Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

Beginning

Read the Bible from start to finish, from Genesis to Revelation.
Duration: 365 days
New Thai Version (NTV-BIBLE)
Version
โยชูวา 22-24

เผ่าทางฟากตะวันออกกลับไปบ้าน

22 ในเวลานั้น โยชูวาเรียกชาวรูเบน ชาวกาด และครึ่งเผ่าของชาวมนัสเสห์มา และพูดกับพวกเขาว่า “พวกท่านได้ปฏิบัติทุกสิ่งตามที่โมเสสผู้รับใช้ของพระผู้เป็นเจ้าบัญชาไว้ และได้เชื่อฟังทุกสิ่งที่เราบัญชาด้วย พวกท่านไม่เคยทอดทิ้งพี่น้องของท่านเลยแม้จนถึงทุกวันนี้ และดำเนินการของพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านอย่างระมัดระวัง บัดนี้ พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านได้ให้พี่น้องของท่านได้หยุดพักแล้ว ตามที่พระองค์ได้สัญญาไว้กับพวกเขา ฉะนั้นท่านกลับไปยังกระโจมของพวกท่านเถิด ไปยังดินแดนที่ท่านมีสิทธิเป็นเจ้าของ ซึ่งโมเสสผู้รับใช้ของพระผู้เป็นเจ้าได้มอบแก่ท่านที่อีกฟากของแม่น้ำจอร์แดน[a] ท่านเพียงระมัดระวังที่จะรักษาพระบัญญัติและหนังสือแห่งกฎบัญญัติที่โมเสสผู้รับใช้ของพระผู้เป็นเจ้าบัญชาไว้กับท่าน คือรักพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของพวกท่าน และดำเนินชีวิตในทุกวิถีทางของพระองค์ และปฏิบัติตามพระบัญญัติของพระองค์ ผูกพันกับพระองค์ และรับใช้พระองค์อย่างสุดดวงใจและสุดดวงจิตของพวกท่าน” แล้วโยชูวาก็อวยพรพวกเขาและให้กลับบ้านไป พวกเขาจึงกลับไปยังกระโจมของตน

โมเสสได้มอบดินแดนในบาชานให้แก่ครึ่งเผ่าของมนัสเสห์ และอีกครึ่งเผ่าได้รับดินแดนที่โยชูวามอบให้ อันเป็นดินแดนที่ติดกับพี่น้องของพวกเขาที่ฟากตะวันตกของแม่น้ำจอร์แดน และเมื่อโยชูวาให้พวกเขากลับไปบ้าน และอวยพรพวกเขา ท่านพูดกับพวกเขาว่า “พวกท่านจงกลับไปยังกระโจมของท่านพร้อมกับสมบัติอันมั่งคั่งและฝูงปศุสัตว์มากมาย เงินและทองคำ ทองสัมฤทธิ์และเหล็ก เสื้อผ้ามากมาย จงแบ่งสิ่งที่ยึดได้จากศัตรูให้แก่พี่น้องของท่าน” ดังนั้น ชาวรูเบน ชาวกาด และครึ่งเผ่าของมนัสเสห์ก็กลับบ้านไป แยกไปจากชาวอิสราเอลที่ชิโลห์ซึ่งอยู่ในดินแดนคานาอัน เพื่อไปยังดินแดนกิเลอาด ซึ่งเป็นดินแดนของพวกเขาเองที่ได้รับเป็นเจ้าของตามคำบัญชาของพระผู้เป็นเจ้าโดยผ่านทางโมเสส

แท่นบูชาทางฟากตะวันออก

10 เมื่อเขาทั้งหลายมาถึงเกลีโลทย่านแม่น้ำจอร์แดนที่อยู่ในดินแดนคานาอันแล้ว ชาวรูเบน ชาวกาด และครึ่งเผ่าของชาวมนัสเสห์จึงสร้างแท่นบูชาขนาดมหึมาที่นั่น ใกล้กับแม่น้ำจอร์แดน 11 และชาวอิสราเอลได้ยินมาว่า “ดูเถิด ชาวรูเบน ชาวกาด และครึ่งเผ่าของชาวมนัสเสห์ได้สร้างแท่นบูชาที่ชายแดนของดินแดนคานาอัน ที่เกลีโลทย่านแม่น้ำจอร์แดน บนฟากที่เป็นของชาวอิสราเอล” 12 และเมื่อชาวอิสราเอลได้ยินเช่นนั้น มวลชนชาวอิสราเอลทั้งปวงก็มาประชุมกันที่ชิโลห์เพื่อทำสงครามกับเขา

13 ดังนั้น ชาวอิสราเอลจึงให้ฟีเนหัสบุตรเอเลอาซาร์ปุโรหิตไปหาชาวรูเบน ชาวกาด และครึ่งเผ่าของมนัสเสห์ในดินแดนกิเลอาด 14 นอกจากฟีเนหัสแล้ว มีหัวหน้า 10 คน คนหนึ่งจากแต่ละเผ่าของอิสราเอล แต่ละคนเป็นหัวหน้าครอบครัวท่ามกลางตระกูลของอิสราเอล 15 พวกเขามายังชาวรูเบน ชาวกาด และครึ่งเผ่าของมนัสเสห์ในดินแดนกิเลอาด และพูดว่า 16 “มวลชนทั้งปวงของพระผู้เป็นเจ้ากล่าวว่า ‘ท่านกระทำสิ่งที่ไร้ความภักดีอะไรเช่นนี้ต่อพระเจ้าของอิสราเอล วันนี้ท่านเลิกติดตามพระผู้เป็นเจ้า ท่านสร้างแท่นบูชาให้แก่ตนเองในวันนี้เท่ากับเป็นการขัดขืนพระผู้เป็นเจ้า 17 พวกเรากระทำบาปที่เปโอร์ไม่พอหรือ บาปที่เรายังชำระตัวเองไม่สะอาดด้วยซ้ำ และภัยพิบัติที่เกิดแก่มวลชนของพระผู้เป็นเจ้า[b] 18 แล้ววันนี้ท่านด้วยหรือที่จะต้องเลิกติดตามพระผู้เป็นเจ้า ถ้าหากว่าท่านขัดขืนพระผู้เป็นเจ้าในวันนี้ พรุ่งนี้พระองค์ก็จะโกรธกริ้วต่อมวลชนของอิสราเอลทั้งปวง 19 แต่บัดนี้ ถ้าแผ่นดินที่ท่านเป็นเจ้าของนั้นเป็นมลทิน ก็จงข้ามเข้าไปในแผ่นดินที่กระโจมที่พำนักของพระผู้เป็นเจ้าตั้งอยู่ และหาที่แห่งหนึ่งให้ตัวท่านเองในท่ามกลางพวกเรา ขอเพียงท่านอย่าขัดขืนพระผู้เป็นเจ้า หรือทำให้เรามีความผิดเพราะท่านสร้างแท่นบูชาให้ตัวท่านเอง ซึ่งนอกเหนือไปจากแท่นบูชาของพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเราเลย 20 อาคานบุตรของเศรัคมิใช่หรือที่ขาดความภักดีในเรื่องสิ่งที่ถวายแด่พระผู้เป็นเจ้า และความเกรี้ยวโกรธของพระองค์ตกอยู่กับมวลชนอิสราเอลทั้งหมด จึงไม่ใช่เพียงแต่ตัวเขาเท่านั้นที่พินาศเพราะบาปของเขา’”[c]

21 แล้วชาวรูเบน ชาวกาด และครึ่งเผ่าของมนัสเสห์ก็ตอบบรรดาหัวหน้าตระกูลของอิสราเอล 22 “พระเจ้าผู้กอปรด้วยอานุภาพคือพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าผู้กอปรด้วยอานุภาพคือพระผู้เป็นเจ้า พระองค์ทราบ และขอให้อิสราเอลทราบด้วย ถ้าหากว่าเป็นการขัดขืนหรือขาดความภักดีต่อพระผู้เป็นเจ้าแล้ว ก็อย่าไว้ชีวิตพวกเราเลย 23 ที่ว่าสร้างแท่นบูชาเพื่อเลิกติดตามพระผู้เป็นเจ้า หรือถ้าพวกเราสร้างไว้เพื่อมอบสัตว์ที่เผาเป็นของถวาย หรือเครื่องธัญญบูชา หรือของถวายเพื่อสามัคคีธรรมบนแท่นบูชา ก็ขอให้พระผู้เป็นเจ้าเป็นผู้ลงโทษเราเอง 24 ไม่ใช่เลย แต่พวกเราสร้างไว้เนื่องจากเกรงว่า ในภายภาคหน้าลูกหลานของท่านอาจจะพูดกับลูกหลานของเราว่า ‘พวกท่านเกี่ยวโยงกับพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของอิสราเอลอย่างไร 25 เพราะว่า พระผู้เป็นเจ้าใช้แม่น้ำจอร์แดนเป็นเส้นแบ่งเขตแดนระหว่างเรากับพวกท่าน ท่านชาวรูเบนและชาวกาด พวกท่านไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับพระผู้เป็นเจ้าแต่อย่างใด’ ดังนั้นลูกหลานของท่านอาจจะทำให้ลูกหลานของเราหยุดนมัสการพระผู้เป็นเจ้า 26 ฉะนั้นพวกเราจึงพูดกันว่า ‘เวลานี้พวกเรามาสร้างแท่นบูชากันเถิด ไม่ใช่เป็นที่เผาสัตว์เพื่อเป็นของถวายหรือเป็นเครื่องสักการะ 27 แต่เพื่อเป็นพยานระหว่างเรากับพวกท่าน และระหว่างคนในรุ่นต่อๆ ไปหลังจากพวกเรา ว่าเรานมัสการพระผู้เป็นเจ้าด้วยสัตว์ที่เผาเป็นของถวาย ด้วยเครื่องสักการะ และของถวายเพื่อสามัคคีธรรม เพื่อลูกหลานของพวกท่านจะไม่พูดกับลูกหลานของเราในภายภาคหน้าว่า “พวกท่านไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับพระผู้เป็นเจ้าแต่อย่างใด”’ 28 และพวกเราคิดไว้ว่า ถ้ามีคนพูดกับเราหรือกับผู้สืบเชื้อสายของเราในภายภาคหน้า เราก็จะตอบได้ว่า ‘ดูเถิด แท่นบูชาจำลองของพระผู้เป็นเจ้าที่บรรพบุรุษของพวกเราสร้างนั้น ไม่ใช่เป็นที่เผาสัตว์เพื่อเป็นของถวายหรือเป็นเครื่องสักการะ แต่เป็นพยานระหว่างเรากับพวกท่าน’ 29 ไม่มีวันที่เราจะขัดขืนพระผู้เป็นเจ้าและจะเลิกติดตามพระผู้เป็นเจ้าในวันนี้ แล้วจะสร้างแท่นบูชาเพื่อเป็นที่เผาสัตว์เป็นของถวาย เพื่อมอบเครื่องธัญญบูชา หรือเครื่องสักการะ ซึ่งนอกเหนือไปจากแท่นบูชาของพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเราซึ่งตั้งอยู่ที่เบื้องหน้ากระโจมที่พำนักของพระองค์”

30 ครั้นฟีเนหัสปุโรหิตกับบรรดาหัวหน้ามวลชน และบรรดาหัวหน้าตระกูลของอิสราเอลที่อยู่ที่นั่นได้ยินสิ่งที่ชาวรูเบน ชาวกาด และชาวมนัสเสห์พูด พวกเขาจึงเห็นดีด้วย 31 ฟีเนหัสบุตรเอเลอาซาร์ปุโรหิตพูดกับชาวรูเบน ชาวกาด และชาวมนัสเสห์ว่า “วันนี้พวกเราทราบแล้วว่า พระผู้เป็นเจ้าอยู่ท่ามกลางพวกเรา เพราะว่าพวกท่านไม่ได้กระทำสิ่งที่ไร้ความภักดีต่อพระผู้เป็นเจ้า และท่านได้ทำให้ชาวอิสราเอลพ้นจากการลงโทษของพระผู้เป็นเจ้า

32 ฟีเนหัสบุตรเอเลอาซาร์ปุโรหิต และบรรดาหัวหน้าก็จากชาวรูเบนและชาวกาดที่อยู่ในดินแดนกิเลอาดไป เพื่อไปยังชาวอิสราเอลที่ดินแดนคานาอัน เพื่อเล่าเรื่องให้พวกเขาฟัง 33 ชาวอิสราเอลเห็นดีด้วยกับรายงานนั้น ชาวอิสราเอลก็สรรเสริญพระเจ้า และไม่ได้พูดถึงเรื่องที่จะทำสงคราม เพื่อทำให้ดินแดนอันเป็นรกรากของชาวรูเบนและชาวกาดพินาศ 34 ชาวรูเบนและชาวกาดเรียกแท่นบูชาว่า พยาน เพราะเป็นพยานระหว่างพวกเราว่า พระผู้เป็นเจ้าเป็นพระเจ้า

โยชูวากล่าวสุนทรพจน์กับบรรดาหัวหน้า

23 ต่อจากนั้นเป็นเวลานาน ที่พระผู้เป็นเจ้าได้ให้อิสราเอลได้หยุดพักจากศัตรูรอบด้าน โยชูวาชราลงและมีอายุมาก โยชูวาเรียกอิสราเอลมาหมด คือบรรดาผู้ใหญ่และหัวหน้า ผู้ตัดสินความและเจ้าหน้าที่ และพูดกับเขาเหล่านั้นว่า “ข้าพเจ้าชราและมีอายุมากแล้ว ท่านได้เห็นทุกสิ่งที่พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านกระทำต่อประชาชาติเหล่านี้เพื่อพวกท่านแล้ว เพราะว่า พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านเป็นผู้ต่อสู้เพื่อพวกท่าน ดูเถิด ข้าพเจ้าได้แบ่งบรรดาประชาชาติที่ยังเหลืออยู่อีก ตั้งแต่แม่น้ำจอร์แดนจนถึงทะเลใหญ่ทางทิศตะวันตกให้เป็นมรดกแก่เผ่าของท่าน เช่นเดียวกับประชาชาติทั้งปวงที่ข้าพเจ้ารบชนะแล้ว พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของพวกท่านจะผลักดันพวกเขาออกไปต่อหน้าพวกท่าน และจะขับไล่เขาออกไปให้พ้นหน้าท่าน แล้วพวกท่านจะครอบครองดินแดนของเขา ตามคำของพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของพวกท่าน ฉะนั้นจงเข้มแข็งและระมัดระวังปฏิบัติตามที่มีบันทึกในหนังสือกฎบัญญัติของโมเสสทุกประการ ไม่หันเหไปจากกฎบัญญัติ เพื่อท่านจะไม่ข้องแวะกับประชาชาติเหล่านี้ที่ยังอยู่ท่ามกลางท่าน อย่าอธิษฐานต่อเทพเจ้าของพวกเขา หรือสาบานในนามเทพเจ้าของเขา หรือรับใช้และก้มกราบเทพเจ้าเหล่านั้น แต่ท่านจงผูกพันกับพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านเหมือนกับที่ท่านปฏิบัติมาจนถึงทุกวันนี้ เพราะพระผู้เป็นเจ้าได้ขับไล่บรรดาประชาชาติที่ยิ่งใหญ่และเข้มแข็งออกไปให้พ้นหน้าพวกท่าน ส่วนท่านเองก็ไม่มีผู้ใดสามารถยืนต่อต้านได้จนถึงทุกวันนี้ 10 พวกท่านคนเดียวทำให้ 1,000 คนเตลิดหนีไป เพราะพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของพวกท่านต่อสู้เพื่อท่าน ตามคำสัญญาของพระองค์ 11 ฉะนั้นจงระมัดระวังว่าท่านรักพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของพวกท่าน 12 เพราะว่าถ้าท่านหันไปผูกพันกับประชาชาติเหล่านี้ที่หลงเหลืออยู่ท่ามกลางพวกท่าน และแต่งงานกับพวกเขา ทำให้พวกท่านต้องผูกพันเกี่ยวข้องกับพวกเขา และพวกเขาต้องผูกพันเกี่ยวข้องกับพวกท่าน 13 จงทราบไว้เถิดว่า พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของพวกท่านจะไม่ขับไล่ประชาชาติเหล่านี้ออกไปให้พ้นหน้าพวกท่านอีกต่อไป แต่พวกเขาจะนำความลำบากและเป็นบ่วงแร้วให้แก่ท่าน จะเป็นดั่งแซ่หวดหลังและหนามยอกตาท่าน จนกว่าพวกท่านจะพินาศไปเสียจากผืนดินที่ดีแผ่นนี้ที่พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของพวกท่านได้มอบแก่ท่าน

14 ดูเถิด บัดนี้ข้าพเจ้ากำลังจะไปตามทางของแผ่นดินโลก และท่านทุกคนทราบอยู่ในจิตและในใจของท่านว่า ไม่มีสิ่งดีอันใดที่พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของพวกท่านให้สัญญาเกี่ยวกับท่าน แล้วจะไม่เป็นจริง คือทุกสิ่งเกิดขึ้นตามนั้นเพื่อท่าน ไม่มีสิ่งใดที่ไม่เป็นจริง 15 สิ่งดีทุกสิ่งที่พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของพวกท่านให้สัญญาเกี่ยวกับท่าน แล้วเกิดขึ้นจริงเพื่อท่านฉันใด พระผู้เป็นเจ้าจะให้สิ่งร้ายๆ บังเกิดกับท่าน จนกระทั่งพระองค์ได้กำจัดพวกท่านออกไปเสียจากแผ่นดินที่ดีผืนนี้ที่พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของพวกท่านได้มอบให้แก่ท่านฉันนั้น 16 ถ้าพวกท่านละเมิดพันธสัญญาของพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของพวกท่าน ซึ่งพระองค์บัญชาท่าน และท่านไปบูชาเทพเจ้าใดๆ และก้มลงกราบด้วย และพระผู้เป็นเจ้าจะกริ้วท่านมาก แล้วพวกท่านจะตายจากผืนดินที่ดีแผ่นนี้ที่พระองค์ได้มอบแก่ท่านไปอย่างรวดเร็ว”

พันธสัญญาที่เชเคม

24 โยชูวาเรียกประชุมทุกเผ่าของอิสราเอลที่เชเคม และเรียกบรรดาผู้ใหญ่ หัวหน้า ผู้ตัดสินความ และเจ้าหน้าที่ของอิสราเอลมา และเขาทั้งหลายแสดงตัว ณ เบื้องหน้าพระเจ้า โยชูวาพูดกับทุกคนว่า “พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของอิสราเอลกล่าวว่า ‘เมื่อกาลก่อน บรรพบุรุษของพวกเจ้า รวมทั้งเทราห์บิดาของอับราฮัมและนาโฮร์อาศัยอยู่ที่โพ้นแม่น้ำยูเฟรติส[d] และเขาเหล่านั้นบูชาเทพเจ้าอื่นๆ เราจึงได้ให้อับราฮัมบิดาของเจ้าออกมาจากโพ้นแม่น้ำ และนำเขาผ่านทั่วแผ่นดินคานาอันมา ให้เขามีผู้สืบเชื้อสายมากมาย เราให้อิสอัคแก่เขา เราให้ยาโคบและเอซาวแก่อิสอัค และเราให้เอซาวเป็นเจ้าของดินแดนแถบภูเขาเสอีร์ ส่วนยาโคบกับลูกหลานของเขาลงไปยังประเทศอียิปต์ จากนั้นเราใช้โมเสสและอาโรนไป และเราทำให้ชาวอียิปต์ประสบภัยพิบัติที่เกิดขึ้นที่นั่น แล้วเราก็นำพวกเจ้าออกมา

เรานำบรรพบุรุษของพวกเจ้าออกมาจากอียิปต์ และพวกเขามาถึงทะเล ชาวอียิปต์พร้อมกับรถศึกและทหารม้าตามล่าบรรพบุรุษของพวกเจ้าไปจนถึงทะเลแดง เมื่อพวกเขาร้องขอให้พระผู้เป็นเจ้าช่วยเหลือ พระองค์ก็ทำให้เกิดความมืดระหว่างพวกเจ้าและชาวอียิปต์ พระองค์ทำให้น้ำไหลท่วมตัวพวกเขาจนมิด พวกเจ้าเห็นด้วยตาของเจ้าเองว่าเราได้กระทำอะไรต่อชาวอียิปต์ แล้วพวกเจ้าก็อาศัยอยู่ในถิ่นทุรกันดารเป็นเวลานาน เรานำพวกเจ้าออกมายังแผ่นดินของชาวอาโมร์ที่อาศัยอยู่ที่ทางด้านตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดน พวกเขาต่อสู้กับเจ้า แต่เราก็มอบเขาไว้ในมือของพวกเจ้า เราทำให้เขาพินาศไปต่อหน้าพวกเจ้า แล้วเจ้าจึงได้ยึดครองแผ่นดิน และบาลาคบุตรศิปโปร์กษัตริย์แห่งโมอับลุกขึ้นต่อสู้กับอิสราเอล เขาขอให้บาลาอัมบุตรเบโอร์ไปสาปแช่งพวกเจ้า 10 แต่เราไม่ฟังบาลาอัม เขาจึงอวยพรพวกเจ้า ฉะนั้นเราจึงช่วยพวกเจ้าให้หลุดพ้นจากมือของเขา[e] 11 พวกเจ้าข้ามแม่น้ำจอร์แดนไปยังเยรีโค และเหล่าหัวหน้าของเยรีโคต่อสู้กับพวกเจ้า และอีกทั้งชาวอาโมร์ ชาวเปริส ชาวคานาอัน ชาวฮิต ชาวเกอร์กาช ชาวฮีว และชาวเยบุสด้วย และเรามอบเขาเหล่านั้นไว้ในมือของพวกเจ้า 12 และเราส่งฝูงแตนไปล่วงหน้าเจ้า ขับไล่กษัตริย์ทั้งสองของชาวอาโมร์ไปให้พ้นทางเจ้า มิใช่ด้วยดาบหรือธนูของเจ้า[f] 13 เราให้แผ่นดินแก่เจ้า ซึ่งไม่ได้มาจากน้ำพักน้ำแรงของเจ้าเอง เราให้เมืองที่เจ้าไม่ได้สร้างขึ้นเอง และพวกเจ้าก็อาศัยอยู่ได้ เจ้ากินผลจากสวนองุ่นและสวนมะกอกที่พวกเจ้าไม่ได้ปลูกเอง’

14 บัดนี้จงเกรงกลัวพระผู้เป็นเจ้า และรับใช้พระองค์ด้วยใจจริงและความภักดี จงกำจัดบรรดาเทวรูปที่บรรพบุรุษของพวกท่านรับใช้ที่โพ้นแม่น้ำและในประเทศอียิปต์ และจงรับใช้พระผู้เป็นเจ้า 15 และถ้าท่านเห็นว่าการรับใช้พระผู้เป็นเจ้าเป็นสิ่งไม่ดี ท่านก็จงเลือกในวันนี้ว่า ท่านจะรับใช้ผู้ใด ไม่ว่าจะเป็นเทพเจ้าที่บรรพบุรุษของท่านรับใช้ที่โพ้นแม่น้ำ หรือบรรดาเทพเจ้าของชาวอาโมร์ในแผ่นดินที่ท่านอาศัยอยู่ แต่สำหรับข้าพเจ้าและครอบครัวของข้าพเจ้า พวกเราจะรับใช้พระผู้เป็นเจ้า

16 แล้วประชาชนตอบว่า “ไม่มีวันที่เราจะทอดทิ้งพระผู้เป็นเจ้า เพื่อไปรับใช้เทพเจ้าอื่นๆ 17 เพราะพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเราเป็นผู้นำพวกเราและบรรพบุรุษของเราขึ้นมาจากแผ่นดินอียิปต์ ออกมาจากเรือนทาส พระองค์แสดงปรากฏการณ์อัศจรรย์ให้พวกเราเห็น และคุ้มครองเรามาโดยตลอดทางและในท่ามกลางชนชาติทั้งปวงที่เราเดินทางผ่านมา 18 และพระผู้เป็นเจ้าขับไล่ชนชาติทั้งปวงไปให้พ้นหน้าพวกเรา คือชาวอาโมร์ที่อาศัยอยู่ในแผ่นดิน ฉะนั้นพวกเราจะรับใช้พระผู้เป็นเจ้าด้วย เพราะพระองค์เป็นพระเจ้าของเรา”

19 แต่โยชูวาพูดกับประชาชนว่า “ท่านไม่สามารถรับใช้พระผู้เป็นเจ้าได้ เพราะพระองค์เป็นพระเจ้าบริสุทธิ์ พระองค์เป็นพระเจ้าผู้หวงแหน พระองค์จะไม่ยกโทษการล่วงละเมิดหรือบาปของพวกท่าน 20 ถ้าท่านทอดทิ้งพระผู้เป็นเจ้า และไปบูชาบรรดาเทพเจ้าต่างชาติ พระองค์ก็จะหันกลับและให้สิ่งร้ายๆ เกิดขึ้นกับท่าน และเผาผลาญท่านเสีย แม้ว่าพระองค์ได้กระทำดีต่อท่านมาแล้วก็ตาม” 21 และประชาชนพูดกับโยชูวาว่า “เราไม่เป็นเช่นนั้น แต่เราจะรับใช้พระผู้เป็นเจ้า 22 แล้วโยชูวาพูดกับประชาชนว่า “พวกท่านให้คำพยานด้วยตนเองว่า ท่านได้เลือกพระผู้เป็นเจ้าเพื่อรับใช้พระองค์” และเขาทั้งหลายพูดว่า “พวกเราเป็นพยาน” 23 ท่านพูดว่า “ฉะนั้นแล้ว ท่านจงกำจัดเทวรูปของชาวต่างชาติที่อยู่ในหมู่พวกท่านเสีย และน้อมใจของท่านเข้าหาพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของอิสราเอล” 24 และประชาชนพูดกับโยชูวาว่า “พวกเราจะรับใช้พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเรา และเราจะเชื่อฟังพระองค์” 25 ดังนั้น โยชูวาจึงทำพันธสัญญากับประชาชนในวันนั้น และวางกฎเกณฑ์และข้อกำหนดให้พวกเขาที่เชเคม 26 โยชูวาเขียนคำเหล่านี้ลงในหนังสือกฎบัญญัติของพระเจ้า และท่านเอาก้อนหินใหญ่ตั้งไว้ใต้ต้นโอ๊กที่อยู่ข้างที่พำนักของพระผู้เป็นเจ้า 27 และโยชูวาพูดกับประชาชนทั้งปวงว่า “ดูเถิด หินก้อนนี้จะเป็นพยานให้แก่พวกเรา เนื่องจากได้ยินทุกคำของพระผู้เป็นเจ้าที่กล่าวแก่พวกเราแล้ว ฉะนั้นหินก้อนนี้จะเป็นพยานท่ามกลางพวกท่าน เกรงว่าพวกท่านไม่สัตย์ซื่อต่อพระเจ้าของท่าน” 28 ดังนั้น โยชูวาจึงให้ประชาชนกลับไป แต่ละคนไปยังดินแดนที่ตนได้รับเป็นมรดก

โยชูวาสิ้นชีวิต

29 หลังจากนั้น โยชูวาบุตรของนูนผู้รับใช้ของพระผู้เป็นเจ้าก็สิ้นชีวิต มีอายุ 110 ปี 30 เขาทั้งหลายฝังท่านไว้ในดินแดนที่ท่านได้รับเป็นมรดกที่ทิมนาทเสราห์ ซึ่งอยู่ในแถบภูเขาแห่งเอฟราอิม ทางทิศเหนือของภูเขากาอัช

31 อิสราเอลรับใช้พระผู้เป็นเจ้าตลอดชีวิตของโยชูวา และตลอดชีวิตของบรรดาหัวหน้าชั้นผู้ใหญ่ที่มีอายุยืนกว่าโยชูวา และมีประสบการณ์กับทุกสิ่งที่พระผู้เป็นเจ้ากระทำเพื่ออิสราเอล

32 กระดูกของโยเซฟที่ชาวอิสราเอลนำขึ้นมาจากอียิปต์นั้น พวกเขาก็ฝังไว้ที่เชเคม บนผืนดินที่ยาโคบซื้อไว้จากบรรดาบุตรของฮาโมร์บิดาของเชเคม เป็นจำนวน 100 เหรียญเงิน[g] ที่ดินนี้ตกเป็นมรดกของบรรดาผู้สืบเชื้อสายของโยเซฟ

33 และเอเลอาซาร์บุตรของอาโรนก็สิ้นชีวิต และเขาทั้งหลายฝังท่านไว้ที่กิเบอาห์ซึ่งอยู่ในแถบภูเขาแห่งเอฟราอิม และมอบไว้ให้แก่ฟีเนหัสบุตรของท่าน

New Thai Version (NTV-BIBLE)

Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation