Beginning
1 คำกล่าวของพระผู้เป็นเจ้ามาถึงมีคาห์แห่งโมเรเชท ในรัชสมัยโยธาม อาหัส และเฮเซคียาห์ บรรดากษัตริย์แห่งยูดาห์[a] ท่านเห็นภาพนิมิตเกี่ยวกับสะมาเรียและเยรูซาเล็ม
ความพินาศใกล้เข้ามา
2 โอ บรรดาชนชาติเอ๋ย พวกท่านทุกคนจงฟัง
โอ แผ่นดินโลกเอ๋ย ทุกคนที่อยู่ในนั้น จงตั้งใจฟัง
และให้พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่เป็นพยานถึงสิ่งที่พวกท่านกระทำ
พระผู้เป็นเจ้าจะมาจากพระวิหารอันบริสุทธิ์ของพระองค์
3 ดูเถิด พระผู้เป็นเจ้ากำลังออกมาจากที่ของพระองค์
พระองค์จะลงมาและเดินย่ำสถานบูชาบนภูเขาสูงของแผ่นดินโลก
4 และภูเขาจะละลายอยู่ภายใต้พระองค์
หุบเขาจะแยกออก
เหมือนขี้ผึ้งที่อยู่หน้าไฟ
เหมือนน้ำที่ไหลลงจากที่สูงชัน
5 สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นก็เพราะการล่วงละเมิดของยาโคบ
เพราะบาปของพงศ์พันธุ์อิสราเอล
การล่วงละเมิดของยาโคบคืออะไร
ไม่ใช่สะมาเรียหรือ
และอะไรคือสถานบูชาบนภูเขาสูงของยูดาห์
ไม่ใช่เยรูซาเล็มหรือ
6 “ฉะนั้น เราจะทำให้สะมาเรียเป็นกองหินปรักหักพังในทุ่งโล่ง
เป็นที่สำหรับปลูกสวนองุ่น
และเราจะเทหินของเมืองนั้นลงสู่หุบเขา
และจะไม่มีอะไรเหลือจนถึงฐานราก
7 รูปเคารพทั้งสิ้นของเมืองจะถูกทุบจนแหลก
ค่าจ้างทั้งสิ้นของเมืองนั้นจะถูกเผาไฟ
และเราจะทำลายรูปบูชาทั้งสิ้นให้พินาศ
ด้วยว่า เมืองนั้นสะสมมันมาได้จากค่าจ้างของหญิงแพศยา
และสิ่งเหล่านั้นจะกลับไปเป็นค่าจ้างของหญิงแพศยาอีก”
8 ข้าพเจ้าจะร้องรำพันและร้องฟูมฟาย
ข้าพเจ้าจะเดินเท้าเปล่าและไม่สวมเสื้อ
ข้าพเจ้าจะหอนดั่งหมาใน
และโอดครวญดั่งนกกระจอกเทศ
9 เพราะบาดแผลของเมืองนั้นรักษาไม่หาย
และได้เกิดขึ้นกับยูดาห์
มันถึงประตูเมืองของชนชาติของข้าพเจ้าแล้ว
มาจนถึงเยรูซาเล็ม
10 อย่าบอกเรื่องนี้ในเมืองกัท
อย่าร้องไห้เลย
พวกท่านจงเกลือกกลิ้งตัวในฝุ่น
ที่เมืองเบธเลอัฟราห์
11 ชาวเมืองชาฟีร์เอ๋ย
จงไปตามทางของพวกท่าน
ด้วยความเปลือยเปล่าและความอับอาย
ผู้ที่อาศัยอยู่ในเมืองศาอานันเอ๋ย
จงอย่าออกมา
เบธเอเซลร้องรำพัน
ที่ยืนอันมั่นคงจะถูกเอาไปจากพวกท่าน
12 ด้วยว่า บรรดาผู้ที่อาศัยอยู่ในมาโรทเจ็บปวดแสนสาหัส
รอด้วยความหวังว่าจะดีขึ้น
เพราะความเลวร้ายได้ลงมาจากพระผู้เป็นเจ้า
และถึงประตูเมืองเยรูซาเล็ม
13 บรรดาผู้อาศัยอยู่ในลาคีชเอ๋ย
จงผูกอานม้าเข้ากับรถศึก
ท่านเป็นจุดเริ่มต้น
ที่ทำให้ธิดาแห่งศิโยนทำบาป
ด้วยว่า ท่านกระทำตาม
การล่วงละเมิดของอิสราเอล
14 ฉะนั้นท่านจงมอบสินสอด
ให้แก่โมเรเชทกัท
พงศ์พันธุ์ของอัคซีบจะกลายเป็นผู้หลอกลวง
สำหรับบรรดากษัตริย์ของอิสราเอล
15 “ผู้อยู่อาศัยของมาเรชาห์เอ๋ย
เราจะนำผู้ยึดครองมายังเจ้า
ความสูงส่งของอิสราเอล
จะมายังอดุลลาม
16 จงโกนศีรษะให้ล้านเป็นการไว้อาลัย
เพื่อลูกหลานที่เจ้าชื่นชอบ
โกนศีรษะให้ล้านอย่างนกแร้ง
เพราะพวกเขาจะลี้ภัยไปจากเจ้า”
วิบัติจงเกิดแก่ผู้กดขี่ข่มเหง
2 วิบัติจงเกิดแก่บรรดาผู้ที่วางแผนชั่วร้าย
และเจตนาทำความชั่วขณะที่นอนอยู่บนเตียง
ทันทีที่ฟ้าสาง พวกเขาก็ดำเนินการ
เพราะมีอำนาจอยู่ในมือ
2 พวกเขาโลภอยากได้ที่นาแล้วก็ยึดไป
อยากได้บ้านเรือนแล้วก็ยึดไป
พวกเขากดขี่ข่มเหงและปล้นเอาบ้านของเขาไป
บ้านซึ่งเป็นมรดกของเขา
3 ฉะนั้น พระผู้เป็นเจ้ากล่าวดังนี้
“ดูเถิด เรากำลังวางแผนที่จะทำให้ตระกูลนี้พินาศ
และเจ้าจะไม่สามารถช่วยตัวเองให้รอดได้
แล้วเจ้าจะไม่ดำเนินชีวิตด้วยความยโส
เพราะจะเป็นกาลวิบัติ
4 ในวันนั้น จะมีคนที่ใช้สุภาษิตถากถางเจ้า
และเขาจะร้องคร่ำครวญดังนี้ว่า
‘พวกเรายับเยินอย่างสิ้นเชิง
พระองค์เปลี่ยนส่วนแบ่งซึ่งเป็นของชนชาติของเรา
พระองค์เอาไปจากเราได้อย่างไร
พระองค์แบ่งที่นาของพวกเราไปให้แก่คนทรยศ’
5 ฉะนั้น เจ้าจะไม่มีใครสักคนในที่ประชุมของพระผู้เป็นเจ้า
ที่จะแบ่งที่ดินด้วยการจับฉลาก
6 พวกเขาเทศนาดังนี้ว่า ‘จงหยุดเทศนา
ไม่ควรมีใครกล่าวคำเทศนาเรื่องเหล่านี้
ความอัปยศจะไม่เกิดขึ้นกับพวกเรา’
7 โอ พงศ์พันธุ์ของยาโคบเอ๋ย เจ้าควรจะพูดอย่างนี้กันหรือว่า
‘พระผู้เป็นเจ้าหมดความอดทนแล้วหรือ
พระองค์กระทำสิ่งเหล่านี้หรือ’
คำพูดของเราไม่ทำให้เกิดผลดี
กับคนที่ดำเนินชีวิตด้วยความเที่ยงธรรมหรือ
8 เมื่อไม่นานมานี้ ชนชาติของเรา
ได้ลุกขึ้นสู้เหมือนกับว่าเป็นศัตรู
เจ้าริบเสื้อคลุมไปจากบรรดาผู้ที่เดินผ่านมา
อย่างไม่ระวังตัว
จากบรรดาผู้ที่กลับมาจากสงคราม
9 พวกเจ้าขับไล่บรรดาผู้หญิงของชนชาติของเราออกไปจากบ้านอันร่มรื่น
ของพวกนาง
เจ้าเอาบารมีของเราไปจากลูกๆ
ของพวกนางไปตลอดกาล
10 จงลุกขึ้นและไปให้พ้น
เพราะนี่ไม่ใช่ที่พักของพวกเจ้า
เนื่องจากความเป็นมลทิน
เจ้าจะถูกทำลายจนยับเยิน
11 ถ้าคนใดคนหนึ่งดำเนินชีวิตด้วยการพูดอย่างลมๆ แล้งๆ และโป้ปดว่า
‘เราจะเทศนาเรื่องเหล้าองุ่นและสุราแก่เจ้า’
เขาจะเป็นนักเทศน์ของชนชาตินี้
12 โอ ยาโคบเอ๋ย เราจะรวบรวมพวกเจ้าทุกคนอย่างแน่นอน
เราจะรวบรวมผู้ที่ยังมีชีวิตเหลืออยู่ของอิสราเอล
เราจะให้พวกเขาเข้ามาอยู่ด้วยกัน
เหมือนแกะในคอก
เหมือนฝูงแกะในทุ่งหญ้า
ผู้คนจำนวนมากส่งเสียงเอิกเกริก
13 ผู้ที่ทะลวงทางจะนำหน้าพวกเขาขึ้นไป
จะพังประตู และออกไปทางนั้น
กษัตริย์ของพวกเขาจะเดินนำพวกเขาออกไป
พระผู้เป็นเจ้าเป็นผู้นำของพวกเขา”
ผู้ปกครองและผู้เผยคำกล่าวถูกห้ามปราม
3 และข้าพเจ้าพูดดังนี้ว่า
“บรรดาผู้นำของยาโคบ
และบรรดาผู้ปกครองของพงศ์พันธุ์อิสราเอลเอ๋ย
จงฟังเถิด พวกท่านควรรู้จักความยุติธรรมมิใช่หรือ
2 พวกท่านเกลียดความดีและรักความชั่ว
ท่านฉีกผิวหนังประชาชนของข้าพเจ้า
และขูดเนื้อจากกระดูกของพวกเขา
3 ท่านกินเนื้อประชาชนของข้าพเจ้า
และขูดผิวจากพวกเขา
และหักกระดูกเป็นชิ้นๆ
และสับอย่างสับเนื้อลงในกระทะ
อย่างเนื้อในหม้อต้ม”
4 แล้วพวกเขาจะส่งเสียงร้องถึงพระผู้เป็นเจ้า
แต่พระองค์จะไม่ตอบพวกเขา
ในเวลานั้นพระองค์จะซ่อนหน้าไปจากพวกเขา
เพราะพวกเขาได้กระทำความชั่ว
5 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวดังนี้ว่า
“บรรดาผู้เผยคำกล่าว
ซึ่งนำชนชาติของเราให้หลงผิด
ในเวลาที่มีคนให้อาหาร
พวกเขาก็ร้องประกาศสันติสุข
แต่กลับประกาศสงครามต่อต้าน
คนที่ไม่ให้อาหารพวกเขา
6 ฉะนั้น ความมืดจะตกอยู่กับพวกเจ้าโดยปราศจากภาพนิมิต
และความมืดจะตกอยู่กับพวกเจ้าโดยปราศจากการทำนาย
จะไม่มีดวงอาทิตย์ส่องให้แก่บรรดาผู้เผยคำกล่าว
และพวกเขาจะเผชิญกับวันที่มืดมิด
7 บรรดาผู้รู้จะได้รับความอัปยศ
และบรรดาผู้ทำนายจะต้องอับอาย
พวกเขาทุกคนจะปิดปาก
เพราะไม่มีคำตอบจากพระเจ้า”
8 แต่สำหรับข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะเปี่ยมล้นด้วยพลัง
ด้วยพระวิญญาณพระผู้เป็นเจ้า
ด้วยความยุติธรรมและอานุภาพ
เพื่อจะประกาศการล่วงละเมิดของยาโคบ
และประกาศบาปของอิสราเอลให้ทราบ
9 บรรดาผู้นำของยาโคบ
และบรรดาผู้ปกครองของพงศ์พันธุ์อิสราเอลเอ๋ย จงฟังเถิด
ใครเกลียดความยุติธรรม
และทำทุกสิ่งที่ตรงให้คด
10 บรรดาผู้สร้างศิโยนด้วยการนองเลือด
และสร้างเยรูซาเล็มด้วยความชั่วร้าย
11 บรรดาผู้นำของเมืองตัดสินโทษเพราะเห็นแก่สินบน
บรรดาปุโรหิตของเมืองสอนเพราะเห็นแก่ค่าจ้าง
บรรดาผู้เผยคำกล่าวทำนายเพราะเห็นแก่เงินทอง
ถึงกระนั้นพวกเขายังพึ่งในพระผู้เป็นเจ้า และพูดว่า
“พระผู้เป็นเจ้าอยู่ท่ามกลางพวกเรามิใช่หรือ
ความวิบัติใดๆ จะไม่เกิดขึ้นกับพวกเราหรอก”
12 ฉะนั้น เป็นเพราะพวกท่าน
ศิโยนจะถูกไถเหมือนเป็นไร่นา
เยรูซาเล็มจะกลายเป็นกองซากปรักหักพัง
และภูเขาของพระตำหนักจะเป็นดงไม้ทึบ
ภูเขาของพระผู้เป็นเจ้า
4 เมื่อถึงช่วงเวลาแห่งวาระสุดท้าย
ภูเขาของพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า
จะได้รับการสถาปนาเป็นภูเขาสูงที่สุดในบรรดาเทือกเขาทั้งหลาย
และจะถูกยกขึ้นอยู่เหนือเนินเขาทั้งปวง
และบรรดาชนชาติจะพากันหลั่งไหลเข้าไป
2 ประชาชาติจำนวนมากจะมาและพูดว่า
“มาเถิด เราขึ้นไปยังภูเขาของพระผู้เป็นเจ้า
ไปยังพระตำหนักของพระเจ้าของยาโคบกันเถิด
เพื่อให้พระองค์สอนวิถีทางของพระองค์ให้แก่พวกเรา
และเพื่อพวกเราจะดำเนินในทางของพระองค์”
เพราะกฎบัญญัติจะออกมาจากศิโยน
และคำกล่าวของพระผู้เป็นเจ้าจะมาจากเยรูซาเล็ม
3 พระองค์จะตัดสินความระหว่างชนชาติจำนวนมาก
และจะตัดสินการโต้แย้งให้กับบรรดาประชาชาติที่แข็งแกร่งที่อยู่ห่างไกล
และพวกเขาจะตีดาบให้เป็นใบมีดคันไถ
และตีหอกให้เป็นขอเกี่ยวสำหรับลิดกิ่งไม้
ประชาชาติจะไม่ใช้ดาบต่อสู้กัน
และพวกเขาจะไม่ศึกษาเรื่องการสู้รบอีกต่อไป
4 ผู้ชายแต่ละคนจะนั่งอยู่ใต้ซุ้มองุ่นและใต้ต้นมะเดื่อของตน
จะไม่มีผู้ใดทำให้พวกเขาหวาดกลัว
เพราะพระผู้เป็นเจ้าได้กล่าวดังนั้นแล้ว
5 ชนชาติทั้งปวงดำเนินชีวิต
ในนามของปวงเทพเจ้าของพวกเขา
แต่พวกเราจะดำเนินชีวิตในพระนามของพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเรา
จนชั่วกัปชั่วกัลป์
พระผู้เป็นเจ้าจะช่วยศิโยนให้รอด
6 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวดังนี้
“ในวันนั้นเราจะเรียกประชุมคนง่อย
และรวบรวมบรรดาผู้ที่ถูกขับไล่
และบรรดาผู้ที่เราได้ทำให้รับทุกข์
7 เราจะทำให้คนง่อยเป็นผู้ที่เหลืออยู่
และบรรดาผู้ที่ถูกขับไล่เป็นประชาชาติที่แข็งแกร่ง
และพระผู้เป็นเจ้าจะปกครองพวกเขาที่ภูเขาศิโยน
ตั้งแต่บัดนี้จนชั่วกัปชั่วกัลป์
8 สำหรับเจ้า โอ หอคอยของฝูงแกะ
เนินเขาของธิดาแห่งศิโยนเอ๋ย
การปกครองแบบที่เคยเป็นจะกลับมา
อาณาจักรสำหรับธิดาแห่งเยรูซาเล็มจะกลับมาสู่เจ้า”
9 ทำไมท่านจึงร้องเสียงดังในเวลานี้
ท่านไม่มีกษัตริย์หรือ
ที่ปรึกษาของท่านเสียชีวิตไปแล้วหรือ
ท่านเจ็บปวดดั่งผู้หญิงในยามคลอดลูก
10 ธิดาแห่งศิโยนเอ๋ย จงบิดด้วยความเจ็บปวดแสนสาหัส
และโอดครวญดั่งผู้หญิงในยามคลอดลูก
เพราะบัดนี้ ท่านจะออกไปจากเมือง
และอาศัยอยู่ในที่โล่งแจ้ง
ท่านจะไปยังบาบิโลน
ที่นั่นท่านจะได้รับความปลอดภัย
ที่นั่นพระผู้เป็นเจ้าจะไถ่ท่านให้พ้นจากมือของศัตรู
11 แต่ในเวลานี้ ประชาชาติจำนวนมาก
มาร่วมกันโจมตีท่าน พวกเขาพูดว่า
“เราไปทำให้เมืองเป็นมลทินกันเถิด
และมองดูศิโยนอย่างสะใจ”
12 แต่พวกเขาไม่ทราบความคิดของพระผู้เป็นเจ้า
พวกเขาไม่เข้าใจแผนการของพระองค์
พระองค์ได้รวบรวมพวกเขา
อย่างฟ่อนข้าวไปที่ลานนวดข้าว
13 “โอ ธิดาแห่งศิโยนเอ๋ย
จงลุกขึ้นและเหยียบย่ำเถิด
เพราะเราจะทำให้เขาของเจ้าแกร่งดั่งเหล็กกล้า
และเราจะทำให้กีบเท้าของเจ้าเป็นดั่งทองสัมฤทธิ์
เจ้าจะโจมตีชนชาติจำนวนมากให้แหลก”
และท่านจะมอบสิ่งที่พวกเขาริบไปเพื่อถวายแด่พระผู้เป็นเจ้า
มอบสมบัติมหาศาลของพวกเขาให้แด่พระผู้เป็นเจ้าแห่งโลกทั้งโลก
ผู้ปกครองจะบังเกิดในเบธเลเฮม
5 บัดนี้ จงรวบรวมกำลังของท่านเถิด เมืองแห่งพละกำลังเอ๋ย
พวกเราถูกล้อมเมือง
พวกเขาใช้ตะบองฟาดหน้า
ของผู้ตัดสินความของอิสราเอล
2 “เบธเลเฮม เอฟราธาห์เอ๋ย
แม้เจ้าจะด้อยในตระกูลของยูดาห์
แต่ท่านหนึ่งที่จะออกไปจากเจ้าเป็นผู้ปกครองของอิสราเอลเพื่อเรา
ท่านมาจากครั้งโบราณกาล
จากปฐมกาล”[b]
3 ฉะนั้น ท่านจะละทิ้งพวกเขาไปจนกระทั่งถึงเวลาเมื่อผู้หญิงที่เจ็บครรภ์คลอดบุตร
จากนั้นพี่น้องที่เหลืออยู่ของท่าน
จะกลับมารวมกับชาวอิสราเอล
4 และท่านจะยืนหยัดและเลี้ยงดูฝูงแกะของท่าน
ด้วยอานุภาพของพระผู้เป็นเจ้า
ในความยิ่งใหญ่ของพระนามของพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่าน
และพวกเขาจะอยู่ด้วยความมั่นคง
ด้วยว่า ในเวลานั้นความยิ่งใหญ่ของท่านจะเป็นที่รู้จักไปจนสุดขอบโลก
5 และท่านจะเป็นสันติสุขของพวกเขา
เมื่อชาวอัสซีเรียรุกรานแผ่นดินของพวกเรา
และเหยียบย่ำวังทั้งหลายของพวกเรา
แล้วพวกเราจะกำหนดบรรดาผู้เลี้ยงดูฝูงแกะ 7 คน
และผู้นำ 8 คนไปต่อสู้กับเขา
6 พวกเขาจะปกครองแผ่นดินอัสซีเรียด้วยดาบ
และแผ่นดินนิมโรดที่ทางเข้า
และท่านจะช่วยพวกเราให้รอดปลอดภัยจากชาวอัสซีเรีย
เมื่อเขารุกรานแผ่นดินของพวกเรา
และเหยียบย่ำอาณาเขตของเรา
พวกที่เหลืออยู่จะรอดปลอดภัย
7 แล้วผู้ที่มีชีวิตเหลืออยู่ของยาโคบ
จะอยู่ในท่ามกลางชนชาติจำนวนมาก
จะเป็นดั่งน้ำค้างจากพระผู้เป็นเจ้า
ดั่งละอองฝนบนใบหญ้า
ซึ่งไม่หวังพึ่งใคร
หรือรอคอยบรรดาบุตรของมนุษย์
8 และผู้ที่มีชีวิตเหลืออยู่ของยาโคบ
จะอยู่ในท่ามกลางบรรดาประชาชาติ
ในท่ามกลางชนชาติจำนวนมาก
จะเป็นดั่งสิงโตในท่ามกลางสัตว์ป่า
ดั่งสิงโตหนุ่มท่ามกลางฝูงแกะ
ซึ่งเวลาที่สิงโตเดินผ่านมาเหยียบย่ำ
และฉีกเนื้อออกเป็นชิ้นๆ
และไม่มีใครจะช่วยได้
9 มือของท่านจะยกชูขึ้นเหนือฝ่ายตรงข้าม
และศัตรูของท่านทุกคนจะพินาศ
10 พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนี้
“ในวันนั้น เราจะพรากม้าไปจากพวกเจ้า
และเราจะทำให้รถศึกของเจ้าพินาศ
11 เราจะทำเมืองในแผ่นดินของเจ้าพินาศ
และพังป้อมปราการอันแข็งแกร่งลง
12 และเราจะกำจัดผู้ใช้เวทมนตร์ของเจ้า
และเจ้าจะไม่มีผู้เสกคาถาอีกต่อไป
13 เราจะทำลายรูปเคารพทั้งหลายของเจ้า
จะทำลายเสาหินของเจ้าไปเสียจากเจ้า
และเจ้าจะไม่ก้มกราบสิ่งที่เจ้าสร้างขึ้น
ด้วยมือของเจ้าอีกต่อไป
14 และเราจะโค่นเทวรูปอาเชราห์ไปจากเจ้า
และทำลายเมืองทั้งหลายของเจ้า
15 เราจะแก้แค้นในความกริ้วและการลงโทษ
ต่อบรรดาประชาชาติที่ไม่เชื่อฟังเรา”
พระผู้เป็นเจ้ากล่าวท้วง
6 จงฟังให้ดีว่า พระผู้เป็นเจ้ากล่าวว่าอย่างไร
“จงลุกขึ้น สู้ความของเจ้าต่อหน้าเทือกเขา
และให้เนินเขาได้ยินเสียงของเจ้า
2 เทือกเขาเอ๋ย จงฟังคำกล่าวท้วงของพระผู้เป็นเจ้า
และฐานรากอันมั่นคงของแผ่นดินโลก จงฟังเถิด
เพราะพระผู้เป็นเจ้ามีคำกล่าวท้วงชนชาติของพระองค์
และพระองค์จะกล่าวโทษอิสราเอล
3 โอ ชนชาติของเราเอ๋ย เราได้ทำสิ่งใดต่อเจ้าหรือ
เราให้เจ้าแบกภาระอะไร จงตอบเรา
4 เราได้นำเจ้าขึ้นมาจากแผ่นดินอียิปต์
และไถ่เจ้าจากบ้านเรือนแห่งความเป็นทาส[c]
และเราส่งโมเสส อาโรน และมิเรียม
ให้นำหน้าเจ้าไป
5 โอ ชนชาติของเราเอ๋ย จงระลึกว่าบาลาคกษัตริย์ของโมอับวางอุบายอะไร
และบาลาอัมบุตรของเบโอร์ตอบเขาว่าอย่างไร[d]
และเกิดอะไรขึ้นจากเมืองชิทธีมถึงเมืองกิลกาล[e]
แล้วเจ้าจะได้รู้ถึงการกระทำอันชอบธรรมของพระผู้เป็นเจ้า”
พระผู้เป็นเจ้าประสงค์อะไร
6 ข้าพเจ้าจะนำอะไรมาเมื่อเข้าเฝ้าพระผู้เป็นเจ้า
และก้มกราบ ณ เบื้องหน้าพระเจ้าเบื้องสูง
ข้าพเจ้าควรจะเข้าเฝ้าพระองค์ด้วยสัตว์ที่ใช้เผาเป็นของถวาย
ด้วยลูกโคตัวผู้อายุ 1 ปีหรือ
7 พระผู้เป็นเจ้าจะพอใจในแกะตัวผู้หลายพันตัว
และน้ำมันจากแม่น้ำนับหมื่นสายหรือ
ข้าพเจ้าควรจะมอบบุตรคนแรกของข้าพเจ้าสำหรับการล่วงละเมิดของข้าพเจ้า
คือผลแรกซึ่งเกิดจากข้าพเจ้าสำหรับบาปของตนเองหรือ
8 โอ มนุษย์เอ๋ย พระองค์ได้บอกให้ท่านทราบแล้วว่า อะไรดี
พระผู้เป็นเจ้าให้ท่านพึงปฏิบัติตนอย่างไรเล่า
จงให้ความเป็นธรรม รักความเมตตา
และดำเนินชีวิตไปกับพระเจ้าของท่านอย่างถ่อมตัว
คนชั่วร้ายพินาศ
9 เสียงของพระผู้เป็นเจ้าประกาศแก่เมือง
ความเกรงกลัวที่มีต่อพระนามของพระองค์นับว่ามีสติปัญญา
“จงฟังการลงโทษและฟังองค์ผู้กำหนดโทษ
10 โอ บ้านแห่งความชั่วเอ๋ย สิ่งที่พวกเขาริบไป
และเอฟาห์ของการวัดตวงที่ไม่ครบซึ่งถูกสาปแช่งนั้นเราจะลืมได้หรือ
11 เราควรจะปล่อยคนที่ใช้ตาชั่งลวง
และตุ้มน้ำหนักปลอมอย่างนั้นหรือ
12 บรรดาคนมั่งมีใช้การกระทำอันรุนแรง
ประชาชนพูดโกหก
ใช้ลิ้นหลอกลวง
13 ฉะนั้น เราทำให้เจ้าล้มป่วย
ทำให้บ้านเมืองรกร้างเพราะบาปของเจ้า
14 เจ้าจะกิน แต่ก็จะไม่อิ่มหนำ
และจะมีความหิวโหยอยู่ในบ้านเมือง
เจ้าจะเก็บตวง แต่ก็จะสงวนไว้ไม่ได้
และอะไรที่เจ้าสงวนไว้ เราจะให้ประสบกับคมดาบ
15 เจ้าจะหว่าน แต่จะไม่ได้เก็บเกี่ยว
เจ้าจะคั้นมะกอก แต่จะไม่ได้น้ำมันชโลมตัวเจ้า
เจ้าจะย่ำองุ่น แต่จะไม่ได้ดื่มเหล้าองุ่น
16 เพราะเจ้าได้รักษากฎเกณฑ์ของอมรี
และปฏิบัติทุกสิ่งตามแบบอย่างของพงศ์พันธุ์อาหับ[f]
และเจ้าได้ดำเนินในวิถีทางของพวกเขา
ฉะนั้น เราจะทำให้เจ้าวิบัติ
และบรรดาผู้อยู่อาศัยของเจ้าจะเป็นที่เหน็บแนม
พวกเจ้าจะถูกดูหมิ่นอันเนื่องมาจากชนชาติของเรา”
รอคอยพระเจ้าแห่งความรอดพ้น
7 วิบัติแก่ตัวข้าพเจ้าเอง เพราะข้าพเจ้าเป็น
เหมือนผลไม้ที่ถูกเก็บรวบรวมในฤดูร้อน
เหมือนองุ่นที่ถูกเก็บเมื่อตกหล่นแล้ว
ไม่มีพวงองุ่นรับประทาน
ไม่มีผลมะเดื่อสุกผลแรกที่ข้าพเจ้าอยากจะได้
2 ผู้ที่ภักดีได้ตายไปจากโลกแล้ว
ไม่มีใครที่เที่ยงธรรมในมวลมนุษย์
พวกเขาทุกคนนั่งดักรอให้มีการหลั่งเลือด
และแต่ละคนตามล่าพี่น้องของตนด้วยตาข่าย
3 มือทั้งสองถนัดในการทำความชั่ว
เจ้านายและผู้ตัดสินความรับสินบน
ผู้มีอำนาจสั่งการตามความต้องการของตน
พวกเขาจึงวางแผนร่วมกัน
4 คนที่ดีที่สุดในพวกเขาเป็นดั่งขวากหนาม
คนที่เที่ยงธรรมที่สุดในพวกเขาเป็นดั่งพุ่มไม้หนาม
วันของบรรดาผู้เฝ้ายามและการลงโทษของท่านได้มาถึงแล้ว
บัดนี้พวกเขาไม่รู้จะทำอย่างไร
5 อย่าไว้วางใจเพื่อนบ้าน
อย่ามั่นใจในเพื่อนฝูง
ระวังปากของท่าน
ไม่เผยให้กับเธอที่นอนอยู่ในอ้อมอกของท่าน
6 เพราะลูกชายดูหมิ่นพ่อ
ลูกสาวก้าวร้าวต่อแม่ของเธอ
ลูกสะใภ้ต่อต้านแม่สามีของเธอ
คนในบ้านกลับเป็นศัตรูของเขาเอง
7 แต่สำหรับข้าพเจ้าเอง ข้าพเจ้าจะพึ่งในพระผู้เป็นเจ้า
ข้าพเจ้าจะรอคอยพระเจ้าแห่งความรอดพ้นของข้าพเจ้า
พระเจ้าของข้าพเจ้าจะได้ยินข้าพเจ้า
8 โอ ศัตรูของข้าพเจ้าเอ๋ย อย่าสมน้ำหน้าข้าพเจ้า
เวลาที่ข้าพเจ้าล้มลง ข้าพเจ้าจะลุกขึ้น
เวลาที่ข้าพเจ้านั่งอยู่ในความมืด
พระผู้เป็นเจ้าจะเป็นแสงสว่างสำหรับข้าพเจ้า
9 เพราะข้าพเจ้ากระทำบาปต่อพระองค์
ข้าพเจ้าจะทนต่อความโกรธของพระผู้เป็นเจ้า
ข้าพเจ้าจะทนจนกระทั่งพระองค์จะสู้ความให้ข้าพเจ้า
และให้ข้าพเจ้าได้รับความเป็นธรรม
พระองค์จะนำข้าพเจ้าไปสู่ความสว่าง
ข้าพเจ้าจะเห็นความชอบธรรมของพระองค์
10 แล้วศัตรูของข้าพเจ้าจะเห็น
และจะสวมด้วยความอับอาย
นางที่พูดดังนี้ว่า
“พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านอยู่ที่ไหน”
ดวงตาของข้าพเจ้าจะมองนาง
บัดนี้นางจะถูกเหยียบย่ำ
อย่างโคลนตมที่ถนน
11 วันที่จะสร้างกำแพงของท่านจะมาถึง
เป็นวันขยายเขตแดนของท่าน
12 ในวันนั้น ประชาชนจะมาหาท่าน
มาจากอัสซีเรียและเมืองต่างๆ ของอียิปต์
และจากอียิปต์ถึงแม่น้ำยูเฟรติส
จากทะเลจรดทะเล
และจากภูเขาจรดภูเขา
13 แต่แผ่นดินโลกจะกลายเป็นที่รกร้าง
เหตุเพราะผู้อยู่อาศัย
เนื่องจากผลแห่งการกระทำของพวกเขา
14 จงเลี้ยงดูชนชาติของพระองค์ด้วยไม้เท้า
พวกเขาเป็นฝูงชนซึ่งเป็นมรดกของพระองค์
และแยกอาศัยอยู่ตามลำพังในป่า
ในท่ามกลางแผ่นดินอันอุดม
ปล่อยให้พวกเขาหากินอยู่ในบาชานและกิเลอาด
เหมือนกับที่เป็นในครั้งโบราณกาล
15 “เหมือนสมัยที่เจ้าออกจากแผ่นดินอียิปต์
เราจะทำให้พวกเขาเห็นสิ่งมหัศจรรย์”
16 บรรดาประชาชาติจะเห็น
และอับอายกับพละกำลังของพวกเขาเอง
และจะเอามือปิดปากไว้
และหูของพวกเขาก็จะหนวก
17 พวกเขาจะเลียฝุ่นเหมือนงู
เหมือนสิ่งที่เลื้อยคลานบนดิน
พวกเขาจะตัวสั่นออกมาจากหลักยึดอันมั่นคง
พวกเขาจะหันเข้าหาพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของพวกเรา
และพวกเขาจะเกรงกลัวพระองค์
ความรักและความเมตตาของพระเจ้า
18 ใครเล่าที่เป็นพระเจ้าเหมือนพระองค์ซึ่งให้อภัยบาป
และยกโทษการล่วงละเมิดของผู้สืบมรดกที่ยังมีชีวิตเหลืออยู่ของพระองค์
พระองค์ไม่เก็บความโกรธของพระองค์ไปตลอดกาล
เพราะพระองค์ยินดีแสดงความรักอันมั่นคง
19 พระองค์จะมีความเมตตาต่อพวกเราอีก
พระองค์จะเหยียบบาปทั้งหลายของพวกเราไว้ที่ใต้เท้า
และเหวี่ยงบาปต่างๆ ของพวกเราลงในทะเลลึก
20 พระองค์จะแสดงความสัตย์จริงแก่ยาโคบ
และแสดงความรักอันมั่นคงต่ออับราฮัม
อย่างที่พระองค์ได้ปฏิญาณแก่บรรพบุรุษของพวกเรา
ในครั้งโบราณกาล
Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation