Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

Beginning

Read the Bible from start to finish, from Genesis to Revelation.
Duration: 365 days
New Thai Version (NTV-BIBLE)
Version
อาโมส 1-5

ข้อความบันทึกของอาโมส ผู้เป็นหนึ่งในบรรดาผู้เลี้ยงดูฝูงแกะจากเมืองเทโคอา[a] ท่านเห็นภาพนิมิตเกี่ยวกับอิสราเอล 2 ปีก่อนที่จะเกิดแผ่นดินไหว ในสมัยของอุสซียาห์กษัตริย์แห่งยูดาห์ และในสมัยของเยโรโบอัมบุตรเยโฮอาชกษัตริย์แห่งอิสราเอล[b]

กล่าวโทษเพื่อนบ้านของอิสราเอล

ท่านพูดดังนี้ว่า

พระผู้เป็นเจ้าเปล่งเสียงดั่งสิงห์คำรามจากศิโยน
    เปล่งเสียงของพระองค์จากเยรูซาเล็ม
ทุ่งหญ้าของบรรดาผู้เลี้ยงดูฝูงแกะเหี่ยวแห้ง
    และยอดภูเขาคาร์เมลแห้งผาก”

พระผู้เป็นเจ้ากล่าวดังนี้

“ชาวดามัสกัสกระทำบาปซ้ำแล้วซ้ำเล่า
    เราจะไม่เปลี่ยนใจในการลงโทษ
เพราะพวกเขาเหยียบย่ำชาวกิเลอาด
    ด้วยคราดหนามเหล็ก
ฉะนั้น เราจะให้ไฟไหม้วังของฮาซาเอล
    ไฟจะเผาไหม้ป้อมปราการของเบนฮาดัด[c]
เราจะพังดาลประตูของดามัสกัส
    เราจะกำจัดผู้ครองราชย์ไปจากหุบเขาอาเวน
และผู้ถือคทาจากเบธเอเดน
    แล้วประชาชนของอารัม[d]จะลี้ภัยไปที่ดินแดนคีร์”
    พระผู้เป็นเจ้ากล่าว

พระผู้เป็นเจ้ากล่าวดังนี้

“กาซากระทำบาปซ้ำแล้วซ้ำเล่า
    เราจะไม่เปลี่ยนใจในการลงโทษ
เพราะเมืองนั้นจับคนหลายกลุ่มไปเป็นเชลย
    และมอบให้แก่เอโดม
ฉะนั้น เราจะให้ไฟไหม้กำแพงเมืองกาซา
    ไฟจะเผาไหม้ป้อมปราการเมือง
เราจะกำจัดผู้ครองราชย์ไปจากอัชโดด
    และผู้ถือคทาจากอัชเคโลน
เราจะปะทะกับเอโครน
    จนชาวฟีลิสเตียที่ยังมีชีวิตอยู่จะพินาศ”
    พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่กล่าว

พระผู้เป็นเจ้ากล่าวดังนี้

“ไทระกระทำบาปซ้ำแล้วซ้ำเล่า
    เราจะไม่เปลี่ยนใจในการลงโทษ
เพราะเมืองนั้นจับคนหลายกลุ่มไปเป็นเชลยและมอบให้แก่เอโดม
    โดยไม่นึกถึงสัญญาพันธมิตรฉันพี่น้องที่มีต่อกัน
10 ฉะนั้น เราจะให้ไฟไหม้กำแพงเมืองไทระ
    ไฟจะเผาไหม้ป้อมปราการเมือง”

11 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวดังนี้

“เอโดมกระทำบาปซ้ำแล้วซ้ำเล่า
    เราจะไม่เปลี่ยนใจในการลงโทษ
เพราะพวกเขาใช้ดาบไล่ล่าพี่น้องของเขา
    และไร้ความเมตตา
ความโกรธของเขาพลุ่งพล่านอย่างไม่จบสิ้น
    และฉุนเฉียวไม่หยุดหย่อน
12 ฉะนั้น เราจะให้ไฟไหม้เมืองเทมาน
    ไฟจะเผาไหม้ป้อมปราการของโบสราห์”

13 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวดังนี้

“ชาวอัมโมนกระทำบาปซ้ำแล้วซ้ำเล่า
    เราจะไม่เปลี่ยนใจในการลงโทษ
เพราะพวกเขาฟันท้องบรรดาหญิงมีครรภ์ของเมืองกิเลอาด
    ในเวลาที่เขาขยายเขตแดน
14 ฉะนั้น เราจะจุดไฟให้ลุกกำแพงเมืองรับบาห์
    ไฟจะเผาไหม้ป้อมปราการเมืองรับบาห์
เสียงตะโกนในวันออกศึก
    พร้อมทั้งพายุกล้าในวันที่มีพายุหมุน
15 กษัตริย์ของพวกเขาจะถูกเนรเทศ
    พร้อมกับบรรดาผู้นำของเขา”
    พระผู้เป็นเจ้ากล่าว

พระผู้เป็นเจ้ากล่าวดังนี้

“โมอับกระทำบาปซ้ำแล้วซ้ำเล่า
    เราจะไม่เปลี่ยนใจในการลงโทษ
เพราะพวกเขาเผากระดูกของกษัตริย์
    แห่งเอโดมจนเป็นผงปูน
เราจะให้ไฟไหม้โมอับ
    ไฟจะเผาไหม้ป้อมปราการของเคริโอท
โมอับจะสิ้นชีวิตในท่ามกลางเสียงชุลมุน
    เสียงตะโกนและเสียงแตรงอน
เราจะกำจัดผู้ครองราชย์ของโมอับ
    และฆ่าบรรดาผู้นำทั้งปวงพร้อมกับเขา”
    พระผู้เป็นเจ้ากล่าว

กล่าวโทษยูดาห์

พระผู้เป็นเจ้ากล่าวดังนี้

“ยูดาห์กระทำบาปซ้ำแล้วซ้ำเล่า
    เราจะไม่เปลี่ยนใจในการลงโทษ
เพราะพวกเขาได้ดูหมิ่นกฎบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้า
    และไม่รักษากฎเกณฑ์ของพระองค์
เพราะพวกเขาถูกชักนำให้หลงผิดด้วยสิ่งจอมปลอม
    อย่างที่บรรพบุรุษของพวกเขาติดตามมาแล้ว
เราจะให้ไฟไหม้ยูดาห์
    ไฟจะเผาไหม้ป้อมปราการของเยรูซาเล็ม”

กล่าวโทษอิสราเอล

พระผู้เป็นเจ้ากล่าวดังนี้

“อิสราเอลกระทำบาปซ้ำแล้วซ้ำเล่า
    เราจะไม่เปลี่ยนใจในการลงโทษ
เพราะพวกเขาขายผู้มีความชอบธรรมเพื่อแลกกับเงิน
    และขายผู้ยากไร้เพื่อแลกกับรองเท้าเพียงคู่เดียว
พวกเขาเหยียบย่ำศีรษะของผู้ขัดสน
    อย่างกับฝุ่นผงบนพื้นดิน
    และไม่ยอมให้ความเป็นธรรมแก่ผู้ถูกข่มเหง
ทั้งผู้ชายและพ่อของเขานอนกับหญิงสาวคนเดียวกัน
    ทำให้นามอันบริสุทธิ์ของเราเป็นที่ดูหมิ่น
พวกเขานอนที่ข้างแท่นบูชาทุกแห่ง
    เขานอนบนเสื้อผ้าซึ่งเป็นของประกันที่เขาริบได้มาจากผู้ยากไร้[e]
พวกเขาดื่มเหล้าองุ่นที่ปรับมาได้
    ในตำหนักของเทพเจ้าของพวกเขา

เรานั่นแหละที่ทำให้ชาวอัมโมนพินาศ
    แม้เขาจะสูงใหญ่ดั่งต้นซีดาร์
    และแข็งแกร่งดั่งต้นโอ๊ก
เราทำลายผลที่เบื้องบน
    และรากที่เบื้องล่างของเขา
10 เรานำพวกเจ้าออกจากแผ่นดินอียิปต์
    และเราได้นำพวกเจ้าในถิ่นทุรกันดารเป็นเวลา 40 ปี
    เพื่อให้พวกเจ้าเป็นเจ้าของแผ่นดินของชาวอัมโมน
11 เรากำหนดบรรดาผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าขึ้นจากพวกลูกหลานของเจ้า
    และกำหนดชาวนาศีร์[f]ขึ้นจากบรรดาชายหนุ่มของพวกเจ้า
โอ ชาวอิสราเอลเอ๋ย นั่นเป็นความจริงมิใช่หรือ”
    พระผู้เป็นเจ้าประกาศ

12 “แต่พวกเจ้าทำให้ชาวนาศีร์ดื่มเหล้าองุ่น
    และสั่งบรรดาผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าว่า จงอย่าเผยคำกล่าว

13 ฉะนั้น บัดนี้เราจะบดขยี้พวกเจ้า
    เหมือนกับเกวียนที่บรรทุกข้าวบดขยี้
14 ผู้ที่ว่องไวจะหนีไม่รอด
    ผู้ที่แข็งแรงจะหมดเรี่ยวแรง
    และนักรบจะเอาชีวิตไม่รอด
15 นายขมังธนูจะไม่สามารถยืนหยัดได้
    ทหารที่ขาว่องไวจะหนีไปไหนไม่ได้
    และทหารม้าจะเอาชีวิตไม่รอด
16 แม้บรรดานักรบผู้กล้าหาญ
    ก็จะล่อนจ้อนเผ่นหนีในวันนั้น”
    พระผู้เป็นเจ้าประกาศ

ความผิดของอิสราเอลและการลงโทษ

โอ ชาวอิสราเอลเอ๋ย จงฟังสิ่งที่พระผู้เป็นเจ้ากล่าวคัดค้านพวกท่าน คัดค้านครอบครัวทั้งหมดที่พระองค์ได้นำออกจากแผ่นดินอียิปต์

“จากบรรดาครอบครัวทั้งปวงบนแผ่นดินโลก
    มีพวกเจ้าเท่านั้นที่เราเลือกไว้แล้ว
ฉะนั้น เราจะลงโทษพวกเจ้า
    เพราะบาปทั้งสิ้นของเจ้า”

คนสองคนเดินไปด้วยกันได้หรือ
    นอกจากว่า เขาจะตกลงกันก่อน
สิงโตจะคำรามในป่าหรือ
    เมื่อมันไม่มีเหยื่อ
แล้วมันจะทำเสียงขู่ในถ้ำของมันหรือ
    เมื่อมันจับอะไรไม่ได้
นกติดกับดักที่พื้นดิน
    เมื่อไม่มีบ่วงแร้วที่วางไว้หรือ
กับดักกระเด้งขึ้นจากพื้นดิน
    เมื่อไม่มีอะไรจะจับหรือ
เมื่อแตรงอนส่งเสียงในเมือง
    ประชาชนจะไม่หวาดกลัวหรือ
ความวิบัติเกิดขึ้นกับเมืองได้หรือ
    ถ้าพระผู้เป็นเจ้าไม่เป็นผู้กระทำ

ด้วยว่า พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ไม่ทำสิ่งใด
    โดยไม่เผยความลับให้แก่บรรดาผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้า
    ให้ผู้รับใช้ของพระองค์ทราบ
เมื่อสิงโตคำรามแล้ว
    ใครจะไม่กลัว
เมื่อพระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ได้กล่าวแล้ว
    ใครจะทำสิ่งใดได้นอกจากจะเผยความ

“จงประกาศแก่ป้อมปราการในอัชโดด
    และแก่ป้อมปราการในแผ่นดินอียิปต์ว่า
จงเรียกประชุมให้พร้อมหน้าบนเทือกเขาของสะมาเรีย[g]
    และดูความชุลมุนในเมือง
    และการข่มเหงเกิดขึ้นท่ามกลางประชาชน”

10 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวดังนี้ว่า

“พวกเขาไม่รู้จักทำสิ่งที่ถูกต้อง
    สิ่งที่สะสมไว้ในป้อมปราการของพวกเขาคือ
    การกระทำที่รุนแรงและเสียหายยับเยิน”

11 ฉะนั้น พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่กล่าวดังนี้ว่า

“ศัตรูจะล้อมแผ่นดิน
    และจะทำลายผู้คุ้มกันให้พ่ายแพ้
    และป้อมปราการของเจ้าจะถูกปล้น”

12 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวดังนี้ว่า “ผู้เลี้ยงดูฝูงแกะคว้ากระดูกขา 2 ท่อนหรือติ่งหูให้รอดจากปากสิงโตไว้ได้ฉันใด ชาวอิสราเอลที่อาศัยอยู่ในสะมาเรียก็จะเอาตัวรอดได้ฉันนั้น คือคนนั่งที่มุมเตียงและบนผ้าคลุมเตียงจากดามัสกัส”

13 พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธากล่าวดังนี้

“พวกเจ้าจงฟัง
    และเป็นพยานฟ้องพงศ์พันธุ์ยาโคบว่า
14 ในวันที่เราลงโทษอิสราเอลเพราะบาปของเขา
    เราจะทำลายแท่นบูชาที่เบธเอล[h]
เชิงงอนรูปเขาสัตว์ของแท่นบูชาจะถูกตัด
    และตกลงบนพื้นดิน
15 เราจะพังบ้านฤดูหนาว
    พร้อมกับบ้านฤดูร้อนลง
บ้านที่ตกแต่งด้วยงาช้างจะถูกพังทลายลง
    บ้านหรูๆ ทั้งหลายจะพังพินาศ”
    พระผู้เป็นเจ้าประกาศ
“จงฟังเถิด พวกเจ้าที่เป็นโคตัวเมียของบาชานบนภูเขาสะมาเรีย
    พวกเจ้ากดขี่ข่มเหงผู้ขัดสน และเหยียบย่ำผู้ยากไร้
    และสั่งบรรดาสามีว่า ‘ไปเอาเหล้ามาให้เราดื่ม’”
พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ปฏิญาณด้วยความบริสุทธิ์ของพระองค์ดังนี้
    “ดูเถิด จะถึงวันนั้น
เมื่อพวกเขาจะลากตัวเจ้าไปด้วยขอเกี่ยว
    และแม้คนสุดท้ายก็จะถูกลากไปด้วยเบ็ดตกปลา
และพวกเจ้าจะออกไปทางช่องกำแพงแตก
    แต่ละคนวิ่งตรงไปล่วงหน้านาง
และเจ้าจะถูกเหวี่ยงออกไปยังภูเขาฮาร์โมน”
    พระผู้เป็นเจ้าประกาศ
“พวกเจ้าไปยังเบธเอลและกระทำบาป
    ไปยังกิลกาลและกระทำบาปมากยิ่งขึ้น
นำเครื่องสักการะของเจ้ามาให้ทุกเช้า
    นำหนึ่งในสิบมาให้ทุกๆ 3 วัน
และมอบเครื่องสักการะแห่งการขอบคุณที่มีเชื้อยีสต์ผสม
    และโอ้อวดเครื่องสักการะด้วยความสมัครใจของเจ้า
ชาวอิสราเอลเอ๋ย พวกเจ้าโอ้อวดในเรื่องเหล่านี้
    เพราะนั่นเป็นสิ่งที่พวกเจ้ารักที่จะทำ”
    พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ประกาศ

อิสราเอลยังไม่หันกลับมาหาพระเจ้า

“เราทำให้พวกเจ้าไม่มีอาหารเข้าปากในทุกๆ เมือง
    และเกิดความอดอยากทุกแห่งหน
พวกเจ้าก็ยังไม่หันกลับมาหาเรา”
    พระผู้เป็นเจ้าประกาศ

“อีกสามเดือนกว่าจะถึงเวลาเก็บเกี่ยว
    แต่เราก็ทำให้ฝนไม่ตก
เราจะส่งฝนให้กับเมืองๆ หนึ่ง
    และไม่ส่งให้อีกเมืองหนึ่ง
ทุ่งนาแห่งหนึ่งจะมีฝนตก
    และทุ่งนาที่ไม่ได้รับฝนก็จะแห้งผาก
ดังนั้น ชาวเมืองสองสามเมืองจะร่อนเร่ไปยังเมืองหนึ่ง
    เพื่อหาน้ำดื่ม แต่ก็ไม่ฉ่ำใจ
แต่พวกเจ้าก็ยังไม่หันกลับมาหาเรา”
    พระผู้เป็นเจ้าประกาศ

“หลายครั้งที่เราทำให้มีลมร้อนแห้ง
    มีเชื้อราในไร่นาและไร่องุ่นของพวกเจ้า
ฝูงตั๊กแตนกัดกินต้นมะเดื่อและต้นมะกอกของพวกเจ้า
    แต่พวกเจ้าก็ยังไม่หันกลับมาหาเรา”
    พระผู้เป็นเจ้าประกาศ

10 “เราส่งภัยพิบัติมาท่ามกลางพวกเจ้า
    อย่างที่เราทำต่ออียิปต์
เราทำให้บรรดาชายหนุ่มของพวกเจ้าตายด้วยคมดาบ
    และให้ม้าถูกยึดไป
และเราทำให้เจ้าสูดกลิ่นเหม็นศพจากค่ายของเจ้า
    แต่เจ้าก็ยังไม่หันกลับมาหาเรา”
    พระผู้เป็นเจ้าประกาศ

11 “เราให้พวกเจ้าบางคนพบกับความพินาศ
    อย่างที่เราทำต่อโสโดมและโกโมราห์[i]
พวกเจ้าเป็นเหมือนกับกิ่งไม้ที่ถูกไฟเผาที่ถูกคว้าออกจากกองไฟ
    แต่พวกเจ้าก็ยังไม่หันกลับมาหาเรา”
    พระผู้เป็นเจ้าประกาศ

12 “ฉะนั้น อิสราเอลเอ๋ย เราจะกระทำต่อเจ้าอย่างนี้
    และเพราะว่าเราจะกระทำต่อเจ้าอย่างนี้
    จงเตรียมตัวไปพบกับพระเจ้าของเจ้าเถิด อิสราเอลเอ๋ย”
13 พระองค์เป็นผู้ปั้นเทือกเขา
    และสร้างลมขึ้นมา
    และเผยความนึกคิดของพระองค์ให้แก่มนุษย์
พระองค์ทำให้อรุณรุ่งเป็นความมืด
    และเดินย่ำบนที่สูงแห่งแผ่นดินโลก
    พระองค์มีพระนามว่า พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าจอมโยธา

แสวงหาพระผู้เป็นเจ้า และจะมีชีวิต

โอ พงศ์พันธุ์อิสราเอลเอ๋ย จงฟังเสียงร้องคร่ำครวญของข้าพเจ้าถึงความตายของท่าน

“อิสราเอลผู้บริสุทธิ์ถล่มลง
    จะไม่มีวันลุกขึ้นได้อีก
ถูกทอดทิ้งในแผ่นดินของนางเอง
    และจะไม่มีใครพยุงนางให้ลุกขึ้น”

พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่กล่าวดังนี้

“เมืองที่มีทหารเดินหน้าออกไปนับพัน
    จะมีชีวิตทหารเหลืออยู่เพียงนับร้อย
และเมืองที่มีทหารนับร้อย
    จะมีชีวิตทหารเหลืออยู่เพียงนับสิบในพงศ์พันธุ์อิสราเอล”

พระผู้เป็นเจ้ากล่าวแก่พงศ์พันธุ์อิสราเอลดังนี้

“จงแสวงหาเรา และจะมีชีวิต
    อย่าแสวงหาเบธเอล
อย่าไปยังกิลกาล
    อย่าเดินทางไปยังเบเออร์เช-บา
เพราะกิลกาลจะต้องถูกเนรเทศ
    และเบธเอลจะไม่มีอะไรเหลือเลย”

จงแสวงหาพระผู้เป็นเจ้า และจะมีชีวิต
    มิฉะนั้นพระองค์จะเผาผลาญพงศ์พันธุ์โยเซฟอย่างเพลิงไฟ
ไฟจะเผาไหม้
    และเบธเอลจะไม่มีใครช่วยดับได้
พวกท่านที่แปรความยุติธรรมให้เป็นความขมขื่น
    และเหวี่ยงความชอบธรรมลงบนพื้นดิน

พระองค์ผู้สร้างดาวลูกไก่และดาวไถ[j]
    และทำความมืดให้เป็นรุ่งอรุณ
    และทำกลางวันให้เป็นกลางคืน
พระองค์ผู้รวบรวมน้ำในทะเล
    และเทลงบนพื้นดิน
พระนามของพระองค์คือ พระผู้เป็นเจ้า
พระองค์ทำหลักยึดอันแข็งแกร่งให้พินาศในพริบตา
    และทำให้ป้อมปราการพังทลายลง

10 พวกเขาเกลียดผู้ที่ทักท้วงความไม่เป็นธรรมในที่ตัดสินความ
    และพวกเขาดูหมิ่นผู้ที่พูดความจริง
11 ฉะนั้น เมื่อพวกท่านเหยียบย่ำผู้ขัดสน
    และยึดผลที่ได้จากไร่ไปจากเขา
แม้พวกท่านสร้างบ้านหรูด้วยหินสกัดแล้ว
    แต่ท่านก็จะไม่ได้อาศัยอยู่
แม้พวกท่านปลูกสวนองุ่นที่งาม
    แต่ท่านก็จะไม่ได้ดื่มเหล้าจากผลองุ่น
12 เพราะข้าพเจ้ารู้ว่า พวกท่านล่วงละเมิดเพียงไร
    และบาปของพวกท่านใหญ่ยิ่งนัก
พวกท่านทำให้ผู้มีความชอบธรรมต้องเดือดร้อน
    พวกท่านรับสินบน
และห้ามไม่ให้ผู้ยากไร้ได้รับความเป็นธรรมในที่ตัดสินความ
13 ฉะนั้น ผู้ฉลาดรอบคอบจะนิ่งเงียบในเวลาเช่นนี้
    เพราะเป็นกาลวิบัติ

14 จงแสวงหาความดี ไม่ใช่ความชั่ว
    เพื่อพวกท่านจะมีชีวิต
และพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าจอมโยธาจะอยู่กับพวกท่าน
    อย่างที่ท่านยืนยัน
15 จงเกลียดชังความชั่ว และรักความดี
    และเสริมสร้างความเป็นธรรมในการตัดสินความ
เผื่อว่าพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าจอมโยธา
    จะมีเมตตาต่อบรรดาผู้ที่มีชีวิตเหลืออยู่ของโยเซฟ

16 ฉะนั้น พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าจอมโยธา พระผู้เป็นเจ้ากล่าวดังนี้

“จะมีการร้องไห้ฟูมฟายตามถนนหนทาง
    และพวกเขาจะพูดกันด้วยความปวดร้าวที่ลานชุมนุมว่า ‘โธ่เอ๋ย โธ่เอ๋ย’
พวกเขาจะเรียกชาวไร่ให้มาร้องรำพัน
    และให้บรรดาผู้รับจ้างร้องคร่ำครวญมาเพื่อร้องไห้ฟูมฟาย
17 และจะมีการร้องไห้ฟูมฟายในไร่องุ่น
    เพราะเราจะมาลงโทษในหมู่พวกเจ้า”
    พระผู้เป็นเจ้ากล่าว

อิสราเอลวางใจในสิ่งที่ผิด

18 วิบัติแก่พวกท่านที่รอคอย
    วันที่พระผู้เป็นเจ้าจะมา
ทำไมพวกท่านจึงรอคอยวันที่พระผู้เป็นเจ้าจะมา
    วันนั้นจะเป็นวันแห่งความมืดมน ไม่ใช่ความสว่าง
19 วันนั้นจะเป็นเหมือนกับคนที่หนีจากสิงโต
    แต่จะไปปะกับหมี
จะเป็นเหมือนกับวันที่เขาถึงบ้าน
    และเอามือพิงกำแพง
    แล้วก็ถูกงูกัด
20 วันที่พระผู้เป็นเจ้าจะมาจะเป็นวันแห่งความมืดมน ไม่ใช่ความสว่างมิใช่หรือ
    มืดมนจนไม่มีแม้แต่วี่แววของความสว่างเลย

21 “เราเกลียดและขยะแขยงเทศกาลฉลองทางศาสนาของพวกเจ้า
    เราทนต่อการนัดประชุมของพวกเจ้าไม่ได้
22 ถึงแม้ว่าพวกเจ้านำสัตว์ที่เผาเป็นของถวายและเครื่องธัญญบูชามาให้เรา
    เราจะไม่รับ
แม้ว่าพวกเจ้านำของถวายเพื่อสามัคคีธรรมที่ดีที่สุด
    เราจะไม่สนใจสิ่งเหล่านั้น
23 จงหยุดส่งเสียงร้องเพลงให้เราฟัง
    เราจะไม่ฟังทำนองจากพิณเล็กของเจ้า
24 จงให้ความเป็นธรรมหลั่งออกมาอย่างสายน้ำ
    และความชอบธรรมหลั่งอย่างธารน้ำที่ไหลไม่ขาดสาย

25 โอ พงศ์พันธุ์อิสราเอลเอ๋ย พวกเจ้านำเครื่องสักการะและของถวายมาให้เราในช่วงเวลา 40 ปีในถิ่นทุรกันดารอย่างนั้นหรือ 26 พวกเจ้าได้ยกหามเพิงของกษัตริย์ของเจ้า และฐานรูปเคารพของเจ้า และดาวเทพเจ้าที่เจ้าทำขึ้นเอง 27 ฉะนั้นเราจะให้เจ้าถูกเนรเทศเลยเขตดามัสกัสไป”[k] พระผู้เป็นเจ้ากล่าว พระองค์มีพระนามว่า พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าจอมโยธา

New Thai Version (NTV-BIBLE)

Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation