Beginning
เยรูซาเล็มจะพินาศ
5 โอ บุตรมนุษย์เอ๋ย เจ้าจงหยิบดาบคมกริบเล่มหนึ่ง ใช้ดาบเหมือนกับที่ช่างตัดผมใช้มีดโกนของเขา เพื่อโกนผมและหนวดเครา และใช้ตราชูชั่งผมออกเป็นส่วนๆ 2 เมื่อการล้อมเมืองของเจ้าสิ้นสุดลง จงใช้ไฟเผาผมของเจ้าหนึ่งส่วนสามที่กลางเมือง จากนั้นเจ้าจงใช้ดาบฟันผมหนึ่งส่วนสามที่รอบๆ เมือง และอีกหนึ่งส่วนสามเจ้าจงโปรยให้กระจายไปกับสายลม เพราะเราจะชักดาบไล่ล่าพวกเขาไป 3 เจ้าจงเหน็บผมสองสามเส้นเก็บไว้ที่ชายเสื้อคลุมของเจ้า 4 และจงหยิบผมอีกสองสามเส้นเผาทิ้งในกองไฟ ไฟจะลุกลามและแพร่ไปทั่วพงศ์พันธุ์อิสราเอล”
5 พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธาผู้ยิ่งใหญ่กล่าวดังนี้ว่า “นี่คือเยรูซาเล็ม เราได้ตั้งเมืองนี้ไว้ที่ท่ามกลางบรรดาประชาชาติ ซึ่งมีหลายดินแดนอยู่โดยรอบนาง 6 และนางได้ขัดขืนต่อคำบัญชาและกฎเกณฑ์ของเรา ยิ่งกว่าบรรดาประชาชาติและหลายดินแดนรอบตัวนาง นางไม่ยอมรับฟังคำบัญชาและไม่ปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ของเรา” 7 ฉะนั้น พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่กล่าวดังนี้ว่า “เพราะว่าเจ้าขัดขืนเรายิ่งกว่าบรรดาประชาชาติที่อยู่โดยรอบเจ้า และไม่ได้ปฏิบัติตามกฎเกณฑ์หรือรักษากฎบัญญัติของเรา พวกเจ้าไม่ได้ทำตามแม้แต่กฎของบรรดาประชาชาติที่อยู่โดยรอบเจ้า” 8 ฉะนั้น พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่กล่าวดังนี้ว่า “ดูเถิด แม้เราเองก็คัดค้านเจ้า เยรูซาเล็มเอ๋ย และเราจะลงโทษเจ้าต่อหน้าบรรดาประชาชาติ 9 เพราะรูปเคารพอันน่ารังเกียจทั้งสิ้นของเจ้า เราจะกระทำต่อเจ้าอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน และจะไม่มีวันที่จะกระทำอีก 10 ฉะนั้น บรรดาบิดาจะกินบุตรของพวกเขาเองในท่ามกลางพวกเจ้า และบรรดาบุตรก็จะกินบิดาของพวกเขาเอง และเราจะลงโทษเจ้า และจะทำให้บรรดาผู้รอดชีวิตกระจัดกระจายไปทั่วทุกสารทิศ” 11 ฉะนั้น พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ประกาศดังนี้ว่า “ตราบที่เรามีชีวิตอยู่ฉันใด เราเองจะโค่นเจ้าลง เราจะไม่มองดูเจ้าด้วยความเมตตา หรือไว้ชีวิตเจ้า เพราะเจ้าได้ทำให้ที่พำนักของเราเป็นมลทินด้วยสิ่งอันน่ารังเกียจ และด้วยสิ่งอันน่าขยะแขยงทั้งปวง 12 หนึ่งในสามของพวกเจ้าจะตายจากโรคระบาดหรือไม่ก็อดอยากตายในท่ามกลางพวกเจ้า หนึ่งในสามจะล้มตายด้วยดาบที่นอกกำแพงเมือง และอีกหนึ่งในสาม เราจะทำให้กระจัดกระจายไปทั่วทุกสารทิศ และจะชักดาบไล่ล่าพวกเจ้าไป
13 และความโกรธของเราจะแสดงออก และเราจะระบายความกริ้วลงที่พวกเขาจนเราจะพอใจ และเมื่อเราลงโทษพวกเขาแล้ว พวกเขาจะรู้ว่า เราคือพระผู้เป็นเจ้า และเราได้พูดด้วยความหวงแหน 14 เราจะทำให้เจ้าเป็นที่ร้าง และเป็นที่ดูหมิ่นในบรรดาประชาชาติโดยรอบเจ้า ต่อหน้าทุกคนที่ผ่านมา 15 เจ้าจะเป็นที่ดูหมิ่น เป็นที่หัวเราะเยาะ เป็นการเตือนและสภาพที่น่าหวาดกลัวสำหรับบรรดาประชาชาติที่อยู่โดยรอบเจ้า เมื่อเราลงโทษเจ้าด้วยความโกรธและกริ้ว เราตักเตือนเจ้าด้วยความโกรธ เราคือพระผู้เป็นเจ้า เราได้กล่าวแล้ว 16 เมื่อเรายิงศรแห่งความอดอยากที่นำความตายและหายนะมายังเจ้า เราจะทำเพื่อให้เจ้าพินาศ เราจะนำความอดอยากมาให้เจ้ามากยิ่งขึ้น และจะทำให้อาหารขาดแคลน 17 เราจะทำให้เกิดความอดอยาก และรังควานเจ้าด้วยสัตว์ป่า และลูกๆ ของเจ้าจะถูกพรากจากไป เจ้าจะประสบกับโรคระบาดและโลหิตตก และเจ้าจะไม่อาจหลีกเลี่ยงจากคมดาบ เราคือพระผู้เป็นเจ้า เราได้กล่าวแล้ว”
โทษของการบูชารูปเคารพ
6 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับข้าพเจ้าดังนี้ 2 “บุตรมนุษย์เอ๋ย จงหันหน้าไปทางภูเขาของอิสราเอล และเผยความกล่าวโทษพวกเขา 3 และจงพูดว่า โอ ภูเขาของอิสราเอลเอ๋ย จงฟังคำกล่าวของพระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ นี่คือสิ่งที่พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่กล่าวแก่ภูเขาและเนินเขา แก่ธารน้ำในหุบเขาและหุบเขา เรากำลังจะทำให้เจ้าไม่คลาดแคล้วไปจากคมดาบ และเราจะทำลายสถานบูชาบนภูเขาสูงของพวกเจ้า 4 แท่นบูชาของพวกเจ้าจะถูกพังทลายลง และแท่นเผาเครื่องหอมทั้งหลายจะถูกทุบจนแตกหัก และเราจะทิ้งคนของเจ้าที่ถูกสังหารลงที่ตรงหน้ารูปเคารพทั้งหลาย 5 เราจะทอดร่างของชาวอิสราเอลที่ตรงหน้ารูปเคารพทั้งหลายของพวกเขา และเราจะโปรยกระดูกของพวกเจ้าที่รอบๆ แท่นบูชาทั้งหลายของพวกเจ้า 6 ไม่ว่าพวกเจ้าอาศัยอยู่ที่ใดก็ตาม เมืองจะพินาศ และสถานบูชาบนภูเขาสูงจะพังทลาย แท่นบูชาของพวกเจ้าก็จะพินาศและพังทลาย รูปเคารพของพวกเจ้าแตกหักและพังพินาศ แท่นเผาเครื่องหอมของพวกเจ้าถูกฟันล้มลง และสิ่งที่พวกเจ้าสร้างขึ้นจะไม่เหลือแม้แต่ซาก 7 ผู้ที่ถูกสังหารจะล้มตายท่ามกลางพวกเจ้า แล้วพวกเจ้าจึงจะรู้ว่า เราคือพระผู้เป็นเจ้า
8 แต่ถึงกระนั้น เราจะไว้ชีวิตของพวกเจ้าบางคน เพราะบางคนจะรอดจากความตายไปได้ ในเวลาที่กระจัดกระจายไปอยู่ในท่ามกลางบรรดาประชาชาติและในหลายดินแดน 9 แล้วบรรดาผู้ที่หนีรอดไปได้จะระลึกถึงเราในท่ามกลางบรรดาประชาชาติที่จับพวกเขาไปเป็นเชลย เราเสียใจเพียงไรกับการนอกใจของพวกเขา ที่ได้หันหลังให้เรา และสิ่งที่เขามองเห็นทำให้เกิดกิเลสกับรูปเคารพของพวกเขา พวกเขาจะเกลียดตนเองที่ได้กระทำสิ่งชั่วร้ายและประพฤติอย่างน่ารังเกียจทั้งสิ้น 10 และพวกเขาจะรู้ว่า เราคือพระผู้เป็นเจ้า เราไม่ได้เพียงขู่เข็ญว่า เราจะนำความวิบัติเช่นนี้มายังพวกเขา”
11 พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่กล่าวดังนี้ “จงปรบมือและกระทืบเท้าและพูดว่า วิบัติ เพราะความประพฤติอันชั่วร้ายและน่ารังเกียจทั้งสิ้นของพงศ์พันธุ์อิสราเอล พวกเขาจึงจะตายด้วยคมดาบ การอดอยาก และโรคระบาด 12 ผู้ที่อยู่ห่างไกลจะตายจากโรคระบาด ผู้ที่อยู่ใกล้จะตายด้วยคมดาบ และผู้ที่อยู่รอดจะตายเนื่องจากการอดอยาก เราจะแสดงความโกรธกับพวกเขา 13 และพวกเขาจะรู้ว่า เราคือพระผู้เป็นเจ้าเมื่อประชาชนนอนตายท่ามกลางรูปเคารพที่รอบแท่นบูชาของพวกเขา บนเนินเขาสูงและบนยอดเขาทุกแห่ง ใต้ต้นไม้เขียวชอุ่มทุกต้น และใต้ต้นโอ๊กที่ผลิใบทุกต้น ทุกแห่งที่มีการมอบเครื่องหอมแก่รูปเคารพทั้งปวง 14 และเราจะยื่นมือของเราออกเพื่อลงโทษพวกเขา และทำให้แผ่นดินที่พวกเขาอาศัยอยู่ทุกแห่งเป็นที่รกร้าง นับจากถิ่นทุรกันดารจนถึงดิบลาห์[a] แล้วพวกเขาจะรู้ว่า เราคือพระผู้เป็นเจ้า”
วันแห่งความโกรธกริ้วของพระผู้เป็นเจ้า
7 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับข้าพเจ้าดังนี้ว่า 2 “และตัวเจ้าเอง บุตรมนุษย์เอ๋ย พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่กล่าวกับแผ่นดินอิสราเอลว่า วันสิ้นสุดลง การสิ้นสุดได้มายัง 4 มุมของแผ่นดินโลกแล้ว 3 บัดนี้วันสิ้นสุดลงจะตกอยู่กับเจ้า และเราจะให้ความโกรธของเรามาถึงตัวเจ้า เราจะพิพากษาตามวิถีทางของเจ้า และเราจะลงโทษเจ้าเพราะการกระทำอันน่ารังเกียจทั้งสิ้นของเจ้า 4 เราจะไม่ไว้ชีวิตหรือมองดูเจ้าด้วยความเมตตา แต่เราจะลงโทษเพราะวิถีทางของเจ้า เมื่อพวกเจ้ายังกระทำสิ่งอันน่ารังเกียจ แล้วพวกเจ้าจะรู้ว่า เราคือพระผู้เป็นเจ้า”
5 พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่กล่าวดังนี้ว่า “ความพินาศอย่างไม่เคยมีมาก่อนกำลังจะเกิดขึ้น 6 วันสิ้นสุดลงได้มาถึง วันสิ้นสุดลงได้มาถึงแล้ว มันได้ตื่นขึ้นมาต่อต้านเจ้า ดูเถิด มันมาถึงแล้ว 7 การลงโทษเจ้ามาถึงแล้ว เจ้าที่อาศัยอยู่ในแผ่นดิน ถึงเวลาแล้ว วันนั้นใกล้เข้ามาแล้ว วันแห่งการชุลมุนซึ่งไม่ใช่เสียงร้องแห่งความยินดีบนภูเขา 8 เรากำลังจะกระหน่ำการลงโทษของเราลงบนเจ้า และเราจะให้ความกริ้วของเราลงที่เจ้า เราจะพิพากษาตามวิถีทางของเจ้า และเราจะสนองตอบการกระทำที่น่าชังทั้งสิ้นของเจ้า 9 เราจะไม่ไว้ชีวิตหรือมองดูเจ้าด้วยความเมตตา เราจะลงโทษตามวิถีทางของเจ้า เมื่อพวกเจ้ายังกระทำสิ่งอันน่ารังเกียจ แล้วพวกเจ้าจะรู้ว่า เราคือพระผู้เป็นเจ้าผู้สังหาร
10 ดูเถิด วันนั้นมาถึงแล้ว มาถึงแล้ว การลงโทษเจ้ามาถึงแล้ว ไม้เรียวได้ออกดอกแล้ว ความหยิ่งยโสออกดอกตูมแล้ว 11 การกระทำอันรุนแรงได้เติบโตขึ้นเป็นการลงโทษความชั่วร้าย ไม่มีผู้ใดในพวกเขาจะมีชีวิตเหลืออยู่ ไม่มีสักคนในหมู่ชน ไม่มีความมั่งมี จะไม่มีสิ่งมีค่าใดๆ 12 ถึงเวลาแล้ว วันนั้นมาถึงแล้ว อย่าให้ผู้ซื้อยินดี หรือผู้ขายเศร้าใจ เพราะการลงโทษตกอยู่กับฝูงชนทั้งปวง 13 เพราะผู้ขายจะไม่กลับไปยังที่ดินซึ่งเขาขายไปแล้ว แม้ทั้งสองฝ่ายยังมีชีวิตรอดก็ตาม เพราะภาพนิมิตนี้เกี่ยวข้องกับฝูงชนทั้งปวงและจะไม่หันกลับ และเป็นเพราะบาปของเขา จึงไม่มีสักคนที่จะรักษาชีวิตของตนไว้ได้
14 ถึงแม้ว่าพวกเขาได้เป่าแตรงอนและเตรียมทุกอย่างไว้พร้อม แต่ก็ไม่มีผู้ใดที่จะทำศึกสงคราม เพราะการลงโทษของเราตกอยู่กับฝูงชนทั้งปวง 15 ภายนอกมีการสู้รบ โรคระบาด และการอดอยากเกิดขึ้นภายใน บรรดาผู้ที่อยู่ในไร่นาจะตายด้วยคมดาบ และบรรดาผู้ที่อยู่ในเมืองจะถูกการอดอยากและโรคระบาดกำจัดเสียสิ้น 16 พวกที่ประทังชีวิตและหลบหนีไปได้จะไปอยู่ในแถบภูเขา และโอดครวญอย่างนกพิราบในหุบเขา แต่ละคนจะเป็นเช่นนั้นเนื่องจากบาปของตน 17 ทุกๆ มือจะอ่อนเปลี้ย และเข่าจะอ่อนปวกเปียกราวกับน้ำ 18 พวกเขาจะสวมผ้ากระสอบและตกอยู่ในสภาพที่หวาดหวั่น จะอับอายขายหน้าและถูกโกนผม 19 พวกเขาจะโยนเงินทิ้งที่ถนน และทองคำของพวกเขาจะเป็นเหมือนสิ่งที่เป็นมลทิน ทั้งเงินและทองคำไม่อาจจะช่วยชีวิตของพวกเขาได้ในวันแห่งการลงโทษของพระผู้เป็นเจ้า พวกเขาจะไม่หายหิวหรือจะอิ่มท้องได้ด้วยของพวกนั้น เพราะมันทำให้พวกเขาสะดุดลงในความบาป 20 พวกเขาภาคภูมิใจกับเครื่องประดับที่สวยงาม และเอาไปทำเป็นรูปเคารพอันน่ารังเกียจและรูปบูชาอันน่าขยะแขยง ฉะนั้นเราจะทำให้สิ่งเหล่านี้กลายเป็นสิ่งที่เป็นมลทิน 21 และเราจะให้เป็นเหยื่อในมือของบรรดาชาวต่างชาติ และเป็นสิ่งที่ริบมาให้แก่คนชั่วร้ายของแผ่นดินโลก และพวกเขาจะดูหมิ่นสิ่งเหล่านั้น 22 เราจะหันหน้าไปจากพวกเขา และพวกเขาจะดูหมิ่นสถานที่อันมีค่า พวกโจรจะเข้าไปและดูหมิ่นสถานที่นั้น
23 จงเตรียมโซ่ให้พร้อม เพราะแผ่นดินเต็มด้วยการนองเลือด และเมืองเต็มด้วยความป่าเถื่อน 24 เราจะนำบรรดาประชาชาติที่เลวร้ายที่สุดมายึดบ้านเรือนของพวกเขา เราจะทำให้ความยโสของผู้มีอำนาจสิ้นลง และสถานที่บริสุทธิ์ทั้งหลายของพวกเขาจะถูกดูหมิ่น 25 เมื่อเกิดความปวดร้าว พวกเขาจะแสวงหาสันติสุข แต่ก็จะไม่พบ 26 ความวิบัติซ้อนความวิบัติจะเกิดขึ้น คำเล่าลือแพร่กันไปทั่ว พวกเขาจะเค้นหาภาพนิมิตจากผู้เผยคำกล่าว การสั่งสอนกฎบัญญัติจากปุโรหิตจะสูญหายเช่นเดียวกับคำปรึกษาของบรรดาหัวหน้าชั้นผู้ใหญ่ 27 กษัตริย์จะเศร้าโศก ผู้ยิ่งใหญ่จะนุ่งห่มด้วยความสิ้นหวัง มือของประชาชนของแผ่นดินสั่นเทา เราจะกระทำต่อพวกเขาตามสิ่งที่เขาทำมา และเราจะพิพากษาลงโทษตามมาตรฐานการตัดสินของพวกเขา แล้วพวกเจ้าจะรู้ว่า เราคือพระผู้เป็นเจ้า”
สิ่งอันน่ารังเกียจในพระตำหนัก
8 ในวันที่ห้าของเดือนหก ปีที่หก[b] ขณะที่ข้าพเจ้านั่งอยู่ในบ้านของข้าพเจ้า และบรรดาหัวหน้าชั้นผู้ใหญ่ของยูดาห์ก็นั่งอยู่ตรงหน้า และมือของพระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่สถิตกับข้าพเจ้าที่นั่น 2 ข้าพเจ้ามองดู และเห็นสิ่งหนึ่งซึ่งมีลักษณะเหมือนเปลวไฟ[c] ดูเหมือนว่าตั้งแต่บั้นเอวลงมา ผู้นั้นปรากฏเหมือนเปลวไฟ และจากบั้นเอวขึ้นไปมีประกายจ้าเหมือนโลหะวาววับ 3 ผู้นั้นยื่นสิ่งหนึ่งซึ่งเหมือนมือออกมาจับผมบนศีรษะของข้าพเจ้า พระวิญญาณยกตัวข้าพเจ้าขึ้นระหว่างแผ่นดินโลกและฟ้าสวรรค์ และภาพนิมิตที่พระเจ้าโปรดให้เห็นคือ พระวิญญาณพาข้าพเจ้าไปยังเยรูซาเล็ม ให้เข้าประตูไปข้างในที่อยู่ด้านทิศเหนือ ซึ่งมีรูปเคารพที่กระตุ้นให้เกิดความหวงแหนยืนอยู่ 4 และดูเถิด พระบารมีของพระเจ้าของอิสราเอลปรากฏอยู่ที่นั่น เหมือนในภาพนิมิตที่ข้าพเจ้าเคยเห็นที่หุบเขา
5 พระองค์กล่าวกับข้าพเจ้าดังนี้ว่า “บุตรมนุษย์เอ๋ย จงมองไปทางทิศเหนือ” ข้าพเจ้าก็มอง และที่ทางเข้าทางทิศเหนือของประตูแท่นบูชา ข้าพเจ้าเห็นรูปเคารพที่ก่อให้เกิดความหวงแหน 6 พระองค์กล่าวกับข้าพเจ้าดังนี้ว่า “บุตรมนุษย์เอ๋ย เจ้าเห็นไหมว่าพวกเขากำลังทำอะไรอยู่ สิ่งทั้งหลายอันน่ารังเกียจที่สุดที่พงศ์พันธุ์อิสราเอลกำลังทำอยู่ที่นี่ สิ่งที่จะขับให้เราออกไปไกลจากที่พำนักของเรา แต่เจ้าจะเห็นสิ่งต่างๆ ที่น่ารังเกียจมากยิ่งกว่าเสียอีก”
7 และพระองค์พาข้าพเจ้าไปยังทางเข้าลานพระตำหนัก ดูเถิด เมื่อข้าพเจ้ามองดู ก็เห็นว่ามีช่องโหว่ในกำแพง 8 พระองค์กล่าวกับข้าพเจ้าว่า “บุตรมนุษย์เอ๋ย จงทะลวงกำแพง” ดังนั้น ข้าพเจ้าจึงทะลวงกำแพง ดูเถิด มีทางเข้า 9 และพระองค์กล่าวกับข้าพเจ้าว่า “จงเข้าไป และดูสิ่งชั่วร้ายและน่าชังที่พวกเขาปฏิบัติที่นี่” 10 ดังนั้น ข้าพเจ้าจึงเข้าไปดู และข้าพเจ้าเห็นรูปที่รอบกำแพงเป็นสัตว์เลื้อยคลานทุกชนิดและสัตว์ป่าที่น่ารังเกียจ และรูปเคารพทั้งสิ้นของพงศ์พันธุ์อิสราเอล 11 และมีบรรดาหัวหน้าชั้นผู้ใหญ่ของพงศ์พันธุ์อิสราเอล 70 คนยืนอยู่ข้างหน้ารูปเหล่านั้น ยาอาซันยาห์บุตรชาฟานก็ยืนอยู่กับพวกเขาด้วย และแต่ละคนถือกระถางเครื่องหอมของตน กลุ่มควันเครื่องหอมลอยขึ้น 12 และพระองค์กล่าวกับข้าพเจ้าดังนี้ “บุตรมนุษย์เอ๋ย เจ้าเห็นแล้วใช่ไหมว่า บรรดาหัวหน้าชั้นผู้ใหญ่ของอิสราเอลกำลังทำอะไรในที่มืด แต่ละคนอยู่ในห้องบูชารูปเคารพ พวกเขาพูดว่า ‘พระผู้เป็นเจ้ามองไม่เห็นพวกเรา พระผู้เป็นเจ้าได้ทอดทิ้งแผ่นดินนี้แล้ว’” 13 พระองค์กล่าวกับข้าพเจ้าดังนี้ด้วยว่า “เจ้ายังจะได้เห็นสิ่งต่างๆ อันน่ารังเกียจเสียยิ่งกว่าสิ่งที่พวกเขากำลังทำอยู่”
14 ต่อจากนั้นพระองค์พาข้าพเจ้าไปยังทางเข้าประตูด้านเหนือของพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า ดูเถิด ที่นั่นมีบรรดาผู้หญิงนั่งร้องรำพันถึงเทพเจ้าทัมมุส 15 และพระองค์กล่าวกับข้าพเจ้าดังนี้ “เจ้าเห็นแล้วหรือยัง โอ บุตรมนุษย์เอ๋ย เจ้ายังจะได้เห็นสิ่งต่างๆ อันน่ารังเกียจเสียยิ่งกว่าสิ่งเหล่านี้”
16 และพระองค์พาข้าพเจ้าเข้าไปในลานพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า ที่นั่นเป็นทางเข้าพระตำหนักชั้นนอก ซึ่งอยู่ระหว่างห้องมุขและแท่นบูชา มีผู้ชายประมาณ 25 คนยืนหันหลังให้พระวิหารของพระผู้เป็นเจ้า พวกเขาหันหน้าไปทางทิศตะวันออก และกำลังก้มคารวะดวงอาทิตย์ทางทิศตะวันออก 17 พระองค์กล่าวกับข้าพเจ้าดังนี้ “บุตรมนุษย์เอ๋ย เจ้าเห็นแล้วยัง นี่เป็นเรื่องเล็กน้อยหรือที่พงศ์พันธุ์ยูดาห์ปฏิบัติอย่างน่ารังเกียจเช่นนี้ที่นี่ พวกเขาถึงต้องแสดงความป่าเถื่อนไปทั่วแผ่นดิน และยั่วโทสะเราซ้ำแล้วซ้ำอีกอย่างนั้นหรือ ดูพวกเขาสิ ใช้กิ่งไม้เจาะจมูก 18 ฉะนั้น เราจะกระทำต่อพวกเขาด้วยความกริ้ว เราจะไม่มองดูพวกเขาด้วยความเมตตา หรือไว้ชีวิตพวกเขา และแม้ว่าพวกเขาจะร้องตะโกนใส่หูเรา เราก็จะไม่ฟังพวกเขา”
Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation