Beginning
ดาวิดในยามชรา
1 ในยามที่กษัตริย์ดาวิดชรามากแล้ว แม้ว่าจะมีคนช่วยท่านสวมเสื้อผ้าหลายตัว แต่ท่านก็ไม่รู้สึกอุ่นขึ้น 2 ฉะนั้นบรรดาผู้รับใช้ของท่านจึงทูลว่า “ให้เสาะหาหญิงสาวสักคนหนึ่งมาให้เจ้านายผู้เป็นกษัตริย์เถิด และให้เธออยู่ปรนนิบัติกษัตริย์ และคอยรับใช้ท่าน ให้เธออยู่ในอ้อมกอดของท่าน เพื่อเจ้านายผู้เป็นกษัตริย์จะได้อุ่นขึ้น” 3 ดังนั้น พวกเขาจึงเฟ้นหาสาวงามทั่วแผ่นดินอิสราเอล และได้พบอาบีชากชาวชูเนม พวกเขาจึงนำเธอมาเข้าเฝ้ากษัตริย์ 4 หญิงสาวผู้นี้งดงามมาก คอยรับใช้และปรนนิบัติท่าน แต่กษัตริย์ไม่มีเพศสัมพันธ์กับเธอ
อาโดนียาห์ตั้งตนเป็นกษัตริย์
5 ฝ่ายอาโดนียาห์บุตรของนางฮักกีทตั้งตัวขึ้นด้วยการกล่าวว่า “เรานี่แหละจะเป็นกษัตริย์” เขาจึงหารถศึกและทหารม้า อีกทั้งชาย 50 คนวิ่งนำหน้าเขาไป 6 บิดาของเขาไม่เคยตั้งคำถามที่จะทำให้เขาไม่พอใจ ดังเช่นว่า “ทำไมเจ้าจึงกระทำเช่นนี้เช่นนั้น” เขาเป็นคนรูปงามมาก เป็นลูกลำดับต่อจากอับซาโลม 7 เขาปรึกษากับโยอาบบุตรของนางเศรุยาห์ และกับอาบียาธาร์ปุโรหิต พวกเขาจึงปฏิบัติตามอาโดนียาห์ และช่วยเหลือเขา 8 แต่ศาโดกปุโรหิต[a] เบไนยาห์บุตรของเยโฮยาดา[b] นาธานผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้า[c] ชิเมอี เรอี และเหล่าทหารกล้าของดาวิดไม่ได้เป็นฝ่ายอาโดนียาห์
9 อาโดนียาห์ถวายแกะ โค และสัตว์อ้วนพีเป็นเครื่องสักการะที่ข้างๆ หินงู ซึ่งอยู่ติดกับเอนโรเกล เขาเชิญพี่น้องผู้ชาย บรรดาบุตรของกษัตริย์ และข้าราชสำนักของยูดาห์ทั้งปวงมา 10 แต่เขาไม่ได้เชิญทั้งนาธานผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้า หรือเบไนยาห์ หรือเหล่าทหารกล้า และซาโลมอนน้องชายของเขา
นาธานและบัทเช-บาเข้าเฝ้าดาวิด
11 ครั้นแล้วนาธานพูดกับบัทเช-บามารดาของซาโลมอนว่า “ท่านไม่ทราบหรือว่าอาโดนียาห์บุตรของนางฮักกีทได้ตั้งตนเป็นกษัตริย์ และดาวิดเจ้านายของเราไม่ทราบเรื่องนี้ 12 ฉะนั้น กรุณามาเถิด ข้าพเจ้าขอแนะนำท่าน เพื่อท่านจะได้รักษาชีวิตของตัวเองและชีวิตของซาโลมอนบุตรของท่านให้รอด 13 จงไปเข้าเฝ้ากษัตริย์ดาวิดทันที และถามว่า ‘เจ้านายผู้เป็นกษัตริย์ไม่ได้สัญญากับผู้รับใช้ของท่านดังนี้หรือว่า “ซาโลมอนบุตรของเจ้าจะครองราชย์ต่อจากเรา และเขาจะนั่งบนบัลลังก์ของเรา” แล้วเหตุใดอาโดนียาห์จึงได้เป็นกษัตริย์เล่า’ 14 และขณะที่ท่านกำลังพูดกับกษัตริย์ ข้าพเจ้าจะตามหลังท่านเข้ามา เพื่อสนับสนุนสิ่งที่ท่านพูด”
15 ดังนั้นบัทเช-บาจึงไปเข้าเฝ้ากษัตริย์ที่ห้องส่วนตัว (ในเวลานั้นกษัตริย์ชรามากแล้ว และอาบีชากชาวชูเนมกำลังปรนนิบัติกษัตริย์อยู่) 16 บัทเช-บาก้มแสดงความเคารพต่อกษัตริย์ และกษัตริย์กล่าวว่า “เจ้าต้องการสิ่งใด” 17 นางพูดว่า “เจ้านายของข้าพเจ้า ท่านสัญญากับผู้รับใช้ของท่านในพระนามของพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านดังนี้ว่า ‘ซาโลมอนบุตรของเจ้าจะครองราชย์ต่อจากเรา และเขาจะนั่งบนบัลลังก์ของเรา’ 18 แต่มาบัดนี้ ดูเถิด อาโดนียาห์ได้เป็นกษัตริย์ แม้กระทั่งเจ้านายผู้เป็นกษัตริย์ก็ไม่ทราบเรื่องนี้ 19 เขาได้ถวายโค สัตว์อ้วนพี และแกะมากมาย และได้เชิญบรรดาบุตรของกษัตริย์ทุกคน อาบียาธาร์ปุโรหิต และโยอาบผู้บังคับกองพันทหาร แต่เขาไม่ได้เชิญซาโลมอนผู้รับใช้ของท่าน 20 และบัดนี้เจ้านายผู้เป็นกษัตริย์ ชาวอิสราเอลทั้งปวงกำลังมองท่านอยู่ เพื่อให้บอกพวกเขาว่า ใครเป็นคนต่อไปหลังจากท่าน ที่จะนั่งบนบัลลังก์ของเจ้านายผู้เป็นกษัตริย์ 21 มิฉะนั้นสิ่งที่จะเกิดขึ้นก็คือ เมื่อเจ้านายผู้เป็นกษัตริย์สิ้นชีวิตและถูกนำไปวางรวมกับบรรพบุรุษของท่านแล้ว ข้าพเจ้ากับซาโลมอนบุตรของข้าพเจ้าก็จะกลายเป็นฝ่ายกบฏ”
22 ขณะที่นางกำลังพูดกับกษัตริย์ นาธานผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าก็เข้ามา 23 มีคนแจ้งกษัตริย์ว่า “นาธานผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าอยู่ที่นี่แล้ว” เมื่อนาธานเข้ามาอยู่ ณ เบื้องหน้ากษัตริย์ ท่านก้มหน้าลงซบพื้น 24 นาธานพูดว่า “เจ้านายผู้เป็นกษัตริย์ ท่านเคยกล่าวไว้หรือว่า ‘อาโดนียาห์จะครองราชย์ต่อจากเรา และเขาจะนั่งบนบัลลังก์ของเรา’ 25 เพราะวันนี้เขาได้ลงไปถวายโค สัตว์อ้วนพี และแกะจำนวนมากเป็นเครื่องสักการะ และได้เชิญบรรดาบุตรของกษัตริย์ทุกคน ผู้บัญชากองทัพทั้งหลาย และอาบียาธาร์ปุโรหิต และดูเถิด พวกเขากำลังดื่มกินอยู่เบื้องหน้าอาโดนียาห์ และพูดกันว่า ‘ขอกษัตริย์อาโดนียาห์มีอายุยืนนาน’ 26 แต่เขาไม่ได้เชิญข้าพเจ้าผู้รับใช้ของท่าน ศาโดกปุโรหิต เบไนยาห์บุตรของเยโฮยาดา และซาโลมอนผู้รับใช้ของท่าน 27 เจ้านายผู้เป็นกษัตริย์ได้จัดการเรื่องดังกล่าว โดยท่านยังไม่ได้บอกให้บรรดาผู้รับใช้ของท่านให้รู้หรือว่า ใครควรจะนั่งบนบัลลังก์ของเจ้านายผู้เป็นกษัตริย์เป็นคนต่อไป”
ซาโลมอนได้รับเจิมให้เป็นกษัตริย์
28 ครั้นแล้วกษัตริย์ดาวิดจึงตอบว่า “จงเรียกบัทเช-บาให้มาหาเรา” นางจึงเข้ามาเฝ้ากษัตริย์ และยืน ณ เบื้องหน้าท่าน 29 จากนั้นกษัตริย์ก็สาบานว่า “พระผู้เป็นเจ้าช่วยให้เราได้มีชีวิตพ้นจากศัตรูทุกคน ฉะนั้น ตราบที่พระองค์มีชีวิตอยู่ฉันใด 30 เราขอสาบานกับเจ้าด้วยพระนามของพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของอิสราเอลว่า ‘ซาโลมอนบุตรของเจ้าจะครองราชย์ต่อจากเรา และเขาจะนั่งบนบัลลังก์ของเราแทนที่เรา’ ในวันนี้เราจะกระทำตามคำกล่าวที่ว่านั้น” 31 และบัทเช-บาก็ก้มลงหน้าซบพื้นแสดงความเคารพต่อกษัตริย์ และพูดว่า “ขอให้กษัตริย์ดาวิดเจ้านายของข้าพเจ้ามีชีวิตยิ่งยืนนานเถิด”
32 กษัตริย์ดาวิดกล่าวว่า “เรียกศาโดกปุโรหิต นาธานผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้า และเบไนยาห์บุตรของเยโฮยาดาให้มาหาเรา” เขาเหล่านั้นจึงมาเข้าเฝ้ากษัตริย์ 33 และกษัตริย์กล่าวกับพวกเขาว่า “จงเอาบรรดาผู้รับใช้ของเจ้านายของพวกท่านไป และให้ซาโลมอนบุตรของเราขึ้นขี่ล่อของเรา และนำเขาลงไปยังบ่อน้ำพุกีโฮน 34 และให้ศาโดกปุโรหิตกับนาธานผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าเจิมเขา ให้เป็นกษัตริย์แห่งอิสราเอลที่นั่น แล้วเป่าแตรงอน[d]พร้อมกับประกาศว่า ‘ขอกษัตริย์ซาโลมอนมีอายุยืนนาน’ 35 และพวกท่านจงตามหลังเขาขึ้นมา และให้เขามานั่งบนบัลลังก์ของเรา เพราะว่าเขาจะเป็นกษัตริย์แทนเรา เราได้แต่งตั้งเขาให้เป็นผู้ปกครองอิสราเอลและยูดาห์” 36 และเบไนยาห์บุตรของเยโฮยาดาตอบกษัตริย์ว่า “อาเมน ขอให้พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเจ้านายผู้เป็นกษัตริย์กล่าวเช่นนั้นด้วยเถิด 37 ตราบที่พระผู้เป็นเจ้าได้สถิตกับเจ้านายผู้เป็นกษัตริย์เช่นไร ขอให้พระองค์สถิตกับซาโลมอนเช่นนั้น และโปรดให้บัลลังก์ของซาโลมอนยิ่งใหญ่กว่าของกษัตริย์ดาวิดเจ้านายของข้าพเจ้าเถิด”
38 ดังนั้น ศาโดกปุโรหิต นาธานผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้า เบไนยาห์บุตรของเยโฮยาดา ชาวเคเรธ และชาวเปเลท ต่างก็ลงไปจัดให้ซาโลมอนขึ้นขี่ล่อของกษัตริย์ดาวิด และนำท่านไปยังบ่อน้ำพุกีโฮน 39 และศาโดกปุโรหิตเอาเขาสัตว์บรรจุน้ำมันจากกระโจมมาเจิมซาโลมอน แล้วพวกเขาก็เป่าแตรงอน ประชาชนก็ร้องตะโกนเสียงดังว่า “ขอกษัตริย์ซาโลมอนมีอายุยืนนาน” 40 และประชาชนทั้งปวงก็ตามท่านขึ้นไป พลางเป่าขลุ่ย และชื่นชมยินดียิ่งนัก เสียงดังสนั่นจนพื้นดินสั่นสะเทือน
41 ขณะที่เขาเหล่านั้นกำลังจะสิ้นสุดงานเลี้ยงฉลอง อาโดนียาห์และบรรดาผู้รับเชิญทั้งปวงที่อยู่ด้วยก็ได้ยินเสียง และเมื่อโยอาบได้ยินเสียงแตรงอน เขาพูดว่า “เสียงอึกทึกในเมืองเช่นนี้หมายความว่าอย่างไรกัน” 42 ในขณะที่เขากำลังพูดอยู่ ดูเถิด โยนาธานบุตรของอาบียาธาร์ปุโรหิตก็มา อาโดนียาห์พูดว่า “เข้ามาสิ เพราะว่าท่านเป็นคนดี คงจะนำข่าวดีมา” 43 โยนาธานตอบอาโดนียาห์ว่า “ไม่ใช่เช่นนั้น ด้วยว่ากษัตริย์ดาวิดเจ้านายของพวกเราได้แต่งตั้งซาโลมอนให้เป็นกษัตริย์แล้ว 44 และกษัตริย์ได้ให้ศาโดกปุโรหิต นาธานผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้า เบไนยาห์บุตรของเยโฮยาดา พวกชาวเคเรธ และชาวเปเลทไปกับท่าน และพวกเขาได้ให้ท่านขี่ล่อของกษัตริย์ 45 ศาโดกปุโรหิตและนาธานผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าได้เจิมท่านให้เป็นกษัตริย์ที่บ่อน้ำพุกีโฮน และทุกคนก็ได้ขึ้นไปจากที่นั่นด้วยความชื่นชมยินดี จนทั้งเมืองเกิดเสียงอึกทึก ซึ่งเป็นเสียงที่ท่านได้ยิน 46 ซาโลมอนก็นั่งบนราชบัลลังก์ 47 ยิ่งกว่านั้น บรรดาผู้รับใช้ของกษัตริย์ได้มาแสดงความยินดีกับกษัตริย์ดาวิดเจ้านายของพวกเราว่า ‘ขอพระเจ้าของท่านโปรดให้นามของซาโลมอนเป็นที่โด่งดังยิ่งกว่านามของท่าน และโปรดให้บัลลังก์ของซาโลมอนยิ่งใหญ่กว่าของท่าน’ และกษัตริย์ก็ก้มตัวลงกราบที่เตียงนอน 48 และกษัตริย์ยังกล่าวอีกว่า ‘ขอพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของอิสราเอลได้รับพระพรเถิด พระองค์ได้มอบให้ผู้หนึ่งนั่งบนบัลลังก์ของเราในวันนี้ และเราก็เห็นด้วยตาของเราเอง’”
49 ครั้นแล้วบรรดาผู้รับเชิญของอาโดนียาห์ก็ตัวสั่นเทาและลุกขึ้น ต่างก็กลับไปตามทางของตน 50 อาโดนียาห์เกรงกลัวซาโลมอน เขาจึงลุกขึ้น และไปจับที่เชิงงอนของแท่นบูชา 51 และมีคนรายงานแก่กษัตริย์ซาโลมอนว่า “ดูเถิด เขาจับที่เชิงงอนที่แท่นบูชา พูดว่า ‘ให้กษัตริย์ซาโลมอนสาบานกับเราก่อนว่า ท่านจะไม่ใช้ดาบสังหารผู้รับใช้ของท่าน’” 52 ซาโลมอนกล่าวว่า “ถ้าเขาแสดงให้เห็นว่าเขาเป็นคนดี ผมบนศีรษะของเขาก็จะไม่ร่วงถึงพื้นดิน แต่ถ้าพบว่าเขามีความชั่วร้าย เขาก็จะต้องตาย” 53 กษัตริย์ซาโลมอนให้คนไปนำตัวเขาลงมาจากแท่นบูชา เขาจึงลงมาแสดงความเคารพต่อกษัตริย์ซาโลมอน และซาโลมอนพูดกับเขาว่า “กลับไปบ้านของพี่เถิด”
ดาวิดสั่งการกับซาโลมอน
2 เมื่อใกล้เวลาที่ดาวิดจะสิ้นชีวิต ท่านสั่งซาโลมอนบุตรของท่านว่า 2 “พ่อกำลังจะไปยังที่ที่วันหนึ่งทุกคนต้องไป เจ้าจงเข้มแข็งและแสดงความเป็นลูกผู้ชายให้ประจักษ์แจ้ง 3 และปฏิบัติตามข้อกำหนดของพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเจ้า ดำเนินตามวิถีทางของพระองค์ และรักษากฎเกณฑ์ของพระองค์ พระบัญญัติ คำบัญชา และคำสั่งของพระองค์ ตามที่มีบันทึกไว้ในกฎบัญญัติของโมเสส เจ้าจะได้เจริญในทุกสิ่งที่เจ้าทำและในทุกแห่งที่เจ้าไป 4 เพื่อพระผู้เป็นเจ้าจะได้ทำตามพระสัญญาที่พระองค์ได้กล่าวถึงเราว่า ‘ถ้าหากว่าบรรดาบุตรของเจ้าตั้งใจให้มั่นในวิถีทางของพวกเขา ว่าจะดำเนินชีวิตด้วยความสัตย์ ณ เบื้องหน้าเราอย่างสุดดวงใจ และสุดดวงจิต แล้วอิสราเอลก็จะไม่มีวันไร้ชายที่จะครองบัลลังก์’
5 ยิ่งกว่านั้น เจ้าก็รู้ด้วยว่า โยอาบบุตรของนางเศรุยาห์ได้กระทำสิ่งใดต่อเราบ้าง เขาได้กระทำการใดๆ ต่อผู้บัญชาทั้งสองของกองทัพของอิสราเอล เขาเป็นคนฆ่าอับเนอร์บุตรเนอร์[e] และอามาสาบุตรเยเธอร์[f] คือเขาลงมือแก้แค้นจนถึงขั้นเลือดตกในยามสันติ ราวกับว่าเป็นการกระทำในยามสงคราม เข็มขัดที่เขาคาดรอบเอว และรองเท้าที่เขาสวมมีเลือดติดอยู่ด้วย 6 กระทำตามสติปัญญาที่เจ้ามี แต่อย่าปล่อยให้ศีรษะหงอกของเขาลงไปสู่แดนคนตายอย่างสันติ 7 แต่จงแสดงความกรุณาต่อบรรดาบุตรของบาร์ซิลลัยแห่งกิเลอาด และให้พวกเขาร่วมรับประทานกับคนอื่นๆ ที่โต๊ะของเจ้า เมื่อยามที่พ่อหนีอับซาโลมพี่ชายของเจ้า เขาเหล่านั้นยืนอยู่เคียงข้างพ่อ[g] 8 และจงจำไว้ว่า ชิเมอีบุตรของเก-ราชาวเบนยามินจากบาฮูริมได้สาปแช่งพ่อในวันที่พ่อไปที่มาหะนาอิม เมื่อเขาลงมาพบกับพ่อที่แม่น้ำจอร์แดน พ่อได้สัญญากับเขาในพระนามของพระผู้เป็นเจ้าว่า ‘เราจะไม่ฆ่าฟันเจ้าให้ตาย’[h] 9 แต่มาบัดนี้ อย่าถือว่าเขาไม่มีความผิด เจ้าเป็นคนที่มีสติปัญญา เจ้าจะรู้เองว่าควรกระทำอย่างไรต่อเขา จงทำให้ศีรษะหงอกของเขาจมในกองเลือดที่หลุมฝังศพของเขา”
ดาวิดสิ้นชีวิต
10 จากนั้นดาวิดก็สิ้นชีวิตและถูกนำไปวางรวมกับบรรพบุรุษของท่าน ศพถูกบรรจุไว้ในเมืองของดาวิด 11 ท่านปกครองอิสราเอลเป็นเวลา 40 ปี คือ 7 ปีในเฮโบรน และ 33 ปีในเยรูซาเล็ม 12 ดังนั้นซาโลมอนครองบัลลังก์แทนดาวิดบิดาของท่าน และอาณาจักรของท่านได้รับการสถาปนาอย่างมั่นคง
การสถาปนาของซาโลมอน
13 ฝ่ายอาโดนียาห์บุตรของฮักกีทก็ไปเข้าเฝ้าบัทเช-บามารดาของซาโลมอน บัทเช-บาถามเขาว่า “เจ้ามาอย่างสันติหรือ” เขาตอบว่า “ใช่ มาอย่างสันติ” 14 และพูดต่ออีกว่า “ข้าพเจ้ามีบางสิ่งจะบอกท่าน” นางตอบว่า “พูดต่อไปได้” 15 เขาพูดว่า “ท่านทราบแล้วว่า อาณาจักรเป็นของข้าพเจ้า ชาวอิสราเอลทั้งมวลนับว่าข้าพเจ้าเป็นกษัตริย์ของพวกเขา แต่บางสิ่งบางอย่างเปลี่ยนไป และอาณาจักรก็ได้ตกเป็นของน้องชายของข้าพเจ้า เพราะว่าพระผู้เป็นเจ้าให้เป็นไปตามนั้น 16 ข้าพเจ้าขอสิ่งหนึ่งจากท่าน ขออย่าได้ปฏิเสธข้าพเจ้าเลย” นางตอบว่า “เจ้าจะขออะไร” 17 เขาพูดต่อไปว่า “กรุณาขอจากกษัตริย์ซาโลมอน ท่านจะไม่ปฏิเสธคำขอจากท่าน คือขอยกอาบีชากชาวชูเนมให้เป็นภรรยาของข้าพเจ้าเถิด” 18 บัทเช-บาตอบว่า “เอาล่ะ เราจะช่วยพูดกับกษัตริย์ให้เจ้า”
19 เมื่อบัทเช-บาไปเข้าเฝ้ากษัตริย์ซาโลมอนเพื่อขอแทนอาโดนียาห์ กษัตริย์ยืนขึ้นต้อนรับนางแล้วก็โค้งคำนับ และนั่งลงบนบัลลังก์ ท่านให้คนนำที่นั่งมาให้มารดาของกษัตริย์ และนางก็นั่งทางด้านขวาของท่าน 20 นางพูดว่า “แม่มีคำขอเล็กน้อยจากลูกประการเดียว อย่าปฏิเสธแม่เลยนะ” กษัตริย์ตอบนางว่า “เชิญขอเถิด มารดาของข้าพเจ้า เพราะข้าพเจ้าจะไม่ปฏิเสธท่านหรอก” 21 นางพูดว่า “ยกอาบีชากชาวชูเนม ให้เป็นภรรยาของอาโดนียาห์พี่ชายของลูกเถิด” 22 กษัตริย์ซาโลมอนตอบมารดาของท่านว่า “แล้วทำไมท่านจึงขอให้ยกอาบีชากชาวชูเนมให้แก่อาโดนียาห์ ถ้าเช่นนั้นก็ขอให้ยกอาณาจักรให้เขาด้วยดีไหม ไหนๆ เขาก็เป็นพี่ชายของข้าพเจ้า ฝ่ายเขาก็มีอาบียาธาร์ปุโรหิต และโยอาบบุตรนางเศรุยาห์” 23 ครั้นแล้วกษัตริย์ซาโลมอนก็สาบานในพระนามของพระผู้เป็นเจ้าว่า “ถ้าคำขอนี้ไม่ทำให้อาโดนียาห์ต้องสิ้นชีวิต ก็ขอพระเจ้ากระทำต่อข้าพเจ้าเช่นกัน หรือมิฉะนั้นก็ยิ่งกว่าด้วยซ้ำ 24 พระผู้เป็นเจ้าได้แต่งตั้งข้าพเจ้าและโปรดให้นั่งบนบัลลังก์ของดาวิดบิดาของข้าพเจ้า พระองค์ได้สถาปนาพงศ์พันธุ์ให้แก่ข้าพเจ้าตามพระสัญญา ฉะนั้นตราบที่พระผู้เป็นเจ้ามีชีวิตอยู่ฉันใด อาโดนียาห์จะถูกประหารในวันนี้” 25 ดังนั้นกษัตริย์ซาโลมอนจึงสั่งเบไนยาห์บุตรเยโฮยาดาให้ไปประหารชีวิตอาโดนียาห์ และเขาก็สิ้นชีวิต
26 และกษัตริย์กล่าวกับอาบียาธาร์ปุโรหิตว่า “จงไปอยู่ที่อานาโธท กลับไปยังไร่นาของท่าน เพราะว่าท่านสมควรจะตาย แต่เราจะไม่ประหารท่านในเวลานี้ เป็นเพราะท่านหามหีบของพระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่[i]เดินนำหน้าดาวิดบิดาของเราไป และเป็นเพราะท่านได้ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับบิดาของเรา” 27 ดังนั้นซาโลมอนจึงปลดอาบียาธาร์จากตำแหน่งปุโรหิตของพระผู้เป็นเจ้า ซึ่งเป็นไปตามคำกล่าวของพระผู้เป็นเจ้าถึงเรื่องพงศ์พันธุ์ของเอลีที่ชิโลห์[j]
28 เมื่อเรื่องที่เกิดขึ้นทราบไปถึงโยอาบผู้สนับสนุนอาโดนียาห์ แต่ไม่ได้สนับสนุนอับซาโลม โยอาบจึงหนีไปยังกระโจมของพระผู้เป็นเจ้า และจับที่เชิงงอนที่แท่นบูชา 29 ครั้นมีคนรายงานกษัตริย์ซาโลมอนว่า “โยอาบได้หนีไปที่กระโจมของพระผู้เป็นเจ้า และดูเถิด เขาอยู่ที่ข้างแท่นบูชา” ซาโลมอนสั่งเบไนยาห์บุตรของเยโฮยาดาว่า “ท่านจงไปประหารเขาเสีย” 30 ดังนั้นเบไนยาห์จึงไปยังกระโจมของพระผู้เป็นเจ้า และบอกเขาว่า “กษัตริย์บัญชาว่า ‘จงออกมา’” แต่เขาพูดว่า “ไม่ไป เราจะตายที่นี่” เบไนยาห์จึงไปรายงานกษัตริย์อีกว่า “โยอาบพูดเช่นนี้ และเขาตอบข้าพเจ้าตามนี้” 31 กษัตริย์ตอบเขาว่า “จงทำตามที่เขาพูด สังหารและฝังเขาเสีย จะได้กำจัดความผิดเรื่องโลหิตที่โยอาบเป็นผู้ก่อโดยไร้สาเหตุไปเสียจากเราและจากตระกูลของเรา 32 พระผู้เป็นเจ้าจะสนองตอบการนองเลือดของเขา เพราะว่าเขาแอบทำร้ายและฆ่าชายสองคนด้วยคมดาบโดยที่ดาวิดบิดาของเราไม่ทราบ อับเนอร์บุตรของเนอร์ เป็นผู้บังคับกองพันทหารของอิสราเอล และอามาสาบุตรเยเธอร์ เป็นผู้บังคับกองพันทหารของยูดาห์ ชายทั้งสองมีความชอบธรรมมากกว่าและเป็นคนที่ดีกว่าโยอาบเสียอีก 33 ความผิดที่มีต่อโลหิตของเขาทั้งสองจึงจะตกอยู่ที่ศีรษะของโยอาบและบนศีรษะของบรรดาผู้สืบเชื้อสายของเขาไปตลอดกาล ส่วนดาวิดและบรรดาผู้สืบเชื้อสายของท่าน พงศ์พันธุ์และบัลลังก์ของท่าน จะได้รับสันติภาพจากพระผู้เป็นเจ้าชั่วนิรันดร์กาล” 34 ครั้นแล้วเบไนยาห์บุตรของเยโฮยาดาจึงขึ้นไปฆ่าโยอาบ และฝังเขาไว้ที่บ้านของเขาเองในถิ่นทุรกันดาร 35 กษัตริย์ให้เบไนยาห์บุตรของเยโฮยาดามีตำแหน่งควบคุมกองทัพแทนโยอาบ และกษัตริย์ให้ศาโดกปุโรหิตอยู่ในตำแหน่งแทนอาบียาธาร์
36 แล้วกษัตริย์ให้คนไปเรียกชิเมอีมา และกล่าวกับเขาว่า “เจ้าจงสร้างบ้านอยู่ในเมืองเยรูซาเล็ม จงอยู่แต่ที่นั่น และอย่าออกไปที่ไหนเลย 37 เพราะหากว่าวันใดที่เจ้าออกไปและข้ามธารน้ำขิดโรน เจ้าจงรู้ด้วยว่าเจ้าจะต้องตาย เจ้าต้องรับผิดชอบการตายของตนเอง” 38 ชิเมอีตอบกษัตริย์ว่า “สิ่งที่ท่านกล่าวนั้นดีแล้ว ผู้รับใช้ของท่านจะกระทำตามที่เจ้านายผู้เป็นกษัตริย์กำหนดไว้” ดังนั้นชิเมอีอาศัยอยู่ในเยรูซาเล็มเป็นเวลานาน
39 แต่หลังจาก 3 ปีผ่านไป ผู้รับใช้ของชิเมอี 2 คนหลบหนีไปหาอาคีชบุตรของมาอาคาห์กษัตริย์เมืองกัท และเมื่อมีคนแจ้งชิเมอีให้ทราบว่า “ดูเถิด ผู้รับใช้ของท่านอยู่ที่เมืองกัท” 40 ชิเมอีจึงลุกขึ้นผูกอานขี่ลาไปหาอาคีชที่เมืองกัท เพื่อตามหาผู้รับใช้ของเขา ชิเมอีไปเอาตัวผู้รับใช้ของเขามาจากเมืองกัท 41 ครั้นมีคนรายงานซาโลมอนว่า ชิเมอีได้ออกจากเยรูซาเล็มไปยังเมืองกัทและกลับมาแล้ว 42 กษัตริย์ให้คนไปเรียกชิเมอีมา และกล่าวกับเขาว่า “เราไม่ได้ให้เจ้าสาบานในพระนามของพระผู้เป็นเจ้า และเตือนเจ้าอย่างจริงจังหรือว่า ‘จงรู้ด้วยว่าในวันที่เจ้าออกไป ไม่ว่าจะไปไหนก็ตาม เจ้าจะต้องตาย’ และเจ้าบอกเราว่า ‘สิ่งที่ท่านกล่าวนั้นดีแล้ว ข้าพเจ้าจะเชื่อฟัง’ 43 แล้วทำไมเจ้าจึงไม่รักษาคำสาบานที่ให้กับพระผู้เป็นเจ้า และคำบัญชาที่เราสั่งเจ้าไว้เล่า” 44 กษัตริย์กล่าวกับชิเมอีอีกว่า “เจ้าก็รู้แก่ใจแล้วว่า ภัยอันตรายทั้งปวงที่เจ้าได้ก่อให้เกิดกับดาวิดบิดาของเรา พระผู้เป็นเจ้าจะสนองตอบเจ้าไปตามนั้น 45 แต่กษัตริย์ซาโลมอนจะได้รับพร และบัลลังก์ของดาวิดจะได้รับการสถาปนา ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้าไปตลอดกาล” 46 แล้วกษัตริย์ก็บัญชาเบไนยาห์บุตรของเยโฮยาดา และเขาก็ออกไปประหารชิเมอี เขาจึงเสียชีวิต
ดังนั้นอาณาจักรได้รับการสถาปนา อยู่ในการดูแลของซาโลมอน
Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation