Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

Beginning

Read the Bible from start to finish, from Genesis to Revelation.
Duration: 365 days
New Thai Version (NTV-BIBLE)
Version
ผู้วินิจฉัย 8-9

กิเดโอนโจมตีเศบาห์และศัลมุนนาพ่ายไป

ชายชาวเอฟราอิมพูดกับเขาว่า “ทำไมท่านจึงกระทำต่อพวกเราเช่นนี้ ท่านไม่บอกให้พวกเราทราบเวลาท่านไปต่อสู้กับชาวมีเดียน” แล้วพวกเขาตำหนิกิเดโอนอย่างรุนแรง เขากล่าวตอบว่า “เวลานี้เรากระทำสิ่งใดเมื่อเปรียบเทียบกับพวกท่าน ผลองุ่นที่ตกหล่นซึ่งชาวเอฟราอิมเก็บ ยังดีกว่าผลองุ่นซึ่งอาบีเอเซอร์เก็บได้ทั้งไร่มิใช่หรือ พระเจ้าได้มอบโอเรบและเศเอบผู้นำของชาวมีเดียนไว้ในมือพวกท่าน เราสามารถทำอะไรได้ล่ะเมื่อเปรียบเทียบกับท่าน” เมื่อเขากล่าวเช่นนั้นแล้ว ความโกรธของพวกเขาจึงค่อยคลายลง

กิเดโอนกับชาย 300 คนมาถึงแม่น้ำจอร์แดนแล้วก็ข้ามต่อไปอีก แม้จะอ่อนแรงแล้วแต่ก็ยังคงไล่ล่าศัตรูไปอย่างไม่หยุดยั้ง เขาจึงพูดกับชายชาวสุคคทว่า “ขอให้คนที่ติดตามเรามาได้รับขนมปังบ้าง เพราะพวกเขาอ่อนแรงเหลือเกิน เรากำลังไล่ล่าเศบาห์และศัลมุนนากษัตริย์แห่งมีเดียนอยู่” พวกเจ้านายชั้นผู้ใหญ่ของสุคคทพูดว่า “มือของเศบาห์และศัลมุนนาอยู่ในมือของท่านแล้วหรือ จึงจะให้พวกเราเอาขนมปังมาให้กองทัพของท่าน” ดังนั้น กิเดโอนพูดว่า “ถ้าฉะนั้นแล้ว เมื่อพระผู้เป็นเจ้ามอบเศบาห์และศัลมุนนาไว้ในมือของเราแล้ว เราจะใช้หนามและพุ่มไม้หนามในถิ่นทุรกันดารขูดเนื้อของท่าน” จากนั้นเขาก็ขึ้นไปยังเมืองเปนูเอล และพูดในทำนองเดียวกัน และชายชาวเปนูเอลก็ตอบเขาเหมือนกับที่ชายชาวสุคคทตอบ เขาพูดกับชายชาวเปนูเอลว่า “เมื่อเรากลับมาด้วยความมีชัย เราจะโค่นหอคอยนี้ลงเสีย”

10 ขณะนั้นเศบาห์และศัลมุนนาอยู่ที่คาร์โคร์กับกองทัพทหารประมาณ 15,000 คนซึ่งเหลือจากกองทัพของชาวตะวันออก พลดาบจำนวน 120,000 คนล้มตายไปแล้ว 11 กิเดโอนขึ้นไปทางที่พวกไม่มีหลักแหล่งอาศัยอยู่ทางตะวันออกของเมืองโนบาห์และเมืองโยกเบฮาห์ และโจมตีกองทัพอย่างไม่ทันรู้ตัว 12 เศบาห์และศัลมุนนาก็หนีไป เขาไล่ล่าและจับตัวเศบาห์และศัลมุนนากษัตริย์ทั้งสองแห่งมีเดียนไว้ได้ ทำให้ทั้งกองทัพหวาดหวั่น

13 แล้วกิเดโอนบุตรของโยอาชก็กลับจากศึกสงครามโดยไปทางข้ามที่เนินเขาเฮเรส 14 เขาจับตัวชายหนุ่มชาวสุคคทผู้หนึ่งและสอบถาม เขาเขียนชื่อของเจ้านายชั้นผู้ใหญ่และผู้อาวุโสของสุคคทให้ รวมได้ 77 คน 15 เขาไปหาชายชาวสุคคทและพูดว่า “ดูเถิด พวกท่านดูหมิ่นเราเรื่องเศบาห์และศัลมุนนาว่า ‘มือของเศบาห์กับศัลมุนนาอยู่ในมือของท่านแล้วหรือ จึงจะให้พวกเราเอาขนมปังมาให้คนของท่านที่อ่อนแรง’” 16 แล้วเขาเอาตัวพวกผู้อาวุโสของเมืองไป เอาหนามกับพุ่มไม้หนามในถิ่นทุรกันดารใช้สั่งสอนเป็นบทเรียนให้กับชายชาวสุคคท 17 และเขาได้โค่นหอคอยของเมืองเปนูเอล และฆ่าชายชาวเมืองนั้นด้วย

18 เขาพูดกับเศบาห์และศัลมุนนาว่า “พวกผู้ชายที่ท่านฆ่าที่ทาโบร์เป็นอย่างไร” ทั้งสองตอบว่า “ท่านเป็นอย่างไร พวกเขาก็เป็นอย่างนั้น ทุกคนเป็นเหมือนบุตรของกษัตริย์” 19 เขาตอบว่า “พวกเขาเป็นพี่น้องของเรา บรรดาบุตรของมารดาของเรา ตราบที่พระผู้เป็นเจ้ามีชีวิตอยู่ฉันใด หากว่าท่านไว้ชีวิตพวกเขา เราก็จะไม่ฆ่าท่านหรอก” 20 ดังนั้นเขาพูดกับเยเธอร์บุตรหัวปีของตนว่า “ลุกขึ้นฆ่าเขาทั้งสองเสีย” แต่ชายหนุ่มไม่กล้าชักดาบออกเพราะเขากลัว เนื่องจากยังเด็กอยู่ 21 เศบาห์และศัลมุนนาพูดว่า “ท่านลุกขึ้นจัดการเราเองสิ เป็นผู้ใหญ่เท่าใด พละกำลังก็เป็นตามนั้น” กิเดโอนจึงลุกขึ้นฆ่าเศบาห์และศัลมุนนา และเขาเอาเครื่องประดับรูปจันทร์เสี้ยวที่แขวนคออูฐของท่านทั้งสองไป

ชุดคลุมของกิเดโอน

22 ชายชาวอิสราเอลพูดกับกิเดโอนว่า “ปกครองพวกเราเถิด ทั้งตัวท่านและลูกหลานของท่านด้วย เพราะท่านได้ช่วยเราให้รอดปลอดภัยจากชาวมีเดียน” 23 กิเดโอนพูดกับพวกเขาว่า “เราจะไม่ปกครองพวกท่าน ลูกของเราจะไม่ปกครองท่านด้วยเช่นกัน พระผู้เป็นเจ้าจะปกครองท่าน” 24 และกิเดโอนพูดอีกว่า “เราขอร้องพวกท่านสิ่งหนึ่งคือ ขอพวกท่านทุกคนมอบตุ้มหูที่ริบมาได้” (เพราะพวกเขามีตุ้มหูทองคำเนื่องจากเป็นชาวอิชมาเอล) 25 พวกเขาตอบว่า “พวกเราจะมอบให้อย่างเต็มใจ” แล้วก็ได้ปูเสื้อคลุม 1 ตัวลง ชายทุกคนต่างก็วางตุ้มหูของตนที่ริบมาได้ 26 ตุ้มหูทองคำทั้งหมดที่เขาขอได้หนัก 1,700 เชเขล[a] ซึ่งนอกเหนือจากเครื่องประดับรูปจันทร์เสี้ยว เข็มกลัด เสื้อผ้าสีม่วงที่กษัตริย์ของชาวมีเดียนสวมใส่ และปลอกคอที่ห้อยคออูฐของพวกท่านด้วย 27 แล้วกิเดโอนใช้ทองคำตีเป็นชุดคลุมเก็บไว้ที่โอฟราห์เมืองของเขา ชาวอิสราเอลทั้งปวงก็ได้กระทำตนดั่งหญิงแพศยาที่ได้บูชาชุดคลุม ซึ่งนำความลำบากมาให้กิเดโอนและครอบครัวของเขา 28 ดังนั้นชาวมีเดียนอยู่ใต้บังคับของชาวอิสราเอลจนโงศีรษะขึ้นไม่ได้อีกเลย แผ่นดินจึงได้อยู่ในความสันติเป็นเวลา 40 ปีในสมัยของกิเดโอน

กิเดโอนเสียชีวิต

29 เยรุบบาอัลบุตรของโยอาชกลับไปอาศัยอยู่ที่บ้านของตน 30 ขณะนั้นกิเดโอนมีบุตรชาย 70 คนที่เป็นเชื้อสายของเขาเอง เนื่องจากเขามีภรรยาหลายคน 31 ภรรยาน้อยที่อยู่ในเมืองเชเคมมีบุตรกับเขาคนหนึ่ง เขาตั้งชื่อว่า อาบีเมเลค 32 กิเดโอนบุตรโยอาชสิ้นชีวิตเมื่อชรามาก และถูกฝังในอุโมงค์ฝังศพของโยอาชบิดาของเขาที่โอฟราห์ของชาวอาบีเอเซอร์

33 ทันทีที่กิเดโอนสิ้นชีวิต ชาวอิสราเอลก็กลับไปประพฤติตัวเช่นหญิงแพศยาอีก พวกเขาบูชาเทวรูปบาอัลทั้งหลาย ให้เทวรูปบาอัลเบรีทเป็นเทพเจ้าของพวกเขา 34 และชาวอิสราเอลไม่ระลึกถึงพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของพวกเขา ผู้ช่วยพวกเขาให้รอดพ้นจากศัตรูรอบข้าง 35 และไม่ได้แสดงความรักอันมั่นคงต่อครอบครัวของเยรุบบาอัล (คือกิเดโอน) เพื่อเป็นการตอบแทนสิ่งดีๆ ทั้งหลายที่เขาได้กระทำเพื่ออิสราเอล

อาบีเมเลค

อาบีเมเลคบุตรของเยรุบบาอัลไปหาญาติฝ่ายมารดาของเขาที่เมืองเชเคม และพูดกับพวกเขาและทั้งตระกูลฝ่ายครอบครัวของมารดาว่า “พูดใส่หูบรรดาผู้นำของเมืองเชเคมทั้งปวงว่า ‘อะไรดีกว่าสำหรับท่าน จะให้บุตร 70 คนของเยรุบบาอัลปกครองพวกท่าน หรือให้เพียงคนเดียวปกครองท่าน’ จงจำไว้ว่า เราเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของท่านทั้งหลาย”

ญาติฝ่ายมารดาของเขาจึงเอาสิ่งที่เขาพูดไปบอกให้บรรดาผู้นำของเชเคมทราบ และใจของพวกเขาก็โน้มเอียงตามอาบีเมเลค เพราะพวกเขาพูดว่า “เขาเป็นพี่น้องของเราเอง” แล้วพวกเขาก็มอบ 70 เหรียญเงินจากวิหารเทพเจ้าบาอัลเบรีทให้เขา ซึ่งอาบีเมเลคใช้เป็นค่าจ้างพวกนักเลงใจคะนองที่ติดตามเขาไป และเขาไปยังบ้านของบิดาที่โอฟราห์ ฆ่าพี่น้องที่เป็นชายบุตรของเยรุบบาอัลทั้ง 70 คนบนศิลาแผ่นเดียว แต่โยธามบุตรคนสุดท้องของเยรุบบาอัลแอบซ่อนตัว จึงหนีรอดไปได้ ส่วนบรรดาผู้นำของเมืองเชเคมกับชาวเมืองเบธมิลโลก็มารวมตัวกันอยู่ที่ข้างต้นโอ๊กแห่งเสาอนุสรณ์ที่เมืองเชเคม และให้อาบีเมเลคเป็นกษัตริย์

เมื่อมีคนมาบอกโยธาม เขาจึงขึ้นไปยืนอยู่บนยอดภูเขาเกริซิม และตะโกนร้องบอกพวกเขาว่า “ผู้นำของเชเคมทั้งหลายจงฟังเรา เพื่อพระเจ้าจะได้ฟังพวกท่าน วันหนึ่งต้นไม้หลายต้นออกไปแต่งตั้งกษัตริย์ให้มาปกครองพวกตน และพูดกับต้นมะกอกว่า ‘มาปกครองพวกเราเถิด’ แต่ต้นมะกอกพูดกับต้นไม้อื่นๆ ว่า ‘เราควรจะทิ้งความอุดมสมบูรณ์ของเราไปอย่างนั้นหรือ ทั้งบรรดาเทพเจ้าและคนทั้งหลายก็ใช้เราในการถวายเกียรติ แล้วจะให้เราเอนไปเอนมาอยู่เหนือต้นไม้อื่นๆ งั้นหรือ’ 10 แล้วพวกต้นไม้ก็ไปพูดกับต้นมะเดื่อว่า ‘ท่านมาปกครองพวกเราเถิด’ 11 แต่ต้นมะเดื่อพูดตอบว่า ‘เราควรจะทิ้งความหวานของเรากับผลอันงามของเรา แล้วจะให้เราเอนไปเอนมาอยู่เหนือต้นไม้อื่นๆ งั้นหรือ’ 12 แล้วพวกต้นไม้ก็ไปพูดกับเถาองุ่นว่า ‘ท่านมาปกครองพวกเราเถิด’ 13 แต่เถาองุ่นพูดตอบว่า ‘เราควรจะทิ้งเหล้าองุ่นของเราที่ทำให้พระเจ้าและมนุษย์ยินดี แล้วให้เราเอนไปเอนมาอยู่เหนือต้นไม้อื่นๆ งั้นหรือ’ 14 แล้วพวกต้นไม้ก็ไปพูดกับพืชพันธุ์ไม้มีหนามว่า ‘ท่านมาปกครองพวกเราเถิด’ 15 พืชพันธุ์ไม้มีหนามพูดตอบว่า ‘ถ้าท่านต้องการเจิมเราให้เป็นกษัตริย์ปกครองพวกท่าน ก็จงมาพักพิงในที่ร่มของเราเถิด มิฉะนั้นก็ให้ไฟลุกขึ้นจากพืชพันธุ์ไม่มีหนาม และเผาผลาญต้นไม้ซีดาร์ในเลบานอนเถิด’

16 ฉะนั้น ถ้าท่านตั้งอาบีเมเลคให้เป็นกษัตริย์ด้วยความจริงใจอย่างแท้จริง และถ้าท่านได้กระทำต่อเยรุบบาอัลและครอบครัวของท่านดีแล้ว และกระทำต่อท่านตามที่ท่านควรได้รับ 17 ด้วยเหตุว่า บิดาของเราได้ต่อสู้เพื่อท่าน อีกทั้งเสี่ยงชีวิตและช่วยท่านให้รอดพ้นจากมือของชาวมีเดียน 18 และท่านได้ลุกขึ้นต่อต้านครอบครัวของบิดาของเราในวันนี้ และได้ฆ่าบรรดาบุตรของท่าน คือ 70 คนบนศิลาแผ่นเดียว และได้ตั้งอาบีเมเลคบุตรของหญิงผู้รับใช้ของท่านให้เป็นกษัตริย์เหนือบรรดาผู้นำของเชเคม เพราะว่าเขาเป็นญาติของพวกท่าน 19 ถ้าท่านกระทำด้วยความจริงใจอย่างแท้จริงต่อเยรุบบาอัลและครอบครัวของท่านในวันนี้ ก็จงยินดีในตัวอาบีเมเลคเถิด และให้เขายินดีในตัวท่านด้วย 20 แต่ถ้าท่านไม่ได้กระทำเช่นนั้น ก็ขอให้ไฟออกมาจากอาบีเมเลค และเผาผลาญบรรดาผู้นำของเชเคมและเบธมิลโล และให้ไฟออกมาจากบรรดาผู้นำของเชเคมและเบธมิลโลเผาผลาญอาบีเมเลคด้วย” 21 แล้วโยธามก็หลบหนีไปยังเบเออร์ และอาศัยอยู่ที่นั่น เพราะกลัวอาบีเมเลคพี่ชายของตน

22 อาบีเมเลคปกครองอิสราเอลได้ 3 ปี 23 พระเจ้าให้วิญญาณร้ายก่อปัญหาระหว่างอาบีเมเลคกับบรรดาผู้นำของเชเคม บรรดาผู้นำของเชเคมจึงทรยศต่ออาบีเมเลค 24 เพื่อว่าสิ่งเลวร้ายที่เกิดขึ้นกับบุตรชายของเยรุบบาอัล 70 คนจะสนองกลับคืน และโลหิตของพวกเขาจะตกอยู่กับอาบีเมเลคตัวฆาตกรผู้เป็นพี่น้องของเขาเอง และกับชาวเมืองเชเคมที่ช่วยอาบีเมเลคในการฆ่าพี่น้องของเขา 25 บรรดาผู้นำของเชเคมให้คนดักซุ่มบนยอดภูเขาเพื่อต่อต้านเขา และได้ปล้นคนที่เดินผ่านไปทางนั้น และมีคนเอาเรื่องนี้ไปบอกอาบีเมเลค

26 กาอัลบุตรของเอเบดกับญาติของเขาย้ายไปอยู่ในเมืองเชเคม บรรดาผู้นำของเมืองเชเคมก็เชื่อมั่นในตัวเขา 27 พวกเขาออกไปที่สวนองุ่น เก็บองุ่นมาย่ำ แล้วจัดงานฉลองในวิหารของเทพเจ้าของพวกเขา กินและดื่มกันไปพลางสาปแช่งอาบีเมเลคไป 28 แล้วกาอัลบุตรของเอเบดพูดขึ้นว่า “อาบีเมเลคเป็นใคร และพวกเราชาวเชเคมเป็นใครที่จะต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของเขา เขาไม่ใช่บุตรของเยรุบบาอัลหรือ เศบุลเป็นผู้แทนของเขาไม่ใช่หรือ เราจงรับใช้คนของฮาโมร์บิดาของเชเคม ควรแล้วหรือที่เราจะรับใช้อาบีเมเลค 29 หากว่าคนเหล่านี้อยู่ใต้บังคับบัญชาของเรา เราก็จะกำจัดอาบีเมเลคเสียสิ้น เราจะพูดกับอาบีเมเลคว่า ‘เพิ่มกำลังทัพของท่าน และออกมาเถิด’”

30 เมื่อเศบุลผู้ปกครองเมืองได้ยินว่ากาอัลบุตรของเอเบดพูดดังนั้นก็โกรธ 31 เขาจึงให้บรรดาผู้ส่งข่าวไปยังอาบีเมเลคเป็นการลับ และบอกว่า “ดูเถิด กาอัลบุตรของเอเบดมาอยู่ที่เมืองเชเคมกับพวกญาติๆ ของเขาแล้ว พวกเขากำลังก่อกวนคนในเมืองให้ต่อต้านท่าน 32 ฉะนั้น บัดนี้ท่านกับคนของท่านที่อยู่กับท่านควรออกไปในเวลากลางคืน และดักซุ่มอยู่ในทุ่งนา 33 พอรุ่งเช้า ทันทีที่ดวงอาทิตย์ขึ้น ตื่นแต่เช้าตรู่รีบไปในเมือง และเวลากาอัลกับพรรคพวกออกมาต่อต้านท่าน ท่านก็ใช้กำลังต้านพวกเขากลับไปได้”

34 ดังนั้นอาบีเมเลคและทุกคนที่อยู่กับเขาจึงไปกันในเวลากลางคืน และแบ่งคนเป็น 4 กองดักซุ่มคอยโจมตีเชเคม 35 ฝ่ายกาอัลบุตรของเอเบดก็ออกไปยืนอยู่ที่ทางเข้าประตูเมือง ขณะที่อาบีเมเลคและพรรคพวกที่อยู่กับเขาออกมาจากที่ซ่อน 36 เมื่อกาอัลเห็นพวกเขา จึงพูดกับเศบุลว่า “ดูสิ มีคนกำลังลงมาจากยอดเขา” เศบุลพูดตอบเขาว่า “ท่านเข้าใจผิดว่าเงาภูเขาเป็นคน” 37 กาอัลพูดอีกว่า “ดูสิ มีคนกำลังลงมาจากใจกลางแผ่นดิน และคนจำนวนกองหนึ่งกำลังมาจากทางต้นโอ๊กของบรรดาผู้ทำนาย” 38 เศบุลพูดกับเขาว่า “เวลานี้ปากของท่านอยู่ที่ไหน ท่านเป็นคนพูดว่า ‘อาบีเมเลคเป็นใครกันที่เราควรจะอยู่ภายใต้การควบคุมของเขา’ เขาเหล่านี้ไม่ใช่คนที่ท่านหมิ่นประมาทหรอกหรือ ออกไปต่อสู้กับพวกเขาเดี๋ยวนี้” 39 ดังนั้นกาอัลจึงนำหน้าชาวเชเคมออกไป และต่อสู้กับอาบีเมเลค 40 อาบีเมเลคไล่ตามกาอัล จนเขาต้องหนีไป หลายคนบาดเจ็บขณะวิ่งหนีไปจนถึงทางเข้าประตูเมือง 41 อาบีเมเลคอาศัยอยู่ที่อารูมาห์ เศบุลขับไล่กาอัลและญาติพี่น้องของเขาไป และไม่ให้พวกเขาอยู่ที่เชเคม

42 วันรุ่งขึ้น ชาวเมืองเชเคมออกไปที่ทุ่งนา และมีคนไปบอกอาบีเมเลค 43 เขาแบ่งคนของเขาออกเป็น 3 พวกไปดักซุ่มที่ทุ่งนา เขาเห็นว่ามีคนกำลังออกมาจากเมือง เขาจึงลุกขึ้นโจมตีและฆ่าเสีย 44 อาบีเมเลคและพวกที่ติดตามเขาไปจำนวน 1 กองรีบรุดออกไปยืนที่ทางเข้าประตูเมือง ขณะที่พรรคพวกอีก 2 กองรุดโจมตีทุกคนที่อยู่ในทุ่งนาและฆ่าเสีย 45 อาบีเมเลคโจมตีเมืองนั้นตลอดทั้งวัน เขายึดเมืองและฆ่าคนที่อยู่ในเมือง ทำลายเมืองและหว่านเกลือทั่วเมือง

46 เมื่อชาวบ้านหอคอยเชเคมทราบเรื่อง จึงเข้าไปหลบอยู่ในที่หลบภัยของวิหารของเอลเบรีท 47 มีคนบอกอาบีเมเลคว่าชาวบ้านทุกคนของหอคอยเชเคมรวมอยู่ด้วยกัน 48 อาบีเมเลคกับพรรคพวกที่อยู่ด้วยกันจึงขึ้นไปยังภูเขาศัลโมน เขาใช้ขวานตัดกิ่งไม้และหามไว้บนบ่า พูดกับพวกที่อยู่ด้วยว่า “เจ้าเห็นเราทำอะไร ก็จงทำตามที่เราทำ” 49 ดังนั้นทุกคนจึงตัดกิ่งไม้ตามอาบีเมเลคไป และกองไว้ที่หลบภัย แล้วจุดไฟเผาที่หลบภัยให้ไหม้พวกชาวบ้าน ชายและหญิงประมาณ 1,000 คนที่หอคอยเชเคมนั้นตายสิ้นทุกคน

50 จากนั้นอาบีเมเลคไปยังเมืองเธเบศ ใช้กำลังล้อมเมืองและยึดไว้ได้ 51 แต่ภายในเมืองมีหอคอยที่มั่นคงอยู่แห่งหนึ่ง ซึ่งบรรดาชายหญิงและชาวเมืองทุกคนได้หลบหนีไปอยู่ โดยได้ใส่กุญแจประตู และปีนขึ้นไปอยู่บนหลังคาหอคอยนั้น 52 ฝ่ายอาบีเมเลคมาถึงหอคอย และโจมตีเข้าใกล้ประตูหอคอยเพื่อจะใช้ไฟเผา 53 หญิงคนหนึ่งทุ่มหินโม่ลงที่ศีรษะของอาบีเมเลคจนกะโหลกแตก 54 เขาจึงรีบร้องบอกให้ชายหนุ่มที่ถืออาวุธของเขาว่า “ชักดาบของเจ้า แล้วฆ่าเราเสีย มิฉะนั้นคนจะพูดถึงเราว่า ‘ผู้หญิงฆ่าเขา’” ชายหนุ่มของเขาก็แทงเขาทะลุจนสิ้นชีวิต 55 เมื่อชาวอิสราเอลเห็นว่าอาบีเมเลคสิ้นชีวิตแล้ว ต่างก็กลับบ้านไป 56 เช่นนั้นแหละพระเจ้าสนองกลับความชั่วร้ายของอาบีเมเลค ที่เขากระทำต่อบิดาของเขาด้วยการฆ่าพี่น้อง 70 คน 57 พระเจ้าทำให้ชายชาวเชเคมรับผลจากความชั่วที่กระทำด้วย คือคำสาปแช่งของโยธามบุตรของเยรุบบาอัลก็เป็นจริง

New Thai Version (NTV-BIBLE)

Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation