Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

Beginning

Read the Bible from start to finish, from Genesis to Revelation.
Duration: 365 days
New Thai Version (NTV-BIBLE)
Version
เฉลยธรรมบัญญัติ 32-34

32 “ฟ้าสวรรค์จงฟังเถิด แล้วเราจะพูด
    ขอให้ผืนแผ่นดินได้ยินคำจากปากของเรา
ขอให้คำสั่งสอนของเราหลั่งลงดั่งหยาดฝน
    คำพูดของเราหยดลงดั่งหยาดน้ำค้าง
ประหนึ่งหยดฝนบนใบหญ้า
    และดุจดังละอองฝนโปรยลงบนพืชพรรณไม้

ด้วยว่าเราจะประกาศพระนามของพระผู้เป็นเจ้า
    จงยอมรับว่า พระเจ้าของพวกเรายิ่งใหญ่
พระองค์เป็นศิลา การงานของพระองค์เพียบพร้อมทุกประการ
    ด้วยว่าทุกวิถีทางของพระองค์เที่ยงธรรม
พระเจ้าแห่งความสัตย์จริงและปราศจากความผิด
    พระองค์เที่ยงธรรมและมีความชอบธรรม

เขาทั้งหลายประพฤติเลวทรามต่อพระองค์
    เขาไม่ใช่บุตรของพระองค์อีกต่อไปแล้วเพราะมลทินของเขา
    และเป็นคนในยุคที่บิดเบือนและไม่ซื่อตรง
ท่านโง่เขลาและไม่มีสติยั้งคิด
    ท่านกระทำตอบพระผู้เป็นเจ้าเช่นนี้หรือ
พระองค์มิใช่พระบิดาของท่านหรอกหรือที่เป็นผู้บันดาลท่านขึ้นมา
    ผู้สร้างและทำให้ท่านมั่นคง

จงจำสมัยดึกดำบรรพ์
    นึกถึงสมัยที่ผ่านพ้นมานานแล้ว
จงถามบิดาของท่าน และเขาจะบอกท่าน
    ถามพวกอาวุโสของท่าน แล้วพวกเขาจะเล่าให้ท่านทราบ
เมื่อองค์ผู้สูงสุดมอบมรดกแก่บรรดาประชาชาติ
    เมื่อพระองค์แยกบรรดาบุตรของมนุษย์ให้จากกัน
พระองค์กั้นเขตแดนให้บรรดาชนชาติได้อยู่อาศัย
    ตามแต่จำนวนบุตรของอิสราเอล
และส่วนที่พระผู้เป็นเจ้าได้รับก็คือชนชาติของพระองค์
    ชาวอิสราเอลเป็นผู้สืบมรดกของพระองค์ที่ได้มั่นหมายไว้

10 พระองค์พบพวกเขาในถิ่นทุรกันดาร
    ในที่ร้างอันแร้นแค้นปราศจากผู้คน
พระองค์อารักขาและดูแลเขา
    พระองค์ปกปักรักษาเขาดั่งแก้วตาของพระองค์
11 ดั่งนกอินทรีที่เขี่ยกระตุ้นรังของมัน
    ที่บินวนเวียนอยู่ใกล้ลูกน้อย
กางปีกของมันออกคอยโอบ
    ประคับประคองให้ลูกๆ พักพิงบนปีกของมัน
12 พระผู้เป็นเจ้าเท่านั้นที่นำพวกเขาไป
    โดยไม่มีเทพเจ้าต่างชาติเกี่ยวข้องด้วย

13 พระองค์ให้พวกเขาปกครองในที่สูงแห่งแผ่นดินโลก
    และพวกเขาได้รับประทานผลผลิตจากทุ่งนา
พระองค์ให้เขาดื่มน้ำผึ้งจากซอกหิน
    และน้ำมันจากหินเหล็กไฟ
14 โยเกิร์ตจากนมโค และน้ำนมจากฝูงแพะแกะ
    ลูกแกะ อีกทั้งแพะ
และแกะตัวผู้ของบาชานอันอ้วนพี
    กับข้าวสาลีชนิดดีที่สุด
และท่านได้ดื่มเหล้าองุ่นแดงพันธุ์ดี

15 เยชูรูน[a]อ้วนพีและขัดขืน
    เจ้าอ้วนใหญ่ขึ้น ตัวหนา และอ้วนท้วน
เขาทอดทิ้งพระเจ้าผู้สร้างเขามา
    และเยาะเย้ยศิลาแห่งความรอดพ้นของเขา
16 พวกเขากระตุ้นให้ความหวงแหนของพระองค์พลุ่งขึ้นด้วยบรรดาเทพเจ้าต่างชาติ
    เขายั่วโทสะพระองค์ด้วยรูปเคารพที่น่าชัง
17 พวกเขามอบเครื่องบูชาแก่มารซึ่งไม่ใช่พระเจ้า
    แต่เป็นเทพเจ้าที่ไม่เคยรู้จัก
เป็นบรรดาเทพเจ้าใหม่ๆ
    ซึ่งบรรพบุรุษของท่านก็ไม่เคยเกรงกลัว
18 ท่านเพิกเฉยต่อศิลาผู้บังเกิดเกล้าของท่าน
    และท่านลืมพระเจ้าผู้ให้กำเนิดแก่ท่าน

19 พระผู้เป็นเจ้าเห็นการกระทำเช่นนั้น
    พระองค์โกรธและปฏิเสธบรรดาบุตรชายบุตรหญิงของพระองค์
20 และพระองค์กล่าวว่า ‘เราจะซ่อนหน้าจากพวกเขา
    เราจะดูว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับเขาในที่สุด
เพราะพวกเขาเป็นคนในยุคที่บิดเบือน
    เป็นบุตรที่ไม่ภักดี
21 พวกเขาได้ปลุกให้เราเกิดหวงแหนด้วยสิ่งที่ไม่ใช่เทพเจ้า
    พวกเขาทำให้เราโกรธด้วยรูปเคารพซึ่งไร้ค่าของเขา
ฉะนั้นเราจะกระตุ้นให้พวกเขาอิจฉาบรรดาผู้ที่ไม่ได้เป็นชนชาติ
    เราจะทำให้พวกเขาโกรธด้วยประชาชาติที่โง่เขลา[b]
22 เพราะเพลิงไฟลุกขึ้นจากความโกรธของเรา
    และมันเผาไหม้ถึงก้นบึ้งของแดนคนตาย
เผาผลาญแผ่นดินโลกกับพืชผล
    และทำให้ฐานรากของภูเขาลุกโพลง

23 เราจะสุมความวิบัติไว้กับพวกเขา
    และเราจะยิงลูกธนูใส่เขา
24 ชีวิตของเขาจะดับลงด้วยความหิวโหย
    และถูกกลืนกินด้วยความร้อนดั่งเพลิงและโรคระบาดร้ายแรง
และเราจะทำให้เขาถูกรังควานด้วยสัตว์ป่า
    และด้วยพิษของสัตว์เลื้อยคลานที่อยู่บนดิน
25 จะมีการฆ่ารันฟันแทงในที่แจ้ง
    สิ่งอันน่าสะพรึงกลัวจะเกิดขึ้นในเรือน
ทำให้ชายหนุ่มและหญิงสาวล้มตาย
    รวมทั้งเด็กเล็กและคนชราด้วย
26 เราจะพูดก็ได้ว่า เราจะทำให้พวกเขากระจัดกระจายไปให้ไกล
    เราจะทำให้มนุษย์ไม่รำลึกถึงพวกเขาอีกต่อไป
27 แต่เราไม่อยากให้ศัตรูคุยโว
    เกรงว่าปฏิปักษ์จะสำคัญผิดไป
และพวกเขาจะพูดว่า “เราได้ชัยชนะด้วยมือของเราเอง
    พระผู้เป็นเจ้าไม่ได้เป็นผู้กระทำสิ่งเหล่านี้”’

28 พวกเขาเป็นประชาชาติหนึ่งที่ขาดคำปรึกษา
    และไม่มีความหยั่งรู้
29 ถ้าพวกเขามีสติปัญญาก็จะเข้าใจเรื่องนี้ได้
    และก็จะสังเกตได้ว่า อะไรจะเกิดขึ้นกับเขาในที่สุด
30 คนเดียวจะขับไล่คนเป็นพัน
    และสองคนทำให้คนเป็นหมื่นเตลิดหนีได้อย่างไร
นอกจากว่าศิลาของพวกเขาทอดทิ้งเขาไปแล้ว
    และพระผู้เป็นเจ้ายอมยกพวกเขาให้แล้ว
31 เพราะศิลาของพวกเขาไม่เป็นเช่นศิลาของพวกเรา
    แม้แต่พวกศัตรูเองก็ทราบดี
32 เพราะกิ่งก้านของพวกเขาผลิออกมาจากกิ่งก้านของโสโดม
    และจากทุ่งนาของโกโมราห์
ผลองุ่นของพวกเขาเป็นผลที่มีพิษ
    เป็นพวงองุ่นขม
33 เหล้าองุ่นของพวกเขาเป็นพิษดั่งพิษงู
    พิษร้ายของงูเห่า

34 ‘เราไม่ได้เก็บเรื่องนี้ไว้เอง
    และปิดไว้อย่างมิดชิดดั่งของมีค่าของเราหรอกหรือ
35 การแก้แค้นและการสนองตอบเป็นของเรา
    เมื่อถึงคราวเท้าของพวกเขาจะพลาดพลั้ง
เพราะวันหายนะใกล้จะถึง
    และเขาจะถูกพิพากษาอย่างฉับพลัน’

36 เพราะพระผู้เป็นเจ้าจะพิสูจน์ว่าคนของพระองค์ไม่ผิด
    และเมตตาต่อบรรดาผู้รับใช้ของพระองค์
เมื่อพระองค์เห็นว่าพลังของพวกเขาหมดสิ้นแล้ว
    และไม่มีใครเหลืออยู่เลย ไม่ว่าจะเป็นทาสหรืออิสระ
37 พระองค์จะกล่าวว่า ‘เทพเจ้าของพวกเขาอยู่ที่ไหน
    ศิลาที่เขาพึ่งพิง
38 เทพเจ้าผู้กินเครื่องสักการะที่ดีที่สุดของพวกเขา
    และดื่มเหล้าองุ่นจากเครื่องดื่มบูชาของเขา
ให้เทพเจ้าเหล่านั้นลุกขึ้นมาช่วยพวกเจ้า
    และปกป้องเจ้าเถิด

39 บัดนี้ จงดูเถิด เรานี่แหละ เราเป็นผู้นั้น
    และไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากเรา
เราฆ่า และเราทำให้มีชีวิตอยู่
    เราทำให้บาดเจ็บ และเรารักษาให้หาย
    และไม่มีใครที่สามารถช่วยให้พ้นจากมือของเราได้
40 เราชูมือของเราขึ้นสู่สวรรค์ และประกาศว่า
    ตราบที่เรามีชีวิตอยู่ชั่วนิรันดร์กาล
41 เมื่อเราลับดาบอันวาววับของเรา
    และการพิพากษาอยู่ในมือของเรา
เราจะลงโทษพวกศัตรูของเรา
    และจะสนองตอบพวกที่เกลียดชังเรา
42 เราจะทำให้ลูกธนูของเราอาบชุ่มด้วยเลือด
    และดาบของเราจะกลืนกินเนื้อหนัง
พร้อมกับเลือดของคนถูกเชือดและเชลย
    จากหัวของศัตรูซึ่งมีผมยาว’

43 บรรดาประชาชาติเอ๋ย จงยินดีกับชนชาติของพระองค์เถิด
    เพราะพระองค์จะแก้แค้นเลือดของบรรดาผู้รับใช้ของพระองค์
พระองค์จะลงโทษศัตรูของพระองค์
    และลบล้างบาปให้แผ่นดินและชนชาติของพระองค์”

44 แล้วโมเสสก็มากล่าวคำในบทเพลงทั้งหมดให้ประชาชนได้ยิน ทั้งตัวท่านกับโยชูวาบุตรของนูน 45 เมื่อโมเสสกล่าวแก่ชาวอิสราเอลจบแล้ว 46 ท่านกล่าวแก่พวกเขาต่อไปว่า “จงใส่ใจในคำพูดที่เรากำชับพวกท่านในวันนี้ เพื่อท่านจะได้สั่งลูกๆ ของท่านให้กระทำตามคำกล่าวในกฎบัญญัตินี้อย่างระมัดระวัง 47 เพราะไม่ใช่เรื่องพูดเล่น แต่เป็นชีวิตของพวกท่าน ท่านจะมีชีวิตยืนยาวในแผ่นดินที่ท่านกำลังจะข้ามแม่น้ำจอร์แดนไปเพื่อยึดครองก็ด้วยการกระทำตามคำสั่งดังกล่าว”

โมเสสสิ้นชีวิตที่ภูเขาเนโบ

48 ในวันเดียวกันนั้นเอง พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับโมเสสว่า 49 “จงขึ้นไปที่เทือกเขาอาบาริมนี้ ไปยังภูเขาเนโบซึ่งอยู่ในแผ่นดินโมอับ ตรงข้ามกับเมืองเยรีโค แล้วมองดูแผ่นดินคานาอันที่เรามอบให้ชาวอิสราเอลเป็นเจ้าของ 50 และสิ้นลมบนภูเขาที่เจ้าขึ้นไป เจ้าจะถูกนำไปรวมอยู่กับชนชาติของเจ้าที่ล่วงลับไปแล้ว อย่างที่อาโรนพี่ชายของเจ้าสิ้นชีวิตที่ภูเขาโฮร์และถูกนำไปรวมอยู่กับชนชาติของเขาที่ล่วงลับไปแล้ว[c] 51 เพราะเจ้าไม่ภักดีต่อเราท่ามกลางชาวอิสราเอลที่แหล่งน้ำเมรีบาห์-คาเดช[d] ในถิ่นทุรกันดารศิน เพราะเจ้าไม่แสดงความเคารพต่อเราท่ามกลางชาวอิสราเอลว่าเราบริสุทธิ์ 52 เจ้าจะเห็นแผ่นดินอยู่เบื้องหน้าเจ้า แต่จะไม่ได้ก้าวเท้าเข้าไปยังแผ่นดินที่เรามอบให้แก่ชาวอิสราเอล”

โมเสสให้พรแก่ชาวอิสราเอล

33 ต่อไปนี้เป็นคำอวยพรที่โมเสสคนของพระเจ้าได้กล่าวแก่ชาวอิสราเอลก่อนที่ท่านสิ้นชีวิต ท่านกล่าวว่า

พระผู้เป็นเจ้ามาจากซีนาย
    และเบิกอโณทัยให้พวกเขาจากเสอีร์
    พระองค์ทอแสงจากภูเขาปาราน
ผู้บริสุทธิ์จำนวนนับหมื่นมากับพระองค์
    แสงไฟแลบแปลบปลาบอยู่ที่มือขวาของพระองค์
พระองค์รักชนชาติของพระองค์อย่างแน่แท้
    บรรดาผู้บริสุทธิ์ทั้งปวงของพระองค์อยู่ในมือของพระองค์
และพวกเขาอยู่ที่แทบเท้าของพระองค์
    รอรับคำสั่งจากพระองค์
โมเสสบัญชากฎบัญญัติไว้แก่เรา
    ให้เป็นมรดกของที่ประชุมของยาโคบ
พระองค์เป็นกษัตริย์ในเยชูรูน
    เมื่อบรรดาหัวหน้าประจำเผ่าประชุมร่วมกัน
    กับเผ่าต่างๆ ของอิสราเอล

ให้เผ่ารูเบนดำรงเผ่าพันธุ์โดยไม่สูญไป
    แม้จำนวนคนของเขาจะมีไม่มาก”

ท่านกล่าวถึงเผ่ายูดาห์ว่า

“โอ พระผู้เป็นเจ้า โปรดฟังเสียงของยูดาห์
    และพาเขากลับมารวมอยู่กับชนชาติของเขา
โปรดต่อสู้แทนเขาด้วยพลังของพระองค์
    และช่วยต่อต้านศัตรูของเขา”

ท่านกล่าวถึงเผ่าเลวีว่า

“ให้ทูมมิมและอูริมของพระองค์
    แก่เลวีผู้บริสุทธิ์ของพระองค์
ที่พระองค์ได้ทดสอบที่มัสสาห์
    ที่พระองค์ได้ต่อสู้ด้วยที่แหล่งน้ำเมรีบาห์[e]
พวกเขาพูดถึงบิดามารดาทั้งปวงว่า
    ‘เราไม่นึกถึงพวกเขา’
เขาไม่นับญาติกับพี่น้องของเขา
    และไม่สนใจลูกหลานของเขา
เพราะพวกเขาปฏิบัติตามคำบ่งบอกของพระองค์
    และรักษาพันธสัญญาของพระองค์[f]
10 พวกเขาสั่งสอนคำบัญชาของพระองค์แก่ยาโคบ
    และสอนกฎบัญญัติแก่อิสราเอล
พวกเขาเผาเครื่องหอม ณ เบื้องหน้าพระองค์
    และสัตว์ทั้งตัวที่เผาเป็นของถวายบนแท่นบูชาของพระองค์
11 โอ พระผู้เป็นเจ้า โปรดอวยพรเขาด้วยพละกำลัง
    และพอใจในสิ่งที่เขาทำ
โปรดบดขยี้ศัตรูของเขา และพวกที่เกลียดชังเขา
    ให้ยับเยินจนไร้เรี่ยวแรงต่อสู้”

12 ท่านกล่าวถึงเผ่าเบนยามินว่า

“ขอให้ผู้เป็นที่รักของพระผู้เป็นเจ้าอาศัยอยู่เคียงข้างพระองค์อย่างปลอดภัย
    พระองค์ปกป้องเขาในทุกยาม
    และให้เขาอยู่ในอ้อมอกของพระองค์”

13 ท่านกล่าวถึงโยเซฟว่า

“ขอให้พระผู้เป็นเจ้าให้พรแผ่นดินของเขา
    ด้วยหยาดน้ำค้างดีที่สุดจากฟ้าสวรรค์เบื้องบน
    และจากห้วงน้ำลึกที่หมอบอยู่เบื้องล่าง
14 และด้วยพืชผลชนิดดีที่สุดภายใต้แสงอาทิตย์
    และพืชผลอันอุดมเดือนแล้วเดือนเล่า
15 ด้วยสิ่งดีที่สุดจากเทือกเขาแห่งโบราณกาล
    และความอุดมของเนินเขาอันยืนยง
16 ด้วยสิ่งดีที่สุดของแผ่นดินและความอุดมที่ผลิตได้
    และเป็นที่โปรดปรานของพระองค์ผู้เป็นที่ประจักษ์ในพุ่มไม้ที่ลุกเป็นไฟ[g]
ให้สิ่งเหล่านี้จงอยู่บนศีรษะของโยเซฟ
    และอยู่บนหน้าผากของราชา ท่ามกลางพี่น้องของเขา
17 พละกำลังของเขาเป็นดั่งโคตัวผู้หัวปี
    และแข็งแกร่งดั่งเขากระทิง
เขาจะผลักดันบรรดาชนชาติไปทั่วแหล่งหล้า
    เขากระทิงคือพลังนับหมื่นของเอฟราอิม
    และพลังนับพันของมนัสเสห์”

18 ท่านกล่าวถึงเศบูลุนว่า

“เศบูลุนเอ๋ย จงยินดีกับการค้าทางทะเลของท่าน
    และอิสสาคาร์ก็อยู่ในกระโจมของท่าน
19 สองเผ่านี้จะเรียกบรรดาชนชาติให้มาที่ภูเขาของตน
    เพื่อถวายเครื่องสักการะที่เหมาะควร
พวกเขาได้รับความอุดมจากทะเล
    และขุดสมบัติที่ถูกซ่อนอยู่ในทราย”

20 ท่านพูดถึงกาดว่า

“สรรเสริญพระองค์ผู้ขยายแผ่นดินกว้างออกไปให้แก่กาด
    เขาหมอบลงอย่างสิงโต
    เขาต่อสู้ทึ้งแขนขาและกระหม่อม
21 เขาเลือกแผ่นดินส่วนดีที่สุดเป็นของตนเอง
    เพราะเป็นส่วนที่จองไว้สำหรับระดับผู้ปกครอง
เขามากับบรรดาระดับผู้ปกครองของชนชาติ
    เขากระทำตามความชอบธรรมของพระผู้เป็นเจ้า
    และคำบัญชาของพระองค์ที่มีต่ออิสราเอล”

22 ท่านกล่าวถึงดานว่า

“ดานเป็นดุจสิงโตหนุ่มที่พุ่งทะยาน
    ออกไปจากบาชาน”

23 ท่านกล่าวถึงนัฟทาลีว่า

“นัฟทาลีเป็นที่โปรดปรานมาก
    และได้รับพระพรจากพระผู้เป็นเจ้ามากมาย
    ได้ครองอาณาเขตแถบทะเลสาบและทิศใต้”

24 ท่านกล่าวถึงอาเชอร์ว่า

“อาเชอร์ได้รับพระพรมากกว่าเผ่าอื่นๆ
    ขอให้เขาเป็นที่ชื่นชอบของพี่น้องของเขา
    และขอให้เขาจุ่มเท้าลงในน้ำมัน
25 สลักกลอนประตูของท่านเป็นเหล็กและทองสัมฤทธิ์
    ขอให้ท่านมีพละกำลังไปตลอดชีวิต

26 โอ เยชูรูน ไม่มีผู้ใดเหมือนพระเจ้า
    พระองค์ล่องผ่านฟ้าสวรรค์มาเพื่อช่วยท่าน
    และผ่านท้องฟ้ามาในความยิ่งใหญ่ของพระองค์
27 พระเจ้าผู้ดำรงอยู่ตลอดกาลเป็นที่พึ่งพิงของท่าน
    แขนของพระองค์ค้ำท่านไว้เป็นนิตย์
และพระองค์ขับไล่ศัตรูไปจากท่าน
    และกล่าวว่า ‘กำจัดเสีย’
28 ดังนั้น อิสราเอลจึงอยู่อย่างปลอดภัย
    บรรดาผู้สืบเชื้อสายของยาโคบอยู่อย่างสันติ
ในแผ่นดินแห่งธัญพืชและเหล้าองุ่น
    ฟ้าสวรรค์ของพระองค์หยดน้ำค้างลงมา
29 โอ อิสราเอล ท่านช่างมีความสุขอะไรเช่นนี้
    ไม่มีใครเป็นอย่างท่าน
    ชนชาติที่รอดมาด้วยพระผู้เป็นเจ้า
องค์ผู้เป็นโล่ป้องกันท่าน
    และดาบแห่งชัยชนะของท่าน
เหล่าศัตรูของท่านจะแสร้งก้มหัวให้ท่าน
    และท่านจะเหยียบย่ำสถานบูชาบนภูเขาสูงของพวกเขา”

โมเสสสิ้นชีวิต

34 โมเสสก็ขึ้นไปจากที่ราบโมอับถึงภูเขาเนโบ ถึงยอดปิสกาห์ซึ่งอยู่ตรงข้ามเมืองเยรีโค และพระผู้เป็นเจ้าให้ท่านมองดูแผ่นดินทั้งหมด จากดินแดนกิเลอาดจนถึงดาน นัฟทาลีทั้งหมด แผ่นดินของเอฟราอิมและมนัสเสห์ แผ่นดินของยูดาห์จนถึงทะเลที่อยู่ทางทิศตะวันตก ในแถบเนเกบ และในหุบเขาคือหุบเขาแห่งเยรีโคเมืองแห่งต้นอินทผลัมจนถึงโศอาร์ และพระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับท่านว่า “นี่คือแผ่นดินที่เราปฏิญาณกับอับราฮัม อิสอัค และยาโคบว่า ‘เราจะมอบให้แก่บรรดาผู้สืบเชื้อสายของเจ้า’ เราให้เจ้าเห็นด้วยตาของเจ้าเองแล้ว แต่เจ้าจะไม่ได้ไปเหยียบที่นั่น” ครั้นแล้ว โมเสสผู้รับใช้ของพระผู้เป็นเจ้าก็สิ้นชีวิตลงที่นั่น ในแผ่นดินโมอับตามที่พระผู้เป็นเจ้ากล่าวไว้ พระองค์ฝังร่างโมเสสไว้ในหุบเขาในแผ่นดินโมอับ ซึ่งอยู่ตรงข้ามเบธเปโอร์ แต่ไม่มีผู้ใดทราบที่ฝังศพของท่านมาจนถึงทุกวันนี้ โมเสสสิ้นชีวิตเมื่อมีอายุได้ 120 ปี แม้แต่ตาของท่านก็ยังไม่มัว และร่างกายก็ยังแข็งแรงดีด้วย ชาวอิสราเอลร้องไห้ถึงโมเสสอยู่ที่ราบลุ่มของโมอับเป็นเวลา 30 วัน แล้ววันแห่งการร้องไห้และร้องคร่ำครวญถึงโมเสสก็สิ้นสุดลง

โยชูวาบุตรของนูนเปี่ยมด้วยสติปัญญาจากพระเจ้า เพราะโมเสสได้วางมือบนตัวท่าน ดังนั้นชาวอิสราเอลเชื่อฟังท่าน และปฏิบัติตามที่พระผู้เป็นเจ้าบัญชาโมเสสไว้ 10 ตั้งแต่นั้นมา ไม่เคยมีผู้ใดในอิสราเอลที่เป็นผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าอย่างเช่นโมเสสเลย พระผู้เป็นเจ้าได้กล่าวกับท่านต่อหน้า 11 ไม่เคยมีผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าคนใดที่แสดงปรากฏการณ์อัศจรรย์และสิ่งมหัศจรรย์ใดๆ เหมือนอย่างที่พระผู้เป็นเจ้าให้โมเสสกระทำในแผ่นดินอียิปต์ ต่อฟาโรห์ ข้าราชบริพารทั้งปวงและทั่วทั้งแผ่นดิน 12 และด้วยพลานุภาพอันยิ่งใหญ่ทั้งสิ้น และการกระทำอันพรั่นพรึงทั้งปวงเหมือนอย่างที่โมเสสกระทำต่อหน้าชาวอิสราเอล

New Thai Version (NTV-BIBLE)

Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation