Beginning
เซนนาเคอริบบุกรุกยูดาห์
36 ในปีที่สิบสี่ของกษัตริย์เฮเซคียาห์[a] เซนนาเคอริบกษัตริย์แห่งอัสซีเรียมาโจมตีเมืองทั้งหลายของยูดาห์ที่คุ้มกันไว้อย่างแข็งแกร่ง และยึดไปได้ 2 กษัตริย์แห่งอัสซีเรียใช้ผู้บังคับกองพันพร้อมกับกองทัพใหญ่จากเมืองลาคีช ให้ไปยังกษัตริย์เฮเซคียาห์ที่เยรูซาเล็ม และเขายืนอยู่ที่ถนนหลวงข้างร่องน้ำที่สระบน ซึ่งอยู่ใกล้แหล่งซักผ้า 3 และผู้ที่ออกมาพบคือ เอลียาคิมบุตรฮิลคียาห์ผู้บริหารวังกษัตริย์ เชบนาเลขาของกษัตริย์ และโยอาห์บุตรอาสาฟผู้บันทึกสาสน์
4 ผู้บังคับกองพันพูดกับพวกเขาว่า “จงไปบอกเฮเซคียาห์ว่า ‘กษัตริย์แห่งอัสซีเรียกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่กล่าวว่า ท่านวางใจในสิ่งใด จึงมีความมั่นใจเช่นนี้ 5 ท่านคิดหรือว่า คำพูดเท่านั้นจะเป็นวิธีการและกำลังที่ใช้ในศึกสงครามได้ ท่านไว้วางใจใคร ท่านจึงไม่ยอมอยู่ใต้บังคับบัญชาของเรา 6 ดูเถิด ท่านกำลังพึ่งพาอียิปต์ ซึ่งเป็นประหนึ่งไม้เท้าหักที่ทำจากไม้อ้อ และจะทิ่มแทงมือของคนที่ยันมันไว้ ฟาโรห์กษัตริย์แห่งอียิปต์ก็เป็นอย่างนั้นต่อทุกคนที่พึ่งพาเขา 7 แต่ถ้าท่านบอกเราว่า “เราไว้วางใจในพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเรา” เฮเซคียาห์เป็นผู้ที่กำจัดสถานบูชาบนภูเขาสูงและแท่นบูชามิใช่หรือ และยังบอกประชาชนชาวยูดาห์และเยรูซาเล็มว่า “เจ้าจงนมัสการที่หน้าแท่นบูชานี้” 8 มาเถิด มาต่อรองกับกษัตริย์แห่งอัสซีเรียนายข้าพเจ้าว่า ข้าพเจ้าจะให้ม้า 2,000 ตัวแก่ท่าน ถ้าท่านสามารถหาคนขี่ได้ 9 ท่านจะปฏิเสธทหารรับใช้คนหนึ่งในหมู่ผู้รับใช้ผู้น้อยสุดของเจ้านายข้าพเจ้าได้อย่างไร ในขณะที่ท่านพึ่งพาอียิปต์ในเรื่องรถศึกและทหารม้า 10 ยิ่งกว่านั้น ด้วยความช่วยเหลือของพระผู้เป็นเจ้ามิใช่หรอกหรือ ข้าพเจ้าจึงได้ขึ้นมาโจมตีสถานที่นี้ให้พินาศ พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับข้าพเจ้าว่า จงขึ้นไปโจมตีแผ่นดินนี้ให้พินาศ’”
11 เอลียาคิม เชบนา และโยอาห์ พูดกับผู้บังคับกองพันว่า “กรุณาพูดกับบรรดาผู้รับใช้ของท่านเป็นภาษาอาราเมคเถิด เพราะพวกเราเข้าใจ อย่าพูดกับพวกเราเป็นภาษาของชาวยูดาห์ เพราะว่าประชาชนที่อยู่บนกำแพงเมืองกำลังฟังเราพูดกัน” 12 แต่ผู้บังคับกองพันตอบว่า “เจ้านายของข้าพเจ้าให้ข้าพเจ้ามาพูดกับเจ้านายของท่านและกับท่านเท่านั้นหรือ ไม่ให้พูดกับพวกที่นั่งอยู่บนกำแพงเมืองหรือ พวกเขาต้องรับโทษให้กินอุจจาระและปัสสาวะของพวกเขาเองร่วมกับท่านด้วย”
13 แล้วผู้บังคับกองพันก็ยืนขึ้น และร้องเสียงดังเป็นภาษาของชาวยูดาห์ว่า “จงฟังคำของกษัตริย์แห่งอัสซีเรีย กษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ 14 กษัตริย์กล่าวดังนี้ว่า ‘อย่าให้เฮเซคียาห์หลอกลวงพวกเจ้า เพราะเขาจะไม่สามารถช่วยพวกเจ้าให้หลุดพ้นได้ 15 อย่าให้เฮเซคียาห์ทำให้พวกเจ้าวางใจในพระผู้เป็นเจ้าด้วยคำพูดที่ว่า พระผู้เป็นเจ้าจะช่วยพวกเราให้รอด เมืองนี้จะไม่ถูกมอบไว้ในมือของกษัตริย์แห่งอัสซีเรีย’ 16 อย่าฟังเฮเซคียาห์ เพราะกษัตริย์แห่งอัสซีเรียกล่าวดังนี้ว่า ‘จงยอมสงบศึกกับเรา และออกมาหาเรา แล้วพวกเจ้าแต่ละคนจะกินจากเถาองุ่นของตนเอง และจากต้นมะเดื่อของตนเอง และพวกเจ้าแต่ละคนจะดื่มน้ำจากบ่อของตนเอง 17 จนกว่าเราจะมานำพวกเจ้าไปยังแผ่นดินที่เหมือนของพวกเจ้าเอง แผ่นดินแห่งเมล็ดข้าวและเหล้าองุ่น แผ่นดินแห่งขนมปังและไร่องุ่น 18 จงระวังตัวว่าเฮเซคียาห์จะไม่หลอกลวงพวกเจ้าด้วยการพูดที่ว่า พระผู้เป็นเจ้าจะช่วยพวกเราให้รอด มีเทพเจ้าของประชาชาติใดบ้าง ที่เคยช่วยแผ่นดินของเขาให้รอดจากเงื้อมมือของกษัตริย์แห่งอัสซีเรียได้ 19 ปวงเทพเจ้าของเมืองฮามัทและอาร์ปัดอยู่ไหนล่ะ ปวงเทพเจ้าของเสฟาร์วาอิมอยู่ไหนล่ะ เทพเจ้าเหล่านั้นได้ช่วยสะมาเรียให้รอดจากเงื้อมมือของเราแล้วหรือ 20 มีเทพเจ้าใดของแผ่นดินเหล่านี้บ้าง ที่ได้ช่วยแผ่นดินของพวกเขาให้พ้นจากเงื้อมมือของเราได้ อย่างนี้แล้วพระผู้เป็นเจ้าจะช่วยเยรูซาเล็มให้รอดจากเงื้อมมือของเราได้หรือ’”
21 แต่พวกเขาก็เงียบและไม่ตอบเขาสักคำเดียว เพราะกษัตริย์สั่งไว้ว่า “อย่าตอบเขา” 22 เอลียาคิมบุตรฮิลคียาห์ผู้บริหารวัง เชบนาเลขาของกษัตริย์ และโยอาห์บุตรอาสาฟผู้บันทึกสาสน์จึงฉีกเสื้อผ้าของตน ไปหาเฮเซคียาห์และบอกท่านว่าผู้บังคับกองพันพูดอะไรบ้าง
เฮเซคียาห์ขอความช่วยเหลือจากอิสยาห์
37 ทันทีที่กษัตริย์เฮเซคียาห์ได้ยินเรื่องทั้งหมด ท่านก็ฉีกเสื้อของท่าน นุ่งห่มด้วยผ้ากระสอบ และเข้าไปในพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า 2 ท่านใช้เอลียาคิมผู้บริหารวัง เชบนาเลขาของกษัตริย์ และบรรดาปุโรหิตอาวุโส ซึ่งต่างก็นุ่งห่มด้วยผ้ากระสอบ ให้ไปหาอิสยาห์บุตรอามอส ผู้เป็นผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้า 3 พวกเขาบอกท่านว่า “เฮเซคียาห์กล่าวว่า วันนี้เป็นวันแห่งความทุกข์ การถูกลงโทษ และความอับอาย ลูกๆ ถึงกำหนดคลอด แต่ไม่มีแรงเบ่งให้คลอด 4 พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านอาจจะได้ยินทุกถ้อยคำที่กษัตริย์แห่งอัสซีเรียเจ้านายของผู้บังคับกองพัน ใช้เขาให้มาพูดดูหมิ่นพระเจ้าผู้ดำรงชีวิตอยู่ และพระองค์จะลงโทษเขาในสิ่งที่พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านได้ยิน ฉะนั้น ขอท่านอธิษฐานเพื่อคนที่มีชีวิตเหลืออยู่”
5 เมื่อบรรดาผู้ปฏิบัติงานของกษัตริย์เฮเซคียาห์มาหาอิสยาห์ 6 อิสยาห์ตอบพวกเขาว่า “จงบอกเจ้านายของท่านว่า ‘พระผู้เป็นเจ้ากล่าวดังนี้ว่า “อย่าให้สิ่งที่คนของกษัตริย์แห่งอัสซีเรียพูดหมิ่นประมาทเรา ซึ่งเจ้าได้ยินนั้นเป็นเหตุทำให้เจ้ากลัว 7 ดูเถิด เราจะดลใจเขา จะทำให้เขาได้ยินข่าวลือ และกลับไปยังแผ่นดินของเขา และเราจะทำให้เขาล้มลงด้วยคมดาบในแผ่นดินของเขาเอง”’”
8 ผู้บังคับกองพันกลับไปยังลาคีช และก็พบว่ากษัตริย์แห่งอัสซีเรียได้ออกจากลาคีชแล้ว และกำลังต่อสู้กับลิบนาห์ 9 เมื่อกษัตริย์ทราบเรื่องทีร์หคาห์กษัตริย์แห่งคูชที่พูดว่า “เขาได้ยกทัพมาโจมตีท่าน” เมื่อท่านได้ยินเช่นนั้น ท่านจึงใช้คนถือสาสน์ไปยังเฮเซคียาห์ว่า 10 “จงบอกเฮเซคียาห์กษัตริย์แห่งยูดาห์ว่า ‘อย่าให้พระเจ้าที่ท่านไว้วางใจหลอกลวงท่านด้วยคำสัญญาที่ว่า เยรูซาเล็มจะไม่ตกอยู่ในมือของกษัตริย์แห่งอัสซีเรีย 11 ดูเถิด ท่านได้ยินแล้วว่า บรรดากษัตริย์แห่งอัสซีเรียกระทำสิ่งใดบ้างต่อแผ่นดินทั้งปวง และพวกเขาถูกกำหนดให้พินาศ แล้วท่านจะได้รับความช่วยเหลือให้รอดหรือ 12 ปวงเทพเจ้าของบรรดาประชาชาติเช่น เมืองโกซาน ฮาราน เรเซฟ และชาวเอเดนที่อยู่ในเทลอัสสาร์ ซึ่งบรรพบุรุษของเราทำให้พินาศไปแล้วนั้น ช่วยพวกเขาให้รอดแล้วหรือ 13 กษัตริย์แห่งฮามัท กษัตริย์แห่งอาร์ปัด กษัตริย์แห่งเสฟาร์วาอิม กษัตริย์แห่งเฮนา และกษัตริย์แห่งอิฟวาห์ อยู่ไหนล่ะ’”
คำอธิษฐานของเฮเซคียาห์
14 เฮเซคียาห์ได้รับจดหมายจากมือของผู้ถือสาสน์ แล้วก็อ่านข้อความ เฮเซคียาห์ขึ้นไปยังพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า และคลี่จดหมายออกที่เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้า 15 และเฮเซคียาห์อธิษฐานต่อพระผู้เป็นเจ้าดังนี้ 16 “โอ พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธา พระเจ้าของอิสราเอล ผู้สถิตบนบัลลังก์เหนือตัวเครูบ[b] พระองค์เป็นพระเจ้าแต่เพียงผู้เดียวของอาณาจักรทั้งปวงในโลก พระองค์ได้สร้างฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก 17 โอ พระผู้เป็นเจ้า ขอพระองค์เงี่ยหูฟัง โอ พระผู้เป็นเจ้า ขอพระองค์มองดู และฟังสิ่งที่เซนนาเคอริบใช้ให้มาพูดเพื่อดูหมิ่นพระเจ้าผู้ดำรงชีวิตอยู่ 18 โอ พระผู้เป็นเจ้า เป็นความจริงที่บรรดากษัตริย์แห่งอัสซีเรียได้ทำลายชนชาติทั้งปวงและแผ่นดินของพวกเขา 19 และได้เผาเทวรูปของพวกเขา เพราะสิ่งเหล่านั้นไม่ใช่เทพเจ้า แต่เป็นสิ่งที่มนุษย์ทำขึ้นด้วยไม้และหิน ฉะนั้นจึงถูกทำลายเสีย 20 บัดนี้ โอ พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเรา ช่วยพวกเราให้รอดจากเงื้อมมือของเขาเถิด โอ พระผู้เป็นเจ้า เพื่ออาณาจักรทั้งปวงในโลกจะทราบว่า พระผู้เป็นเจ้าเป็นพระเจ้าแต่เพียงผู้เดียว”
เซนนาเคอริบพ่ายแพ้
21 อิสยาห์บุตรอามอสจึงส่งสาสน์ไปถึงเฮเซคียาห์ว่า “พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของอิสราเอลกล่าวดังนี้คือ เพราะเจ้าได้อธิษฐานต่อเราเรื่องเซนนาเคอริบกษัตริย์แห่งอัสซีเรีย 22 พระผู้เป็นเจ้าได้กล่าวเกี่ยวกับเขาว่า
‘ธิดาพรหมจารีแห่งศิโยนดูถูกเจ้า
และเหยียดหยามเจ้า
ธิดาแห่งเยรูซาเล็ม
สั่นศีรษะอยู่ข้างหลังเจ้า
23 เจ้าเหยียดหยามและพูดหมิ่นประมาทผู้ใด
เจ้าขึ้นเสียง และใช้สายตา
ที่เย่อหยิ่งคัดค้านผู้ใด
ต่อองค์ผู้บริสุทธิ์แห่งอิสราเอลน่ะสิ
24 เจ้าได้ดูหมิ่นพระผู้เป็นเจ้าด้วยผู้ถือสาสน์ของเจ้า
และเจ้าพูดดังนี้ เราได้ขึ้นไปบนภูเขาสูงสุดด้วยรถศึกมากมาย
ไปยังที่ห่างไกลแห่งเลบานอน
เราโค่นต้นซีดาร์ที่สูงสุด
และต้นสนที่งามสุด
เราเข้าถึงจุดสูงสุดที่อยู่ห่างไกล
เราเข้าถึงป่าไม้อันอุดมที่สุด
25 เราขุดบ่อและดื่มน้ำ
เราเหยียบธารน้ำทั้งหมดของอียิปต์
ซึ่งเราทำให้แห้งลงได้
26 เจ้าไม่รู้เลยหรือว่า
เรามุ่งหมายเรื่องนี้มานานแล้ว
เราวางแผนมาตั้งแต่สมัยดึกดำบรรพ์
สิ่งใดที่เป็นไปในเวลานี้ก็เนื่องมาจากเรา
เจ้าทำให้เมืองที่คุ้มกันไว้อย่างแข็งแกร่ง
ต้องล้มลงเป็นกองซากปรักหักพัง
27 ผู้อยู่อาศัยของเมืองหมดกำลัง
หวั่นกลัวและอับอาย
กลายเป็นเหมือนพืชในทุ่งนา
และเหมือนหญ้าอ่อน
เหมือนหญ้าบนหลังคา
ซึ่งถูกเผาก่อนที่จะงอกโตขึ้น
28 แต่เรารู้เวลาที่เจ้านั่งลง
เวลาที่เจ้าไปไหนมาไหน
และเวลาที่เจ้าเกรี้ยวกราดต่อเรา
29 เพราะเจ้าได้เกรี้ยวกราดต่อเรา
และเราได้ยินถึงการสบประมาทของเจ้า
เราจะใช้เบ็ดคล้องจมูกเจ้า
และใส่เหล็กขวางปากเจ้า
และเราจะให้เจ้าหันกลับไปทางที่เจ้ามา’
30 และหมายสำคัญสำหรับเจ้าก็คือ ปีนี้เจ้าจะกินสิ่งที่งอกขึ้นเอง ปีที่สองก็จะเป็นสิ่งที่งอกเหมือนเดิม ปีที่สาม เจ้าจงหว่านและเก็บเกี่ยว ปลูกสวนองุ่น และกินผลของมัน 31 และพงศ์พันธุ์ยูดาห์ที่รอดชีวิตและยังเหลืออยู่ ก็จะเจาะรากลึกลงไป และออกผลขึ้นมา 32 ด้วยว่า บรรดาผู้ที่มีชีวิตเหลืออยู่จะออกไปจากเยรูซาเล็ม นั่นก็คือ กลุ่มที่รอดชีวิตจะออกไปจากภูเขาศิโยน ความรักอันแรงกล้าของพระผู้เป็นเจ้าจอมโยธาจะกระทำการนี้
33 ฉะนั้น พระผู้เป็นเจ้ากล่าวถึงกษัตริย์แห่งอัสซีเรียดังนี้คือ เขาจะไม่เข้ามาในเมืองนี้ หรือยิงลูกธนูเข้าไปในนั้น หรือถือโล่มาประจัญเมือง หรือก่อเชิงเทินประชิดเมือง 34 พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า เขามาจากทางใด เขาก็จะกลับออกไปทางนั้น และเขาจะไม่เข้ามาในเมืองนี้ 35 เพราะว่าเราจะปกป้องเมืองนี้ให้รอดปลอดภัยเพื่อนามของเรา และเพื่อดาวิดผู้รับใช้ของเรา”[c]
36 ทูตสวรรค์ของพระผู้เป็นเจ้าไปที่ค่ายของชาวอัสซีเรีย และสังหารทหาร 185,000 คน และเช้าตรู่วันรุ่งขึ้นประชาชนก็พบว่า ทหารเหล่านั้นเป็นศพไปหมดแล้ว 37 แล้วเซนนาเคอริบกษัตริย์แห่งอัสซีเรียก็ยกทัพกลับบ้านไป และอาศัยอยู่ที่นีนะเวห์ 38 วันหนึ่งเมื่อท่านกำลังนมัสการอยู่ในวิหารของนิสโรคเทพเจ้าของท่าน อัดรัมเมเลคและชาเรเซอร์บุตรของท่านใช้ดาบฆ่าท่าน แล้วหนีเข้าไปในแผ่นดินอารารัต และเอสาร์ฮัดโดนบุตรของท่านครองราชย์แทนท่าน
เฮเซคียาห์ป่วย
38 ในครั้งนั้น เฮเซคียาห์ล้มป่วยใกล้สิ้นใจ อิสยาห์ผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้า บุตรของอามอสมาเยี่ยมท่าน และพูดว่า “พระผู้เป็นเจ้ากล่าวดังนี้ ‘จงจัดการสั่งเสียให้เรียบร้อย เพราะเจ้าจะตาย เจ้าจะไม่หายป่วย’” 2 แล้วเฮเซคียาห์หันหน้าเข้าฝาผนัง และอธิษฐานต่อพระผู้เป็นเจ้าว่า 3 “โอ พระผู้เป็นเจ้า ขอพระองค์ระลึกว่า ข้าพเจ้าดำเนินชีวิต ณ เบื้องหน้าพระองค์ด้วยความภักดีและด้วยสุดจิตสุดใจอย่างไร และข้าพเจ้าได้กระทำสิ่งที่ดีในสายตาของพระองค์” และเฮเซคียาห์ก็ร้องไห้อย่างขมขื่น
4 ครั้นแล้ว พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับอิสยาห์ดังนี้ 5 “จงไปบอกเฮเซคียาห์ว่า พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของดาวิดบรรพบุรุษของเจ้ากล่าวดังนี้ ‘เราได้ยินคำอธิษฐานของเจ้าแล้ว เราเห็นน้ำตาของเจ้า ดูเถิด เราจะให้เจ้ามีชีวิตต่อไปอีก 15 ปี 6 เราจะช่วยเจ้าและเมืองนี้ให้พ้นจากมือของกษัตริย์แห่งอัสซีเรีย และเราจะปกป้องเมืองนี้
7 นี่คือหมายสำคัญสำหรับเจ้า ซึ่งมาจากพระผู้เป็นเจ้าคือ พระผู้เป็นเจ้าจะกระทำสิ่งที่พระองค์ได้สัญญาไว้ 8 ดูเถิด เราจะทำให้เงาทอดลงจากแสงอาทิตย์ย้อนหลัง 10 ขั้นบนนาฬิกาแดดของอาหัส’” ดังนั้นเงาที่ทอดลงบนนาฬิกาแดดจึงย้อนหลัง 10 ขั้น[d]
9 หลังจากที่เฮเซคียาห์กษัตริย์แห่งยูดาห์ล้มป่วยและหายดีแล้ว ท่านเขียนข้อความดังต่อไปนี้คือ
10 “เราพูดว่า เมื่อเรามีอายุเพียงครึ่งของชีวิต
เราจะต้องจากไป
เราถูกกำหนดให้ไปใช้ชีวิตที่เหลือ
ที่ประตูแดนคนตาย
11 เราพูดว่า เราจะไม่เห็นพระผู้เป็นเจ้า
พระผู้เป็นเจ้าในดินแดนของคนเป็น
เราจะไม่เห็นมนุษย์
หรืออยู่ในหมู่ผู้อยู่อาศัยในโลกอีกต่อไป
12 ที่อยู่ของเราถูกถอนและยึดไป
อย่างกระโจมของผู้เลี้ยงดูฝูงแกะ
เราม้วนชีวิตของเราเหมือนอย่างคนทอผ้า
พระองค์ตัดข้าพเจ้าหลุดออกจากกี่
พระองค์ทำให้ชีวิตข้าพเจ้า
ต้องจบลงในช่วงเวลาอันสั้น
13 เราสงบนิ่งจนถึงรุ่งเช้า
พระองค์หักกระดูกข้าพเจ้าทุกชิ้นอย่างสิงโต
พระองค์ทำให้ชีวิตข้าพเจ้า
ต้องจบลงในช่วงเวลาอันสั้น
14 เราร้องเจี๊ยบจ๊าบเหมือนนกนางแอ่นหรือนกกระสา
เราร้องคร่ำครวญเหมือนนกพิราบ
ตาของเรามองสู่เบื้องบนด้วยความอ่อนล้า
โอ พระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้ากลัดกลุ้ม
ขอพระองค์สัญญาให้ความปลอดภัยแก่ข้าพเจ้าเถิด
15 เราจะพูดอะไรได้ เพราะพระองค์ได้กล่าวกับเรา
และพระองค์เป็นผู้ที่กระทำ
เราดำเนินชีวิตด้วยความหดหู่ใจตลอดชีวิต
เพราะจิตวิญญาณของเราขมขื่น
16 โอ พระผู้เป็นเจ้า คนมีชีวิตอยู่ได้ด้วยสิ่งเหล่านี้
และวิญญาณข้าพเจ้าพบชีวิตในสิ่งเหล่านี้เช่นกัน
ขอพระองค์เสริมสร้างสุขภาพของข้าพเจ้า
และทำให้ข้าพเจ้ามีชีวิตเถิด
17 ดูเถิด ความขมขื่นมากที่ข้าพเจ้าได้รับ
เป็นประโยชน์ต่อข้าพเจ้า
และด้วยความรักของพระองค์
พระองค์ได้ช่วยชีวิตข้าพเจ้าจากหลุมแห่งความพินาศ
เพราะพระองค์ได้กำจัดบาปทั้งปวงของข้าพเจ้า
ไว้เบื้องหลังของพระองค์แล้ว
18 ด้วยว่า แดนคนตายไม่ขอบคุณพระองค์
ความตายไม่สรรเสริญพระองค์
บรรดาผู้ที่ลงไปยังหลุมลึกแห่งแดนคนตาย
ไม่มีความหวังในความสัตย์จริงของพระองค์
19 คนมีชีวิต คนมีชีวิตขอบคุณพระองค์
เหมือนอย่างที่ข้าพเจ้าทำในวันนี้
พ่อบอกลูกๆ ถึงความสัตย์จริงของพระองค์
20 พระผู้เป็นเจ้าจะช่วยชีวิตข้าพเจ้า
และพวกเราจะบรรเลงเพลงด้วยเครื่องสายจนชั่วชีวิต
ในพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า”
21 อิสยาห์ได้พูดว่า “ให้พวกเขาเอามะเดื่อแห้ง 1 ก้อนมาแปะฝี เพื่อให้ท่านหายจากโรค” 22 เฮเซคียาห์ถามว่า “อะไรจะเป็นหมายสำคัญที่เราจะรู้ว่า เราจะขึ้นไปยังพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้าได้อีก”[e]
ผู้ถือสาสน์จากบาบิโลน
39 ในครั้งนั้น เมโรดัคบาลาดันบุตรของบาลาดันกษัตริย์แห่งบาบิโลนใช้คนถือสาสน์ไปพร้อมกับเครื่องบรรณาการถึงเฮเซคียาห์ เพราะทราบว่าเฮเซคียาห์ป่วยและหายดีแล้ว 2 เฮเซคียาห์ยินดีต้อนรับพวกเขา และให้ดูของมีค่าในคลัง เช่น เงิน ทองคำ เครื่องหอม น้ำมันหอม อาวุธยุทโธปกรณ์ทั้งหมด คือทุกสิ่งที่เก็บไว้ในโรงเก็บของ ไม่มีสิ่งใดในวังและอาณาจักรที่เฮเซคียาห์ไม่ได้พาพวกเขาไปดู 3 ครั้นแล้ว อิสยาห์ผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าก็มาหากษัตริย์เฮเซคียาห์ และพูดว่า “ชายเหล่านี้พูดอะไรบ้าง และพวกเขามาจากไหน” เฮเซคียาห์ตอบว่า “พวกเขามาหาเราจากแดนไกล จากบาบิโลน” 4 ท่านถามอีกว่า “พวกเขาเห็นอะไรในวังของท่านบ้าง” เฮเซคียาห์ตอบว่า “พวกเขาเห็นทุกสิ่งที่อยู่ในวังของเรา ไม่มีสิ่งใดในคลังสมบัติของเราทั้งหมดที่เราไม่ได้ให้เขาดู”
5 อิสยาห์พูดกับเฮเซคียาห์ดังนี้ “ขอท่านฟังคำของพระผู้เป็นเจ้าจอมโยธา 6 ดูเถิด ใกล้จะถึงวันนั้น เมื่อทุกสิ่งที่อยู่ในวังของท่าน ซึ่งเป็นสิ่งที่บรรพบุรุษของท่านได้สะสมไว้มาจนถึงทุกวันนี้ จะถูกขนไปยังบาบิโลน พระผู้เป็นเจ้ากล่าวว่า จะไม่มีสิ่งใดเหลืออยู่เลย 7 และบุตรหลานของท่านบางคนซึ่งเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของท่านเอง ที่จะเกิดแก่ท่าน พวกเขาจะถูกพาตัวไปเป็นขันทีในวังของกษัตริย์แห่งบาบิโลน” 8 เฮเซคียาห์พูดกับอิสยาห์ว่า “สิ่งที่พระผู้เป็นเจ้ากล่าวผ่านท่านนั้นเป็นสิ่งดี” เพราะท่านคิดว่า “จะมีสันติสุขและความปลอดภัยขณะที่เรามีชีวิตอยู่”
ให้กำลังใจชนชาติของพระเจ้า
40 พระเจ้าของพวกท่านกล่าวว่า
“จงให้กำลังใจ ให้กำลังใจชนชาติของเรา
2 จงพูดกับเยรูซาเล็มด้วยวาจาอันอ่อนหวาน
และร้องบอกเมืองนั้นว่า
การต่อสู้อย่างหนักของเมืองนั้นจบลงแล้ว
และได้รับอภัยโทษบาป
พระผู้เป็นเจ้าได้ทำโทษเมืองนั้น
เป็นสองเท่าของบาปทั้งปวงที่พวกเขาทำ”
3 มีเสียงร้องว่า “ในถิ่นทุรกันดาร
จงเตรียมทางของพระผู้เป็นเจ้าให้พร้อม
จงทำทางในทะเลทรายให้ตรงเพื่อพระเจ้าของเรา[f]
4 หุบเขาทุกแห่งจะถูกยกให้สูงขึ้น
ภูเขาและเนินเขาทุกลูกจะถูกลดให้ต่ำลง
พื้นดินที่ไม่สม่ำเสมอจะเป็นทางเรียบ
และที่ขรุขระจะเป็นที่ราบ
5 และพระบารมีของพระผู้เป็นเจ้าจะปรากฏ
และมนุษย์ทุกคนจะมองเห็นพร้อมกัน[g]
เพราะคำพูดออกจากปากของพระผู้เป็นเจ้า”
คำกล่าวของพระเจ้ายั่งยืนอยู่ตลอดกาล
6 มีเสียงกล่าวว่า “จงร้องบอกเถิด”
และข้าพเจ้าพูดว่า “ข้าพเจ้าจะร้องอะไร”
มนุษย์ทุกคนเป็นเสมือนต้นหญ้า
และความงามเป็นเสมือนดอกไม้ในทุ่ง
7 ต้นหญ้านั้นเหี่ยวแห้งและดอกร่วงโรย
เมื่อพระผู้เป็นเจ้าพ่นลมหายใจของพระองค์บนใบหญ้า
แน่ทีเดียว คนเป็นเสมือนต้นหญ้า
8 ต้นหญ้านั้นเหี่ยวแห้งและดอกร่วงโรย
แต่คำกล่าวของพระเจ้าของเราจะยั่งยืนอยู่ตลอดกาล[h]
ความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า
9 จงขึ้นไปบนภูเขาสูง
โอ ผู้นำข่าวประเสริฐมายังศิโยน
จงโห่ร้องด้วยเสียงอันดัง
โอ ผู้นำข่าวประเสริฐมายังเยรูซาเล็ม
จงโห่ร้อง อย่ากลัวเลย
จงบอกเมืองต่างๆ ของยูดาห์ว่า
“ดูเถิด พระเจ้าของพวกเจ้า”
10 ดูเถิด พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่มาด้วยอานุภาพ
และพระองค์ปกครองด้วยพลานุภาพ
ดูเถิด รางวัลของพระองค์อยู่กับพระองค์
และพระองค์จะตอบสนอง
11 พระองค์จะเฝ้าฝูงแกะของพระองค์เหมือนผู้เลี้ยงดูฝูงแกะ
พระองค์จะรวบรวมบรรดาลูกแกะไว้ในอ้อมแขน
และอุ้มพวกเขาแนบทรวงอกของพระองค์
และค่อยๆ นำ พวกแม่แกะที่มีลูกอ่อนกินนม
12 ใครวัดห้วงน้ำด้วยอุ้งมือของเขา
และวัดฟ้าสวรรค์ด้วยฝ่ามือได้
ใครรวบรวมผงคลีดินไว้ในถ้วยตวง
ใช้ตราชูชั่งเทือกเขา
และใช้เครื่องวัดน้ำหนักวัดเนินเขาได้
13 ใครหยั่งพระวิญญาณของพระผู้เป็นเจ้าได้
หรือใครจะให้คำปรึกษาแก่พระองค์ได้[i]
14 ใครเป็นผู้ที่พระองค์ปรึกษาด้วย
และใครทำให้พระองค์เข้าใจ
ใครสอนวิถีทางแห่งความยุติธรรมแก่พระองค์
และสอนความรู้แก่พระองค์
และชี้แนะให้พระองค์เข้าใจได้
15 ดูเถิด บรรดาประชาชาติเป็นเหมือนหยดน้ำหยดหนึ่งในถัง
และนับว่าเป็นเช่นเดียวกับธุลีบนตราชู
ดูเถิด พระองค์ชั่งหมู่เกาะต่างๆ เหมือนชั่งผงคลี
16 เลบานอนไม่ดีพอที่จะเป็นเชื้อเพลิง
และสัตว์ป่าที่นั่นก็มีไม่พอเพื่อใช้เผาเป็นของถวาย
17 ประชาชาติทั้งปวงไม่สามารถกระทำสิ่งใดต่อพระองค์ได้
พวกเขาเปล่าประโยชน์ยิ่งกว่าศูนย์
และมีสภาพว่างเปล่า
18 ฉะนั้นแล้ว พวกท่านจะเปรียบพระเจ้ากับผู้ใด
หรือจะเปรียบรูปลักษณ์ของพระองค์กับอะไร
19 รูปเคารพเป็นสิ่งที่ช่างฝีมือหล่อขึ้น
ช่างทองชุบมันด้วยทองคำ
และทำสร้อยเงินสวมให้รูปเคารพ
20 คนที่ยากไร้เกินไปที่จะมอบของถวายเช่นนั้น
ก็จะเลือกไม้ที่ไม่ผุ
เขาหาช่างฝีมือผู้ชำนาญ
ติดตั้งรูปเคารพที่ขยับเขยื้อนไม่ได้
21 ท่านไม่ทราบหรือ
ท่านไม่ได้ยินหรือ
ท่านไม่ได้รับฟังมาตั้งแต่แรกหรือ
ท่านไม่เข้าใจนับตั้งแต่การวางฐานรากของแผ่นดินโลกหรือ
22 พระองค์พำนักอยู่เหนือโค้งของแผ่นดินโลก
และบรรดาผู้อยู่อาศัยเป็นเหมือนตั๊กแตน
พระองค์แผ่ฟ้าสวรรค์ออกเหมือนปะรำ
และกางฟ้าสวรรค์ออกเหมือนกระโจมเพื่อเป็นที่พำนัก
23 พระองค์ทำให้บรรดาผู้นำกระทำสิ่งใดไม่ได้เลย
และทำให้บรรดาผู้ปกครองของแผ่นดินโลกเป็นดั่งความว่างเปล่า
24 พวกเขายังไม่ทันจะถูกปลูก ยังไม่ทันจะถูกหว่านเมล็ด
กิ่งก้านยังไม่ทันงอกรากลงดิน
เมื่อพระองค์พ่นลมหายใจใส่พวกเขา พวกเขาก็เหี่ยวเฉาไป
และพายุหมุนหอบพวกเขาไปเหมือนแกลบ
25 องค์ผู้บริสุทธิ์กล่าวว่า “ฉะนั้นพวกเจ้าจะเปรียบเราได้กับใคร
ว่าเราควรจะเป็นเหมือนกับเขา”
26 ท่านจงเงยหน้าขึ้นดูสิ
ใครสร้างสิ่งเหล่านี้
พระองค์ผู้สร้างทุกสิ่งที่อยู่บนฟ้าจำนวนมหาศาล
เรียกชื่อทุกสิ่งบนนั้น
ด้วยอานุภาพอันยิ่งใหญ่ของพระองค์
และเพราะว่าพระองค์มีอานุภาพยิ่งนัก
จึงไม่มีสิ่งใดขาดหายไปเลย
27 โอ ยาโคบเอ๋ย ทำไมท่านจึงพูด
โอ อิสราเอลเอ๋ย ทำไมท่านจึงกล่าวดังนี้
“พระผู้เป็นเจ้าไม่เห็นวิถีทางของเรา
และพระเจ้าไม่สนใจให้ความยุติธรรมแก่เรา”
28 พวกท่านไม่รู้หรอกหรือ
พวกท่านไม่ได้ยินหรอกหรือ
พระผู้เป็นเจ้าเป็นพระเจ้าตลอดกาล
องค์ผู้สร้างแดนไกลสุดขอบโลก
พระองค์ไม่อ่อนล้าหรือสิ้นกำลัง
ความหยั่งรู้ของพระองค์หามีขอบเขตจำกัดไม่
29 พระองค์มอบอานุภาพให้แก่ผู้อ่อนล้า
และเสริมกำลังแก่ผู้ที่ขาดพลัง
30 แม้บรรดาวัยรุ่นก็ยังจะอ่อนล้าและสิ้นกำลัง
และชายหนุ่มจะอ่อนแรง
31 แต่บรรดาผู้ที่รอคอยพระผู้เป็นเจ้า
จะได้รับการเสริมสร้างพลังขึ้นใหม่
พวกเขาจะโผขึ้นด้วยปีกเหมือนนกอินทรี
พวกเขาจะวิ่ง แต่ไม่หมดกำลัง
พวกเขาจะเดิน แต่ไม่อ่อนล้า
อย่ากลัวเลย เพราะเราอยู่กับเจ้า
41 “โอ หมู่เกาะทั้งหลายเอ๋ย จงนิ่งเงียบต่อหน้าเรา
ให้บรรดาชนชาติเสริมสร้างพลังของพวกเขาขึ้นใหม่
ให้พวกเขาเข้ามาใกล้ แล้วก็ให้พวกเขาพูด
เราเข้ามาร่วมชุมนุมกันในที่พิพากษาเถิด
2 ใครกระตุ้นชายคนหนึ่งจากทิศตะวันออก
เขาประสบชัยชนะทุกก้าวของเขา
บรรดาประชาชาติถูกมอบไว้ในมือของเขา
เพื่อให้เขาเหยียบย่ำบรรดากษัตริย์
เขาปราบพวกเขาด้วยดาบเหมือนฝุ่น
และขับไล่พวกเขาไปด้วยคันธนูของเขาเหมือนแกลบ
3 เขาตามล่าและดำเนินผ่านพ้นไปอย่างปลอดภัย
และเดินในทางที่เขาไม่เคยเหยียบย่างมาก่อน
4 ใครเป็นผู้กระทำสิ่งเหล่านี้ด้วยความสำเร็จ
ผู้ที่เรียกทุกชั่วอายุคนออกมานับแต่ครั้งปฐมกาล
เราคือพระผู้เป็นเจ้า เราอยู่กับชั่วอายุแรก
และเราจะอยู่กับชั่วอายุสุดท้าย เราคือผู้นั้น”
5 หมู่เกาะต่างๆ ได้เห็นแล้ว และเกรงกลัว
แดนไกลสุดขอบโลกสั่นสะเทือน
พวกเขาได้เข้ามาใกล้ และก็ถึงแล้ว
6 ทุกคนต่างช่วยเหลือเพื่อนบ้านของตน
และพูดต่อกันและกันว่า “จงเข้มแข็งเถิด”
7 ช่างฝีมือให้กำลังใจช่างทอง
และผู้ที่ใช้ค้อนทุบให้เรียบกระตุ้นผู้ที่ตีทั่ง
เขาบอกผู้ที่เชื่อมโลหะว่า “งานออกมาดี”
พวกเขาตอกตะปูรูปเคารพให้แข็งแรง เพื่อไม่ให้มันขยับเขยื้อน
8 “แต่อิสราเอล เจ้าเป็นผู้รับใช้ของเรา
ยาโคบผู้ที่เราได้เลือก
เชื้อสายของอับราฮัมสหายของเรา
9 เราเอาตัวเจ้าออกมาจากแดนไกลสุดขอบโลก
และเรียกจากที่ไกลสุดของโลก
เราบอกเจ้าว่า ‘เจ้าเป็นผู้รับใช้ของเรา
เราได้เลือกเจ้า และไม่ได้ปฏิเสธเจ้า’
10 ไม่ต้องกลัว เพราะเราอยู่กับเจ้า
อย่าหวั่นกลัว เพราะเราเป็นพระเจ้าของเจ้า
เราจะเสริมกำลังแก่เจ้า เราจะช่วยเจ้า
เราจะประคองเจ้าด้วยมือขวาอันชอบธรรมของเรา
11 ดูเถิด ทุกคนที่เกรี้ยวกราดเจ้า
จะได้รับความอับอายและสับสน
บรรดาผู้ที่ต่อต้านเจ้า
จะทำสิ่งใดไม่ได้และจะสิ้นชีวิต
12 เจ้าจะค้นหาพวกที่ราวีเจ้า
แต่เจ้าจะหาไม่พบ
พวกที่สู้รบกับเจ้า
จะทำสิ่งใดไม่ได้เลย
13 เพราะเราคือพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเจ้า
เราจูงมือขวาของเจ้า
เรานี่แหละพูดกับเจ้าว่า ‘อย่ากลัวเลย
เราเป็นผู้ที่ช่วยเจ้า’
14 อย่ากลัวเลย ยาโคบ เจ้าเป็นเหมือนหนอนตัวหนึ่ง
โอ อิสราเอลผู้น้อย
พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า เราเป็นผู้ที่ช่วยเจ้า
ผู้ไถ่ของเจ้าคือองค์ผู้บริสุทธิ์ของอิสราเอล
15 ดูเถิด เราจะทำให้เจ้าเป็นเครื่องนวดข้าวใหม่
ทั้งคมและมีฟัน
เจ้าจะนวดบดเทือกเขา
และเจ้าจะทำให้เนินเขาเป็นเหมือนแกลบ
16 เจ้าจะฝัดร่อนพวกเขา และลมจะพัดพาพวกเขาไปเสีย
และพายุอันแรงกล้าจะทำให้พวกเขากระจัดกระจายไป
และเจ้าจะยินดีในพระผู้เป็นเจ้า
เจ้าจะอยู่ใต้ร่มพระบารมีขององค์ผู้บริสุทธิ์ของอิสราเอล
17 เมื่อผู้ขัดสนและยากไร้เสาะหาน้ำ
แต่ก็ไม่มีน้ำ
และลิ้นของพวกเขาแห้งผากด้วยความกระหาย
เราผู้เป็นพระผู้เป็นเจ้าจะตอบพวกเขา
เราผู้เป็นพระเจ้าของอิสราเอลจะไม่ทอดทิ้งพวกเขา
18 เราจะทำให้แม่น้ำหลายสายไหลบนที่ราบสูง
และน้ำพุพุ่งในท่ามกลางหุบเขา
เราจะทำให้มีแอ่งน้ำในถิ่นทุรกันดาร
และแหล่งน้ำพุบนแผ่นดินอันแห้งแล้ง
19 เราจะให้มีต้นซีดาร์ ต้นสีเสียด ต้นเมอร์เทิล และต้นมะกอก
ในถิ่นทุรกันดาร
เราจะให้มีทั้งต้นสน ต้นเพลน และต้นสนไซเปร็ส
ขึ้นด้วยกันในทะเลทราย
20 เพื่อพวกเขาจะเห็นและทราบ
จะพิจารณาและเข้าใจด้วยกันว่า
พระผู้เป็นเจ้าได้กระทำสิ่งเหล่านี้ด้วยมือของพระองค์
องค์ผู้บริสุทธิ์ของอิสราเอลได้บันดาลให้มีขึ้นมา”
รูปเคารพที่ไร้ประโยชน์
21 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวดังนี้
“ยื่นคำร้องของเจ้าเถิด”
กษัตริย์ของยาโคบกล่าวว่า
“นำข้อพิสูจน์ของเจ้ามา”
22 ให้พวกเขานำรูปเคารพมา
และบอกพวกเราว่าอะไรจะเกิดขึ้น
บอกถึงเหตุการณ์ต่างๆ ที่ผ่านมา
เพื่อพวกเราจะได้พิจารณา
และจะได้ทราบผลลัพธ์
หรือแจ้งให้พวกเราทราบถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้น
23 จงบอกพวกเราว่า อะไรจะเกิดขึ้นหลังจากนี้
เพื่อจะได้ทราบว่าพวกท่านเป็นเทพเจ้า
กระทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งสิ ไม่ว่าจะดีหรือร้าย
พวกเราจะได้ตกใจกลัวและหวาดหวั่นพรั่นพรึง
24 ดูเถิด พวกท่านไม่สามารถกระทำสิ่งใดได้
และการงานของท่านเปล่าประโยชน์ยิ่งกว่าศูนย์
ผู้ที่เลือกท่านเป็นผู้ที่น่ารังเกียจ
25 “เรากระตุ้นคนหนึ่งจากทิศเหนือ และเขาก็มาแล้ว
จากทิศที่ดวงอาทิตย์ขึ้น และเขาจะร้องเรียกนามของเรา
เขาจะเหยียบย่ำบรรดาผู้อยู่ในระดับปกครองราวกับว่าพวกเขาเป็นปูนสอ
ประหนึ่งว่าเขาเป็นช่างปั้นหม้อเหยียบย่ำดินเหนียว”
26 ใครแจ้งเรื่องนี้ตั้งแต่แรกเริ่ม พวกเราจึงจะได้ทราบกัน
หรือเล่าล่วงหน้า พวกเราจึงจะพูดได้ว่า “ท่านถูกต้อง”
ไม่มีใครที่ประกาศ
ไม่มีใครที่แจ้ง
ไม่มีใครที่ได้ยินคำพูดของท่าน
27 “เราเป็นผู้แรกที่บอกศิโยนว่า ‘ดูเถิด นี่ไงพวกเขาอยู่นี่’
และเรามอบผู้ประกาศข่าวประเสริฐให้แก่เยรูซาเล็ม
28 แต่เมื่อเรามองดู ก็ไม่มีใครเลย
ไม่มีรูปเคารพใดเป็นที่ปรึกษาได้
ที่ตอบคำถามเราได้
29 ดูเถิด รูปเคารพเหล่านี้ไร้ประโยชน์
ไม่ปรากฏผลแต่อย่างไร
รูปเคารพที่หล่อขึ้นเป็นเพียงลมที่ว่างเปล่า
Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation