Beginning
นำหีบมายังเยรูซาเล็ม
15 ดาวิดสร้างวังให้ตนเองในเมืองของดาวิด และท่านเตรียมที่ไว้สำหรับหีบของพระเจ้า และตั้งกระโจมไว้ด้วย 2 และดาวิดพูดว่า “ไม่ให้ผู้ใดหามหีบของพระเจ้า ยกเว้นชาวเลวีเท่านั้น เพราะพระผู้เป็นเจ้าได้เลือกพวกเขาให้เป็นผู้หามหีบของพระผู้เป็นเจ้า และรับใช้พระองค์ไปตลอดกาล”[a] 3 และดาวิดเรียกประชุมอิสราเอลทั้งปวงที่เยรูซาเล็ม เพื่อจะนำหีบของพระผู้เป็นเจ้ามายังที่ซึ่งท่านได้เตรียมไว้ให้ 4 บรรดาผู้สืบเชื้อสายของอาโรนและชาวเลวีที่ดาวิดเรียกให้มารวมกันมีดังนี้ 5 จากผู้สืบเชื้อสายของโคฮาท มีอุรีเอลเป็นหัวหน้า และพี่น้องของเขาจำนวน 120 คน 6 จากผู้สืบเชื้อสายของเมรารี มีอาสายาห์เป็นหัวหน้า และพี่น้องของเขาจำนวน 220 คน 7 จากผู้สืบเชื้อสายของเกอร์โชม มีโยเอลเป็นหัวหน้า และพี่น้องของเขาจำนวน 130 คน 8 จากผู้สืบเชื้อสายของเอลีซาฟาน มีเชไมยาห์เป็นหัวหน้า และพี่น้องของเขาจำนวน 200 คน 9 จากผู้สืบเชื้อสายของเฮโบรน มีเอลีเอลเป็นหัวหน้า และพี่น้องของเขาจำนวน 80 คน 10 จากผู้สืบเชื้อสายของอุสซีเอล มีอัมมีนาดับเป็นหัวหน้า และพี่น้องของเขาจำนวน 112 คน 11 แล้วดาวิดเรียกศาโดกและอาบียาธาร์ปุโรหิต และชาวเลวี คือ อุรีเอล อาสายาห์ โยเอล เชไมยาห์ เอลีเอล และอัมมีนาดับ 12 และบอกเขาเหล่านั้นว่า “พวกท่านเป็นหัวหน้าของตระกูลชาวเลวี จงชำระตัวให้บริสุทธิ์ ทั้งพวกท่านและพี่น้องของท่าน เพื่อจะได้นำหีบของพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของอิสราเอลขึ้นมายังที่ซึ่งเราได้เตรียมไว้ให้ 13 เพราะว่าพวกท่านไม่ได้หามหีบในครั้งแรก พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเรากริ้วพวกเราเพราะว่าพวกเราไม่ได้ถามพระองค์ ตามที่กำหนดไว้ในคำบัญชา” 14 ดังนั้น บรรดาปุโรหิตและชาวเลวีจึงชำระตัวให้บริสุทธิ์ เพื่อจะนำหีบของพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของอิสราเอลขึ้นมา 15 ชาวเลวีหามหีบของพระเจ้าขึ้นบ่าด้วยไม้คาน ดังที่โมเสสได้สั่งตามคำบัญชาของพระผู้เป็นเจ้า[b]
16 ดาวิดสั่งบรรดาหัวหน้าของชาวเลวี ให้แต่งตั้งพี่น้องของพวกเขาให้เป็นนักร้องที่เล่นดนตรีให้ดังด้วยพิณสิบสาย พิณเล็ก และฉาบ เพื่อส่งเสียงแห่งความยินดี 17 ดังนั้นชาวเลวีจึงแต่งตั้งเฮมานและพี่น้องของเขาคือ อาสาฟและเอธาน เฮมานเป็นบุตรของโยเอล อาสาฟบุตรของเบเรคิยาห์ เอธานบุตรของคูชายาห์ ชายเหล่านี้เป็นชาวเมรารี 18 พร้อมกับพี่น้องพวกเขาซึ่งรองเป็นอันดับสอง คือ เศคาริยาห์ ยาอาซีเอล เชมิราโมท เยฮีเอล อุนนี เอลีอับ เบไนยาห์ มาอาเสยาห์ มัททีธิยาห์ เอลีเฟเลหุ มิกเนยาห์ และโอเบดเอโดมกับเยอีเอลซึ่งเป็นคนเฝ้าประตู 19 นักดนตรีได้แก่ เฮมาน อาสาฟ และเอธาน เป็นผู้ตีฉาบทองสัมฤทธิ์ 20 เศคาริยาห์ อาซีเอล เชมิราโมท เยฮีเอล อุนนี เอลีอับ มาอาเสยาห์ และเบไนยาห์ เป็นผู้เล่นพิณสิบสายตามทำนองอาลาโมธ 21 แต่มัททีธิยาห์ เอลีเฟเลหุ มิกเนยาห์ โอเบดเอโดม เยอีเอล และอาซัซยาห์เป็นผู้นำด้วยพิณเล็ก ตามเสียงสูงต่ำ 1 ช่วง 22 เคนานิยาห์หัวหน้าดนตรีของชาวเลวีเป็นผู้กำกับการร้องเพลง เพราะเขาเข้าใจในด้านนี้ 23 เบเรคิยาห์และเอลคานาห์เป็นนายประตูเฝ้าหีบ 24 เช-บานิยาห์ โยชาฟัท เนธันเอล อามาสัย เศคาริยาห์ เบไนยาห์ และเอลีเอเซอร์ ปุโรหิตเหล่านี้เป็นผู้เป่าแตรยาว ณ เบื้องหน้าหีบของพระเจ้า โอเบดเอโดมและเยฮียาห์ต้องเป็นนายประตูเฝ้าหีบ
25 ดังนั้นดาวิดและบรรดาผู้ใหญ่ของอิสราเอลและผู้บัญชากองพันจึงไปนำหีบพันธสัญญาของพระผู้เป็นเจ้าขึ้นมาจากครัวเรือนของโอเบดเอโดมด้วยความยินดี 26 และเป็นเพราะว่าพระเจ้าช่วยชาวเลวีที่หามหีบพันธสัญญาของพระผู้เป็นเจ้า พวกเขาจึงถวายโคตัวผู้ 7 ตัว และแกะตัวผู้ 7 ตัวเป็นเครื่องสักการะ 27 ดาวิดสวมเสื้อคลุมผ้าป่านเนื้อดี ชาวเลวีทั้งปวงที่หามหีบ และพวกนักร้องกับเคนานิยาห์หัวหน้านักร้องก็เช่นกัน และดาวิดสวมชุดคลุมผ้าป่าน 28 ดังนั้นอิสราเอลทั้งปวงนำหีบพันธสัญญาของพระผู้เป็นเจ้าขึ้นมา พร้อมกับเสียงโห่ร้องและเสียงเป่าแตรงอน แตรยาว และฉาบ และเล่นดนตรีเสียงดังจากพิณสิบสายและพิณเล็ก
29 ขณะที่หีบของพระผู้เป็นเจ้าเข้าไปในเมืองของดาวิด มีคาลบุตรหญิงของซาอูลมองดูที่หน้าต่าง เห็นกษัตริย์ดาวิดกำลังเต้นรำทำเพลงและรื่นเริงที่เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้า และนางก็ดูหมิ่นท่านอยู่ในใจ[c]
ตั้งหีบไว้ในกระโจม
16 เขาทั้งหลายนำหีบของพระเจ้าเข้ามาไว้ในกระโจมที่ดาวิดกางไว้พร้อมแล้ว และมอบสัตว์ที่เผาเป็นของถวายและของถวายเพื่อสามัคคีธรรม ณ เบื้องหน้าพระเจ้า 2 เมื่อดาวิดมอบสัตว์ที่เผาเป็นของถวายและของถวายเพื่อสามัคคีธรรมเสร็จแล้ว ท่านก็อวยพรประชาชนในพระนามของพระผู้เป็นเจ้า 3 และแจกขนมปังให้คนละก้อน เนื้อคนละก้อน และขนมลูกเกดคนละก้อน ให้แก่ชาวอิสราเอลทั้งชายและหญิง
4 จากนั้นท่านก็กำหนดชาวเลวีบางคนให้รับใช้ ณ เบื้องหน้าหีบของพระผู้เป็นเจ้า เพื่ออธิษฐาน ขอบคุณ และสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของอิสราเอล 5 อาสาฟเป็นหัวหน้า คนรองจากเขาคือ เศคาริยาห์ เยอีเอล เชมิราโมท เยฮีเอล มัททีธิยาห์ เอลีอับ เบไนยาห์ โอเบดเอโดม และเยอีเอล ผู้เป็นคนเล่นพิณสิบสายและพิณเล็ก อาสาฟเป็นผู้ตีฉาบ 6 และเบไนยาห์กับยาฮาซีเอลปุโรหิตเป็นผู้เป่าแตรยาวเป็นประจำ ณ เบื้องหน้าหีบพันธสัญญาของพระเจ้า 7 ในวันนั้นดาวิดกำหนดเป็นครั้งแรกให้อาสาฟและญาติของเขาเป็นผู้ร้องเพลงขอบคุณพระผู้เป็นเจ้า
เพลงขอบคุณของดาวิด
8 จงขอบคุณพระผู้เป็นเจ้า ร้องเรียกพระนามของพระองค์
ให้สิ่งที่พระองค์กระทำเป็นที่รู้จักในบรรดาชนชาติ
9 จงร้องเพลงถวายแด่พระองค์ จงร้องเพลงสรรเสริญถวายแด่พระองค์
จงประกาศการกระทำอันมหัศจรรย์ทั้งสิ้นของพระองค์
10 สรรเสริญพระนามอันบริสุทธิ์ของพระองค์ด้วยความภาคภูมิ
ให้บรรดาผู้แสวงหาพระผู้เป็นเจ้ามีใจยินดีเถิด
11 จงแสวงหาพระผู้เป็นเจ้าและพละกำลังของพระองค์
จงเข้าเฝ้าพระองค์เสมอ
12 จงระลึกถึงสิ่งมหัศจรรย์ที่พระองค์ได้กระทำ
สิ่งอัศจรรย์และการพิพากษาลงโทษที่พระองค์กล่าว
13 โอ บรรดาผู้สืบเชื้อสายของอิสราเอลผู้รับใช้ของพระองค์
บรรดาบุตรของยาโคบ คนที่พระองค์เลือก
14 พระองค์คือพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของพวกเรา
การพิพากษาลงโทษของพระองค์มีอยู่ทั่วทั้งแผ่นดินโลก
15 พระองค์ระลึกถึงพันธสัญญาของพระองค์ตลอดกาล
ระลึกถึงคำบัญชาของพระองค์นานนับพันชั่วอายุคน
16 พันธสัญญาซึ่งพระองค์ทำไว้กับอับราฮัม
และสัญญาที่พระองค์ได้ปฏิญาณไว้กับอิสอัค
17 ซึ่งพระองค์ยืนยันว่าเป็นกฎเกณฑ์แก่ยาโคบ
เป็นพันธสัญญาอันเป็นนิรันดร์แก่อิสราเอล
18 โดยกล่าวว่า “เราจะยกดินแดนคานาอันให้แก่เจ้า
เป็นส่วนแบ่งที่เจ้าจะได้รับเป็นมรดก”[d]
19 ในเวลาที่พวกเจ้ามีจำนวนน้อย
เป็นกลุ่มเล็กๆ และอาศัยอยู่ที่นั่นเพียงชั่วคราว
20 ระหกระเหินจากประชาชาติหนึ่งไปยังอีกประชาชาติหนึ่ง
และจากอาณาจักรหนึ่งไปยังอีกชนชาติหนึ่ง
21 พระองค์ไม่ยอมให้ใครมาบีบบังคับพวกเขา
พระองค์เตือนบรรดากษัตริย์เพื่อเห็นแก่พวกเขา
22 โดยกล่าวว่า “อย่าแตะต้องบรรดาผู้ที่เราเจิมไว้
อย่าทำร้ายบรรดาผู้เผยคำกล่าวของเรา”
23 จงร้องเพลงบทใหม่ถวายแด่พระผู้เป็นเจ้า ทั่วทั้งโลกเอ๋ย
ประกาศความรอดพ้นที่มาจากพระองค์โดยไม่เว้นวัน
24 บอกเล่าถึงพระบารมีของพระองค์ท่ามกลางบรรดาประชาชาติ
การกระทำอันมหัศจรรย์ท่ามกลางชนชาติทั้งปวง
25 เพราะพระผู้เป็นเจ้ายิ่งใหญ่และสมควรแก่การสรรเสริญยิ่งนัก
พระองค์เป็นที่น่าเกรงขามเหนือเทพเจ้าทั้งปวง
26 เพราะว่า เทพเจ้าทั้งปวงของบรรดาชนชาติเป็นเพียงรูปเคารพ
แต่พระผู้เป็นเจ้าสร้างฟ้าสวรรค์
27 ความเรืองรองและความยิ่งใหญ่อยู่เบื้องหน้าพระองค์
พละกำลังและความยินดีอยู่ในที่พำนักของพระองค์
28 เหล่าตระกูลของบรรดาชนชาติจงป่าวร้องแด่พระผู้เป็นเจ้าเถิด
จงป่าวร้องว่า พระผู้เป็นเจ้ากอปรด้วยพระบารมีและพลานุภาพ
29 จงป่าวร้องว่า พระนามของพระผู้เป็นเจ้ายิ่งใหญ่
จงนำของถวายมาและอยู่ ณ เบื้องหน้าพระองค์
กราบนมัสการพระผู้เป็นเจ้าในความบริสุทธิ์ของพระองค์
30 ทั่วทั้งโลกจงสั่นสะท้าน ณ เบื้องหน้าพระองค์
โลกถูกสร้างขึ้นอย่างมั่นคง และไม่อาจเคลื่อนย้ายไปที่ใด
31 ให้ฟ้าสวรรค์ชื่นชมยินดี ให้แผ่นดินโลกเริงร่า
และให้สิ่งเหล่านี้พูดในท่ามกลางบรรดาประชาชาติว่า “พระผู้เป็นเจ้าครอบครอง”
32 ให้ทะเลและสรรพสิ่งที่อยู่ในนั้นส่งเสียงครืนครั่น
ให้ทุ่งนาและทุกสิ่งในนั้นเปรมปรีด์
33 แล้วให้ต้นไม้ทุกต้นในป่าไม้ส่งเสียงร้อง
ด้วยความยินดี ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้า
เพราะพระองค์จะมาพิพากษาแผ่นดินโลก
34 จงขอบคุณพระผู้เป็นเจ้า เพราะพระองค์ประเสริฐ
เพราะความรักอันมั่นคงของพระองค์ดำรงอยู่ตลอดกาล
35 จงกล่าวเช่นนี้ด้วยว่า
“โอ พระเจ้าแห่งความรอดพ้นของเรา ช่วยพวกเราให้รอดพ้นเถิด
ขอรวบรวมและช่วยพวกเราให้พ้นจากบรรดาประชาชาติ
เพื่อขอบคุณพระนามอันบริสุทธิ์ของพระองค์
และสรรเสริญพระองค์อย่างภาคภูมิใจ
36 สรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของอิสราเอล
จากนิรันดร์กาลจนถึงนิรันดร์กาล”
ครั้นแล้วชนชาติทั้งปวงก็กล่าวว่า “อาเมน” และสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า
นมัสการที่เบื้องหน้าหีบพันธสัญญา
37 ดาวิดให้อาสาฟและพี่น้องของเขาปฏิบัติงาน ณ เบื้องหน้าหีบพันธสัญญาของพระผู้เป็นเจ้า เพื่อรับใช้ที่เบื้องหน้าหีบเป็นประจำตามข้อกำหนดของแต่ละวัน 38 โดยให้โอเบดเอโดมและพี่น้องของเขา 68 คนปรนนิบัติด้วย ในขณะที่ให้โอเบดเอโดมบุตรของเยดูธูน และโฮสาห์ เป็นนายประตู 39 ท่านให้ศาโดกปุโรหิต และพี่น้องของเขาที่เป็นปุโรหิตอยู่ที่สถานบูชาบนภูเขาสูงในกิเบโอน 40 เพื่อมอบสัตว์ที่ใช้เผาเป็นของถวายแด่พระผู้เป็นเจ้าบนแท่นบูชาสำหรับเผาสัตว์เพื่อเป็นของถวาย เป็นประจำทั้งเช้าและเย็น เพื่อปฏิบัติตามทุกอย่างที่บันทึกในกฎบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้า ซึ่งพระองค์บัญชากับอิสราเอล 41 ผู้ที่อยู่กับพวกเขาคือ เฮมาน เยดูธูน และคนอื่นๆ ที่ถูกเลือกและกำหนดชื่อให้เป็นผู้ขอบคุณพระผู้เป็นเจ้า เพราะความรักอันมั่นคงของพระองค์ดำรงอยู่ตลอดกาล 42 เฮมานและเยดูธูนมีแตรยาวและฉาบเป็นเครื่องดนตรี เพื่อบรรเลงเพลงอันบริสุทธิ์ บรรดาบุตรของเยดูธูนถูกกำหนดให้อยู่ที่ประตู
43 ครั้นแล้วคนทั้งปวงก็กลับไปยังบ้านของตน และดาวิดกลับไปบ้านหาครอบครัวของท่าน
พันธสัญญาของพระผู้เป็นเจ้าที่มีต่อดาวิด
17 เมื่อดาวิดอยู่ในวังของท่าน ท่านกล่าวกับนาธานผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าว่า “ดูสิ เราอาศัยอยู่ในวังไม้ซีดาร์ แต่หีบพันธสัญญาของพระผู้เป็นเจ้ากลับอยู่ในกระโจม” 2 นาธานพูดกับดาวิดว่า “เชิญท่านกระทำตามสิ่งที่อยู่ในใจท่านเถิด เพราะว่าพระเจ้าสถิตกับท่าน”
3 แต่ในคืนเดียวกันนั้น พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับนาธานว่า 4 “จงไปบอกดาวิดผู้รับใช้ของเราว่า พระผู้เป็นเจ้ากล่าวดังนี้ว่า ‘เจ้าไม่ใช่คนที่จะสร้างตำหนักให้เราอยู่ 5 เราไม่ได้อยู่ในตำหนักนับตั้งแต่วันที่เรานำชาวอิสราเอลขึ้นมา จนถึงวันนี้ แต่เราได้ย้ายจากกระโจมหนึ่งไปอีกกระโจมหนึ่ง และจากที่พักอาศัยแห่งหนึ่งไปอีกแห่งหนึ่ง 6 ทุกแห่งหนที่เราย้ายไปกับชาวอิสราเอลทั้งปวง เราเคยพูดสักคำกับบรรดาผู้วินิจฉัยของอิสราเอล ที่เราสั่งให้เลี้ยงดูอิสราเอลชนชาติของเราหรือว่า “ทำไมเจ้าจึงยังไม่สร้างตำหนักด้วยไม้ซีดาร์ให้เรา”’ 7 ฉะนั้น บัดนี้เจ้าจงไปบอกดาวิดผู้รับใช้ของเราตามนี้ว่า พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธากล่าวว่า ‘เราเอาตัวเจ้าออกมาจากทุ่งหญ้า จากการเดินตามฝูงแกะ เพื่อให้ปกครองอิสราเอลชนชาติของเรา 8 เราได้อยู่กับเจ้าตลอดมาไม่ว่าเจ้าจะไปที่ใด และได้กำจัดศัตรูของเจ้าทุกคนให้พ้นหน้าเจ้า และเราจะทำให้ชื่อของเจ้าเป็นดั่งชื่อของผู้ยิ่งใหญ่ทั้งหลายในโลก 9 และเราจะกำหนดที่แห่งหนึ่งให้อิสราเอลชนชาติของเรา และเราจะให้เขาตั้งหลักแหล่ง เพื่อเขาจะมีที่ของเขาเองอาศัยอยู่โดยไม่มีใครรบกวนอีก และคนชั่วจะไม่ทำให้เขารับทุกข์ทรมานอีกต่อไป เหมือนที่เป็นมาแต่แรก 10 และเป็นมาโดยตลอดนับจากเวลาที่เราได้กำหนดบรรดาผู้วินิจฉัยให้ปกครองอิสราเอลชนชาติของเรา เราจะปราบศัตรูของเจ้าทั้งสิ้น และยิ่งกว่านั้นอีก เราประกาศกับเจ้าว่าพระผู้เป็นเจ้าจะให้เจ้ามีผู้สืบพงศ์พันธุ์ 11 เมื่อเจ้าสิ้นชีวิตและไปอยู่เคียงกับบรรพบุรุษของเจ้าแล้ว เราจะกำหนดผู้สืบเชื้อสายต่อจากเจ้า เขาเป็นบุตรคนหนึ่งของเจ้าเอง และเราจะสถาปนาอาณาจักรของเขา 12 เขาจะสร้างตำหนักให้เรา และเราจะสถาปนาบัลลังก์ของเขาชั่วนิรันดร์กาล 13 เราจะเป็นบิดาของเขา และเขาจะเป็นบุตรของเรา เราจะไม่พรากความรักอันมั่นคงไปจากเขา อย่างที่เราพรากไปจากคนที่มาก่อนหน้าเจ้า 14 เราจะทำให้เขามั่นคงทั้งในพงศ์พันธุ์และอาณาจักรของเราชั่วนิรันดร์กาล และบัลลังก์ของเขาจะได้รับการสถาปนาชั่วนิรันดร์กาล’”
15 นาธานแจ้งให้ดาวิดทราบตามคำกล่าวและทุกสิ่งที่พระเจ้าเผยให้ทราบ[e]
คำอธิษฐานของดาวิด
16 จากนั้น กษัตริย์ดาวิดเข้าไปนั่ง ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้า และพูดว่า “โอ พระผู้เป็นเจ้า องค์พระเจ้า ข้าพเจ้าเป็นผู้ใดเล่า และพงศ์พันธุ์ของข้าพเจ้าเป็นผู้ใด ที่พระองค์จึงได้กรุณาข้าพเจ้าถึงเพียงนี้ 17 แต่เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องเล็กน้อยในสายตาของพระองค์ โอ พระเจ้า พระองค์ยังได้กล่าวถึงอนาคตอันไกลของพงศ์พันธุ์ของผู้รับใช้พระองค์ และพระองค์มองข้าพเจ้าดั่งว่า ข้าพเจ้าสูงส่งนัก[f] โอ พระผู้เป็นเจ้า องค์พระเจ้า 18 มีอะไรอีกบ้างที่ดาวิดจะกล่าวกับพระองค์ได้ ที่พระองค์ให้เกียรติผู้รับใช้ของพระองค์ เพราะพระองค์รู้จักผู้รับใช้ของพระองค์ 19 โอ พระผู้เป็นเจ้า เพื่อเห็นแก่ผู้รับใช้ของพระองค์ และตามใจปรารถนาของพระองค์ พระองค์ได้กระทำสิ่งอันยิ่งใหญ่ เพื่อให้สิ่งอันยิ่งใหญ่เหล่านี้เป็นที่ทราบกันทั่วไป 20 โอ พระผู้เป็นเจ้า ไม่มีใครเป็นอย่างพระองค์ และไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์ ตามที่พวกเราเคยได้ยินทุกสิ่งมาด้วยหูของเรา 21 และใครเป็นเหมือนอิสราเอลชนชาติของพระองค์ ประชาชาติเดียวในแผ่นดินที่พระเจ้าไปไถ่มาเพื่อให้เป็นชนชาติของพระองค์ ทำให้พระนามของพระองค์เป็นที่เลื่องลือเพื่อสิ่งอันยิ่งใหญ่และน่าเกรงขาม ด้วยการขับไล่บรรดาประชาชาติไปให้พ้นหน้าชนชาติของพระองค์ซึ่งพระองค์ไถ่จากประเทศอียิปต์ 22 และพระองค์ทำอิสราเอลชนชาติของพระองค์ให้เป็นชนชาติของพระองค์ชั่วนิรันดร์กาล และพระผู้เป็นเจ้า พระองค์เป็นพระเจ้าของพวกเขา 23 มาบัดนี้ พระผู้เป็นเจ้า ขอพระองค์ยืนยันสิ่งที่พระองค์กล่าวถึงผู้รับใช้ของพระองค์และพงศ์พันธุ์ของเขาเถิดว่าจะไม่เปลี่ยนแปลง และขอพระองค์กระทำตามที่พระองค์กล่าวไว้ 24 และพระนามของพระองค์จะได้รับสถาปนาและยิ่งใหญ่ชั่วนิรันดร์กาลว่า ‘พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธา พระเจ้าแห่งอิสราเอล เป็นพระเจ้าของอิสราเอล’ และพงศ์พันธุ์ของดาวิดผู้รับใช้ของพระองค์จะได้รับสถาปนา ณ เบื้องหน้าพระองค์ 25 โอ พระเจ้าของข้าพเจ้า พระองค์ได้เผยให้ผู้รับใช้ของพระองค์ทราบ พระองค์จะสร้างผู้สืบพงศ์พันธุ์ให้แก่เขา ฉะนั้นผู้รับใช้ของพระองค์จึงใจกล้ากล่าวคำอธิษฐานนี้ต่อพระองค์ 26 และบัดนี้ โอ พระผู้เป็นเจ้า พระองค์เป็นพระเจ้า และพระองค์ได้สัญญาสิ่งดีนี้แก่ผู้รับใช้ของพระองค์ 27 ฉะนั้นบัดนี้ ขอพระองค์โปรดอวยพรพงศ์พันธุ์ของผู้รับใช้ของพระองค์ เพื่อให้ยั่งยืนชั่วนิรันดร์กาล ณ เบื้องหน้าพระองค์ โอ พระผู้เป็นเจ้า เพราะว่าพระองค์เป็นผู้ที่ได้อวยพร และพงศ์พันธุ์ของผู้รับใช้ของพระองค์จะได้รับพรชั่วนิรันดร์กาล”[g]
Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation