Beginning
ความพินาศของบาบิโลน
51 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวดังนี้
“ดูเถิด เราจะกระตุ้นวิญญาณของผู้ทำลาย
ให้โจมตีบาบิโลน
โจมตีบรรดาผู้อยู่อาศัยของเลบคามาย[a]
2 เราจะส่งบรรดาผู้ฝัดร่อนไปยังบาบิโลน
และพวกเขาจะฝัดร่อนบาบิโลน
และจะริบของไปจากแผ่นดินจนเกลี้ยง
เมื่อพวกเขามาโจมตีบาบิโลนจากทุกด้าน
ในวันแห่งความพินาศ
3 อย่าให้นักธนูง้างคันธนู
และอย่าให้เขาสวมเกราะ
อย่าไว้ชีวิตบรรดาชายหนุ่มในบาบิโลน
ทำลายทุกชีวิตของทหารทุกคน
4 พวกเขาจะล้มตายในแผ่นดินของชาวเคลเดีย
และบาดเจ็บที่ถนนในเมือง”
5 เพราะพระเจ้าของอิสราเอลและยูดาห์
พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธาไม่ได้ทอดทิ้งพวกเขา
แม้ว่าแผ่นดินของพวกเขาเต็มด้วยความผิดบาป
ต่อองค์ผู้บริสุทธิ์ของอิสราเอล
6 จงหนีไปจากบาบิโลน
ให้แต่ละคนช่วยตัวเองให้รอด
อย่ายอมตายเพราะการลงโทษที่แผ่นดินนั้นได้รับ
เพราะนี่เป็นเวลาของการแก้แค้นของพระผู้เป็นเจ้า
เป็นการสนองตอบต่อสิ่งที่พวกเขาได้กระทำ
7 บาบิโลนเป็นเสมือนถ้วยทองในมือของพระผู้เป็นเจ้า
ที่ทำให้ทั่วทั้งโลกเมามาย
บรรดาประชาชาติดื่มเหล้าองุ่นของเมืองนั้น
บรรดาประชาชาติจึงได้บ้าคลั่ง
8 บาบิโลนจึงได้ล้มและแตกเป็นเสี่ยงๆ ในทันใด
ร้องรำพันให้กับบาบิโลนเถิด
เอายาทาแผลไปให้เพื่อแก้ความเจ็บปวด
อาจจะช่วยเขาให้หายก็ได้
9 พวกเราอยากจะช่วยบาบิโลนให้หายขาด
แต่ก็รักษาไม่หาย
ปล่อยทิ้งเขาไป และเราไปกันเถิด
แต่ละคนไปยังบ้านเกิดของตน
เพราะโทษของการตัดสินสำหรับเขาได้ขึ้นไปถึงฟ้าสวรรค์
และได้ลอยขึ้นสูงเทียมฟ้า
10 พระผู้เป็นเจ้าได้พิสูจน์ว่าพวกเราไม่ผิด
มาเถิด เรามาประกาศในศิโยนถึงสิ่ง
ที่พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเรากระทำ
11 ลับลูกธนูให้คม
และยกโล่พร้อมรบ
พระผู้เป็นเจ้าได้กระตุ้นวิญญาณของบรรดากษัตริย์ของชาวมีเดีย เพราะพระองค์ประสงค์ที่จะทำลายบาบิโลน เพราะเป็นการแก้แค้นของพระผู้เป็นเจ้า แก้แค้นให้พระวิหารของพระองค์
12 จงให้สัญญาณโจมตีกำแพงเมืองของบาบิโลน
เพิ่มจำนวนทหารยาม
และให้คนเฝ้ายามประจำตำแหน่ง
เฝ้าระวังอย่าให้มีผู้ใดซุ่มโจมตี
ด้วยว่า พระผู้เป็นเจ้าได้กระทำตามที่พระองค์กล่าวว่า
จะกระทำต่อบรรดาผู้อยู่อาศัยในบาบิโลน
13 โอ เมืองที่อยู่ข้างแม่น้ำหลายสาย
ซึ่งมั่งคั่งด้วยสมบัติ
จุดจบของเจ้ามาถึงแล้ว
ชีวิตของเจ้าจบเพียงเท่านี้
14 พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธาได้ปฏิญาณโดยพระองค์เองดังนี้ว่า
“เราจะให้คนจำนวนมากมาที่บาบิโลนจนเต็มเมือง
มากมายราวกับฝูงตั๊กแตน
และพวกเขาจะร้องตะโกนใส่เจ้าด้วยความมีชัย”
15 พระองค์เป็นผู้สร้างแผ่นดินโลกด้วยอานุภาพของพระองค์
ผู้สร้างโลกด้วยสติปัญญาของพระองค์
และแผ่ฟ้าสวรรค์ออกด้วยความเข้าใจของพระองค์
16 เมื่อพระองค์ส่งเสียง ก็มีเสียงคำรามในฟ้าสวรรค์
และพระองค์สร้างเมฆให้ลอยขึ้นจากสุดมุมโลก
พระองค์สร้างให้มีสายฟ้าแลบเมื่อมีฝน
และให้มีลมโบกจากแหล่งเก็บลม
17 มนุษย์ทุกคนเบาปัญญาและไร้ความรู้
ช่างตีเหล็กทุกคนจะอับอายก็เพราะรูปเคารพของเขา
เพราะรูปที่เขาหล่อขึ้นนั้นจอมปลอม
และไม่มีลมหายใจ
18 รูปเหล่านั้นไร้ค่าและเป็นที่ดูแคลน
และจะถูกทำลายเมื่อถึงเวลาพิพากษาโทษ
19 องค์ผู้ที่ยาโคบนมัสการไม่เป็นเหมือนสิ่งเหล่านี้
เพราะพระองค์เป็นผู้สร้างสรรพสิ่ง
และอิสราเอลเป็นเผ่าพันธุ์ของผู้สืบมรดกของพระองค์
พระองค์มีพระนามว่า พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธา
20 “บาบิโลนเอ๋ย เจ้าเป็นเสมือนค้อนของเรา
เป็นอาวุธสงคราม
เราใช้เจ้าให้ทำลายบรรดาประชาชาติจนแตกหักเป็นเสี่ยงๆ
และให้เจ้าทำลายอาณาจักรทั้งหลาย
21 เราใช้เจ้าให้ทำลายม้าและคนขี่จนพินาศ
เราใช้เจ้าให้ทำลายรถศึกและคนขับจนพินาศ
22 เราใช้เจ้าให้ทำลายผู้ชายและผู้หญิง
เราใช้เจ้าให้ทำลายผู้สูงวัยและคนวัยรุ่น
เราใช้เจ้าให้ทำลายคนหนุ่มสาว
23 เราใช้เจ้าให้ทำลายผู้เลี้ยงดูฝูงแกะและฝูงสัตว์
เราใช้เจ้าให้ทำลายชาวนาและสัตว์ใช้งาน
เราใช้เจ้าให้ทำลายผู้ปกครองและผู้บัญชาการทั้งหลาย
24 เราจะกระทำตอบบาบิโลนและบรรดาผู้อยู่อาศัยของชาวเคลเดียต่อหน้าชาวอิสราเอล เพราะความชั่วทั้งปวงที่พวกเขาได้กระทำในศิโยน” พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น
25 พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนี้ว่า
“โอ ภูเขาผู้ทำลายเอ๋ย[b] ดูเถิด เราต่อต้านเจ้า
เจ้าทำลายทั่วทั้งแผ่นดินโลก
เราจะยื่นมือของเราออกเพื่อขัดขวางเจ้า
และจะกลิ้งเจ้าให้ตกหน้าผา
และทำให้เจ้าเป็นเทือกเขาที่ถูกไฟไหม้
26 พวกเขาจะไม่เอาหินแม้แต่ก้อนเดียวจากเจ้าไปใช้เป็นศิลามุมเอก
หรือฐานรากอีก
แต่เจ้าจะเป็นที่รกร้างตลอดไป”
พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น
27 “จงให้สัญญาณบนแผ่นดินโลก
เป่าแตรงอนท่ามกลางบรรดาประชาชาติ
จงเตรียมบรรดาประชาชาติให้โจมตีบาบิโลน
บอกอาณาจักรของอารารัต มินนี และอัชเคนัสให้โจมตีเมืองนั้น
มอบหมายผู้บังคับกองพันให้โจมตีเมือง
ส่งม้าขึ้นมาให้มากมายราวกับฝูงตั๊กแตน
28 จงเตรียมบรรดาประชาชาติให้โจมตีบาบิโลน
บรรดากษัตริย์ของชาวมีเดีย
พร้อมด้วยบรรดาผู้ว่าราชการและผู้นำของกษัตริย์
และทุกดินแดนที่เขาปกครอง
29 แผ่นดินสั่นสะเทือนและบิดด้วยความเจ็บปวดแสนสาหัส
เพราะพระผู้เป็นเจ้ายังประสงค์
ที่จะทำให้บาบิโลนเป็นแผ่นดินรกร้าง
ปราศจากผู้อยู่อาศัย
30 บรรดานักรบของบาบิโลนได้หยุดต่อสู้
พวกเขาอยู่ในป้อมปราการที่คุ้มกันไว้อย่างแข็งแกร่ง
พวกเขาท้อแท้
และกลายเป็นคนอ่อนแอเหมือนผู้หญิง
ที่อยู่ของพวกเขาลุกไหม้
ดาลประตูหักพัง
31 ผู้นำสาสน์คนแล้วคนเล่า
และผู้ส่งข่าวคนแล้วคนเล่า
ต่างก็วิ่งไปบอกกษัตริย์แห่งบาบิโลนว่า
เมืองของเขาถูกยึดโดยรอบ
32 ที่ข้ามธารน้ำถูกยึดหมด
ที่ลุ่มถูกไฟไหม้
และบรรดาทหารตื่นตระหนก”
33 พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธา พระเจ้าของอิสราเอลกล่าวดังนี้
“ธิดาแห่งบาบิโลนเป็นเหมือนลานนวดข้าว
ในยามที่ถูกเหยียบย่ำ
เวลาเก็บเกี่ยวใกล้จะถึงแล้ว”
34 เนบูคัดเนสซาร์กษัตริย์แห่งบาบิโลนได้กลืนกินเราแล้ว
ท่านเหยียบขยี้เรา
ท่านได้ทำให้เราเป็นเหมือนภาชนะที่ไม่ได้บรรจุสิ่งใด
ท่านกลืนเราเหมือนยักษ์มาร
ท้องของท่านเต็มด้วยของอร่อยที่เป็นของเรา
แล้วท่านก็คายเราออก
35 ให้ผู้อยู่อาศัยของศิโยนพูดว่า
“ขอให้ความรุนแรงที่พวกเราและพี่น้องร่วมชาติของเราถูกกระทำจงเกิดขึ้นกับบาบิโลนเถิด”
ให้เยรูซาเล็มพูดว่า
“บรรดาผู้อยู่อาศัยของเคลเดียต้องรับผิดชอบกับการตายของเรา”
36 ฉะนั้น พระผู้เป็นเจ้ากล่าวดังนี้
“ดูเถิด เราจะปกป้องพวกเจ้า
และแก้แค้นให้พวกเจ้า
เราจะทำให้ทะเลของบาบิโลนแห้งลง
และทำให้แหล่งน้ำของเขาแห้งเหือด
37 และบาบิโลนจะกลายเป็นกองหินปรักหักพัง
เป็นที่อยู่ของหมาใน
เป็นที่น่าหวาดกลัว และเป็นที่เหน็บแนม
ปราศจากผู้อยู่อาศัย
38 พวกเขาจะคำรามด้วยกันเหมือนสิงโตคำราม
พวกเขาจะทำเสียงขู่เหมือนลูกสิงโต
39 ขณะที่พวกเขาหิวกระหาย
เราจะเตรียมงานเลี้ยงให้แก่พวกเขา
ทำให้เขาเมาและสนุกสนาน
แล้วก็หลับสนิทจนไม่ตื่นขึ้นอีก”
พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น
40 “เราจะนำพวกเขาลงไป
อย่างลูกแกะที่จะถูกประหาร
อย่างแกะและแพะตัวผู้
41 บาบิโลนถูกยึด
เมืองอันเป็นที่กล่าวยกย่องของทั่วทั้งโลกถูกยึด
บาบิโลนได้กลายเป็นที่น่าหวาดกลัว
ในท่ามกลางบรรดาประชาชาติอะไรเช่นนี้
42 น้ำทะเลจะเอ่อขึ้นท่วมบาบิโลน
นางจะถูกท่วมจนมิดด้วยคลื่นที่ซัดครืนครั่น
43 เมืองต่างๆ ของบาบิโลนได้กลายเป็นที่น่าหวาดกลัว
เป็นแผ่นดินอันแห้งแล้งและเป็นทะเลทราย
เป็นแผ่นดินที่ไม่มีผู้ใดอาศัยอยู่
และแผ่นดินที่ไม่มีใครเดินทางผ่าน
44 เราจะลงโทษเทพเจ้าเบลในบาบิโลน
และเอาสิ่งที่เขากลืนแล้วออกจากปาก
บรรดาประชาชาติจะไม่หลั่งไหลไปหาเขาอีก
กำแพงเมืองของบาบิโลนถล่มลงแล้ว
45 ชนชาติของเราเอ๋ย จงออกไปจากบาบิโลน
ทุกคนจงช่วยตัวเองให้รอด
จากความกริ้วอันร้อนแรงของพระผู้เป็นเจ้า
46 อย่าท้อแท้ใจหรือหวาดหวั่น
กับเรื่องราวที่ได้ยินในแผ่นดิน
เมื่อได้ยินข่าวปีแล้วปีเล่า
และความรุนแรงเกิดขึ้นในแผ่นดิน
ผู้ปกครองแผ่นดินต่อสู้กันเอง
47 ฉะนั้น ดูเถิด จะถึงเวลาที่เราจะ
ลงโทษพวกรูปเคารพของบาบิโลน
ทั่วทั้งแผ่นดินจะได้รับความอับอาย
และพวกที่ถูกฆ่าจะล้มตายท่ามกลางแผ่นดิน
48 ครั้นแล้ว ฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก
และทุกสิ่งที่อยู่ในที่เหล่านั้น
จะร้องเพลงด้วยความยินดีเมื่อบาบิโลนถล่มลง
เพราะบรรดาผู้ทำลายจะมาโจมตีพวกเขาจากทิศเหนือ”
พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น
49 “เป็นเพราะอิสราเอลถูกฆ่าฟัน บาบิโลนจึงต้องถล่มลง
เช่นเดียวกับที่บาบิโลนได้กระทำต่อคนทั่วทั้งโลก
50 พวกเจ้าที่รอดจากความตายมาได้
จงไปเถิด อย่ายืนนิ่งอยู่
แม้ว่าเจ้าจะอยู่ไกลจากบ้านเกิด แต่ก็จงระลึกถึงพระผู้เป็นเจ้า
และนึกถึงเยรูซาเล็ม”
51 “พวกเราเผชิญกับความอับอาย
เพราะพวกเราถูกดูหมิ่น
พวกเราท่วมท้นด้วยความอัปยศ
เพราะชนต่างชาติได้เข้ามา
ยังสถานที่บริสุทธิ์ในพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า”
52 พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนี้
“ฉะนั้น ดูเถิด จะถึงเวลาที่เรา
จะตัดสินลงโทษพวกรูปเคารพของบาบิโลน
และบรรดาผู้บาดเจ็บจะโอดครวญไปทั่วแผ่นดิน
53 แม้หากว่าบาบิโลนจะสามารถปีนขึ้นได้ถึงฟ้าสวรรค์
และแม้หากว่าบาบิโลนจะสร้างที่สูงให้แข็งแกร่ง
เราก็ยังจะให้บรรดาผู้ทำลายมาโจมตีแผ่นดินนั้น”
พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น
54 “จงฟังเสียงร้องจากบาบิโลนว่า
เสียงแห่งความวิบัติจากแผ่นดินของชาวเคลเดีย
55 ด้วยว่า พระผู้เป็นเจ้ากำลังทำให้บาบิโลนพินาศ
และพระองค์จะทำเสียงอันมีอานุภาพของบาบิโลนให้นิ่งเงียบ
เสียงคลื่นครืนครั่นดั่งกระแสน้ำแรงกล้า
เสียงตะโกนของพวกเขาดังขึ้น
56 ด้วยว่า ผู้ทำลายผู้หนึ่งได้เข้าโจมตีบาบิโลน
บรรดานักรบของบาบิโลนก็ถูกจับตัวไป
คันธนูของพวกเขาถูกหักเป็นชิ้นๆ
ด้วยว่า พระผู้เป็นเจ้าคือพระเจ้าแห่งการสนองตอบ
พระองค์จะจ่ายกลับคืนอย่างแน่นอน
57 เราจะทำให้บรรดาผู้นำ และผู้เรืองปัญญา
ผู้ปกครอง ผู้บัญชาการ และนักรบของแผ่นดินนั้นเมา
พวกเขาจะหลับสนิทจนไม่ตื่นขึ้นอีก”
กษัตริย์ผู้มีพระนามว่า พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธาประกาศดังนั้น
58 พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธากล่าวดังนี้
“กำแพงเมืองอันกว้างของบาบิโลน
จะถูกทำให้พังลงราบกับพื้น
และประตูเมืองอันสูงตระหง่าน
จะถูกไฟไหม้
บรรดาชนชาติสิ้นแรงโดยไร้ประโยชน์
และบรรดาชนชาติลงแรงเสียเปล่า
ที่เหลือก็เป็นเพียงเชื้อเพลิง”
59 เยเรมีย์ผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าบัญชาเสไรยาห์บุตรของเนริยาห์ผู้เป็นบุตรของมัคเสยาห์ เมื่อเขาไปยังบาบิโลนกับเศเดคียาห์กษัตริย์แห่งยูดาห์ ในปีที่สี่ของการปกครอง[c] เสไรยาห์เป็นองครักษ์ผู้ติดตาม 60 เยเรมีย์เขียนเรื่องความพินาศทั้งสิ้นที่จะเกิดแก่บาบิโลนลงในหนังสือ คือทุกคำที่ถูกบันทึกเกี่ยวกับบาบิโลน 61 และเยเรมีย์พูดกับเสไรยาห์ดังนี้ “เมื่อท่านมายังบาบิโลน จงแน่ใจว่าท่านอ่านทุกคำ 62 และพูดว่า ‘โอ พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ได้กล่าวถึงสถานที่นี้ว่า พระองค์จะตัดขาดจนไม่มีผู้ใดอาศัยอยู่ ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือสัตว์ก็ตาม และจะเป็นที่รกร้างไปตลอดกาล’ 63 เมื่อท่านอ่านหนังสือฉบับนี้จบแล้ว จงผูกติดไว้ที่ก้อนหิน และเหวี่ยงลงกลางแม่น้ำยูเฟรติส 64 และพูดว่า ‘บาบิโลนจะจมลงอย่างนี้ และจะลุกขึ้นไม่ได้อีก เพราะความวิบัติที่เรากำลังนำมาสู่แผ่นดินนี้ และชนชาติของเขาจะเหนื่อยล้าหมดแรง’”
คำพูดของเยเรมีย์จบเพียงเท่านี้
เยรูซาเล็มถล่ม
52 เศเดคียาห์มีอายุ 21 ปีเมื่อเริ่มเป็นกษัตริย์ และท่านครองราชย์ 11 ปีในเยรูซาเล็ม มารดาของท่านชื่อ ฮามุทาลบุตรหญิงของเยเรมีย์แห่งลิบนาห์ 2 ท่านกระทำสิ่งที่ชั่วร้ายในสายตาของพระผู้เป็นเจ้า เหมือนกับที่เยโฮยาคิมได้กระทำทั้งสิ้น 3 เพราะความโกรธกริ้วของพระผู้เป็นเจ้าถึงขั้นที่พระองค์ไล่พวกเขาออกไปจากเยรูซาเล็มและยูดาห์ ให้พ้นจากหน้าของพระองค์
ครั้งนั้น เศเดคียาห์ได้แข็งข้อต่อกษัตริย์แห่งบาบิโลน 4 ในปีที่เก้าที่เศเดคียาห์ครองราชย์ วันที่สิบของเดือนสิบ[d] เนบูคัดเนสซาร์กษัตริย์แห่งบาบิโลนและกองทัพของท่านทั้งหมดมาโจมตีเยรูซาเล็ม พวกเขาตั้งค่าย และก่อเชิงเทินรอบเมือง 5 ดังนั้น เมืองถูกล้อมจนถึงปีที่สิบเอ็ดของกษัตริย์เศเดคียาห์[e] 6 วันที่เก้าของเดือนสี่ ทุพภิกขภัยรุนแรงที่สุดเกิดขึ้นในเมือง จนไม่มีอาหารให้แก่ประชาชนของแผ่นดิน 7 ครั้นแล้วกำแพงเมืองก็พังทลายลง พวกนักรบทั้งหมดก็พากันหนีออกจากเมืองในเวลากลางคืน โดยออกไปทางประตูเมืองระหว่างกำแพง 2 กำแพงที่ข้างสวนของกษัตริย์แม้ว่าชาวเคลเดียกำลังล้อมเมืองอยู่ พวกเขาหนีไปทางที่จะไปอาราบาห์ 8 แต่กองทัพของชาวเคลเดียไล่ตามกษัตริย์ และจับกุมเศเดคียาห์ได้ในที่ราบเยรีโค ฝ่ายกองทัพของท่านก็เตลิดหนีทิ้งท่านไป 9 แล้วพวกเขาจับกษัตริย์ขึ้นไปให้กษัตริย์แห่งบาบิโลนที่ริบลาห์ในอาณาเขตของฮามัท และเนบูคัดเนสซาร์ประกาศโทษแก่ท่าน 10 กษัตริย์แห่งบาบิโลนสังหารบรรดาบุตรชายของเศเดคียาห์ต่อหน้าต่อตาท่าน และสังหารบรรดาผู้นำของยูดาห์ทั้งหมดที่ริบลาห์ด้วย 11 เศเดคียาห์ถูกควักลูกตาและล่ามโซ่ และกษัตริย์แห่งบาบิโลนก็นำตัวท่านไปยังบาบิโลน และจำคุกท่านตลอดชีวิต
พระตำหนักถูกเผา
12 ในวันที่สิบของเดือนห้า ซึ่งเป็นปีที่สิบเก้าของเนบูคัดเนสซาร์กษัตริย์แห่งบาบิโลน เนบูซาระดานผู้บัญชาการทหารคุ้มกัน ซึ่งเป็นผู้รับใช้ของกษัตริย์แห่งบาบิโลนมายังเยรูซาเล็ม 13 และเขาเผาพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า เผาวังของกษัตริย์และบ้านทุกหลังในเยรูซาเล็ม และสถานที่สำคัญทุกแห่ง 14 กองทัพของชาวเคลเดียทั้งกองทัพที่อยู่กับผู้บัญชาการทหารคุ้มกันก็ได้พังทลายกำแพงรอบเมืองเยรูซาเล็ม 15 เนบูซาระดานผู้บัญชาการทหารคุ้มกันจับตัวบางคนที่ยากจนที่สุด ประชาชนที่เหลืออยู่ในเมือง พวกที่ทิ้งบ้านทิ้งเมืองและหนีไปหากษัตริย์แห่งบาบิโลน อีกทั้งช่างฝีมือที่เหลือไปเป็นเชลย 16 เนบูซาระดานผู้บัญชาการทหารคุ้มกันปล่อยคนที่ยากไร้ที่สุดในแผ่นดินบางคนให้เป็นคนทำสวนองุ่นและทำไร่ไถนา
17 ชาวเคลเดียทุบเสาหลักทองสัมฤทธิ์ที่อยู่ในพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า ฐานรองรับและถังเก็บน้ำทองสัมฤทธิ์ที่อยู่ในพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า ให้หักเป็นชิ้นๆ และขนทองสัมฤทธิ์ทั้งหมดไปยังบาบิโลน 18 สิ่งอื่นๆ ที่พวกเขาได้ขนไปมี หม้อรองรับขี้เถ้า ทัพพี กรรไกรตัดไส้ดวงประทีป อ่างน้ำ ภาชนะเครื่องหอม และภาชนะทองสัมฤทธิ์ทั้งสิ้นที่ใช้ในงานของพระตำหนัก 19 ผู้บัญชาการทหารคุ้มกันก็ขนอ่างขนาดย่อมและถาดที่ใช้เก็บถ่านร้อน อ่าง หม้อ ขาตั้งตะเกียง ภาชนะเครื่องหอม และถ้วยสำหรับเครื่องดื่มบูชา ทุกสิ่งที่เป็นทองคำและเงิน 20 ส่วนเสาหลัก 2 ต้น ถังเก็บน้ำ 1 ใบ โคทองสัมฤทธิ์ 12 ตัว ที่รองรับถังเก็บน้ำ และฐานรองรับ ซึ่งกษัตริย์ซาโลมอนได้ทำไว้สำหรับพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า ภาชนะเหล่านี้ทุกชิ้นที่เป็นทองสัมฤทธิ์ก็หนักเกินที่จะชั่งได้ 21 ส่วนเสาหลักกลวงแต่ละเสามีความสูง 18 ศอก ขนาดรอบวงกลม 12 ศอก หนา 1 ฝ่ามือ 22 บัวที่ยอดเสาเป็นทองสัมฤทธิ์ แต่ละบัวสูง 5 ศอก ที่รอบบัวมีตาข่ายถักและลูกทับทิมเป็นทองสัมฤทธิ์ทั้งสิ้น เสาหลักอีกเสามีลูกทับทิมเป็นแบบเดียวกัน 23 ที่ด้านข้างเสาหลักตกแต่งด้วยลูกทับทิม 96 ลูก รวมลูกทับทิมที่รอบตาข่ายถักที่รอบเสา 100 ลูก
ประชาชนของยูดาห์ถูกจับไปบาบิโลน
24 ผู้บัญชาการทหารคุ้มกันก็จับเสไรยาห์หัวหน้ามหาปุโรหิต เศฟันยาห์ปุโรหิตรอง และผู้เฝ้าประตู 3 คน 25 เขาจับข้าราชสำนักซึ่งเป็นผู้บัญชาการกองทัพ และที่ปรึกษาของกษัตริย์อีก 7 คนที่พบในเมือง เลขาของผู้บัญชาการทหารที่เกณฑ์ราษฎรของแผ่นดิน และประชาชน 60 คนของแผ่นดินที่พบในเมือง 26 เนบูซาระดานผู้บัญชาการทหารคุ้มกันจับคนเหล่านี้ไปให้กษัตริย์แห่งบาบิโลนที่ริบลาห์ 27 กษัตริย์แห่งบาบิโลนก็ให้สังหารพวกเขาที่ริบลาห์ในแผ่นดินฮามัท ฉะนั้นยูดาห์จึงถูกจับไปเป็นเชลยออกจากแผ่นดินของตน
28 ประชาชนที่เนบูคัดเนสซาร์จับไปเป็นเชลยในปีที่เจ็ดมีชาวยูดาห์จำนวน 3,023 คน[f] 29 ในปีที่สิบแปดแห่งการครองราชย์ของเนบูคัดเนสซาร์ ท่านจับคนจากเยรูซาเล็มจำนวน 832 คน[g] 30 ในปีที่ยี่สิบสามแห่งการครองราชย์ของเนบูคัดเนสซาร์ เนบูซาระดานผู้บัญชาการทหารคุ้มกันจับชาวยูดาห์ไปเป็นเชลยจำนวน 745 คน รวมทั้งหมด 4,600 คน[h]
เยโฮยาคีนออกจากที่คุมขัง
31 หลังจากที่เยโฮยาคีน[i]กษัตริย์แห่งยูดาห์ถูกเนรเทศเป็นเวลานานถึง 37 ปี ในปีที่เอวิลเมโรดัคเริ่มเป็นกษัตริย์แห่งบาบิโลน ท่านได้กรุณาปลดปล่อยเยโฮยาคีนกษัตริย์แห่งยูดาห์ออกจากที่คุมขังในวันที่ยี่สิบห้าของเดือนสิบสอง[j] 32 ท่านแสดงความเมตตาต่อเยโฮยาคีน และให้ตำแหน่งสูงกว่ากษัตริย์อื่นๆ ที่ถูกเนรเทศไปยังบาบิโลนพร้อมๆ กัน 33 ดังนั้น เยโฮยาคีนจึงไม่สวมเสื้อนักโทษอีก และได้รับประทานอาหารร่วมโต๊ะกับกษัตริย์เป็นประจำทุกวัน 34 กษัตริย์แห่งบาบิโลนกำหนดเงินให้เป็นค่าใช้จ่ายแก่ท่าน ตามความจำเป็นในแต่ละวันไปจนตลอดชีวิตของท่าน คือจนกระทั่งสิ้นชีวิต
Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation