Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

Beginning

Read the Bible from start to finish, from Genesis to Revelation.
Duration: 365 days
New Thai Version (NTV-BIBLE)
Version
สดุดี 133-139

ความรักกันฉันพี่น้อง

บทเพลงบรรเลงในขบวนแห่ขณะเคลื่อนขึ้นสู่เนินเขา ของดาวิด

ดูเถิด เป็นสิ่งดีและน่าเบิกบานใจอะไรเช่นนี้
    เวลาพี่น้องได้มาอยู่ร่วมกันอย่างมีน้ำหนึ่งใจเดียวกัน
เสมือนน้ำมันอันประเสริฐชโลมไว้บนศีรษะ
    ที่ไหลลงอาบบนเครา
บนเคราของอาโรน
    ไหลรินลงสู่คอเสื้อของท่าน
เสมือนน้ำค้าง ณ ภูเขาเฮอร์โมน
    ที่พร่างพรมสู่เทือกเขาของศิโยน
นั่นคือสถานที่ซึ่งพระผู้เป็นเจ้าได้มอบพระพร
    คือการมีชีวิตอันเป็นนิรันดร์

มาสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้าเถิด

บทเพลงบรรเลงในขบวนแห่ขณะเคลื่อนขึ้นสู่เนินเขา

ดูเถิด บรรดาผู้รับใช้ของพระผู้เป็นเจ้าทุกคน จงสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า
    ทุกคนที่ยืนอยู่ในพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้าในยามค่ำ
จงยกมือของท่านขึ้นสู่สถานที่บริสุทธิ์
    และสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า

ขอให้พระผู้เป็นเจ้าอวยพรท่านจากศิโยน
    พระองค์เป็นผู้สร้างสวรรค์และแผ่นดินโลก

พระคุณอันสูงส่ง

สรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า

จงสรรเสริญพระนามของพระผู้เป็นเจ้า
    บรรดาผู้รับใช้ของพระผู้เป็นเจ้า จงสรรเสริญเถิด
ท่านที่ยืนอยู่ในพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า
    ในลานพระตำหนักของพระเจ้าของเรา
จงสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า เพราะพระผู้เป็นเจ้าประเสริฐ
    จงร้องเพลงสรรเสริญพระนามของพระองค์ เพราะเป็นที่น่าเบิกบานใจ
เพราะพระผู้เป็นเจ้าได้เลือกยาโคบไว้สำหรับพระองค์เอง
    เลือกอิสราเอลไว้เป็นสมบัติอันมีค่าของพระองค์

เพราะข้าพเจ้าทราบว่าพระผู้เป็นเจ้าใหญ่ยิ่งนัก
    และพระผู้เป็นเจ้าของเรายิ่งใหญ่เหนือเทพเจ้าทั้งปวง
พระผู้เป็นเจ้ากระทำตามความประสงค์ของพระองค์
    ทั้งเบื้องสวรรค์และแหล่งหล้า
    ทั้งในทะเลและห้วงน้ำลึกทั้งปวง
พระองค์เป็นผู้ทำให้เมฆลอยขึ้นจากทุกมุมโลก
    เป็นผู้ให้กำเนิดฟ้าแลบกับสายฝน
    และลมพัดออกจากแหล่งเก็บลมของพระองค์

พระองค์เป็นผู้ฆ่าบุตรหัวปีในอียิปต์
    ไม่เลือกว่าจะเป็นมนุษย์หรือสัตว์เลี้ยง
พระองค์บันดาลปรากฏการณ์และสิ่งมหัศจรรย์ในท่ามกลางประเทศอียิปต์
    เป็นการต่อต้านฟาโรห์และหมู่บริวาร
10 พระองค์เป็นผู้ฆ่าประชาชาติมากหลาย
    และสังหารหมู่กษัตริย์ใจฉกาจ
11 สิโหนกษัตริย์ของชาวอาโมร์
    โอกกษัตริย์แห่งแคว้นบาชาน
    และอาณาจักรทั้งหมดของคานาอัน[a]
12 พระองค์มอบผืนแผ่นดินของคนเหล่านั้นให้เป็นมรดก
    เป็นมรดกแก่คนของพระองค์คืออิสราเอล

13 โอ พระผู้เป็นเจ้า พระนามของพระองค์ดำรงอยู่ตลอดกาล
    โอ พระผู้เป็นเจ้า พระองค์จะเป็นที่ระลึกถึงทุกชั่วอายุคนจนชั่วลูกชั่วหลาน
14 เพราะพระผู้เป็นเจ้าจะพิสูจน์ว่าชนชาติของพระองค์ไม่ผิด
    และเมตตาบรรดาผู้รับใช้ของพระองค์

15 รูปเคารพของบรรดาประชาชาติเป็นเงินและทองคำ
    เป็นสิ่งที่ทำด้วยมือมนุษย์
16 รูปเหล่านั้นมีปาก แต่พูดไม่ได้
    มีตา แต่มองไม่เห็น
17 มีหู แต่ไม่สามารถได้ยิน
    และไม่มีลมหายใจในปาก
18 พวกที่ปั้นรูปเคารพขึ้นก็ย่อมเป็นเหมือนกับรูปเคารพ
    ผู้ใดวางใจในรูปเคารพก็เป็นดั่งรูปนั้น

19 พงศ์พันธุ์อิสราเอลเอ๋ย จงสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า
    พงศ์พันธุ์ของอาโรนเอ๋ย จงสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า
20 พงศ์พันธุ์ของเลวีเอ๋ย จงสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า
    ท่านที่เกรงกลัวพระผู้เป็นเจ้า จงสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า
21 สรรเสริญพระผู้เป็นเจ้าจากศิโยน
    พระองค์พำนักอยู่ที่เยรูซาเล็ม

สรรเสริญพระผู้เป็นเจ้าเถิด

ความรักอันมั่นคงดำรงอยู่ตลอดกาล

จงขอบคุณพระผู้เป็นเจ้า เพราะพระองค์ประเสริฐ
    เพราะความรักอันมั่นคงของพระองค์ดำรงอยู่ตลอดกาล
จงขอบคุณพระเจ้า ผู้อยู่เหนือบรรดาเทพเจ้า
    เพราะความรักอันมั่นคงของพระองค์ดำรงอยู่ตลอดกาล
จงขอบคุณพระผู้เป็นเจ้า ผู้อยู่เหนือบรรดาเจ้า
    เพราะความรักอันมั่นคงของพระองค์ดำรงอยู่ตลอดกาล

แด่พระองค์ผู้กระทำสิ่งมหัศจรรย์เพียงลำพัง
    เพราะความรักอันมั่นคงของพระองค์ดำรงอยู่ตลอดกาล
แด่พระองค์ผู้สร้างฟ้าสวรรค์ด้วยการหยั่งรู้
    เพราะความรักอันมั่นคงของพระองค์ดำรงอยู่ตลอดกาล
แด่พระองค์ผู้แผ่แผ่นดินโลกไว้บนน้ำ
    เพราะความรักอันมั่นคงของพระองค์ดำรงอยู่ตลอดกาล
แด่พระองค์ผู้สร้างดวงสว่างดวงใหญ่ๆ
    เพราะความรักอันมั่นคงของพระองค์ดำรงอยู่ตลอดกาล
ให้ดวงอาทิตย์ดูแลในยามทิวา
    เพราะความรักอันมั่นคงของพระองค์ดำรงอยู่ตลอดกาล
ให้ดวงจันทร์และดวงดาวทั้งหลายทำงานควบคุมยามราตรี
    เพราะความรักอันมั่นคงของพระองค์ดำรงอยู่ตลอดกาล

10 แด่พระองค์ผู้ฆ่าบุตรหัวปีของอียิปต์
    เพราะความรักอันมั่นคงของพระองค์ดำรงอยู่ตลอดกาล
11 และนำชาวอิสราเอลออกไปจากฝูงชนชาวอียิปต์
    เพราะความรักอันมั่นคงของพระองค์ดำรงอยู่ตลอดกาล
12 ด้วยอานุภาพและพลานุภาพ
    เพราะความรักอันมั่นคงของพระองค์ดำรงอยู่ตลอดกาล
13 แด่พระองค์ผู้แหวกทะเลแดงออก
    เพราะความรักอันมั่นคงของพระองค์ดำรงอยู่ตลอดกาล
14 และปล่อยให้ชาวอิสราเอลผ่านไปทางนั้น
    เพราะความรักอันมั่นคงของพระองค์ดำรงอยู่ตลอดกาล
15 แต่โยนฟาโรห์กับกองทัพลงในทะเลแดง
    เพราะความรักอันมั่นคงของพระองค์ดำรงอยู่ตลอดกาล

16 แด่พระองค์ผู้พาชนชาติของพระองค์ผ่านพ้นถิ่นทุรกันดาร
    เพราะความรักอันมั่นคงของพระองค์ดำรงอยู่ตลอดกาล

17 แด่พระองค์ผู้ฆ่าบรรดามหากษัตริย์
    เพราะความรักอันมั่นคงของพระองค์ดำรงอยู่ตลอดกาล
18 และสังหารบรรดากษัตริย์ใจฉกาจ
    เพราะความรักอันมั่นคงของพระองค์ดำรงอยู่ตลอดกาล
19 อันได้แก่สิโหนกษัตริย์ของชาวอาโมร์
    เพราะความรักอันมั่นคงของพระองค์ดำรงอยู่ตลอดกาล
20 และโอกกษัตริย์แห่งแคว้นบาชาน
    เพราะความรักอันมั่นคงของพระองค์ดำรงอยู่ตลอดกาล[b]
21 และให้ผืนแผ่นดินของกษัตริย์เหล่านั้นเป็นมรดก
    เพราะความรักอันมั่นคงของพระองค์ดำรงอยู่ตลอดกาล
22 ให้มรดกแก่อิสราเอลผู้รับใช้ของพระองค์
    เพราะความรักอันมั่นคงของพระองค์ดำรงอยู่ตลอดกาล

23 พระองค์ระลึกถึงพวกเราในยามตกอับ
    เพราะความรักอันมั่นคงของพระองค์ดำรงอยู่ตลอดกาล
24 และช่วยพวกเราให้รอดพ้นจากพวกศัตรู
    เพราะความรักอันมั่นคงของพระองค์ดำรงอยู่ตลอดกาล
25 พระองค์ให้สิ่งมีชีวิตทั้งปวงมีอาหาร
    เพราะความรักอันมั่นคงของพระองค์ดำรงอยู่ตลอดกาล

26 จงขอบคุณพระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์เถิด
    เพราะความรักอันมั่นคงของพระองค์ดำรงอยู่ตลอดกาล

ชาวอิสราเอลคร่ำครวญคราวอพยพ

ณ ริมฝั่งแม่น้ำของบาบิโลน พวกเรานั่งร้องไห้
    ในยามที่เรานึกถึงศิโยน
พวกเราแขวนพิณเล็กของเรา
    บนต้นหลิวที่ขึ้นในเขตแดนนั้น
เพราะที่นั่นคือที่ซึ่งผู้จับกุมตัวเราสั่งให้เราร้องเพลง
    เพื่อพวกเขาจะได้ล้อเลียนเราอย่างสนุกสนาน
    “ร้องเพลงให้พวกเราฟังหน่อย เพลงของศิโยนน่ะ”

เราจะร้องเพลงของพระผู้เป็นเจ้า
    บนแผ่นดินของคนต่างแดนได้อย่างไร
โอ เยรูซาเล็มเอ๋ย ถ้าข้าพเจ้าลืมเจ้า
    ก็ขอให้มือขวาของข้าพเจ้าหงิกง่อยไปเสีย
ให้ลิ้นของข้าพเจ้าติดอยู่กับเพดานปาก
    ถ้าข้าพเจ้าจำเจ้าไม่ได้
ถ้าข้าพเจ้าไม่นับว่าเยรูซาเล็มสูงส่ง
    เหนือความสุขของข้าพเจ้า

โอ พระผู้เป็นเจ้า โปรดระลึกว่าชาวเอโดมทำอะไรไปบ้าง
    ระลึกถึงวันที่เยรูซาเล็มย่อยยับ
ระลึกถึงพวกที่พูดว่า “เอาให้ย่อยยับลงไป
    เอาให้ย่อยยับลงไปจนถึงรากถึงโคน”[c]
ธิดาแห่งบาบิโลนเอ๋ย เจ้าถูกกำหนดให้ถึงซึ่งความพินาศ
    ผู้เป็นสุขคือผู้สนองตอบเจ้า
    อย่างที่เจ้าได้กระทำต่อพวกเรา
ผู้เป็นสุขคือผู้เอาตัวเด็กน้อยของพวกเจ้าไป
    และฟาดร่างของพวกเขากระแทกหิน

ขอบคุณพระเจ้า เพราะพระองค์สถิตกับข้าพเจ้า

ของดาวิด

ข้าพเจ้าขอขอบคุณพระองค์อย่างสุดจิตสุดใจของข้าพเจ้า
    ข้าพเจ้าร้องเพลงสรรเสริญพระองค์ต่อหน้าบรรดาเทพเจ้า
ข้าพเจ้าขอก้มกราบลง ณ พระวิหารอันบริสุทธิ์ของพระองค์
    ข้าพเจ้าขอขอบคุณพระนามของพระองค์
    ในความรักอันมั่นคงและความสัตย์จริงของพระองค์
เพราะพระองค์ได้ทำให้พระนามและคำกล่าวของพระองค์
    เหนือสิ่งทั้งปวง
ในวันที่ข้าพเจ้าร้องเรียก พระองค์ตอบข้าพเจ้า
    ทำให้ข้าพเจ้ากล้าหาญและมีพละกำลังยิ่งขึ้น

โอ พระผู้เป็นเจ้า ให้บรรดากษัตริย์ของแผ่นดินโลกขอบคุณพระองค์
    เพราะท่านเหล่านั้นล้วนได้ยินคำกล่าวจากปากของพระองค์
และให้พวกท่านร้องเพลงถึงวิถีทางของพระผู้เป็นเจ้า
    เพราะพระบารมีของพระผู้เป็นเจ้าใหญ่ยิ่งนัก

แม้ว่าพระผู้เป็นเจ้าสูงส่งมากเพียงไหน พระองค์ก็ยังใส่ใจคนต่ำต้อย
    ส่วนคนยโสพระองค์ก็สังเกตเห็นได้แต่ไกล
แม้ในยามที่ข้าพเจ้าเดินอยู่ในท่ามกลางความยากลำบาก
    พระองค์ก็ช่วยชีวิตข้าพเจ้าไว้
คราวศัตรูโกรธ พระองค์ก็ยื่นมือออกมา
    มือขวาของพระองค์ช่วยข้าพเจ้าให้รอดพ้น
พระผู้เป็นเจ้าจะกระทำตามความประสงค์ของพระองค์เพื่อข้าพเจ้า
    โอ พระผู้เป็นเจ้า ความรักอันมั่นคงของพระองค์ดำรงอยู่ตลอดกาล
    โปรดอย่าทอดทิ้งคนที่พระองค์สร้างขึ้นด้วยมือของพระองค์เอง

พระเจ้าทราบความเป็นมาทุกอย่างของข้าพเจ้า

ถึงหัวหน้าวงดนตรี เพลงสดุดีของดาวิด

พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ตรวจสอบข้าพเจ้า
    และพระองค์ก็รู้จักข้าพเจ้า
ไม่ว่าเวลาข้าพเจ้านั่งหรือยืน พระองค์ก็ทราบ
    แม้พระองค์จะอยู่ห่างไกลเพียงไร พระองค์ก็ยังหยั่งรู้ความคิดของข้าพเจ้าได้
พระองค์ทราบทุกเรื่องว่า ข้าพเจ้าอยู่ที่ใดหรือกำลังกระทำสิ่งใดอยู่
    พระองค์คุ้นเคยกับการกระทำทุกอย่างของข้าพเจ้า
แม้ก่อนที่ข้าพเจ้าจะพูด
    โอ พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ทราบทุกสิ่ง
พระองค์อยู่รอบข้างข้าพเจ้าทั้งข้างหลังและข้างหน้า
    พระองค์ปกป้องข้าพเจ้า
การที่พระองค์ทราบดังนี้ ก็ถือได้ว่าวิเศษนักสำหรับข้าพเจ้า
    คือสูงเกินกว่าที่ข้าพเจ้าจะเข้าใจได้

ข้าพเจ้าจะไปทางไหนจึงจะเลี่ยงหลบพระวิญญาณของพระองค์ได้
    ข้าพเจ้าจะเลี่ยงไปทางไหนจึงจะพ้นหน้าพระองค์ได้
หากว่าข้าพเจ้าขึ้นไปยังสวรรค์ พระองค์ก็จะอยู่ที่นั่น
    หากว่าข้าพเจ้าลงไปนอนในแดนคนตาย ดูเถิด พระองค์ก็อยู่ที่นั่นด้วย
ถ้าข้าพเจ้าต้องสวมปีกของรุ่งอรุณ
    และไปอาศัยอยู่ที่ไกลโพ้นสุดขอบทะเล
10 มือของพระองค์ก็ยังจะอยู่ที่นั่นด้วยเพื่อนำทางให้แก่ข้าพเจ้า
    มือขวาของพระองค์จะช่วยข้าพเจ้าไว้
11 ถ้าข้าพเจ้าขอให้ความมืดซ่อนข้าพเจ้าไว้
    หรือให้ความสว่างรอบตัวข้าพเจ้ากลายเป็นกลางคืน
12 แม้แต่ความมืดก็ไม่มืดทึบเกินไปสำหรับพระองค์
    และกลางคืนก็สว่างเทียบเท่ากับกลางวัน
    เพราะความมืดยังสว่างสำหรับพระองค์

13 เพราะพระองค์เป็นผู้สร้างอวัยวะภายในของข้าพเจ้า
    พระองค์ประสานข้าพเจ้าไว้อย่างสนิทแนบในครรภ์มารดาของข้าพเจ้า
14 ข้าพเจ้าขอบคุณพระองค์ เพราะข้าพเจ้าถูกสร้างขึ้นมาอย่างน่าครั่นคร้ามและมหัศจรรย์
    สิ่งที่พระองค์กระทำมหัศจรรย์ยิ่งนัก
    พระองค์รู้จักข้าพเจ้าอย่างลึกซึ้ง
15 โครงกระดูกของข้าพเจ้าไม่อาจซ่อนเร้นไปจากสายตาของพระองค์ได้
    คือแม้ว่าเวลาที่ข้าพเจ้าถูกสร้างในที่กำบัง
    ถูกสานขึ้นอย่างละเอียดอ่อนในที่ลึกของแผ่นดินโลก
16 พระองค์มองเห็นข้าพเจ้าตั้งแต่แรกเริ่มที่ข้าพเจ้าอยู่ในครรภ์มารดา
    โมงยามล้วนถูกจัดเตรียมไว้สำหรับข้าพเจ้าแล้ว และยังถูกระบุไว้ในหนังสือของพระองค์
    ก่อนที่เหตุการณ์ในแต่ละวันจะปรากฏขึ้น

17 โอ พระเจ้า ความนึกคิดของพระองค์ช่างมากมายสุดที่จะคณนา
    และช่างมีค่าอะไรเช่นนี้สำหรับข้าพเจ้า
18 ถ้าหากข้าพเจ้าคิดจะนับแล้วละก็ยังมีจำนวนมากกว่าเม็ดทรายเสียอีก
    เมื่อข้าพเจ้าตื่นขึ้น ข้าพเจ้าก็ยังจะคำนึงถึงพระองค์อยู่อีก

19 โอ พระเจ้า ข้าพเจ้าอยากให้พระองค์ฆ่าคนชั่วร้ายเสีย
    และพวกคนกระหายเลือดจะได้ไม่มายุ่งเกี่ยวกับข้าพเจ้าอีก
20 พวกคนที่พูดถึงพระองค์ด้วยความมุ่งร้าย
    พวกที่ยกตนขึ้นคัดค้านพระองค์เพื่อความชั่ว
21 โอ พระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้าจะไม่เกลียดพวกที่เกลียดชังพระองค์หรือ
    ข้าพเจ้าจะไม่ขยะแขยงพวกที่ค้านพระองค์หรือ
22 ข้าพเจ้าเกลียดพวกเขาอย่างบอกไม่ถูก
    และถือเอาพวกเขาเป็นศัตรูของข้าพเจ้า

23 โอ พระเจ้า พิจารณาดูข้าพเจ้าเถิด และทราบถึงจิตใจของข้าพเจ้า
    ทดสอบข้าพเจ้าดู และก็หยั่งถึงความคิดของข้าพเจ้า
24 ดูว่ามีสิ่งใดบ้างที่เลวร้ายในตัวข้าพเจ้า
    และโปรดนำข้าพเจ้าไปสู่ทางอันเป็นนิรันดร์

New Thai Version (NTV-BIBLE)

Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation