Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

Beginning

Read the Bible from start to finish, from Genesis to Revelation.
Duration: 365 days
New Thai Version (NTV-BIBLE)
Version
2 ซามูเอล 19-21

โยอาบห้ามดาวิด

19 มีคนบอกโยอาบว่า “ดูเถิด กษัตริย์กำลังร้องไห้และร้องคร่ำครวญถึงอับซาโลม” ดังนั้นชัยชนะของวันนั้นกลายเป็นการร้องคร่ำครวญของทหารทั้งปวง เพราะเขาได้ยินในวันนั้นว่า “กษัตริย์กำลังเศร้าโศกถึงบุตรของท่าน” พวกทหารจึงแอบกลับเข้าไปในเมืองอย่างเงียบๆ ราวกับคนที่อับอายเมื่อหนีศึกและแอบกลับมา กษัตริย์ปิดหน้าและร้องส่งเสียงดังว่า “โอ อับซาโลมบุตรของเรา บุตรของเรา อับซาโลมเอ๋ย บุตรของเรา” โยอาบเข้าไปในที่พักของกษัตริย์ และพูดว่า “วันนี้ท่านทำให้ข้ารับใช้ของท่านทุกคนได้รับความอับอาย วันนี้พวกเขาช่วยชีวิตท่าน ชีวิตบุตรชายและบุตรหญิง ชีวิตภรรยาและภรรยาน้อยของท่าน เพราะว่าท่านรักผู้ที่เกลียดชังท่าน และเกลียดชังผู้ที่รักท่าน เพราะว่าวันนี้ท่านทำให้เห็นชัดแล้วว่า เหล่าผู้บังคับบัญชาและทหารรับใช้ไม่มีความหมายสำหรับท่าน เพราะในวันนี้ข้าพเจ้าทราบว่า ถ้าอับซาโลมยังมีชีวิตอยู่ และพวกเราทุกคนตายไปในวันนี้ ท่านก็จะพอใจ ฉะนั้นบัดนี้ โปรดลุกขึ้น ออกไปกล่าวให้กำลังใจพวกทหารรับใช้ของท่าน เพราะข้าพเจ้าสาบานในพระนามของพระผู้เป็นเจ้าว่า ถ้าท่านไม่ไป จะไม่มีชายสักคนเดียวที่จะอยู่กับท่านในคืนนี้ และเรื่องนี้จะทำให้ตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากยิ่งกว่าความวิบัติที่ท่านเคยพบ นับจากเวลาที่ท่านเป็นหนุ่มจนถึงบัดนี้” แล้วกษัตริย์ก็ลุกขึ้น และไปนั่งที่ประตูเมือง และบรรดาทหารทั้งปวงได้ยินว่า “ดูเถิด กษัตริย์กำลังนั่งอยู่ที่ประตูเมือง” พวกเขาจึงมาเข้าเฝ้ากษัตริย์

ดาวิดกลับไปยังเยรูซาเล็ม

ในขณะเดียวกันชายชาวอิสราเอลทุกคนก็หนีไปยังบ้านของตน ประชาชนต่างก็ถกเถียงกันว่า “กษัตริย์ดาวิดช่วยพวกเราให้พ้นจากมือของศัตรู และช่วยพวกเราให้พ้นจากมือของชาวฟีลิสเตีย และบัดนี้ท่านได้หนีอับซาโลม และออกไปจากแผ่นดิน 10 แต่อับซาโลมผู้ที่เราเจิมให้เป็นผู้นำพวกเรา ก็สิ้นชีวิตในสงคราม แล้วทำไมเวลานี้ พวกท่านจึงไม่พูดถึงเรื่องที่จะนำกษัตริย์กลับมาบ้างเลย”

11 กษัตริย์ดาวิดให้คนไปบอกศาโดกและอาบียาธาร์ปุโรหิตว่า “จงถามบรรดาหัวหน้าชั้นผู้ใหญ่ของยูดาห์ว่า ‘ทำไมท่านจึงเป็นคนสุดท้ายที่จะเชิญกษัตริย์กลับวังของท่าน เมื่อคำพูดของชาวอิสราเอลทั้งปวงได้มาถึงกษัตริย์แล้ว 12 ท่านเป็นพี่น้องร่วมชาติของเรา เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขเดียวกับเรา แล้วทำไมท่านจึงเป็นคนสุดท้ายที่จะเชิญกษัตริย์กลับมา’ 13 และจงบอกอามาสาว่า ‘ท่านไม่ได้เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเราหรือ ขอให้พระเจ้ากระทำต่อเราเช่นนั้น หรือมากกว่านั้น ถ้าหากว่าท่านไม่ได้เป็นผู้บังคับกองพันทหารของเราแทนโยอาบตั้งแต่นี้ไป’” 14 และท่านได้ชนะใจชาวยูดาห์อย่างพร้อมเพรียง พวกเขาจึงไปเรียนกษัตริย์ว่า “ขอเชิญท่านและทหารรับใช้ทั้งปวงของท่านกลับมา” 15 ดังนั้นกษัตริย์จึงกลับมายังแม่น้ำจอร์แดน และชาวยูดาห์ก็ได้มาที่เมืองกิลกาลเพื่อต้อนรับกษัตริย์และเชิญท่านข้ามแม่น้ำจอร์แดน

ดาวิดให้อภัยศัตรู

16 ฝ่ายชิเมอีบุตรของเก-ราชาวเบนยามินจากบาฮูริม ก็รีบลงมากับพวกผู้ชายชาวยูดาห์ เพื่อพบกับกษัตริย์ดาวิด 17 พวกที่มาด้วยก็มีชายชาวเบนยามิน 1,000 คน และศิบาผู้รับใช้จากพงศ์พันธุ์ของซาอูลก็มาพร้อมกับบุตรชาย 15 คน และผู้รับใช้ 20 คน ต่างก็รีบลงมายังแม่น้ำจอร์แดนเพื่อมาหากษัตริย์ 18 พวกเขาได้ข้ามเขตลำน้ำที่ลุยข้ามได้ และพาทั้งครัวเรือนของกษัตริย์ข้ามมาเพื่อเป็นที่พอใจของท่าน และชิเมอีบุตรของเก-ราก้มตัวลง ณ เบื้องหน้ากษัตริย์ ขณะที่ท่านกำลังจะข้ามแม่น้ำจอร์แดน 19 และพูดกับกษัตริย์ว่า “ขอเจ้านายของข้าพเจ้าอย่าถือโทษข้าพเจ้า หรือจดจำสิ่งที่ข้ารับใช้กระทำผิดในวันที่เจ้านายผู้เป็นกษัตริย์ต้องจากเยรูซาเล็มไป ขอกษัตริย์อย่านึกถึงเรื่องนั้นอีก[a] 20 เพราะว่าข้าพเจ้าผู้รับใช้ของท่านทราบว่า ข้าพเจ้าได้กระทำบาปแล้ว ฉะนั้น ดูเถิด ในวันนี้ข้าพเจ้าเป็นคนแรกของพงศ์พันธุ์โยเซฟที่ลงมาพบเจ้านายผู้เป็นกษัตริย์” 21 อาบีชัยบุตรของนางเศรุยาห์ตอบว่า “สมควรมิใช่หรือที่ชิเมอีจะถูกสังหารที่กระทำเช่นนี้ เพราะว่าเขาสาปแช่งผู้ที่พระผู้เป็นเจ้าเจิม” 22 แต่ดาวิดตอบว่า “ไม่ใช่เรื่องของพวกท่านทั้งสอง บุตรของเศรุยาห์เอ๋ย ที่ท่านควรจะเป็นปฏิปักษ์กับเราในวันนี้ มีใครที่ควรจะถูกสังหารในอิสราเอลวันนี้หรือ เราไม่รู้หรือว่าวันนี้เราเป็นกษัตริย์ปกครองอิสราเอล” 23 และกษัตริย์กล่าวกับชิเมอีว่า “เจ้าจะไม่ตาย” กษัตริย์ได้ให้คำสัญญาแก่เขา

24 เมฟีโบเชทบุตรของซาอูลก็ลงมาพบกษัตริย์ ท่านไม่ได้ดูแลรักษาเท้า หรือขลิบเครา หรือซักเสื้อผ้า นับตั้งแต่กษัตริย์จากไปจนถึงวันที่ท่านกลับมาด้วยความปลอดภัย 25 เมื่อเมฟีโบเชทมายังเยรูซาเล็มเพื่อต้อนรับกษัตริย์ กษัตริย์ถามว่า “เมฟีโบเชท ทำไมท่านจึงไม่ได้ไปกับเรา” 26 ท่านตอบว่า “โอ เจ้านายผู้เป็นกษัตริย์ ในเมื่อข้าพเจ้าผู้รับใช้ของท่านเป็นง่อย ข้าพเจ้าสั่งว่า ‘เราจะให้จัดการผูกอานลา เพื่อจะขี่ไปกับกษัตริย์’ แต่ศิบาผู้รับใช้ของข้าพเจ้ากลับทรยศข้าพเจ้า 27 เขาได้ว่าร้ายข้าพเจ้าต่อเจ้านายผู้เป็นกษัตริย์ แต่ว่าเจ้านายผู้เป็นกษัตริย์เป็นดั่งทูตสวรรค์ของพระเจ้า ฉะนั้นขอให้ท่านกระทำตามที่เห็นสมควรเถิด 28 เพราะว่าพงศ์พันธุ์ของบิดาข้าพเจ้ามีแต่คนที่สมควรจะตาย ณ เบื้องหน้าเจ้านายผู้เป็นกษัตริย์ แต่ท่านให้ข้าพเจ้าข้ารับใช้ของท่านนั่งร่วมโต๊ะรับประทานกับท่านด้วย ข้าพเจ้าจะมีสิทธิ์เรียกร้องสิ่งใดจากกษัตริย์เกินกว่านี้ได้เล่า” 29 กษัตริย์กล่าวว่า “พูดถึงเรื่องของท่านอีกทำไม เราได้ตัดสินใจแล้วว่า ท่านและศิบาจะแบ่งที่ดินกัน”[b] 30 เมฟีโบเชทพูดกับกษัตริย์ว่า “โอ ให้เขารับไปหมดเถิด ในเมื่อเจ้านายผู้เป็นกษัตริย์ได้กลับมาบ้านด้วยความปลอดภัยแล้ว”

31 ฝ่ายบาร์ซิลลัยชาวกิเลอาดได้ลงมาจากโรเกลิม และได้ข้ามแม่น้ำจอร์แดนไปกับกษัตริย์ เพื่อส่งท่านให้เดินทางต่อไปจากที่นั่น 32 บาร์ซิลลัยเป็นคนชรา มีอายุ 80 ปี ท่านจัดหาอาหารให้กษัตริย์ขณะที่ท่านพักอยู่ที่มาหะนาอิม เพราะเป็นคนมั่งมีมาก 33 กษัตริย์กล่าวกับบาร์ซิลลัยว่า “มากับเราเถิด แล้วเราจะดูแลท่านในเยรูซาเล็ม” 34 แต่บาร์ซิลลัยเรียนกษัตริย์ว่า “ข้าพเจ้ายังจะมีชีวิตอยู่อีกกี่ปี ที่ข้าพเจ้าควรขึ้นไปยังเยรูซาเล็มกับกษัตริย์ 35 เวลานี้ข้าพเจ้ามีอายุ 80 ปี ข้าพเจ้าจะทราบได้หรือว่าอะไรคือความสำราญ และอะไรไม่ใช่ ข้าพเจ้าจะลิ้มรสสิ่งที่รับประทานและดื่มได้หรือ ข้าพเจ้ายังจะฟังเสียงร้องเพลงของชายและหญิงได้หรือ แล้วทำไมข้าพเจ้าควรจะเป็นภาระเพิ่มแก่เจ้านายผู้เป็นกษัตริย์ 36 ข้าพเจ้าจะข้ามแม่น้ำไปกับกษัตริย์เพียงระยะสั้นๆ ไฉนกษัตริย์จึงทดแทนข้าพเจ้าด้วยรางวัลเช่นนี้ 37 โปรดให้ข้าพเจ้ากลับไปเถิด ให้ข้าพเจ้าตายในเมืองข้าพเจ้าเอง ใกล้ๆ กับที่ฝังศพบิดาและมารดาข้าพเจ้า นี่ก็คิมฮามให้เป็นผู้รับใช้ของท่าน ให้เขาข้ามไปกับเจ้านายผู้เป็นกษัตริย์เถิด และท่านจะให้เขารับใช้สิ่งใดก็ตามที่ท่านเห็นสมควร” 38 กษัตริย์ตอบว่า “คิมฮามจะข้ามไปกับเรา และเราจะให้เขารับใช้ตามที่ท่านเห็นสมควร และทุกสิ่งที่ท่านต้องการ เราก็จะกระทำเพื่อท่าน” 39 ครั้นแล้วพรรคพวกของดาวิดก็ข้ามแม่น้ำจอร์แดน และกษัตริย์ข้ามไป ท่านจูบแก้มบาร์ซิลลัยและให้พร และบาร์ซิลลัยจึงกลับไปบ้านของท่าน 40 กษัตริย์เดินทางต่อไปยังกิลกาล คิมฮามก็ตามท่านไปด้วย ทหารของยูดาห์ทั้งหมดและทหารจำนวนครึ่งหนึ่งของอิสราเอลด้วยที่นำกษัตริย์เดินทางต่อไป

41 และทหารอิสราเอลทุกคนก็มาหากษัตริย์และพูดกับท่านว่า “เหตุใดพี่น้องร่วมชาติของพวกเราจากยูดาห์ได้ลักพากษัตริย์ไป และนำท่านกับครัวเรือนของท่านข้ามแม่น้ำจอร์แดน และพรรคพวกของท่านก็มาด้วย” 42 ชาวยูดาห์ตอบชาวอิสราเอลว่า “เพราะว่ากษัตริย์เป็นญาติสนิทของพวกเรา ทำไมท่านจึงโกรธเรื่องนี้ด้วย พวกเราให้กษัตริย์เสียค่าใช้จ่ายเรื่องอาหารการกินหรือ และกษัตริย์ท่านประทานสิ่งใดให้พวกเราหรือ” 43 ชาวอิสราเอลตอบชาวยูดาห์ว่า “พวกเรามีสิทธิ์ในกษัตริย์มากกว่าพวกท่านถึง 10 เท่า และในดาวิดมากยิ่งกว่าพวกท่านด้วย แล้วทำไมท่านจึงดูหมิ่นเรา เราเป็นพวกแรกที่พูดถึงการนำกษัตริย์ของเรากลับมามิใช่หรือ” แต่คำพูดของชาวยูดาห์รุนแรงยิ่งกว่าคำพูดของชาวอิสราเอล

การกบฏของเชบะ

20 บังเอิญที่นั่นมีคนพาลชื่อ เชบะ บุตรของบิครีชาวเบนยามิน เขาเป่าแตรงอนและพูดว่า

“พวกเราไม่มีสิทธิ์ในดาวิด
    และพวกเราไม่มีมรดกในบุตรของเจสซี
โอ อิสราเอลเอ๋ย กลับไปบ้านของตนเถิด”

ดังนั้นชาวอิสราเอลทั้งปวงจึงถอนตัวจากดาวิดไปติดตามเชบะบุตรของบิครี แต่ชาวยูดาห์ติดตามกษัตริย์ของพวกเขาอย่างใกล้ชิด ตั้งแต่แม่น้ำจอร์แดนถึงเยรูซาเล็ม

ดาวิดมายังวังของท่านที่เยรูซาเล็ม และให้พาภรรยาน้อย 10 คนที่ท่านได้ปล่อยไว้ให้ดูแลวังมากักอยู่ในบ้านหลังหนึ่ง และท่านยังเลี้ยงดูพวกนาง แต่ไม่มีเพศสัมพันธ์กับนางอีก ดังนั้น พวกนางจึงถูกกักบริเวณไว้ในฐานะแม่ม่ายจนวันสิ้นชีวิต[c]

กษัตริย์กล่าวกับอามาสาว่า “จงบอกชาวยูดาห์ให้มาประชุมกับเราภายใน 3 วัน และท่านจงมาที่นี่ด้วย” ดังนั้นอามาสาจึงไปบอกชาวยูดาห์ แต่เขาล่าช้าเกินกำหนดเวลาที่ให้ไว้ ดาวิดกล่าวกับอาบีชัยว่า “บัดนี้เชบะบุตรของบิครีจะเป็นภัยต่อเราเสียยิ่งกว่าอับซาโลม จงใช้ทหารรับใช้ของเจ้านายของเจ้าให้ไปตามล่าเขา มิฉะนั้นเขาจะหลบหนีเรา ไปอยู่ในเมืองที่มีการคุ้มกันอย่างแข็งแกร่งได้” ดังนั้นทหารจากทัพของโยอาบ ชาวเคเรธ ชาวเปเลท และนักรบผู้เก่งกล้าทั้งหมดจึงตามเขาไป เขาทั้งปวงไปจากเยรูซาเล็มเพื่อตามล่าเชบะบุตรของบิครี เมื่อมาถึงหินก้อนใหญ่ที่อยู่ในเมืองกิเบโอน อามาสามาพบพวกเขา ฝ่ายโยอาบสวมชุดทหาร มีเข็มขัดคาดดาบอยู่ในฝักห้อยที่ต้นขา และเมื่อเขาเดินก้าวไป ดาบก็หลุดออกจากฝัก โยอาบถามอามาสาว่า “พี่ชายสบายดีหรือ” และโยอาบเอามือขวาจับเคราอามาสา เพื่อจูบแก้มเขา 10 แต่อามาสาไม่ได้สังเกตเห็นดาบที่อยู่ในมือโยอาบ ดังนั้นโยอาบจึงใช้ดาบแทงท้องของอามาสา และไส้ทะลักลงดินโดยไม่ต้องแทงครั้งที่สอง และเขาก็ตาย

แล้วโยอาบกับอาบีชัยน้องชายก็ตามล่าเชบะบุตรของบิครี 11 ชายหนุ่มคนหนึ่งในพรรคพวกของโยอาบยืนอยู่ข้างอามาสา และพูดว่า “ใครก็ตามที่เห็นชอบกับโยอาบ และใครก็ตามที่อยู่ฝ่ายดาวิด ให้เขาติดตามโยอาบไป” 12 และร่างของอามาสาจมอยู่ในกองเลือดของตนที่ถนน ทหารคนหนึ่งสังเกตเห็นว่าคนที่เดินผ่านมาเห็นร่างเขา ก็จะหยุดดู เขาจึงลากศพจากถนนไปไว้ในทุ่งนา และใช้ผ้าปิดร่างเขา 13 เมื่อศพเขาถูกลากไปจากถนนแล้ว ทหารทุกคนที่นั่นจึงติดตามโยอาบ เพื่อไปตามล่าเชบะบุตรของบิครี

14 และเชบะผ่านทุกเผ่าของอิสราเอลไปจนถึงเมืองอาเบลเบธมาอาคาห์ และชาวเบรีอาห์ทุกคนมารวมกันและติดตามเขาเข้าไปในเมือง 15 ทหารทุกคนที่อยู่กับโยอาบมาถึงและล้อมเมืองอาเบลเบธมาอาคาห์ พวกเขาก่อเชิงเทินไปจนถึงเมือง เป็นเนินสูงชิดกับด้านนอกของป้อมปราการ ในขณะที่ทะลวงกำแพงให้ทลายลง 16 มีหญิงผู้เรืองปัญญาคนหนึ่งร้องตะโกนจากเมืองว่า “ฟังก่อน ฟังก่อน ช่วยบอกโยอาบว่า ‘มาที่นี่หน่อย เราอยากจะพูดกับท่าน’” 17 โยอาบเข้าไปใกล้นาง และหญิงคนนั้นถามว่า “ท่านคือโยอาบหรือ” เขาตอบว่า “ใช่แล้ว” และนางพูดกับเขาว่า “โปรดฟังคำของผู้รับใช้ของท่าน” เขาตอบว่า “เรากำลังฟังอยู่” 18 นางพูดว่า “ในสมัยก่อนผู้คนพูดกันว่า ‘ให้เขาไปเอาคำตอบที่อาเบล’ แล้วพวกเขาก็ตกลงกันได้ 19 เราเป็นคนหนึ่งที่รักสันติและความมั่นคงในอิสราเอล ท่านประสงค์ที่จะทำลายเมืองอันเป็นที่คารวะในอิสราเอล ทำไมท่านจึงจะทำร้ายสิ่งที่เป็นของพระผู้เป็นเจ้า 20 โยอาบตอบว่า “ไม่มีวัน ไม่มีวันที่เราจะทำร้ายหรือทำลาย 21 เรื่องนั้นไม่เป็นความจริง แต่ชายคนหนึ่งจากเทือกเขาของเอฟราอิม ชื่อเชบะบุตรบิครี ได้ลุกขึ้นต่อต้านกษัตริย์ดาวิด จงมอบตัวเขาเพียงคนเดียว และเราจะถอยทัพออกจากเมืองนี้” หญิงคนนั้นตอบโยอาบว่า “ดูเถิด ศีรษะของเขาจะถูกโยนข้ามกำแพงเมืองออกไปให้ท่าน” 22 แล้วหญิงคนนั้นก็ใช้สติปัญญาให้คำแนะนำแก่ประชาชนของเมือง และเขาทั้งหลายก็ตัดศีรษะของเชบะบุตรของบิครี และโยนออกไปให้โยอาบ ดังนั้นโยอาบจึงเป่าแตรงอน พวกทหารก็กระจัดกระจายออกไปจากเมือง ต่างคนต่างก็กลับไปยังบ้านของตน และโยอาบกลับไปหากษัตริย์ที่เยรูซาเล็ม

23 โยอาบเป็นผู้บังคับบัญชากองทัพทั้งหมดของอิสราเอล และเบไนยาห์บุตรของเยโฮยาดาเป็นผู้บังคับบัญชาของชาวเคเรธและชาวเปเลท 24 และอาโดรามควบคุมพวกที่ถูกเกณฑ์มาทำงานหนัก เยโฮชาฟัทบุตรของอาหิลูดเป็นผู้บันทึกสาสน์ 25 และเช-วาเป็นเลขา ศาโดกและอาบียาธาร์ปุโรหิต 26 และอิราชาวยาอีร์เป็นปุโรหิตของดาวิดด้วย

ดาวิดให้ชาวกิเบโอนได้แก้แค้น

21 ในสมัยของดาวิดมีเหตุการณ์ทุพภิกขภัยขึ้นเป็นเวลา 3 ปีติดๆ กัน ดาวิดแสวงหาพระผู้เป็นเจ้า และพระผู้เป็นเจ้ากล่าวว่า “ซาอูลและพงศ์พันธุ์ของเขามีบาปในการนองเลือด เพราะเขาสังหารพวกชาวกิเบโอน” ดังนั้นกษัตริย์จึงเรียกชาวกิเบโอนมาและพูดกับพวกเขา ชาวกิเบโอนไม่ใช่คนของอิสราเอล แต่เป็นชาวอาโมร์ที่เหลืออยู่ แม้ว่าชาวอิสราเอลได้สาบานไว้ชีวิตพวกเขา[d] แต่ซาอูลก็ยังพยายามฆ่าพวกเขา เพราะความรู้สึกอันแรงกล้าของท่านที่มีต่อชาวอิสราเอลและยูดาห์ ดาวิดพูดกับชาวกิเบโอนว่า “เราควรจะกระทำสิ่งใดเพื่อพวกท่านบ้าง และเราจะชดใช้อย่างไร ท่านจึงจะได้อวยพรผู้สืบทายาทของพระผู้เป็นเจ้า ชาวกิเบโอนพูดกับท่านว่า “เรื่องระหว่างพวกเราและซาอูลหรือพงศ์พันธุ์ของท่านไม่ใช่เรื่องเงินหรือทอง และไม่ใช่เรื่องของพวกเราที่จะสังหารผู้ใดในอิสราเอล” ท่านกล่าวว่า “ท่านคิดว่าเราควรจะกระทำอะไรเพื่อท่านบ้าง” พวกเขาตอบกษัตริย์ว่า “ซาอูลต้องการกำจัดพวกเรา และวางแผนจะฆ่าเรา เพื่อไม่ให้เรามีที่อยู่อาศัยไม่ว่าหนใดในอาณาเขตของอิสราเอล ขอให้ท่านมอบบุตร 7 คนของซาอูลแก่เรา พวกเราจะได้แขวนเขาต่อหน้าพระผู้เป็นเจ้าที่กิเบอาห์ของซาอูลผู้ที่พระผู้เป็นเจ้าเลือก” และกษัตริย์ตอบว่า “เราจะมอบพวกเขาให้แก่ท่าน”

แต่กษัตริย์ไว้ชีวิตเมฟีโบเชทบุตรของโยนาธาน คือหลานของซาอูล เพราะคำสาบานในพระนามของพระผู้เป็นเจ้าระหว่างดาวิดกับโยนาธานบุตรของซาอูล[e] กษัตริย์มอบอาร์โมนีกับเมฟีโบเชทบุตรชายทั้งสองของนางริสปาห์บุตรหญิงของอัยยาห์ ที่นางมีกับซาอูล ส่วนบุตรชายอีก 5 คนของนางเมราบบุตรหญิงของซาอูลที่นางมีกับอาดรีเอลบุตรชายของบาร์ซิลลัยชาวเมโฮลาห์ ท่านมอบตัวชายเหล่านี้ให้แก่ชาวกิเบโอน และพวกเขาก็แขวนชายทุกคนดังกล่าวต่อหน้าพระผู้เป็นเจ้า และทั้ง 7 คนสิ้นชีวิตด้วยกัน พวกเขาถูกประหารในระยะแรกของฤดูเก็บเกี่ยว คือตอนต้นฤดูเก็บเกี่ยวข้าวบาร์เลย์

10 แล้วริสปาห์บุตรหญิงของอัยยาห์เอาผ้ากระสอบไปแผ่ออกสำหรับตัวเองที่บนก้อนหิน ตั้งแต่ต้นฤดูเก็บเกี่ยวจนกระทั่งฝนจากท้องฟ้าตกบนชายเหล่านั้น ตอนกลางวันนางไม่ปล่อยให้นกในอากาศมาเกาะพวกเขา หรือสัตว์ป่าในทุ่งตอนกลางคืน 11 เมื่อดาวิดทราบว่าริสปาห์บุตรหญิงของอัยยาห์ คือภรรยาน้อยของซาอูลกระทำเช่นนั้น 12 ดาวิดจึงไปเอากระดูกของซาอูลและกระดูกของโยนาธานบุตรของซาอูล มาจากชายบางคนในเมืองยาเบชกิเลอาดที่ได้ขโมยมาจากลานสาธารณะของเบธชาน ซึ่งชาวฟีลิสเตียได้แขวนท่านทั้งสอง ในวันที่ชาวฟีลิสเตียประหารซาอูลบนเขากิลโบอา[f] 13 ดาวิดได้นำกระดูกของซาอูลและของโยนาธานบุตรของท่านมาจากที่นั่น และให้คนรวบรวมกระดูกของชายทั้งเจ็ดที่ถูกแขวน 14 และเขาทั้งหลายบรรจุกระดูกของซาอูลและโยนาธานบุตรของท่านในแผ่นดินของเบนยามินในเมืองเศ-ลา ในถ้ำเก็บศพของคีชบิดาของซาอูล และกระทำตามที่กษัตริย์บัญชาทุกประการ และหลังจากนั้น พระเจ้าก็ได้ตอบคำร้องขอของพวกเขาเพื่อแผ่นดิน

สงครามกับชาวฟีลิสเตีย

15 เกิดสงครามขึ้นอีกระหว่างชาวฟีลิสเตียและอิสราเอล ดาวิดจึงลงไปกับทหารรับใช้ของท่าน และสู้รบกับชาวฟีลิสเตีย ดาวิดรู้สึกอ่อนกำลัง 16 อิชบีเบโนบเป็นหนึ่งในบรรดาผู้สืบเชื้อสายมาจากมนุษย์ยักษ์ มีหอกทองสัมฤทธิ์หนัก 300 เชเขล และพกดาบใหม่เล่มหนึ่ง คิดจะสังหารดาวิด 17 แต่อาบีชัยบุตรของนางเศรุยาห์มาช่วยท่าน และต่อสู้กับชาวฟีลิสเตีย และฆ่ามนุษย์ยักษ์เสีย และพรรคพวกของดาวิดสาบานต่อท่านว่า “ท่านอย่าออกรบพร้อมกับพวกเราในสงครามอีกต่อไปเลย เกรงว่าราชวงศ์ของอิสราเอลจะดับสูญ”

18 หลังจากนั้น มีการสู้รบกับชาวฟีลิสเตียอีกที่หมู่บ้านโกบ สิบเบคัยชาวหุชาห์ฆ่าสัฟผู้เป็นหนึ่งในบรรดาผู้สืบเชื้อสายมาจากมนุษย์ยักษ์ 19 และมีการสู้รบกับชาวฟีลิสเตียที่หมู่บ้านโกบอีก เอลฮานันบุตรของยาอาเรโอเรกิมชาวเบธเลเฮมฆ่าโกลิอัทชาวกัท ผู้ถือด้ามหอกที่ใหญ่เหมือนไม้กระพั่นของคนทอผ้า 20 มีการสู้รบอีกที่เมืองกัท อันเป็นเมืองที่มีชายคนหนึ่งรูปร่างสูงใหญ่ แต่ละมือมี 6 นิ้ว แต่ละเท้ามี 6 นิ้ว รวมได้ 24 นิ้ว เขาสืบเชื้อสายมาจากพวกมนุษย์ยักษ์เช่นกัน 21 เมื่อเขาท้าทายอิสราเอล โยนาธานบุตรของชิเมอาห์พี่ชายของดาวิด ก็ฆ่าเขาเสีย 22 ทหารชาวฟีลิสเตียทั้งสี่นี้สืบเชื้อสายมาจากพวกมนุษย์ยักษ์ในเมืองกัท พวกเขาล้มตายด้วยมือของดาวิดและด้วยมือของพวกทหารรับใช้ของท่าน

New Thai Version (NTV-BIBLE)

Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation