Beginning
1 คำกล่าวของพระผู้เป็นเจ้ามาถึงโฮเชยาบุตรของเบเออรี ในสมัยของกษัตริย์อุสซียาห์ โยธาม อาหัส และเฮเซคียาห์ ซึ่งเป็นบรรดากษัตริย์แห่งยูดาห์ และในสมัยของกษัตริย์เยโรโบอัมบุตรของเยโฮอาชกษัตริย์แห่งอิสราเอล
ภรรยาและบุตรของโฮเชยา
2 เมื่อพระผู้เป็นเจ้าเริ่มกล่าวผ่านโฮเชยา พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับโฮเชยาดังนี้ “จงไปรับหญิงผู้ผิดประเวณีมาเป็นภรรยาของเจ้า และมีลูกๆ ที่เกิดจากการผิดประเวณี เพราะแผ่นดินประพฤติผิดประเวณีอย่างร้ายแรงเมื่อได้ทอดทิ้งพระผู้เป็นเจ้า” 3 ดังนั้นท่านจึงไปรับโกเมอร์บุตรสาวของดิบลาอิมมาเป็นภรรยา และนางตั้งครรภ์และให้กำเนิดบุตรชาย
4 และพระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับท่านดังนี้ “จงตั้งชื่อเขาว่า ยิสเรเอล[a] เพราะอีกไม่นานเราจะลงโทษพงศ์พันธุ์ของเยฮูที่ฆ่ายิสเรเอล และเราจะทำให้อาณาจักรของพงศ์พันธุ์อิสราเอลหมดสิ้นลง 5 และในวันนั้น เราจะหักแอกของอิสราเอลในหุบเขายิสเรเอล”
6 ต่อมานางตั้งครรภ์อีกและให้กำเนิดบุตรหญิง และพระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับท่านดังนี้ “จงตั้งชื่อเธอว่า โลรุหะมาห์[b] เพราะเราจะไม่มีความเมตตาต่อพงศ์พันธุ์อิสราเอลอีกต่อไป จะไม่ยกโทษให้พวกเขาเลย 7 แต่เราจะมีเมตตาต่อพงศ์พันธุ์ยูดาห์ และเราจะช่วยพวกเขาให้รอดปลอดภัย แต่มิใช่ด้วยคันธนู ดาบหรือสงคราม หรือด้วยม้าและทหารม้า แต่โดยพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของพวกเขา”
8 เมื่อนางหย่านมโลรุหะมาห์แล้ว นางก็ตั้งครรภ์และให้กำเนิดบุตรชาย 9 และพระผู้เป็นเจ้ากล่าวดังนี้ “จงตั้งชื่อเขาว่า โลอัมมี[c] เพราะเจ้าไม่ใช่ชนชาติของเรา และเราไม่ใช่พระเจ้าของพวกเจ้า
10 ถึงกระนั้นจำนวนลูกหลานของอิสราเอลจะมากมายเปรียบได้กับเม็ดทรายบนชายฝั่งทะเล ซึ่งนับไม่ถ้วน และในสถานที่ซึ่งพวกเขาถูกกล่าวถึงว่า ‘เจ้าไม่ใช่ชนชาติของเรา’ พวกเขาจะได้รับเรียกว่า ‘บรรดาบุตรของพระเจ้าผู้ดำรงอยู่’[d] 11 บรรดาบุตรของยูดาห์และบรรดาบุตรของอิสราเอลจะถูกรวบรวมเข้าด้วยกัน และพวกเขาจะแต่งตั้งผู้นำคนหนึ่ง พวกเขาทุกคนจะขึ้นไปจากแผ่นดิน เพราะวันของยิสเรเอลจะเป็นวันที่ยิ่งใหญ่
อิสราเอลถูกลงโทษเพราะความไม่ภักดี
2 จงพูดกับบรรดาพี่น้องผู้ชายดังนี้ว่า ‘พวกท่านเป็นชนชาติของเรา’ และพูดกับบรรดาพี่น้องผู้หญิงว่า ‘พวกท่านได้รับความเมตตา’
2 จงห้ามแม่ของพวกเจ้า จงห้ามนาง
เพราะนางไม่ใช่ภรรยาของเรา
และเราไม่ใช่สามีของนาง
ให้นางกำจัดสีหน้าซึ่งเป็นเยี่ยงหญิงแพศยา
และกำจัดความไม่ซื่อจากหว่างอกของนางไป
3 มิฉะนั้น เราจะเปลื้องนางให้เปลือยเปล่า
และทำให้นางเหลือตัวเปล่าอย่างวันที่นางเกิดมา
และทำให้นางเป็นอย่างถิ่นทุรกันดาร
และทำให้นางเป็นอย่างแผ่นดินอันแห้งระแหง
และปล่อยให้นางกระหายน้ำจนสิ้นชีวิต
4 เราจะไม่มีเมตตาต่อลูกๆ ของนาง
เพราะพวกเขาเป็นลูกๆ ของความแพศยา
5 เพราะแม่ของพวกเขาแพศยา
นางมีครรภ์อันเกิดจากการกระทำอันน่าอับอาย
เพราะนางพูดดังนี้ว่า ‘ฉันจะไล่ตามบรรดาคนรักของฉัน
ซึ่งให้อาหารและน้ำดื่มแก่ฉัน
ให้ผ้าขนสัตว์และผ้าป่าน
ให้น้ำมันและเครื่องดื่มแก่ฉัน’
6 ฉะนั้น เราจะขวางกั้นทางของนางด้วยขวากหนาม
และเราจะก่อกำแพงปิดกั้นนาง
เพื่อนางจะหาทางไม่พบ
7 นางจะวิ่งตามบรรดาคนรักของนางไป
แต่จะจับพวกเขาไม่อยู่
และนางจะตามหาพวกเขา
แต่จะหาไม่พบ
ครั้นแล้ว นางจะพูดว่า
‘ฉันจะกลับไปหาสามีคนแรกของฉัน
เพราะตอนนั้นฉันสบายยิ่งกว่าเวลานี้’
8 แต่นางไม่รู้เลยว่า เราเป็นผู้ที่ให้
ธัญพืช เหล้าองุ่น และน้ำมันแก่นาง
และเราเป็นผู้ที่ให้เงินและทองแก่นางอย่างเหลือล้น
ซึ่งพวกเขาเอาไปใช้สักการะเทวรูปบาอัล[e]
9 ฉะนั้น เราจะเอาธัญพืชกลับคืน
เมื่อได้เวลาของมัน
และเหล้าองุ่นตามฤดูกาลของมัน
และเราจะเอาขนสัตว์และผ้าป่านของเรา
ซึ่งใช้ปกปิดกายที่เปลือยเปล่าของนางคืนมา
10 บัดนี้ เราจะเปิดเผยความมักมากในกามของนาง
ต่อหน้าบรรดาคนรักของนาง
และจะไม่มีใครที่จะช่วยนางให้รอดไปจากมือของเรา
11 และเราจะยุติการเฉลิมฉลองของนางทั้งสิ้น
งานฉลองเทศกาล วันข้างขึ้น วันสะบาโต
และเทศกาลที่กำหนดไว้ทั้งสิ้น
12 และเราจะทำลายเถาองุ่นและต้นมะเดื่อของนางจนหมดสิ้น
อันเป็นสิ่งที่นางพูดว่า
‘สิ่งเหล่านี้เป็นค่าแรง
ซึ่งบรรดาคนรักของฉันได้ให้แก่ฉัน’
เราจะทำให้ที่เหล่านั้นเป็นป่า
และสัตว์ในไร่นาจะขย้ำกิน
13 และเราจะลงโทษนางในวันที่นาง
จุดเครื่องหอมให้แก่บาอัล
เวลาที่นางประดับตัวด้วยแหวนและเพชรพลอย
และไล่ตามบรรดาคนรักของนางไป แล้วก็ลืมเรา”
พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น
พระผู้เป็นเจ้ามีเมตตาต่ออิสราเอล
14 “ฉะนั้น ดูเถิด เราจะชวนนาง
และนำนางเข้าไปในถิ่นทุรกันดาร
และพูดกับนางอย่างนุ่มนวล
15 และเราจะมอบสวนองุ่นของนางคืนให้แก่นางที่นั่น
และจะทำให้หุบเขาอาโคร์[f]เป็นประตูแห่งความหวัง
และนางจะตอบรับเหมือนกับเวลาที่นางอยู่ในวัยรุ่น
เหมือนกับเวลาที่นางออกจากแผ่นดินอียิปต์”
16 และพระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนี้ “ในเวลานั้น เจ้าจะเรียกเราว่า ‘สามีของฉัน’ และเจ้าจะไม่เรียกเราว่า ‘บาอัลของฉัน’ อีกต่อไป 17 เพราะเราจะกำจัดชื่อของบาอัลไปจากปากของนาง และชื่อบาอัลจะไม่เป็นที่ระลึกถึงอีกต่อไป 18 ในวันนั้น เราจะทำพันธสัญญากับบรรดาสัตว์ในไร่นา นกในอากาศ และสิ่งที่เลื้อยคลานบนพื้นดิน และเราจะยกเลิกใช้คันธนู ดาบ และสงครามในแผ่นดินเพื่อพวกเขา และเราจะให้พวกเขาได้นอนลงอย่างปลอดภัย 19 และเราจะหมั้นเจ้าไว้กับเราชั่วนิรันดร์กาล เราจะให้หมั้นเจ้าไว้กับเราในความชอบธรรมและความเป็นธรรม ในความรักอันมั่นคงและความเมตตา 20 เราจะหมั้นเจ้าไว้กับเราในความภักดี และเจ้าจะยอมรับรู้พระผู้เป็นเจ้า”
21 พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนี้
“เราจะตอบรับ
และในวันนั้นเราจะตอบรับฟ้าสวรรค์
และฟ้าสวรรค์จะตอบรับแผ่นดินโลก
22 และแผ่นดินโลกจะตอบรับธัญพืช
เหล้าองุ่น และน้ำมัน
และสิ่งเหล่านั้นจะตอบรับยิสเรเอล
23 และเราจะหว่านนางสำหรับเราเองในแผ่นดิน
และเราจะมีเมตตาต่อผู้ที่ไม่มีความเมตตา[g]
และเราจะพูดกับผู้ที่ไม่ใช่ชนชาติของเราว่า ‘เจ้าเป็นชนชาติของเรา’[h]
และเขาจะพูดว่า ‘พระองค์เป็นพระเจ้าของข้าพเจ้า’”
โฮเชยาได้รับภรรยากลับคืน
3 และพระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับข้าพเจ้าดังนี้ว่า “จงไปแสดงความรักต่อภรรยาของเจ้าอีก แม้จะมีชายอื่นที่รักนางอยู่แล้ว และนางผิดประเวณี จงรักนางอย่างที่พระผู้เป็นเจ้ารักพงศ์พันธุ์อิสราเอล แม้ว่าพวกเขาหันไปเชื่อบรรดาเทพเจ้าและติดใจขนมลูกเกด”[i] 2 ข้าพเจ้าจึงได้ซื้อตัวนางเป็นค่าของเงินหนัก 15 เชเขล และข้าวบาร์เลย์ 1 โฮเมอร์ และ 1 เลเทค[j] 3 และข้าพเจ้าพูดกับนางดังนี้ว่า “เจ้าจะต้องอยู่กับเราหลายวัน เจ้าจะไม่ทำตัวเป็นหญิงแพศยาหรือเป็นของชายอื่น และเราจะทำอย่างนั้นต่อเจ้าด้วย” 4 เพราะพงศ์พันธุ์อิสราเอลจะใช้ชีวิตโดยปราศจากกษัตริย์หรือผู้นำเป็นเวลานาน ปราศจากเครื่องสักการะหรือเสาหิน ปราศจากชุดคลุมของปุโรหิตหรือรูปเคารพ 5 หลังจากนั้น พงศ์พันธุ์อิสราเอลจะกลับมาและแสวงหาพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของพวกเขา และดาวิดกษัตริย์ของพวกเขา[k] และพวกเขาจะตัวสั่นเทาเมื่อมาหาพระผู้เป็นเจ้า และมารับพระพรจากพระองค์ในช่วงเวลาแห่งวาระสุดท้าย
พระผู้เป็นเจ้ากล่าวโทษอิสราเอล
4 โอ พงศ์พันธุ์อิสราเอลเอ๋ย
จงฟังคำกล่าวของพระผู้เป็นเจ้า
เพราะพระผู้เป็นเจ้ามีคำกล่าวโทษ
ต่อบรรดาผู้อยู่อาศัยของแผ่นดิน
“เพราะไม่มีความสัตย์จริงหรือความรักอันมั่นคง
และไม่มีความรู้เรื่องพระเจ้าในแผ่นดิน
2 มีการสาปแช่ง พูดเท็จ ฆ่า
ลักขโมย และผิดประเวณี
พวกเขาฝ่าฝืนทุกกรณี
และมีการนองเลือดอย่างไม่หยุดหย่อน[l]
3 เพราะเหตุนี้ แผ่นดินจึงร้องคร่ำครวญ
และทุกคนที่อยู่อาศัยในแผ่นดินก็เศร้าสลด
นอกจากนั้นบรรดาสัตว์ในไร่นา
นกในอากาศ
และแม้แต่ปลาในทะเลก็ยังถูกพรากไป
4 ถึงกระนั้น ก็อย่าให้ผู้ใดฟ้องร้อง
และอย่าให้ผู้ใดกล่าวหา
โอ ปุโรหิตเอ๋ย เพราะเรามีเรื่อง
ที่จะฟ้องร้องเจ้า
5 เจ้าจะสะดุดทั้งวันและคืน
และผู้เผยคำกล่าวก็จะสะดุดไปกับเจ้าด้วย
และเราจะกำจัดแม่ของเจ้า
6 ชนชาติของเราถูกทำลายล้าง
เพราะขาดความรู้
เพราะเจ้าได้ปฏิเสธความรู้
เราจึงปฏิเสธที่จะให้เจ้าเป็นปุโรหิตของเรา
และในเมื่อเจ้าได้ละเลยกฎบัญญัติของพระเจ้าของเจ้า
เราจะละเลยพงศ์พันธุ์ของเจ้าเช่นกัน
7 ยิ่งบรรดาปุโรหิตเพิ่มจำนวนมากขึ้น
พวกเขายิ่งกระทำบาปต่อเรา
เราจะเปลี่ยนเกียรติของพวกเขาให้กลายเป็นความอับอาย
8 พวกเขามีกินก็เพราะเครื่องสักการะลบล้างบาปของชนชาติของเรา
และต้องการให้ประชาชนกระทำบาป
9 ฉะนั้น สิ่งที่จะเกิดแก่ประชาชน ก็จะเกิดแก่ปุโรหิตคือ
เราจะลงโทษทั้งสองพวกตามวิถีทางของเขา
และจะสนองตอบการกระทำของเขา
10 พวกเขาจะรับประทาน แต่จะไม่อิ่ม
พวกเขาจะทำตัวเป็นหญิงแพศยา แต่จะไม่เพิ่มจำนวนคนขึ้น
เพราะพวกเขาไม่เอาใจใส่ต่อพระผู้เป็นเจ้า
11 และจำนนให้กับความแพศยา เหล้าองุ่นใหม่และเก่า
ซึ่งปล้นความเข้าใจไปจากชนชาติของเรา
12 ชนชาติของเราปรึกษากับท่อนไม้
และพวกเขาใช้ไม้เท้าเพื่อหาคำตอบ
เพราะวิญญาณของความแพศยาได้นำพวกเขาให้หลงผิด
พวกเขาจึงได้ละไปจากพระเจ้าของพวกเขา และกระทำตนเป็นแพศยา
13 พวกเขามอบเครื่องสักการะบนยอดเขา
และเผาของถวายบนเนินเขา
ที่ใต้ต้นโอ๊ก ต้นพ๊อพลาร์ และต้นเทเรบินธ์
เพราะต้นไม้เหล่านั้นเป็นที่ร่มรื่น
บรรดาลูกสาวของพวกเจ้าจึงได้กระทำตนเป็นแพศยา
และบรรดาเจ้าสาวของพวกเจ้าประพฤติผิดประเวณี
14 เราจะไม่ลงโทษบรรดาลูกสาวของพวกเจ้า
เมื่อพวกเขากระทำตนเป็นแพศยา
และไม่ลงโทษบรรดาเจ้าสาวของพวกเจ้า
เมื่อพวกเขาประพฤติผิดประเวณี
เพราะบรรดาผู้ชายเองยังไปกับบรรดาหญิงแพศยา
และมอบเครื่องสักการะร่วมกับหญิงแพศยาประจำวิหาร
และคนที่ขาดความหยั่งรู้ก็จะพินาศ
15 โอ อิสราเอลเอ๋ย แม้ว่าเจ้ากระทำตนเป็นแพศยา
ก็อย่าปล่อยให้ยูดาห์มีความผิด
อย่าเข้าไปในกิลกาล
หรือขึ้นไปยังเบธอาเวน
และอย่าสาบานดังนี้ว่า
‘ตราบที่พระผู้เป็นเจ้ามีชีวิตอยู่ฉันใด’
16 อิสราเอลหัวรั้นเหมือนลูกโคตัวเมีย
ฉะนั้นแล้ว พระผู้เป็นเจ้ายังจะให้พวกเขาเล็มหญ้า
อยู่ในทุ่งหญ้าเหมือนลูกแกะได้อย่างไร
17 เอฟราอิมมีความสัมพันธ์กับรูปเคารพ
ก็ช่างเขา
18 แม้เวลาเครื่องดื่มของพวกเขาจะหมดแล้ว
พวกเขาก็ยังจะกระทำตนเป็นแพศยาต่อไป
บรรดาผู้นำของพวกเขารักวิถีทางที่น่าอับอาย
19 ลมพายุจะหอบอุ้มพวกเขาไว้ใต้ปีกของมัน
และพวกเขาจะอับอายเพราะแท่นบูชาของพวกเขา
การลงโทษอิสราเอลและยูดาห์
5 บรรดาปุโรหิตเอ๋ย จงฟังเถิด
พงศ์พันธุ์อิสราเอลเอ๋ย จงเอาใจใส่ให้ดี
พงศ์พันธุ์ของกษัตริย์เอ๋ย จงเงี่ยหูฟัง
เพราะการลงโทษตกอยู่กับพวกเจ้า
เพราะพวกเจ้าเป็นกับดักที่มิสปาห์
และเป็นตาข่ายพรางบนภูเขาทาโบร์
2 พวกที่ไม่ยอมอยู่ใต้การปกครองได้เข่นฆ่าอย่างโหดร้าย
แต่เราจะกำราบพวกเขาทุกคน
3 เรารู้เรื่องของเอฟราอิมดี
และอิสราเอลหลบซ่อนจากเราไม่ได้
เอฟราอิมเอ๋ย บัดนี้เจ้าได้กระทำตนเป็นแพศยา
อิสราเอลก็มีมลทิน
4 การกระทำของพวกเขาไม่ยอมให้
พวกเขากลับไปหาพระเจ้าของตน
เพราะวิญญาณของความแพศยาอยู่ในตัวพวกเขา
และพวกเขาไม่รู้จักพระผู้เป็นเจ้า
5 ความภูมิใจของอิสราเอลเป็นพยานฟ้องต่อหน้าเขา
อิสราเอลและเอฟราอิมจะสะดุดในความผิดของเขา
ยูดาห์จะสะดุดไปด้วยกันกับพวกเขา
6 พวกเขาจะไปกับฝูงแพะแกะและโค
เพื่อแสวงหาพระผู้เป็นเจ้า
แต่พวกเขาจะไม่พบพระองค์
พระองค์ได้ไปจากพวกเขาแล้ว
7 พวกเขาไม่ภักดีต่อพระผู้เป็นเจ้า
เพราะได้มีลูกที่เกิดจากการผิดประเวณี
บัดนี้เทศกาลข้างขึ้นจะเขมือบกินพวกเขาไปพร้อมกับไร่นา
8 จงเป่าแตรงอนในกิเบอาห์
เป่าแตรยาวในรามาห์
ตะโกนก้องสนามรบที่เบธอาเวน
เบนยามินเอ๋ย พวกเราตามหลังเจ้าไป
9 เอฟราอิมจะกลายเป็นที่รกร้าง
ในวันแห่งการลงโทษ
เราประกาศให้รู้ถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นแน่นอน
ในบรรดาเผ่าของอิสราเอล
10 บรรดาผู้นำของยูดาห์ได้
กลายเป็นเหมือนบรรดาผู้ที่เขยื้อนหลักเขต
เราจะกระหน่ำการลงโทษของเรา
ลงบนพวกเขาอย่างน้ำหลาก
11 เอฟราอิมถูกกดขี่ข่มเหง
ถูกขยี้ในการลงโทษ
เพราะเขาปักใจจะไล่ตามความโสโครก
12 แต่เราจะเป็นเหมือนแมลงเม่าต่อเอฟราอิม
และเป็นเหมือนความผุพังต่อพงศ์พันธุ์ยูดาห์
13 เมื่อเอฟราอิมเห็นความเจ็บป่วยของเขา
และยูดาห์เห็นบาดแผลของเขา
แล้วเอฟราอิมหันไปหาอัสซีเรีย
และขอความช่วยเหลือจากกษัตริย์ยาเรบ[m]
แต่เขาไม่สามารถรักษาพวกเจ้า
หรือทำให้บาดแผลของพวกเจ้าหายขาดได้
14 เพราะเราจะเป็นเหมือนสิงห์ต่อเอฟราอิม
และเป็นดั่งสิงห์หนุ่มต่อพงศ์พันธุ์ยูดาห์
แม้แต่เราเองก็จะฉีกพวกเขาออกเป็นชิ้นๆ แล้วจึงจากไป
เราจะคาบพวกเขาไป และจะไม่มีใครมาช่วยให้รอดปลอดภัย
15 เราจะกลับไปยังที่ของเรา
จนกว่าพวกเขาจะยอมรับความผิดของตน
และจะแสวงหาเรา
เมื่อพวกเขาเป็นทุกข์
พวกเขาจะแสวงหาเราอย่างจริงใจ”
อิสราเอลและยูดาห์ไม่กลับใจ
6 “มาเถิด พวกเราหันกลับไปหาพระผู้เป็นเจ้ากันเถิด
พระองค์ได้ฉีกพวกเราออกเป็นชิ้นๆ
แต่พระองค์จะรักษาพวกเราให้หาย
พระองค์ทำให้พวกเราบาดเจ็บ
แต่พระองค์จะพันบาดแผลให้
2 อีกสองวันพระองค์จะให้ชีวิตแก่พวกเรา
ในวันที่สามพระองค์จะทำให้พวกเราฟื้นขึ้นอีก
เพื่อพวกเราจะมีชีวิตอยู่ ณ เบื้องหน้าพระองค์
3 พวกเรายอมรับเถิด พวกเรามุมานะที่จะยอมรับพระผู้เป็นเจ้าต่อไปเถิด
พระองค์จะปรากฏอย่างแน่นอนดั่งอรุณรุ่ง
พระองค์จะมาหาพวกเราเหมือนสายฝนหลั่ง
เหมือนฝนในฤดูใบไม้ผลิที่โปรยปรายลงสู่พื้นดิน”
4 “โอ เอฟราอิมเอ๋ย เราจะทำอย่างไรกับเจ้า
โอ ยูดาห์เอ๋ย เราจะทำอย่างไรกับเจ้า
ความรักของเจ้าเป็นเหมือนละอองน้ำในยามเช้า
เป็นเหมือนน้ำค้างยามเช้าตรู่ที่จางหายไป
5 ฉะนั้น เราได้สกัดพวกเขาด้วยบรรดาผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้า
เราได้สังหารพวกเขาด้วยคำพูดจากปากของเรา
และการตัดสินโทษของเราจะมาเหมือนสายฟ้าแลบ
6 เพราะเราต้องการความรักอันมั่นคง[n] มากกว่าเครื่องสักการะ
และการรู้จักพระเจ้า มากกว่าสัตว์ที่เผาเป็นของถวาย
7 พวกเขาได้ละเมิดพันธสัญญาเช่นเดียวกับอาดัม
พวกเขาไม่ภักดีต่อเรา
8 กิเลอาดเป็นเมืองของบรรดาคนทำความชั่ว
มีรอยเท้าที่เปื้อนเลือด
9 นั่งดักซุ่มรอคนราวกับโจร
กลุ่มปุโรหิตก็กระทำเช่นเดียวกัน
พวกเขาฆ่าคนตามทางที่ไปยังเชเคม
กระทำการฆาตกรรมที่น่าอับอาย
10 เราเห็นสิ่งที่น่ากลัวในพงศ์พันธุ์อิสราเอล
ความแพศยาของเอฟราอิมก็อยู่ที่นั่น
อิสราเอลมีมลทิน
11 โอ ยูดาห์เอ๋ย เวลาเก็บเกี่ยวถูกกำหนดสำหรับเจ้าแล้ว
เมื่อเราทำให้ความอุดมสมบูรณ์ของชนชาติของเราคืนสู่สภาพเดิม
7 เมื่อเราจะรักษาอิสราเอลให้หาย
บาปต่างๆ ของเอฟราอิมก็ถูกเปิดโปง
และความชั่วที่สะมาเรียกระทำก็ถูกเปิดเผย
เพราะพวกเขาปฏิบัติด้วยความหลอกลวง
พวกขโมยบุกเข้าบ้าน
พวกโจรปล้นอยู่นอกบ้าน
2 แต่พวกเขาไม่คิดว่า
เราจำความชั่วร้ายของพวกเขาได้หมด
บัดนี้การกระทำของพวกเขามัดตัวไว้
และอยู่ที่เบื้องหน้าเรา
3 พวกเขาทำให้กษัตริย์ยินดีกับความชั่วร้ายของพวกเขา
และให้บรรดาผู้นำยินดีกับความมดเท็จของพวกเขา
4 พวกเขาทุกคนผิดประเวณี
ร้อนระอุเหมือนเตาอบ
ที่คนอบขนมไม่จำเป็นต้องเกลี่ยไฟให้คุยิ่งขึ้น
นับจากเวลานวดแป้ง
จนถึงเวลาแป้งฟู
5 ในวันของกษัตริย์ของพวกเรา
บรรดาผู้นำกลายเป็นเพลิงลุกขึ้นก็เพราะเหล้าองุ่น
และเขามีสัมพันธไมตรีกับคนช่างเย้ยหยัน
6 เพราะใจของพวกเขาเป็นเหมือนเตาอบ
พวกเขาเข้าหาเจ้าด้วยเล่ห์อุบาย
ความโกรธของพวกเขาคุขึ้นตลอดคืน
พอรุ่งเช้าความโกรธก็ลุกโพลงอย่างเปลวไฟ
7 พวกเขาทุกคนร้อนระอุเหมือนเตาอบ
พวกเขากำจัดบรรดาผู้ปกครองของตนเอง
บรรดากษัตริย์ทั้งปวงล่มสลาย
และไม่มีสักคนในพวกเขาร้องเรียกถึงเรา
8 เอฟราอิมร่วมคลุกคลีกับชนชาติต่างๆ
เอฟราอิมเป็นขนมที่สุกเพียงด้านเดียว
9 บรรดาคนต่างชาติสูบกำลังของเขาไป
แต่เขาไม่รู้ตัว
ผมของเขาหงอกประปราย
แต่เขาไม่ได้สังเกตดู
10 ความภูมิใจของอิสราเอลเป็นพยานฟ้องต่อหน้าเขา
แต่ถึงกระนั้นก็ตาม พวกเขายังไม่หันกลับไปหาพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของพวกเขา
และไม่แสวงหาพระองค์
11 เอฟราอิมเป็นเหมือนนกพิราบ
หลอกง่ายและเบาปัญญา
ร้องเรียกถึงอียิปต์ ไปหาอัสซีเรีย
12 ขณะที่พวกเขาไป เราจะเหวี่ยงตาข่ายของเรา
เราจะดึงพวกเขาให้ลงมาอย่างพวกนกในอากาศ
เวลาเราได้ยินเสียงพวกเขารวมตัวกันเป็นฝูง
เราก็จะจับพวกเขาไว้
13 วิบัติจงเกิดแก่พวกเขา
เพราะได้เร่ร่อนไปจากเรา
ความพินาศจงเกิดแก่พวกเขา
ที่ได้ดื้อดึงต่อเรา
เราใคร่ที่จะไถ่พวกเขา
แต่พวกเขาพูดเท็จต่อว่าเรา
14 พวกเขาไม่ได้ส่งเสียงร้องถึงเราจากใจ
แต่พวกเขาร้องฟูมฟายอยู่ที่เตียง
พวกเขาเชือดเนื้อตัวเองเวลาขอข้าวและเหล้าองุ่นใหม่
แต่แล้วพวกเขาก็หันเหไปจากเรา
15 เราได้ฝึกฝนและช่วยพวกเขาให้เข้มแข็ง
แต่พวกเขายังวางแผนชั่วต่อต้านเรา
16 พวกเขาไม่หันขึ้นสู่เบื้องบน
พวกเขาเป็นเหมือนคันธนูคด
บรรดาผู้นำของพวกเขาจะถูกดาบฟาดฟันจนตาย
ก็เพราะลิ้นของพวกเขาพูดสบประมาท
เพราะเหตุนี้ พวกเขาจะถูกดูหมิ่น
ในแผ่นดินของอียิปต์
Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation