Print Page Options
Previous Prev Day Next DayNext

Beginning

Read the Bible from start to finish, from Genesis to Revelation.
Duration: 365 days
New Thai Version (NTV-BIBLE)
Version
กันดารวิถี 16-17

การขัดขืนของโคราห์ ดาธาน และอาบีรัม

16 โคราห์บุตรอิสฮาร์ ผู้เป็นบุตรโคฮาท ผู้เป็นบุตรเลวี ดาธานและอะบีรามบุตรของเอลีอับ (โอนบุตรเปเลท) และบรรดาบุตรรูเบน ทุกคนต่างก็บุ่มบ่าม และพากันมาประท้วงโมเสส พวกเขามาพร้อมกับชาวอิสราเอล 250 คนซึ่งเป็นหัวหน้าของมวลชนที่คัดเลือกมาจากคณะประชุมและเป็นที่รู้จักดี พวกเขามาประชุมร่วมกันเพื่อประท้วงโมเสสและอาโรน โดยกล่าวกับท่านทั้งสองว่า “พวกท่านกระทำเกินเหตุแล้ว เพราะมวลชนทั้งปวงบริสุทธิ์ ไม่เว้นแม้คนเดียว และพระผู้เป็นเจ้าอยู่ท่ามกลางพวกเขา แล้วทำไมท่านยกตัวเองเหนือคณะประชุมของพระผู้เป็นเจ้า ครั้นโมเสสได้ยินก็ซบหน้าลงกับพื้น และท่านพูดกับโคราห์และพวกของเขาว่า “ตอนรุ่งเช้าพระผู้เป็นเจ้าจะแสดงว่าใครเป็นของพระองค์และใครบริสุทธิ์ และพระองค์จะให้คนนั้นเข้ามาใกล้พระองค์ พระองค์จะให้คนที่พระองค์เลือกเป็นผู้มาใกล้พระองค์[a] โคราห์และพรรคพวกจงกระทำอย่างนี้คือ จงเอากระถางไฟของตนมา ตักถ่านที่ลุกแดงใส่กระถางและวางเครื่องหอมไว้บนถ่าน ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้าในวันพรุ่งนี้ และชายใดที่พระผู้เป็นเจ้าเลือก ก็จะเป็นผู้บริสุทธิ์ บรรดาบุตรของเลวีเอ๋ย พวกท่านกระทำเกินเหตุไปเสียแล้ว” โมเสสพูดกับโคราห์ว่า “ขอให้บรรดาบุตรของเลวีฟังเถิด เป็นเรื่องเล็กน้อยสำหรับพวกท่านนักหรือ ที่พระเจ้าของอิสราเอลได้แยกท่านออกมาจากมวลชนชาวอิสราเอล เพื่อนำท่านมาอยู่ใกล้พระองค์และปฏิบัติงานในที่พำนักของพระผู้เป็นเจ้า เพื่อที่จะยืนอยู่ต่อหน้ามวลชน เพื่อช่วยเหลือรับใช้พวกเขา 10 พระองค์ได้นำท่านและพี่น้องชาวเลวีของท่านทุกคนมาใกล้พระองค์ แล้วท่านจะแสวงหาตำแหน่งปุโรหิตด้วยอย่างนั้นหรือ 11 ฉะนั้นที่ท่านและพวกของท่านมาชุมนุมกันก็เพื่อมาต่อว่าพระผู้เป็นเจ้า แล้วอาโรนเป็นอะไรเล่าที่ท่านจะบ่นพึมพำต่อว่าเขา”

12 ครั้นแล้วโมเสสให้ไปเรียกดาธานและอะบีรามบุตรเอลีอับมา แต่เขาทั้งสองกลับพูดว่า “พวกเราจะไม่ขึ้นไป 13 ถือเป็นเรื่องเล็กน้อยหรืออย่างไรที่ท่านพาพวกเราออกมาจากดินแดนอันอุดมด้วยน้ำนมและน้ำผึ้ง เพื่อจะฆ่าเราในถิ่นทุรกันดาร ท่านมาทำตนเป็นเจ้านายเหนือพวกเรา 14 ยิ่งกว่านั้นท่านก็ยังไม่ได้พาเราเข้าไปในดินแดนอันอุดมด้วยน้ำนมและน้ำผึ้ง และแม้แต่จะให้เราได้รับนาหรือสวนองุ่นเป็นมรดก ท่านจะยังนำชายเหล่านี้ให้หลงผิดต่อไปอีกหรือ พวกเราจะไม่ขึ้นไป” 15 โมเสสโกรธมาก ท่านพูดกับพระผู้เป็นเจ้าว่า “ขอพระองค์อย่ารับของถวายจากพวกเขาเลย ข้าพเจ้าไม่ได้เอาลาสักตัวจากพวกเขา และไม่ทำอันตรายแก่พวกเขาสักคน”

16 โมเสสพูดกับโคราห์ว่า “ท่านและพรรคพวกของท่านจงแสดงตน ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้าในวันพรุ่งนี้ คือทั้งตัวท่านเอง พรรคพวก และอาโรนด้วย 17 แต่ละคนควรนำกระถางไฟของตนไปพร้อมกับเครื่องหอม ทุกคนจงนำกระถางไฟของตนไป ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้า รวมจำนวน 250 กระถาง ตัวท่านเองและอาโรนด้วย แต่ละคนถือกระถางไฟของตนเอง” 18 ดังนั้นทุกคนจึงเอากระถางไฟของตนไป ตักถ่านที่ลุกแดงใส่กระถาง วางเครื่องหอมไว้บนถ่าน แล้วยืนที่ทางเข้ากระโจมที่นัดหมายพร้อมกับโมเสสและอาโรน 19 เมื่อโคราห์เรียกมวลชนมาประชุมกันเพื่อประท้วงท่านทั้งสองที่ทางเข้ากระโจมที่นัดหมาย พระบารมีของพระผู้เป็นเจ้าก็ปรากฏขึ้นแก่มวลชนทั้งปวง

20 และพระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับโมเสสและอาโรนว่า 21 “จงแยกตัวออกมาจากมวลชนเหล่านี้ เราจะได้เผาพวกเขาเสียภายในพริบตา” 22 ทั้งสองจึงซบหน้าลงกับพื้นและพูดว่า “โอ พระเจ้า พระเจ้าของวิญญาณมนุษย์ทั้งปวง ใยพระองค์จะกริ้วโกรธกับมวลชนทั้งปวงในเมื่อมีเพียงคนคนเดียวกระทำบาป” 23 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับโมเสสว่า 24 “จงบอกมวลชนว่าให้ออกไปจากบริเวณรอบๆ ที่พักของโคราห์ ดาธาน และอะบีราม”

25 โมเสสจึงลุกขึ้นไปหาดาธานและอะบีราม บรรดาหัวหน้าชั้นผู้ใหญ่ของอิสราเอลก็ตามท่านไป 26 และท่านพูดกับผู้คนทั้งปวงว่า “เราขอให้พวกท่านออกจากกระโจมของคนชั่วร้ายเหล่านี้ และอย่าแตะต้องสิ่งของที่เป็นของเขา มิฉะนั้นท่านจะถูกกำจัดไปพร้อมกับบาปทุกชนิดของพวกเขา” 27 ดังนั้นเขาทั้งหลายจึงออกไปจากบริเวณรอบๆ ที่พักของโคราห์ ดาธาน และอะบีราม แล้วดาธานกับอะบีรามก็ออกมายืนอยู่ที่ทางเข้ากระโจมกับบรรดาภรรยา บุตร และเด็กเล็กของเขา 28 แล้วโมเสสพูดว่า “ด้วยเหตุการณ์เช่นนี้พวกท่านจะรู้ว่าพระผู้เป็นเจ้าได้ส่งเรามาเพื่อปฏิบัติงาน และไม่ใช่ความคิดของเราเอง 29 ถ้าหากคนพวกนี้ตายเหมือนๆ กับที่คนทั่วๆ ไปตายและประสบกับสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นเหมือนคนทั่วไป ก็นับว่าพระผู้เป็นเจ้าไม่ได้ส่งเรามา 30 แต่ถ้าพระผู้เป็นเจ้าเป็นผู้ทำให้เรื่องที่เกิดขึ้นต่างไปจากนี้ แผ่นดินจะเปิดปากและกลืนพวกเขาเข้าไปพร้อมกับทุกสิ่งที่เป็นของเขา พวกเขาจะลงไปที่แดนคนตายทั้งเป็น และพวกท่านจะได้รู้ว่าคนเหล่านี้ได้ดูหมิ่นพระผู้เป็นเจ้า

31 เมื่อท่านพูดจบ พื้นดินเบื้องล่างก็แยกออก 32 และแผ่นดินได้ดูดกลืนเขาเหล่านั้นลงไปพร้อมกับครอบครัวและทุกคนที่เป็นของโคราห์อีกทั้งข้าวของทุกอย่างที่เป็นของเขาด้วย 33 ฉะนั้นเขาเหล่านั้นและทุกสิ่งที่เป็นของเขาถูกดูดลงไปในแดนคนตายทั้งเป็น แล้วแผ่นดินก็พลิกกลบพวกเขา เขาเหล่านั้นได้ตายไปในท่ามกลางมวลชน 34 แล้วชาวอิสราเอลทุกคนที่อยู่แถวนั้นได้ยินเสียงร้องของเขาเหล่านั้นก็พากันหนี พูดกันว่า “กลัวว่าแผ่นดินจะดูดกลืนพวกเราลงไปด้วย” 35 เปลวไฟพุ่งออกมาจากพระผู้เป็นเจ้าและไหม้ตัวชาย 250 คนที่กำลังมอบเครื่องหอมอยู่

36 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับโมเสสว่า 37 “จงบอกเอเลอาซาร์บุตรของอาโรนปุโรหิตให้เอากระถางไฟออกจากเพลิงไฟและโยนถ่านทิ้งไปให้ไกล เพราะกระถางไฟบริสุทธิ์ 38 ส่วนกระถางของชายเหล่านี้ที่กระทำบาป จนเป็นเหตุให้พวกเขาถึงแก่ความตาย เจ้าจงใช้ค้อนตีให้เป็นแผ่นเพื่อใช้คลุมแท่นบูชา เพราะถูกมอบ ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้าแล้วจึงนับว่าบริสุทธิ์ ฉะนั้นสิ่งเหล่านี้จะเป็นหมายสำคัญที่เตือนชาวอิสราเอล” 39 เอเลอาซาร์ปุโรหิตจึงรวบรวมกระถางไฟทองสัมฤทธิ์ของคนที่ถูกไฟเผาในการถวาย โดยให้คนใช้ค้อนตีกระถางเหล่านั้นให้เป็นแผ่นเพื่อใช้คลุมแท่นบูชา 40 เพื่อเตือนความจำสำหรับชาวอิสราเอลว่าไม่ควรมีผู้ใดเข้ามาใกล้และเผาเครื่องหอม ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้า ยกเว้นผู้สืบเชื้อสายของอาโรน มิฉะนั้นเขาจะเป็นเหมือนโคราห์และพวกของเขา ตามที่พระผู้เป็นเจ้าได้กล่าวแก่เอเลอาซาร์ผ่านโมเสส

41 วันรุ่งขึ้นมวลชนชาวอิสราเอลทั้งปวงพากันบ่นพึมพำต่อว่าโมเสสและอาโรนว่า “ท่านได้ฆ่าผู้คนของพระผู้เป็นเจ้า 42 ขณะที่มวลชนชุมนุมกันเพื่อประท้วงโมเสสและอาโรน และหันหน้าไปทางกระโจมที่นัดหมาย ดูเถิด มีก้อนเมฆปกคลุมและพระบารมีของพระผู้เป็นเจ้าได้ปรากฏขึ้น 43 โมเสสและอาโรนมายังด้านหน้ากระโจมที่นัดหมาย 44 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับโมเสสว่า 45 “จงออกไปให้ห่างจากมวลชนเหล่านี้ เราจะเผาผลาญพวกเขาภายในพริบตา” แล้วทั้งสองก็ซบหน้าลงกับพื้น 46 โมเสสพูดกับอาโรนว่า “หยิบกระถางไฟของพี่ไปด้วย และตักถ่านที่ลุกแดงจากแท่นบูชาใส่ในกระถาง วางเครื่องหอมไว้บนถ่าน และนำไปที่มวลชนโดยเร็ว จงทำพิธีชดใช้บาปให้พวกเขา เพราะยามนั้นความเกรี้ยวโกรธของพระผู้เป็นเจ้าระเบิดออกมาแล้ว ภัยพิบัติได้เริ่มขึ้นแล้ว” 47 อาโรนจึงหยิบกระถางไฟตามที่โมเสสบอกและวิ่งเข้าไปท่ามกลางที่ประชุม ดูเถิด ภัยพิบัติได้เริ่มเกิดขึ้นในหมู่ประชาชนแล้ว แต่ก็มีการถวายเครื่องหอมและทำพิธีชดใช้บาปให้แก่ประชาชน 48 ดังนั้นอาโรนจึงยืนอยู่ระหว่างคนเป็นและคนตาย และภัยพิบัติได้ถูกยับยั้งไว้ 49 กลุ่มผู้ที่เสียชีวิตด้วยภัยพิบัติมีถึง 14,700 คน ไม่นับรวมพวกที่ตายเพราะเรื่องของโคราห์ 50 แล้วอาโรนก็กลับไปหาโมเสสที่ทางเข้ากระโจมที่นัดหมาย และภัยพิบัติได้ถูกยับยั้งไว้

ไม้เท้าของอาโรนงอก

17 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับโมเสสว่า “จงพูดกับชาวอิสราเอลและนำไม้เท้า 12 อันจากพวกเขามา สำหรับบรรพบุรุษของแต่ละเผ่า จากหัวหน้าทุกคนตามตระกูลของเขา จงเขียนชื่อบนไม้เท้าของเขาแต่ละคน และเขียนชื่ออาโรนบนไม้เท้าของชาวเลวี เพราะจะมีไม้เท้าเดียวสำหรับผู้นำตามตระกูลของเขา และเจ้าจงเก็บไม้เท้าเหล่านั้นไว้ในกระโจมที่นัดหมาย ตรงหน้าหีบพันธสัญญาที่เราพบกับเจ้า ไม้เท้าของคนที่เราเลือกก็จะงอก เราจะทำให้ชาวอิสราเอลหยุดบ่นพึมพำต่อว่าเจ้า” แล้วโมเสสก็พูดกับชาวอิสราเอล หัวหน้าแต่ละคนจาก 12 เผ่าจึงมอบไม้เท้าแก่ท่าน เผ่าละ 1 อันจากหัวหน้าตระกูล ไม้เท้าของอาโรนก็รวมอยู่กับไม้เท้าของพวกเขา โมเสสได้เก็บไม้เท้าไว้ ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้าในกระโจมแห่งพันธสัญญา

วันรุ่งขึ้นโมเสสเข้าไปในกระโจมแห่งพันธสัญญา ดูเถิด ไม้เท้าของอาโรนที่เป็นของเผ่าเลวีงอกและผลิใบ อีกทั้งออกดอกด้วย และเกิดผลเป็นอัลมอนด์สุก แล้วโมเสสก็ได้นำไม้เท้าทั้งหมดออกจากเบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้ามาให้ชาวอิสราเอลทั้งปวง ทุกคนก็เห็นด้วยตาตนเอง แต่ละคนได้มาหยิบไม้เท้าของตนไป 10 และพระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับโมเสสว่า “จงวางไม้เท้าของอาโรนคืนที่เบื้องหน้าหีบพันธสัญญา เป็นหมายสำคัญเพื่อเก็บไว้เตือนใจพวกที่ขัดขืน เขาจะได้หยุดบ่นพึมพำต่อว่าเรา พวกเขาจะได้ไม่ตาย” 11 โมเสสกระทำตามนั้น ตามที่พระผู้เป็นเจ้าบัญชาท่าน

12 ชาวอิสราเอลพูดกับโมเสสว่า “ดูเถิด พวกเราจะตายแน่ เราต้องย่อยยับ เราต้องย่อยยับแน่ 13 ใครก็ตามที่เข้าใกล้ เข้าไปใกล้กระโจมที่พำนักของพระผู้เป็นเจ้าจะต้องตาย พวกเราทุกคนจะตายกันไหม”

New Thai Version (NTV-BIBLE)

Copyright © 1998, 2012, 2020 by New Thai Version Foundation