระนามของพระผู้เป็นเจ้า
13 ผู้ที่มีชีวิตเหลืออยู่ของอิสราเอล
    จะไม่กระทำสิ่งใดที่ไม่เป็นธรรม
    และจะไม่พูดเท็จ
ลิ้นที่ลวงหลอก
    จะไม่อยู่ในปากของพวกเขา
พวกเขาจะรับประทานและนอนพัก
    และจะไม่มีผู้ใดทำให้พวกเขาหวาดผวา”

อิสราเอลยินดีและกลับคืนสู่สภาพเดิม

14 โอ ธิดาแห่งศิโยนเอ๋ย จงร้องเพลงเถิด
    โอ อิสราเอลเอ๋ย จงส่งเสียงดังเถิด
จงยินดีและโห่ร้องอย่างสุดจิตสุดใจ
    โอ ธิดาแห่งเยรูซาเล็มเอ๋ย
15 พระผู้เป็นเจ้าได้เอาการตัดสินโทษไปจากท่านแล้ว
    พระองค์ได้ทำให้บรรดาศัตรูของท่านหันกลับไปแล้ว
พระผู้เป็นเจ้ากษัตริย์แห่งอิสราเอลอยู่ท่ามกลางพวกท่าน
    ท่านจะไม่ต้องกลัวสิ่งเลวร้ายอีกต่อไปแล้ว
16 ในวันนั้น จะมีคนพูดกับเยรูซาเล็มดังนี้ว่า
“โอ ศิโยนเอ๋ย อย่ากลัวเลย
    อย่าให้มือของท่านอ่อนล้า
17 พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านอยู่ท่ามกลางพวกท่าน
    พระองค์มีอานุภาพที่จะช่วยให้รอดพ้น
พระองค์จะชื่นชอบในตัวท่านด้วยความยินดี
    พระองค์จะให้ท่านสงบนิ่งด้วยความรักของพระองค์
พระองค์จะยินดีในตัวท่านด้วยการร้องเพลงเสียงดัง”
18 “เราจะทำให้พวกเจ้าหายจากความโศกเศร้ากับเทศกาลต่างๆ
    เนื่องจากสิ่งเหล่านั้นเป็นภาระ
    และเป็นที่ดูหมิ่นแก่พวกเจ้า
19 ดูเถิด ในเวลานั้น เราจะจัดการ
    กับบรรดาผู้กดขี่ข่มเหงของเจ้า
และเราจะช่วยคนง่อยให้รอด
    และรวบรวมบรรดาผู้ถูกขับไล่ไสส่ง
และเราจะให้พวกเขาได้รับการยกย่องและเกียรติ
    ในทุกแผ่นดินที่พวกเขาได้รับความอับอาย
20 ในเวลานั้น เราจะรวบรวมพวกเจ้า
    ในเวลานั้น เราจะพาพวกเจ้าเข้ามา
เราจะให้พวกเจ้าได้รับเกียรติและการยกย่อง
    ในท่ามกลางชนชาติทั้งปวงของแผ่นดินโลก
เมื่อเราทำให้เจ้าเห็นความอุดมสมบูรณ์ของเจ้าคืนสู่สภาพเดิม”
    พระผู้เป็นเจ้ากล่าวดังนั้น

New Thai Version (NTV-BIBLE)

Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation