Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

Beginning

Read the Bible from start to finish, from Genesis to Revelation.
Duration: 365 days
New Thai Version (NTV-BIBLE)
Version
อิสยาห์ 28-30

การตัดสินโทษเอฟราอิมและเยรูซาเล็ม

28 วิบัติจงเกิดแก่มงกุฎอันยโสของพวกขี้เมาของเอฟราอิม
    และแก่ดอกไม้ที่กำลังโรยราจากความงามอันเลิศของมัน
    ซึ่งอยู่บนยอดหุบเขาอันอุดมของพวกที่ตกต่ำลงเพราะเหล้าองุ่น
ดูเถิด พระผู้เป็นเจ้ามีผู้หนึ่งซึ่งมีอำนาจและเก่งกล้า
    เหมือนพายุลูกเห็บ ลมอันแรงกล้า
เหมือนพายุฝนซึ่งเกิดมีน้ำไหลหลาก
    เขาจะเป็นผู้เหวี่ยงมันลงบนแผ่นดินโลกเอง
มงกุฎอันยโสของพวกขี้เมาของเอฟราอิม
    จะถูกเหยียบย่ำ
ดอกไม้ที่กำลังโรยราไปจากความงามอันเลิศของมันนั้น
    ซึ่งอยู่บนยอดหุบเขาอันอุดม
จะเป็นเหมือนมะเดื่อสุกผลแรกก่อนจะถึงฤดูร้อน
    ซึ่งพอใครเห็นเข้า
    ก็จะรีบกลืนกินมันทันทีที่เก็บได้

ในวันนั้น พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธา
    จะเป็นมงกุฎแห่งพระบารมี
และมงกุฎแห่งความงามแก่ชนชาติ
    ของพระองค์ที่มีชีวิตเหลืออยู่
และจะเป็นวิญญาณแห่งความเป็นธรรม
    แก่ผู้ที่นั่งตัดสินความ
และเป็นกำลัง
    แก่บรรดานักรบที่ประตูเมือง

คนเหล่านี้มึนเมาด้วยเหล้าองุ่น
    และเดินโซซัดโซเซด้วยฤทธิ์สุรา
ทั้งปุโรหิตและผู้เผยคำกล่าวมึนเมาด้วยสุรา
    พวกเขาอยู่ใต้อำนาจเหล้าองุ่น
    และเดินโซซัดโซเซด้วยฤทธิ์สุรา
พวกเขามึนเมาขณะที่เห็นภาพนิมิต
    พวกเขาพลาดพลั้งเมื่อตัดสินความ
ด้วยว่า พวกเขาอาเจียนจนสกปรก
    เรี่ยราดเต็มโต๊ะ

“เขาจะสอนให้ใครมีความรู้ได้
    และเขาจะอธิบายเนื้อความให้แก่ใครได้เล่า
เขาจะสอนเด็กๆ ที่หย่านมแล้ว
    สอนพวกที่ถูกผละไปจากอกแม่หรือ
10 เพราะมันเป็นเสียง
    ซัฟถึงซัฟ ซัฟถึงซัฟ
    คัฟถึงคัฟ คัฟถึงคัฟ[a]
    เด็กน้อยนี่ เด็กน้อยนั่น”

11 เพราะพระผู้เป็นเจ้าจะกล่าวแก่ชนชาตินี้
    โดยริมฝีปากของชนต่างชาติ
    และด้วยภาษาต่างแดน[b]
12     พระองค์กล่าวกับพวกเขาว่า
“นี่เป็นที่หยุดพักของเจ้า
    จงให้คนที่อ่อนล้าพักผ่อน
และนี่คือสันติสุข”
    แต่พวกเขาก็ไม่ฟัง
13 และสำหรับพวกเขา คำกล่าวของพระผู้เป็นเจ้าจะเป็นเช่นนี้คือ
    ซัฟถึงซัฟ ซัฟถึงซัฟ
    คัฟถึงคัฟ คัฟถึงคัฟ
    เด็กน้อยนี่ เด็กน้อยนั่น
และพวกเขาจะไป และล้มหงายหลังจนลุกขึ้นมาไม่ได้อีก
    พวกเขาจะติดบ่วงแร้ว และถูกจับตัวไป

ศิลามุมเอกในศิโยน

14 ฉะนั้น พวกเยาะเย้ยทั้งหลายเอ๋ย
    ท่านปกครองชนชาตินี้ในเยรูซาเล็ม
    จงฟังคำกล่าวของพระผู้เป็นเจ้าเถิด
15 เพราะท่านพูดว่า “พวกเราได้ทำพันธสัญญากับความตายแล้ว
    เรามีข้อตกลงกับแดนคนตาย
เมื่อมีสิ่งที่เกินทนผ่านเข้ามา
    มันก็จะไม่ถึงตัวเรา
เพราะเราใช้ความเท็จเป็นที่พึ่งของเรา
    และเรารับเอาความจอมปลอมเป็นที่หลบภัย”
16 ฉะนั้น พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่กล่าวดังนี้
    “ดูเถิด เราเป็นผู้ที่วางศิลาก้อนหนึ่งในศิโยน
    ศิลาที่ได้รับการทดสอบแล้ว
ศิลามุมเอกที่มีค่ายิ่งสำหรับฐานรากอันมั่นคง
    ผู้ที่ไว้วางใจในพระองค์จะไม่หวั่นกลัว[c]
17 เราให้ความยุติธรรมด้วยการใช้สายวัด
    และให้ความชอบธรรมด้วยการใช้สายดิ่ง
ลูกเห็บจะกวาดล้างที่พึ่งของการพูดเท็จ
    และน้ำจะท่วมล้นที่หลบภัย”
18 แล้วพันธสัญญากับความตายของท่านก็จะเป็นโมฆะ
    และข้อตกลงกับแดนคนตายของท่านก็จะใช้ไม่ได้
เมื่อมีสิ่งที่เกินทนผ่านเข้ามา
    ท่านก็จะถูกมันเหยียบย่ำจมดิน
19 มันผ่านเข้ามาบ่อยเพียงไร มันก็จะทำให้ท่านพินาศเพียงนั้น
    เช้าแล้วเช้าเล่า มันจะผ่านเข้ามา
    ทั้งวันและคืน เมื่อเข้าใจข้อความนี้แล้ว
จะทำให้ตกใจกลัว
20 เพราะที่นอนสั้นเกินไปที่จะนอนเหยียดตัวได้
    ผ้าคลุมก็แคบเกินไปที่จะห่มตัว
21 เพราะพระผู้เป็นเจ้าจะลุกขึ้นบนภูเขาเปริซิม
    พระองค์จะโกรธกริ้วขึ้นเหมือนที่หุบเขากิเบโอน
เพื่อปฏิบัติภารกิจของพระองค์ ภารกิจที่น่าพิศวงของพระองค์
    และทำงานของพระองค์ งานที่ต่างออกไปของพระองค์
22 ฉะนั้น บัดนี้พวกท่านจงอย่าเย้ยหยัน
    มิฉะนั้นโซ่ที่มัดตัวท่านจะหนักยิ่งขึ้น
เพราะข้าพเจ้าทราบมาจากพระผู้เป็นเจ้าจอมโยธาผู้ยิ่งใหญ่
    เรื่องความพินาศที่มีต่อแผ่นดินโลกได้ถูกกำหนดไว้แล้ว

23 จงเงี่ยหูฟังเสียงของข้าพเจ้า จงใส่ใจ
    และฟังคำพูดของข้าพเจ้า
24 คนไถนาก่อนที่จะหว่าน เขาไถดินเรื่อยไปหรือ
    เขาเบิกและไถคราดพื้นดินเรื่อยไปหรือ
25 เมื่อเขาไกล่ผิวดินเสมอกันแล้ว
    เขาจะไม่โปรยเมล็ดยี่หร่า หว่านเมล็ดผักชี
และปลูกข้าวสาลีเป็นแถว
    ปลูกข้าวบาร์เลย์ให้ถูกที่
    และข้าวสาลีป่าตามขอบเขตหรือ
26 เพราะเขาได้รับการสอนอย่างถูกวิธี
    พระเจ้าของเขาสอนเขา

27 ไม่มีใครใช้คราดนวดเมล็ดผักชี[d]
    หรือใช้ล้อเกวียนหมุนบดยี่หร่า
แต่เขาจะใช้ไม้ตีเมล็ดผักชี
    และไม้ตะบองทุบยี่หร่า
28 เมล็ดข้าวต้องถูกบดเพื่อทำขนมปัง
    แต่เขาไม่ทำเช่นนั้นตลอดไป
แม้ว่าเขาจะขับเกวียนให้ล้อทับข้าว
    ม้าของเขาก็บดข้าวไม่ได้
29 บทเรียนนี้มาจากพระผู้เป็นเจ้าจอมโยธา
    พระองค์เป็นที่ปรึกษาผู้ล้ำเลิศ
    และพระปัญญาของพระองค์ดีเลิศ

เยรูซาเล็มถูกยึด

29 “วิบัติจงเกิดแก่อารีเอล[e] แก่อารีเอล
    คือเมืองที่ดาวิดตั้งค่ายอยู่
จงให้มีงานเทศกาลของพวกเจ้า
    ปีแล้วปีเล่า
เราจะทำให้อารีเอลเป็นทุกข์
    จะมีการเศร้าโศกและคร่ำครวญ
    และเมืองนี้จะเป็นเหมือนอารีเอลสำหรับเรา
เราจะตั้งค่ายต่อสู้กับเจ้าโดยรอบข้าง
    และเราจะล้อมเจ้าด้วยหอคอย
    และเราจะตั้งเชิงเทินล้อมเจ้า
และเจ้าจะถูกทำให้ทรุดต่ำลง เจ้าจะพูดจากพื้นดิน
    คำพูดของเจ้าจะแผ่วเบาจากฝุ่น
เสียงของเจ้าจะมาจากพื้นดินเหมือนเสียงวิญญาณจากแดนคนตาย
    และคำพูดของเจ้าจะกระซิบจากฝุ่น”

แต่ศัตรูต่างชาติของท่านจำนวนมากจะเป็นเหมือนผงคลี
    และคนโหดร้ายจำนวนมากจะเป็นเหมือนแกลบที่ถูกลมพัด
และในทันทีทันใดนั้น
    พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธาจะมาเยือน
ด้วยเสียงฟ้าร้อง แผ่นดินไหว และเสียงดังสนั่น
    พายุหมุน และพายุอันแรงกล้า และเพลิงไฟที่เผาผลาญ
และบรรดาประชาชาติทั้งปวงที่ต่อสู้กับอารีเอล
    ที่โจมตีอารีเอลและหลักยึดอันมั่นคง และทำให้เมืองนี้เป็นทุกข์
ก็จะเป็นเหมือนความฝัน
    เป็นภาพนิมิตในเวลากลางคืน
เมื่อคนหิวฝันว่าเขากำลังรับประทานอยู่
    แต่เมื่อตื่นขึ้น เขาก็ไม่หายหิว
เมื่อคนกระหายน้ำฝันว่า เขากำลังดื่มน้ำ
    แต่เมื่อตื่นขึ้น เขาก็อ่อนกำลัง และยังกระหายน้ำอยู่
และจะเป็นเช่นนั้นกับประชาชาติทั้งปวง
    ที่ต่อสู้กับภูเขาศิโยน

จงประหลาดใจและอัศจรรย์ใจ
    ทำตัวเองให้มืดบอด และมองไม่เห็น
ท่านจะเมา แต่ไม่ใช่ด้วยเหล้าองุ่น
    ท่านจะเดินโซซัดโซเซ แต่ไม่ใช่ด้วยฤทธิ์สุรา
10 เพราะพระผู้เป็นเจ้าได้หลั่งวิญญาณ
    ที่นอนหลับสนิทให้แก่ท่าน
และทำให้พวกท่านตามืดบอด
    (ผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าเป็นเสมือนตา)
และปกคลุมศีรษะของพวกท่าน
    (ผู้รู้เป็นเสมือนศีรษะ)

11 และภาพนิมิตดังกล่าวนี้เป็นเสมือนคำพูดในหนังสือม้วนที่ถูกผนึก เมื่อมีคนมอบหนังสือนี้ให้แก่คนที่อ่านออก และบอกว่า “อ่านสิ” เขาจะตอบว่า “ข้าพเจ้าอ่านไม่ได้ เพราะมันถูกผนึกไว้” 12 เมื่อมีคนมอบหนังสือม้วนนี้ให้แก่คนที่อ่านไม่ออก และบอกว่า “อ่านสิ” เขาจะตอบว่า “ข้าพเจ้าอ่านไม่ออก”

13 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวว่า

“เพราะคนเหล่านี้พูดด้วยปากว่า เขาอยู่ใกล้เรา
    และให้เกียรติเราเพียงแค่ปาก
    แต่ใจของพวกเขาห่างไกลจากเรา
ความเกรงกลัวของพวกเขาที่มีต่อเรา
    ก็มาจากกฎเกณฑ์ที่มนุษย์สั่งสอน[f]
14 ฉะนั้น ดูเถิด เราจะกระทำสิ่งมหัศจรรย์มากมาย
    กับคนเหล่านี้อีก
และสติปัญญาของผู้เรืองปัญญาจะดับสูญไป
    และความฉลาดของผู้เรืองปัญญาจะถูกปิดบังไว้”[g]

15 วิบัติจงเกิดแก่คนที่ซ่อนแผนการ
    จากพระผู้เป็นเจ้า
ซึ่งการกระทำของเขาอยู่ในความมืด
    และเขาพูดว่า “ใครจะรู้เรื่องเรา”
16 พวกท่านกลับพลิกหน้ามือเป็นหลังมือ
ควรหรือที่จะถือว่าช่างปั้นหม้อเป็นเหมือนกับดินเหนียว
และสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นควรพูดถึงผู้สร้างว่า
    “เขาไม่ได้สร้างฉัน” อย่างนั้นหรือ
สิ่งที่ถูกปั้นขึ้นจะพูดถึงผู้ปั้นของมันว่า
    “เขาไม่มีความเข้าใจ” อย่างนั้นหรือ

17 อีกไม่นานมิใช่หรือ
    ที่เลบานอนจะกลับกลายเป็นไร่นาอันอุดม
    และไร่นาซึ่งอุดมสมบูรณ์ก็จะถือเสมือนว่าเป็นป่าดงดิบ
18 ในวันนั้น คนหูหนวกจะได้ยิน
    คำกล่าวของหนังสือม้วน
และคนตาบอดจะมองเห็นจาก
    ความมืดมนและความมืด
19 ผู้มีใจอ่อนน้อมจะได้รับความยินดีจากพระผู้เป็นเจ้า
    และคนยากไร้ในหมู่มนุษย์จะรื่นเริงใจในองค์ผู้บริสุทธิ์ของอิสราเอล
20 เพราะคนโหดร้ายจะสูญหายไป
    คนเย้ยหยันจะหายจากไป
    และทุกคนที่เจตนาทำชั่วจะถูกตัดขาด
21 ผู้ใส่ร้ายให้คนมีความผิด
    และวางกับดักผู้คุ้มครองที่ประตูเมือง
    และให้การเท็จทำให้คนไร้ความผิดไม่ได้รับความเป็นธรรม

22 ฉะนั้น พระผู้เป็นเจ้าผู้ไถ่อับราฮัม กล่าวถึงพงศ์พันธุ์ยาโคบดังนี้ว่า

“ยาโคบจะไม่อับอายอีกต่อไป
    ใบหน้าของเขาจะไม่ซีดลงอีกต่อไป
23 เพราะเมื่อเขาเห็นลูกหลานของเขา
    ซึ่งเป็นผลงานจากฝีมือของเราท่ามกลางเขา
พวกเขาจะเคารพสักการะชื่อของเรา
    พวกเขาจะเคารพสักการะองค์ผู้บริสุทธิ์ของยาโคบ
    และจะยืนด้วยความเกรงกลัวพระเจ้าของอิสราเอล
24 และบรรดาผู้ที่หลงผิดจะกลับมาเข้าใจ
    และพวกที่พร่ำบ่นจะยินดีรับคำสั่งสอน”

ห้ามลงไปยังอียิปต์

30 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวดังนี้ว่า
    “วิบัติจงเกิดแก่ลูกๆ ที่ดื้อรั้น
พวกที่ทำตามแผนการที่ไม่ใช่ของเรา
และสร้างสัมพันธภาพซึ่งไม่ได้เกิดจากฝ่ายวิญญาณของเรา
    พวกเขาจึงเพิ่มพูนบาปยิ่งขึ้น
พวกเขาเดินทางลงไปยังอียิปต์
    โดยไม่ได้ปรึกษาเรา
แต่อาศัยการคุ้มครองของฟาโรห์
    และหลบอยู่ภายใต้ร่มเงาของอียิปต์
แต่การคุ้มครองของฟาโรห์
    กลับนำความอับอายมาให้เจ้า
และการหลบภายใต้ร่มเงาของอียิปต์
    กลับนำความอัปยศมาให้เจ้า
ถึงแม้ว่าพวกเขามีบรรดาผู้นำที่โศอัน
    และพวกส่งสาสน์ได้ไปถึงฮาเนส
ทุกคนจะอับอาย
    เนื่องจากไม่มีใครที่จะเป็นประโยชน์ต่อเขา
ไม่ให้ทั้งความช่วยเหลือและผลประโยชน์
    มีแต่ความอับอายและความอัปยศ”

คำพยากรณ์เรื่องสัตว์ป่าแห่งเนเกบ

เดินทางผ่านดินแดนที่แสนจะลำบากและทำให้เจ็บปวดรวดร้าว
    เป็นที่มีสิงโตทั้งตัวเมียและตัวผู้
    มีงูพิษและงูพิษร้ายซึ่งพุ่งฉกอย่างร้อนรน
พวกเขาบรรทุกสมบัติของตนบนหลังลา
    และทรัพย์สินที่มีบนโหนกอูฐ
    เพื่อพากันไปยังชนชาติที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อพวกเขา
ความช่วยเหลือของอียิปต์ไร้ค่าและเปล่าประโยชน์
    ฉะนั้น ข้าพเจ้าจึงเรียกอียิปต์ว่า
    “ราหับที่นั่งนิ่ง”

ชนชาติที่ดื้อดึง

และบัดนี้ จงไปเถิด จงเขียนบนแผ่นหินต่อหน้าพวกเขา
    และจารึกลงในหนังสือม้วน
เพื่อในวันข้างหน้าจะได้เป็น
    หลักฐานจนชั่วนิรันดร์กาล
เพราะพวกเขาเป็นชนชาติที่ดื้อดึง
    เป็นลูกหลานที่โป้ปด
    ไม่ยอมฟังคำสั่งสอนของพระผู้เป็นเจ้า
10 เป็นบรรดาผู้ที่พูดกับผู้รู้ว่า
    “หยุดเห็นภาพนิมิตได้แล้ว”
และพูดกับบรรดาผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าว่า
    “อย่าเผยคำกล่าวของพระเจ้าให้แก่พวกเราในสิ่งที่ควรทำ
แต่พูดกับพวกเราถึงสิ่งที่รื่นหู
    ทำนายเรื่องที่ไม่เป็นจริงเถิด
11 ไปเสียจากทางนั้น หันกลับไปจากวิถีทางนั้น
    อย่าให้พวกเราได้ยินเรื่ององค์ผู้บริสุทธิ์ของอิสราเอลอีกเลย”

12 ฉะนั้น องค์ผู้บริสุทธิ์ของอิสราเอลกล่าวดังนี้ว่า

“เพราะพวกเจ้าไม่ยอมรับคำกล่าว
    และวางใจในเรื่องการบีบบังคับและการบิดเบือน
    เจ้าจึงได้พึ่งสิ่งเหล่านั้น
13 ฉะนั้น บาปนี้จะเกิดขึ้นกับพวกเจ้า
    เหมือนกำแพงสูงที่มีช่องโหว่ และกำลังจะล้มลง
    และจะทลายลงทันที โดยฉับพลัน
14 กำแพงที่พังจะเป็นเหมือนภาชนะของช่างปั้นหม้อ
    ที่ถูกทุบอย่างไม่ปรานี
จะหาเศษกระเบื้องแตกชิ้นใหญ่พอที่
    จะใช้ตักถ่านคุจากพื้นเตาผิง
    หรือตักน้ำออกจากบ่อเก็บน้ำก็ไม่ได้”

15 เพราะพระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ องค์ผู้บริสุทธิ์ของอิสราเอลกล่าวดังนี้ว่า

“ถ้าจะกลับใจโดยหันเข้าหาเราและหยุดพัก พวกเจ้าก็จะรอดปลอดภัย
    การอยู่อย่างสงบนิ่งและด้วยการวางใจ พวกเจ้าก็จะมีพละกำลัง”
แต่ท่านไม่ยอม 16 และท่านพูดว่า
“ไม่เอา พวกเราจะขี่ม้าหนีไป”
    ฉะนั้นพวกท่านจะหนีไป
และ “พวกเราจะขี่ม้าฝีเท้าเร็ว”
    ฉะนั้นพวกที่ไล่ตามพวกท่านนั่นแหละที่จะมีฝีเท้าเร็ว
17 เพียงคนเดียวที่จะไล่พวกท่าน 1,000 คนให้เตลิดไป
    และเพียง 5 คนจะทำให้พวกท่านหนีไป
จนกว่าพวกท่านจะยืนยงอยู่ได้
    ก็เป็นแค่เสาธงบนยอดเขา
    เหมือนกับธงชัยบนเนินเขา

พระผู้เป็นเจ้าจะกรุณา

18 ฉะนั้น พระผู้เป็นเจ้าปรารถนาจะมีความกรุณาต่อพวกท่าน
    พระองค์จึงลุกขึ้นแสดงความเมตตาต่อท่าน
เพราะพระผู้เป็นเจ้าเป็นพระเจ้าแห่งความยุติธรรม
    ทุกคนที่รอคอยพระองค์จะเป็นสุข

19 โอ ประชาชนในศิโยน ผู้อยู่อาศัยในเยรูซาเล็ม พวกท่านจะไม่ร้องไห้อีกต่อไป พระองค์จะมีความกรุณาต่อพวกท่านอย่างแน่นอนเมื่อพวกท่านส่งเสียงร้อง ทันทีที่พระองค์ได้ยินเสียงร้อง พระองค์ก็ตอบพวกท่าน 20 และถึงแม้ว่า พระผู้เป็นเจ้าให้อาหารแห่งความคับขัน และให้น้ำแห่งความทุกข์ทรมานแก่พวกท่าน ถึงกระนั้นผู้สอนของท่านจะไม่ถูกซ่อนอีกต่อไป แต่ตาของท่านจะเห็นผู้สอนของท่าน 21 เมื่อท่านเดินหันขวาหรือหันซ้ายก็ตาม หูของท่านจะได้ยินเสียงที่มาจากเบื้องหลังท่านพูดว่า “นี่คือหนทาง จงเดินในทางนั้น” 22 แล้วท่านจะทำลายรูปเคารพสลักหุ้มด้วยเงิน และรูปบูชาหล่อชุบด้วยทองคำ ท่านจะโยนสิ่งเหล่านั้นทิ้งราวกับสิ่งที่เป็นมลทิน ท่านจะพูดกับมันว่า “ไปให้พ้น”

23 และพระองค์จะหลั่งฝนลงมาให้กับเมล็ดที่ท่านหว่านบนดิน และอาหารที่ได้จากแผ่นดินก็จะมีคุณภาพดีและอุดมสมบูรณ์ ในวันนั้นสัตว์เลี้ยงของท่านจะเล็มหญ้าในทุ่งอันกว้างใหญ่ 24 โคกระบือและลาที่ทำนาจะกินฟางที่มีรสชาติ ซึ่งเลือกสรรฝัดร่อนด้วยพลั่วและส้อม 25 จะมีน้ำไหลในลำธารหลายแห่งบนภูเขาสูงทุกลูกและเนินเขาทุกแห่ง ในวันแห่งการสังหารครั้งยิ่งใหญ่เมื่อหอคอยล้ม 26 ยิ่งกว่านั้น แสงจันทร์จะเป็นเหมือนแสงตะวัน และแสงตะวันจะสว่างขึ้นเป็น 7 เท่า คือวันหนึ่งมีแสงแรงเท่ากับ 7 วัน ในวันที่พระผู้เป็นเจ้าสมานความแตกสลายให้คนของพระองค์ และรักษาบาดแผลที่ถูกเฆี่ยน

27 ดูเถิด พระนามของพระผู้เป็นเจ้ามาจากที่ไกล
    ความโกรธของพระองค์คุกรุ่นและเป็นกลุ่มควันมืดที่ลอยขึ้น
ริมฝีปากของพระองค์แสดงให้เห็นความโกรธอันร้อนแรง
    และลิ้นของพระองค์เหมือนไฟที่เผาไหม้
28 ลมหายใจของพระองค์เหมือนลำธารที่เปี่ยมล้นและสูงถึงคอ
เพื่อจะเขย่าบรรดาประชาชาติด้วยตะแกรงแห่งความพินาศ
    และใส่บังเหียนเพื่อบังคับขากรรไกรของบรรดาชนชาติให้หลงผิด

29 เพลงของพวกท่านจะเป็นดุจเสียงในยามค่ำเมื่อมีการเลี้ยงฉลอง ใจของพวกท่านจะชื่นบานเหมือนบรรดาผู้ที่เดินไปกับเสียงขลุ่ย ขึ้นไปบนภูเขาของพระผู้เป็นเจ้า ไปยังศิลาของอิสราเอล 30 และพระผู้เป็นเจ้าจะทำให้ผู้คนได้ยินเสียงอันกอปรด้วยมหิทธานุภาพของพระองค์ และให้เห็นอานุภาพของพระองค์ที่กระหน่ำลงมา ด้วยความเกรี้ยวโกรธและด้วยเปลวไฟที่เผาผลาญ ด้วยเมฆ พายุ และลูกเห็บ 31 บรรดาชาวอัสซีเรียจะหวาดกลัวกับเสียงของพระผู้เป็นเจ้า เมื่อพระองค์ฟาดด้วยไม้ตะบองของพระองค์ 32 และไม้เท้าที่พระผู้เป็นเจ้ากำหนดให้ฟาดบนพวกเขาทุกครั้ง จะเกิดขึ้นพร้อมกับเสียงรำมะนาและพิณเล็ก พระองค์จะต่อสู้กับพวกเขาด้วยอานุภาพอันยิ่งใหญ่ 33 เพราะโทเฟท[h]ได้ถูกเตรียมไว้นานแล้ว พร้อมแล้วสำหรับกษัตริย์ เป็นหลุมที่ทั้งลึกและกว้าง พร้อมด้วยไฟและไม้มากมาย ลมหายใจของพระผู้เป็นเจ้า ซึ่งเป็นเหมือนสายธารกำมะถัน ก็จะจุดไฟให้ลุกโชน

New Thai Version (NTV-BIBLE)

Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation