Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

Beginning

Read the Bible from start to finish, from Genesis to Revelation.
Duration: 365 days
New Thai Version (NTV-BIBLE)
Version
โยชูวา 9-11

กลลวงของชาวกิเบโอน

ทันทีที่บรรดากษัตริย์ที่อยู่โพ้นแม่น้ำจอร์แดนในแถบภูเขา ที่ลุ่ม และตลอดชายฝั่งของทะเลใหญ่[a] จนถึงเลบานอน คือบรรดากษัตริย์ของชาวฮิต ชาวอาโมร์ ชาวคานาอัน ชาวเปริส ชาวฮีว และของชาวเยบุสได้ยินถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ต่างก็ร่วมกันทำสงครามต่อสู้กับโยชูวาและคนอิสราเอล

เมื่อผู้อาศัยของเมืองกิเบโอนได้ยินว่าโยชูวากระทำสิ่งใดต่อเยรีโคและเมืองอัย พวกเขาจึงใช้เล่ห์เหลี่ยมทำทีว่าเป็นผู้แทนไป ให้ลาแบกถุงขาดๆ และถุงหนังเก่าที่บรรจุเหล้าองุ่นก็ขาดและมีรอยปะ รองเท้าที่สวมก็สึกและมีรอยซ่อม เสื้อผ้าเก่ามาก และเสบียงอาหารก็แห้งกรังและหักจนป่น และพวกเขาไปหาโยชูวาในค่ายที่กิลกาล พูดกับท่านและชายชาวอิสราเอลว่า “พวกเรามาจากแดนไกล ขอทำพันธสัญญากับพวกเราเถิด” แต่ชายชาวอิสราเอลพูดกับชาวฮีวว่า “ท่านอาจจะอาศัยอยู่ในหมู่พวกเรา แล้วเราจะทำพันธสัญญากับท่านได้อย่างไร” พวกเขาพูดกับโยชูวาว่า “พวกเราเป็นผู้รับใช้ของท่าน” โยชูวาพูดกับพวกเขาว่า “พวกท่านเป็นใคร มาจากไหน” พวกเขาตอบว่า “ผู้รับใช้ของท่านมาจากแดนไกล เนื่องจากพระกิตติคุณของพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่าน และเราได้ยินรายงานเกี่ยวกับพระองค์และทุกสิ่งที่พระองค์กระทำในอียิปต์ 10 และทุกสิ่งที่พระองค์กระทำต่อกษัตริย์ทั้งสองของชาวอาโมร์ที่อยู่โพ้นแม่น้ำจอร์แดน คือสิโหนกษัตริย์แห่งเฮชโบน และโอกกษัตริย์แห่งบาชานผู้อาศัยอยู่ที่อัชทาโรท 11 ดังนั้นบรรดาผู้อาวุโสของเราและบรรดาผู้อาศัยของประเทศเราบอกเราว่า ‘จงเตรียมเสบียงอาหารติดตัวไปสำหรับการเดินทางเพื่อไปพบพวกเขา และกล่าวกับพวกเขาว่า “พวกเราเป็นผู้รับใช้ของท่าน บัดนี้ขอทำพันธสัญญากับพวกเราเถิด”’ 12 ดูซิ ขนมปังของเรา ตอนที่เราเอามาจากบ้านเพื่อเป็นอาหารระหว่างการเดินทางมาหาท่าน มันยังอุ่นอยู่เลย แต่ตอนนี้มันแห้งกรังและหักจนป่น 13 ดูซิ ถุงหนังใส่เหล้าองุ่น ตอนนั้นก็ยังใหม่ แต่ตอนนี้ขาดหมดแล้ว เสื้อผ้ากับรองเท้าหลุดลุ่ยเพราะเดินทางไกลมาก” 14 ดังนั้น พวกผู้ชายเอาเสบียงอาหารของพวกเขาไปบ้าง โดยไม่ได้ปรึกษาพระผู้เป็นเจ้าเลย 15 โยชูวามีสัมพันธไมตรีและทำพันธสัญญากับเขาเหล่านั้นเป็นการไว้ชีวิตพวกเขา และบรรดาหัวหน้าของมวลชนก็รับรองด้วยการสาบานกับพวกเขา

16 หลังจากทำพันธสัญญากันได้ 3 วัน ชาวอิสราเอลจึงทราบว่า เขาเหล่านั้นมาจากดินแดนใกล้เคียงและยังอาศัยอยู่ในหมู่พวกเขาเองด้วย 17 ชาวอิสราเอลจึงเดินทางออกไป และในวันที่สามก็ไปถึงเมืองของเขาเหล่านั้น คือกิเบโอน เคฟีราห์ เบเอโรท และคีริยาทเยอาริม 18 แต่ชาวอิสราเอลไม่ได้โจมตีพวกเขา เพราะบรรดาหัวหน้าของมวลชนได้สาบานกับพวกเขาแล้วในพระนามของพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของอิสราเอล มวลชนทั้งปวงจึงบ่นต่อว่าบรรดาผู้นำ 19 แต่ผู้นำทุกคนพูดกับมวลชนทั้งปวงว่า “เราได้สาบานกับพวกเขาแล้วในพระนามของพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของอิสราเอล และบัดนี้เราจะแตะต้องเขาไม่ได้ 20 สิ่งที่เราควรกระทำต่อพวกเขาคือ ให้พวกเขามีชีวิตอยู่ มิฉะนั้นโทษจะตกอยู่กับเราเอง เพราะคำสาบานที่เราให้พวกเขา” 21 และบรรดาหัวหน้าพูดกับเขาว่า “ให้พวกเขามีชีวิตอยู่” และเขาเหล่านั้นจึงเป็นคนตัดฟืนและคนตักน้ำสำหรับมวลชนทั้งปวง ตามที่บรรดาผู้นำบอกพวกเขา

22 โยชูวาถามพวกเขาว่า “ทำไมพวกท่านจึงหลอกลวงเราว่า ‘พวกเราอยู่ไกลจากพวกท่านมาก’ ทั้งๆ ที่พวกท่านอาศัยอยู่ในหมู่พวกเรา 23 ฉะนั้น บัดนี้พวกท่านถูกสาปแช่ง และพวกท่านบางคนจะเป็นแค่คนรับใช้ตัดฟืนและตักน้ำสำหรับพระตำหนักของพระเจ้าของเรา” 24 พวกเขาตอบโยชูวาว่า “เป็นเพราะผู้รับใช้ทั้งหลายของท่านทราบอย่างแน่นอนว่า พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านได้บัญชาโมเสสผู้รับใช้ของพระองค์ให้มอบแผ่นดินทั้งหมดแก่พวกท่าน และให้ฆ่าผู้อยู่อาศัยทุกคนในแผ่นดินให้พ้นหน้าท่าน พวกเรากลัวตายมากก็เพราะท่าน จึงได้กระทำเช่นนั้น 25 ดูเถิด บัดนี้พวกเราอยู่ในกำมือของท่าน อะไรที่ท่านเห็นควรและถูกต้อง ก็กระทำต่อพวกเราเถิด” 26 ดังนั้น สิ่งที่โยชูวากระทำก็คือ ท่านปล่อยให้เขาเหล่านั้นไปพ้นจากเงื้อมมือของชาวอิสราเอล และไม่ได้ฆ่าพวกเขา 27 แต่โยชูวาให้พวกเขาเป็นคนตัดฟืนและคนตักน้ำสำหรับมวลชนและสำหรับแท่นบูชาของพระผู้เป็นเจ้าตามแต่สถานที่ที่พระองค์จะเลือก และก็เป็นมาจนถึงทุกวันนี้

ดวงอาทิตย์หยุดนิ่ง

10 ทันทีที่อาโดนีเซเดกกษัตริย์แห่งเยรูซาเล็มทราบว่าโยชูวาได้ยึดเมืองอัย และทำลายให้พินาศ และได้กระทำต่อเมืองอัยและกษัตริย์ของเมือง ดังที่กระทำต่อเมืองเยรีโคและกษัตริย์ของเมือง และทราบว่าบรรดาผู้อยู่อาศัยของเมืองกิเบโอนทำสัญญาสันติภาพกับอิสราเอลและอยู่ในหมู่พวกเขา ท่านจึงกลัวมาก เพราะว่าเมืองกิเบโอนเป็นเมืองใหญ่เทียบเท่าเมืองหลวง และเป็นเพราะว่าใหญ่กว่าเมืองอัย อีกทั้งชายทุกคนเป็นนักรบ ดังนั้นอาโดนีเซเดกกษัตริย์แห่งเยรูซาเล็มมีสาสน์ถึงโฮฮัมกษัตริย์แห่งเฮโบรน ถึงปิรามกษัตริย์แห่งยาร์มูท ถึงยาเฟียกษัตริย์แห่งลาคีช และเดบีร์กษัตริย์แห่งเอกโลนว่า “ช่วยขึ้นมาหาเราและช่วยเรา เราไปโจมตีเมืองกิเบโอนกันเถิด เพราะเมืองนั้นมีสันติภาพกับโยชูวาและชาวอิสราเอลแล้ว” ฉะนั้นกษัตริย์ทั้งห้าของชาวอาโมร์คือ กษัตริย์แห่งเยรูซาเล็ม กษัตริย์แห่งเฮโบรน กษัตริย์แห่งยาร์มูท กษัตริย์แห่งลาคีช และกษัตริย์เมืองเอกโลน จึงรวบรวมกำลังของตนขึ้นไปกับกองทัพ และตั้งค่ายทำสงครามต่อสู้กับเมืองกิเบโอน

ฝ่ายคนจากเมืองกิเบโอนก็ส่งข่าวไปให้โยชูวาทราบที่ค่ายในกิลกาลว่า “อย่าถอนกำลังไปจากผู้รับใช้ของท่าน ขึ้นมาช่วยชีวิตพวกเราโดยเร็ว เพราะว่ากษัตริย์ทั้งปวงของชาวอาโมร์ที่อาศัยอยู่ในแถบภูเขารวมกำลังต่อสู้กับเรา” โยชูวาจึงขึ้นไปจากกิลกาล พร้อมกับกองทัพทั้งหมดและนักรบผู้เก่งกล้าทุกคน พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับโยชูวาว่า “ไม่ต้องกลัวพวกเขา เพราะว่าเราทำให้พวกเขาตกอยู่ในเงื้อมมือของเจ้า ไม่มีผู้ใดในพวกเขาที่จะยืนต่อต้านเจ้าได้” หลังจากที่โยชูวาเดินทางตลอดทั้งคืนขึ้นไปจากกิลกาล ท่านก็เข้าโจมตีพวกนั้นทันที 10 พระผู้เป็นเจ้าทำให้เขาเหล่านั้นหวาดหวั่นพรั่นพรึงต่อหน้าคนอิสราเอล และอิสราเอลฆ่าคนจำนวนมากที่เมืองกิเบโอน คนอิสราเอลไล่ล่าพวกนั้นไปทางที่ขึ้นไปยังเบธโฮโรน และไล่ฆ่าพวกเขาจนถึงเมืองอาเซคาห์และมักเคดาห์ 11 และในขณะที่เขาเหล่านั้นกำลังวิ่งหนีลงไปต่อหน้าคนอิสราเอลจากเมืองเบธโฮโรน พระผู้เป็นเจ้าก็ทำให้ลูกเห็บตกลงมาจากฟ้า จนพวกเขาไปถึงเมืองอาเซคาห์ แล้วก็ตาย คนตายเพราะลูกเห็บมีจำนวนมากกว่าคนตายเพราะคมดาบของชาวอิสราเอล

12 ในวันที่พระผู้เป็นเจ้ามอบชาวอาโมร์ให้แก่ชาวอิสราเอล โยชูวาพูดกับพระผู้เป็นเจ้าต่อหน้าคนอิสราเอลในครั้งนั้นว่า

“ดวงอาทิตย์เอ๋ย จงหยุดนิ่งอยู่ที่กิเบโอน
    และดวงจันทร์เอ๋ย หยุดอยู่ที่หุบเขาอัยยาโลน”
13 ดวงอาทิตย์หยุดนิ่ง
    และดวงจันทร์ก็หยุดด้วย
    จนกระทั่งประชาชาตินั้นได้แก้แค้นพวกศัตรูก่อน

เรื่องนี้ไม่มีบันทึกอยู่ในหนังสือของยาชาร์หรือ ดวงอาทิตย์หยุดนิ่งอยู่กลางท้องฟ้า และไม่ได้รีบตกดินจนกว่าเวลาจะล่วงไปประมาณ 1 วัน 14 ไม่เคยมีวันใดที่เป็นเหมือนวันนั้น ทั้งก่อนหน้านี้หรือหลังจากวันนั้นมา เมื่อพระผู้เป็นเจ้าฟังเสียงมนุษย์ เพราะว่า พระผู้เป็นเจ้าต่อสู้เพื่ออิสราเอล

15 แล้วโยชูวากับคนอิสราเอลทั้งปวงก็กลับไปยังค่ายที่กิลกาล

กษัตริย์ทั้งห้าของชาวอาโมร์ถูกประหาร

16 กษัตริย์ทั้งห้าหนีไปซ่อนตัวอยู่ในถ้ำที่มักเคดาห์ 17 โยชูวาได้ยินมาว่า “มีคนพบกษัตริย์ทั้งห้าที่หลบซ่อนอยู่ในถ้ำที่มักเคดาห์” 18 โยชูวาพูดว่า “จงกลิ้งหินก้อนใหญ่ๆ ปิดปากถ้ำไว้ และให้คนเฝ้าอยู่ใกล้ๆ 19 แต่ตัวท่านเองอย่าอยู่ที่นั่น จงไล่ตามศัตรูของท่านไป โจมตีจากด้านหลัง อย่าปล่อยให้พวกเขาเข้าไปในเมือง ด้วยว่า พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านทำให้เขาเหล่านั้นตกอยู่ในเงื้อมมือของท่านแล้ว” 20 เมื่อโยชูวาและชาวอิสราเอลฆ่าเขาเหล่านั้นตายหลายคนจนพินาศ ส่วนที่เหลืออยู่ไม่กี่คนก็หนีเข้าไปในเมืองซึ่งมีการคุ้มกันอย่างแข็งแกร่ง 21 แล้วประชาชนทั้งปวงกลับไปหาโยชูวาที่ค่ายที่มักเคดาห์โดยปลอดภัย ไม่มีผู้ใดปริปากต่อต้านชาวอิสราเอลอีก

22 โยชูวาพูดว่า “จงเปิดปากถ้ำ และพากษัตริย์ทั้งห้าออกมาหาเรา” 23 พวกเขาก็กระทำตาม โดยพากษัตริย์ทั้งห้านั้นออกจากถ้ำมาหาท่าน มีกษัตริย์แห่งเยรูซาเล็ม กษัตริย์แห่งเฮโบรน กษัตริย์แห่งยาร์มูท กษัตริย์แห่งลาคีช และกษัตริย์แห่งเอกโลน 24 เมื่อเขาพากษัตริย์เหล่านั้นออกมาหาโยชูวา โยชูวาจึงบัญชาชายชาวอิสราเอลทุกคน และพูดกับหัวหน้านักรบที่ออกไปต่อสู้ด้วยกันกับท่าน “เข้ามาใกล้ๆ เอาเท้าเหยียบคอกษัตริย์เหล่านี้” พวกเขาก็เข้าไปใกล้ๆ แล้วเอาเท้าเหยียบที่คอเหล่ากษัตริย์ 25 โยชูวาพูดกับพวกเขาว่า “อย่ากลัวหรือท้อใจเลย จงเข้มแข็งและกล้าหาญ พระผู้เป็นเจ้าจะกระทำเช่นนี้ต่อศัตรูทุกคนที่ท่านจะต้องต่อสู้ด้วย” 26 หลังจากนั้นโยชูวาก็ฆ่ากษัตริย์เหล่านั้น และแขวนคอท่านไว้บนต้นไม้ 5 ต้น แขวนค้างอยู่บนต้นไม้จนตกเย็น 27 แต่พอถึงเวลาตะวันตกดิน โยชูวาบัญชาให้เอาศพลงจากต้นไม้และโยนเข้าไปในถ้ำที่เคยซ่อนตัวกัน และพวกเขาก็วางหินก้อนใหญ่หลายก้อนปิดปากถ้ำไว้ ซึ่งยังอยู่ที่นั่นมาจนถึงทุกวันนี้

28 โยชูวาได้ยึดเมืองมักเคดาห์ไว้ในวันนั้น และฆ่ากษัตริย์ของเมืองด้วยคมดาบ ท่านทำลายล้างทุกชีวิตในเมืองโดยไม่เว้นแม้แต่คนเดียว และท่านทำต่อกษัตริย์แห่งมักเคดาห์เหมือนกับที่ได้ทำต่อกษัตริย์แห่งเยรีโค

ชัยชนะทางทิศใต้ของคานาอัน

29 ครั้นแล้วโยชูวากับคนอิสราเอลทั้งปวงก็เดินทัพต่อไปจากเมืองมักเคดาห์จนถึงเมืองลิบนาห์ และโจมตีลิบนาห์ 30 และพระผู้เป็นเจ้าทำให้ทั้งเมืองและกษัตริย์ตกอยู่ในเงื้อมมือของอิสราเอล ท่านยึดเมืองและทุกคนในเมืองด้วยคมดาบโดยไม่ไว้ชีวิตใครสักคน และท่านกระทำต่อกษัตริย์เหมือนกับที่กระทำต่อกษัตริย์แห่งเยรีโค

31 แล้วโยชูวากับคนอิสราเอลทั้งปวงเดินศึกต่อไปจากเมืองลิบนาห์จนถึงเมืองลาคีช ล้อมเมืองไว้และต่อสู้กับเมืองนั้น 32 และพระผู้เป็นเจ้าทำให้เมืองลาคีชตกอยู่ในเงื้อมมือของอิสราเอล ท่านยึดเมืองได้ในวันที่สอง ตีได้ทั้งเมืองและฆ่าทุกคนด้วยคมดาบ เหมือนกับที่กระทำต่อเมืองลิบนาห์

33 แล้วโฮรามกษัตริย์แห่งเกเซอร์ขึ้นมาช่วยเมืองลาคีช โยชูวาจึงฆ่าท่านและคนของท่านจนไม่มีใครเหลือ

34 แล้วโยชูวากับคนอิสราเอลทั้งปวงเดินศึกต่อไปจากเมืองลาคีชจนถึงเมืองเอกโลน ล้อมเมืองไว้และต่อสู้กับเมืองนั้น 35 พวกเขายึดเมืองได้ในวันนั้น ฆ่าคนในเมืองด้วยคมดาบ และในวันนั้นท่านทำลายล้างทุกชีวิตในเมือง เหมือนกับที่กระทำต่อเมืองลาคีช

36 แล้วโยชูวากับคนอิสราเอลขึ้นไปจากเมืองเอกโลนจนถึงเมืองเฮโบรน และโจมตีเมืองนั้น 37 และยึดเมืองได้ รวมทั้งกษัตริย์และตำบลโดยรอบ และฆ่าทุกคนในเมืองด้วยคมดาบ ท่านไม่ไว้ชีวิตแม้แต่คนเดียว เหมือนกับที่ได้กระทำต่อเมืองเอกโลน ทำลายเมืองและทำลายล้างทุกชีวิตด้วย

38 แล้วโยชูวากับคนอิสราเอลทั้งปวงก็กลับไปยังเมืองเดบีร์และต่อสู้กับเมืองนั้น 39 ท่านยึดเมืองกับกษัตริย์ และตำบลโดยรอบไว้ได้ทั้งหมด พวกเขาฆ่าคนในเมืองด้วยคมดาบ และทำลายล้างทุกชีวิตในเมือง ท่านไม่ไว้ชีวิตแม้แต่คนเดียว ท่านกระทำต่อเมืองเดบีร์และกษัตริย์ของเมืองนั้น เหมือนกับที่ได้กระทำต่อเมืองเฮโบรน และต่อลิบนาห์กับกษัตริย์ของเมือง

40 ฉะนั้น โยชูวาตีได้แผ่นดินทั้งหมดคือ รวมถึงแถบภูเขา ในเนเกบ ที่ลุ่ม และเนินสูง และกษัตริย์ทั้งปวง ท่านไม่ไว้ชีวิตสักคนเดียว คือทำลายล้างทุกชีวิต ตามที่พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของอิสราเอลบัญชาไว้ 41 และโยชูวาตีเมืองตั้งแต่คาเดชบาร์เนียไปจนถึงเมืองกาซา และดินแดนทั้งหมดของโกเชนจนถึงเมืองกิเบโอน 42 โยชูวาจับกุมกษัตริย์เหล่านี้พร้อมกับดินแดนของท่านไว้ได้ในคราวเดียวกัน เพราะว่า พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของอิสราเอลได้ต่อสู้เพื่ออิสราเอล 43 แล้วโยชูวากับคนอิสราเอลทั้งปวงก็กลับไปยังค่ายที่กิลกาล

ชัยชนะทางทิศเหนือของคานาอัน

11 เมื่อยาบินกษัตริย์แห่งฮาโซร์ได้ยินเรื่องนี้ จึงให้คนไปหาโยบับกษัตริย์แห่งมาโดน กษัตริย์แห่งชิมโรน และกษัตริย์แห่งอัคชาฟ และไปหาบรรดากษัตริย์ที่อยู่ในแถบภูเขาทางทิศเหนือ และในอาราบาห์ที่ใต้คินเนโรท ในที่ลุ่ม และนาฟาทโดร์ทางด้านตะวันตก ไปหาชาวคานาอันทางทิศตะวันออกและทิศตะวันตก ชาวอาโมร์ ชาวฮิต ชาวเปริส ชาวเยบุสที่แถบภูเขา และชาวฮีวที่อยู่ด้านล่างลงมาจากภูเขาเฮอร์โมนในดินแดนมิสปาห์ และท่านเหล่านั้นออกมาพร้อมกับกองทหาร มีกองทัพมากมายราวกับเม็ดทรายบนชายฝั่งทะเล มีม้าและรถศึกจำนวนมาก กษัตริย์เหล่านั้นรวมกำลังเข้าด้วยกัน และไปตั้งค่ายกันที่ธารน้ำเมโรม เพื่อต่อสู้กับอิสราเอล

พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับโยชูวาว่า “อย่ากลัวพวกนั้นเลย เพราะว่าในวันพรุ่งนี้เวลาประมาณนี้ เราจะมอบพวกเขาทุกคนไว้ในมือของอิสราเอล เจ้าจะทำให้ม้าของพวกเขาพิการ และเผารถศึกของเขา” ดังนั้น โยชูวากับกองทหารทั้งหมดก็เข้าโจมตีทันทีที่ใกล้ธารน้ำเมโรม และพระผู้เป็นเจ้ามอบเขาเหล่านั้นไว้ในมือของอิสราเอล พวกเขาตีได้และไล่ล่าไปจนถึงมหาไซดอนและมิสเรโฟทมาอิม และทางทิศตะวันออกก็ไปจนถึงหุบเขามิสเปห์ ฆ่าเขาเหล่านั้นจนกระทั่งไม่มีใครเหลือ และโยชูวากระทำต่อพวกเขาอย่างที่พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับท่านไว้ ท่านทำให้ม้าของพวกเขาพิการและเผารถศึกของเขา

10 ในเวลานั้น โยชูวากลับไปยึดเมืองฮาโซร์ และฆ่ากษัตริย์ด้วยคมดาบ เพราะว่าก่อนหน้านี้ฮาโซร์เป็นหัวหน้าของอาณาจักรเหล่านั้น 11 พวกเขาใช้ดาบทำลายล้างทุกชีวิตในเมือง ไม่มีใครที่หายใจได้หลงเหลืออยู่ และท่านเผาเมืองฮาโซร์ 12 โยชูวายึดทุกเมืองที่เป็นของกษัตริย์เหล่านั้นอีกทั้งกษัตริย์ทั้งหมด และทำลายล้างชีวิตของพวกเขาทุกคนด้วยคมดาบ ตามที่โมเสสผู้รับใช้ของพระผู้เป็นเจ้าบัญชาไว้ 13 แต่เมืองที่ตั้งอยู่บนเนินเขาไม่ถูกอิสราเอลเผา ยกเว้นฮาโซร์เท่านั้นที่โยชูวาเผา 14 ชาวอิสราเอลเอาของที่ริบได้จากเมืองเหล่านั้นกับสัตว์เลี้ยงไปใช้ แต่คนทุกคนถูกฆ่าตายด้วยคมดาบจนกระทั่งไม่มีใครที่หายใจได้หลงเหลืออยู่ 15 พระผู้เป็นเจ้าได้บัญชาโมเสสผู้รับใช้ของพระองค์อย่างไร โมเสสก็บัญชาโยชูวาอย่างนั้น และโยชูวาก็กระทำไปตามนั้น ท่านไม่ได้กระทำสิ่งใดอันขาดตกบกพร่องในเรื่องที่พระผู้เป็นเจ้าบัญชาโมเสส

16 ฉะนั้น โยชูวาเอาแผ่นดินทั้งหมดไป คือในแถบภูเขา เนเกบทั้งหมด แผ่นดินโกเชนทั้งหมด ที่ลุ่ม และอาราบาห์ แถบภูเขาและที่ลุ่มของอิสราเอล 17 ตั้งแต่ภูเขาฮาลักขึ้นไปจนถึงเสอีร์ ไกลไปจนถึงบาอัลกาดในหุบเขาเลบานอนที่อยู่ถัดลงมาจากภูเขาเฮอร์โมน และท่านจับกุมกษัตริย์ทั้งหมดของพวกเขาและปลิดชีวิตเสียสิ้น 18 โยชูวาทำสงครามอยู่กับกษัตริย์เหล่านั้นเป็นเวลานาน 19 ไม่มีเมืองใดที่มีสันติภาพกับชาวอิสราเอล ยกเว้นชาวฮีวผู้อยู่อาศัยของเมืองกิเบโอน เมืองอื่นๆ ถูกปราบในสงคราม 20 พระผู้เป็นเจ้าทำให้พวกเขาใจแข็งกระด้าง และทำให้พวกเขาเข้าโจมตีอิสราเอลในสงคราม เพื่อทำลายล้างชีวิตของพวกเขาทุกคน และไม่สมควรได้รับความเมตตา แต่เป็นความพินาศ ตามที่พระผู้เป็นเจ้าบัญชาโมเสส

21 ในเวลานั้นโยชูวาไปทำให้ชาวอานาคที่อยู่แถบภูเขา ที่เฮโบรน ที่เดบีร์ ที่อานาบ และที่แถบภูเขาทั้งหมดของอิสราเอลพินาศด้วย โยชูวาทำลายล้างทุกชีวิตของเขาเหล่านั้นพร้อมกับเมืองของเขาทุกเมือง 22 ไม่มีชาวอานาคเหลืออยู่ในแผ่นดินของชาวอิสราเอล จะมีเหลืออยู่บ้างก็ที่กาซา กัท และที่อัชโดด 23 ฉะนั้นโยชูวายึดเอาแผ่นดินไปทั้งหมด ตามที่พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับโมเสส และโยชูวาได้มอบให้แก่อิสราเอลเป็นมรดกตามส่วนแบ่งของแต่ละเผ่า และแผ่นดินก็สงบจากศึกสงคราม

New Thai Version (NTV-BIBLE)

Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation