Beginning
อาบียัมครองราชย์ในยูดาห์
15 ในปีที่สิบแปดของกษัตริย์เยโรโบอัมบุตรของเนบัท อาบียัมก็เริ่มเป็นกษัตริย์แห่งยูดาห์ 2 ท่านครองราชย์ได้ 3 ปีในเยรูซาเล็ม มารดาของท่านชื่อมาอาคาห์บุตรหญิงของอาบีชาโลม 3 ท่านดำเนินชีวิตในบาปทั้งสิ้น ตามแบบอย่างที่บิดาของท่านกระทำ และไม่ได้มีใจที่ภักดีต่อพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่าน เหมือนอย่างกับใจของดาวิดบรรพบุรุษของท่าน 4 แต่พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านก็ยังมอบผู้สืบเชื้อสายรับใช้พระองค์ในเยรูซาเล็มเพราะเห็นแก่ดาวิด พระองค์แต่งตั้งบุตรของท่านต่อจากท่าน และสถาปนาเยรูซาเล็ม 5 เพราะดาวิดกระทำสิ่งที่ถูกต้องในสายตาของพระผู้เป็นเจ้า และปฏิบัติตามทุกสิ่งที่พระองค์บัญชาท่านจนตลอดชีวิต ยกเว้นในเรื่องของอุรียาห์ชาวฮิต[a] 6 มีศึกสงครามระหว่างเรโหโบอัมและเยโรโบอัมตลอดชีวิตของอาบียัม 7 กิจอื่นๆ ทั้งสิ้นของอาบียัม และทุกสิ่งที่ท่านกระทำ ก็ได้มีบันทึกไว้แล้วในหนังสือแห่งพงศาวดารของบรรดากษัตริย์แห่งยูดาห์มิใช่หรือ และมีศึกสงครามระหว่างอาบียัมและเยโรโบอัม 8 อาบียัมสิ้นชีวิตและถูกนำไปวางรวมกับบรรพบุรุษของท่าน ศพถูกบรรจุไว้ในเมืองของดาวิด และอาสาผู้เป็นบุตรของท่านครองราชย์แทนท่าน
อาสาครองราชย์ในยูดาห์
9 ในปีที่ยี่สิบของเยโรโบอัมกษัตริย์แห่งอิสราเอล อาสาก็เริ่มเป็นกษัตริย์แห่งยูดาห์ 10 ท่านครองราชย์ได้ 41 ปีในเยรูซาเล็ม มารดาของท่านชื่อมาอาคาห์บุตรหญิงของอาบีชาโลม 11 อาสากระทำสิ่งที่ถูกต้องในสายตาของพระผู้เป็นเจ้า อย่างที่ดาวิดบรรพบุรุษของท่านได้กระทำ 12 ท่านกำจัดโสเภณีชายออกไปจากแผ่นดิน และให้คนขนพวกรูปเคารพที่บรรพบุรุษหล่อขึ้นไปทิ้งเสีย 13 ท่านได้ถอดถอนมาอาคาห์มารดาของท่านออกจากตำแหน่งมารดากษัตริย์ด้วย เพราะนางได้สร้างเสาเทวรูปอาเชราห์ที่น่ารังเกียจ อาสาโค่นเทวรูปนาง และเผาทิ้งที่หุบเขาขิดโรน 14 แต่สถานบูชาบนภูเขาสูงไม่ถูกกำจัดออกไป กระนั้นก็ดี อาสาก็ยังมีใจภักดีต่อพระผู้เป็นเจ้าตลอดชีวิตของท่าน 15 และท่านนำของบริสุทธิ์ที่เป็นของบิดาของท่าน และที่เป็นของท่านเองด้วย เช่นเงิน ทองคำ และภาชนะ เข้าไปไว้ในพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า
16 มีศึกสงครามระหว่างอาสาและบาอาชากษัตริย์แห่งอิสราเอลตลอดสมัยของทั้งสองท่าน 17 บาอาชากษัตริย์แห่งอิสราเอลขึ้นไปโจมตียูดาห์ และสร้างเมืองรามาห์ให้แข็งแกร่ง เพื่อป้องกันไม่ให้ใครไปมาหาสู่กับอาสาผู้เป็นกษัตริย์แห่งยูดาห์ 18 อาสาจึงนำเงินและทองคำทั้งหมดที่เหลืออยู่ในคลังพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า และคลังของกษัตริย์ และมอบไว้กับพวกเจ้าหน้าที่ และอาสาผู้เป็นกษัตริย์ใช้พวกเขาไปยังเบนฮาดัดบุตรของทับริมโมนผู้เป็นบุตรของเฮซีโอนกษัตริย์แห่งอารัม ผู้อาศัยอยู่ในเมืองดามัสกัส พร้อมกับกล่าวว่า 19 “ขอให้ทำสัญญาระหว่างท่านกับเราเหมือนกับที่บิดาของท่านและของเราทำ ดูเถิด เราได้ส่งของบรรณาการเป็นเงินและทองคำมาให้ท่าน ขอท่านตัดความสัมพันธ์กับบาอาชากษัตริย์แห่งอิสราเอลเถิด ท่านจะได้ถอนทัพออกไปจากดินแดนของเรา” 20 เบนฮาดัดฟังคำของอาสาผู้เป็นกษัตริย์ และส่งบรรดาผู้บังคับกองพันของท่านไปโจมตีเมืองต่างๆ ของอิสราเอล และยึดเมืองอิโยน ดาน อาเบลเบธมาอาคาห์ และทั่วถิ่นคินเนโรท พร้อมด้วยดินแดนนัฟทาลีทั้งหมด 21 เมื่อบาอาชาทราบดังนั้น ท่านจึงหยุดการก่อสร้างเมืองรามาห์ และอาศัยอยู่ในเมืองทีรซาห์ 22 และอาสาผู้เป็นกษัตริย์ก็ได้ส่งสาสน์ประกาศไปทั่วยูดาห์ ไม่เว้นผู้ใดเลย ทุกคนช่วยขนหินและไม้ที่บาอาชาใช้สร้างเมืองออกไปจากรามาห์ แล้วอาสาผู้เป็นกษัตริย์เอามาสร้างเมืองเก-บาแห่งเบนยามินและเมืองมิสปาห์ 23 กิจอื่นๆ ทั้งสิ้นของอาสา ความสำเร็จด้านยุทธการและทุกสิ่งที่ท่านกระทำ และเมืองต่างๆ ที่ท่านสร้าง ก็ได้มีบันทึกไว้แล้วในหนังสือแห่งพงศาวดารของบรรดากษัตริย์แห่งยูดาห์มิใช่หรือ แต่ในยามชราท่านเป็นโรคที่เท้า 24 อาสาสิ้นชีวิตและถูกนำไปวางรวมกับบรรพบุรุษของท่าน ศพถูกบรรจุไว้ในเมืองของดาวิดบรรพบุรุษของท่าน และเยโฮชาฟัทบุตรของท่านครองราชย์แทนท่าน
นาดับครองราชย์ในอิสราเอล
25 นาดับบุตรของเยโรโบอัมเริ่มเป็นกษัตริย์แห่งอิสราเอลในปีที่สองของอาสาผู้เป็นกษัตริย์แห่งยูดาห์ ท่านครองราชย์ในอิสราเอล 2 ปี 26 ท่านกระทำสิ่งที่ชั่วร้ายในสายตาของพระผู้เป็นเจ้า และดำเนินชีวิตตามแบบอย่างบิดาของท่าน คือทำบาปและยังนำอิสราเอลให้ทำบาปด้วย
27 บาอาชาบุตรของอาหิยาห์ จากพงศ์พันธุ์ของอิสสาคาร์วางแผนโจมตีท่าน และบาอาชาประหารท่านที่กิบเบโธนซึ่งเป็นเมืองของชาวฟีลิสเตีย เพราะนาดับและชาวอิสราเอลทั้งปวงกำลังใช้พลังล้อมกิบเบโธน 28 ดังนั้น บาอาชาจึงฆ่าท่านในปีที่สามของอาสาผู้เป็นกษัตริย์แห่งยูดาห์ แล้วก็ขึ้นครองแทน 29 ทันทีที่ท่านขึ้นเป็นกษัตริย์ ท่านก็ฆ่าทุกคนในพงศ์พันธุ์ของเยโรโบอัม ท่านไม่ปล่อยผู้ใดในพงศ์พันธุ์เยโรโบอัมรอดชีวิตมาได้แม้ชีวิตเดียว ท่านได้กำจัดทุกชีวิตให้สิ้นไป ตามที่พระผู้เป็นเจ้ากล่าวผ่านผู้รับใช้ของพระองค์ คืออาหิยาห์ชาวชิโลห์ 30 เป็นเพราะบาปของเยโรโบอัมที่ได้ทำ และเป็นเหตุให้อิสราเอลทำบาป และเป็นเพราะท่านยั่วโทสะพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของอิสราเอล
31 กิจอื่นๆ ทั้งสิ้นของนาดับ และทุกสิ่งที่ท่านกระทำ ก็ได้มีบันทึกไว้แล้วในหนังสือแห่งพงศาวดารของบรรดากษัตริย์แห่งอิสราเอลมิใช่หรือ 32 มีศึกสงครามระหว่างอาสาและบาอาชากษัตริย์แห่งอิสราเอลตลอดสมัยของทั้งสองท่าน
บาอาชาครองราชย์ในอิสราเอล
33 ในปีที่สามของอาสาผู้เป็นกษัตริย์แห่งยูดาห์ บาอาชาบุตรของอาหิยาห์ก็เริ่มเป็นกษัตริย์แห่งอิสราเอลที่เมืองทีรซาห์ ท่านครองราชย์ 24 ปี 34 ท่านกระทำสิ่งที่ชั่วร้ายในสายตาของพระผู้เป็นเจ้า และดำเนินชีวิตตามแบบอย่างเยโรโบอัม คือทำบาปและยังนำอิสราเอลให้ทำบาปด้วย
16 และพระผู้เป็นเจ้ากล่าวผ่านเยฮูบุตรของฮานานีถึงการลงโทษบาอาชาว่า 2 “ในเมื่อเรายกเจ้าขึ้นมาจากผงธุลี และแต่งตั้งเจ้าให้เป็นผู้ปกครองอิสราเอลชนชาติของเรา และเจ้าได้ดำเนินชีวิตตามแบบอย่างเยโรโบอัม และเป็นเหตุให้อิสราเอลชนชาติของเราทำบาป ยั่วโทสะเราด้วยบาปของพวกเขา 3 ดูเถิด เราจะกวาดล้างบาอาชาและครอบครัวของเขา และเราจะทำให้ครอบครัวของเจ้าเป็นเหมือนกับของเยโรโบอัมบุตรของเนบัท 4 สุนัขจะกินคนของบาอาชาที่ตายในเมือง และนกในอากาศจะกินคนที่ตายในทุ่งนา”
5 กิจอื่นๆ ทั้งสิ้นของบาอาชา และทุกสิ่งที่ท่านกระทำ รวมทั้งความสำเร็จด้านยุทธการ ก็ได้มีบันทึกไว้แล้วในหนังสือแห่งพงศาวดารของบรรดากษัตริย์แห่งยูดาห์มิใช่หรือ 6 บาอาชาสิ้นชีวิตและถูกนำไปวางรวมกับบรรพบุรุษของท่าน ศพถูกบรรจุไว้ในเมืองทีรซาห์ และเอลาห์บุตรของท่านครองราชย์แทนท่าน 7 ยิ่งกว่านั้นอีก พระผู้เป็นเจ้ากล่าวผ่านผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้า คือเยฮูบุตรของฮานานีถึงการลงโทษบาอาชาและพงศ์พันธุ์ของท่าน เพราะเรื่องการกระทำสิ่งที่ชั่วร้ายในสายตาของพระผู้เป็นเจ้า และยั่วโทสะพระองค์ด้วยมือของท่านเอง เช่นเดียวกับที่พงศ์พันธุ์ของเยโรโบอัมกระทำ และเรื่องที่เขาได้ทำลายพงศ์พันธุ์นั้น
เอลาห์ครองราชย์ในอิสราเอล
8 ในปีที่ยี่สิบหกของอาสาผู้เป็นกษัตริย์แห่งยูดาห์ เอลาห์บุตรของบาอาชาก็เริ่มเป็นกษัตริย์แห่งอิสราเอลในเมืองทีรซาห์ ท่านครองราชย์ได้ 2 ปี 9 แต่ศิมรีผู้รับใช้ของท่าน เป็นผู้บัญชาการควบคุมจำนวนครึ่งหนึ่งของกองรถศึกของท่าน ได้คิดกบฏต่อท่าน ขณะที่ท่านกำลังดื่มจนเมามายอยู่ในบ้านของอาร์ซาที่ทีรซาห์ อาร์ซามีหน้าที่ควบคุมวังที่ทีรซาห์ 10 ศิมรีเข้าไปทำร้ายและฆ่าท่าน ในปีที่ยี่สิบเจ็ดของอาสาผู้เป็นกษัตริย์แห่งยูดาห์ และครองราชย์แทนท่าน
11 เมื่อท่านเริ่มครองราชย์ ในทันทีที่ท่านยึดครองบัลลังก์ ท่านก็ได้ฆ่าทุกคนในพงศ์พันธุ์ของบาอาชา ท่านไม่ไว้ชีวิตญาติหรือเพื่อนของท่านที่เป็นชายแม้แต่คนเดียว 12 ศิมรีฆ่าทุกคนในพงศ์พันธุ์ของบาอาชาดังที่กล่าวมา ตามคำของพระผู้เป็นเจ้า ที่ได้กล่าวผ่านเยฮูผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าเรื่องการลงโทษบาอาชา 13 บาปทั้งสิ้นของบาอาชาและของเอลาห์บุตรของท่าน ที่ได้กระทำและเป็นเหตุให้อิสราเอลทำบาป ยั่วโทสะพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของอิสราเอลด้วยรูปเคารพซึ่งไร้ค่าของพวกเขา 14 กิจอื่นๆ ทั้งสิ้นของเอลาห์ และทุกสิ่งที่ท่านกระทำ ก็ได้มีบันทึกไว้แล้วในหนังสือแห่งพงศาวดารของบรรดากษัตริย์แห่งอิสราเอลมิใช่หรือ
ศิมรีครองราชย์ในอิสราเอล
15 ในปีที่ยี่สิบเจ็ดของอาสาผู้เป็นกษัตริย์แห่งยูดาห์ ศิมรีครองราชย์ได้ 7 วันในเมืองทีรซาห์ กองทัพของอิสราเอลกำลังตั้งค่ายโจมตีเมืองกิบเบโธน ซึ่งเป็นของชาวฟีลิสเตีย 16 เมื่อกองทัพในค่ายได้ยินคำเล่าลือว่า “ศิมรีได้ก่อกบฏ และสังหารกษัตริย์แล้ว” กองทัพของอิสราเอลจึงแต่งตั้งอมรีผู้บังคับกองพันทหาร ให้เป็นกษัตริย์ปกครองอิสราเอล ณ ที่นั่นในวันนั้น 17 ดังนั้นอมรีจึงถอนทัพไปจากกิบเบโธน กองทัพอิสราเอลก็ไปด้วย และไปล้อมเมืองทีรซาห์ 18 ครั้นศิมรีเห็นว่าเมืองถูกยึด ท่านจึงเข้าไปในป้อมปราการของวังกษัตริย์ และเผาวังพร้อมกับตัวท่านด้วย และท่านก็สิ้นชีวิต 19 เพราะท่านทำบาป กระทำสิ่งที่ชั่วร้ายในสายตาของพระผู้เป็นเจ้า ดำเนินชีวิตตามแบบอย่างเยโรโบอัม เนื่องจากท่านทำบาปและเป็นเหตุให้อิสราเอลทำบาปด้วย 20 กิจอื่นๆ ทั้งสิ้นของศิมรี และการที่ท่านก่อกบฏ ก็ได้มีบันทึกไว้แล้วในหนังสือแห่งพงศาวดารของบรรดากษัตริย์แห่งอิสราเอลมิใช่หรือ
อมรีครองราชย์ในอิสราเอล
21 แล้วชาวอิสราเอลก็แบ่งออกเป็นสองฝ่าย ครึ่งหนึ่งของประชาชนติดตามทิบนีบุตรของกีนัท หวังว่าจะแต่งตั้งท่านให้เป็นกษัตริย์ อีกครึ่งหนึ่งติดตามอมรี 22 แต่ประชาชนที่ติดตามอมรีแข็งแกร่งกว่าประชาชนที่ติดตามทิบนีบุตรของกีนัท ทิบนีจึงสิ้นชีวิต และอมรีจึงขึ้นเป็นกษัตริย์ 23 ในปีที่สามสิบเอ็ดของอาสาผู้เป็นกษัตริย์แห่งยูดาห์ อมรีก็เริ่มเป็นกษัตริย์แห่งอิสราเอล ท่านครองราชย์เป็นเวลา 12 ปี ท่านครองราชย์ที่เมืองทีรซาห์ 6 ปี 24 ท่านซื้อภูเขาสะมาเรียจากเชเมอร์เป็นเงินจำนวน 2 ตะลันต์[b] และท่านก็ได้สร้างเมืองบนภูเขานั้น เรียกชื่อเมืองว่า สะมาเรีย ตามชื่อเชเมอร์เจ้าของภูเขาคนก่อน
25 อมรีกระทำสิ่งที่ชั่วร้ายในสายตาของพระผู้เป็นเจ้า และทำสิ่งชั่วร้ายยิ่งกว่าทุกท่านก่อนหน้านั้น 26 เพราะว่าท่านดำเนินชีวิตตามแบบอย่างเยโรโบอัมบุตรของเนบัท และในบาปที่ท่านทำ และเป็นเหตุให้อิสราเอลทำบาป ท่านยั่วโทสะพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของอิสราเอลด้วยรูปเคารพซึ่งไร้ค่าของพวกเขา 27 กิจอื่นๆ ทั้งสิ้นของอมรี และความสำเร็จด้านยุทธการ ก็ได้มีบันทึกไว้แล้วในหนังสือแห่งพงศาวดารของบรรดากษัตริย์แห่งอิสราเอลมิใช่หรือ 28 และอมรีสิ้นชีวิตและถูกนำไปวางรวมกับบรรพบุรุษของท่าน ศพถูกบรรจุไว้ในสะมาเรีย และอาหับบุตรของท่านครองราชย์แทนท่าน
อาหับครองราชย์ในอิสราเอล
29 ในปีที่สามสิบแปดของอาสาผู้เป็นกษัตริย์แห่งยูดาห์ อาหับบุตรของอมรีเริ่มเป็นกษัตริย์แห่งอิสราเอล และปกครองอิสราเอลในเมืองสะมาเรียเป็นเวลา 22 ปี 30 อาหับบุตรของอมรีกระทำสิ่งที่ชั่วร้ายในสายตาของพระผู้เป็นเจ้า ยิ่งกว่าทุกท่านก่อนหน้านั้น 31 ถ้าหากว่าท่านดำเนินชีวิตในการทำบาปตามแบบอย่างเยโรโบอัมบุตรของเนบัทก็ยังนับว่าเบามาก แต่ท่านรับเอาเยเซเบลบุตรหญิงของเอ็ทบาอัลกษัตริย์ของชาวไซดอนมาเป็นภรรยา ทั้งยังบูชาและนมัสการเทพเจ้าบาอัล 32 ท่านให้สร้างแท่นบูชาเทพเจ้าบาอัลสำหรับวิหารเทพเจ้าบาอัลที่ท่านสร้างไว้ในสะมาเรีย 33 และอาหับสร้างเทวรูปอาเชราห์ ท่านกระทำสิ่งต่างๆ มากมายที่ยั่วโทสะพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของอิสราเอล ยิ่งกว่าบรรดากษัตริย์ทั้งปวงของอิสราเอลก่อนหน้านั้น 34 ในสมัยของท่าน ฮีเอลแห่งเบธเอลสร้างเมืองเยรีโค ฐานรากของเยรีโคถูกสร้างขึ้นโดยที่เขาต้องเสียอะบีรามบุตรชายหัวปี และสร้างประตูเมืองโดยที่เขาต้องเสียเสกุบบุตรชายคนสุดท้องของเขา ซึ่งเป็นไปตามคำกล่าวของพระผู้เป็นเจ้า โดยผ่านโยชูวาบุตรของนูน[c]
เอลียาห์พยากรณ์ถึงวันข้าวยากหมากแพง
17 เอลียาห์ชาวทิชบี จากเมืองทิชบีในแว่นแคว้นกิเลอาด พูดกับอาหับว่า “ตราบที่พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของอิสราเอลผู้ที่ข้าพเจ้ารับใช้มีชีวิตอยู่ฉันใด จะไม่มีน้ำค้างหรือน้ำฝนในสองสามปีข้างหน้านี้ จนกว่าข้าพเจ้าจะเป็นผู้สั่งให้มี”[d] 2 และพระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับท่านว่า 3 “จงไปจากที่นี่ และไปทางทิศตะวันออก จงซ่อนตัวอยู่ที่ข้างลำธารเครีท ซึ่งอยู่ทางตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดน 4 เจ้าจงดื่มน้ำจากลำธาร และเราได้สั่งให้พวกอีกานำอาหารมาให้เจ้าที่นั่น” 5 ท่านจึงไปทำตามคำของพระผู้เป็นเจ้า ท่านไปอาศัยอยู่ที่ข้างลำธารเครีททางทิศตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดน 6 และอีกาก็นำขนมปังกับเนื้อมาให้ในเวลาเช้า และนำขนมปังกับเนื้อมาให้ในเวลาเย็น และท่านดื่มน้ำจากลำธาร 7 ไม่นานหลังจากนั้น ลำธารก็เหือดแห้งไป เพราะฝนไม่ตกในแผ่นดิน
หญิงม่ายแห่งศาเรฟัท
8 และพระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับท่านว่า 9 “จงลุกขึ้น ไปอาศัยอยู่ที่ศาเรฟัท ในแว่นแคว้นของไซดอน ดูเถิด เราได้สั่งให้หญิงม่ายคนหนึ่งที่นั่นนำอาหารมาให้เจ้า” 10 ดังนั้น ท่านลุกขึ้น และไปยังศาเรฟัท เมื่อท่านมาถึงประตูเมือง ดูเถิด หญิงม่ายผู้หนึ่งกำลังเก็บฟืนอยู่ที่นั่น ท่านเรียกนาง และพูดว่า “ช่วยเอาน้ำใส่ภาชนะมาให้เราดื่มสักนิด” 11 ขณะที่นางกำลังไปเอาน้ำมา ท่านเรียกนาง และพูดว่า “เอาขนมปังติดมือมาให้เราสักชิ้น” 12 นางพูดว่า “ตราบที่พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านมีชีวิตอยู่ฉันใด ฉันไม่มีอาหารที่อบแล้ว มีแต่แป้งกำมือเดียวในโถ และน้ำมันนิดหน่อยในไห ฉันก็กำลังเก็บฟืนสองสามท่อน เพื่อเข้าไปทำอาหารให้ฉันกับลูกชายรับประทาน พอเสร็จแล้วเราก็จะตายกันทั้งแม่และลูก” 13 เอลียาห์พูดตอบนางว่า “อย่ากลัวเลย จงไปทำตามที่เจ้าพูด แต่ก่อนอื่น จงทำขนมให้เราก้อนหนึ่ง และเอามาให้เรา หลังจากนั้นจึงทำให้ตัวเจ้าเองกับลูก 14 เพราะว่าพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของอิสราเอลกล่าวดังนี้ว่า ‘แป้งในโถจะใช้ไม่หมด และไหน้ำมันจะไม่มีวันหมดเช่นกัน จนกว่าวันที่พระผู้เป็นเจ้าจะโปรดให้ฝนตกลงบนแผ่นดิน’” 15 นางจึงไปทำตามที่เอลียาห์บอก ทั้งตัวนาง เอลียาห์ และคนในบ้านรับประทานกันได้หลายวัน 16 แป้งในโถไม่หมด น้ำมันในไหก็ไม่หมดเช่นกัน ซึ่งเป็นไปตามคำของพระผู้เป็นเจ้า ที่กล่าวผ่านเอลียาห์
เอลียาห์อธิษฐานเพื่อชีวิตบุตรของหญิงม่าย
17 หลังจากนั้น บุตรของหญิงเจ้าของบ้านก็ล้มป่วย เขาเจ็บหนักจนสิ้นใจ 18 นางพูดกับเอลียาห์ว่า “โอ คนของพระเจ้า เรื่องของท่านกับเรื่องของฉันมีอะไรเกี่ยวข้องกันด้วยหรือ ท่านได้มาหาฉัน ทำให้พระองค์ระลึกถึงบาปของฉัน และทำให้ลูกของฉันตาย” 19 ท่านบอกนางว่า “เอาลูกชายของเจ้ามาให้เรา” และท่านก็รับตัวเด็กจากอ้อมแขนของนาง และอุ้มเขาขึ้นไปที่ห้องบนดาดฟ้าที่ท่านพักอยู่ และวางเขาบนที่นอนของท่าน 20 แล้วท่านก็ร้องต่อพระผู้เป็นเจ้าว่า “โอ พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของข้าพเจ้า พระองค์ให้ความวิบัติเกิดขึ้นกับหญิงม่ายที่ข้าพเจ้าพักอยู่ด้วย ด้วยการพรากชีวิตบุตรของนางไปหรือ” 21 แล้วท่านก็เหยียดตัวบนเด็กคนนั้น 3 ครั้ง และร้องขอพระผู้เป็นเจ้าว่า “โอ พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของข้าพเจ้า โปรดให้ชีวิตของเด็กผู้นี้กลับมายังร่างของเขา” 22 พระผู้เป็นเจ้าฟังเสียงร้องขอของเอลียาห์ และชีวิตของเด็กก็กลับคืนสู่ร่างของเขาอีก เขาจึงฟื้นขึ้น 23 และเอลียาห์พาตัวเด็กลงจากห้องบนดาดฟ้า เข้าไปในบ้าน คืนเขาให้กับแม่ของเขา และเอลียาห์พูดว่า “เห็นไหม บุตรของเจ้ามีชีวิตอยู่” 24 หญิงม่ายพูดกับเอลียาห์ว่า “บัดนี้ฉันทราบแล้วว่า ท่านเป็นคนของพระเจ้า และพระผู้เป็นเจ้ากล่าวผ่านท่านจริงๆ”[e]
Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation