Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

Beginning

Read the Bible from start to finish, from Genesis to Revelation.
Duration: 365 days
New Thai Version (NTV-BIBLE)
Version
อิสยาห์ 49-53

ผู้รับใช้ของพระผู้เป็นเจ้า

49 โอ หมู่เกาะต่างๆ เอ๋ย จงฟังข้าพเจ้า
    และเอาใจใส่ บรรดาชนชาติที่อยู่ห่างไกลเอ๋ย
พระผู้เป็นเจ้าเรียกข้าพเจ้าตั้งแต่อยู่ในครรภ์
    พระองค์ตั้งชื่อข้าพเจ้าตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดาข้าพเจ้า
พระองค์ทำให้ปากข้าพเจ้าเหมือนดาบคม
    พระองค์ซ่อนข้าพเจ้าไว้ในร่มเงาของมือพระองค์
พระองค์ทำให้ข้าพเจ้าเป็นลูกศรคม
    พระองค์ซ่อนข้าพเจ้าไว้ในแล่งศรของพระองค์
พระองค์กล่าวกับข้าพเจ้าว่า
“อิสราเอลเอ๋ย เจ้าเป็นผู้รับใช้ของเรา
    เราจะแสดงให้เห็นบารมีในตัวเจ้า”
แต่ข้าพเจ้าพูดว่า “ข้าพเจ้าได้ตรากตรำโดยไร้ประโยชน์
    ข้าพเจ้าได้ใช้กำลังโดยเปล่าและไร้ค่า
แต่ค่าตอบแทนของข้าพเจ้าอยู่ที่พระผู้เป็นเจ้าอย่างแน่นอน
    และรางวัลของข้าพเจ้าอยู่ที่พระเจ้าของข้าพเจ้า”

แต่บัดนี้พระผู้เป็นเจ้ากล่าว คือองค์ผู้สร้างข้าพเจ้า
    ตั้งแต่อยู่ในครรภ์ เพื่อให้เป็นผู้รับใช้ของพระองค์
เพื่อนำยาโคบกลับมาหาพระองค์
    คือพาอิสราเอลมาหาพระองค์
(เพราะข้าพเจ้าได้รับการยกย่องในสายตาของพระผู้เป็นเจ้า
    และพระเจ้าของข้าพเจ้าเป็นกำลังของข้าพเจ้า)

พระองค์กล่าวดังนี้ว่า

“ดูว่าจะน้อยเกินไปที่จะให้เจ้าเป็นเพียงผู้รับใช้ของเรา
    เพื่อจะตั้งเผ่าพันธุ์ของยาโคบขึ้น
    และพาพวกอิสราเอลที่เราได้รักษาไว้เพื่อให้กลับมา
แต่เราจะทำให้เจ้าเป็นแสงสว่างแก่บรรดาประชาชาติ
    เพื่อเจ้าจะได้นำความรอดพ้นจากเราไปยังทุกมุมโลก”[a]

พระผู้เป็นเจ้า ผู้ไถ่และองค์ผู้บริสุทธิ์ของอิสราเอลกล่าวกับ
    ผู้ที่ถูกประชาชาติดูหมิ่นและชิงชัง
    และกับผู้รับใช้ของบรรดาผู้ปกครองดังนี้ว่า
“บรรดากษัตริย์จะเห็นเจ้าและจะลุกขึ้นยืน
    พวกผู้นำจะน้อมตัวลง
เพราะพระผู้เป็นเจ้าผู้สัตย์จริง
    องค์ผู้บริสุทธิ์ของอิสราเอลได้เลือกเจ้า”

การฟื้นฟูอิสราเอล

พระผู้เป็นเจ้ากล่าวดังนี้ว่า

“เมื่อถึงเวลาที่เราจะโปรดปราน เราก็ตอบเจ้า
    และเมื่อถึงวันช่วยให้รอดพ้น เราก็ช่วยเจ้า[b]
เราจะรับเจ้าไว้
    เพื่อเป็นพันธสัญญาแก่ชนชาติ
เพื่อฟื้นฟูแผ่นดิน
    เพื่อมอบสิทธิที่ดินที่ถูกทิ้งร้างไว้
เพื่อบอกเหล่านักโทษว่า ‘ออกไปเถิด’
    และพูดกับบรรดาผู้ที่อยู่ในความมืดว่า ‘ออกมาจากความมืดเถิด’
พวกเขาจะพบทุ่งหญ้าตามทาง
    และเนินเขาโล้นทุกแห่งจะเป็นทุ่งหญ้าของพวกเขา
10 พวกเขาจะไม่หิวหรือกระหาย
    ลมและดวงอาทิตย์อันร้อนแรงจะไม่กระทบพวกเขา
เพราะองค์ผู้มีเมตตาต่อพวกเขาจะนำพวกเขาไป
    และจะนำพวกเขาไปยังแหล่งน้ำ
11 และเราจะทำให้เทือกเขากลายเป็นทางราบ
    และถนนจะถูกยกสูงขึ้น
12 ดูเถิด เขาเหล่านี้จะมาจากแดนไกล
    และดูเถิด คนเหล่านี้มาจากทิศเหนือและจากทิศตะวันตก
    และมาจากดินแดนสินิม”

13 ฟ้าสวรรค์เอ๋ย จงชื่นชมยินดี
    แผ่นดินโลกเอ๋ย จงดีใจ
    เทือกเขาเอ๋ย จงส่งเสียงร้องเพลง
โอ เพราะพระผู้เป็นเจ้าปลอบประโลมชนชาติของพระองค์
    และมีความสงสารต่อคนของพระองค์ที่มีความทุกข์ใจ

14 แต่ศิโยนพูดว่า “พระผู้เป็นเจ้าได้ทอดทิ้งข้าพเจ้า
    พระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้าลืมข้าพเจ้าเสียแล้ว”

15 “ผู้หญิงจะลืมลูกของนางที่ยังกินนมอยู่ได้หรือ
    และนางจะไม่มีความสงสารต่อลูกชายที่เกิดจากครรภ์ของนางหรือ
นางอาจจะลืมก็ได้
    แต่เราจะไม่ลืมเจ้า
16 ดูเถิด เราได้สลักเจ้าไว้ที่ฝ่ามือของเราแล้ว
    เราจะไม่มีวันลืมกำแพงเมืองของเจ้า
17 ลูกๆ ของเจ้ากลับมาอย่างรวดเร็ว
    พวกที่ทำลายเจ้าและทำให้เจ้าสูญสิ้นก็ไปจากเจ้า
18 จงเงยหน้าขึ้นดูโดยรอบ
    พวกลูกๆ มาชุมนุมกันและมาหาเจ้า
พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า ตราบที่เรามีชีวิตอยู่
    พวกเขาจะเป็นเช่นเดียวกับเครื่องประดับที่เจ้าสวมใส่
    พวกเขาจะสวมติดอยู่กับเจ้าเช่นเดียวกับที่เจ้าสาวใช้ประดับ

19 แม้ว่าสถานที่ของเจ้าถูกพังทลาย
    และเป็นที่ร้าง แผ่นดินเสียหาย
แต่บัดนี้บรรดาผู้อยู่อาศัยในที่ของเจ้ามีอย่างล้นหลามในแผ่นดิน
    และพวกที่พยายามกำจัดเจ้าให้หมดสิ้นจะอยู่ห่างไกลมาก
20 ลูกๆ ที่ถูกพรากไป
    จะเป็นเสียงที่เจ้าได้ยินว่า
‘แผ่นดินคับแคบสำหรับเรา
    ช่วยขยับขยายให้เราได้อยู่อาศัยเถิด’
21 แล้วเจ้าจะคิดในใจว่า
    ‘ใครหนอให้กำเนิดคนเหล่านี้แก่เรา
เราสูญเสียคนไปและเป็นหมัน
    ลี้ภัยและไม่เป็นที่ยอมรับ
    แต่ใครหนอที่ได้นำคนเหล่านี้ขึ้นมา
ดูเถิด เราถูกทอดทิ้งไว้ตามลำพัง
    แล้วคนพวกนี้มาจากไหนกัน’”

22 พระผู้เป็นเจ้า องค์พระเจ้ากล่าวดังนี้

“ดูเถิด เราจะยกมือของเราไปทางบรรดาประชาชาติ
    และจะยกธงชัยของเราแก่บรรดาชนชาติ
และพวกเขาจะอุ้มบรรดาลูกชายของเจ้ามาในอ้อมอก
    และจะแบกลูกสาวของเจ้ามาบนบ่าของพวกเขา
23 บรรดากษัตริย์จะเป็นพ่อรับเลี้ยงของเจ้า
    และบรรดาราชินีจะเป็นแม่นมของเจ้า
พวกเขาจะก้มหน้าลงจรดดินต่อเจ้า
    และเลียฝุ่นที่เท้าของเจ้า
แล้วเจ้าจะรู้ว่า เราคือพระผู้เป็นเจ้า
    บรรดาผู้ที่รอคอยเราจะไม่ผิดหวัง”
24 เป็นไปได้หรือที่จะริบของมาจากนักรบผู้กล้าหาญ
    หรือจะช่วยเชลยของผู้โหดร้ายให้รอดได้หรือ

25 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวดังนี้ว่า

“แม้เชลยของนักรบผู้กล้าหาญก็จะได้รับการปลดปล่อย
    และของที่ริบได้จากคนโหดเหี้ยมก็ริบกลับคืนมาได้
เพราะเราจะราวีคนที่ราวีเจ้า
    และเราจะช่วยลูกๆ ของเจ้าให้รอดปลอดภัย
26 เราจะทำให้บรรดาผู้บีบบังคับของเจ้ากัดกินเนื้อหนังของตนเอง
    และพวกเขาจะเมาเลือดของตนเองเหมือนที่เมาเหล้าองุ่น
แล้วมนุษย์ทั้งปวงจะรู้ว่า เราคือพระผู้เป็นเจ้า ผู้ช่วยให้รอดพ้นของเจ้า
    ผู้ไถ่ของเจ้า ผู้มีอานุภาพของยาโคบ”

บาปของอิสราเอลและการเชื่อฟังของผู้รับใช้

50 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวดังนี้ว่า

“ถ้าหากว่าเราขับไล่ไสส่งแม่ของพวกเจ้าแล้ว
    ใบหย่าของนางอยู่ที่ไหนล่ะ
หรือว่าเราขายพวกเจ้า
    ให้เจ้าหนี้ของเราคนไหนหรือ
ดูเถิด พวกเจ้าถูกขายก็เพราะบาปทั้งหลายของเจ้าเอง
    และแม่ของเจ้าถูกไล่ไปก็เพราะการล่วงละเมิดของเจ้า
เมื่อเรามา ทำไมจึงไม่มีใครอยู่ที่นั่น
    เมื่อเราเรียก ทำไมจึงไม่มีใครตอบ
มือของเราสั้นหรือ จึงไถ่คืนไม่ได้
    หรือเราไม่มีอานุภาพที่จะช่วยให้รอดหรือ
ดูเถิด เมื่อเราบอกห้าม เราทำให้ทะเลแห้งลง
    เราทำให้แม่น้ำเป็นถิ่นทุรกันดาร
ปลาในแหล่งน้ำเน่าเหม็นเพราะขาดน้ำ
    และตายเพราะน้ำแห้ง
เราปกฟ้าสวรรค์ด้วยความมืด
    และคลุมด้วยผ้ากระสอบ”

พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่โปรดให้ข้าพเจ้ามีลิ้น
    อย่างบรรดาผู้ได้รับการฝึกสอน
ข้าพเจ้าจึงรู้จักพูดเพื่อช่วยผู้ที่ตรากตรำ
    ให้ยืนหยัดอยู่ได้
ทุกเช้าพระองค์ปลุกข้าพเจ้า
    ให้เรียนรู้อย่างบรรดาผู้ได้รับการฝึกสอน
พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ได้ทำให้ข้าพเจ้าเรียนรู้
    และข้าพเจ้าไม่ดึงดัน
    ข้าพเจ้าไม่หันหลังกลับไป
ข้าพเจ้าหันหลังให้กับพวกที่ตบตี
    หันหน้าให้กับบรรดาผู้ที่กระชากหนวดเครา
ข้าพเจ้าไม่ซ่อนหน้า
    เมื่อถูกดูหมิ่นและถูกถ่มน้ำลายรด
แต่พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ช่วยข้าพเจ้า
    ฉะนั้นข้าพเจ้าจึงไม่ถูกดูหมิ่น
ฉะนั้นใบหน้าข้าพเจ้าจึงทนอย่างหินเหล็กไฟ
    และข้าพเจ้าทราบว่าข้าพเจ้าจะไม่ต้องเผชิญกับความอับอาย
พระองค์ผู้ให้ความเป็นธรรมแก่ข้าพเจ้าอยู่ใกล้
    ใครจะราวีข้าพเจ้า
    ก็ให้เขามาเผชิญหน้ากับข้าพเจ้าเถิด
ใครเป็นผู้กล่าวหาข้าพเจ้า
    ก็ให้เขาเข้ามาใกล้ข้าพเจ้า
ดูเถิด พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ช่วยข้าพเจ้า
    ใครจะกล่าวหาว่าข้าพเจ้ามีความผิด
ดูเถิด พวกเขาทุกคนจะสึกหรอเหมือนกับเครื่องนุ่งห่ม
    แมลงจะกัดกินพวกเขา

10 ใครในบรรดาพวกท่านที่เกรงกลัวพระผู้เป็นเจ้า
    และเชื่อฟังเสียงของผู้รับใช้ของพระองค์
ให้ผู้ที่เดินในความมืดซึ่งไม่มีแสงสว่าง
    ได้ไว้วางใจในพระนามของพระผู้เป็นเจ้า
    และพึ่งพิงในพระเจ้าของเขา
11 ดูเถิด พวกท่านทุกคนที่ก่อไฟ
    ผู้ที่จัดเตรียมคบไฟให้ตนเอง
จงเดินในความสว่างที่ได้จากไฟของท่าน
    และด้วยคบไฟที่ท่านได้ก่อขึ้น
สิ่งที่ท่านจะได้รับจากมือของข้าพเจ้าคือ
    ท่านจะนอนอยู่ในความทุกข์

พระผู้เป็นเจ้าปลอบประโลมศิโยน

51 “จงฟังเรา พวกเจ้าที่มุ่งมั่นในความชอบธรรม
    เจ้าผู้แสวงหาพระผู้เป็นเจ้า
จงมองดูหินที่เจ้าถูกสกัดออกมา
    และดูเหมืองหินที่เจ้าถูกขุดออกมาเถิด
จงมองดูอับราฮัมบิดาของเจ้า
    และซาราห์ผู้ให้กำเนิดเจ้า
เมื่อเราเรียกเขา เขาเป็นเพียงตัวคนเดียว
    เพื่อเราจะให้พรแก่เขา และให้เขาทวีจำนวนคนขึ้น”
พระผู้เป็นเจ้าปลอบประโลมศิโยน
    พระองค์มองดูสถานที่ร้างด้วยความสงสาร
และทำให้ถิ่นทุรกันดารเป็นเหมือนสวนเอเดน
    ให้ที่ราบเป็นเหมือนสวนของพระผู้เป็นเจ้า
ความยินดีและเบิกบานใจจะอยู่ในที่นั้น
    พร้อมด้วยการขอบคุณและเสียงเพลง

“ชนชาติของเราเอ๋ย จงตั้งใจฟังเรา
    ประชาชาติของเรา จงเงี่ยหูฟังเรา
เพราะกฎบัญญัติจะมาจากเรา
    และเราจะให้ความยุติธรรมเป็นแสงสว่างแก่บรรดาชนชาติ
ความชอบธรรมของเราใกล้เข้ามาแล้ว
    ความรอดพ้นของเรากำลังมา
    และพลานุภาพของเราจะตัดสินบรรดาชนชาติ
หมู่เกาะต่างๆ มีความหวังในเรา
    และพวกเขารอพลานุภาพของเรา
จงเงยหน้าขึ้นสู่ฟ้าสวรรค์
    และมองลงที่แผ่นดินโลกเบื้องล่าง
ด้วยว่า ฟ้าสวรรค์จะเลือนหายไปอย่างควัน
    แผ่นดินโลกจะสึกหรอไปเหมือนกับเครื่องนุ่งห่ม
    และพวกที่อาศัยอยู่ในนั้นจะตายไปเหมือนตัวริ้น
แต่ความรอดพ้นที่มาจากเราจะคงอยู่ชั่วนิรันดร์
    และความชอบธรรมของเราจะมั่นคง

จงฟังเรา บรรดาผู้ที่รู้จักความชอบธรรม
    บรรดาผู้ที่มีกฎบัญญัติอยู่ในจิตใจ
อย่ากลัวการติเตียนของมนุษย์
    หรือตกใจกับการเย้ยหยันของพวกเขา
ด้วยว่า แมลงจะกัดกินพวกเขาเหมือนกินเครื่องนุ่งห่ม
    และหนอนจะกินพวกเขาเหมือนกินขนแกะ
แต่ความชอบธรรมที่มาจากเราจะคงอยู่ชั่วนิรันดร์
    และความรอดพ้นที่มาจากเรามีให้ทุกชั่วอายุคน”

ตื่นเถิด ตื่นเถิด อานุภาพของพระผู้เป็นเจ้า
    ขอเปี่ยมด้วยพละกำลัง
ตื่นเถิด เหมือนสมัยดึกดำบรรพ์
    สมัยที่ล่วงผ่านพ้นมานานแล้ว
ไม่ใช่พระองค์หรอกหรือที่หั่นราหับเป็นชิ้นๆ
    และแทงมังกรตัวนั้นทะลุ[c]
10 ไม่ใช่พระองค์หรอกหรือที่ทำให้ทะเล
    คือน้ำในทะเลลึกแห้งเหือด
ผู้ทำทางในความลึกของทะเลให้แก่
    บรรดาผู้ได้รับการไถ่ได้ข้ามไป
11 และบรรดาผู้รับการไถ่คืนของพระผู้เป็นเจ้าจะกลับมา
    และมายังศิโยนพร้อมกับการร้องเพลง
ความยินดีจะเป็นของพวกเขาตลอดไป
    เขาทั้งหลายจะได้รับความยินดีและเบิกบานใจ
    ความเศร้าและการถอนใจจะหนีไปจากพวกเขา

12 “เรานั่นแหละ เราคือผู้ที่ปลอบประโลมพวกเจ้า
    เจ้าเป็นใครที่กลัวเพียงมนุษย์ที่ตายได้
    กลัวบุตรมนุษย์ซึ่งเป็นดั่งใบหญ้า
13 เจ้าจึงได้ลืมพระผู้เป็นเจ้า องค์ผู้สร้างของเจ้า
    ผู้แผ่ฟ้าสวรรค์ออกไป
    และวางฐานรากของแผ่นดินโลก
และเจ้าจึงหวาดกลัวตลอดวันเวลา
    เพราะความฉุนเฉียวของผู้บีบบังคับ
เมื่อเขามุ่งหมายจะทำลาย
    แล้วความฉุนเฉียวของผู้บีบบังคับอยู่ที่ไหน
14 ผู้ที่ถูกปราบให้หมอบลงจะได้รับการปลดปล่อยอย่างโดยเร็ว
    เขาจะไม่ตายหรือตายในหลุมแห่งแดนคนตาย
    เขาจะไม่ขาดแคลนอาหาร
15 เราคือพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเจ้า
    เราทำให้ทะเลปั่นป่วน และคลื่นส่งเสียงครืนครั่น
    พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธาคือพระนามของพระองค์
16 และเราได้ใส่คำกล่าวของเราในปากของเจ้าแล้ว
    และคุ้มตัวเจ้าอยู่ในร่มเงาของมือเรา
เราก่อตั้งฟ้าสวรรค์
    และวางฐานรากของแผ่นดินโลก
    และกล่าวกับศิโยนว่า ‘เจ้าเป็นชนชาติของเรา’”

17 ตื่นเถิด ตื่นเถิด
    โอ เยรูซาเล็มเอ๋ย จงยืนขึ้น
เจ้าเป็นผู้ที่ดื่มจากมือของพระผู้เป็นเจ้า
    ถ้วยแห่งความกริ้วของพระองค์
เจ้าดื่มจนไม่เหลือแม้ก้นตะกอน
    จากถ้วยที่ทำให้เดินโซซัดโซเซ
18 ไม่มีสักคนในบรรดาบุตรชายที่นางให้กำเนิด
    จะนำทางให้นาง
ไม่มีสักคนในบรรดาบุตรชายที่นางได้เลี้ยงดูมา
    จะจูงมือนางไป
19 ความวิบัติสองสิ่งนี้ได้เกิดกับเจ้า
    ใครจะแสดงความเสียใจต่อเจ้า
ความทุกข์ทรมานและความพินาศ ทุพภิกขภัยและการฆ่าฟัน
    ใครจะปลอบประโลมเจ้า
20 บรรดาบุตรของเจ้าเป็นลม
    และล้มลงอยู่ที่ทุกมุมถนน
    เหมือนกับละมั่งน้อยถูกดักด้วยตาข่าย
พวกเขาถูกพระผู้เป็นเจ้าลงโทษ
    ถูกพระเจ้าตักเตือนว่ากล่าว

21 ฉะนั้น จงฟังเถิด พวกท่านที่ได้รับความทรมาน
    ที่มึนเมา แต่ไม่ใช่ด้วยเหล้าองุ่น
22 พระผู้เป็นเจ้าของท่าน พระผู้เป็นเจ้า
    พระเจ้าของท่าน ผู้ปกป้องชนชาติของพระองค์กล่าวว่า
“ดูเถิด เราได้เอาถ้วยที่ทำให้เจ้าเดินโซซัดโซเซออกจากมือเจ้าแล้ว
    เจ้าจะไม่ดื่มจากถ้วยแห่งความกริ้วของเราอีกต่อไป
23 และเราจะใส่ในมือของพวกที่รังควานเจ้า
    พวกที่พูดกับเจ้าว่า
    ‘จงก้มลงราบกับพื้น ให้เราเดินเหยียบย่ำผ่านไป’
และเจ้าได้ทำให้หลังของเจ้าเป็นเหมือนพื้นดิน
    และเหมือนกับถนนให้พวกเขาเหยียบย่ำผ่านไป”

ความรอดพ้นจากพระผู้เป็นเจ้าใกล้เข้ามา

52 ตื่นเถิด ตื่นเถิด โอ ศิโยนเอ๋ย
    จงสวมพละกำลังของเจ้า
โอ เยรูซาเล็มเมืองบริสุทธิ์เอ๋ย
    จงสวมเสื้อตัวงามของเจ้า
เพราะจะไม่มีผู้ใดที่ไม่ได้เข้าสุหนัตและไม่บริสุทธิ์
    จะเข้ามาในเมืองเจ้าอีกต่อไป
จงสะบัดฝุ่นออกจากตัวเจ้าและลุกขึ้น
    โอ เยรูซาเล็มเอ๋ย จงนั่งลง
โอ ธิดาแห่งศิโยนซึ่งเป็นเชลยเอ๋ย
    จงคลายโซ่ออกจากคอเจ้า

พระผู้เป็นเจ้ากล่าวดังนี้ว่า “พวกเจ้าไม่ได้ถูกขายไปด้วยเงิน และเราจะไม่ใช้เงินเป็นการไถ่เจ้า” เพราะพระผู้เป็นเจ้า องค์พระเจ้ากล่าวดังนี้ว่า “เดิมที ชนชาติของเราลงไปยังประเทศอียิปต์ เพื่ออาศัยอยู่ที่นั่นอย่างคนต่างด้าว และเมื่อเร็วๆ นี้ชาวอัสซีเรียบีบบังคับพวกเขาโดยไร้สาเหตุ” พระผู้เป็นเจ้ากล่าวดังนี้ว่า “บัดนี้ ดูสิว่าได้เกิดอะไรขึ้น พวกเขาจับตัวชนชาติของเราไปโดยไม่เสียเงิน บรรดาผู้ที่ปกครองพวกเขาก็โอ้อวด” และพระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนี้ว่า “และชื่อของเราถูกหมิ่นประมาทตลอดวันเวลาเรื่อยไป[d] ฉะนั้น ชนชาติของเราจะรู้จักชื่อของเรา ฉะนั้น ในวันนั้นพวกเขาจะทราบว่า เรานั่นแหละเป็นผู้ที่พูดว่า ดูเถิด เป็นเราเอง”

ดีเหลือเกินที่พวกเขามาบนภูเขา
    พร้อมกับข่าวประเสริฐ[e]
เป็นผู้ประกาศสันติสุข
    นำข่าวประเสริฐ
    ผู้ประกาศความรอดพ้น
ผู้บอกศิโยนว่า
    “พระเจ้าของเจ้าปกครอง”
เสียงของพวกผู้เฝ้ายาม พวกเขาส่งเสียงโห่ร้อง
    และร้องเพลงร่วมกันด้วยความยินดี
พวกเขาเห็นพระผู้เป็นเจ้ากลับมายังศิโยน
    ด้วยตาของตนเอง
สถานที่ร้างของเยรูซาเล็ม
    จงส่งเสียงร้องร่วมกันเถิด
เพราะพระผู้เป็นเจ้าได้ปลอบประโลมชนชาติของพระองค์
    พระองค์ได้ไถ่เยรูซาเล็ม
10 พระผู้เป็นเจ้าจะแสดงให้ประชาชาติทั้งปวงเห็นอานุภาพอันบริสุทธิ์
    ของพระองค์
และทั่วทุกมุมโลกจะเห็นความรอดพ้น
    ที่มาจากพระเจ้าของเรา

11 จงออกไป จงออกไป ออกไปจากที่นี่
    อย่าจับต้องสิ่งที่เป็นมลทิน
จงออกไปจากเยรูซาเล็ม จงชำระตัวพวกท่านเองให้บริสุทธิ์
    พวกท่านที่ถือภาชนะของพระผู้เป็นเจ้า
12 แต่ท่านจะไม่รีบออกไป
    และท่านจะไม่หนีออกไป
เพราะพระผู้เป็นเจ้าจะไปล่วงหน้าท่าน
    และพระเจ้าแห่งอิสราเอลจะเป็นผู้คุ้มกันด้านหลังของท่าน

พระองค์บาดเจ็บก็เพื่อการล่วงละเมิดของเรา

13 “ดูเถิด ผู้รับใช้ของเราจะปฏิบัติด้วยการไตร่ตรองจากสติปัญญา
    พระองค์จะปรากฏและจะได้รับการยกย่องและเชิดชู”
14 ด้วยว่า คนจำนวนมากตกตะลึงที่เห็นว่า
    พระองค์ถูกทำให้เสียรูปจนเกินสภาพของความเป็นมนุษย์
    และไม่มีเค้ารูปเหมือนบรรดาบุตรของมนุษย์เหลืออยู่เลย
15 ดังนั้น พระองค์จะประพรมประชาชาติจำนวนมาก
    บรรดากษัตริย์จะปิดปากเพราะพระองค์
เพราะสิ่งที่ไม่เคยรับรู้มาก่อน พวกเขาก็จะได้เห็น
    และสิ่งที่ไม่เคยได้ฟังมาก่อน พวกเขาก็จะได้เข้าใจ[f]
53 ใครบ้างที่เชื่อในสิ่งที่ได้ยินจากพวกเราแล้ว
    และอานุภาพของพระผู้เป็นเจ้าได้ปรากฏแจ้งแก่ผู้ใด[g]
ด้วยว่า พระองค์เติบโตขึ้น ณ เบื้องหน้าพระเจ้าอย่างพืชต้นเล็ก
    และอย่างรากที่งอกจากดินแห้ง
พระองค์ไม่มีความงามหรือความยิ่งใหญ่ที่ทำให้พวกเราอยากจะมองดู
    และไม่มีรูปลักษณ์ที่พวกเราพึงปรารถนา
พระองค์ถูกผู้คนดูหมิ่นและทอดทิ้ง
    บุรุษแห่งความเศร้าโศก และคุ้นเคยกับความทุกข์
และเป็นผู้ที่มีแต่คนหนีหน้าไป
    พระองค์ถูกดูหมิ่น และพวกเราไม่ได้เชิดชูพระองค์

แน่นอนที่สุด พระองค์เองได้แบกรับเอาความเจ็บป่วยของพวกเรา
    และรับเอาความเศร้าโศกของพวกเรา[h]
แต่พวกเรายังคิดว่า พระองค์ถูกพระเจ้าลงโทษ
    จึงบาดเจ็บแสนสาหัส และถูกทรมาน
แต่พระองค์ถูกตรึงเพราะการล่วงละเมิดของพวกเรา
    พระองค์บาดเจ็บแสนสาหัสเพราะความชั่วของพวกเรา
พวกเรามีสันติสุขได้ก็เนื่องจากพระองค์รับการลงโทษ
    พวกเราได้รับการรักษาให้หายได้ก็เพราะบาดแผลของพระองค์
เราทุกคนเป็นเสมือนแกะที่พลัดจากฝูง
    เราแต่ละคนได้กลับไปดำเนินชีวิตในทางของตนเอง
และพระผู้เป็นเจ้าได้ให้พระองค์แบกความชั่วของเราทุกคน
พระองค์ถูกบีบบังคับและรับความทรมาน
    พระองค์ก็ยังไม่ปริปาก
พระองค์ถูกนำไปดั่งลูกแกะที่รอการประหาร
    และเป็นดั่งแกะที่นิ่งอยู่ตรงหน้าคนตัดขนแกะ
    พระองค์ไม่ปริปากของพระองค์
พระองค์ถูกนำไปด้วยการกดขี่และตัดสิน
    และใครเล่าจะพูดถึงเชื้อสายของพระองค์ได้
เพราะพระองค์ถูกตัดขาดจากดินแดนของคนเป็น[i]
    และถูกลงโทษเพราะการล่วงละเมิดของชนชาติของข้าพเจ้า
พระองค์ถูกตัดสินให้ถึงแก่ชีวิตพร้อมกับคนชั่ว
    และในความตาย พระองค์อยู่ในที่ของผู้มั่งมี
ถึงแม้ว่าพระองค์ไม่ได้กระทำสิ่งใดผิด
    และพระองค์ไม่เคยกล่าวคำล่อลวง

10 แต่เป็นความประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้า
    ที่จะให้พระองค์บาดเจ็บแสนสาหัส
    และทำให้พระองค์รับทุกข์ทรมาน
และแม้ว่าพระผู้เป็นเจ้าทำให้ชีวิตของพระองค์เป็นของถวายเพื่อไถ่โทษ
    พระองค์จะเห็นผู้สืบเชื้อสายของพระองค์ และจะมีชีวิตอันยืนยาว
และพระองค์จะกระทำสิ่งที่พระผู้เป็นเจ้าประสงค์สำเร็จ
11 เมื่อจิตวิญญาณของพระองค์ทนทุกข์แล้ว
    พระองค์จะเห็นผลที่ได้รับและจะพอใจ
ผู้รับใช้ของเราเป็นผู้มีความชอบธรรม
    พระองค์จะทำให้คนจำนวนมากพ้นผิดโดยความเข้าใจอันลึกซึ้งของพระองค์
    และจะแบกรับบาปของพวกเขา
12 ฉะนั้น เราจะมอบส่วนหนึ่งให้แก่พระองค์ในท่ามกลางผู้ที่ยิ่งใหญ่
    และพระองค์จะแบ่งปันของที่ริบมาได้ให้กับผู้ที่เข้มแข็ง
เพราะพระองค์มอบชีวิตให้กับความตาย
    และถูกนับอยู่ในพวกคนล่วงละเมิด[j]
ด้วยว่า พระองค์รับบาปของคนจำนวนมาก
    และอธิษฐานขอให้แก่บรรดาผู้ล่วงละเมิด

New Thai Version (NTV-BIBLE)

Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation