Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

Beginning

Read the Bible from start to finish, from Genesis to Revelation.
Duration: 365 days
New Thai Version (NTV-BIBLE)
Version
2 พงศ์กษัตริย์ 9-11

เยฮูรับการเจิมเป็นกษัตริย์แห่งอิสราเอล

เอลีชาผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าเรียกชายคนหนึ่งในกลุ่มผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้ามา และบอกเขาว่า “จงเตรียมตัวให้พร้อม เอาผอบน้ำมันนี้ติดมือไปที่ราโมทกิเลอาด เมื่อเจ้าไปถึง ก็ให้ถามหาเยฮูบุตรเยโฮชาฟัทผู้เป็นบุตรของนิมชี และจงไปหาเขา ขอให้เขาปลีกตัวออกมาจากเพื่อนๆ และพาเขาเข้าไปในห้องชั้นใน แล้วเทผอบน้ำมันบนศีรษะของเขา พูดกับเขาว่า พระผู้เป็นเจ้ากล่าวดังนี้ว่า ‘เราเจิมเจ้าให้เป็นกษัตริย์ปกครองอิสราเอล’ จากนั้นก็รีบเดินหนีออกไป อย่ารีรอ”

ดังนั้น ชายหนุ่มผู้รับใช้ของผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าจึงเดินทางไปยังราโมทกิเลอาด เมื่อไปถึง ดูเถิด บรรดาผู้บังคับกองพันทหารกำลังประชุมกันอยู่ เขาพูดว่า “โอ ท่านผู้บังคับบัญชา ข้าพเจ้ามีข้อความมาส่งให้ท่าน” เยฮูถามว่า “ถึงใครในพวกเรา” เขาตอบว่า “โอ ท่านผู้บังคับบัญชา ข้อความนั้นมีมาถึงท่าน” ท่านจึงลุกขึ้นและเข้าไปในบ้าน ชายหนุ่มจึงเทน้ำมันบนศีรษะของเขา และพูดว่า “พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของอิสราเอลกล่าวดังนี้ว่า ‘เราเจิมเจ้าให้เป็นกษัตริย์ปกครองชนชาติของพระผู้เป็นเจ้า คือปกครองอิสราเอล และเจ้าจงทำลายพงศ์พันธุ์ของอาหับนายของเจ้า เพื่อเราจะสนองตอบที่นางเยเซเบลได้สังหารบรรดาผู้รับใช้ คือผู้เผยคำกล่าวของเรา และสังหารผู้รับใช้ทั้งปวงของพระผู้เป็นเจ้า ด้วยว่า ทั้งพงศ์พันธุ์ของอาหับจะต้องพินาศไป และเราจะกำจัดผู้ชายของอาหับทุกคน ไม่ว่าทาสหรืออิสระในอิสราเอล และเราจะทำให้พงศ์พันธุ์ของอาหับเป็นเหมือนกับพงศ์พันธุ์ของเยโรโบอัมบุตรเนบัท และเหมือนกับพงศ์พันธุ์ของบาอาชาบุตรอาหิยาห์ 10 และพวกสุนัขจะกินร่างของเยเซเบล ในเขตพื้นที่ของยิสเรเอล จะไม่มีใครฝังศพของนาง’” ครั้นแล้วเขาก็เปิดประตูหนีไป

11 เมื่อเยฮูกลับออกไปหาบรรดาผู้รับใช้ของเจ้านายของท่าน พวกเขาถามท่านว่า “ทุกอย่างเรียบร้อยดีหรือ ทำไมคนวิกลจริตนั่นจึงมาหาท่าน” ท่านตอบว่า “พวกท่านก็ทราบดีว่า คนประเภทนั้นพูดเรื่องอะไรบ้าง” 12 พวกเขาพูดว่า “ไม่จริง บอกพวกเรามาเถอะ” เยฮูตอบว่า “เขาพูดกับเราว่า พระผู้เป็นเจ้ากล่าวดังนี้ว่า ‘เราเจิมเจ้าให้เป็นกษัตริย์ปกครองอิสราเอล’” 13 ในทันใดนั้น พวกเขาทุกคนต่างก็ปลดเสื้อผ้าของตนออก และปูไว้ที่ขั้นบันไดใต้เท้าท่าน และเป่าแตรงอน[a]ประกาศว่า “เยฮูเป็นกษัตริย์”

เยฮูลอบสังหารโยรัมและอาหัสยาห์

14 เยฮูบุตรเยโฮชาฟัทผู้เป็นบุตรของนิมชีจึงคิดกบฏต่อโยรัม (ฝ่ายโยรัมกับชาวอิสราเอลทั้งปวงก็ได้เฝ้าระวังอยู่ที่ราโมทกิเลอาดเนื่องจากการโจมตีของฮาซาเอลกษัตริย์แห่งอารัม 15 แต่กษัตริย์โยรัมได้กลับมาพักฟื้นที่ยิสเรเอลหลังจากที่ต้องบาดเจ็บเพราะชาวอารัม) ดังนั้นเยฮูพูดว่า “ถ้าเป็นความประสงค์ของพวกท่าน ก็อย่าปล่อยให้ผู้ใดเล็ดลอดออกไปจากราโมทกิเลอาด และไปส่งข่าวที่ยิสเรเอล” 16 แล้วเยฮูก็ขึ้นรถศึกไปยังยิสเรเอล เพราะว่าโยรัมนอนป่วยอยู่ที่นั่น และอาหัสยาห์กษัตริย์แห่งยูดาห์ได้ลงมาเยี่ยมโยรัม

17 ทหารยามที่ยืนเฝ้าอยู่บนหอคอยที่ยิสเรเอลเห็นเยฮูกับพรรคพวกกำลังมา จึงพูดว่า “ข้าพเจ้าเห็นคนพวกหนึ่ง” โยรัมพูดว่า “ใช้ทหารม้าออกไปพบพวกเขา และถามเขาว่า ‘ท่านมาอย่างสันติหรือ’” 18 ดังนั้นทหารม้าจึงออกไปพบท่าน และถามว่า “กษัตริย์ถามดังนี้ว่า ‘ท่านมาอย่างสันติหรือ’” เยฮูถามว่า “ท่านเกี่ยวข้องอะไรกับสันติเล่า ไปข้างหลังโน่น ขี่ม้าตามหลังเรามา” ทหารยามรายงานว่า “ผู้สื่อสาสน์ไปถึงพวกเขาแล้ว แต่เขาไม่กลับมา” 19 ดังนั้น ท่านจึงให้ทหารม้าคนที่สองไป ซึ่งเมื่อไปถึงก็ถามว่า “กษัตริย์ถามดังนี้ว่า ‘ท่านมาอย่างสันติหรือ’” เยฮูตอบว่า “ท่านเกี่ยวข้องอะไรกับสันติเล่า ไปข้างหลังโน่น ขี่ม้าตามหลังเรามา” 20 ทหารยามรายงานอีกว่า “เขาไปถึงพวกนั้นแล้ว แต่เขาไม่กลับมา และการขับรถศึกดูเหมือนวิธีการขับของเยฮูบุตรของนิมชี เพราะเขาขับอย่างบ้าระห่ำ”

21 โยรัมพูดว่า “เตรียมให้พร้อม” พวกเขาเตรียมรถศึกให้พร้อม และโยรัมกษัตริย์แห่งอิสราเอลกับอาหัสยาห์กษัตริย์แห่งยูดาห์ ต่างก็ขับรถศึกของตนออกไปเพื่อปะทะกับเยฮู และได้พบกันในบริเวณที่ดินของนาโบทชาวยิสเรเอล 22 เมื่อโยรัมเห็นเยฮู ท่านถามว่า “เยฮู ท่านมาอย่างสันติหรือ” ท่านตอบว่า “จะมีสันติอย่างไรได้ ตราบที่ยังมีการบูชารูปเคารพและการใช้วิทยาคมของเยเซเบลมารดาของท่านมากมายเช่นนี้” 23 โยรัมก็เบี่ยงบังเหียนไปมาและหนีไป ขณะที่บอกอาหัสยาห์ว่า “อาหัสยาห์ พวกนี้ทรยศเรา” 24 เยฮูโก่งคันธนูอย่างสุดกำลัง และยิงโยรัมระหว่างอก ลูกธนูปักที่หัวใจ ท่านจึงล้มลงในรถศึก 25 เยฮูสั่งบิดคาร์ผู้บังคับการรถศึกของท่านว่า “เอาศพของท่านไปทิ้งในทุ่งนาของนาโบทชาวยิสเรเอล จำได้ไหม เมื่อคราวที่เจ้ากับเราขี่ม้าเคียงกันอยู่ข้างหลังอาหับบิดาของท่าน พระผู้เป็นเจ้าพยากรณ์เรื่องนี้เกี่ยวกับท่าน 26 พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า ‘เมื่อวานเท่าที่เราเห็นนาโบทและบรรดาบุตรของเขาถูกสังหารเช่นไร เราก็จะตอบสนองแก่อาหับบนที่ดินแห่งนี้’ ฉะนั้นจงเอาศพของท่านไปทิ้งบนที่ดินนี้ ตามคำของพระผู้เป็นเจ้า[b]

27 เมื่ออาหัสยาห์กษัตริย์แห่งยูดาห์เห็นเหตุการณ์ ท่านก็หนีไปทางทิศที่จะไปยังเบธฮักกาน เยฮูจึงตามล่าไป และพูดว่า “ยิงท่านด้วยอีกคน” พวกเขาจึงยิงท่านขณะที่อยู่ในรถศึกตรงทางที่จะไปยังกูร์ ซึ่งอยู่ใกล้กับอิบเลอัม ท่านหนีไปจนถึงเมืองเมกิดโด และสิ้นชีวิตที่นั่น 28 ทหารรับใช้นำศพของท่านขึ้นรถศึกไปยังเมืองเยรูซาเล็ม และบรรจุศพท่านในที่เก็บศพกับบรรพบุรุษของท่านในเมืองของดาวิด

29 ในปีที่สิบเอ็ดของโยรัมบุตรอาหับ อาหัสยาห์เริ่มครองราชย์ที่ยูดาห์

เยฮูประหารเยเซเบล

30 เมื่อเยฮูไปยังยิสเรเอล เยเซเบลก็ทราบเรื่อง นางจึงเขียนตาและตกแต่งผม และมองออกไปทางหน้าต่าง 31 และขณะที่เยฮูเข้าประตูเมือง นางถามว่า “เจ้าก็เหมือนศิมรีผู้สังหารนายตนเอง เจ้ามาอย่างสันติหรือ”[c] 32 ท่านเงยหน้าขึ้น มองดูที่หน้าต่าง และพูดว่า “ใครเป็นฝ่ายเรา มีใครบ้าง” ขันทีสองสามคนมองดูท่าน 33 ท่านจึงสั่งว่า “โยนตัวนางลงมา” ดังนั้นพวกเขาจึงโยนตัวนางลงมา เลือดนางสาดกระเด็นถูกกำแพงและฝูงม้า และม้าทั้งหลายก็เหยียบย่ำร่างของนาง 34 และท่านเข้าไปข้างใน ดื่มและรับประทาน ท่านพูดว่า “จงจัดการกับหญิงที่ถูกแช่งสาปคนนี้ เอานางไปฝัง เพราะนางเป็นบุตรหญิงของกษัตริย์” 35 แต่เมื่อพวกเขาจะไปฝังศพของนาง พวกเขาก็ไม่พบร่างของนาง นอกจากส่วนที่เหลืออยู่คือกะโหลกศีรษะ เท้า และอุ้งมือของนาง 36 เมื่อพวกเขากลับมาแจ้งให้ท่านทราบ ท่านพูดว่า “นี่คือคำของพระผู้เป็นเจ้า ที่พระองค์กล่าวผ่านเอลียาห์ชาวทิชบีผู้รับใช้ของพระองค์ว่า ‘สุนัขจะกินเนื้อเยเซเบลในที่ดินของยิสเรเอล’[d] 37 ศพของเยเซเบลจะเป็นเหมือนมูลสัตว์ในทุ่งนาบนที่ดินของยิสเรเอล จึงไม่มีผู้ใดพูดได้ว่า ‘นี่คือเยเซเบล’”

เยฮูสังหารลูกหลานของอาหับ

10 อาหับมีบุตรชาย 70 คนในสะมาเรีย เยฮูจึงเขียนสาสน์ส่งไปยังสะมาเรีย ไปถึงบรรดาผู้ปกครองยิสเรเอล หัวหน้าชั้นผู้ใหญ่ และผู้ดูแลบุตรของอาหับ มีใจความว่า “ทันทีที่สาสน์นี้ถึงมือพวกท่าน บรรดาบุตรของเจ้านายของพวกท่านก็อยู่กับท่าน ท่านมีรถศึกและม้า เมืองที่คุ้มกันไว้อย่างแข็งแกร่ง พร้อมทั้งอาวุธยุทธภัณฑ์ จงเลือกสรรบุตรของเจ้านายของท่านที่เก่งและเหมาะสมที่สุด และแต่งตั้งเขาขึ้นครองบัลลังก์บิดาของเขา เพื่อต่อสู้รักษาพงศ์พันธุ์ของเจ้านายท่าน” แต่พวกเขาหวั่นกลัวยิ่งนัก และพูดว่า “ดูเถิด กษัตริย์ทั้งสองก่อนหน้านี้ยังยืนหยัดต่อสู้กับเขาไม่ไหว แล้วพวกเราจะยืนหยัดอยู่ได้อย่างไร” ดังนั้น ผู้บริหารวัง ผู้จัดการดูแลเมือง บรรดาหัวหน้าชั้นผู้ใหญ่ และผู้ดูแลบุตร จึงให้คนไปแจ้งเยฮูว่า “พวกเราเป็นผู้รับใช้ของท่าน และเราจะทำทุกสิ่งที่ท่านสั่ง พวกเราจะไม่แต่งตั้งผู้ใดให้เป็นกษัตริย์ ขอท่านกระทำสิ่งที่ท่านเห็นว่าดีที่สุดในสายตาของท่าน” ท่านจึงเขียนสาสน์ฉบับที่สอง มีใจความว่า “ถ้าท่านเป็นฝ่ายเรา และถ้าท่านพร้อมที่จะเชื่อฟังเรา ก็จงนำศีรษะของบรรดาบุตรของเจ้านายของท่านมา เมื่อท่านมาหาเราที่ยิสเรเอลในวันพรุ่งนี้ เวลานี้” ฝ่ายบุตร 70 คนของกษัตริย์อยู่ภายใต้การดูแลของบรรดาผู้เป็นใหญ่ประจำเมืองนั้น และทันทีที่สาสน์ถึงมือพวกเขา เขาก็จับบุตรทั้ง 70 คนของกษัตริย์ฆ่าเสีย และเอาศีรษะใส่ตะกร้าส่งไปให้เยฮูที่ยิสเรเอล เมื่อผู้สื่อสาสน์มาแจ้งท่านว่า “พวกเขานำศีรษะบุตรของกษัตริย์มาแล้ว” ท่านบอกว่า “เอาไปกองไว้เป็น 2 กองที่ทางเข้าประตูเมืองจนถึงรุ่งเช้า” ครั้นรุ่งเช้า ท่านออกไปยืนต่อหน้าประชาชน และพูดว่า “เราเป็นคนที่คิดกบฏต่อเจ้านายของเรา และฆ่าท่านเสีย ซึ่งพวกท่านไม่ต้องรับผิดชอบในเรื่องนั้น แต่ใครฆ่าคนเหล่านี้ 10 ขอให้ท่านทราบว่า ทุกสิ่งเกิดขึ้นกับพงศ์พันธุ์ของอาหับตามคำของพระผู้เป็นเจ้า เพราะพระผู้เป็นเจ้าได้กระทำตามที่พระองค์กล่าวผ่านเอลียาห์ผู้รับใช้ของพระองค์”[e] 11 เยฮูได้ฆ่าคนทั้งปวงของพงศ์พันธุ์อาหับที่เหลืออยู่ในยิสเรเอล รวมทั้งพวกหัวหน้า เพื่อนสนิท และปุโรหิตของท่าน จนไม่เหลือแม้แต่คนเดียว

12 ครั้นแล้วท่านก็เดินทางเพื่อจะไปยังสะมาเรีย ในระหว่างทางที่ไป ขณะอยู่ที่เบธเอเขดของผู้เลี้ยงแกะ 13 เยฮูพบกับบรรดาญาติของอาหัสยาห์กษัตริย์แห่งยูดาห์ และถามว่า “ท่านเป็นใคร” พวกเขาตอบว่า “พวกเราเป็นญาติของอาหัสยาห์ เราลงมาเยี่ยมเยียนเจ้าชายทั้งปวงและบรรดาบุตรของมารดากษัตริย์” 14 ท่านพูดว่า “จับตัวไปทั้งเป็น” และพวกเขาจับไปทั้งเป็น และก็ได้ฆ่าพวกเขาที่บ่อที่เบธเอเขด รวมได้ 42 คน ไม่เว้นแม้แต่คนเดียว

15 เมื่อท่านไปจากที่นั่นแล้ว ท่านพบเยโฮนาดับบุตรเรคาบที่กำลังมาหาท่าน ท่านทักทายและถามเขาว่า “จิตใจของท่านซื่อตรงต่อเรา เหมือนที่เราซื่อตรงต่อท่านไหม” เยโฮนาดับตอบว่า “ซื่อตรงสิ” เยฮูพูดว่า “ถ้าเช่นนั้น ก็ยื่นมือมาให้เรา” เขาก็ยื่นมือให้ และเยฮูดึงเขาขึ้นรถศึก 16 ท่านพูดว่า “มากับเรา และมาดูความรู้สึกอันแรงกล้าของเราที่มีต่อพระผู้เป็นเจ้า” ท่านจึงให้เขาขึ้นขี่ในรถศึกของท่าน 17 เมื่อท่านมาถึงสะมาเรีย ท่านก็ฆ่าทุกคนในพงศ์พันธุ์ของอาหับที่เหลืออยู่ทั้งหมดในสะมาเรีย ตามคำที่พระผู้เป็นเจ้ากล่าวแก่เอลียาห์

เยฮูสังหารบรรดาผู้เผยคำกล่าวของเทพเจ้าบาอัล

18 เยฮูเรียกประชาชนทั้งปวงมาประชุม และพูดว่า “อาหับบูชาเทพเจ้าบาอัล[f]เพียงเล็กน้อย แต่เยฮูจะบูชาให้มาก 19 ฉะนั้นจงไปเรียกบรรดาผู้เผยคำกล่าวของเทพเจ้าบาอัลมาหาเรา รวมทั้งผู้นมัสการและปุโรหิตทุกคนของเทพเจ้าบาอัล อย่าให้ผู้ใดขาดหายไป เพราะว่าเรามีเครื่องสักการะใหญ่จะมอบให้แก่เทพเจ้าบาอัล ใครที่พลาดโอกาสนี้จะไม่รอดชีวิตแน่” แต่นี่คือแผนลวงของเยฮู เพื่อกำจัดพวกที่นมัสการเทพเจ้าบาอัล 20 และเยฮูสั่งว่า “จงเตรียมการประชุมอันบริสุทธิ์ให้แก่เทพเจ้าบาอัล” ดังนั้นประชาชนจึงประกาศวันประชุม 21 เยฮูให้ชาวอิสราเอลทราบทั่วหน้ากัน ทุกคนที่นมัสการเทพเจ้าบาอัลก็มากันถ้วนหน้า ไม่มีใครสักคนที่พลาดงานนี้ พวกเขาพากันเข้าไปในวิหารของเทพเจ้าบาอัล จนผู้คนเต็มวิหารจากด้านหนึ่งจรดอีกด้านหนึ่ง 22 ท่านพูดกับคนที่ดูแลเครื่องแต่งกายว่า “จงนำชุดเฉพาะสำหรับผู้นมัสการเทพเจ้าบาอัลออกมาให้พวกเขาทุกคน” เขาจึงนำชุดเฉพาะออกมาให้พวกเขา 23 จากนั้นเยฮูกับเยโฮนาดับบุตรเรคาบก็เข้าไปในวิหารของเทพเจ้าบาอัล และท่านบอกบรรดาผู้นมัสการเทพเจ้าบาอัลว่า “จงตรวจดูให้ดีว่า ไม่มีผู้รับใช้ของพระผู้เป็นเจ้าอยู่ในที่นี่ในหมู่พวกท่าน มีแต่ผู้นมัสการเทพเจ้าบาอัลเท่านั้น” 24 แล้วท่านกับเยโฮนาดับก็เข้าไปถวายเครื่องบูชาและสัตว์ที่เผาเป็นของถวาย

โดยเยฮูได้สั่งชาย 80 คนยืนประจำอยู่ที่นอกวิหาร และสั่งว่า “ผู้ใดที่ปล่อยให้คนหนึ่งคนใดที่เรามอบไว้ในมือเจ้าหนีออกมาได้ ก็จะต้องชดเชยด้วยชีวิตของตนเอง” 25 ดังนั้น ทันทีที่ท่านมอบสัตว์ที่เผาเป็นของถวายเสร็จสิ้นแล้ว เยฮูสั่งทหารคุ้มกันและพวกนายทหารว่า “เข้าไปข้างใน และสังหารพวกเขาทุกคน อย่าปล่อยให้ผู้ใดหนีออกมาได้แม้แต่คนเดียว” พวกเขาจึงใช้ดาบฆ่าฟันคนเหล่านั้น ทหารคุ้มกันและพวกนายทหารลากศพออกไปทิ้งข้างนอก แล้วก็เข้าไปในห้องที่อยู่ด้านในของวิหารของเทพเจ้าบาอัล 26 พวกเขาแบกเสาออกมาจากวิหารของเทพเจ้าบาอัล และเผาทิ้งเสีย 27 พวกเขาทำลายเสาและวิหารของเทพเจ้าบาอัล และทำให้เป็นส้วมสาธารณะมาจนถึงทุกวันนี้

เยฮูครองราชย์ในอิสราเอล

28 เท่ากับว่า เยฮูได้กำจัดการนมัสการเทพเจ้าบาอัลไปจากอิสราเอลแล้ว 29 แต่เยฮูยังกระทำบาปตามอย่างเยโรโบอัมบุตรเนบัท ซึ่งนำให้อิสราเอลกระทำบาป นั่นคือรูปลูกโคทองคำที่อยู่ในเมืองเบธเอลและเมืองดาน[g] 30 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับเยฮูว่า “เป็นเพราะว่า เจ้าได้ปฏิบัติสิ่งที่ถูกต้องในสายตาของเราเป็นอย่างดี และได้กระทำต่อพงศ์พันธุ์ของอาหับตามทุกสิ่งที่เราประสงค์ เราจะให้บรรดาผู้สืบเชื้อสายของเจ้า 4 ชั่วอายุได้นั่งบนบัลลังก์ของอิสราเอล” 31 แต่เยฮูกลับไม่ระมัดระวังที่จะดำเนินชีวิตตามกฎบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของอิสราเอลอย่างสุดจิตสุดใจ ท่านกระทำบาปตามอย่างเยโรโบอัม ซึ่งนำให้อิสราเอลกระทำบาป

32 ในครั้งนั้น พระผู้เป็นเจ้าจึงเริ่มตัดทอนอาณาเขตบางส่วนของอิสราเอลออก ฮาซาเอลโจมตีชนะทุกเขตแดนของอิสราเอล 33 ตั้งแต่ทางตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดน แผ่นดินทั้งหมดของกิเลอาด (อาณาเขตที่เป็นของชาวกาด ชาวรูเบน และชาวมนัสเสห์) ตั้งแต่อาโรเออร์ซึ่งอยู่ข้างลุ่มน้ำอาร์โนน คือกิเลอาดและบาชาน 34 กิจอื่นๆ ทั้งสิ้นของเยฮู ทุกสิ่งที่ท่านกระทำ และความสำเร็จด้านยุทธการ ก็ได้มีบันทึกไว้แล้วในหนังสือแห่งพงศาวดารของบรรดากษัตริย์แห่งอิสราเอลมิใช่หรือ 35 ดังนั้นเยฮูสิ้นชีวิตและถูกนำไปวางรวมกับบรรพบุรุษของท่าน ศพถูกบรรจุไว้ในเมืองสะมาเรีย และเยโฮอาหาสบุตรของท่านครองราชย์แทนท่าน 36 เยฮูเป็นกษัตริย์ปกครองอิสราเอลเป็นเวลา 28 ปีในสะมาเรีย

อาธาลิยาห์ครองราชย์ในยูดาห์

11 เมื่ออาธาลิยาห์มารดาของอาหัสยาห์เห็นว่าบุตรของนางสิ้นชีวิตแล้ว นางก็เริ่มตามฆ่าบรรดาเชื้อพระวงศ์ทุกคน แต่เยโฮเช-บาบุตรหญิงของกษัตริย์เยโฮรัม น้องสาวของอาหัสยาห์ ได้ลักพาโยอาชบุตรชายของอาหัสยาห์ออกมา เพื่อไม่ให้ถูกฆ่าไปพร้อมกับบุตรคนอื่นๆ ของกษัตริย์ นางซ่อนโยอาชกับพี่เลี้ยงไว้ในห้องนอน ให้พ้นจากอาธาลิยาห์ที่ต้องการจะเอาชีวิตท่าน โยอาชอยู่กับนางเป็นเวลา 6 ปี โดยถูกซ่อนอยู่ในพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า ในขณะที่อาธาลิยาห์ปกครองแผ่นดิน

โยอาชครองราชย์ในยูดาห์

แต่ในปีที่เจ็ด เยโฮยาดาให้ไปนำบรรดาผู้บัญชากองร้อยของชาวเคเรท และทหารคุ้มกัน เพื่อมาพบท่านที่พระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า และท่านทำสนธิสัญญากับพวกเขา และให้สาบานในพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า และให้พวกเขาได้พบกับราชบุตร และท่านสั่งพวกเขาว่า “สิ่งที่ท่านควรปฏิบัติก็คือ ให้หนึ่งในสามของพวกท่านมาเริ่มเข้าเวรในวันสะบาโต พวกท่านกลุ่มนี้จะคุ้มกันวังของกษัตริย์ อีกหนึ่งในสามของพวกท่านจะประจำอยู่ที่ประตูสูร์ และอีกหนึ่งในสามจะคุ้มกันอยู่ที่ทางเข้าประตูเมืองเป็นแรงหนุนให้กับทหารคุ้มกัน พวกท่านจะต้องคุ้มกันวัง พวกท่าน 2 กลุ่มที่ไม่เข้าเวรในวันสะบาโต จะต้องคุ้มกันพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า เพื่อความปลอดภัยของกษัตริย์ พวกท่านต้องประจำการอยู่รอบข้างกษัตริย์ แต่ละคนถืออาวุธไว้พร้อม และใครก็ตามที่เข้ามาใกล้ตัวท่าน จะต้องถูกฆ่า พวกท่านจงอยู่ใกล้ชิดกษัตริย์ ไม่ว่าท่านจะไปที่ใดก็ตาม”

บรรดาผู้บัญชากองร้อยปฏิบัติตามทุกสิ่งที่เยโฮยาดาปุโรหิตสั่ง และแต่ละกลุ่มก็ได้นำคนของตนมาหาเยโฮยาดาปุโรหิต ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มที่จะออกเวรหรือที่จะเข้าเวรในวันสะบาโต 10 ปุโรหิตมอบหอกและโล่ที่เป็นของกษัตริย์ดาวิด ซึ่งเก็บไว้ในพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้าให้แก่บรรดาผู้บัญชากองร้อย 11 พวกทหารคุ้มกันแต่ละคนถืออาวุธไว้พร้อม ตั้งแต่ด้านใต้จรดด้านเหนือของพระตำหนัก รอบแท่นบูชาและพระตำหนัก เพื่อความปลอดภัยของกษัตริย์ 12 แล้วปุโรหิตก็นำบุตรของกษัตริย์ออกมา สวมมงกุฎ และมอบพันธสัญญาให้แก่ท่าน และพวกเขาประกาศให้ท่านเป็นกษัตริย์ และเจิมท่าน แล้วพวกเขาก็ปรบมือและกล่าวว่า “ขอกษัตริย์มีอายุยืนนาน”

13 เมื่ออาธาลิยาห์ได้ยินเสียงทหารคุ้มกันและประชาชน นางจึงออกไปหาประชาชนที่พระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า 14 เมื่อนางมองดู ก็เห็นกษัตริย์ยืนอยู่ที่ข้างเสาพระตำหนักตามธรรมเนียม บรรดาผู้บัญชากองร้อยและผู้เป่าแตรยาว[h]ยืนอยู่ข้างๆ และประชาชนทั้งปวงของแผ่นดินกำลังร่าเริงและเป่าแตรยาว อาธาลิยาห์ก็ฉีกเสื้อของตน และร้องว่า “กบฏ กบฏ” 15 เยโฮยาดาปุโรหิตสั่งบรรดาผู้บัญชากองร้อยที่ควบคุมกำลังกองทัพว่า “นำนางออกมาระหว่างแถวทหาร และผู้ใดที่ตามนางไป ก็ฆ่าเสียด้วยคมดาบ” เพราะปุโรหิตพูดว่า “อย่าฆ่านางในพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า 16 ดังนั้นพวกเขาจึงจับกุมนาง และนางออกไปทางสำหรับม้าผ่าน ที่ประตูทางเข้าวังของกษัตริย์ และนางก็ถูกประหารชีวิต

17 เยโฮยาดาทำพันธสัญญาระหว่างพระผู้เป็นเจ้า กษัตริย์ และประชาชนว่า ให้พวกเขาเป็นชนชาติของพระผู้เป็นเจ้า และสัญญาระหว่างกษัตริย์กับประชาชน 18 ครั้นแล้ว ทุกคนในแผ่นดินก็เข้าไปทลายวิหารเทพเจ้าบาอัลลง พวกเขาทุบแท่นบูชาและเทวรูปบาอัลจนแตกเป็นชิ้นๆ และฆ่ามัทธานปุโรหิตของเทพเจ้าบาอัลที่หน้าแท่นบูชา แล้วเยโฮยาดาปุโรหิตก็กำหนดให้มียามเฝ้าพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า 19 ท่านให้บรรดาผู้บัญชากองร้อย ชาวเคเรท ทหารคุ้มกัน และประชาชนทั้งปวงของแผ่นดิน ร่วมกันเชิญกษัตริย์ลงมาจากพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า เดินเข้าทางประตูทหารคุ้มกัน ไปยังวังของกษัตริย์ และนั่งบนบัลลังก์ 20 ดังนั้นประชาชนทั้งปวงของแผ่นดินต่างยินดี และบ้านเมืองนั้นก็สงบสุขหลังจากที่อาธาลิยาห์ถูกดาบสังหารที่วังของกษัตริย์

โยอาชครองราชย์ในยูดาห์

21 โยอาชมีอายุ 7 ปี เมื่อท่านเริ่มเป็นกษัตริย์

New Thai Version (NTV-BIBLE)

Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation