Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

Beginning

Read the Bible from start to finish, from Genesis to Revelation.
Duration: 365 days
New Thai Version (NTV-BIBLE)
Version
อิสยาห์ 13-17

ตัดสินโทษบาบิโลน

13 คำพยากรณ์เกี่ยวกับบาบิโลน ซึ่งอิสยาห์บุตรอามอสเห็น

“จงยกธงชัยขึ้นบนภูเขาที่โล่งเตียน
    จงตะโกนร้องเรียกพวกเขา
โบกมือให้พวกเขาเข้าไป
    ทางประตูของบรรดาผู้สูงศักดิ์
เราคือผู้บัญชาบรรดาผู้ที่ถูกทำให้บริสุทธิ์ทางประตู
    และได้เรียกบรรดานักรบของเราให้ปฏิบัติสนองตามความกริ้วของเรา
    บรรดาผู้ที่ยินดีในชัยชนะของเรา”

มีเสียงชุลมุนอยู่บนเทือกเขา
    เหมือนเสียงฝูงชนจำนวนมาก
เสียงลุกฮือของอาณาจักรทั้งหลาย
    ของบรรดาประชาชาติที่รวมตัวเข้าด้วยกัน
พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธากำลังรวบรวมกองทัพ
    เพื่อทำสงคราม
เขาเหล่านั้นมาจากแดนไกล
    จากสุดมุมโลก
พระผู้เป็นเจ้าและเครื่องมือแห่งความกริ้วของพระองค์มา
    เพื่อจะทำให้แผ่นดินโลกพินาศสิ้น

จงคร่ำครวญเถิด เพราะวันของพระผู้เป็นเจ้าใกล้เข้ามาแล้ว
    วันนั้นจะมาเหมือนกับความพินาศจากองค์ผู้กอปรด้วยมหิทธานุภาพ
ฉะนั้น ทุกๆ มือจะอ่อนเปลี้ย
    และใจของทุกคนจะละลายไปเพราะความกลัว
พวกเขาจะตกใจ
    จะเจ็บปวดและทรมาน
    พวกเขาจะเจ็บปวดแสนสาหัสดั่งผู้หญิงในยามคลอดลูก
ต่างก็จะมองหน้ากันด้วยความกลัว
    ใบหน้าของพวกเขาแดงราวกับไฟที่กำลังลุกอยู่

ดูเถิด วันของพระผู้เป็นเจ้าจะมาซึ่งจะเป็นเวลาที่โหดร้าย
    มาพร้อมกับการลงโทษและความโกรธกริ้วอย่างร้อนแรง
จะทำให้แผ่นดินเป็นที่ร้าง
    และจะทำลายพวกคนบาปให้สูญไปจากแผ่นดิน
10 เพราะบรรดาดวงดาวบนท้องฟ้าและกลุ่มดาวจะไม่ส่องแสง
    ขณะดวงอาทิตย์ขึ้นก็จะกลับมืดลง
    และดวงจันทร์จะสิ้นความสว่าง
11 “เราจะลงโทษโลกเพราะความชั่วร้าย
    และลงโทษคนชั่วเพราะบาปของพวกเขา
เราจะทำให้ความยโสของคนที่เย่อหยิ่งยุติลง และทำให้ความภูมิใจอันสูงส่ง
    ของคนโหดร้ายลดลง
12 เราจะทำให้คนที่เหลืออยู่นั้นหาได้น้อยยิ่งกว่าทองนพคุณ
    และมนุษย์จะหาได้ยากยิ่งกว่าทองคำของโอฟีร์
13 ฉะนั้น เราจะทำให้ท้องฟ้าสั่นสะเทือน
    และแผ่นดินโลกจะสั่นไหวและเคลื่อนจากที่ของมัน
ในเวลาแห่งการลงโทษของพระผู้เป็นเจ้าจอมโยธา
    ในวันแห่งความโกรธกริ้วอย่างร้อนแรงของพระองค์”
14 และเป็นอย่างละองละมั่งที่ถูกล่า
    หรือแกะที่ปราศจากผู้เลี้ยงดู
แต่ละคนจะกลับไปยังชนชาติของตน
    และแต่ละคนจะหนีไปยังแผ่นดินของตน
15 ใครก็ตามที่ถูกพบตัวจะถูกแทงทะลุ
    และใครก็ตามที่ถูกจับตัวไปได้จะตายด้วยคมดาบ
16 พวกเด็กทารกของพวกเขาจะถูกทำร้าย
    ต่อหน้าอย่างเหี้ยมโหด
บ้านจะถูกปล้น
    และภรรยาของพวกเขาก็ถูกข่มขืน

17 “ดูเถิด เรากำลังกระตุ้นชาวมีเดียให้มาโจมตีพวกเขา
    แม้พวกเขาจะไม่สนใจเงิน
    และไม่อยากได้ทองคำ
18 คันธนูของพวกเขาจะฆ่าบรรดาชายหนุ่ม
    พวกเขาจะไม่มีเมตตาต่อทารกในครรภ์
    และสายตาของเขาจะไม่ไว้ชีวิตเด็กๆ”
19 บาบิโลนเป็นดั่งอัญมณีของอาณาจักรทั้งหลาย
    ความยิ่งใหญ่และความยโสของชาวเคลเดีย
จะถูกพระเจ้าทำให้พินาศดั่งเช่นเมืองโสโดม
    และเมืองโกโมราห์
20 จะไม่มีผู้ใดตั้งถิ่นฐาน
    หรือไปอาศัยตลอดทุกยุค
ชาวอาหรับจะไม่ตั้งกระโจมที่นั่น
    บรรดาคนเลี้ยงดูฝูงแกะจะไม่พาฝูงสัตว์ไปนอนลงที่นั่น
21 แต่สัตว์ในทะเลทรายจะนอนที่นั่น
    และบ้านเรือนของพวกเขาจะเต็มไปด้วยหมาใน
พวกนกกระจอกเทศจะอาศัยอยู่
    และที่นั่นจะมีแพะป่าวิ่งกันพลุกพล่าน
22 สุนัขป่าจะร้องเสียงกังวานในป้อมปราการ
    และหมาในอยู่ในวังที่หรูหรา
ใกล้จะถึงเวลาแล้ว
    และจะไม่ต่อเวลาให้นานออกไป

ความหวังสำหรับยาโคบ

14 พระผู้เป็นเจ้าจะเมตตายาโคบ และจะเลือกอิสราเอลอีกครั้ง และจะให้พวกเขาไปอยู่ในแผ่นดินของพวกเขาเอง และบรรดาชาวต่างชาติจะสมาคมกับพวกเขา และจะยึดแน่นกับพงศ์พันธุ์ยาโคบ บรรดาชนชาติจะพาพวกเขากลับไปยังถิ่นฐานของอิสราเอลเอง และพงศ์พันธุ์อิสราเอลจะยึดเขาเหล่านั้นเป็นกรรมสิทธิ์ โดยให้เป็นทาสรับใช้ชายหญิงในแผ่นดินของพระผู้เป็นเจ้า อิสราเอลจะจับตัวผู้ที่เคยจับพวกเขาไปเป็นเชลย และจะปกครองเหนือผู้ที่เคยบีบบังคับพวกเขา

ชาวอิสราเอลที่เหลือถากถางบาบิโลน

เมื่อพระผู้เป็นเจ้าได้ให้พวกท่านบรรเทาจากความเจ็บปวด ความยากลำบาก และการถูกเกณฑ์ทำงานหนัก พวกท่านจะถากถางกษัตริย์แห่งบาบิโลนว่า

“ผู้บีบบังคับได้หยุดชะงักแล้ว
    ความเดือดดาลของท่านหยุดชะงักอย่างไรหนอ
พระผู้เป็นเจ้าได้หักไม้เท้าของคนชั่วแล้ว
    คือคทาของบรรดาผู้ปกครอง
ที่ฆ่าบรรดาชนชาติด้วยความเกรี้ยวกราด
    อย่างไม่หยุดยั้ง
ที่ปกครองบรรดาประชาชาติในความโกรธ
    ด้วยการกดขี่ข่มเหงอย่างโหดเหี้ยม
ทั้งโลกอยู่ในความเงียบสงบ
    ผู้คนเบิกบานด้วยเสียงเพลง
ต้นสนโห่ร้องยินดี
    ต้นซีดาร์แห่งเลบานอนพูดว่า
‘ตั้งแต่ท่านถูกปราบ
    ก็ไม่มีคนตัดไม้ขึ้นมาโจมตีพวกเราอีก’
แดนคนตายเบื้องล่างตื่นเต้น
    ที่จะพบท่านเมื่อท่านไปถึง
มันกระตุ้นเหล่าวิญญาณที่จากไปให้มาต้อนรับท่าน
    วิญญาณของคนที่เคยเป็นหัวหน้าของแผ่นดินโลก
มันทำให้บรรดากษัตริย์ของประชาชาติทั้งปวงลุกขึ้นจากบัลลังก์
10 ทุกคนที่นั่นจะกล่าวกับท่านว่า
    ‘ท่านก็กลายเป็นผู้อ่อนแอเหมือนพวกเรา
    ท่านกลายมาเป็นเหมือนพวกเราแล้ว’
11 ความยโสของท่านถูกฉุดลงสู่แดนคนตาย
    พร้อมกับเสียงพิณสิบสายของท่าน
ตัวดักแด้ถูกปูเป็นฟูกให้แก่ท่าน
    และตัวหนอนก็จะเป็นผ้าห่มตัวท่าน
12 โอ ดาวแห่งแสงสว่าง บุตรแห่งอรุณรุ่ง
    ท่านหล่นลงมาจากสวรรค์อย่างไรหนอ
ท่านถูกตัดออกให้ตกลงสู่พื้นอย่างไรหนอ
    ท่านผู้ครั้งหนึ่งเคยปราบบรรดาประชาชาติ
13 ท่านคิดในใจว่า
    ‘เราจะขึ้นไปบนสวรรค์
เหนือดวงดาวของพระเจ้า
    เราจะตั้งบัลลังก์ของเราบนที่สูง
เราจะนั่งบนภูเขาแห่งเทพเจ้าทั้งหลาย
    ที่อยู่ไกลโพ้นเหนือสุด
14 เราจะขึ้นไปสูงกว่าหมู่เมฆ
    เราจะตั้งตนเทียบเท่าพระเจ้าผู้สูงสุด
15 แต่ท่านกลับถูกนำลงไปยังแดนคนตาย
    ยังส่วนลึกสุดของหลุมลึกแห่งแดนคนตาย
16 บรรดาผู้ที่เห็นท่านจะจ้องดูท่าน
    และครุ่นคิดถึงตัวท่านว่า
‘คนนี้น่ะหรือที่ทำให้โลกสั่นสะท้าน
    และทำให้อาณาจักรทั้งหลายสั่นสะเทือน
17 ทำให้โลกกลายเป็นถิ่นทุรกันดาร
    และทำเมืองให้พังพินาศ
    และไม่ปล่อยให้นักโทษกลับบ้าน’
18 กษัตริย์ทั้งปวงของบรรดาประชาชาติสิ้นชีวิตอย่างมีเกียรติ
    ต่างก็อยู่ในถ้ำฝังศพของตน
19 แต่ท่านถูกเหวี่ยงไกลออกไปจากหลุมศพของท่าน
    เหมือนกิ่งไม้ที่ถูกตัดทิ้งจากต้น
เป็นเหมือนเสื้อผ้าของคนที่ถูกดาบแทง
    เหมือนคนที่ลงไปในหลุมลึกที่สุด
    และเหมือนซากศพที่ถูกเหยียบย่ำ
20 ท่านจะไม่ถูกฝังด้วยกันกับกษัตริย์อื่นๆ
    เพราะท่านได้ทำให้แผ่นดินของท่านพินาศย่อยยับ
    ท่านฆ่าชนชาติของท่าน

ขออย่าให้มีผู้ใดเอ่ยถึงชื่อทายาท
    ของบรรดาผู้กระทำความชั่ว
21 จงเตรียมประหารบรรดาบุตรของเขา
    เพราะความผิดของบิดา
เพราะกลัวว่าพวกเขาจะลุกขึ้นและยึดครองแผ่นดิน
    และสร้างเมืองจนเต็มแผ่นดินโลก”

22 พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธาประกาศดังนี้ “เราจะลุกขึ้นต่อสู้กับพวกเขา และบาบิโลนจะไม่มีทายาทหรือมีใครที่เหลืออยู่ ไม่มีบรรดาผู้สืบเชื้อสายและผู้สืบตระกูล” พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น 23 “และเราจะทำให้บาบิโลนเป็นที่อยู่ของพวกเม่นและเป็นหนองบึง และเราจะกวาดล้างบาบิโลนด้วยไม้กวาดแห่งความพินาศ” พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธาประกาศดังนั้น

คำพยากรณ์เกี่ยวกับอัสซีเรีย

24 พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธาปฏิญาณดังนี้

“เรามุ่งหมายอย่างไร
    มันก็จะเกิดขึ้นอย่างนั้น
และเราวางแผนอย่างไร
    มันก็จะเป็นไปตามนั้น
25 เราจะทำให้อัสซีเรียพินาศย่อยยับในแผ่นดินของเรา
    และเหยียบย่ำเขาบนภูเขาของเรา
และแอกของเขาจะหลุดออกจากชนชาติของเรา
    และจะปลดภาระออกจากบ่าของพวกเขา”

26 นี่คือแผนการที่ตั้งไว้สำหรับทั่วทั้งแผ่นดินโลก
    และนี่คือมือที่ยื่นออกไปยังประชาชาติทั้งปวง
27 ด้วยว่า พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธาได้ตั้งจุดประสงค์ไว้
    ใครจะยับยั้งไว้ได้
มือของพระองค์ยื่นออกไป
    และใครจะดึงให้กลับมาได้

คำพยากรณ์เกี่ยวกับฟีลิสเตีย

28 ในปีที่กษัตริย์อาหัสสิ้นชีวิต[a]ก็เกิดคำพยากรณ์นี้

29 “โอ ฟีลิสเตียเอ๋ย พวกเจ้าทุกคนอย่ายินดีเลย
    ที่ไม้ตะบองซึ่งทุบตีเจ้าหักแล้ว
เพราะงูพิษตัวหนึ่งจะผุดขึ้นจากรากเหง้าของงู
    และผลของมันจะเป็นงูพิษร้ายซึ่งพุ่งฉกอย่างร้อนรน
30 และผู้อัตคัดขัดสนที่สุดจะมีอย่างอุดมสมบูรณ์
    และผู้ยากไร้จะนอนลงอย่างปลอดภัย
แต่เราจะฆ่ารากเหง้าของเจ้าด้วยความอดอยาก
    และมันจะสังหารคนที่เหลืออยู่

31 โอ ประตูเมืองเอ๋ย จงร้องรำพันเถิด โอ เมืองเอ๋ย จงร่ำร้องเถิด
    โอ ฟีลิสเตีย พวกเจ้าทุกคนจะหวาดกลัวจนตัวสั่น
เพราะกลุ่มควันจะพวยพุ่งมาจากทิศเหนือ
    และไม่มีผู้ใดในกองทัพที่แตกแถวออกไป”
32 แล้วจะตอบบรรดาผู้ส่งสาสน์ของประชาชาติอย่างไร
พระผู้เป็นเจ้าให้ความมั่นคงแก่ศิโยน
    และชนชาติของพระองค์ที่เป็นทุกข์จะพบที่พึ่ง ณ ที่นั้น”

คำพยากรณ์เกี่ยวกับโมอับ

15 คำพยากรณ์เกี่ยวกับโมอับ

เพราะเมืองอาร์แห่งโมอับถูกทำลายจนไม่เหลือแม้แต่ซากในคืนเดียว
    โมอับจึงพินาศ
เพราะเมืองคีร์แห่งโมอับถูกทำลายจนไม่เหลือแม้แต่ซากในคืนเดียว
    โมอับจึงพินาศ
ผู้คนจะขึ้นไปยังตำหนักและเมืองดีโบน
    ไปยังสถานบูชาบนภูเขาสูงเพื่อร้องอ้อนวอน
โมอับร้องรำพันถึงเมืองเนโบและเมืองเมเดบา
    ทุกคนโกนผมและหนวดเครา
พวกเขานุ่งห่มผ้ากระสอบ
    ทุกคนร้องรำพันและน้ำตาไหลพราก
    ที่ดาดฟ้าและที่ลานชุมนุม
เมืองเฮชโบนและเมืองเอเลอาเลห์ร่ำร้อง
    เสียงของพวกเขาเป็นที่ได้ยินไปถึงยาฮาส
ฉะนั้นพวกผู้ชายที่ถืออาวุธของโมอับร้องส่งเสียงดัง
    จิตใจของเขาหวาดหวั่น
“ใจของเราร่ำร้องเพื่อโมอับ
    ผู้ลี้ภัยของเมืองหลบหนีไปยังเมืองโศอาร์
    และเมืองเอกลัทเชลีชิยาห์
เพราะพวกเขาร้องรำพัน
    ขณะที่ขึ้นตามทางไปยังเมืองลูฮีท
ตามถนนที่ไปยังเมืองโฮโรนาอิม
    พวกเขาส่งเสียงร้องคร่ำครวญอย่างสิ้นหวัง
ธารน้ำที่นิมริมแห้งเหือด
    หญ้าเหี่ยวเฉา
พืชพรรณไม้ไม่งอก
    ไม่มีความเขียวชอุ่มเหลืออยู่เลย
ฉะนั้น ความอุดมสมบูรณ์ที่พวกเขาได้รับและสะสมมา
    พวกเขาก็ขนข้ามธารน้ำแห่งต้นหลิว
เพราะเสียงร้องได้กระจายออกไปทั่วแผ่นดินโมอับ
    เสียงร้องไห้ฟูมฟายไปถึงเมืองเอกลาอิม
    เสียงร้องไห้คร่ำครวญไปถึงเมืองเบเออร์เอลิม
เพราะธารน้ำของเมืองดีโบนเต็มด้วยเลือด
    เพราะเราจะเพิ่มความวิบัติให้แก่ดีโบน
คือให้สิงโตแก่พวกโมอับที่หลบหนีไป
    และแก่พวกที่ยังเหลืออยู่ในแผ่นดิน”
16 พวกท่านจงส่งลูกแกะ
    ให้แก่ผู้ปกครองแผ่นดิน
จากเมืองเส-ลา ไปตามทางถิ่นทุรกันดาร
    ไปยังภูเขาของธิดาแห่งศิโยน
ธิดาแห่งโมอับที่เขตลำน้ำแห่งอาร์โนน
    จะเป็นเหมือนนกที่กำลังบิน
    เหมือนนกแตกรัง

“โปรดให้คำแนะนำ
    ให้ความเป็นธรรม
ขอท่านเป็นร่มเงาดั่งยามราตรี
    ขณะที่ดวงอาทิตย์ส่องแสงในยามเที่ยงวัน
เป็นที่พักพิงของบรรดาผู้ถูกขับไล่
    โปรดอย่าหักหลังผู้ลี้ภัย
ปล่อยให้ผู้ถูกขับไล่ของโมอับ
    ร่วมทางไปกับท่าน
และเป็นที่พักพิงให้พวกเขา
    พ้นจากผู้สังหาร”
เมื่อไม่มีผู้บีบบังคับอีกต่อไปแล้ว
    และความพินาศยุติลง
    และผู้ที่เหยียบย่ำสิ้นสูญไปจากแผ่นดินแล้ว
บัลลังก์ก็จะได้รับการสถาปนาด้วยความรักอันมั่นคง
    และจะนั่งในความภักดี
    ในกระโจมของดาวิด
ซึ่งเป็นผู้ตัดสินความและแสวงหาความเป็นธรรม
    และพร้อมจะปฏิบัติด้วยความชอบธรรม

พวกเราเคยได้ยินถึงความภูมิใจของโมอับคือ
    เขาภูมิใจเพียงใด
ความยโส ความภูมิใจ และการสบประมาทของเขา
    การคุยโวโอ้อวดของเขานั้นไม่เป็นความจริง
ฉะนั้น ให้โมอับร้องไห้ฟูมฟายเพื่อโมอับเอง
    ให้ทุกคนร้องไห้ฟูมฟาย
คร่ำครวญถึงขนมลูกเกด
    ของเมืองคีร์หะเรเซทเป็นที่สุด

เพราะไร่นาของเมืองเฮชโบน
    และเถาองุ่นของเมืองสิบมาห์แล้งนัก
บรรดาผู้ปกครองของบรรดาประชาชาติ
    ได้หักโค่นกิ่งซึ่งเคยยื่นไปจนถึงเมืองยาเซอร์
    และแผ่ออกไปถึงถิ่นทุรกันดาร
หน่อของมันแตกออกไปยังที่ต่างแดน
    และผ่านข้ามทะเลไป
“ฉะนั้น เราร้องไห้ด้วยการร้องของยาเซอร์
    เพื่อเถาองุ่นของสิบมาห์
โอ เมืองเฮชโบนและเมืองเอเลอาเลห์เอ๋ย
    น้ำตาของเราทำให้เจ้าเปียกชุ่ม
เพราะผลไม้หน้าร้อนและการเก็บเกี่ยวข้าวของเจ้า
    การโห่ร้องก็ได้หยุดลงแล้ว
10 ความยินดีและร่าเริงใจถูกพรากไปพร้อมกับไร่นาที่เคยอุดมสมบูรณ์
และไม่มีเสียงเพลงบรรเลงในสวนองุ่น
    ไม่มีเสียงไชโยโห่ร้อง
ไม่มีคนย่ำองุ่นที่เครื่องสกัดเหล้าองุ่น
    เราได้ทำให้เสียงร้องตะโกนยุติลง
11 ฉะนั้น ส่วนลึกในใจของเราร้องคร่ำครวญให้โมอับเหมือนพิณเล็ก
    และส่วนลึกสุดของเราก็กระทำเช่นเดียวกันต่อคีร์หะเรเซท
12 เมื่อโมอับจะมาปรากฏตัว
    เมื่อเขาเหนื่อยล้าที่สถานบูชาบนภูเขาสูง
เมื่อเขามายังพระตำหนักเพื่ออธิษฐาน
    เขาก็จะทำไม่ได้”

13 นี่เป็นสิ่งที่พระผู้เป็นเจ้ากล่าวถึงโมอับมานานแล้ว 14 แต่บัดนี้ พระผู้เป็นเจ้าได้กล่าวว่า “ในอีก 3 ปี ซึ่งเป็นเหมือนวันเวลาของข้าทาส บารมีของโมอับจะถูกดูหมิ่น แม้ว่าจะมีผู้คนจำนวนมากมาย บรรดาผู้ที่ยังเหลืออยู่จะมีเพียงไม่กี่คนคือน้อยเหลือเกิน”

คำพยากรณ์เกี่ยวกับเมืองดามัสกัส

17 คำพยากรณ์เกี่ยวกับเมืองดามัสกัส

“ดูเถิด ดามัสกัสจะไม่เป็นเมืองอีกต่อไป
    และจะกลายเป็นกองซากปรักหักพัง
เมืองต่างๆ ในอาโรเออร์ถูกทิ้งเป็นที่ร้าง
    และจะเป็นที่สำหรับฝูงสัตว์
    ซึ่งจะนอนลงที่นั่นอย่างไม่กลัวผู้ใด
เมืองที่มีการคุ้มกันอย่างแข็งแกร่งของเอฟราอิมจะถูกทำลาย
    อาณาจักรในดามัสกัสก็เช่นกัน
และคนของอารัมที่ยังมีชีวิตเหลืออยู่
    จะเป็นเหมือนบารมีของพงศ์พันธุ์อิสราเอล”
    พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธาประกาศดังนั้น

“และในเวลานั้น สง่าราศีของยาโคบจะจางลง
    และร่างที่สมบูรณ์จะซูบผอม
และจะเป็นเช่นเดียวกับผู้เกี่ยวข้าว เก็บเกี่ยวต้นข้าวที่ตั้งตรง
    แขนของเขาโอบเก็บฟ่อนข้าว
และเป็นเช่นเดียวกับการเก็บข้าว
    ที่ตกในนาที่หุบเขาเรฟาอิม
ผลที่ตกหล่นให้เก็บได้
    ก็จะเป็นเช่นเดียวกับการตีต้นมะกอกคือ
มะกอกสองหรือสามลูกเหลือติดอยู่บนกิ่งที่สูงสุด
    สี่หรือห้าลูกติดอยู่ตามกิ่งของต้นไม้”
    พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของอิสราเอลประกาศดังนั้น

ในเวลานั้น มนุษย์จะวางใจในองค์ผู้สร้าง และจะมองดูองค์ผู้บริสุทธิ์ของอิสราเอล เขาจะไม่วางใจในแท่นบูชา ซึ่งเป็นผลงานจากฝีมือของเขา และเขาจะไม่มองดูสิ่งที่ทำขึ้นด้วยนิ้วมือของตนเอง ไม่ว่าจะเป็นปวงเทวรูปอาเชราห์[b]หรือแท่นเผาเครื่องหอม

ในเวลานั้น เมืองที่มีการคุ้มกันอย่างแข็งแกร่งจะเป็นเหมือนสถานที่ร้างในป่าสูงและบนยอดเขา ซึ่งพวกเขาทิ้งร้างไว้ก็เพราะพงศ์พันธุ์อิสราเอล ทุกแห่งจะเป็นที่รกร้าง

10 เพราะท่านได้ลืมพระเจ้าแห่งความรอดพ้น
    และไม่ได้จดจำศิลาอันเป็นที่พึ่งพิงของท่าน
ฉะนั้น ถึงแม้ว่าท่านปลูกต้นไม้พันธุ์ดี
    และปลูกเถาองุ่นที่มาจากต่างแดน
11 แม้ว่าท่านทำให้มันงอกในวันที่ท่านปลูก
    และทำให้มันออกดอกในเช้าของวันที่ท่านปลูก
เวลาเก็บเกี่ยวก็ยังจะบินหนีท่านไปได้
    ในวันแห่งความเศร้าและความเจ็บปวดที่รักษาไม่ได้

12 โอ เสียงกระหึ่มของประชาชาติจำนวนมาก
    พวกเขาดังกระหึ่มเหมือนเสียงทะเล
โอ เสียงอลหม่านของบรรดาชนชาติ
    พวกเขาส่งเสียงอลหม่านเหมือนเสียงกระแสน้ำแรงกล้า
13 บรรดาชนชาติฮือเหมือนเสียงกระแสน้ำแรงกล้า
    แต่พระองค์จะห้ามพวกเขา และพวกเขาจะหนีไปให้ไกล
ถูกไล่ไปเหมือนแกลบที่ต้องลมพายุบนเทือกเขา
    และฝุ่นที่ปลิวไปกับพายุ
14 ในเวลาเย็น ดูเถิด น่าตกใจกลัว
    ก่อนฟ้าจะสาง ไม่มีใครมีชีวิตเหลืออยู่เลย
นี่แหละเป็นส่วนของพวกที่ปล้นพวกเราจะได้รับ
    และเป็นฉลากของพวกที่ยึดสิ่งของไปจากพวกเรา

New Thai Version (NTV-BIBLE)

Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation