Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

Beginning

Read the Bible from start to finish, from Genesis to Revelation.
Duration: 365 days
New Thai Version (NTV-BIBLE)
Version
สดุดี 36-39

ความชั่วของมนุษย์กับความดีของพระเจ้า

ถึงหัวหน้าวงดนตรี เพลงสดุดีของดาวิดผู้รับใช้ของพระผู้เป็นเจ้า

ความประพฤติที่ฝ่าฝืนพูดอยู่ที่ก้นบึ้งของจิตใจคนชั่ว
    เขาไม่เคยคิดที่จะเกรงกลัวพระเจ้าเลย[a]

เพราะเขากระหยิ่มใจในสายตาของตนว่า
    จะไม่มีใครพบหรือเกลียดชังความประพฤติอันชั่วช้าของเขาได้
คำพูดจากปากของเขาชั่วโฉดและลวงหลอก
    เขาไม่ประพฤติตัวอย่างคนมีปัญญา และไม่ทำความดีอีกต่อไป
ขณะที่นอนอยู่บนเตียงเขาก็วางแผนร้าย
    มุ่งกระทำแต่สิ่งไม่ดี
    และไม่เคยปฏิเสธความชั่วร้าย

โอ พระผู้เป็นเจ้า ความรักอันมั่นคงของพระองค์ไปถึงแดนสวรรค์
    และความสัตย์จริงของพระองค์มีไปถึงหมู่เมฆ
ความชอบธรรมของพระองค์เป็นเสมือนภูผาสูงตระหง่าน
    คำตัดสินของพระองค์เป็นเสมือนห้วงน้ำลึกในมหาสมุทร
    โอ พระผู้เป็นเจ้า ทั้งมนุษย์และสัตว์อยู่ในความดูแลของพระองค์
โอ พระเจ้า ความรักอันมั่นคงของพระองค์ช่างล้ำค่าเสียนี่กระไร
    บรรดาบุตรของมนุษย์พึ่งพิงอยู่ภายใต้ร่มเงาปีกของพระองค์
พวกเขาอิ่มเอิบในความอุดมสมบูรณ์ของพระตำหนักของพระองค์
    และพระองค์ให้เขาดื่มกินจากแม่น้ำแห่งความสำราญของพระองค์
เพราะว่าน้ำพุแห่งชีวิตสถิตกับพระองค์
    เรามองเห็นแสงสว่างได้เนื่องจากแสงสว่างของพระองค์

10 ขอพระองค์ให้ความรักอันมั่นคงแก่ผู้ที่รู้จักพระองค์เสมอไป
    และให้ความชอบธรรมของพระองค์แก่ผู้มีใจเที่ยงธรรม
11 อย่าปล่อยให้เท้าของคนเย่อหยิ่งเหยียบย่ำข้าพเจ้า
    หรือมือของคนชั่วช้าสามานย์กวัดไกวไล่ข้าพเจ้าไปเสีย
12 คนชั่วนอนล้มลงอยู่ที่นั่น
    เขาถูกผลักล้มจนลุกไม่ขึ้น

ความสำเร็จอันไม่ยั่งยืนของคนชั่ว และความสำเร็จอันแท้จริงของคนดี

ของดาวิด

อย่าว้าวุ่นใจเพราะคนชั่ว
    หรืออิจฉาคนที่ทำสิ่งเลวร้าย
ด้วยว่าอีกไม่นานพวกเขาจะแห้งโรยราไปดังเช่นต้นหญ้า
    และเหี่ยวเฉาลงอย่างพืชใบเขียว

จงไว้ใจพระผู้เป็นเจ้า และประพฤติแต่สิ่งดีงาม
    เพื่อท่านจะได้อาศัยอยู่ในแผ่นดิน และยินดีในความปลอดภัย
จงสุขใจในพระผู้เป็นเจ้า
    และพระองค์จะให้ท่านดั่งใจต้องการ

จงมอบวิถีชีวิตของท่านไว้กับพระผู้เป็นเจ้า
    จงไว้ใจพระองค์ และพระองค์จะดำเนินการ
พระองค์จะทำให้ความชอบธรรมของท่านเป็นที่ประจักษ์ดั่งแสงอรุณ
    และสิทธิของท่านปรากฏชัดดั่งแสงยามเที่ยงวัน

จงนิ่งเงียบเมื่ออยู่ ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้า
    และรอคอยด้วยความอดทน
อย่าว้าวุ่นใจเมื่อคนอื่นประสบความสำเร็จตามวิถีทางของเขา
    เมื่อเขาทำตามเล่ห์กลของเขา

จงละเว้นจากความโกรธ และหนีห่างจากความฉุนเฉียว
    อย่าว้าวุ่นใจ เพราะมันจะนำไปสู่ความเลวร้ายเท่านั้น
ด้วยว่าหมู่คนชั่วจะพินาศ
    ส่วนบรรดาผู้รอคอยพระผู้เป็นเจ้าจะได้รับผืนแผ่นดินเป็นมรดก

10 อีกเพียงชั่วครู่จะไม่มีคนชั่วอีกต่อไป
    แม้ท่านจะมองหาจนทั่วในที่ของเขาก็จะไม่พบ
11 แต่สำหรับผู้มีใจอ่อนน้อมจะได้รับผืนแผ่นดินเป็นมรดกจากพระเจ้า[b]
    และเขาจะสุขใจในความสงบอันเต็มเปี่ยม
12 คนชั่ววางแผนต่อต้านผู้มีความชอบธรรม
    และขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความเกลียดชัง
13 แต่พระผู้เป็นเจ้าหัวเราะเยาะคนชั่ว
    เพราะพระองค์ทราบว่าเวลาของพวกเขากำลังจะมาถึง

14 คนชั่วชักดาบออกมา และน้าวคันธนู
    เพื่อทำลายคนอ่อนกำลังและยากไร้
    เพื่อฆ่าบรรดาผู้ดำเนินชีวิตในความเป็นธรรม
15 ดาบของพวกเขาจะย้อนเข้าทิ่มแทงจิตใจของตนเอง
    และคันธนูของพวกเขาจะถูกหัก

16 การมีแต่เพียงเล็กน้อยของผู้มีความชอบธรรม
    ดีกว่าการมีอย่างล้นเหลือของคนชั่วหลายๆ คน
17 ด้วยว่าอำนาจของคนชั่วจะถูกทำลาย
    แต่พระผู้เป็นเจ้าคุ้มครองบรรดาผู้มีความชอบธรรม

18 พระผู้เป็นเจ้าเอาใจใส่ผู้ที่ไร้ข้อตำหนิ
    และมรดกของพวกเขาจะยั่งยืนไปตลอดกาล
19 ในยามคับขัน พวกเขาจะไม่เดือดร้อน
    ในยามอดอยาก พวกเขาจะกลับมีอย่างอุดมสมบูรณ์

20 แต่พวกคนชั่วจะถึงแก่ความตาย
    ศัตรูของพระผู้เป็นเจ้าเป็นเหมือนความงามของทุ่งหญ้าคือ
    จะเลือนหายไปในพริบตา เลือนหายไปอย่างควันไฟ

21 คนชั่วขอยืมและไม่ใช้คืน
    แต่ผู้มีความชอบธรรมเป็นคนใจกว้างและเป็นฝ่ายให้เสมอไป
22 คนที่ได้รับพระพรจากพระผู้เป็นเจ้าจะได้รับผืนแผ่นดินเป็นมรดก
    แต่พวกที่พระองค์สาปแช่งจะพินาศ

23 ถ้าพระผู้เป็นเจ้าพอใจในวิถีทางของผู้ใด
    พระองค์ก็ทำให้เท้าของเขาก้าวไปด้วยความมั่นคง
24 ถึงแม้จะพลาดบ้าง แต่ก็จะไม่ล้มลง
    เพราะว่าพระผู้เป็นเจ้าจับมือเขาไว้

25 ข้าพเจ้าเคยเป็นหนุ่ม และมาบัดนี้ชราแล้ว
    ข้าพเจ้ายังไม่เคยเห็นผู้มีความชอบธรรมถูกทอดทิ้ง
    หรือลูกๆ ของเขาต้องขอข้าวกิน
26 เขาเป็นคนโอบอ้อมอารีเสมอ อีกทั้งให้คนอื่นยืมด้วย
    และลูกๆ ของเขาจะเป็นพระพร

27 จงหันหนีจากความชั่วเพื่อทำความดี
    แล้วท่านจะอาศัยอยู่บนผืนแผ่นดินตลอดกาล
28 ด้วยว่า พระผู้เป็นเจ้ารักความเป็นธรรม
    และจะไม่ทอดทิ้งบรรดาผู้บริสุทธิ์ของพระองค์
คือพวกเขาจะได้รับความคุ้มครองตลอดกาล
    ส่วนลูกๆ ของคนชั่วร้ายจะพินาศ
29 ผู้มีความชอบธรรมจะได้รับผืนแผ่นดินเป็นมรดก
    และอาศัยอยู่ที่นั่นไปตลอดกาล

30 ปากของผู้มีความชอบธรรมกล่าวถ้อยคำที่แสดงถึงสติปัญญา
    และลิ้นของเขาร้อยเรียงด้วยความเป็นธรรม
31 กฎบัญญัติของพระเจ้าของเขาอยู่ในจิตใจ
    และเท้าก้าวไปโดยไม่เพลี่ยงพล้ำ

32 คนชั่วจับจ้องผู้มีความชอบธรรม
    โดยหมายจะเอาชีวิต
33 พระผู้เป็นเจ้าจะไม่ทอดทิ้งเขาให้ตกอยู่ในอุ้งมือของศัตรู
    หรือปล่อยให้ถูกลงโทษเมื่อขึ้นศาล

34 จงรอคอยพระผู้เป็นเจ้า และเดินตามวิถีทางของพระองค์
    และพระองค์จะให้เกียรติท่านโดยให้รับผืนแผ่นดินเป็นมรดก
    ท่านจะได้เห็นความพินาศของคนชั่ว

35 ข้าพเจ้าเคยเห็นคนชั่วช้าสามานย์
    ยืนสูงเด่นเป็นสง่าดั่งต้นซีดาร์แห่งเลบานอน
36 แต่ก็ไม่อาจมีชีวิตอยู่ค้ำฟ้าได้
    แม้ข้าพเจ้าจะมองหาเขา แต่ก็ไม่พบ

37 จงสังเกตดูคนที่ไร้ข้อตำหนิ และจับตาดูผู้มีความชอบธรรม
    เพราะคนใฝ่สันติจะมีวงศ์วานสืบตระกูลต่อไป
38 ส่วนคนล่วงละเมิดทุกคนจะถูกกำจัดสิ้น
    อนาคตของคนชั่วจะพินาศ

39 ความรอดพ้นของผู้มีความชอบธรรมมาจากพระผู้เป็นเจ้า
    พระองค์เป็นที่หลบภัยในยามทุกข์ยาก
40 พระผู้เป็นเจ้าช่วยและให้พวกเขาพ้นภัย
    พระองค์ให้เขาพ้นภัยจากคนชั่วร้าย และช่วยพวกเขาให้รอดพ้น
    เพราะเขามีพระองค์เป็นที่พักพิง

คำอธิษฐานของชายผู้ตกในความทุกข์ทรมาน

เพลงสดุดีของดาวิด ขอความกรุณา

โอ พระผู้เป็นเจ้าโปรดอย่าดุว่าข้าพเจ้าขณะที่พระองค์เกรี้ยวโกรธ
    และขออย่าให้ข้าพเจ้าต้องเรียนรู้จากการลงโทษของพระองค์
เพราะว่าลูกศรของพระองค์ปักถูกตัว
    และมือของพระองค์ฟาดที่ตัวข้าพเจ้า
เพราะความขัดเคืองของพระองค์ ร่างกายข้าพเจ้าจึงไม่สมบูรณ์
    เพราะบาปของข้าพเจ้า กระดูกจึงไม่แข็งแรง
ความรู้สึกผิดท่วมท้นข้าพเจ้า
    ประหนึ่งภาระหนักเกินกว่าจะทนได้

เป็นเพราะความโง่เขลาของข้าพเจ้า
    บาดแผลจึงเน่า และส่งกลิ่นเหม็น
ข้าพเจ้าทิ้งตัวลงราบกับพื้น
    และไม่ว่าข้าพเจ้าจะย่างก้าวไปที่ใด
    ก็มีแต่ความเศร้าหมองตลอดวันเวลา
ด้วยว่าบั้นเอวข้าพเจ้าปวดแสบปวดร้อน
    และเนื้อหนังข้าพเจ้าไม่อยู่ในสภาพปกติ
ข้าพเจ้าหมดเรี่ยวแรงและสิ้นหวังเป็นที่สุด
    ข้าพเจ้าคร่ำครวญด้วยความร้าวรานใจ

โอ พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ทราบทุกสิ่งที่ข้าพเจ้าต้องการ
    เสียงถอนหายใจของข้าพเจ้าไม่อาจซ่อนเร้นจากพระองค์ได้
10 ใจข้าพเจ้าสั่นระริก ข้าพเจ้าอ่อนกำลังลงมาก
    และประกายตาของข้าพเจ้าก็สูญหายไปด้วย
11 บรรดาเพื่อนและมิตรสหายหลีกลี้ข้าพเจ้าไปเพราะภัยพิบัติ
    พวกเพื่อนบ้านก็เลี่ยงหนีจากข้าพเจ้า
12 พวกที่ตามล่าชีวิตข้าพเจ้าวางกับดัก
    ส่วนพวกที่ต้องการทำให้ข้าพเจ้าเจ็บปวดก็ขู่ว่าจะทำให้ข้าพเจ้าวอดวาย
    พวกเขาวางแผนต่อต้านข้าพเจ้าตลอดวันเวลา

13 แต่ข้าพเจ้าเป็นเหมือนคนหูหนวก
    ข้าพเจ้าไม่ได้ยิน เป็นอย่างคนใบ้ที่ไม่เปิดปาก
14 ข้าพเจ้าเป็นเช่นคนที่ไม่ได้ยิน
    และมีปากที่ไร้การตอบโต้
15 โอ พระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้ารอคอยพระองค์
    พระองค์จะตอบ โอ พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของข้าพเจ้า
16 เพราะข้าพเจ้ากล่าวไว้ว่า “อย่าปล่อยให้พวกเขาสมน้ำหน้าข้าพเจ้าด้วยใจยินดี
    พวกเขาหยามน้ำหน้าข้าพเจ้าเวลาเท้าข้าพเจ้าเพลี่ยงพล้ำ”

17 ด้วยว่า ข้าพเจ้ากำลังจะล้มลง
    และข้าพเจ้าเผชิญความเจ็บปวดอยู่ตลอดเวลา
18 ข้าพเจ้าสารภาพความชั่วของตัวเอง
    และเป็นทุกข์เรื่องบาปของข้าพเจ้า
19 พวกที่เป็นศัตรูข้าพเจ้าโดยไร้สาเหตุมีกำลังมาก
    และคนที่เกลียดชังข้าพเจ้าอย่างผิดๆ ก็มีจำนวนมาก
20 บรรดาผู้ตอบสนองความดีของข้าพเจ้าด้วยความชั่ว
    เป็นศัตรูข้าพเจ้า
    เพราะข้าพเจ้าพยายามทำความดี

21 โอ พระผู้เป็นเจ้า อย่าทอดทิ้งข้าพเจ้าไป พระเจ้าของข้าพเจ้า
    อย่าอยู่ห่างไปจากข้าพเจ้าเลย
22 โปรดช่วยข้าพเจ้าโดยเร็ว
    โอ พระผู้เป็นเจ้า ผู้ช่วยให้รอดพ้นของข้าพเจ้า

การสารภาพของชายผู้ได้รับทุกข์ทรมาน

ถึงหัวหน้าวงดนตรี ถึงเยดูธูน เพลงสดุดีของดาวิด

ข้าพเจ้ากล่าวว่า “ข้าพเจ้าจะเฝ้าระวังวิถีทางของข้าพเจ้า
    และไม่ทำบาปด้วยลิ้นของข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าจะครอบปากด้วยตะกร้อ
    ตราบที่คนชั่วอยู่ต่อหน้าข้าพเจ้า”
ข้าพเจ้านิ่งเงียบ ข้าพเจ้าไม่ปริปาก
    แม้แต่ในเรื่องดีใดๆ
และความทุกข์ก็ยิ่งทวีขึ้น
    ใจข้าพเจ้าร้อนรุ่มในทรวงอก
ยิ่งข้าพเจ้ากังวล ข้าพเจ้ายิ่งรู้สึกแย่ลง
    ครั้นแล้วลิ้นของข้าพเจ้าขยับและพูดว่า

พระผู้เป็นเจ้า ให้ข้าพเจ้าล่วงรู้ถึงบั้นปลายชีวิตเถิด
    และมีชีวิตอยู่นานเพียงไร
    ให้ข้าพเจ้าทราบว่าชีวิตข้าพเจ้าผ่านไปรวดเร็วเพียงไร
ดูเถิด พระองค์ให้ข้าพเจ้ามีชีวิตอยู่เพียงระยะสั้นๆ
    และในสายตาของพระองค์ ช่วงชีวิตข้าพเจ้าเป็นเพียงชั่วครู่ชั่วยาม
แน่ละ ชีวิตของมนุษย์ทุกคนยืนยาวเพียงแค่ลมหายใจเท่านั้น เซล่าห์

แน่นอนทีเดียว คนที่ไปโน่นมานี่เป็นเช่นเดียวกับเงา
    เขาดิ้นรนโดยเปล่าประโยชน์อย่างแน่นอน
    คนสะสมความมั่งมีไว้ แต่ไม่รู้ว่าใครจะเป็นผู้ที่กอบโกยในภายหลัง

โอ พระผู้เป็นเจ้า มาบัดนี้ ข้าพเจ้าหวังอะไรเล่า
    ความหวังของข้าพเจ้ามีในพระองค์
โปรดช่วยข้าพเจ้าให้รอดพ้นจากบาปทั้งปวงของข้าพเจ้า
    อย่าให้ข้าพเจ้าเป็นที่ดูหมิ่นของคนโง่เขลา
ข้าพเจ้านิ่งเงียบ ข้าพเจ้าไม่ปริปากพูด
    เพราะพระองค์ทำให้เป็นเช่นนี้
10 ให้ข้าพเจ้าได้หลุดพ้นจากภัยพิบัติที่มาจากพระองค์เถิด
    ข้าพเจ้าหมดกำลังเพราะพลังแรงจากมือของพระองค์
11 พระองค์ทำโทษมนุษย์เพราะบาปของเขาเป็นการตักเตือน
    พระองค์เผาผลาญสิ่งที่เขารักหวงแหนประหนึ่งแมลงกัดกิน
    แน่ละ ชีวิตของมนุษย์ทุกคนเป็นเพียงแค่ลมหายใจเท่านั้น เซล่าห์

12 โอ พระผู้เป็นเจ้า ฟังคำอธิษฐานของข้าพเจ้าเถิด
    เงี่ยหูฟังเสียงร้องของข้าพเจ้า
    และอย่าเมินเฉยกับน้ำตาของข้าพเจ้า
ด้วยว่าข้าพเจ้าเป็นผู้มาเยี่ยมเพียงชั่วครู่ชั่วยาม
    ผู้อาศัยชั่วคราวเหมือนบรรพบุรุษทั้งปวงของข้าพเจ้า
13 อย่าเอาเรื่องกับข้าพเจ้าเลย ข้าพเจ้าจะได้ทราบว่าความสุขคืออะไร
    ก่อนข้าพเจ้าจะจากไปและหามีชีวิตอีกไม่”

New Thai Version (NTV-BIBLE)

Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation